ลำดับตอนที่ #28
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Chapter 27 : Dream
Chapter 27 : Dream
ขึ้นชื่อว่าคู่รัก นอกจากความรักที่มีให้กันยังมีองค์ประกอบอื่นอีกมากมายที่ทำให้ครองคู่กันไปได้ยาวนานแต่สำหรับเจสสิก้า
และคนที่พึ่งได้รับการยัดเยียดตำแหน่งแฟนเก่าให้อย่างไม่เต็มใจและไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างจุงกิ..
อาจจะอ้างอิงหลักเกณฑ์นั้นไม่ได้เลยถึงแม้จะคบกันมาหลายปีก็ตามนั่นก็เพราะ....
ความรักที่ว่าดีนั้นยิ่งนานวันยิ่งจืดจาง จะเพราะระยะทางที่ห่างกันซีกโลกหรือระยะเวลาที่ต่างกันเกินไปจนทำให้ไม่ค่อยได้
พูดคุยหรือได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควรจะได้รับจนอีกฝ่ายเผลอปล่อยใจให้กับคนที่คอยอยู่ใกล้(แนบ)ชิด
คอยเอาอกเอาใจใส่ใจดูแลเสียยิ่งกว่าเจ้าหญิง เพราะฉะนั้นทฤษฎีรักแท้แพ้ใกล้ชิดก็ยังคงใช้ได้ดีกับเจสสิก้า จอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอคิดว่าเธอรักจุงกิ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกชอบ...ชอบในความเพอร์เฟ็ค
ไม่ว่าจะหน้าตาฐานะความรู้นิสัยใจคอเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะดูแลเธอได้....จนกระทั่งเมื่อเจอยุนอา...เธอถึงได้รู้...
ว่าจริงๆแล้วความรักคืออะไร...
"สิก้า" จุงกิโบกมือขึ้นเมื่อเห็นเจสสิก้าที่กำลังมองหาตนตอนเดินเข้ามาในร้าน
"มีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะจุงกิ" ทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้เจสสิก้าก็รีบเอ่ยถามถึงธุระที่ดูจะหนักหนาถึงกับต้องนัดเธอออกมา
ถึงที่นี่ ใบหน้าที่แสนเย็นชาสายตาที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับจุงกิแม้แต่น้อย ฝ่ายชายทำได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้
เหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแสนไร้เยื่อใยของคนตรงหน้าแต่ภายในอกนั้นมันร้าวรานจนแทบทนไม่ไหว
"ขับรถมาไกลสิก้าคงจะหิวแล้วทานอะไรก่อนนะครับแล้วค่อยคุยกัน" จุงกิหยิบเมนูยื่นให้และพยายามส่งสายตาหวานให้แต่
เจสสิก้าก็ไม่สนใจที่จะสบตาด้วยแม้แต่น้อยในใจมีแต่ความปั่นป่วนอยากจะรีบคุยรีบกลับให้เร็วที่สุดเพราะเธอดันใจอ่อน
แอบมาหาจุงกิโดยที่ไม่ได้บอกยุนอาน่ะสิ
"ไม่ใช่เพราะคุณนัดมาที่ไกลๆแบบนี้เหรอคะฉันถึงต้องขับรถมาเหนื่อย" จุงกิยิ้มรับก่อนจะหันไปสั่งอาหารแทนเจสสิก้า
ทั้งหมดแล้วจึงหันกลับมาพูดกับเค้า
"ก็ผมจะไปรับคุณก็ไม่ยอมนี่ครับ"
“ฉันไม่อยากให้แฟนเข้าใจผิด บอกแล้วว่าเจอที่ร้านกาแฟที่เคยไปก็ได้” รอยยิ้มจุงกิจืดจางลงเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจาก
ปากคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนตัวเองเหมือนกันแต่ก็ยังคงพยายามจะยิ้ม ในใจตอนนี้ยิ่งกว่าโดนเข็มทิ่มแทงไม่ยั้ง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแพลนแต่งงานที่เค้าวางไว้หมาดๆได้พังมลายลงในพริบตาไปแล้วยังต้องมาได้ยินว่าที่เจ้าสาวของ
ตัวเองพูดจาตัดรอนและแคร์คนอื่นที่ไม่ใช่เค้าอีก....
“สิก้าจำร้านนี้ได้หรือเปล่าครับ” จุงกิพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่องอื่นทำให้เจสสิก้าเริ่มหงุดหงิดเธอรู้สึกเหมือนอีกฝ่าย
ดึงเวลาไปเรื่อย
“ก็แค่ร้านแถวโรงเรียนที่เราเคยเรียนนี่คะ” ใช่เธอจำได้ว่าร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมปลายของเธอมากนัก ฝ่ายชาย
ยิ้มบางๆดูแฝงไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง
“ที่นี่เป็นร้านดัลคาบี้ที่คุณชอบกินมากๆไงครับ นี่เป็นร้านแรกที่เรามาเดทกันหลังเลิกเรียน” เจสสิก้าได้ฟังก็อึ้งไปเล็กน้อย
พอจุงกิบอกแบบนั้น...ก็เหมือนว่าภาพความทรงจำตอนนั้นจะฉายให้เธอจดจำขึ้นมาได้
เค้ายังจำได้อีกเหรอ นี่ฉันลืมไปแล้วนะเนี่ยให้ตายเถอะจุงกิ....คุณจะทำให้ฉันรู้สึกผิดที่ทำกับคุณแบบนี้งั้นเหรอ...ไม่สิไม่
จุงกิน่ะ....ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฉันรู้สึกผิดหรอกเค้าก็เป็นเค้าอย่างนี้มาตลอดต่างหาก....เฮ้อ...อึดอัดจริงๆ
ตอนนี้ยุนอาจะทำอะไรอยู่นะหวังว่าคงจะอยู่หอเฉยๆรอฉันนะ...
“คุณรีบพูดธุระของคุณมาได้แล้วค่ะ ฉันมีเวลาไม่มาก ฉันนัดแฟนไว้!” เจสสิก้าขึ้นเสียงหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างที่ไม่เคย
ทำให้จุงกิเห็นมาก่อนทำให้ฝ่ายชายนั่งนิ่งถึงกับไปไม่เป็น...เมื่อก่อนตอนที่คบกันก่อนที่เค้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา
เวลาเจสสิก้าโกรธหรืองอนก็จะเอาแต่เงียบนิ่งไม่เคย...ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำสีหน้าและน้ำเสียงแบบนั้นใส่เลยจริงๆ
“ผมแปลกใจมากนะครับที่เห็นคุณขึ้นเสียงใส่ผม นี่เป็นอีกด้านที่ผมไม่เคยเห็นงั้นเหรอครับ” แววตาที่มองเจสสิก้าเต็มไป
ด้วยประโยคคำถามว่าตัวเค้าไม่เคยได้สัมผัสตัวตนของเจสสิก้าจริงๆเหรอ
“ถ้าคุณต้องการเจอฉันเพราะเรื่องนี้ก็พอเถอะค่ะ” เจสสิก้าหยิบกระเป๋าแล้วลุกจากที่นั่งแต่จุงกิกลับคว้าข้อมือไว้อย่าง
รวดเร็ว
“อยู่ทานมื้อนี้กับผมก่อนนะครับ ขอให้ผมได้ทานอาหารกับคุณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปเรียนต่อ...ที่นี่...ร้านนี้....
ร้านแรกแห่งความทรงจำของเรานะครับ..” เจสสิก้ามองชายหนุ่มที่กำลังวิงวอนเธอด้วยนัยน์ตาแดงๆเหมือนกำลังจะร้องไห้
เจสสิก้าถอนหายใจเบาๆสลัดมือให้หลุดจากจุงกิแล้วหันกลับไป.....นั่งลงที่เดิม
“ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้คุณตัดใจจากคนเลวๆอย่างฉัน ขอให้คุณเจอคนที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าฉัน....แล้วก็..
ที่ผ่านมา..ขอบคุณมากที่รักและดูแลฉันเป็นอย่างดี....ฉันซึ้งใจมาก...ฉันพูดจากใจจริงนะคะจุงกิ...” เจสสิก้าพูดด้วย
ใบหน้านิ่งสายตามองหน้าชายหนุ่มแค่ตอนเธอพูดเท่านั้นหลังจากพูดจบก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น
ระหว่างรออาหารมา
ไม่รู้ว่าเธอทำถูกไหมที่ยอมทานอาหารกับเค้าเป็นครั้งสุดท้ายที่นี่....ที่จริงถ้าเธอจำได้แต่แรกคงจะไม่ยอมมา...
เพราะอย่างน้อย....ก็อยากให้เหลือความทรงจำที่สวยงามเอาไว้ให้จุงกิ...แทนที่เค้านึกถึงร้านนี้ก็จะนึกได้แต่เวลาที่มี
ความสุขเมื่อตอนเดทกันครั้งแรกแต่....หลังจากวันนี้ไป...ร้านนี้คงเป็นร้านที่ทำให้เค้าคิดถึงเมื่อไหร่..
คงมีแต่ความเจ็บปวด.....
“อิยุนโว้ย!” ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนหัวไหล่ดังป๊าบใหญ่จนยุนอาสะดุ้งหันไปมองตาขวางใส่แทยอน
“อิแท! อะไรของแก” ยุนอาลูบบริเวณที่โดนตีสีหน้าบูดบึ้งคละเคล้าความสงสัยกับการกระทำของเพื่อน
“จะตั้งรกรากอยู่นี่เหรอไงลุกได้แล้ว” ยุนอามองแทยอนก่อนสายตาจะเลื่อนไปดูพี่ฟานี่ที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนตัวเองกำลังเก็บ
เงินทอนที่พึ่งได้รับมา ยุนอาถอนหายใจเล็กน้อยค่อยๆลุกจากที่นั่งแล้วเดินตามแทยอนกับพี่ฟานี่ออกจากร้านอาหาร
แถวๆหอ
วันนี้ทิฟฟานี่มาหาแทยอนที่หอหลังจากที่เข้าไปจัดการงานที่บริษัทตัวเองเสร็จแล้วเลยพากันออกมาหาข้าวกลางวันกิน
และยังคงความใจดีชักชวนยุนอาออกมาด้วยแถมเลี้ยงเค้าอีกเหมือนเดิม คนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มตอนนี้เอาแต่ยกมือถือที่ไร้
วี่แววการติดต่อทั้งจากข้อความหรือสายโทรเข้าของแฟนสาวขึ้นมาดู ทั้งๆที่เจสสิก้าบอกไว้แล้วว่าจะไปธุระกับแม่แต่เวลา
เค้าขาดการติดต่อไปนานๆ หัวใจที่ยังมีรอยแผลก็นึกระแวง...
กลัวว่า...เจสสิก้าจะหายไปอีก
“ฟานี่แวะมินิมาร์ทแป๊บนึงนะแทอยากซื้อของกินเล่น”เพื่อนตัวเล็กของยุนอาพูดเสียงดังขึ้นมาให้เธอหลุดจากความฟุ้งซ่าน
ของตัวเอง เธอรีบเดินตามแทยอนกับทิฟฟานี่เข้าไปมินิมาร์ทได้แต่ทอดสายตามองไปตามชั้นวางแต่ละชั้นผ่านๆเหมือน
ไม่คิดอยากจะซื้ออะไรเป็นพิเศษ
“ยุนอาอยากกินขนมอะไรหยิบมาวางรวมกันเลยนะจะได้จ่ายทีเดียวเลย” ทิฟฟานี่ที่คอยดูแทยอนหยิบโน่นนี่หันมาหายุนอา
ที่เงียบมาได้สักพักแล้ว
“ให้แทมันเลือกเลยพี่ ยุนกินอะไรก็ได้ปกติก็แบ่งๆกันตลอด”
“ตัวเล็ก หยิบเผื่อยุนด้วยล่ะ” ทิฟฟานี่หันไปบอกกับแทยอนที่ยังเดินวนเลือกขนมอื่นๆอยู่ เจ้าตัวจึงส่งเสียงตอบกลับมา
เหมือนไม่พอใจน้อยๆที่ทิฟฟานี่บอกให้หยิบเผื่อเพื่อนเธอด้วยอย่างกับเด็กขี้อิจฉา เสียงทะเลาะกันอย่างไม่จริงจังมาก
เท่าไหร่ของแทยอนกับทิฟฟานี่ทำให้ยุนอาอมยิ้มออกมา
อิแทเนี่ยนะ เวลาอยู่กับพี่ฟานี่อย่างกับเด็กสองขวบ สิ้นฤทธิ์หมดท่าสู้พี่เค้าไม่เคยได้สักที
เสียงมือถือในมือดังขึ้นเมื่อมีสายโทรเข้ามาเมื่อยุนอามองเห็นเป็นชื่อแฟนสาวของตัวเองก็รีบรับสายแล้วเดินออกมานอก
ร้านมินิมาร์ทเพื่อคุยอย่างส่วนตัว
“สิก้าเสร็จธุระแล้วเหรอคะ”
“ยุนอยู่ไหน!”
“เอ๊ะ?”
“สิก้าถามว่ายุนอยู่ที่ไหน!”
“ยุนอยู่มินิมาร์ทใกล้..สิก้า!” ยุนอาพูดยังไม่ทันจบสายตาก็หันไปเห็นเจสสิก้าเดินออกมาจากซอยเข้าหอเธอด้วยท่าทาง
หัวฟัดหัวเหวี่ยงจึงเรียกไว้ เมื่อเจสสิก้าได้ยินเสียงเรียกจึงรีบหันมาดูพอเห็นว่าเป็นยุนอาก็กดวางสายไปแล้วเดินตรงเข้าไป
หาอย่างรวดเร็ว
“ออกมาข้างนอกทำไมไม่บอกสิก้าก่อน ไปหาที่ห้องไม่เห็นมีคนเปิดนึกว่าหนีไปไหนอีก”
“ยุนแค่ออกมากินข้าวเองคิดมากอะไรน่ะสิก้า” ยุนอายิ้มกว้างสงสัยว่าการที่เธอเปลี่ยนมือถือเปลี่ยนเบอร์ย้ายหอในตอนนั้น
ทำให้เจสิก้าห่วงว่าเธอจะหายไปดื้อๆอีกสินะไม่ใช่เธอคนเดียวที่กลัวอีกฝ่ายหายไป...แต่เค้าก็เช่นกัน....นี่น่ะสินะ..
ที่เรียกว่าความรัก...
