ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SNSD] YOU KNOW NOTHING [YURI] TaeNy,YoonSic

    ลำดับตอนที่ #30 : Chapter 29 : ยังคง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.5K
      24
      25 ต.ค. 59

    T
    H
    E
    M
    Y
    B
    Chapter 29 : ยังคง


    When gold starts to rust And times do get tough



    Then baby ooh…



    would you love me the same..



    If diamonds were rough And coal was the stuff



    that made us Ooh…



    would you love me the same..



    “อืออ” เสียงเพลงเรียกเข้ามือถือดังอยู่นานกว่าเจ้าของมันจะรู้สึกตัว เจสสิก้าค่อยๆพลิกกายออกจากอ้อมอกยุนอาเอื้อมมือ

    ไปควานหาโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงดังไม่หยุด



    “ใครเนี่ย? .....ฮัลโหล” เจสสิก้าเปิดตามองดูสายที่โทรเข้าแม้เห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยก็ยังรับสาย



    “สิก้า...ผมเองนะ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะลุกขึ้นมานั่งรีบหันไปมองแฟนเธอด้วย

    ความหวาดระแวงทำตัวไม่ถูกจะออกไปคุยที่ระเบียงด้านนอกก็กลัวว่าเกิดยุนอาตื่นมาเห็นพอดีจะสงสัยได้



    ให้ตายสิจุงกิทำไมถึงเป็นแบบนี้นะไม่จบไม่สิ้นแล้วนี่ไปเอาเบอร์มาได้ยังไง แม่ไม่มีทางบอกแน่ๆ ทำยังไงดีเนี่ย



    “สิก้า ได้ยินผมหรือเปล่าครับ”



    “...........................” 



    เจสสิก้านิ่งเงียบสายตาจับจ้องที่ยุนอาและคิดว่าจะตัดสายแฟนเก่าทิ้งแต่ฝ่ายชายก็พูดขึ้นมาก่อน



    “ถ้าคุณไม่อยากคุยกับผมแค่ฟังผมก็ได้นะครับ ผมเลื่อนวันกลับอเมริกาเป็นวันคืนวันศุกร์นี้เดี๋ยวผมจะส่งไฟล์ทไปให้ 

    ผมอยากให้คุณมานะสิก้า”



    คืนวันศุกร์อย่างนั้นเหรอน่าแปลกใจที่จุงกิจะกลับอเมริกาไวขนาดนี้หรือจะเป็นเพราะฉัน...



    “ผมจะรอคุณนะครับ” จุงกิยังคงพูดอยู่ฝ่ายเดียวจนเจสสิก้าตัดสินใจกดวางสาย สายตาเหลียวไปหาแฟนเธออีกครั้งแล้ว

    ถอนหายใจออกมา



    เจสสิก้า...ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ...คราวก่อนก็ใจอ่อนยอมไปพบเค้าทีแล้วนี่ยัง...คิดจะไปส่งตามจุงกิขออีกเหรอ...ฉันน่ะ..

    รักยุนอา..ฉันรักผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่จุงกิอีกต่อไปแล้ว...คนที่ต้องแคร์น่ะ..คนตรงหน้านี่ต่างหาก



    หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบศีรษะแฟนแววตาแสดงถึงความรักต่อเค้าอย่างหมดหัวใจแม้มีเศษเสี้ยวที่ยังคงสัมผัสถึงความ

    เจ็บปวดจากที่เคยทำร้ายจิตใจยุนอาได้เช่นกัน ใบหน้าก้มลงจูบที่เปลือกตาคนรักเบาๆก่อนเลื่อนลงไปประกบริมฝีปากคนที่

    ยังไม่ตื่น ร่างกายที่ยังคงเปลือยเปล่าถูกสัมผัสด้วยมือที่คุ้นเคยอีกครั้งยุนอาลืมตาขึ้นเล็กน้อยรวบตัวเจสสิก้าเข้ามากอดแนบ

    อกตัวเองแล้วหลับตาลงอีกครั้ง



    ...อ้อมกอดยุนอา....อบอุ่นเสมอ...สัมผัสถึงความรักจากเค้าได้ไม่เคยเสื่อมคลายเลย...



    เจสสิก้าแนบหูลงบนอกแฟนเธอจนได้ยินเสียงหัวใจเค้าเต้นจนความรู้สึกกลัวและสับสนภายในเริ่มสงบลง



    “ยุนคะ” เจสสิก้าออกเสียงเรียกแฟนทั้งที่ยังอยู่ในท่าเดิม ยุนอานั้นเพียงขานรับสั้นๆดวงตายังคงปิดสนิทเหมือนยังไม่อยาก

    ตื่นนักทำให้เจสสิก้ามีอาการลังเลว่าจะพูดกับเค้าตอนนี้ดีไหมแต่...ถ้าไม่ใช่ตอนนี้...เธอคงจะไม่กล้าบอกเค้าอีกแน่...



    “สิก้า?” ยุนอาลืมตาขึ้นมาด้วยความสงสัยที่อยู่ดีๆอีกคนก็ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเธอขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ก่อนที่

    จะเค้าเดินไปหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าถือ



    มือถือ?



    ยุนอาลุกขึ้นมานั่งมองด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปดูใกล้เตียงก็เห็นมือถืออีกเครื่องวางไว้อยู่แล้ว



    “ที่รักคะ สิก้ามีเรื่องจะคุยด้วย” เจสสิก้ากลับมานั่งบนเตียงพร้อมหยิบมือถือทั้งสองเครื่องมาวางไว้ตรงหน้า ยุนอามอง

    มือถือสองเครื่องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามสงสัยว่าเจสสิก้ากำลังจะทำอะไรเสียงถอนหายใจหนักทำให้

    ยุนอาเงยหน้าขึ้นมองเจสสิก้าที่ทำหน้าหนักใจอยู่แบบนั้นแล้วหันมาสบตาเธอ



    “เมื่อกี้จุงกิโทรมาหาสิก้าไม่รู้เอาเบอร์ใครโทรมา” เจสสิก้าพูดพร้อมกดมือถือเครื่องที่พึ่งคุยกับจุงกิโชว์ให้ยุนอาดู



    “คุยอะไรกัน”



    “เค้าบอกจะกลับอเมริกาคืนพรุ่งนี้อยากให้ไปส่ง” พอได้ฟังยุนอาก็ทำหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจทำให้เจสสิก้าใจไม่ดีนัก



    “ยุนคะ..สิก้าจะพูดทุกอย่างให้ยุนฟัง ฟังสิก้าให้จบก่อนได้ไหม” เจสสิก้าเอื้อมมือไปจับมือยุนอาไว้พร้อมมองด้วยสายตา

    อ้อนวอน ยุนอาพ่นลมหายใจออกมารุนแรงท่าทางกำลังยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ให้หงุดหงิดมากไปกว่านี้ก่อนจะค่อยๆ

    พยักหน้ารับคำจนเจสสิก้าเริ่มเล่าเรื่องที่เธอปิดบังยุนอาให้ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่มีมือถือสองเครื่องมาแต่แรกแต่นั่นไม่ทำให้

    ยุนอาแปลกใจนักเพราะตอนนั้นที่เจสสิก้าบุกมาดักรอเธอก็เอะใจกับมือถือที่เค้าโชว์ให้ดูแล้วแต่...กับอีกเรื่องที่เจสสิก้าพูด

    ต่อนั้น...