“ก็บอกก่อนสิ! สิก้ารีบกลับมากะว่าจะไปเซอร์ไพรซ์ที่ห้องเคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีคนตอบ คนบ้านี่!” เจสสิก้าเหวี่ยงกระเป๋าถือ
ฟาดใส่แขนยุนอาไม่แรงมากนักพอให้แฟนรู้ว่าตอนนี้กำลังงอนอยู่ ยุนอามองดูใบหน้างองุ้มของแฟนก็อดหุบยิ้มไม่ได้จนต้อง
คว้าตัวเจสสิก้าเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู
“โอ๋ๆขอโทษนะคะ รีบกลับมาหายุนมากขนาดนั้นเลยเหรอดูสิผมกระเซิงไปหมดเลย” ยุนอาลูบจัดผมแฟนให้อย่างอ่อนโยน
คนในอ้อมกอดก็ยังบ่นงุ้งงิ้งๆไม่ยอมหยุด
“เฮ้อ ร้อนจัง” เสียงกวนๆดังขึ้นยุนอาหันไปเห็นแทยอนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับทำมือพัดไปมาเหมือนอากาศมันร้อนเพราะ
คู่รักสักคู่แถวๆนั้นแล้วก็เดินผ่านพวกเค้าไปเฉยๆเท่านั้นยังไม่พอทิฟฟานี่ที่เดินตามหลังเพื่อนตัวเล็กมาทำเป็นยิ้มและส่ง
สายตาล้อเลียนมาให้แล้วเดินผ่านหน้าไปอีกคน
ไม่คิดว่าที่เคยได้ยินใครๆเค้าพูดกันว่าคนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนิสัยการกระทำก็จะคล้ายกันมากขึ้นนั้นจะเป็นความจริง แต่วันนี้
เธอคงต้องเชื่อแล้วล่ะก็ดูสองคนนั้นสิ เดี๋ยวนี้พี่ฟานี่ติดนิสัยกวนตีนของอิแทแล้วเหรอไงเนี่ยฮึ่ย
ยุนอามองตามด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะชักชวนแฟนตัวเองกลับไปที่หอเธอบ้าง เมื่อกลับมาถึงห้องก็เห็นแทยอนนั่งกินขนม
มันฝรั่งทอดอยู่บนเตียงแต่สายตามันกลับจ้องเขม็งไปที่พี่ฟานี่ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง
“พี่ซีวอนโทรมาเหรอ” ยุนอาย่องเข้าไปกระซิบใกล้จนแทยอนหันมาถมึงตาใส่
“ปาก!”แค่คำพูดสั้นๆไม่พอถึงกับส่งเท้าไปยันยุนอาจนแทบกระเด็น คนร่างสูงที่โดนเพื่อนตัวเล็กทำร้ายร่างกายเดินไป
ออดอ้อนกอดแฟนให้เค้าปลอบขวัญราวเจ็บปวดหนักหนาทำให้แทยอนที่มองตามเกิดความหมั่นไส้ไม่น้อย
“อ้าวยุน นึกว่าจะออกไปข้างนอกกับเจสสิก้าซะอีก” ทิฟฟานี่ที่พึ่งคุยสายจบหันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องเห็นยุนอากำลัง
นอนอ้อนแฟนอยู่
“วันนี้พวกฉันยังไม่มีแพลนจะไปไหนเลยพี่ทิฟฟานี่” ทิฟฟานี่แปลกใจกับสรรพนามการเรียกของเจสสิก้า
“ยุนเล่าเรื่องฉันให้ฟังแล้วเหรอ?” เจสสิก้าพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ ทิฟฟานี่เพียงแค่ยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างแทยอนที่ทำ
เป็นเมินกินขนมถุงในมือไม่หยุด
“ตัวเล็ก”
“อะไรล่ะ”
“ฟานี่ต้องไปข้างนอกก่อนนะ คืนนี้มารับฟานี่ด้วย”
“จะไปไหน”
“ธุระ ถ้าเสร็จธุระก่อนค่ำจะโทรมาหานะจะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” ทิฟฟานี่หันไปจุ๊บปากทีนึงแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าถือ
ตัวเองออกไปจากห้อง ยุนอากับเจสสิก้ามองตากันแล้วหันมามองหน้าแทยอน
“แท พี่ฟานี่ออกไปหาพี่ซีวอนเหรอ”
“ยังไม่หยุดนะแกเนี่ย ไม่รู้ใครโทรมาแต่คงไม่ใช่หมอนั่นหรอก”
“อ้าว แล้วแกจะไปไหนล่ะนั่น” ยุนอาเห็นแทยอนเดินไปหยิบกระเป๋าเงินมือถือกับเสื้อแจ๊กเกตฮู๊ดขึ้นมาแล้วเดินไปทาง
ประตูห้อง
“ไม่อยากอยู่ดูหนังสดเว้ย” แทยอนบอกแค่นั้นแล้วออกไปพร้อมเสียงปิดประตูดังลั่น ยุนอาส่ายหัวน้อยๆดูจากสีหน้า
อาการแล้วแทยอนไม่ได้ออกไปข้างนอกตามสาเหตุที่เค้าพูดมาแน่ๆ
“ยุนไปห้องสิก้าไหมแล้วบอกให้แทยอนกลับมา สิก้ารู้สึกไม่ดีที่ทำให้แทยอนต้องไปอยู่ข้างนอกแทนหน่ะ”
“อย่าไปสนมันเลยสิก้า เชื่อเถอะที่มันออกไปน่ะ...เพราะพี่ฟานี่ต่างหาก” เจสสิก้าฟังยุนอาพูดด้วยความสงสัยแต่ยุนอาก็
บอกไม่ให้คิดมาก แต่แววตาเจสสิก้ายังคงดูมีเรื่องอะไรอยู่ในใจจนยุนอาสงสัย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ไม่เชื่อที่ยุนพูดเหรอ” เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาและรอยยิ้มแสนอบอุ่นของยุนอาทำให้
หัวใจเกิดเจ็บแปร๊บขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดขึ้นมาชั่ววูบ เจสสิก้ากอดร่างยุนอาแน่นแทนคำตอบให้กับแฟนเธอ ในใจยังคงมี
แต่ความไม่สบายใจในเรื่องที่ตัวเองพึ่งทำมา...การที่ไปเจอกับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่าโดยที่แฟนใหม่ไม่รู้....เธอ..
ควรจะเล่าเรื่องที่ไปเจอจุงกิมาหรือเปล่า...แต่ว่า...หลังจากนี้จุงกิคงจะตัดใจจากเธอได้จริงๆและคงไม่ตามมาวอแวหรือ
วุ่นวายกับเธออีกแล้วล่ะ...บางเรื่อง...
การไม่พูดอาจจะดีกว่า....
เจสสิก้าเลือกที่จะปกปิดเรื่องที่ไปเจอกับแฟนเก่ามา ถ้าเธอไม่พูดก็จะไม่มีใครรู้ เรื่องราวระหว่างเธอกับยุนอากำลังเป็นไป
ด้วยดี...เธอจะรักษาความสัมพันธ์กับยุนอาเอาไว้ให้ดีที่สุด.....
ความลับระหว่างคู่รัก..หลายๆครั้งที่ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้เพราะการเลือกสิ่งที่ควรบอกหรือไม่ควรบอกต่อกัน..
แต่บางครั้งสิ่งที่ไม่ควรปกปิดก็มี...
เพราะมันอาจจะนำปัญหามาให้ในภายหลังยังไงล่ะ...
“นัดใครไว้วะ หรือนัดกับอิเสี่ยนั่นจริงๆแต่ไม่ยอมบอกกัน”แทยอนบ่นพึมพำกับตัวเองขณะแอบดูทิฟฟานี่อยู่ห่างๆในจุดที่เธอ
คิดว่าอีกคนมองไม่เห็นเธอแน่ๆ มีธุระอะไรถึงได้มานัดเจอกันที่ห้างแบบนี้
แทยอนแอบดูอยู่สักพักก็เห็นผู้หญิงผมสั้นใส่แว่นตาทรงกลมคนหนึ่งเดินเข้าไปทักทิฟฟานี่ ดูท่าแล้วคงจะเป็นคนที่นัดกับ
ทิฟฟานี่ไว้จริงๆพวกเค้ายืนคุยกันอยู่ไม่นานก็พากันเดินไปที่อื่นจนเจ้าตัวเล็กรีบสะกดรอยตามไปติดๆจนเห็นทั้งคู่ขึ้นมาถึง
ชั้นโรงหนังทำให้แทยอนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ธุระ? ธุระคือการมาดูหนังกับไอ้แว่นหัวเห็ดเนี่ยนะ นี่อย่าบอกนะว่ามีคนมาจีบฟานี่
แทยอนรีบเดินจ้ำเท้าแทรกเข้าไปในกลุ่มคนจนตามหลังพวกทิฟฟานี่ทันและเริ่มไม่ชอบใจมากขึ้น
เมื่อเดินตามหลังพวกเค้าใกล้ๆแล้วเห็นสีหน้าที่ดูมีความสุขตอนพูดคุยกันของทั้งสองคนทำให้หน้ามืดตามัวไปหมด
พลั่ก!
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ” ผู้หญิงผมสั้นที่มากับทิฟฟานี่ชนกับใครบางคนเข้าก็รีบหันไปขอโทษก่อนแต่อีกฝ่ายท่าทางคงจะไม่รับ
คำขอโทษแน่ๆ และอีกอย่างทางเค้าเป็นคนตั้งใจเข้ามาชนเองด้วยซ้ำ
“แกเป็นใคร” แววตาที่ดูไม่เป็นมิตรบวกกับน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจจากแทยอนทำให้เค้าสงสัยว่ากำลังเจอพวก
อันธพาลอะไรหรือเปล่าก็ขอโทษไปแล้วนี่นายังจะเอาอะไรอีก ส่วนทิฟฟานี่นั้นพอเห็นว่าเป็นแทยอนก็ต้องถอนหายใจ
ออกมา
“ตัวเล็ก แอบตามฟานี่มาเหรอ”
“อะไร!ใครตาม...ก็แค่ออกมาเที่ยว ไม่อยากอยู่ห้องเป็นกขคเพื่อน” แทยอนลอยหน้าลอยตาปฏิเสธเสียงแข็งใส่คนตรงหน้า
อย่างไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
“พี่ฟานี่ นี่เด็กที่บริษัทพี่เหรอ”
“ฉันไม่ใช่เด็กที่บริษัทเค้ายัยแว่นหัวเห็ด!” ทิฟฟานี่กลับมองแทยอนที่เริ่มแผลงฤทธิ์ด้วยรอยยิ้มไม่มีทีท่าจะโกรธอะไร
สักนิด
“ไปซื้อตั๋วก่อนเถอะเดี๋ยวฟานี่คุยกับเค้าเอง” หญิงสาวบอกกับคนที่มาด้วยกันพร้อมกับส่งเงินให้ พอแทยอนเห็นทิฟฟานี่ให้
เงินผู้หญิงคนนั้นไปก็ยิ่งควันออกหูขึ้นไปอีกทำท่าจะเดินตามเค้าไปแต่ทิฟฟานี่ดึงมือแทยอนเอาไว้
“จะไปไหนคะ คนที่ตัวเล็กมีธุระด้วยน่าจะเป็นฟานี่มากกว่านะไม่ใช่เค้า”
“ยัยหัวเห็ดนั่นใคร”
“คนรู้จัก”
“คนรู้จัก??? มาดูหนังกับคนรู้จักนี่เรียกว่าธุระเหรอฟานี่”
“เรื่องมันยาวน่ะตัวเล็กกลับไปรอที่ห้องก่อนนะเดี๋ยวดูหนังเสร็จแล้วจะรีบไปหา”
“ฟานี่!”
“เอาเป็นว่าฟานี่ติดเลี้ยงหนังเค้าเพราะเค้าช่วยงานฟานี่ ถ้าตัวเล็กอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ต้องรอนะ ถ้าไม่ดูกับเค้า
วันนี้วันอื่นก็ต้องมาเจอเค้าอีกอยู่ดี”
“ก็จ่ายค่าหนังให้มันไปแล้วหนิ ตอนนี้ก็กลับได้แล้วสิ”
“ไม่ได้ค่ะต้องอยู่ดูหนังกับเค้าก่อนจะทิ้งเค้าไว้คนเดียวได้ยังไงคะน่าเกลียดนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่าไม่มีอะไรหรอกตัวเล็ก”
ทิฟฟานี่ใช้ปลายนิ้วชี้กดที่ปลายจมูกแทยอนเล่นเบาๆ
“พี่ฟานี่...ได้ตั๋วแล้วค่ะ” ผู้หญิงหัวเห็ดที่แทยอนว่าเดินกลับมาพร้อมกับชูตั๋วหนังในมือและยิ้มให้ด้วยความสดใส
ทิฟฟานี่หันไปยิ้มให้ก่อนจะหันมาหาแทยอนอีกครั้ง
“เป็นเด็กดีนะแทแท” มือเรียวจับปลายคางเด็กน้อยของเธอเชิดขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าไปประทับจูบคนใจร้อนอย่างรวดเร็ว
แล้วผละตัวออกมา การกระทำของทิฟฟานี่ไม่ใช่แค่แทยอนที่ตกใจแต่คนที่จะไปดูหนังกับทิฟฟานี่ก็มองด้วยสีหน้า
ช็อคด้วยเช่นกัน
“พี่ฟานี่ ทำไม...จะ จูบ เด็กคนนี้” ทิฟฟานี่หันมายิ้มหวานให้คนถามก่อนจะตอบ
“ขอโทษนะที่คนของพี่ทำกริยาไม่ดีใส่ เราไปดูหนังกันเถอะ”ทิฟฟานี่ดันหลังคนที่นัดเธอมาให้เดินไปด้านในโดยไม่ลืมหัน
กลับมาโบกมือลาแทยอนที่ยังยืนตะลึงอยู่กับที่เพราะโดนฉวยโอกาสในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ ส่วนคนที่เดิน
ไปกับทิฟฟานี่ยังช็อคกับภาพที่เห็นไม่หาย เธอพยายามตามจีบทิฟฟานี่มาได้สักพักแล้วโดยใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้างในการ
เข้าหาพยามยามช่วยงานต่างๆนาๆจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจึงขอรางวัลด้วยการมาเดทด้วยจนได้แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
ตบท้ายด้วยคำที่บอกสถานะว่าอีกคนนั้นเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียวของทิฟฟานี่ทำเอาเธอถึงกับสมองว่างเปล่าเหมือนคน
ไร้วิญญาณไปทันที...เมื่อแทยอนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ได้สติแล้วหันไปมองรอบๆก็เห็นคนมองมาทางเธอไม่น้อยจนต้องรีบเดิน
ออกจากโซนนั้นไปอย่างรวดเร็ว
คนตัวเล็กเดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นได้พักใหญ่ก็ตัดสินใจจะกลับห้อง เธอจึงโทรกลับไปหายุนอาและทางเพื่อนก็บอกให้กลับมา
ได้เลยไม่มีปัญหาแม้ว่าเจสสิก้าจะยังอยู่ที่ห้องด้วยก็ตาม เมื่อคิมแทยอนกลับมาถึงห้องก็เดินเลยไปนั่งหน้าจอทีวีเปิดเกมส์
เล่นคนเดียวเงียบๆปล่อยให้สองคนที่อยู่ในห้องเกิดความสงสัยไม่น้อย บรรยากาศที่น่าอึดอัดแผ่กระจายรอบตัวแทยอนทำ
ให้ยุนอาเริ่มทนไม่ไหว
“แท พี่ฟานี่ล่ะ”
“ไม่รู้” แทยอนตอบเสียงนิ่งเหมือนไม่มีอะไรแต่ยุนอาดูก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเพื่อนเธอเลย
“แกไม่ได้ตามพี่ฟานี่ไปหรือไง” ยุนอาพยายามถามให้โดนจุดเผื่อจอมปากแข็งจะยอมพูดอะไรออกมาบ้างแต่ก็ไม่มีเสียง
ตอบกลับจากแทยอนจนต้องยอมแพ้ แทยอนยังคงใช้เวลาอยู่กับเกมส์คนเดียวปล่อยให้ยุนอากับเจสสิก้านั่งสวีทกันอยู่บน
เตียงสองคนเหมือนอยู่กันคนละโลก ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ยุนอาและเจสสิก้าหันไปทางประตูพร้อมๆกันผิดกับแทยอนที่ยังไม่ทีท่าจะสนใจรอบข้างแม้จะแอบสะดุดกับเสียงเคาะประตู
ไปบ้าง
“ไอ้แท เมียมาแล้วมั้งนั่นไปเปิดประตูสิ” แทยอนยังคงนั่งนิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้จนยุนอาที่เรียกซ้ำถึงสามรอบหงุดหงิดจนลุกจาก
เตียงลงมาถีบหลังเพื่อนเต็มแรงแล้วเดินไปประตูซะเอง ยุนอากระซิบฟ้องกับทิฟฟานี่เบาๆว่าตั้งแต่แทยอนกลับมา
ไม่พูดไม่จาอะไรเลยแต่ยังไม่ทันที่ทิฟฟานี่จะเดินเข้าไปหาแทยอนเจ้าตัวก็วางจอยส์เกมแล้วเดินขึ้นไปมุดผ้าห่ม
คลุมโปงซะอย่างนั้นทำให้เจสสิก้ายุนอาและทิฟฟานี่มองเป็นตาเดียว
“พี่จัดการเอง” ทิฟฟานี่ตบบ่ายุนอาเบาๆแล้วเดินไปนั่งลงที่เตียง ตั้งแต่ที่บอกว่าชอบให้หวงเจ้าตัวเล็กของเธอก็ขยันหึง
ขยันหวงเธอซะจริงๆ
“ตัวเล็กฟานี่หิวแล้วนะออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” มือเรียวเอื้อมไปลูบช่วงไหล่ของแทยอนแม้ยังไม่เปิดผ้าห่มออกมาคุย
ด้วยดีๆก็เถอะ
“...........................”
“เอ.....ท่าทางคนแถวนี้ไม่อยากไปกินข้าวกับฟานี่ งั้นโทรเรียกคนอื่นไปแทนก็ได้” ทิฟฟานี่แกล้งละมือจากไหล่แทยอน
มาหยิบมือถือในกระเป๋า
“จะไปกับใครอีกล่ะ” เจ้าคนตัวเล็กรีบตวัดผ้าห่มออกลุกขึ้นมานั่งทำหน้างอขึ้นเสียงใส่ คนโตกว่าเพียงสบตาด้วยแล้ว
ยิ้มหวานให้ดังเช่นปกติ
“ไปกับตัวเล็กไงคะ” มือเรียวจับปลายคางแทยอนส่ายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว ก็บอกไปคร่าวๆแล้วยังจะงอนซะอีกเด็ก
คนนี้ ยุนอากับเจสสิก้าที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆพากันแอบยิ้มกับการกระทำของพี่ทิฟฟานี่
“ไอ้เห็ดนั่นตกลงเจอที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง แล้วทำไมต้องเลี้ยงหนังมันด้วย...มันมาจีบสินะ ทำงานที่ผับหรือไง
ทำไมแทไม่เคยเห็น” คำถามถูกยิงออกจากปากคนตัวเล็กไม่ยั้งจนทิฟฟานี่นึกขำอยู่ในใจ
“เค้าเป็นคนช่วยหาที่เที่ยวใหม่ๆในเกาหลีมาเสนอให้แถมจัดการจองห้องพักและติดต่อคนนำเที่ยวเตรียมไว้ให้ฟานี่ไป
คุยงานด้วย ฟานี่ก็เลยต้องเลี้ยงหนังตามที่เค้าเคยขอไว้น่ะ” แทยอนฟังแล้วยังข้องใจไม่หายมันดูไม่เคลียร์ยังไงชอบกล
“มันมาจีบฟานี่ใช่ไหม ไม่งั้นจะขอให้ไปดูหนังด้วยทำไม”
“ค่ะ” ทิฟฟานี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงหวานแถมส่งยิ้มจนตาปิดราวกับภาคภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง
“ย่าห์!” พอแทยอนทำท่าจะโมโหขึ้นมาอีกครั้งทิฟฟานี่ก็ทำเสียงจุ๊ปากแล้วลูบหัวแทยอนเบาๆ
“ที่ฟานี่ทำกับแทที่หน้าโรงหนังขนาดนั้นยังจะห่วงเรื่องเค้ามาจีบฟานี่อีกเหรอ หืม?” ทิฟฟานี่ทบทวนความจำที่เกิดขึ้น
กลางห้างให้แทยอนต้องกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
“เอ่อ ขอเผือกค่ะ ทำขนาดนั้น..คือทำอะไรคะ” ยุนอายกมือเพื่อถามคำถามทำให้เจสสิก้าตีมือเค้าลงว่าไปยุ่งตอนเค้า
เคลียร์กันทำไมเนี่ย
“อย่าเสือกอิยุน!” แทยอนหันควับไปเหวี่ยงใส่เพื่อนแทนคำตอบสร้างความหมั่นไส้ให้ยุนอาต้องแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“ไปกินข้าวกันได้หรือยัง จะปล่อยให้ฟานี่ปวดท้องเพราะไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“ก็ไปสิ แทไปเปลี่ยนชุดก่อนจะได้เลยไปผับต่อเลย...ใช่ไหมล่ะ” แทยอนตอบอย่างรู้ตารางชีวิตของทิฟฟานี่เป็นอย่างดี
“งั้นพาฟานี่กลับห้องไปเปลี่ยนชุดก่อนนะแล้วค่อยไปกินข้าวกัน”
“ค่าๆ”
“อ่อแล้วมะรืนนี้ฟานี่ไม่อยู่นะคะจะกลับมาโซลอีกทีก็วันศุกร์เลย” แทยอนที่กำลังจะลุกจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องชะงัก
ด้วยความสงสัย
วันมะรืน..เป็นวันพุธ กลับโซลวันศุกร์?
“เดี๋ยว ฟานี่จะไปไหน”
“ฟานี่ก็จะไปเซอร์เวย์เพื่อทำทริปใหม่ของบริษัทตามที่คนนั้นเค้าจัดการหาไว้ให้ไงคะ”
“ไปกับยัยเห็ดเน่านั่นอ่ะนะ!!!”
“เปล่าไปคนเดียว แล้วช่วยเรียกเค้าให้ดีๆหน่อยเถอะคุณคิมแทยอน” ทิฟฟานี่ชักจะหมั่นไส้ยัยตัวเล็กนี่เข้าไปทุกที
“ไม่รู้แหละแทจะไปด้วย”
“หืม? ฟานี่ไปทำงานนะตัวเล็ก”
“ฟานี่ก็ไปทำงานสิ แทก็แค่จะไปเที่ยวนี่มันปิดเทอมของแทนะก็อยากไปเที่ยวมั่งดิ”
“เฮ้ยๆ คิมแท ไหนแกบอกว่าพรุ่งนี้เราจะเริ่มทยอยจัดการการบ้านปิดเทอมกันไงนี่ยังไม่ได้เริ่มแตะสักตัวเลยนะ” ยุนอา
ขัดขึ้นหลังจากที่ได้ยินเพื่อนงอแงจะตามแม่ทูนหัวไปเที่ยวด้วย ตอนแรกทิฟฟานี่เกือบจะใจอ่อนยอมให้ไปด้วยแล้วเชียวนะ
แต่พอได้ยินยุนอาบอกอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจทันที
“อยู่ทำการบ้านให้เรียบร้อยเลยนะตัวเล็ก ฟานี่ไปไม่กี่วันก็กลับแล้ว”
“แค่การบ้านไม่กี่วิชาเที่ยวเสร็จค่อยกลับมาทำก็ยังได้”
“นี่จะไปให้ได้เลยใช่ไหม”
“แน่สิ!”
“โอ้ย ไอ้คนติดเมีย” ยุนอาพูดลอยๆขึ้นมาทำให้แทยอนเตรียมที่จะกระโจนใส่เพื่อนจนทิฟฟานี่ต้องรั้งตัวไว้ในอ้อมกอด
ยุนอาทำเป็นไม่สนใจหันไปคุยกระหนุงกระหนิงกับเจสสิก้าแทน ทิฟฟานี่ยิ้มบางๆอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้นที่นับวันจะมี
มากขึ้นของแทยอนก่อนจะยอมให้เค้าไปด้วยและเร่งให้แทยอนไปเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอกและสั่งให้แทยอนทำตัวดีๆ
ไม่งั้นจะแอบหนีไปทริปคนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามแพลนที่แทยอนวางเอาไว้ตั้งแต่พากันออกจากห้องไปคอนโดเพื่อให้
ทิฟฟานี่ได้อาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าใหม่ไปจนถึงกินข้าวเย็นด้วยกันนับว่าเป็นช่วงเวลาดีๆของทั้งคู่หลังจากที่มีปัญหาหึงหวง
ไม่เข้าท่าของแทยอนจนกระทั่งมาที่ผับอารมณ์ดีๆของแทยอนก็ดาวน์ลงทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของผับ
วันนี้พี่ซีวอนโผล่มาที่ผับด้วย เพราะทิฟฟานี่โทรไปบอกเอาไว้ว่าจะไม่ได้เข้ามาดูงานที่ผับสักสามสี่วันเพราะต้องไปดูงาน
ต่างจังหวัด ซีวอนเลยตั้งใจมาหาทิฟฟานี่ก่อนเพราะพรุ่งนี้เค้าคงมาไม่ได้
“ตัวเล็ก...ทำตัวดีๆนะ” ทิฟฟานี่หันไปกำชับอย่างเป็นห่วง
“รู้แล้วน่า” แม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยและมีน้ำเสียงปกติ ทิฟฟานี่ก็อดกังวลใจไม่ได้ ทำได้แต่ลอบมองแล้วถอนหายใจน้อยๆ
ก่อนจะเดินจากโต๊ะที่แทยอนนั่งไปหลังร้านกลัวว่าถ้าเสียเวลาคุยกับแทยอนนานกว่านี้พี่ซีวอนที่แวะไปดูงานหลังร้านก่อน
จะออกมาตามถึงที่ให้คนตัวเล็กหงุดหงิดมากขึ้น
เมื่ออยู่คนเดียวแทยอนนั่งฆ่าเวลาด้วยการมองบรรยากาศรอบๆร้านที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะของผู้คนที่มา
พักผ่อนหาความสุขใส่ตัวในยามค่ำคืนคงมีแต่เธอที่ดูจะแตกต่างจากคนอื่นมาก คิมแทยอนตอนนี้ไม่เหมือนคนก่อนที่เฮฮา
เริงรื่นกับสาวๆที่เจอในสถานบันเทิงอีกแล้ว..มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเบอร์เผื่อจะชวนใครมานั่งเล่นรอจนกว่า
ทิฟฟานี่จะเสร็จงานแต่ก็ไม่รู้จะชวนใครดี รูมเมทตัวสูงก็พึ่งจะมีข้าวใหม่ปลามันกับแฟนเลยไม่อยากจะขัดเวลาส่วนตัวสัก
เท่าไหร่ แต่แทยอนคงจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง....ว่าปกติตัวเธอเองก็เป็นคนเนื้อหอมอยู่แล้วเพราะฉะนั้น...
“มาคนเดียวเหรอคะ”
เสียงใสดังขึ้นใกล้ๆหูก่อนจะมีมือขาวของคนพูดวางลงบนไหล่พร้อมส่งยิ้มให้อย่างมีความหมายเมื่อแทยอนเงยหน้าขึ้นมอง
“เปล่า” เมื่อได้ยินคำปฏิเสธนิ่งๆเรียบๆกลับมาหญิงสาวคนนั้นก็ได้แต่แอบทำหน้าเสียดายเล็กน้อย
“รอเพื่อนอยู่เหรอ ให้นั่งรอเป็นเพื่อนไหมคะ” แทยอนไม่ทันจะตอบหญิงสาวก็ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆแทยอนแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก ขอตัวก่อนนะ” แทยอนยิ้มให้อย่างมีมารยาทก่อนจะแกล้งหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเพื่อสื่อว่าจะออกไปสูบบุหรี่
ข้างนอกปล่อยให้หญิงสาวนั่งเก้อทำตาละห้อยมองตามแทยอนไปด้วยความเสียดาย
ฟู่ว
ควันที่ถูกพ่นออกจากปากแทยอนเป็นทางยาวอาจจะสีเดียวกับความรู้สึกขุ่นมัวในใจตอนนี้ก็ได้ ปกติมานั่งรอทิฟฟานี่เสร็จงาน
มันก็ไม่ได้น่าเบื่อเท่ากับเวลาที่ซีวอนมา ในใจแทยอนมีแต่ความอึดอัดที่ต้องยอมรับและอดทนให้ได้ตามที่ทิฟฟานี่ขอไว้
ตอนนี้เธอคงทำได้เพียงรอเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ที่ทิฟฟานี่ไม่ต้องพึ่งพาซีวอนแล้วทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ ที่จริงถ้าเธอ
มีฐานะมากกว่านี้....มันอาจจะง่ายขึ้น....แต่...ความจริงมันก็ยังเป็นความจริง...
เธอเป็นแค่เด็กมหาลัยปีสามฐานะทางบ้านก็อยู่ในระดับปานกลางมีกินมีใช้แต่ไม่ได้ถึงกับร่ำรวยอะไรมากมาย
ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยแถมตอนนี้...
เป็นทิฟฟานี่ซะอีกที่คอยเลี้ยงดูให้เงินเธอใช้ไม่ขาด
น่าเจ็บใจชะมัด
แทยอนได้แต่คิดคับแค้นใจตัวเองอยู่ในอกก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นปลายเท้าบดขยี้จนหมดแสงไฟทั้งที่สูบบุหรี่เสร็จแล้ว
แต่แทยอนก็ยังไม่คิดอยากจะกลับเข้าไปในร้านเลยเลือกที่จะยืนรับอากาศอยู่ข้างนอกจนรู้สึกว่าจิตใจตัวเองสงบขึ้นบ้างก็
ตัดสินใจจะกลับเข้าไปนั่งรอทิฟฟานี่ตามเดิมแต่แค่เพียงหันหลังกลับก็เห็นหญิงสาวยืนมองอยู่ไม่ห่างมากนัก
“ฟานี่” แทยอนยังไม่ทันจะก้าวขาไปกลับเป็นทิฟฟานี่ที่เป็นฝ่ายก็เดินมาถึงตัวแทยอนซะก่อน
“กลับกันเถอะตัวเล็ก”
“แล้ว...”
“พี่ซีวอนกลับไปแล้ว” ดวงตาหวานมองคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนมือเรียวลูบผมเค้าน้อยๆ หลังจากซีวอนกลับไปเธอก็กลับ
เข้าไปในผับแต่ไม่เห็นแทยอนนั่งอยู่ที่เดิม เธอจึงเดินเข้าไปดูในห้องน้ำก็ไม่พบเลยออกมาดูข้างนอกจึงเห็นแทยอนยืนสูบ
บุหรี่อยู่...แต่เธอก็ไม่เข้ามาหาเค้าแต่แรกเพราะเห็นใบหน้าของแทยอนที่เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดอะไรบางอย่าง
เลยยืนดูอยู่เงียบๆจนในที่สุดเค้าก็หันกลับมาเห็น
“ไม่ต้องดูงานอะไรต่อแล้วเหรอ” ทิฟฟานี่เพียงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ที่จริงก็มีงานที่ต้องดูตามปกติเหมือนทุกๆวันแต่ด้วย
ความเป็นห่วงความรู้สึกของแทยอนที่ต้องมาเจอกับซีวอนมันมีมากกว่าเลยไม่อยากปล่อยไว้คนเดียวแล้วล่ะ
“วันนี้ไปค้างห้องฟานี่ไหม?”
“ก็ได้ยังไม่ดึกมากเดี๋ยวแทกลับไปเอาเสื้อที่หอก่อนละกัน”
“โอเค๊ ถ้าอย่างนั้นกลับหอตัวเล็กกัน”
ค่ำคืนนั้นทิฟฟานี่เลือกที่จะไม่ถามอาการของแทยอนที่เธอเห็นตอนอยู่ที่ผับเธอพอจะมองออกว่าเค้าเป็นอะไรและเธอก็
เลือกที่จะปล่อยเรื่องราวไว้อย่างนั้นเพราะหากไถ่ถามไปแล้วอาจจะพาลทะเลาะกันได้ เธอแค่เพียงบอกให้แทยอนกลับไป
เตรียมเสื้อผ้าในวันรุ่งขึ้นสำหรับทริปที่จะไปกันว่าให้เอาอะไรไปบ้างรวมถึงมีข้อแม้อย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาที่แทยอนต้องทำ
ไม่งั้นก็จะไม่พาเค้าไปด้วย..จนถึงวันเดินทางทิฟฟานี่นัดเวลาแทยอนให้ลงมาเจอเธอที่หน้าปากซอยหอคนตัวเล็กใน
ช่วงเช้า
“นี่มันอะไรฟานี่”
แทยอนที่โดนโทรเร่งยิกๆให้รีบออกมาตั้งแต่ห้านาทีก่อนพอมาถึงปากซอยก็เห็นทิฟฟานี่ขับรถมาจอดรออยู่แล้ว...