    “วันก่อนที่สิก้าบอกว่ามีธุระไปกับแม่..สิก้าโกหก...”



    “ว่าไงนะ” ยุนอาถามเสียงเข้มให้เจสสิก้าต้องรีบพูดต่อ



    “จุงกินัดสิก้าไปพบบอกขอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่มายุ่งอีกสิก้าเลยตอบตกลงไปพบเค้าโดยไม่ได้บอกยุนน่ะค่ะ หลังจาก

    วันนั้นสิก้าก็ปิดเครื่องนี้ที่จุงกิมีเบอร์มาตลอดแต่วันนี้...ไม่รู้เค้าเอาเบอร์นี้มาจากไหนสิก้าไม่เคยบอก สาบานได้นะว่าไม่ได้

    ติดต่อไปหาจุงกิเลย”



    “แล้วยังไงต่อ ที่บอกยุนมาทั้งหมดนี่เพื่อจะขอไปส่งหมอนั่นที่สนามบินแล้วหมอนั่นจะได้ไม่โทรมาหาอีกงั้นเหรอสิก้า”



    “ค่ะ”



    “ย่าห์!”



    “ยุนคะสิก้าจะไม่ไปพบเค้าคนเดียวหรอก”



    “มันมากเกินไปแล้วนะสิก้า ที่แอบไปพบมันทีแรกยุนยังพอใจกว้างได้เพราะเห็นว่าสิก้าอยากให้มันจบๆแต่นี่อะไรน่ะ”



    “ก็เพราะเค้าดื้อด้านไงคะถึงต้องไป”



    “สิก้าอยากจะไปเจอมันอีกก็บอกเถอะ!”



    “สิก้าบอกแล้วไงว่าไม่ไปคนเดียว สิก้าจะให้ยุนไปด้วยให้รู้ไปเลยว่าสิก้ามียุนแล้วก็แคร์มากกว่าเค้าไงคะที่รัก แล้วหลังจาก

    นั้นสิก้าจะพายุนไปปิดเบอร์นี้ด้วยกันสิก้าบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ” ยุนอาที่กำลังโมโหพอได้จ้องตาคนรักที่ดูไร้การเสแสร้งนั่นก็

    ค่อยๆคลายความโมโหทีละน้อย..ถ้าเค้ายังมีใจให้ฝ่ายชายจริงๆคงจะไม่บอกและพาเธอไปด้วยแบบนี้...รวมถึงพอนึกถึง

    ท่าทีเจสสิก้าวันนั้นแล้ว...พอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น



    “หลังจากนี้สิก้าจะไม่มีอะไรปิดบังยุนอีกใช่ไหม” เจสสิก้าพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงข้อความมือถือเข้า

    ให้ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน ยุนอาจ้องมือถือจนหน้าจอดับลงแล้วหันมามองหน้าเจ้าของมือถือก่อนที่เจสสิก้าจะหยิบ

    มือถือส่งให้ยุนอา



    “น่าจะเป็นจุงกิส่งไฟล์ทบินคืนพรุ่งนี้มา ยุนเปิดดูสิคะ” ยุนอารับโทรศัพท์จากเจสสิก้าแล้วกดเปิดดูเห็นข้อความจากเบอร์ที่

    ไม่ได้เมมไว้ พอเปิดข้อความอ่านก็พบว่าเป็นรายละเอียดไฟล์ทจากฝ่ายชายส่งมาจริงๆรวมถึงคำขอร้องย้ำให้เจสสิก้ามา

    เจอกันครั้งสุดท้ายด้วยยิ่งทำให้ยุนอารู้สึกมั่นใจในตัวเจสสิก้าขึ้นมาว่าแฟนเธอไม่ได้โกหกจริงๆ



    “โอเค..คืนพรุ่งนี้ยุนจะไปกับสิก้า” ยุนอาส่งมือถือคืนให้ก่อนจะหยิบมือถืออีกเครื่องของเจสสิก้าขึ้นมาลองกดดูก็เห็นว่า

    ปิดเครื่องอยู่



    “อยากเอาไว้กับยุนไหมคะ จะได้ไม่ต้องระแวงว่าสิก้าจะแอบคุยกับจุงกิ” คนฟังส่ายหัวน้อยๆและยังแน่วแน่ที่จะให้มือถือ

    เครื่องนั้นไว้กับเจสสิก้า



    “ยังไงหลังวันพรุ่งนี้ก็จะไปปิดเบอร์แล้วนี่”



    “ขอบคุณนะคะยุน...ที่รับฟังและเข้าใจสิก้า..แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ไปเจอจุงกิมาก่อนหน้านั้น” เจสสิก้ารับมือถือไว้แล้ว

    โถมตัวเข้ากอดคนรักด้วยความปลื้มที่แม้ว่าเธอจะพูดเรื่องทั้งหมดออกไปแล้วเค้าก็ให้อภัยเธอ



    “สิก้า...ยุนจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ...ถ้าสิก้านอกใจยุนหรือแอบคุยกับนายนั่นหรือคนอื่นๆที่สิก้าเคยคบมา...

    ยุนจะเลิกกับสิก้า...” ยังวางใจไม่ทันได้ถึงนาทีเจสสิก้าก็ต้องแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับคำพูดแสนเด็ดขาดจากยุนอาแม้

    เค้าจะกอดตอบด้วยความอ่อนโยนก็ตาม



    “...สิก้าจะไม่ทำอีกแล้ว..สิก้ารักคุณนะคะที่รัก” เจสสิก้าพูดแล้วเงยหน้าขึ้นหอมแก้มเพื่อออดอ้อนเอาใจแฟน ยุนอาที่ใจ

    อ่อนลงมากแล้วจึงหอมเจสสิก้ากลับก่อนจะกระซิบบอกว่ารักเค้าเช่นกัน...



    ที่ยุนอายังให้อภัยเจสสิก้าในครั้งนี้ก็เพราะเห็นถึงความจริงใจที่จะพิสูจน์ตัวเองและยังรับรู้ได้ว่าเค้ารักและแคร์เธอมากจริงๆ

    จากทุกสิ่งที่กระทำในตอนนี้...แต่ถ้าเจสสิก้ายังคงนอกใจเธออีก...เธอคงรับไม่ไหวอีกแล้วถึงได้ยื่นคำขาดออกไป...