“รีบๆขึ้นมาก่อนเร็วตัวเล็ก” ทิฟฟานี่เร่งให้แทยอนขึ้นมาก่อนเพราะเธอเปิดไฟกระพริบรอแทยอนมาได้เกือบนาทีแล้วพอ
แทยอนขึ้นรถทิฟฟานี่ก็รีบออกรถทันที
“มีใบขับขี่ด้วยเหรอเนี่ย” แทยอนถามพร้อมกับเอี้ยวตัวไปคาดเข็มขัด
“ฟานี่อายุเท่าไหร่แล้วตัวเล็ก” ทิฟฟานี่ตอบแล้วหัวเราะเล็กๆ
“ไปเอารถใครมาขับ”
“มีคนจัดการให้น่ะ เดี๋ยวตอนกลับโซลมาค่อยเอาไปคืน”
“ไอ้หัวเห็ดนั่นอีกแล้วเหรอ” แทยอนเบ้หน้าทำรังเกียจขึ้นมาทันที พอคิดว่าเป็นรถของคนที่มาจีบทิฟฟานี่ก็อยากจะลงซะ
ตอนนี้
“ไม่ใช่รถเค้าหรอกน่า รถเช่าน่ะตัวเล็ก แค่เค้าจัดการหาที่ๆไว้ใจได้ทำเรื่องเช่ามาให้เรื่องเงินอะไรฟานี่เป็นคนจัดการเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแทยอนก็ค่อยทำใจได้หน่อย นอกจากตอนที่ได้ไปเที่ยวสวนสนุก Everlandกับทิฟฟานี่ นี่คงเป็นครั้ง
แรกที่ได้ไปเที่ยวตจว.แบบค้างคืนด้วยกันสองคนถึงแม้ที่จริงจะเป็นเรื่องงานซะมากกว่าแต่มันก็ถือว่าได้เที่ยวไปในตัวแหละ
ระหว่างทางทิฟฟานี่ก็แวะพักที่จุดพักรถหากาแฟและขนมไว้ทานเล่นนิดหน่อยแทยอนทำได้เพียงนั่งชวนคุยอยู่เป็นเพื่อน
ตลอดทาง แม้อยากจะช่วยขับก็คงไม่ได้...ก็ขับรถไม่เป็นนี่นาใบขับขี่ก็ไม่มีจะช่วยดูแผนที่ก็คงไม่ต้องในเมื่อทิฟฟานี่ศึกษา
เส้นทางมาแล้วรวมถึงเปิดGPSช่วยนำทางไปจนถึงจุดหมายที่หุบเขา Gyeongban เจ้าหน้าที่ที่ได้ติดต่อกันไว้ก็นำทาง
ไปชมที่พักหลากหลายแบบที่ให้บริการทั้งแบบ บ้านพักหลังเล็กส่วนตัวแบบห้องพักที่อยู่ในตึกเดียวกัน จุดตั้งแคมป์เพื่อ
เป็นข้อมูลในการจัดทริปของทิฟฟานี่ก่อนที่จะนำพาทิฟฟานี่มาที่บ้านพักหลังเล็กแบบส่วนตัวที่ได้จองเอาไว้
“พักผ่อนให้สบายนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูสถานที่เที่ยวต่อ ขาดเหลืออะไรโทรเรียกได้เลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ยื่นกุญแจให้
ก่อนจะขอตัวกลับออกไป
“ตัวเล็กจัดของก่อนซิอย่าพึ่งไปเล่นซน” ทิฟฟานี่รีบขัดแทยอนที่ทิ้งกระเป๋าลงพื้นแล้วทำท่าจะออกไปเดินสำรวจบริเวณ
รอบๆบ้านพัก แทยอนจึงเดินกลับมาหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองเอาเสื้อผ้าออกมาจัดใส่ตู้ไว้ตามทิฟฟานี่สั่ง
“เอาการบ้านมาหรือเปล่า” ทิฟฟานี่ถามขึ้นอีกครั้งระหว่างที่เธอกำลังหยิบของจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเอง
เพราะนี่คือข้อแม้ที่แทยอนต้องทำหากต้องการจะมากับเธอถึงจะขอตรวจล่าช้าไปหน่อยก็ตาม
“เอามาน่า” แทยอนหยิบชีทเป็นเล่มสองเล่มและสมุดโน้ตขึ้นมาให้ทิฟฟานี่ดู
“ถ้าแทแทจัดของเสร็จแล้วก็ทำการบ้านเลยนะคะ”
“ห๊า? พักก่อนไม่ได้เหรอเราพึ่งมาถึงเองนะแทอยากออกไปเดินเล่นอ่ะฟานี่ ข้างนอกอากาศดีจะตายแทพึ่งเคยมาที่นี่
ครั้งแรกเลยนะ”
“ฟานี่บอกให้ทำก่อนก็ทำสิคะตัวเล็ก” ทิฟฟานี่หันมาทำตาดุใส่จนแทยอนไม่กล้าเถียงด้วยเลยกระโดดขึ้นไปบนเตียง
นอนคว่ำหน้าเปิดชีทและสมุดโน๊ตเริ่มทำการบ้านทันที เวลาผ่านไปได้สักพักทิฟานี่ที่จัดของตัวเองใกล้จะเสร็จหันมาดู
แทยอนเห็นเค้ากำลังทำหน้ามุ่ยมือไม่ขยับสักนิดจึงเดินเข้าไปดูเห็นเค้ากำลังทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่
“ทำไมไม่เอาดิคมาเปิดถ้ามันอ่านไม่เข้าใจอ่ะแทแท” ทิฟฟานี่ถามเมื่อเห็นแทยอนใช้มือถือกดเซิสคำโน้นคำนี้ไม่หยุด
“ดิคมันหนักนี่แบบนี้ก็หาได้ง่ายจะตาย”
“มาฟานี่ช่วย” ทิฟฟานี่เดินไปนั่งข้างแทยอนถึงแม้ตัวเธอจะไม่ได้เรียนถึงมหาวิทยาลัยแต่เรื่องภาษาเนี่ยยังไงเธอก็มั่นใจ
ว่าเก่งกว่าแทยอนแน่ๆ คนตัวเล็กจับจ้องริมฝีปากนุ่มที่กำลังสอนภาษาอังกฤษให้เธอฟังบอกได้เลยว่าที่ทิฟฟานี่พูดมา
ตอนนี้ไม่ได้เข้าหูเธอเลยสักนิด ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งพอได้มองทุกส่วนบนใบหน้าทิฟฟานี่ใกล้ๆเป็นต้องหลงลืมทุกสิ่งไปทุกที
แม้ใครๆอาจจะบอกว่ามีคนสวยกว่าทิฟฟานี่อีกมากแต่สำหรับเธอ...คนๆนี้มีเสน่ห์มากจนมองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย
“ตัวเล็ก ตัวเล็ก ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ทิฟฟานี่สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องเธอค้างจนผิดปกติเลยเรียกสติเด็กกลับมา
"เอ่อ วะ ว่าไงนะฟานี่”
“ตั้งใจฟังหน่อยสิคะ จะได้ทำการบ้านเสร็จเร็วๆแล้วไปเที่ยวไง”
“อ่อ อืม ขอโทษที” คนตัวเล็กก้มหน้าหลบสายตาไม่กล้าบอกเหตุผลที่ใจลอยให้เค้าฟัง ทิฟฟานี่เริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดอีก
ครั้งทีนี้แทยอนตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ยิ่งฟังสิ่งที่เค้าสอนให้เธอเข้าใจอย่างง่ายดายก็ยิ่งคิดว่าตัวเองยังห่างไกลกับซีวอนที่ดู
เป็นที่พึ่งพาให้กับทิฟฟานี่ได้มากกว่านัก
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันแกอาจจะโดนเค้าทิ้งก็เป็นได้นะคิมแทยอน
ความคิดฟุ้งซ่านเริ่มกลับเข้ามาเกาะกินในใจอีกครั้งแต่แทยอนก็ต้องสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้งแล้วพยายามตั้งสติฟังและทำ
ตามที่ทิฟฟานี่สอน กว่าจะทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษเสร็จก็ทำเธอเหนื่อยล้าไม่น้อยเลย
“เฮ้อออ เสร็จสักที” ทิฟฟานี่ลูบหัวแทยอนที่ฟุบหน้าลงไปกับสมุดโน้ตก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดผนัง นี่เธอช่วย
แทยอนทำการบ้านมาได้เกือบสองชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย
“ตัวเล็กออกไปพักชมวิวข้างนอกก่อนก็ได้นะฟานี่ขออาบน้ำสักหน่อย”
“อือออออออ” แทยอนตอบรับด้วยเสียงยานคางเหมือนแบตเตอรี่ร่างกายหมด ทิฟฟานี่ก้มหน้าลงจูบกระหม่อมเด็กหนึ่งที
ก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อชะล้างความเหนื่อยล้าจากการขับรถเดินทางมาไกล
คนตัวเล็กหันหน้าไปทางหน้าต่างมองดูสีเขียวของต้นไม้ที่รายรอบบ้านพัก เสียงใบไม้กระทบกันจากสายลมอ่อนๆทำให้
รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย บรรยากาศแบบนี้ยากมากที่จะหาได้ในตัวเมือง..ก็เหมาะสมแล้วที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน
หย่อนใจ ทั้งที่แทยอนคิดว่าจะออกไปเดินชมวิวรอบๆแต่พอคิดไปแล้วก็รอออกไปพร้อมกับทิฟฟานี่ดีกว่า
เปลือกตาคนตัวเล็กค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆเพื่อพักสายตาที่ใช้งานกับการบ้านมาอย่างหนัก แล้วเวลาไม่นาน
สติของแทยอนก็เลือนหายไป...
ทิฟฟานี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องอาบน้ำด้านนอกเสร็จพอกลับเข้ามาในห้องนอนเห็นแทยอนกำลังหลับปุ๋ยอยู่
บนเตียงก็ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูร่างสวยก้าวเข้าไปใกล้ๆเตียงเพื่อแอบมองหน้าตอนหลับของคนตัวเล็กชัดๆก่อนจะเดิน
ไปหยิบกล้องตัวเล็กที่เอาติดตัวมาด้วยพร้อมสมุดขนาดพอดีมือและของอีกสองสามอย่างติดตัวออกไปนอกห้องปล่อยให้
แทยอนได้นอนหลับต่อไม่คิดจะปลุกแม้แต่น้อย แต่เสียงแง้มประตูปิดเพียงเบาๆกลับก็ทำให้แทยอนรู้สึกตัวขึ้นมาซะเอง
ฟานี่ล่ะ
สิ่งแรกที่คิดเมื่อลืมตาขึ้นมา แทยอนหันซ้ายทีขวาทีก่อนจะลุกขึ้นมานั่งมองไปทั่วห้องก็ไม่พบทิฟฟานี่จึงเดินออกมาตามหา
จนไปเจอทิฟฟานี่ยืนอยู่ระเบียงด้านนอกตรงห้องนั่งเล่นกำลังถ่ายรูปวิวรอบๆอยู่
“ฟานี่..ทำไมไม่ปลุกแท” คนตัวเล็กเดินเข้าไปกอดด้านหลังและทำเสียงติดงอแงเล็กๆใส่หญิงสาว
“เห็นเหนื่อยเลยให้นอนพักไงคะ” ทิฟฟานี่หันมาตอบแทยอนพร้อมกับวางกล้องลงที่โต๊ะไม้ใกล้ๆนั้น
“ฟานี่น่าจะเหนื่อยกว่าแทนะ” เจ้าของชื่อเพียงยิ้มตอบแล้วเดินไปหยิบแผนที่บนโต๊ะขึ้นมากางแล้วเขียนอะไรบางอย่าง
ลงไป แทยอนเดินตามไปลดตัวลงนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะไม้ดูทิฟฟานี่ทำงานเงียบๆพอเขียนเสร็จก็พับแผนที่เก็บแล้วหยิบบุหรี่ที่
วางบนโต๊ะมาจุดสูบก่อนจะเดินไปนั่งบนราวกั้นระเบียงสายตาทอดยาวไปยังภูเขาที่เห็นไกลๆนั่น แทยอนเห็นดังนั้น
ก็ถือวิสาสะหยิบแผนที่ที่ทิฟฟานี่พึ่งพับวางไว้กางออกมาดูเห็นเป็นแผนที่เกาหลีโซนจังหวัดที่เธออยู่ตอนนี้
“ฟานี่ไปทั่วเกาหลีหรือยังน่ะ เวลามาเซอร์เวย์ที่เที่ยวก็ต้องลงรายละเอียดไว้แบบนี้ตลอดเหรอ”
“ก็ไปยังไม่หมดหรอก ที่ไหนพึ่งมาฟานี่ก็จะมาจดลงรายละเอียดอย่างนี้ล่ะว่ามาเที่ยวที่ไหน มีอะไรน่าเที่ยวบ้างแล้วก็
ถ่ายรูปเอาไว้ใช้ที่บริษัทแล้วก็เก็บเองด้วย” แทยอนฟังเค้าเล่าแล้วพับแผนที่เก็บก่อนจะหยิบสมุดบนโต๊ะมาอ่านเห็นเป็น
รายละเอียดสถานที่บรรยากาศรายละเอียดอื่นๆอีกถี่ยิบที่เป็นประโยชน์ในการงานของทิฟฟานี่
“ท่าทางฟานี่จะชอบท่องเที่ยวนะ หรือทำเพราะพี่ซีวอนเปิดบริษัททัวร์ให้ล่ะ” แทยอนลุกขึ้นเดินไปยืนข้างทิฟฟานี่ที่ยังคง
นั่งอยู่บนราวกั้นของระเบียง
“มันเป็นความฝันของฟานี่น่ะ พี่ซีวอนเลยบอกให้ทำบริษัททัวร์แล้วพี่เค้าจะช่วยเองฟานี่ก็เลยตกลงเพราะยังไงมันก็มีแต่
ผลดีกับฟานี่ทั้งนั้นที่จะมีบริษัทของตัวเองและจะได้ทำตามฝันด้วย” ทิฟฟานี่เล่าแล้วสูบบุหรี่ในมือต่อ
“ความฝันเหรอ?”
“ฟานี่ฝันอยากจะไปเที่ยวรอบโลก โอเวอร์ไหมล่ะ” ทิฟฟานี่หันมาสบตาแทยอนพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มจนตาปิด
“ก็เป็นความฝันที่ดีนี่” แทยอนพูดแล้วเหม่อมองไปทางเดียวกับที่ทิฟฟานี่มองอยู่
อิพี่เสี่ยนี่เหนือชั้นจริงๆ รวยไม่พอยังฉลาด ฟานี่ฝันอยากจะเที่ยวรอบโลกก็ให้เงินเปิดบริษัททัวร์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ฟานี่ก็มีโอกาสจะได้ไปท่องเที่ยวครบตามฝันแน่ล่ะ
“แล้วความฝันของตัวเล็กล่ะ” ทิฟฟานี่ละสายตากลับมามองหน้าแทยอนให้คนโดนถามหันมาสบตาด้วย
ความฝันเหรอ.....ตั้งแต่เกิดมา....ไม่มีเรื่องพวกนั้นอยู่ในหัวเลย...
“ทำหน้าอย่างนั้นทำไมคะ หรือมีหลายอย่างจนเลือกไม่ถูก” ทิฟฟานี่ถามแทยอนที่กำลังทำหน้ายุ่งท่าทางจริงจังกับ
คำถามของเธอจนคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตาทิฟฟานี่อีกครั้ง
“ความฝันของแท.....” ทิฟฟานี่คีบบุหรี่ไว้สายตาจับจ้องแทยอนรอฟังอย่างตั้งใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าแทยอนน่ะ
มีความฝันอะไร ตั้งแต่ที่เจอกันก็เห็นคนตัวเล็กช่างเที่ยวช่างเล่นดูไม่มีสาระอะไรเลยสักนิด
“แท....จะพาฟานี่ไปเที่ยวรอบโลก” ทิฟฟานี่ได้คำตอบก็เบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง
“อะไรนะตัวเล็ก” เธอไม่แน่ใจนักว่าฟังผิดหรือแทยอนพูดเล่นกันแน่
“ก็บอกว่าแทจะพาฟานี่ไปเที่ยวรอบโลกไง” ทิฟฟานี่หัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้จนแทยอนหน้าเสียเพราะคิดว่า
อีกคนคงไม่คิดว่าเธอจะพาเค้าไปเที่ยวรอบโลกได้จริงๆ
“เออ ขำเข้าไปเถอะก็แทมันไม่มีอะไรสักอย่างนี่ใครจะเหมือน..” ก่อนที่แทยอนจะได้พูดชื่อซีวอนออกมาก็โดนนิ้วโป้งของ
ทิฟฟานี่แตะริมฝีปากให้เค้าหยุดพูดต่อก่อนจะเลื่อนนิ้วโป้งไปที่ข้างแก้มแทยอนช้าๆ
“ฟานี่ไม่ได้ดูถูกแทนะ ไม่ได้คิดว่าแทพาฟานี่ไปไม่ได้..ฟานี่แค่คิดไม่ถึง...ว่าแทแทอยากทำความฝันฟานี่ให้เป็นจริง
เพราะอย่างนั้น....มันทำให้ฟานี่มีความสุขมากนะคะที่ได้ยินแทพูดแบบนี้”
“เชอะ” ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นใบหน้างอนของแทยอน เธอคว้าคอแทยอนเข้ามาใกล้ๆแล้วก้มหน้าลงมาจรด
หน้าผากกับแทยอนก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหวานเบาๆ
“จะพาฟานี่ไปใช่ไหม”
“อะไรล่ะ” คนตัวเล็กทำเสียงแข็งใส่
“ไปเที่ยวรอบโลกน่ะ”
“อือ”
“ฟานี่จะรอนะคะ” มือที่ยังวางอยู่ที่แก้มใสของแทยอนลูบแก้มป่องนั้นน้อยๆก่อนจะเลื่อนหน้าจูบเค้าเหมือนเป็นการทำ
สัญญา แทยอนค่อยๆจูบตอบทิฟฟานี่อย่างนุ่มนวลและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างที่จับต้นคอคนตัวเล็กไว้เลื่อนมายึด
ไหล่เค้าไว้กันไม่ให้ร่างกายเธอตกจากราวกั้นระเบียง และระหว่างที่แทยอนกำลังสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกคนนั้น
“โอ๊ยๆๆ” แทยอนสะดุ้งและร้องครวญด้วยความเจ็บจนทิฟฟานี่ตกใจ
พอสายตาเลื่อนดูก็พึ่งนึกได้ว่ามือที่เธอจับใบหน้าแทยอนอยู่ยังคีบบุหรี่ไว้ด้วย นั่นก็เป็นสาเหตุที่แทยอนร้องขึ้นมาเพราะ
โดนขี้เถ้าร่วงใส่คอจนทิฟฟานี่รีบลงจากราวระเบียงที่นั่งเอาบุหรี่ไปวางในที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะก่อนเดินกลับมาดูแทยอนอย่าง
รวดเร็ว
“ตัวเล็กเจ็บมากไหม ตายละแดงหมดเลย” ทิฟฟานี่ถกคอเสื้อยืดแทยอนออกเพื่อดูร่องรอยพอเห็นเนื้อขาวๆแดงเป็นจุดก็
ทำให้รู้สึกผิดเหลือเกิน
“ฟานี่อ่าา!” ทิฟฟานี่เอียงคอยิ้มแห้งๆขอโทษขอโพยแทยอนยกใหญ่แล้ววิ่งเข้าไปหาของมาจัดการปฐมพยาบาลให้
คนตัวเล็ก
“ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้” แทยอนมองตามทิฟฟานี่ไปก่อนจะส่ายหัวยิ้มออกมาน้อยๆ
จะพาฟานี่ไปใช่ไหม
คำพูดที่พึ่งคุยกันจบไปดังขึ้นมาในหัวทำให้แทยอนยิ้มกว้างขึ้นแม้จะเจ็บที่โดนขี้เถ้าบุหรี่อยู่
ฉันจะพาเธอไปให้ได้ฟานี่
ถึงบริษัทนั้นมันจะเปิดให้เธอ
แต่คนที่จะทำความฝันเธอให้เป็นจริง...
ต้องเป็นฉันคนเดียว...
----------------------------------------------------------------------------------
ขึ้นชื่อว่าคู่รัก นอกจากความรักที่มีให้กันยังมีองค์ประกอบอื่นอีกมากมายที่ทำให้ครองคู่กันไปได้ยาวนานแต่สำหรับเจสสิก้า
และคนที่พึ่งได้รับการยัดเยียดตำแหน่งแฟนเก่าให้อย่างไม่เต็มใจและไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างจุงกิ..
อาจจะอ้างอิงหลักเกณฑ์นั้นไม่ได้เลยถึงแม้จะคบกันมาหลายปีก็ตามนั่นก็เพราะ....
ความรักที่ว่าดีนั้นยิ่งนานวันยิ่งจืดจาง จะเพราะระยะทางที่ห่างกันซีกโลกหรือระยะเวลาที่ต่างกันเกินไปจนทำให้ไม่ค่อยได้
พูดคุยหรือได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควรจะได้รับจนอีกฝ่ายเผลอปล่อยใจให้กับคนที่คอยอยู่ใกล้(แนบ)ชิด
คอยเอาอกเอาใจใส่ใจดูแลเสียยิ่งกว่าเจ้าหญิง เพราะฉะนั้นทฤษฎีรักแท้แพ้ใกล้ชิดก็ยังคงใช้ได้ดีกับเจสสิก้า จอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เธอคิดว่าเธอรักจุงกิ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นเพียงความรู้สึกชอบ...ชอบในความเพอร์เฟ็ค
ไม่ว่าจะหน้าตาฐานะความรู้นิสัยใจคอเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่จะดูแลเธอได้....จนกระทั่งเมื่อเจอยุนอา...เธอถึงได้รู้...
ว่าจริงๆแล้วความรักคืออะไร...
"สิก้า" จุงกิโบกมือขึ้นเมื่อเห็นเจสสิก้าที่กำลังมองหาตนตอนเดินเข้ามาในร้าน
"มีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะจุงกิ" ทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้เจสสิก้าก็รีบเอ่ยถามถึงธุระที่ดูจะหนักหนาถึงกับต้องนัดเธอออกมา
ถึงที่นี่ ใบหน้าที่แสนเย็นชาสายตาที่เอาแต่มองไปทางอื่นไม่ยอมสบตากับจุงกิแม้แต่น้อย ฝ่ายชายทำได้แต่ส่งยิ้มบางๆให้
เหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดแสนไร้เยื่อใยของคนตรงหน้าแต่ภายในอกนั้นมันร้าวรานจนแทบทนไม่ไหว
"ขับรถมาไกลสิก้าคงจะหิวแล้วทานอะไรก่อนนะครับแล้วค่อยคุยกัน" จุงกิหยิบเมนูยื่นให้และพยายามส่งสายตาหวานให้แต่
เจสสิก้าก็ไม่สนใจที่จะสบตาด้วยแม้แต่น้อยในใจมีแต่ความปั่นป่วนอยากจะรีบคุยรีบกลับให้เร็วที่สุดเพราะเธอดันใจอ่อน
แอบมาหาจุงกิโดยที่ไม่ได้บอกยุนอาน่ะสิ
"ไม่ใช่เพราะคุณนัดมาที่ไกลๆแบบนี้เหรอคะฉันถึงต้องขับรถมาเหนื่อย" จุงกิยิ้มรับก่อนจะหันไปสั่งอาหารแทนเจสสิก้า
ทั้งหมดแล้วจึงหันกลับมาพูดกับเค้า
"ก็ผมจะไปรับคุณก็ไม่ยอมนี่ครับ"
“ฉันไม่อยากให้แฟนเข้าใจผิด บอกแล้วว่าเจอที่ร้านกาแฟที่เคยไปก็ได้” รอยยิ้มจุงกิจืดจางลงเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจาก
ปากคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนตัวเองเหมือนกันแต่ก็ยังคงพยายามจะยิ้ม ในใจตอนนี้ยิ่งกว่าโดนเข็มทิ่มแทงไม่ยั้ง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาแพลนแต่งงานที่เค้าวางไว้หมาดๆได้พังมลายลงในพริบตาไปแล้วยังต้องมาได้ยินว่าที่เจ้าสาวของ
ตัวเองพูดจาตัดรอนและแคร์คนอื่นที่ไม่ใช่เค้าอีก....
“สิก้าจำร้านนี้ได้หรือเปล่าครับ” จุงกิพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่องอื่นทำให้เจสสิก้าเริ่มหงุดหงิดเธอรู้สึกเหมือนอีกฝ่าย
ดึงเวลาไปเรื่อย
“ก็แค่ร้านแถวโรงเรียนที่เราเคยเรียนนี่คะ” ใช่เธอจำได้ว่าร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมปลายของเธอมากนัก ฝ่ายชาย
ยิ้มบางๆดูแฝงไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง
“ที่นี่เป็นร้านดัลคาบี้ที่คุณชอบกินมากๆไงครับ นี่เป็นร้านแรกที่เรามาเดทกันหลังเลิกเรียน” เจสสิก้าได้ฟังก็อึ้งไปเล็กน้อย
พอจุงกิบอกแบบนั้น...ก็เหมือนว่าภาพความทรงจำตอนนั้นจะฉายให้เธอจดจำขึ้นมาได้
เค้ายังจำได้อีกเหรอ นี่ฉันลืมไปแล้วนะเนี่ยให้ตายเถอะจุงกิ....คุณจะทำให้ฉันรู้สึกผิดที่ทำกับคุณแบบนี้งั้นเหรอ...ไม่สิไม่
จุงกิน่ะ....ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฉันรู้สึกผิดหรอกเค้าก็เป็นเค้าอย่างนี้มาตลอดต่างหาก....เฮ้อ...อึดอัดจริงๆ
ตอนนี้ยุนอาจะทำอะไรอยู่นะหวังว่าคงจะอยู่หอเฉยๆรอฉันนะ...
“คุณรีบพูดธุระของคุณมาได้แล้วค่ะ ฉันมีเวลาไม่มาก ฉันนัดแฟนไว้!” เจสสิก้าขึ้นเสียงหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างที่ไม่เคย
ทำให้จุงกิเห็นมาก่อนทำให้ฝ่ายชายนั่งนิ่งถึงกับไปไม่เป็น...เมื่อก่อนตอนที่คบกันก่อนที่เค้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา
เวลาเจสสิก้าโกรธหรืองอนก็จะเอาแต่เงียบนิ่งไม่เคย...ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำสีหน้าและน้ำเสียงแบบนั้นใส่เลยจริงๆ
“ผมแปลกใจมากนะครับที่เห็นคุณขึ้นเสียงใส่ผม นี่เป็นอีกด้านที่ผมไม่เคยเห็นงั้นเหรอครับ” แววตาที่มองเจสสิก้าเต็มไป
ด้วยประโยคคำถามว่าตัวเค้าไม่เคยได้สัมผัสตัวตนของเจสสิก้าจริงๆเหรอ
“ถ้าคุณต้องการเจอฉันเพราะเรื่องนี้ก็พอเถอะค่ะ” เจสสิก้าหยิบกระเป๋าแล้วลุกจากที่นั่งแต่จุงกิกลับคว้าข้อมือไว้อย่าง
รวดเร็ว
“อยู่ทานมื้อนี้กับผมก่อนนะครับ ขอให้ผมได้ทานอาหารกับคุณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปเรียนต่อ...ที่นี่...ร้านนี้....
ร้านแรกแห่งความทรงจำของเรานะครับ..” เจสสิก้ามองชายหนุ่มที่กำลังวิงวอนเธอด้วยนัยน์ตาแดงๆเหมือนกำลังจะร้องไห้
เจสสิก้าถอนหายใจเบาๆสลัดมือให้หลุดจากจุงกิแล้วหันกลับไป.....นั่งลงที่เดิม
“ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขอให้คุณตัดใจจากคนเลวๆอย่างฉัน ขอให้คุณเจอคนที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าฉัน....แล้วก็..
ที่ผ่านมา..ขอบคุณมากที่รักและดูแลฉันเป็นอย่างดี....ฉันซึ้งใจมาก...ฉันพูดจากใจจริงนะคะจุงกิ...” เจสสิก้าพูดด้วย
ใบหน้านิ่งสายตามองหน้าชายหนุ่มแค่ตอนเธอพูดเท่านั้นหลังจากพูดจบก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาหยิบมือถือขึ้นมากดเล่น
ระหว่างรออาหารมา
ไม่รู้ว่าเธอทำถูกไหมที่ยอมทานอาหารกับเค้าเป็นครั้งสุดท้ายที่นี่....ที่จริงถ้าเธอจำได้แต่แรกคงจะไม่ยอมมา...
เพราะอย่างน้อย....ก็อยากให้เหลือความทรงจำที่สวยงามเอาไว้ให้จุงกิ...แทนที่เค้านึกถึงร้านนี้ก็จะนึกได้แต่เวลาที่มี
ความสุขเมื่อตอนเดทกันครั้งแรกแต่....หลังจากวันนี้ไป...ร้านนี้คงเป็นร้านที่ทำให้เค้าคิดถึงเมื่อไหร่..
คงมีแต่ความเจ็บปวด.....
“อิยุนโว้ย!” ฝ่ามือเล็กฟาดลงบนหัวไหล่ดังป๊าบใหญ่จนยุนอาสะดุ้งหันไปมองตาขวางใส่แทยอน
“อิแท! อะไรของแก” ยุนอาลูบบริเวณที่โดนตีสีหน้าบูดบึ้งคละเคล้าความสงสัยกับการกระทำของเพื่อน
“จะตั้งรกรากอยู่นี่เหรอไงลุกได้แล้ว” ยุนอามองแทยอนก่อนสายตาจะเลื่อนไปดูพี่ฟานี่ที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อนตัวเองกำลังเก็บ
เงินทอนที่พึ่งได้รับมา ยุนอาถอนหายใจเล็กน้อยค่อยๆลุกจากที่นั่งแล้วเดินตามแทยอนกับพี่ฟานี่ออกจากร้านอาหาร
แถวๆหอ
วันนี้ทิฟฟานี่มาหาแทยอนที่หอหลังจากที่เข้าไปจัดการงานที่บริษัทตัวเองเสร็จแล้วเลยพากันออกมาหาข้าวกลางวันกิน
และยังคงความใจดีชักชวนยุนอาออกมาด้วยแถมเลี้ยงเค้าอีกเหมือนเดิม คนที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มตอนนี้เอาแต่ยกมือถือที่ไร้
วี่แววการติดต่อทั้งจากข้อความหรือสายโทรเข้าของแฟนสาวขึ้นมาดู ทั้งๆที่เจสสิก้าบอกไว้แล้วว่าจะไปธุระกับแม่แต่เวลา
เค้าขาดการติดต่อไปนานๆ หัวใจที่ยังมีรอยแผลก็นึกระแวง...
กลัวว่า...เจสสิก้าจะหายไปอีก
“ฟานี่แวะมินิมาร์ทแป๊บนึงนะแทอยากซื้อของกินเล่น”เพื่อนตัวเล็กของยุนอาพูดเสียงดังขึ้นมาให้เธอหลุดจากความฟุ้งซ่าน
ของตัวเอง เธอรีบเดินตามแทยอนกับทิฟฟานี่เข้าไปมินิมาร์ทได้แต่ทอดสายตามองไปตามชั้นวางแต่ละชั้นผ่านๆเหมือน
ไม่คิดอยากจะซื้ออะไรเป็นพิเศษ
“ยุนอาอยากกินขนมอะไรหยิบมาวางรวมกันเลยนะจะได้จ่ายทีเดียวเลย” ทิฟฟานี่ที่คอยดูแทยอนหยิบโน่นนี่หันมาหายุนอา
ที่เงียบมาได้สักพักแล้ว
“ให้แทมันเลือกเลยพี่ ยุนกินอะไรก็ได้ปกติก็แบ่งๆกันตลอด”
“ตัวเล็ก หยิบเผื่อยุนด้วยล่ะ” ทิฟฟานี่หันไปบอกกับแทยอนที่ยังเดินวนเลือกขนมอื่นๆอยู่ เจ้าตัวจึงส่งเสียงตอบกลับมา
เหมือนไม่พอใจน้อยๆที่ทิฟฟานี่บอกให้หยิบเผื่อเพื่อนเธอด้วยอย่างกับเด็กขี้อิจฉา เสียงทะเลาะกันอย่างไม่จริงจังมาก
เท่าไหร่ของแทยอนกับทิฟฟานี่ทำให้ยุนอาอมยิ้มออกมา
อิแทเนี่ยนะ เวลาอยู่กับพี่ฟานี่อย่างกับเด็กสองขวบ สิ้นฤทธิ์หมดท่าสู้พี่เค้าไม่เคยได้สักที
เสียงมือถือในมือดังขึ้นเมื่อมีสายโทรเข้ามาเมื่อยุนอามองเห็นเป็นชื่อแฟนสาวของตัวเองก็รีบรับสายแล้วเดินออกมานอก
ร้านมินิมาร์ทเพื่อคุยอย่างส่วนตัว
“สิก้าเสร็จธุระแล้วเหรอคะ”
“ยุนอยู่ไหน!”
“เอ๊ะ?”
“สิก้าถามว่ายุนอยู่ที่ไหน!”
“ยุนอยู่มินิมาร์ทใกล้..สิก้า!” ยุนอาพูดยังไม่ทันจบสายตาก็หันไปเห็นเจสสิก้าเดินออกมาจากซอยเข้าหอเธอด้วยท่าทาง
หัวฟัดหัวเหวี่ยงจึงเรียกไว้ เมื่อเจสสิก้าได้ยินเสียงเรียกจึงรีบหันมาดูพอเห็นว่าเป็นยุนอาก็กดวางสายไปแล้วเดินตรงเข้าไป
หาอย่างรวดเร็ว
“ออกมาข้างนอกทำไมไม่บอกสิก้าก่อน ไปหาที่ห้องไม่เห็นมีคนเปิดนึกว่าหนีไปไหนอีก”
“ยุนแค่ออกมากินข้าวเองคิดมากอะไรน่ะสิก้า” ยุนอายิ้มกว้างสงสัยว่าการที่เธอเปลี่ยนมือถือเปลี่ยนเบอร์ย้ายหอในตอนนั้น
ทำให้เจสิก้าห่วงว่าเธอจะหายไปดื้อๆอีกสินะไม่ใช่เธอคนเดียวที่กลัวอีกฝ่ายหายไป...แต่เค้าก็เช่นกัน....นี่น่ะสินะ..
ที่เรียกว่าความรัก...