    เพราะยังไงอิมยุนอา..ก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมให้คนมาเหยียบย่ำความจริงใจของเธอได้หลายๆครั้งหรอก...

    ไม่เหมือนกับเพื่อนสนิทของเธอที่แม้ต้องเจ็บปวดเพราะไม่อาจทำอะไรได้ตามใจก็ยังคงอดทนยอมรับเข้าใจต่อไป...





    “ตัวเล็กตื่นเร็ว” ทิฟฟานี่เรียกแทยอนที่นั่งหลับอยู่เบาะหลังรถ เจ้าตัวค่อยๆลืมตาขึ้นทั้งที่ทิฟฟานี่ดึงแขนเร่งให้รีบลงจากรถ



    “อยู่ไหนแล้วอ่ะฟานี่” แทยอนขยี้ตาน้อยๆแต่ยังไม่ยอมขยับตัวจากที่หลังจากโดนปลุกแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวออกมามาดู

    สถานที่เที่ยวกับทางไกด์ที่นัดกันไว้



    “ไว้ค่อยคุยรีบๆลงมาก่อน เสียเวลางานเค้านะคะ” พอได้ยินดังนั้นแทยอนก็ตื่นเต็มตารีบลงจากรถแล้วเดินตามทิฟฟานี่กับ

    เจ้าหน้าที่ไปชมหมู่บ้านเกาหลีโบราณที่ต้องนั่งรถจากรีสอร์ทออกมาไกลไม่น้อย คนตัวเล็กมีท่าทีเบื่อกับการเดิมชม

    ผิดกับทิฟฟานี่ที่ตั้งอกตั้งใจฟังไกด์แนะนำและเล่าเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวให้ฟังจนทั่วแล้วก็กลับมาขึ้นรถไปสถานที่ต่อไป 

    แทยอนก็ได้แต่เดินตามหลังพวกเค้าไป



    ก็รู้ว่ามาทำงานแต่ไม่นึกว่าจะไม่ได้มีเวลาส่วนตัวกับทิฟฟานี่บ้างเลยแฮะอย่างนี้ที่บอกว่าแค่ช่วงสามวันนี้จะทำทุกอย่างที่

    แฟนทำกันมันก็ไม่มีความหมายน่ะสิ



    เฮ้อ....น่าเบื่อกว่าอยู่ด้วยกันที่ห้องฟานี่ซะอีก



    แทยอนมองไปเรื่อยเปื่อยไม่ทันมองด้านหน้าทำให้เดินชนกับทิฟฟานี่ที่ยืนฟังไกด์พูดจนคนโดนชนหันมามองค้อนที่น้อยๆ



    “ตัวเล็กระวังหน่อยสิใจลอยแบบนี้เดี๋ยวหลงไปไหนหรอก” ทิฟฟานี่บอกแทยอนแล้วหันไปขอโทษไกด์แล้วบอกให้เค้า

    พูดต่อ แทยอนได้แต่แอบเบ้ปากลับหลังที่โดนอีกฝ่ายดุ ถึงจะบอกว่าจะพาเค้าไปรอบโลกแต่การมาที่สถานที่ที่ไม่น่าสนใจ

    แบบนี้มันก็น่าเบื่อใช่เล่น เวลานี้คนตัวเล็กทำได้แค่เดินตามจนถึงเวลากลับไปขึ้นรถอีกครั้ง



    “หือ?” แทยอนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยหลังจากที่ขึ้นมานั่งเบาะหลังเหมือนเดิมแต่คราวนี้หันไปเจอทิฟฟานี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอยู่

    ก่อนแล้วทั้งๆที่ตั้งแต่ออกมาจากรีสอร์ทหญิงสาวก็นั่งข้างคนขับพูดคุยกับไกด์ตลอด



    “เดี๋ยวเราจะไปกินข้าวกลางวันกันก่อนนะแล้วค่อยไปอีกที่หนึ่งถึงจะกลับที่พัก” ทิฟฟานี่พูดแล้วหยิบทิชชู่มาซับเหงื่อบน

    ใบหน้าแทยอนอย่างเบามือก่อนที่จะจัดการเช็ดใบหน้าตัวเองและเติมหน้าเล็กน้อย แทยอนได้แต่มองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่

    กล้าถามจนทิฟฟานี่หันมามองอีกครั้งแล้วยิ้มให้



    “ฟานี่มานั่งด้วยไม่ดีใจเหรอคะตัวเล็ก เบื่อไหม?” หญิงสาวยกมือขึ้นเกลี่ยผมแทยอนอย่างเอาใจใส่ เธอรู้ดีว่าเด็กอย่าง

    แทยอนยังสนใจเที่ยวแต่ที่สนุกหรือตามความชอบตัวเองมากกว่าแต่จะให้ตามใจเค้าก็ไม่ได้เพราะทริปนี้เธอมาเพราะเป็น

    งานของบริษัทงบที่เอามาใช้ก็จากส่วนของบริษัททั้งนั้น



    “ฟานี่ไม่ต้องห่วงแทหรอก แทเข้าใจน่า” ปากบอกว่าเข้าใจแต่ทิฟฟานี่ก็รู้ว่าแทยอนเบื่อตั้งแต่ที่แรกที่ไป เวลาเธอหันมาดู

    คนตัวเล็กทีไรก็เห็นแต่จะคอยทำหน้าบูดๆเนือยๆท่าทางใจลอยเหมือนอยากให้จบๆทริปวันนี้ไปโดยเร็ว



    “ที่สุดท้ายที่เราจะไปหลังกินข้าวนี้ฟานี่ว่าแทคงจะชอบแน่ๆ”



    “หลังกินข้าวจะไปไหนเหรอ”



    “ความลับ” ทิฟฟานี่ที่ตอนนี้นั่งเอนตัวพิงหัวไหล่แทยอนอยู่ตอบแล้วหัวเราะน้อยๆอย่างน่าหมั่นไส้ทำเอาแทยอนบึนปากใส่

    แต่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง ระหว่างที่ทานข้าวกลางวันที่ร้านทิฟฟานี่ก็เอาแต่คุยเรื่องงานกับไกด์ว่าถ้าลูกทัวร์มาจะมี

    อาหารอะไรให้ทัวร์รวมถึงเรื่องราคาอาหารแบบพิเศษ แทยอนฟังแล้วก็ปวดหัวเลยก้มหน้าก้มตากินลูกเดียวจนพอได้มาถึง

    สถานที่สุดท้ายของวันถึงทำให้เค้าร่าเริงขึ้นมาได้



    ไกด์พามาถึงที่หุบเขาที่มีน้ำไหลจากทั้งสองภูเขามารวมกันจนเป็นธารน้ำใสเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจชั้นดี