“ก็บอกก่อนสิ! สิก้ารีบกลับมากะว่าจะไปเซอร์ไพรซ์ที่ห้องเคาะเท่าไหร่ก็ไม่มีคนตอบ คนบ้านี่!” เจสสิก้าเหวี่ยงกระเป๋าถือ
ฟาดใส่แขนยุนอาไม่แรงมากนักพอให้แฟนรู้ว่าตอนนี้กำลังงอนอยู่ ยุนอามองดูใบหน้างองุ้มของแฟนก็อดหุบยิ้มไม่ได้จนต้อง
คว้าตัวเจสสิก้าเข้ามากอดด้วยความเอ็นดู
“โอ๋ๆขอโทษนะคะ รีบกลับมาหายุนมากขนาดนั้นเลยเหรอดูสิผมกระเซิงไปหมดเลย” ยุนอาลูบจัดผมแฟนให้อย่างอ่อนโยน
คนในอ้อมกอดก็ยังบ่นงุ้งงิ้งๆไม่ยอมหยุด
“เฮ้อ ร้อนจัง” เสียงกวนๆดังขึ้นยุนอาหันไปเห็นแทยอนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับทำมือพัดไปมาเหมือนอากาศมันร้อนเพราะ
คู่รักสักคู่แถวๆนั้นแล้วก็เดินผ่านพวกเค้าไปเฉยๆเท่านั้นยังไม่พอทิฟฟานี่ที่เดินตามหลังเพื่อนตัวเล็กมาทำเป็นยิ้มและส่ง
สายตาล้อเลียนมาให้แล้วเดินผ่านหน้าไปอีกคน
ไม่คิดว่าที่เคยได้ยินใครๆเค้าพูดกันว่าคนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนิสัยการกระทำก็จะคล้ายกันมากขึ้นนั้นจะเป็นความจริง แต่วันนี้
เธอคงต้องเชื่อแล้วล่ะก็ดูสองคนนั้นสิ เดี๋ยวนี้พี่ฟานี่ติดนิสัยกวนตีนของอิแทแล้วเหรอไงเนี่ยฮึ่ย
ยุนอามองตามด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะชักชวนแฟนตัวเองกลับไปที่หอเธอบ้าง เมื่อกลับมาถึงห้องก็เห็นแทยอนนั่งกินขนม
มันฝรั่งทอดอยู่บนเตียงแต่สายตามันกลับจ้องเขม็งไปที่พี่ฟานี่ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง
“พี่ซีวอนโทรมาเหรอ” ยุนอาย่องเข้าไปกระซิบใกล้จนแทยอนหันมาถมึงตาใส่
“ปาก!”แค่คำพูดสั้นๆไม่พอถึงกับส่งเท้าไปยันยุนอาจนแทบกระเด็น คนร่างสูงที่โดนเพื่อนตัวเล็กทำร้ายร่างกายเดินไป
ออดอ้อนกอดแฟนให้เค้าปลอบขวัญราวเจ็บปวดหนักหนาทำให้แทยอนที่มองตามเกิดความหมั่นไส้ไม่น้อย
“อ้าวยุน นึกว่าจะออกไปข้างนอกกับเจสสิก้าซะอีก” ทิฟฟานี่ที่พึ่งคุยสายจบหันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องเห็นยุนอากำลัง
นอนอ้อนแฟนอยู่
“วันนี้พวกฉันยังไม่มีแพลนจะไปไหนเลยพี่ทิฟฟานี่” ทิฟฟานี่แปลกใจกับสรรพนามการเรียกของเจสสิก้า
“ยุนเล่าเรื่องฉันให้ฟังแล้วเหรอ?” เจสสิก้าพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ ทิฟฟานี่เพียงแค่ยิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างแทยอนที่ทำ
เป็นเมินกินขนมถุงในมือไม่หยุด
“ตัวเล็ก”
“อะไรล่ะ”
“ฟานี่ต้องไปข้างนอกก่อนนะ คืนนี้มารับฟานี่ด้วย”
“จะไปไหน”
“ธุระ ถ้าเสร็จธุระก่อนค่ำจะโทรมาหานะจะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” ทิฟฟานี่หันไปจุ๊บปากทีนึงแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าถือ
ตัวเองออกไปจากห้อง ยุนอากับเจสสิก้ามองตากันแล้วหันมามองหน้าแทยอน
“แท พี่ฟานี่ออกไปหาพี่ซีวอนเหรอ”
“ยังไม่หยุดนะแกเนี่ย ไม่รู้ใครโทรมาแต่คงไม่ใช่หมอนั่นหรอก”
“อ้าว แล้วแกจะไปไหนล่ะนั่น” ยุนอาเห็นแทยอนเดินไปหยิบกระเป๋าเงินมือถือกับเสื้อแจ๊กเกตฮู๊ดขึ้นมาแล้วเดินไปทาง
ประตูห้อง
“ไม่อยากอยู่ดูหนังสดเว้ย” แทยอนบอกแค่นั้นแล้วออกไปพร้อมเสียงปิดประตูดังลั่น ยุนอาส่ายหัวน้อยๆดูจากสีหน้า
อาการแล้วแทยอนไม่ได้ออกไปข้างนอกตามสาเหตุที่เค้าพูดมาแน่ๆ
“ยุนไปห้องสิก้าไหมแล้วบอกให้แทยอนกลับมา สิก้ารู้สึกไม่ดีที่ทำให้แทยอนต้องไปอยู่ข้างนอกแทนหน่ะ”
“อย่าไปสนมันเลยสิก้า เชื่อเถอะที่มันออกไปน่ะ...เพราะพี่ฟานี่ต่างหาก” เจสสิก้าฟังยุนอาพูดด้วยความสงสัยแต่ยุนอาก็
บอกไม่ให้คิดมาก แต่แววตาเจสสิก้ายังคงดูมีเรื่องอะไรอยู่ในใจจนยุนอาสงสัย
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ไม่เชื่อที่ยุนพูดเหรอ” เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาและรอยยิ้มแสนอบอุ่นของยุนอาทำให้
หัวใจเกิดเจ็บแปร๊บขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดขึ้นมาชั่ววูบ เจสสิก้ากอดร่างยุนอาแน่นแทนคำตอบให้กับแฟนเธอ ในใจยังคงมี
แต่ความไม่สบายใจในเรื่องที่ตัวเองพึ่งทำมา...การที่ไปเจอกับคนที่ได้ชื่อว่าแฟนเก่าโดยที่แฟนใหม่ไม่รู้....เธอ..
ควรจะเล่าเรื่องที่ไปเจอจุงกิมาหรือเปล่า...แต่ว่า...หลังจากนี้จุงกิคงจะตัดใจจากเธอได้จริงๆและคงไม่ตามมาวอแวหรือ
วุ่นวายกับเธออีกแล้วล่ะ...บางเรื่อง...
การไม่พูดอาจจะดีกว่า....
เจสสิก้าเลือกที่จะปกปิดเรื่องที่ไปเจอกับแฟนเก่ามา ถ้าเธอไม่พูดก็จะไม่มีใครรู้ เรื่องราวระหว่างเธอกับยุนอากำลังเป็นไป
ด้วยดี...เธอจะรักษาความสัมพันธ์กับยุนอาเอาไว้ให้ดีที่สุด.....
ความลับระหว่างคู่รัก..หลายๆครั้งที่ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้เพราะการเลือกสิ่งที่ควรบอกหรือไม่ควรบอกต่อกัน..
แต่บางครั้งสิ่งที่ไม่ควรปกปิดก็มี...
เพราะมันอาจจะนำปัญหามาให้ในภายหลังยังไงล่ะ...
“นัดใครไว้วะ หรือนัดกับอิเสี่ยนั่นจริงๆแต่ไม่ยอมบอกกัน”แทยอนบ่นพึมพำกับตัวเองขณะแอบดูทิฟฟานี่อยู่ห่างๆในจุดที่เธอ
คิดว่าอีกคนมองไม่เห็นเธอแน่ๆ มีธุระอะไรถึงได้มานัดเจอกันที่ห้างแบบนี้
แทยอนแอบดูอยู่สักพักก็เห็นผู้หญิงผมสั้นใส่แว่นตาทรงกลมคนหนึ่งเดินเข้าไปทักทิฟฟานี่ ดูท่าแล้วคงจะเป็นคนที่นัดกับ
ทิฟฟานี่ไว้จริงๆพวกเค้ายืนคุยกันอยู่ไม่นานก็พากันเดินไปที่อื่นจนเจ้าตัวเล็กรีบสะกดรอยตามไปติดๆจนเห็นทั้งคู่ขึ้นมาถึง
ชั้นโรงหนังทำให้แทยอนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ธุระ? ธุระคือการมาดูหนังกับไอ้แว่นหัวเห็ดเนี่ยนะ นี่อย่าบอกนะว่ามีคนมาจีบฟานี่
แทยอนรีบเดินจ้ำเท้าแทรกเข้าไปในกลุ่มคนจนตามหลังพวกทิฟฟานี่ทันและเริ่มไม่ชอบใจมากขึ้น
เมื่อเดินตามหลังพวกเค้าใกล้ๆแล้วเห็นสีหน้าที่ดูมีความสุขตอนพูดคุยกันของทั้งสองคนทำให้หน้ามืดตามัวไปหมด
พลั่ก!
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ” ผู้หญิงผมสั้นที่มากับทิฟฟานี่ชนกับใครบางคนเข้าก็รีบหันไปขอโทษก่อนแต่อีกฝ่ายท่าทางคงจะไม่รับ
คำขอโทษแน่ๆ และอีกอย่างทางเค้าเป็นคนตั้งใจเข้ามาชนเองด้วยซ้ำ
“แกเป็นใคร” แววตาที่ดูไม่เป็นมิตรบวกกับน้ำเสียงที่แสดงถึงความไม่พอใจจากแทยอนทำให้เค้าสงสัยว่ากำลังเจอพวก
อันธพาลอะไรหรือเปล่าก็ขอโทษไปแล้วนี่นายังจะเอาอะไรอีก ส่วนทิฟฟานี่นั้นพอเห็นว่าเป็นแทยอนก็ต้องถอนหายใจ
ออกมา
“ตัวเล็ก แอบตามฟานี่มาเหรอ”
“อะไร!ใครตาม...ก็แค่ออกมาเที่ยว ไม่อยากอยู่ห้องเป็นกขคเพื่อน” แทยอนลอยหน้าลอยตาปฏิเสธเสียงแข็งใส่คนตรงหน้า
อย่างไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
“พี่ฟานี่ นี่เด็กที่บริษัทพี่เหรอ”
“ฉันไม่ใช่เด็กที่บริษัทเค้ายัยแว่นหัวเห็ด!” ทิฟฟานี่กลับมองแทยอนที่เริ่มแผลงฤทธิ์ด้วยรอยยิ้มไม่มีทีท่าจะโกรธอะไร
สักนิด
“ไปซื้อตั๋วก่อนเถอะเดี๋ยวฟานี่คุยกับเค้าเอง” หญิงสาวบอกกับคนที่มาด้วยกันพร้อมกับส่งเงินให้ พอแทยอนเห็นทิฟฟานี่ให้
เงินผู้หญิงคนนั้นไปก็ยิ่งควันออกหูขึ้นไปอีกทำท่าจะเดินตามเค้าไปแต่ทิฟฟานี่ดึงมือแทยอนเอาไว้
“จะไปไหนคะ คนที่ตัวเล็กมีธุระด้วยน่าจะเป็นฟานี่มากกว่านะไม่ใช่เค้า”
“ยัยหัวเห็ดนั่นใคร”
“คนรู้จัก”
“คนรู้จัก??? มาดูหนังกับคนรู้จักนี่เรียกว่าธุระเหรอฟานี่”
“เรื่องมันยาวน่ะตัวเล็กกลับไปรอที่ห้องก่อนนะเดี๋ยวดูหนังเสร็จแล้วจะรีบไปหา”
“ฟานี่!”
“เอาเป็นว่าฟานี่ติดเลี้ยงหนังเค้าเพราะเค้าช่วยงานฟานี่ ถ้าตัวเล็กอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ก็ต้องรอนะ ถ้าไม่ดูกับเค้า
วันนี้วันอื่นก็ต้องมาเจอเค้าอีกอยู่ดี”
“ก็จ่ายค่าหนังให้มันไปแล้วหนิ ตอนนี้ก็กลับได้แล้วสิ”
“ไม่ได้ค่ะต้องอยู่ดูหนังกับเค้าก่อนจะทิ้งเค้าไว้คนเดียวได้ยังไงคะน่าเกลียดนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่าไม่มีอะไรหรอกตัวเล็ก”
ทิฟฟานี่ใช้ปลายนิ้วชี้กดที่ปลายจมูกแทยอนเล่นเบาๆ
“พี่ฟานี่...ได้ตั๋วแล้วค่ะ” ผู้หญิงหัวเห็ดที่แทยอนว่าเดินกลับมาพร้อมกับชูตั๋วหนังในมือและยิ้มให้ด้วยความสดใส
ทิฟฟานี่หันไปยิ้มให้ก่อนจะหันมาหาแทยอนอีกครั้ง
“เป็นเด็กดีนะแทแท” มือเรียวจับปลายคางเด็กน้อยของเธอเชิดขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าไปประทับจูบคนใจร้อนอย่างรวดเร็ว
แล้วผละตัวออกมา การกระทำของทิฟฟานี่ไม่ใช่แค่แทยอนที่ตกใจแต่คนที่จะไปดูหนังกับทิฟฟานี่ก็มองด้วยสีหน้า
ช็อคด้วยเช่นกัน
“พี่ฟานี่ ทำไม...จะ จูบ เด็กคนนี้” ทิฟฟานี่หันมายิ้มหวานให้คนถามก่อนจะตอบ
“ขอโทษนะที่คนของพี่ทำกริยาไม่ดีใส่ เราไปดูหนังกันเถอะ”ทิฟฟานี่ดันหลังคนที่นัดเธอมาให้เดินไปด้านในโดยไม่ลืมหัน
กลับมาโบกมือลาแทยอนที่ยังยืนตะลึงอยู่กับที่เพราะโดนฉวยโอกาสในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้ ส่วนคนที่เดิน
ไปกับทิฟฟานี่ยังช็อคกับภาพที่เห็นไม่หาย เธอพยายามตามจีบทิฟฟานี่มาได้สักพักแล้วโดยใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้างในการ
เข้าหาพยามยามช่วยงานต่างๆนาๆจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจึงขอรางวัลด้วยการมาเดทด้วยจนได้แต่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
ตบท้ายด้วยคำที่บอกสถานะว่าอีกคนนั้นเป็นคนพิเศษเพียงคนเดียวของทิฟฟานี่ทำเอาเธอถึงกับสมองว่างเปล่าเหมือนคน
ไร้วิญญาณไปทันที...เมื่อแทยอนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ได้สติแล้วหันไปมองรอบๆก็เห็นคนมองมาทางเธอไม่น้อยจนต้องรีบเดิน
ออกจากโซนนั้นไปอย่างรวดเร็ว
คนตัวเล็กเดินโต๋เต๋อยู่แถวนั้นได้พักใหญ่ก็ตัดสินใจจะกลับห้อง เธอจึงโทรกลับไปหายุนอาและทางเพื่อนก็บอกให้กลับมา
ได้เลยไม่มีปัญหาแม้ว่าเจสสิก้าจะยังอยู่ที่ห้องด้วยก็ตาม เมื่อคิมแทยอนกลับมาถึงห้องก็เดินเลยไปนั่งหน้าจอทีวีเปิดเกมส์
เล่นคนเดียวเงียบๆปล่อยให้สองคนที่อยู่ในห้องเกิดความสงสัยไม่น้อย บรรยากาศที่น่าอึดอัดแผ่กระจายรอบตัวแทยอนทำ
ให้ยุนอาเริ่มทนไม่ไหว
“แท พี่ฟานี่ล่ะ”
“ไม่รู้” แทยอนตอบเสียงนิ่งเหมือนไม่มีอะไรแต่ยุนอาดูก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติของเพื่อนเธอเลย
“แกไม่ได้ตามพี่ฟานี่ไปหรือไง” ยุนอาพยายามถามให้โดนจุดเผื่อจอมปากแข็งจะยอมพูดอะไรออกมาบ้างแต่ก็ไม่มีเสียง
ตอบกลับจากแทยอนจนต้องยอมแพ้ แทยอนยังคงใช้เวลาอยู่กับเกมส์คนเดียวปล่อยให้ยุนอากับเจสสิก้านั่งสวีทกันอยู่บน
เตียงสองคนเหมือนอยู่กันคนละโลก ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
ยุนอาและเจสสิก้าหันไปทางประตูพร้อมๆกันผิดกับแทยอนที่ยังไม่ทีท่าจะสนใจรอบข้างแม้จะแอบสะดุดกับเสียงเคาะประตู
ไปบ้าง
“ไอ้แท เมียมาแล้วมั้งนั่นไปเปิดประตูสิ” แทยอนยังคงนั่งนิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้จนยุนอาที่เรียกซ้ำถึงสามรอบหงุดหงิดจนลุกจาก
เตียงลงมาถีบหลังเพื่อนเต็มแรงแล้วเดินไปประตูซะเอง ยุนอากระซิบฟ้องกับทิฟฟานี่เบาๆว่าตั้งแต่แทยอนกลับมา
ไม่พูดไม่จาอะไรเลยแต่ยังไม่ทันที่ทิฟฟานี่จะเดินเข้าไปหาแทยอนเจ้าตัวก็วางจอยส์เกมแล้วเดินขึ้นไปมุดผ้าห่ม
คลุมโปงซะอย่างนั้นทำให้เจสสิก้ายุนอาและทิฟฟานี่มองเป็นตาเดียว
“พี่จัดการเอง” ทิฟฟานี่ตบบ่ายุนอาเบาๆแล้วเดินไปนั่งลงที่เตียง ตั้งแต่ที่บอกว่าชอบให้หวงเจ้าตัวเล็กของเธอก็ขยันหึง
ขยันหวงเธอซะจริงๆ
“ตัวเล็กฟานี่หิวแล้วนะออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” มือเรียวเอื้อมไปลูบช่วงไหล่ของแทยอนแม้ยังไม่เปิดผ้าห่มออกมาคุย
ด้วยดีๆก็เถอะ
“...........................”