    “ตัวเล็กไม่เล่นน้ำนะไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วย” ทิฟฟานี่หันมาห้ามเมื่อเห็นท่าทางกระดี๊กระด๊าของแทยอน



    “แค่นิดเดียวน่าฟานี่ไม่เปียกหรอก” แทยอนตอนนี้เหมือนลูกลิงกลับคืนป่ากระโดดไปตามก้อนหินก้อนเล็กใหญ่พออยู่

    กลางน้ำตกก็นั่งลงถอดรองเท้าหย่อนขาลงในธารน้ำ ไกด์บอกให้เที่ยวชมบริเวณนี้ไปก่อนสักพักแล้วเค้าจะกลับมารับทำให้

    ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัวกันสักที



    “แทแทนั่งดีๆสิเดี๋ยวก็หล่นน้ำไปหรอก” ทิฟฟานี่ยืนกอดอกมองแทยอนที่นั่งแกว่งขาไปมาในน้ำอย่างสนุกสนาน



    “ฟานี่มานี่สิ” แทยอนหันไปกวักมือเรียกอีกคนให้มานั่งกับเธอแต่ทิฟฟานี่กลับส่ายหัวทำหน้าเป็นกังวลก่อนจะหยิบมือถือขึ้น

    มาทำท่าจะถ่ายรูปอีกคนแทน แทยอนตัดสินใจลุกขึ้นหยิบรองเท้าเดินกลับมาหาทิฟฟานี่



    “วันนี้ฟานี่ก็ทำงานมากแล้วนะทำไมไม่พักสักหน่อยล่ะ น้ำเย็นกำลังดีสดชื่นมากเลยนะ” แทยอนนั่งบนก้อนหินก้อนโตริมทาง

    ก่อนจะดึงมือทิฟฟานี่มาจับไว้



    “ฟานี่ก็พักอยู่นี่ไง”



    “ไปนั่งตรงนั้นด้วยกันนะ เชื่อสิฟานี่ได้รูปดีๆเอาไว้ไปใช้งานแน่ๆเลย”



    “แทไปเถอะค่ะ”



    “ฟานี่....นานๆทีจะได้มาเที่ยวแบบนี้ก็ทำตามใจตัวเองบ้างเถอะ ตอนนี้มีเวลาเที่ยวก็เที่ยวให้เต็มที่ทดแทนเวลาที่ฟานี่

    ไม่ได้มีความสุขเหมือนคนอื่นสิ” ทิฟฟานี่ฟังแล้วอมยิ้ม เธอเคร่งเครียดกับงานและชีวิตของเธอมากเกินไปจริงๆจนลืมที่

    จะให้เวลากับตัวเองบ้าง



    “โอเคเราไปนั่งตรงนั้นกัน” แทยอนยิ้มอย่างพอใจก่อนจะก้มตัวลงจับขาเค้าขึ้นมาวางบนตักตัวเอง



    “แทแททำอะไรเนี่ย” ทิฟฟานี่ก้มตัวลงวางมือบนบ่าแทยอนไม่ให้ตัวเองล้ม



    “ก็พับขากางเกงให้แฟนไงคะ” แทยอนเงยหน้าทำตาแป๋วใส่แล้วก้มลงไปถอดรองเท้าและพับขากางเกงให้ ทิฟฟานี่มอง

    การกระทำของคนตัวเล็กด้วยหัวใจพองโต หลายครั้งที่อยากจะทิ้งภาระบนบ่าทุกอย่างแล้วใช้ชีวิตตามใจ...ใช้ชีวิตสบายๆ

    กับคนที่เธอต้องการ...แต่...ก็ทำได้แค่ฝัน...ช่วงสามวันนี้คงจะเหมือนความฝันแสนดีที่เธอจะได้ใช้เวลาอยู่กับแทยอนอย่าง

    ไร้ขอบเขตที่เธอคอยขีดเอาไว้



    “ระวังนะฟานี่” หลังจากจัดการขากางเกงของทิฟฟานี่ทั้งสองข้างเรียบร้อยแทยอนก็จับมือพาเค้าเดินตามก้อนหินก้อนใหญ่

    ก้อนเล็กมานั่งที่ก้อนหินกลางลำธาร



    “ตัวเล็กฟานี่ไม่ตกหรอกน่ะ” แค่นั่งลงแช่เท้าได้ไม่กี่วินาทีแทยอนก็มานั่งซ้อนด้านหลังกอดร่างเธอไว้แนบอก



    “ไม่ได้กลัวฟานี่ตกแต่แทอยากกอดฟานี่ต่างหาก” ทิฟฟานี่ยิ้มแล้ววางมือบนมือเล็กและเอนตัวพิงกับคนที่กอดเธอไว้ 

    วันนี้ช่างเงียบสงบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวหรือผู้คนมาเดินเที่ยวบริเวณนี้...ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังฝันอยู่จริงๆ..



    มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมาแล้วบอกให้อีกคนมองกล้องเพื่อจะถ่ายเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกแต่แทยอนกลับยิ้มเพียงมุมปาก

    ติดหน้านิ่งจนทิฟฟานี่ต้องยกมือข้างที่ว่างใช้เรียวนิ้วดึงมุมปากทั้งสองของแทยอนให้ยิ้มกว้างขึ้นจนเจ้าตัวโวยวายทำให้

    หญิงสาวหัวเราะเสียงดังออกมา แทยอนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของทิฟฟานี่แล้วก็ยิ้มบางๆกระชับวงแขนแน่นขึ้น



    “พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วสินะ..”



    “อืมสายๆเราจะออกจากที่พักนะคะ” ทิฟฟานี่พูดพร้อมเล่นปลายผมของแทยอน



    “ไม่อยากกลับเลย...แทอยากอยู่กับฟานี่แบบนี้นานๆ”



    “ปกติก็อยู่ด้วยกันแทบทุกวันไม่ใช่เหรอตัวเล็ก”



    “ฮื่อออ ไม่เหมือนกันสักหน่อย” ทิฟฟานี่เพียงแต่ยิ้มและลูบใบหน้าของแทยอนเบาๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกคนหมายถึงอะไรแต่

    มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่พอกลับโซลเมื่อไหร่ก็ต้องกลับสู่สถานะเดิมๆอีกครั้ง...เวลาที่เค้าขอนั้นแสนจะสั้นนักแทบยังไม่ค่อย

    ได้สัมผัสถึงคำว่าแฟนได้ดั่งใจที่คนตัวเล็กต้องการเพราะเวลาส่วนใหญ่เธอใช้ไปกับงานทั้งนั้น



    “ตัวเล็ก...ไว้เราค่อยมากันใหม่นะคราวหน้าค่อยลงเล่นน้ำกัน”



    “คราวหน้าฟานี่ใส่เสื้อยืดสีขาวบางๆเลยนะ”



    “ทะลึ่งละ เวลาฟานี่ลงน้ำแล้วอยากให้คนอื่นเห็นฟานี่โป๊ด้วยเหรอไง เราอาจไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้ที่มาแล้วไม่มีคน

    แบบนี้หรอก”



    “แทก็จะกอดฟานี่ไว้ไม่ให้ใครเห็นเลยไง”



    “อะไรก็ไม่รู้ ไปเถอะแทอีกเดี๋ยวไกด์คงมารับแล้ว ว้าย!” ทิฟฟานี่ให้แทยอนลุกขึ้นยืนก่อนแต่พอตัวเองยืนขึ้นบ้างเท้าดันไป

    เหยียบตรงที่เป็นตะไคร่น้ำบนก้อนหินทำให้ลื่นจนขาตกลงน้ำไปอีกครั้ง



    “ฟานี่!” แทยอนวาดแขนเกี่ยวร่างทิฟฟานี่เอาไว้แล้วรีบพยุงขึ้นมาบนยืนก้อนหินและก้มตัวลงนั่งจับดูที่เท้าของหญิงสาว



    “มีแผลไหมเจ็บตรงไหนหรือเปล่าฟานี่”



    “โอ๊ยแทเจ็บ...” ทิฟฟานี่อุทานทันทีที่แทยอนจับข้อเท้าของเธอ



    “แทขอโทษนะที่ดูแลฟานี่ไม่ดีปล่อยให้ลื่นลงไปได้” 



    “ไม่เป็นไรหรอกตัวเล็ก แค่อุบัติเหตุนิดหน่อยน่า”



    “มาฟานี่ แทจะพากลับไปเอง” ท่าที่แทยอนนั่งยองยองทำให้ทิฟฟานี่มองอย่างสงสัย



    “อะไรคะตัวเล็ก?”



    “ขึ้นหลังแทสิ แทจะแบกฟานี่ไปเอง”



    “ไม่เอา จะแบกฟานี่ไหวได้ยังไง ฟานี่พอเดินได้ไม่เป็นไรหรอก”



    “เชื่อแทสิฟานี่ขึ้นมาเร็ว” ทิฟฟานี่มีท่าทีลังเลแต่แทยอนก็เร่งจนเธอต้องยอมไปขี่หลังจนได้ มือเรียวจับไหล่คนตัวเล็กแน่น

    เมื่อแทยอนออกเสียงฮึบดึงพลังตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แม้จะยืนขึ้นได้อย่างมั่นคงแต่พอทิฟฟานี่มองทางที่ข้ามกลับไปแล้ว..



    “ตัวเล็กฟานี่เดินเองดีกว่านะข้ามก้อนหินกันสองคนไม่ไหวหรอก”



    “ไหวสิ กอดคอแทไว้ดีๆนะฟานี่” แทยอนยังคงยืนยันไม่ให้ทิฟฟานี่เดินเองแล้วค่อยๆก้าวขาข้ามก้อนหินไปทีละก้อน 

    เสียงหัวใจทิฟฟานี่เต้นรัวถึงจะบอกให้เชื่อใจแทยอนยังไงเธอก็ยังกลัวแทยอนจะรับน้ำหนักเธอไม่ไหวอยู่ดี 

    ดวงตาหวานปิดสนิทซุกหน้าเข้ากับซอกคอแขนโอบรอบคอเค้าไว้แน่นไม่กล้ามองอะไรทั้งสิ้นรับรู้แต่การเคลื่อนไหวของ

    ร่างกายแทยอนเท่านั้น



    “คุณฮวังเป็นอะไรครับเนี่ย” เมื่อได้ยินเสียงไกด์ทิฟฟานี่เงยหน้าออกจากซอกคอและลืมตาขึ้นอีกครั้งเห็นว่าตอนนี้อยู่บน

    พื้นดินปกติแล้ว



    “อ่อ พอดีขาเจ็บนิดหน่อยน่ะค่ะ แทปล่อยฟานี่ลงก่อนสิ”



    “เราจะกลับกันเลยหรือเปล่าคะ รถจอดอยู่ไหน” แทยอนไม่สนใจเสียงงุ้งงิ้งที่ดังอยู่ข้างหูกลับหันไปคุยกับไกด์หน้าตาเฉย 

    ไกด์จึงรีบเดินนำทางไปยังที่จอดรถทิ้งไว้



    “แท ฟานี่เดินเองได้แล้วน่า”



    “แทไม่ปล่อยแฟนเดินทั้งที่เจ็บขาแบบนี้หรอกนะ” เสียงเข้มของแทยอนทำให้ทิฟฟานี่แอบอมยิ้มแม้เค้าทำท่าดุขนาดนี้

    เธอก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยกลับคิดว่าแทยอนน่ะทำตัวน่ารักซะมากกว่า เมื่อมาถึงที่รถแทยอนก็ให้ทิฟฟานี่ขึ้นเบาะหลังเพื่อ

    ตัวเองจะได้ดูแลต่อเพราะยังไงก็จะกลับที่พักแล้ว



    “ตัวเล็กน้ำค่ะ” ทิฟฟานี่หยิบขวดน้ำแร่ที่ซื้อวางไว้ในรถ เจ้าตัวรับแล้วกระดกดื่มทันที



    ดวงตาหวานจับจ้องเค้าและสังเกตเห็น...แขนเล็กนั้นสั่นน้อยๆคงจะเพราะเกร็งแขนนานจากการที่แบกเธอมานั่นล่ะ..

    ริมฝีปากสวยยิ้มกว้างแทนความรู้สึกภายในใจแล้วหันไปคุยกับไกด์



    โอ้ยยย ปวดแขนเป็นบ้าดีไม่ล้มขาพับไปนะไอ้แทไม่งั้นเสียมาดหมด อย่างน้อยก็พอทำให้ฟานี่เห็นได้บ้างล่ะว่าฉันพึ่งพาได้ 

    แต่ถ้าเรื่องเงินนี่ยังไงก็คงจะสู้อิพี่เสี่ยนั่นไม่ได้อยู่ดีให้ตายสิ



    แทยอนแอบวางมือบนแขนตัวเองให้หยุดสั่นเพราะกลัวว่าทิฟฟานี่จะเห็นแต่คงไม่ทันแล้วที่เค้าสังเกตเห็นแต่ไม่พูดอะไร



    “ฟานี่ง่วงไหม ยังเจ็บขามากหรือเปล่า นอนพักก่อนสิเดี๋ยวถึงที่พักแทจะปลุก” คนตัวเล็กตบที่ตักตัวเอง หญิงสาวหันมา