“เอ.....ท่าทางคนแถวนี้ไม่อยากไปกินข้าวกับฟานี่ งั้นโทรเรียกคนอื่นไปแทนก็ได้” ทิฟฟานี่แกล้งละมือจากไหล่แทยอน
มาหยิบมือถือในกระเป๋า
“จะไปกับใครอีกล่ะ” เจ้าคนตัวเล็กรีบตวัดผ้าห่มออกลุกขึ้นมานั่งทำหน้างอขึ้นเสียงใส่ คนโตกว่าเพียงสบตาด้วยแล้ว
ยิ้มหวานให้ดังเช่นปกติ
“ไปกับตัวเล็กไงคะ” มือเรียวจับปลายคางแทยอนส่ายไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว ก็บอกไปคร่าวๆแล้วยังจะงอนซะอีกเด็ก
คนนี้ ยุนอากับเจสสิก้าที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆพากันแอบยิ้มกับการกระทำของพี่ทิฟฟานี่
“ไอ้เห็ดนั่นตกลงเจอที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง แล้วทำไมต้องเลี้ยงหนังมันด้วย...มันมาจีบสินะ ทำงานที่ผับหรือไง
ทำไมแทไม่เคยเห็น” คำถามถูกยิงออกจากปากคนตัวเล็กไม่ยั้งจนทิฟฟานี่นึกขำอยู่ในใจ
“เค้าเป็นคนช่วยหาที่เที่ยวใหม่ๆในเกาหลีมาเสนอให้แถมจัดการจองห้องพักและติดต่อคนนำเที่ยวเตรียมไว้ให้ฟานี่ไป
คุยงานด้วย ฟานี่ก็เลยต้องเลี้ยงหนังตามที่เค้าเคยขอไว้น่ะ” แทยอนฟังแล้วยังข้องใจไม่หายมันดูไม่เคลียร์ยังไงชอบกล
“มันมาจีบฟานี่ใช่ไหม ไม่งั้นจะขอให้ไปดูหนังด้วยทำไม”
“ค่ะ” ทิฟฟานี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงหวานแถมส่งยิ้มจนตาปิดราวกับภาคภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเอง
“ย่าห์!” พอแทยอนทำท่าจะโมโหขึ้นมาอีกครั้งทิฟฟานี่ก็ทำเสียงจุ๊ปากแล้วลูบหัวแทยอนเบาๆ
“ที่ฟานี่ทำกับแทที่หน้าโรงหนังขนาดนั้นยังจะห่วงเรื่องเค้ามาจีบฟานี่อีกเหรอ หืม?” ทิฟฟานี่ทบทวนความจำที่เกิดขึ้น
กลางห้างให้แทยอนต้องกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
“เอ่อ ขอเผือกค่ะ ทำขนาดนั้น..คือทำอะไรคะ” ยุนอายกมือเพื่อถามคำถามทำให้เจสสิก้าตีมือเค้าลงว่าไปยุ่งตอนเค้า
เคลียร์กันทำไมเนี่ย
“อย่าเสือกอิยุน!” แทยอนหันควับไปเหวี่ยงใส่เพื่อนแทนคำตอบสร้างความหมั่นไส้ให้ยุนอาต้องแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
“ไปกินข้าวกันได้หรือยัง จะปล่อยให้ฟานี่ปวดท้องเพราะไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“ก็ไปสิ แทไปเปลี่ยนชุดก่อนจะได้เลยไปผับต่อเลย...ใช่ไหมล่ะ” แทยอนตอบอย่างรู้ตารางชีวิตของทิฟฟานี่เป็นอย่างดี
“งั้นพาฟานี่กลับห้องไปเปลี่ยนชุดก่อนนะแล้วค่อยไปกินข้าวกัน”
“ค่าๆ”
“อ่อแล้วมะรืนนี้ฟานี่ไม่อยู่นะคะจะกลับมาโซลอีกทีก็วันศุกร์เลย” แทยอนที่กำลังจะลุกจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องชะงัก
ด้วยความสงสัย
วันมะรืน..เป็นวันพุธ กลับโซลวันศุกร์?
“เดี๋ยว ฟานี่จะไปไหน”
“ฟานี่ก็จะไปเซอร์เวย์เพื่อทำทริปใหม่ของบริษัทตามที่คนนั้นเค้าจัดการหาไว้ให้ไงคะ”
“ไปกับยัยเห็ดเน่านั่นอ่ะนะ!!!”
“เปล่าไปคนเดียว แล้วช่วยเรียกเค้าให้ดีๆหน่อยเถอะคุณคิมแทยอน” ทิฟฟานี่ชักจะหมั่นไส้ยัยตัวเล็กนี่เข้าไปทุกที
“ไม่รู้แหละแทจะไปด้วย”
“หืม? ฟานี่ไปทำงานนะตัวเล็ก”
“ฟานี่ก็ไปทำงานสิ แทก็แค่จะไปเที่ยวนี่มันปิดเทอมของแทนะก็อยากไปเที่ยวมั่งดิ”
“เฮ้ยๆ คิมแท ไหนแกบอกว่าพรุ่งนี้เราจะเริ่มทยอยจัดการการบ้านปิดเทอมกันไงนี่ยังไม่ได้เริ่มแตะสักตัวเลยนะ” ยุนอา
ขัดขึ้นหลังจากที่ได้ยินเพื่อนงอแงจะตามแม่ทูนหัวไปเที่ยวด้วย ตอนแรกทิฟฟานี่เกือบจะใจอ่อนยอมให้ไปด้วยแล้วเชียวนะ
แต่พอได้ยินยุนอาบอกอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจทันที
“อยู่ทำการบ้านให้เรียบร้อยเลยนะตัวเล็ก ฟานี่ไปไม่กี่วันก็กลับแล้ว”
“แค่การบ้านไม่กี่วิชาเที่ยวเสร็จค่อยกลับมาทำก็ยังได้”
“นี่จะไปให้ได้เลยใช่ไหม”
“แน่สิ!”
“โอ้ย ไอ้คนติดเมีย” ยุนอาพูดลอยๆขึ้นมาทำให้แทยอนเตรียมที่จะกระโจนใส่เพื่อนจนทิฟฟานี่ต้องรั้งตัวไว้ในอ้อมกอด
ยุนอาทำเป็นไม่สนใจหันไปคุยกระหนุงกระหนิงกับเจสสิก้าแทน ทิฟฟานี่ยิ้มบางๆอย่างอ่อนใจในความดื้อรั้นที่นับวันจะมี
มากขึ้นของแทยอนก่อนจะยอมให้เค้าไปด้วยและเร่งให้แทยอนไปเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอกและสั่งให้แทยอนทำตัวดีๆ
ไม่งั้นจะแอบหนีไปทริปคนเดียว ทุกอย่างเป็นไปตามแพลนที่แทยอนวางเอาไว้ตั้งแต่พากันออกจากห้องไปคอนโดเพื่อให้
ทิฟฟานี่ได้อาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าใหม่ไปจนถึงกินข้าวเย็นด้วยกันนับว่าเป็นช่วงเวลาดีๆของทั้งคู่หลังจากที่มีปัญหาหึงหวง
ไม่เข้าท่าของแทยอนจนกระทั่งมาที่ผับอารมณ์ดีๆของแทยอนก็ดาวน์ลงทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของผับ
วันนี้พี่ซีวอนโผล่มาที่ผับด้วย เพราะทิฟฟานี่โทรไปบอกเอาไว้ว่าจะไม่ได้เข้ามาดูงานที่ผับสักสามสี่วันเพราะต้องไปดูงาน
ต่างจังหวัด ซีวอนเลยตั้งใจมาหาทิฟฟานี่ก่อนเพราะพรุ่งนี้เค้าคงมาไม่ได้
“ตัวเล็ก...ทำตัวดีๆนะ” ทิฟฟานี่หันไปกำชับอย่างเป็นห่วง
“รู้แล้วน่า” แม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยและมีน้ำเสียงปกติ ทิฟฟานี่ก็อดกังวลใจไม่ได้ ทำได้แต่ลอบมองแล้วถอนหายใจน้อยๆ
ก่อนจะเดินจากโต๊ะที่แทยอนนั่งไปหลังร้านกลัวว่าถ้าเสียเวลาคุยกับแทยอนนานกว่านี้พี่ซีวอนที่แวะไปดูงานหลังร้านก่อน
จะออกมาตามถึงที่ให้คนตัวเล็กหงุดหงิดมากขึ้น
เมื่ออยู่คนเดียวแทยอนนั่งฆ่าเวลาด้วยการมองบรรยากาศรอบๆร้านที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงหัวเราะของผู้คนที่มา
พักผ่อนหาความสุขใส่ตัวในยามค่ำคืนคงมีแต่เธอที่ดูจะแตกต่างจากคนอื่นมาก คิมแทยอนตอนนี้ไม่เหมือนคนก่อนที่เฮฮา
เริงรื่นกับสาวๆที่เจอในสถานบันเทิงอีกแล้ว..มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเบอร์เผื่อจะชวนใครมานั่งเล่นรอจนกว่า
ทิฟฟานี่จะเสร็จงานแต่ก็ไม่รู้จะชวนใครดี รูมเมทตัวสูงก็พึ่งจะมีข้าวใหม่ปลามันกับแฟนเลยไม่อยากจะขัดเวลาส่วนตัวสัก
เท่าไหร่ แต่แทยอนคงจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง....ว่าปกติตัวเธอเองก็เป็นคนเนื้อหอมอยู่แล้วเพราะฉะนั้น...
“มาคนเดียวเหรอคะ”
เสียงใสดังขึ้นใกล้ๆหูก่อนจะมีมือขาวของคนพูดวางลงบนไหล่พร้อมส่งยิ้มให้อย่างมีความหมายเมื่อแทยอนเงยหน้าขึ้นมอง
“เปล่า” เมื่อได้ยินคำปฏิเสธนิ่งๆเรียบๆกลับมาหญิงสาวคนนั้นก็ได้แต่แอบทำหน้าเสียดายเล็กน้อย
“รอเพื่อนอยู่เหรอ ให้นั่งรอเป็นเพื่อนไหมคะ” แทยอนไม่ทันจะตอบหญิงสาวก็ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆแทยอนแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก ขอตัวก่อนนะ” แทยอนยิ้มให้อย่างมีมารยาทก่อนจะแกล้งหยิบซองบุหรี่ขึ้นมาเพื่อสื่อว่าจะออกไปสูบบุหรี่
ข้างนอกปล่อยให้หญิงสาวนั่งเก้อทำตาละห้อยมองตามแทยอนไปด้วยความเสียดาย
ฟู่ว
ควันที่ถูกพ่นออกจากปากแทยอนเป็นทางยาวอาจจะสีเดียวกับความรู้สึกขุ่นมัวในใจตอนนี้ก็ได้ ปกติมานั่งรอทิฟฟานี่เสร็จงาน
มันก็ไม่ได้น่าเบื่อเท่ากับเวลาที่ซีวอนมา ในใจแทยอนมีแต่ความอึดอัดที่ต้องยอมรับและอดทนให้ได้ตามที่ทิฟฟานี่ขอไว้
ตอนนี้เธอคงทำได้เพียงรอเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ที่ทิฟฟานี่ไม่ต้องพึ่งพาซีวอนแล้วทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ ที่จริงถ้าเธอ
มีฐานะมากกว่านี้....มันอาจจะง่ายขึ้น....แต่...ความจริงมันก็ยังเป็นความจริง...
เธอเป็นแค่เด็กมหาลัยปีสามฐานะทางบ้านก็อยู่ในระดับปานกลางมีกินมีใช้แต่ไม่ได้ถึงกับร่ำรวยอะไรมากมาย
ยังไม่มีรายได้เป็นของตัวเองต้องแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลยแถมตอนนี้...
เป็นทิฟฟานี่ซะอีกที่คอยเลี้ยงดูให้เงินเธอใช้ไม่ขาด
น่าเจ็บใจชะมัด
แทยอนได้แต่คิดคับแค้นใจตัวเองอยู่ในอกก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นปลายเท้าบดขยี้จนหมดแสงไฟทั้งที่สูบบุหรี่เสร็จแล้ว
แต่แทยอนก็ยังไม่คิดอยากจะกลับเข้าไปในร้านเลยเลือกที่จะยืนรับอากาศอยู่ข้างนอกจนรู้สึกว่าจิตใจตัวเองสงบขึ้นบ้างก็
ตัดสินใจจะกลับเข้าไปนั่งรอทิฟฟานี่ตามเดิมแต่แค่เพียงหันหลังกลับก็เห็นหญิงสาวยืนมองอยู่ไม่ห่างมากนัก
“ฟานี่” แทยอนยังไม่ทันจะก้าวขาไปกลับเป็นทิฟฟานี่ที่เป็นฝ่ายก็เดินมาถึงตัวแทยอนซะก่อน
“กลับกันเถอะตัวเล็ก”
“แล้ว...”
“พี่ซีวอนกลับไปแล้ว” ดวงตาหวานมองคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนมือเรียวลูบผมเค้าน้อยๆ หลังจากซีวอนกลับไปเธอก็กลับ
เข้าไปในผับแต่ไม่เห็นแทยอนนั่งอยู่ที่เดิม เธอจึงเดินเข้าไปดูในห้องน้ำก็ไม่พบเลยออกมาดูข้างนอกจึงเห็นแทยอนยืนสูบ
บุหรี่อยู่...แต่เธอก็ไม่เข้ามาหาเค้าแต่แรกเพราะเห็นใบหน้าของแทยอนที่เหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดอะไรบางอย่าง
เลยยืนดูอยู่เงียบๆจนในที่สุดเค้าก็หันกลับมาเห็น
“ไม่ต้องดูงานอะไรต่อแล้วเหรอ” ทิฟฟานี่เพียงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม ที่จริงก็มีงานที่ต้องดูตามปกติเหมือนทุกๆวันแต่ด้วย
ความเป็นห่วงความรู้สึกของแทยอนที่ต้องมาเจอกับซีวอนมันมีมากกว่าเลยไม่อยากปล่อยไว้คนเดียวแล้วล่ะ
“วันนี้ไปค้างห้องฟานี่ไหม?”
“ก็ได้ยังไม่ดึกมากเดี๋ยวแทกลับไปเอาเสื้อที่หอก่อนละกัน”
“โอเค๊ ถ้าอย่างนั้นกลับหอตัวเล็กกัน”
ค่ำคืนนั้นทิฟฟานี่เลือกที่จะไม่ถามอาการของแทยอนที่เธอเห็นตอนอยู่ที่ผับเธอพอจะมองออกว่าเค้าเป็นอะไรและเธอก็
เลือกที่จะปล่อยเรื่องราวไว้อย่างนั้นเพราะหากไถ่ถามไปแล้วอาจจะพาลทะเลาะกันได้ เธอแค่เพียงบอกให้แทยอนกลับไป
เตรียมเสื้อผ้าในวันรุ่งขึ้นสำหรับทริปที่จะไปกันว่าให้เอาอะไรไปบ้างรวมถึงมีข้อแม้อย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาที่แทยอนต้องทำ
ไม่งั้นก็จะไม่พาเค้าไปด้วย..จนถึงวันเดินทางทิฟฟานี่นัดเวลาแทยอนให้ลงมาเจอเธอที่หน้าปากซอยหอคนตัวเล็กใน
ช่วงเช้า
“นี่มันอะไรฟานี่”
แทยอนที่โดนโทรเร่งยิกๆให้รีบออกมาตั้งแต่ห้านาทีก่อนพอมาถึงปากซอยก็เห็นทิฟฟานี่ขับรถมาจอดรออยู่แล้ว...