    มองแล้วค่อยๆเอนตัวลงไปนอนหนุนตักแทยอนอย่างว่าง่าย มือเรียวกอดแขนข้างหนึ่งของแทยอนเอาไว้แล้วหันหน้าเข้า

    ซุกพุงน้อยๆของเค้า



    “ขอบคุณนะคะตัวเล็ก” ทิฟฟานี่บีบแขนแทยอนเบาๆพร้อมหลับตาลงแกล้งทำเป็นหลับไปตลอดทาง แทยอนคอยลูบแขน

    ลูบผมทำให้เธอต้องกลั้นยิ้มทำนิ่งหลับอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่ติดว่ามีไกด์ขับรถอยู่ด้วยไม่พ้นเธอคงจะลุกขึ้นมานัวเนียกับ

    แทยอนแน่ๆ



    ค่ำคืนสุดท้ายที่แทยอนและทิฟฟานี่จะอยู่ด้วยกันสองคนช่างเรียบง่าย อาจเพราะแทยอนทื่ทำให้เป็นแบบนั้นเองก็ว่าได้ 

    ตั้งแต่กลับมาแทยอนก็จัดการติดต่อเจ้าหน้าที่รีสอร์ทขอยาขออุปรณ์มาปฐมพยาบาลให้ทิฟฟานี่รวมถึงสั่งอาหารให้มาส่ง

    ที่บ้านพักด้วย




    “ฟานี่ ฟานี่” แทยอนเข้าไปดูในห้องนอนไม่เห็นวี่แววของคนที่น่าจะพึ่งอาบน้ำเสร็จ เดินหาไปทั่วปากก็บ่นไม่หยุด

    ขาเจ็บยังจะเดินไปไหนมาไหนไม่บอกกันก่อนซะอย่างนั้นจนมาเจอทิฟฟานี่นั่งอยู่ที่ระเบียงถึงกับถอนหายใจออกมา



    ดูเค้าสิใส่เสื้อนอนบางๆออกไปนั่งตากลมข้างนอกเนี่ยนะจริงๆเลยฟานี่



    แทยอนกลับเข้าไปหาเสื้อคลุมแล้วเดินกลับออกมาหาทิฟฟานี่อีกครั้งพร้อมยื่นเสื้อให้



    “ใส่เลยเดี๋ยวจะไม่สบาย” ทิฟฟานี่หันมารับเสื้อและส่งยิ้มจนตาปิดให้ยังไม่ทันได้พูดอะไรแทยอนก็เดินหายไปอีกครั้งแล้ว

    กลับมาพร้อมหลอดยาในมือ



    “อ๊ะ แทเบาๆสิคะ” ทิฟฟานี่ร้องทันทีที่แทยอนบีบยานวดข้อเท้าให้



    “นี่เบามือสุดแล้วนะฟานี่ อดทนนิดนึงนะคะคนเก่งของแท”



    “พอแล้วเจ็บอ่ะ” ทิฟฟานี่ดันหัวแทยอนเบาๆให้เค้าเลิกนวดข้อเท้าเธอ



    “งอแงจังเลยเสร็จแล้วค่ะเสร็จแล้ว” แทยอนลุกขึ้นเอายาไปเก็บและล้างมือก่อนจะกลับมาลากเก้าอี้นั่งลงข้างๆทิฟฟานี่ 

    สายตามองที่หญิงสาวเหมือนอยากเก็บภาพเค้าไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนเวลาที่ขอจะหมดลง อีกไม่นานก็ต้องกลับไปใช้

    ชีวิตประจำวันที่วุ่นวายแล้วสิ



    “แทแท เสียงมือถือหรือเปล่า” ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆนั้นทิฟฟานี่ก็สะกิดให้เธอได้สติเพราะมีเสียงมือถือที่อยู่ในบ้าน

    ดังขึ้นตอนแรกว่าจะปล่อยให้ดังอย่างนั้นแต่ทิฟฟานี่ก็บอกว่ารำคาญจนเธอต้องเข้าไปหยิบมือถือดูสายที่ไม่ได้รับก็เห็น

    เป็นชื่อเพื่อนสนิทเธอโทรมา



    มีอะไร



    แทนที่จะโทรกลับแทยอนกลับส่งข้อความแชทกลับไปหายุนอา



    ทำอะไรของแกไม่รับสาย ตั้มเมียอยู่หรือไงแค่นี้รับสายไม่ได้

    โอ๊ยอิยุน! มีอะไรก็ว่ามา!

    พรุ่งนี้แกจะกลับมากี่โมง ช่วงดึกๆฉันไม่อยู่นะ

    คงถึงบ่ายๆมั้งแกจะไปไหนวะไปเที่ยวกับเมียแกเหรอไง

    จะไปสนามบินกับสิก้า ขี้เกียจพิมพ์เว้ยไว้พรุ่งนี้หลังฉันกลับจากสนามบินค่อยคุยกัน




    “แทใครโทรมา” ทิฟฟานี่ตะโกนถามจากระเบียงด้านนอกเมื่อเห็นว่าอีกคนหายไปนานทำให้แทยอนต้องรีบเดินกลับมาหา

    พร้อมมือถือในมือ



    “ยุนโทรมาบอกพรุ่งนี้ดึกๆจะไปสนามบินน่ะฟานี่”



    “ไปสนามบิน?”



    “ช่างมันเถอะ” แทยอนตัดบทแล้ววางมือถือไว้บนเก้าอี้ที่เธอนั่ง



    “แน่ใจนะว่าไม่ได้คุยกับสาวที่ไหน” ทิฟฟานี่ใช้เล็บนิ้วชี้ข่วนปลายจมูกแทยอนมองเค้าด้วยแววตาดุ



    “คุยกับยุนอาจริงๆ” แทยอนเปิดมือถือที่คุยแชทกับยุนอาให้ทิฟฟานี่ดู พอหญิงสาวได้อ่านก็ส่ายหน้าแล้วส่งโทรศัพท์

    คืนแทยอน



    “เป็นอะไรอ่ะ”



    “คุยกันแต่เรื่องพวกนี้เป็นปกติเลยนะแทกับยุนอาน่ะ” พอทิฟฟานี่พูดแบบนั้นก็นึกได้ว่าข้อความที่ยุนอาส่งมามันไม่น่า

    อ่านซักเท่าไหร่



    ทำยังไงดีล่ะเนี่ยไม่รู้จะพูดอะไรเลย พลาดแล้วแทเอ้ย



    แทยอนนั่งสั่นขาใบหน้าเลิกลั่กไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยกับทิฟฟานี่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ทิฟฟานี่ปรายตามองแทยอน

    แล้วหันหน้าไปมองทางอื่นด้วยใบหน้าเฉยเมย



    “แย่จังนะ วันนี้เมียเจ็บขาด้วยคงให้ตั้มไม่ได้แล้วสิ”