“รีบๆขึ้นมาก่อนเร็วตัวเล็ก” ทิฟฟานี่เร่งให้แทยอนขึ้นมาก่อนเพราะเธอเปิดไฟกระพริบรอแทยอนมาได้เกือบนาทีแล้วพอ
แทยอนขึ้นรถทิฟฟานี่ก็รีบออกรถทันที
“มีใบขับขี่ด้วยเหรอเนี่ย” แทยอนถามพร้อมกับเอี้ยวตัวไปคาดเข็มขัด
“ฟานี่อายุเท่าไหร่แล้วตัวเล็ก” ทิฟฟานี่ตอบแล้วหัวเราะเล็กๆ
“ไปเอารถใครมาขับ”
“มีคนจัดการให้น่ะ เดี๋ยวตอนกลับโซลมาค่อยเอาไปคืน”
“ไอ้หัวเห็ดนั่นอีกแล้วเหรอ” แทยอนเบ้หน้าทำรังเกียจขึ้นมาทันที พอคิดว่าเป็นรถของคนที่มาจีบทิฟฟานี่ก็อยากจะลงซะ
ตอนนี้
“ไม่ใช่รถเค้าหรอกน่า รถเช่าน่ะตัวเล็ก แค่เค้าจัดการหาที่ๆไว้ใจได้ทำเรื่องเช่ามาให้เรื่องเงินอะไรฟานี่เป็นคนจัดการเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแทยอนก็ค่อยทำใจได้หน่อย นอกจากตอนที่ได้ไปเที่ยวสวนสนุก Everlandกับทิฟฟานี่ นี่คงเป็นครั้ง
แรกที่ได้ไปเที่ยวตจว.แบบค้างคืนด้วยกันสองคนถึงแม้ที่จริงจะเป็นเรื่องงานซะมากกว่าแต่มันก็ถือว่าได้เที่ยวไปในตัวแหละ
ระหว่างทางทิฟฟานี่ก็แวะพักที่จุดพักรถหากาแฟและขนมไว้ทานเล่นนิดหน่อยแทยอนทำได้เพียงนั่งชวนคุยอยู่เป็นเพื่อน
ตลอดทาง แม้อยากจะช่วยขับก็คงไม่ได้...ก็ขับรถไม่เป็นนี่นาใบขับขี่ก็ไม่มีจะช่วยดูแผนที่ก็คงไม่ต้องในเมื่อทิฟฟานี่ศึกษา
เส้นทางมาแล้วรวมถึงเปิดGPSช่วยนำทางไปจนถึงจุดหมายที่หุบเขา Gyeongban เจ้าหน้าที่ที่ได้ติดต่อกันไว้ก็นำทาง
ไปชมที่พักหลากหลายแบบที่ให้บริการทั้งแบบ บ้านพักหลังเล็กส่วนตัวแบบห้องพักที่อยู่ในตึกเดียวกัน จุดตั้งแคมป์เพื่อ
เป็นข้อมูลในการจัดทริปของทิฟฟานี่ก่อนที่จะนำพาทิฟฟานี่มาที่บ้านพักหลังเล็กแบบส่วนตัวที่ได้จองเอาไว้
“พักผ่อนให้สบายนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูสถานที่เที่ยวต่อ ขาดเหลืออะไรโทรเรียกได้เลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ยื่นกุญแจให้
ก่อนจะขอตัวกลับออกไป
“ตัวเล็กจัดของก่อนซิอย่าพึ่งไปเล่นซน” ทิฟฟานี่รีบขัดแทยอนที่ทิ้งกระเป๋าลงพื้นแล้วทำท่าจะออกไปเดินสำรวจบริเวณ
รอบๆบ้านพัก แทยอนจึงเดินกลับมาหยิบกระเป๋าเป้ตัวเองเอาเสื้อผ้าออกมาจัดใส่ตู้ไว้ตามทิฟฟานี่สั่ง
“เอาการบ้านมาหรือเปล่า” ทิฟฟานี่ถามขึ้นอีกครั้งระหว่างที่เธอกำลังหยิบของจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเอง
เพราะนี่คือข้อแม้ที่แทยอนต้องทำหากต้องการจะมากับเธอถึงจะขอตรวจล่าช้าไปหน่อยก็ตาม
“เอามาน่า” แทยอนหยิบชีทเป็นเล่มสองเล่มและสมุดโน้ตขึ้นมาให้ทิฟฟานี่ดู
“ถ้าแทแทจัดของเสร็จแล้วก็ทำการบ้านเลยนะคะ”
“ห๊า? พักก่อนไม่ได้เหรอเราพึ่งมาถึงเองนะแทอยากออกไปเดินเล่นอ่ะฟานี่ ข้างนอกอากาศดีจะตายแทพึ่งเคยมาที่นี่
ครั้งแรกเลยนะ”
“ฟานี่บอกให้ทำก่อนก็ทำสิคะตัวเล็ก” ทิฟฟานี่หันมาทำตาดุใส่จนแทยอนไม่กล้าเถียงด้วยเลยกระโดดขึ้นไปบนเตียง
นอนคว่ำหน้าเปิดชีทและสมุดโน๊ตเริ่มทำการบ้านทันที เวลาผ่านไปได้สักพักทิฟานี่ที่จัดของตัวเองใกล้จะเสร็จหันมาดู
แทยอนเห็นเค้ากำลังทำหน้ามุ่ยมือไม่ขยับสักนิดจึงเดินเข้าไปดูเห็นเค้ากำลังทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษอยู่
“ทำไมไม่เอาดิคมาเปิดถ้ามันอ่านไม่เข้าใจอ่ะแทแท” ทิฟฟานี่ถามเมื่อเห็นแทยอนใช้มือถือกดเซิสคำโน้นคำนี้ไม่หยุด
“ดิคมันหนักนี่แบบนี้ก็หาได้ง่ายจะตาย”
“มาฟานี่ช่วย” ทิฟฟานี่เดินไปนั่งข้างแทยอนถึงแม้ตัวเธอจะไม่ได้เรียนถึงมหาวิทยาลัยแต่เรื่องภาษาเนี่ยยังไงเธอก็มั่นใจ
ว่าเก่งกว่าแทยอนแน่ๆ คนตัวเล็กจับจ้องริมฝีปากนุ่มที่กำลังสอนภาษาอังกฤษให้เธอฟังบอกได้เลยว่าที่ทิฟฟานี่พูดมา
ตอนนี้ไม่ได้เข้าหูเธอเลยสักนิด ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งพอได้มองทุกส่วนบนใบหน้าทิฟฟานี่ใกล้ๆเป็นต้องหลงลืมทุกสิ่งไปทุกที
แม้ใครๆอาจจะบอกว่ามีคนสวยกว่าทิฟฟานี่อีกมากแต่สำหรับเธอ...คนๆนี้มีเสน่ห์มากจนมองยังไงก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย
“ตัวเล็ก ตัวเล็ก ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ทิฟฟานี่สังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องเธอค้างจนผิดปกติเลยเรียกสติเด็กกลับมา
"เอ่อ วะ ว่าไงนะฟานี่”
“ตั้งใจฟังหน่อยสิคะ จะได้ทำการบ้านเสร็จเร็วๆแล้วไปเที่ยวไง”
“อ่อ อืม ขอโทษที” คนตัวเล็กก้มหน้าหลบสายตาไม่กล้าบอกเหตุผลที่ใจลอยให้เค้าฟัง ทิฟฟานี่เริ่มอธิบายใหม่ทั้งหมดอีก
ครั้งทีนี้แทยอนตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ยิ่งฟังสิ่งที่เค้าสอนให้เธอเข้าใจอย่างง่ายดายก็ยิ่งคิดว่าตัวเองยังห่างไกลกับซีวอนที่ดู
เป็นที่พึ่งพาให้กับทิฟฟานี่ได้มากกว่านัก
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปสักวันแกอาจจะโดนเค้าทิ้งก็เป็นได้นะคิมแทยอน
ความคิดฟุ้งซ่านเริ่มกลับเข้ามาเกาะกินในใจอีกครั้งแต่แทยอนก็ต้องสลัดความคิดเหล่านี้ทิ้งแล้วพยายามตั้งสติฟังและทำ
ตามที่ทิฟฟานี่สอน กว่าจะทำการบ้านวิชาภาษาอังกฤษเสร็จก็ทำเธอเหนื่อยล้าไม่น้อยเลย
“เฮ้อออ เสร็จสักที” ทิฟฟานี่ลูบหัวแทยอนที่ฟุบหน้าลงไปกับสมุดโน้ตก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดผนัง นี่เธอช่วย
แทยอนทำการบ้านมาได้เกือบสองชั่วโมงแล้วเหรอเนี่ย
“ตัวเล็กออกไปพักชมวิวข้างนอกก่อนก็ได้นะฟานี่ขออาบน้ำสักหน่อย”
“อือออออออ” แทยอนตอบรับด้วยเสียงยานคางเหมือนแบตเตอรี่ร่างกายหมด ทิฟฟานี่ก้มหน้าลงจูบกระหม่อมเด็กหนึ่งที
ก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อชะล้างความเหนื่อยล้าจากการขับรถเดินทางมาไกล
คนตัวเล็กหันหน้าไปทางหน้าต่างมองดูสีเขียวของต้นไม้ที่รายรอบบ้านพัก เสียงใบไม้กระทบกันจากสายลมอ่อนๆทำให้
รู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย บรรยากาศแบบนี้ยากมากที่จะหาได้ในตัวเมือง..ก็เหมาะสมแล้วที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน
หย่อนใจ ทั้งที่แทยอนคิดว่าจะออกไปเดินชมวิวรอบๆแต่พอคิดไปแล้วก็รอออกไปพร้อมกับทิฟฟานี่ดีกว่า
เปลือกตาคนตัวเล็กค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆเพื่อพักสายตาที่ใช้งานกับการบ้านมาอย่างหนัก แล้วเวลาไม่นาน
สติของแทยอนก็เลือนหายไป...
ทิฟฟานี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องอาบน้ำด้านนอกเสร็จพอกลับเข้ามาในห้องนอนเห็นแทยอนกำลังหลับปุ๋ยอยู่
บนเตียงก็ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูร่างสวยก้าวเข้าไปใกล้ๆเตียงเพื่อแอบมองหน้าตอนหลับของคนตัวเล็กชัดๆก่อนจะเดิน
ไปหยิบกล้องตัวเล็กที่เอาติดตัวมาด้วยพร้อมสมุดขนาดพอดีมือและของอีกสองสามอย่างติดตัวออกไปนอกห้องปล่อยให้
แทยอนได้นอนหลับต่อไม่คิดจะปลุกแม้แต่น้อย แต่เสียงแง้มประตูปิดเพียงเบาๆกลับก็ทำให้แทยอนรู้สึกตัวขึ้นมาซะเอง
ฟานี่ล่ะ
สิ่งแรกที่คิดเมื่อลืมตาขึ้นมา แทยอนหันซ้ายทีขวาทีก่อนจะลุกขึ้นมานั่งมองไปทั่วห้องก็ไม่พบทิฟฟานี่จึงเดินออกมาตามหา
จนไปเจอทิฟฟานี่ยืนอยู่ระเบียงด้านนอกตรงห้องนั่งเล่นกำลังถ่ายรูปวิวรอบๆอยู่
“ฟานี่..ทำไมไม่ปลุกแท” คนตัวเล็กเดินเข้าไปกอดด้านหลังและทำเสียงติดงอแงเล็กๆใส่หญิงสาว
“เห็นเหนื่อยเลยให้นอนพักไงคะ” ทิฟฟานี่หันมาตอบแทยอนพร้อมกับวางกล้องลงที่โต๊ะไม้ใกล้ๆนั้น
“ฟานี่น่าจะเหนื่อยกว่าแทนะ” เจ้าของชื่อเพียงยิ้มตอบแล้วเดินไปหยิบแผนที่บนโต๊ะขึ้นมากางแล้วเขียนอะไรบางอย่าง
ลงไป แทยอนเดินตามไปลดตัวลงนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะไม้ดูทิฟฟานี่ทำงานเงียบๆพอเขียนเสร็จก็พับแผนที่เก็บแล้วหยิบบุหรี่ที่
วางบนโต๊ะมาจุดสูบก่อนจะเดินไปนั่งบนราวกั้นระเบียงสายตาทอดยาวไปยังภูเขาที่เห็นไกลๆนั่น แทยอนเห็นดังนั้น
ก็ถือวิสาสะหยิบแผนที่ที่ทิฟฟานี่พึ่งพับวางไว้กางออกมาดูเห็นเป็นแผนที่เกาหลีโซนจังหวัดที่เธออยู่ตอนนี้
“ฟานี่ไปทั่วเกาหลีหรือยังน่ะ เวลามาเซอร์เวย์ที่เที่ยวก็ต้องลงรายละเอียดไว้แบบนี้ตลอดเหรอ”
“ก็ไปยังไม่หมดหรอก ที่ไหนพึ่งมาฟานี่ก็จะมาจดลงรายละเอียดอย่างนี้ล่ะว่ามาเที่ยวที่ไหน มีอะไรน่าเที่ยวบ้างแล้วก็
ถ่ายรูปเอาไว้ใช้ที่บริษัทแล้วก็เก็บเองด้วย” แทยอนฟังเค้าเล่าแล้วพับแผนที่เก็บก่อนจะหยิบสมุดบนโต๊ะมาอ่านเห็นเป็น
รายละเอียดสถานที่บรรยากาศรายละเอียดอื่นๆอีกถี่ยิบที่เป็นประโยชน์ในการงานของทิฟฟานี่
“ท่าทางฟานี่จะชอบท่องเที่ยวนะ หรือทำเพราะพี่ซีวอนเปิดบริษัททัวร์ให้ล่ะ” แทยอนลุกขึ้นเดินไปยืนข้างทิฟฟานี่ที่ยังคง
นั่งอยู่บนราวกั้นของระเบียง
“มันเป็นความฝันของฟานี่น่ะ พี่ซีวอนเลยบอกให้ทำบริษัททัวร์แล้วพี่เค้าจะช่วยเองฟานี่ก็เลยตกลงเพราะยังไงมันก็มีแต่
ผลดีกับฟานี่ทั้งนั้นที่จะมีบริษัทของตัวเองและจะได้ทำตามฝันด้วย” ทิฟฟานี่เล่าแล้วสูบบุหรี่ในมือต่อ
“ความฝันเหรอ?”
“ฟานี่ฝันอยากจะไปเที่ยวรอบโลก โอเวอร์ไหมล่ะ” ทิฟฟานี่หันมาสบตาแทยอนพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มจนตาปิด
“ก็เป็นความฝันที่ดีนี่” แทยอนพูดแล้วเหม่อมองไปทางเดียวกับที่ทิฟฟานี่มองอยู่
อิพี่เสี่ยนี่เหนือชั้นจริงๆ รวยไม่พอยังฉลาด ฟานี่ฝันอยากจะเที่ยวรอบโลกก็ให้เงินเปิดบริษัททัวร์เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ฟานี่ก็มีโอกาสจะได้ไปท่องเที่ยวครบตามฝันแน่ล่ะ
“แล้วความฝันของตัวเล็กล่ะ” ทิฟฟานี่ละสายตากลับมามองหน้าแทยอนให้คนโดนถามหันมาสบตาด้วย
ความฝันเหรอ.....ตั้งแต่เกิดมา....ไม่มีเรื่องพวกนั้นอยู่ในหัวเลย...
“ทำหน้าอย่างนั้นทำไมคะ หรือมีหลายอย่างจนเลือกไม่ถูก” ทิฟฟานี่ถามแทยอนที่กำลังทำหน้ายุ่งท่าทางจริงจังกับ
คำถามของเธอจนคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตาทิฟฟานี่อีกครั้ง
“ความฝันของแท.....” ทิฟฟานี่คีบบุหรี่ไว้สายตาจับจ้องแทยอนรอฟังอย่างตั้งใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าแทยอนน่ะ
มีความฝันอะไร ตั้งแต่ที่เจอกันก็เห็นคนตัวเล็กช่างเที่ยวช่างเล่นดูไม่มีสาระอะไรเลยสักนิด
“แท....จะพาฟานี่ไปเที่ยวรอบโลก” ทิฟฟานี่ได้คำตอบก็เบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง
“อะไรนะตัวเล็ก” เธอไม่แน่ใจนักว่าฟังผิดหรือแทยอนพูดเล่นกันแน่
“ก็บอกว่าแทจะพาฟานี่ไปเที่ยวรอบโลกไง” ทิฟฟานี่หัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้จนแทยอนหน้าเสียเพราะคิดว่า
อีกคนคงไม่คิดว่าเธอจะพาเค้าไปเที่ยวรอบโลกได้จริงๆ
“เออ ขำเข้าไปเถอะก็แทมันไม่มีอะไรสักอย่างนี่ใครจะเหมือน..” ก่อนที่แทยอนจะได้พูดชื่อซีวอนออกมาก็โดนนิ้วโป้งของ
ทิฟฟานี่แตะริมฝีปากให้เค้าหยุดพูดต่อก่อนจะเลื่อนนิ้วโป้งไปที่ข้างแก้มแทยอนช้าๆ
“ฟานี่ไม่ได้ดูถูกแทนะ ไม่ได้คิดว่าแทพาฟานี่ไปไม่ได้..ฟานี่แค่คิดไม่ถึง...ว่าแทแทอยากทำความฝันฟานี่ให้เป็นจริง
เพราะอย่างนั้น....มันทำให้ฟานี่มีความสุขมากนะคะที่ได้ยินแทพูดแบบนี้”
“เชอะ” ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นใบหน้างอนของแทยอน เธอคว้าคอแทยอนเข้ามาใกล้ๆแล้วก้มหน้าลงมาจรด
หน้าผากกับแทยอนก่อนพูดด้วยน้ำเสียงหวานเบาๆ
“จะพาฟานี่ไปใช่ไหม”
“อะไรล่ะ” คนตัวเล็กทำเสียงแข็งใส่
“ไปเที่ยวรอบโลกน่ะ”
“อือ”
“ฟานี่จะรอนะคะ” มือที่ยังวางอยู่ที่แก้มใสของแทยอนลูบแก้มป่องนั้นน้อยๆก่อนจะเลื่อนหน้าจูบเค้าเหมือนเป็นการทำ
สัญญา แทยอนค่อยๆจูบตอบทิฟฟานี่อย่างนุ่มนวลและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างที่จับต้นคอคนตัวเล็กไว้เลื่อนมายึด
ไหล่เค้าไว้กันไม่ให้ร่างกายเธอตกจากราวกั้นระเบียง และระหว่างที่แทยอนกำลังสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกคนนั้น
“โอ๊ยๆๆ” แทยอนสะดุ้งและร้องครวญด้วยความเจ็บจนทิฟฟานี่ตกใจ
พอสายตาเลื่อนดูก็พึ่งนึกได้ว่ามือที่เธอจับใบหน้าแทยอนอยู่ยังคีบบุหรี่ไว้ด้วย นั่นก็เป็นสาเหตุที่แทยอนร้องขึ้นมาเพราะ
โดนขี้เถ้าร่วงใส่คอจนทิฟฟานี่รีบลงจากราวระเบียงที่นั่งเอาบุหรี่ไปวางในที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะก่อนเดินกลับมาดูแทยอนอย่าง
รวดเร็ว
“ตัวเล็กเจ็บมากไหม ตายละแดงหมดเลย” ทิฟฟานี่ถกคอเสื้อยืดแทยอนออกเพื่อดูร่องรอยพอเห็นเนื้อขาวๆแดงเป็นจุดก็
ทำให้รู้สึกผิดเหลือเกิน
“ฟานี่อ่าา!” ทิฟฟานี่เอียงคอยิ้มแห้งๆขอโทษขอโพยแทยอนยกใหญ่แล้ววิ่งเข้าไปหาของมาจัดการปฐมพยาบาลให้
คนตัวเล็ก
“ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้” แทยอนมองตามทิฟฟานี่ไปก่อนจะส่ายหัวยิ้มออกมาน้อยๆ
จะพาฟานี่ไปใช่ไหม
คำพูดที่พึ่งคุยกันจบไปดังขึ้นมาในหัวทำให้แทยอนยิ้มกว้างขึ้นแม้จะเจ็บที่โดนขี้เถ้าบุหรี่อยู่
ฉันจะพาเธอไปให้ได้ฟานี่
ถึงบริษัทนั้นมันจะเปิดให้เธอ
แต่คนที่จะทำความฝันเธอให้เป็นจริง...
ต้องเป็นฉันคนเดียว...
----------------------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น