    “ห๊ะ” แทยอนทำหน้าเหวอมองหน้าคนพูดอย่างตกใจใบหน้าแดงที่โดนอีกฝ่ายใช้คำที่เธอคุยกับเพื่อนมาพูดแบบนี้



    “ฟานี่! จะไปไหน!” แทยอนรีบถามเมื่อเห็นอีกคนลุกออกไป



    “จะเข้าไปนอนดูทีวีในห้องนอนค่ะวันนี้เหนื่อยๆ ทำไมคะ? จะให้ขี่หลังแทไปอีกเหรอ?” แทยอนรีบลุกจากเก้าอี้ลงไปนั่งรอ

    ให้เค้าขึ้นหลังไม่มีท่าทีอิดออด ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างที่ได้แกล้งเด็กเล่นก่อนจะค่อยๆโถมตัวลงไปขี่หลังแทยอนให้พาไปถึงห้อง

    นอนโดยที่คนให้ขี่หลังคงไม่รู้ว่าทิฟฟานี่จงใจจะให้เค้าพามาที่ห้องนอนเพราะว่า...



    อยากให้รางวัลกับเค้าที่ดูแลเธอวันนี้ต่างหาก...



    ค่ำคืนที่แสนหวานผ่านพ้นไปจนยามเช้ามาถึงทั้งคู่ยังคงนอนเล่นแลกมอนิ่งคิสนัวเนียกันอยู่บนเตียงจนสายๆแทยอนและ

    ทิฟฟานี่ก็เดินทางออกจากที่พัก เส้นทางกลับมาโซลระยะทางเท่าเดิมแต่เหมือนทิฟฟานี่จะค่อยๆขับรถมาเรื่อยๆไม่รีบร้อน

    เพราะขาที่เจ็บอยู่รวมถึงไม่อยากให้ถึงโซลเร็วนักกว่าจะมาส่งแทยอนที่หอก็เกือบเย็น



    “ฟานี่ไม่ให้แทไปด้วยจริงเหรอ”



    “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟานี่ไปจัดการเรื่องรถเสร็จก็กลับห้องเลยเดี๋ยวเจอกันที่ห้องฟานี่นะ” แทยอนพยักหน้ารับปล่อยให้

    ทิฟฟานี่ขับรถออกไปจึงเดินขึ้นห้องตัวเอง พอเข้ามาในห้องไม่เจอรูมเมทตัวเองก็นึกขึ้นได้ว่ายุนอาบอกไว้ว่าจะไป

    สนามบินอาจจะไปหาเจสสิก้าแล้วมั้ง



    ว่าแต่....อยากรู้จริงๆมันไปสนามบินกับเจสสิก้าทำไมเนี่ยต่อมเผือกมันสั่นระริกอยากรู้ไปหมดแล้ว เฮ้ย....แล้วมันกลับมาจะ

    เจอฉันเหรอเดี๋ยวก็จะไปห้องฟานี่ด้วย เออช่างเถอะเดี๋ยวยุนมันก็คงโทรมาเอง





    สิก้าผมอยู่ร้านกาแฟในสนามบินแล้วนะครับ



    “เค้าว่างั้นน่ะสิก้า” ยุนอาอ่านข้อความจากมือถือเจสสิก้าให้เจ้าของที่กำลังขับรถฟัง



    “น่ารำคาญจริงๆเลย ไม่รับสายก็ส่งข้อความมารัวเลย”



    “แต่แปลกนะที่นัดมาเร็วกว่าไฟล์ทบินหลายชั่วโมงเนี่ย ถึงจะบอกว่าสิก้าจะได้ไม่ต้องเจอครอบครัวหมอนั่นให้

    ลำบากใจก็เถอะ เวลานี้มันเร็วไปมั้ง” ยุนอามองเวลาบนมือถือแสดงว่าสี่โมงนิดๆส่วนเวลาที่จุงกิส่งมานัดคือตอนสี่โมงตรงที่

    พวกเธอเลทกันแล้ว



    “สิก้าตรงโน้นจอดได้” ยุนอาชี้ที่ว่างให้เจสสิก้าได้ขับไปจอดรถสักทีหลังจากวนหาที่จอดรถกันอยู่นาน เมื่อเข้ามาในอาคาร

    สนามบินเจสสิก้าก็ควงแขนยุนอาทันทีแล้วพามุ่งไปร้านกาแฟที่จุงกิชอบไปนั่งประจำทุกครั้งที่จะเดินทาง พอถึงร้านก็มอง

    หาจนเจอชายหนุ่มนั่งดื่มกาแฟอยู่มุมในสุดของร้าน



    “ยุน..คุณโอเคนะคะ”



    “ยุนโอเค ไปเถอะจะได้รีบกลับกัน” ทั้งสองเดินเข้าไปจนหยุดยืนหน้าโต๊ะตัวที่อีกฝ่ายนั่งอยู่



    “มาแล้วเหรอนั่งก่อนสิครับเดี๋ยวผมสั่งกาแฟให้คุณเอง อ้อ...พาเพื่อนมาด้วยเหรอจะดื่มอะไรไหมครับเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” 

    จุงกิเงยหน้าขึ้นพูดกับเจสสิก้าก่อนจะสังเกตคนที่เจสสิก้าควงแขนไว้



    “ฉันคงไม่ดื่มอะไรทั้งนั้นล่ะ ฉันมาให้เจอแค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม”



    “นั่งก่อนสิครับ ผมอยากคุยกับคุณสักหน่อย”



    “จุงกิคุณนี่!” ยุนอาเอื้อมไปแตะแขนเจสสิก้าแล้วส่งสายตาบอกให้นั่งลงก่อนเพราะเค้านั้นก็อยากจะรู้ว่าฝ่ายชายต้องการ

    พูดอะไร



    “มีอะไรก็พูดมา!” เจสสิก้าออกอาการรำคาญใส่หลังจากนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามจุงกิยุนอาก็นั่งลงข้างๆเจสสิก้าสายตามองดู

    ท่าทีฝ่ายชายที่เธอรู้สึกว่าวันนี้..ดูแปลกๆกว่าที่เคยเจอก่อนหน้านี้



    “อ้าวมาแล้วสินะ” เจสสิก้าหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลังก่อนที่คนๆนั้นจะเดินมานั่งลงข้างๆจุงกิ



    “นี่เธอ” ไม่เพียงแต่เจสสิก้าที่ตกใจกับผู้หญิงที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ยุนอาเองก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะคนที่มานั้นคือ

    กิ๊กเก่าของเจสสิก้าที่เคยเกือบมีเรื่องกันที่ผับมาแล้ว



    “เพื่อนคุณบอกผมหมดแล้ว”



    “เพื่อน?” พอจุงกิพูดออกมาเธอถึงกับงงหนักไปอีก ยัยนี่ไม่ใช่เพื่อนเธอสักหน่อย



    “ครับ เค้าบอกเป็นเพื่อนคุณผมเจอกับเค้าที่ผับที่คุณชอบไป” ฝ่ายหญิงเอียงคอส่งยิ้มหวานท่าทางน่าหมั่นไส้จนเจสสิก้า

    อยากลุกขึ้นมาตบตอนนี้เลยด้วยซ้ำ



    “แล้วยังไง” เจสสิก้าอยากรู้นักว่าจุงกิโดนเป่าหูอะไรมาหรือว่าจะไปคว้ายัยนี่มาเป็นแฟนใหม่กัน



    “ผมไม่นึกเลยว่าอยู่ที่นี่คุณจะทำตัวเลวและมั่วได้ขนาดนี้เลยสิก้า คุณเปลี่ยนคู่นอนแทบไม่ซ้ำหน้า ผมล่ะไม่อยากจะเชื่อ”



    “ยุนคะใจเย็นๆสิก้าจัดการเอง” เจสสิก้าดึงแขนยุนอาที่ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเอาเรื่องจุงกิที่ว่าเธอเสียๆหายๆ



    “ดูสิคะจุงกิ นี่ก็คงจะเป็นคู่นอนใหม่สิก้านะท่าทางโมโหเชียว” กิ๊กเก่าเจสสิก้ายุยงจุงกิอีกครั้งหลังจากที่เจอที่ผับก็

    แต่งเติมเสริมเรื่องหลายอย่างให้จุงกิสติหลุดจนเคืองแค้นเจสสิก้า



    “อ้อ นี่เอาคู่นอนใหม่มาเย้ยผมด้วยเหรอ มั่วทั้งหญิงทั้งชายเลยสินะสิก้า! ผมเนี่ยหลงโง่มาหลายปีจริงๆที่คบกับคุณ!” 

    จุงกิขึ้นเสียงดังจนหลายคนในร้านหันมามอง เจสสิก้าจับมือยุนอาที่กำลังกำแน่นไว้ก่อนจะตอบโต้แฟนเก่าแม้มีสายตา

    หลายคู่มองเธออย่างดูถูกพร้อมซุบซิบนินทาอีก



    “คุณจะคิดยังไงก็ช่างคุณนะ แต่นี่แฟนฉันไม่ใช่คู่นอนอย่างที่คุณว่า”



    “แฟน!? ผู้หญิงคนนี้เหรอที่บอกว่าแฟนใหม่ของคุณ ที่เลิกกับผมเพราะผู้หญิงคนนี้เหรอ”



    “ตกลงที่คุณนัดมาก็แค่ไปฟังเรื่องบ้าๆจากยัยนี่มาจนต้องมาด่าสิก้าต่อหน้าใช่ไหมคะ ไม่นึกเลยว่าคุณจะโง่ได้ขนาดนี้จุงกิ”



    “เจสสิก้า!”



    “ฟังนะจุงกิ คนข้างๆคุณน่ะฉันก็เคยนอนกับเค้ามาช่วงหนึ่งแต่พอฉันเลิกยุ่งด้วยก็คอยตามตอแย นี่ไม่นึกว่าจะยังคอยตามฉัน

    จนเข้าถึงตัวคุณได้ขนาดนี้ ว่าไง? ที่เธอต้องการน่ะแค่อยากเห็นฉันโดนด่าอยากให้ฉันร้องไห้อยากให้ฉันเสียใจที่โดนจุงกิ

    ด่างั้นเหรอ” หญิงสาวยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นยืน



    “คุณจะเชื่อคนที่นอกใจคุณงั้นเหรอคะจุงกิ” จุงกิเงยหน้ามองกิ๊กเก่าของเจสสิก้าสมองกำลังสับสนว่าใครพูดความจริงกันแน่



    “คิดเอาเองแล้วกันนะคะ ฉันก็บอกไปหมดแล้วลาก่อนค่ะ” หญิงสาวโบกมือลาให้จุงกิก่อนจะปรายตามองเจสสิก้าและ

    ยุนอาด้วยความสะใจแล้วออกจากร้านไป



    “หมดเรื่องหรือยังคะที่ต้องการเจอสิก้า”



    “.............................” จุงกิมองหน้าเจสสิก้าด้วยแววตาดุดันมีแต่ความโกรธ



    “ไปเถอะค่ะที่รัก” เจสสิก้าลุกขึ้นดึงมือยุนอาให้ลุกตาม



    “ที่รัก..เฮอะ!อยากจะอ๊วก”



    “คุณรังเกียจสิก้าก็ดีนะคะ สิก้ามันแค่ผู้หญิงสกปรกไร้ค่าอย่ามายุ่งกันอีกเลยจะดีต่อชีวิตคุณนะ”



    “นั่นสิ ผมมันโง่เอง แล้วผู้หญิงกับผู้หญิงน่ะยังไงก็ไปกันไม่รอดหรอก คอยดูนะสุดท้ายแล้วคุณก็จะกลับมาง้อผมและผมก็

    ไม่มีวันจะให้อภัยคุณ” จุงกิประกาศกร้าวใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ



    “ดีค่ะ เพราะยังไงคงไม่มีวันนั้น ลาก่อนนะจุงกิ” เจสสิก้าควงแขนยุนอาออกจากร้านพร้อมยกมือถือขึ้นมาจัดการลบข้อความ

    และบล็อคเบอร์ที่จุงกิโทรมาก่อนจะถอนหายใจออกมา



    “เท่านี้ก็คงจบเรื่องที่สิก้าก่อไว้ได้แล้วใช่ไหมคะยุน”



    “คงไม่มีใครอื่นนอกจากนี้ที่ต้องเคลียร์แล้วนะสิก้า”



    “ไม่มีค่ะ นอกจากยุนสิก้าก็ไม่มีใครอีกแล้ว” ยุนอายิ้มรับรู้สึกโล่งใจที่เจสสิก้าให้เธอเป็นแฟนออกหน้าออกตาและจัดการ

    ทั้งกิ๊กและแฟนเก่าออกจากชีวิตจนหมด



    “พรุ่งนี้ไปปิดเบอร์นั้นกันนะ”



    “ได้ค่ะที่รัก ว่าแต่ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันเถอะสิก้าหิว”



    “โอเคค่ะตามใจสิก้าเลย” เจสสิก้าหยิกแก้มยุนอาเบาๆแล้วควงแขนเดินไปที่จอดรถ 



    ต่อจากวันนี้จะมีแค่เธอสองคนแค่สองคนเท่านั้น 



    เธอจะไม่ทำตัวแบบวันเก่าๆอีก....เพื่อรักษาคนๆนี้ให้ยังคงอยู่กับเธอในทุกๆวัน...





    สิก้ารักคุณนะคะยุนอา...



    ----------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×