คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่23 หงส์ฟ้าเหิน1
ตามทางเดินของตลาดกลางเมืองเฟิ่งหวง
หลังจากกินอิ่มแล้วเดินออกจากร้านอาหารห่าวซือ หยางเหอจินจึงพาซูเจินเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นชัดแล้วว่านางยังคงสำราญอยู่ไม่น้อย
“พี่ชาย..” หญิงสาวดึงชายเสื้อตรงแขนของชายหนุ่มเบาๆ
แต่สัมผัสเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ร่างหนาใหญ่ถึงกับชะงักงันยืนตัวเกร็งราวกับแท่งน้ำแข็งต้องของร้อนพร้อมละลาย เขาเบนสายตาคมดุมองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกเครียดตึง ใบหูอุ่นวาบ
หญิงสาวผู้เป็นสาเหตุทำให้ชายหนุ่มต้องควบคุมตนเองอย่างยากลำบาก ยังคงไม่รู้ตัวเลยสักนิด นางเอียงหน้าน้อยๆ บอกหน้าตาเฉย
“ข้าอยากเข้าไปเที่ยวในนั้น” นางชี้ไปทางสถานที่แห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนั้นมีลักษณะเป็นโรงน้ำชาธรรมดา ตัวเรือนมีสามชั้น โดยชั้นแรกเป็นห้องโถงกว้างใหญ่และโปร่ง มีประตูบานทรงโค้งวิจิตร มองทะลุเข้าไปด้านใน มีหญิงสาวงดงามเดินชดช้อยไปมา ท่าทางยั่วยวนใจตลอดเวลา พวกนางบริการรินน้ำชาให้ลูกค้า ตรงหน้าร้านมีป้ายติดอยู่ด้านบนด้วยตัวอักษรสีแดงพลิ้วอ่อนคำว่าฉิงซู่ ที่นั่นคือโรงน้ำชาในยามกลางวัน แต่เป็นหอนางโลมในยามกลางคืนนั่นเอง
หยางเหอจินมองตามการชี้ชวนของนาง แต่แล้วเขาต้องขมวดคิ้วพันกันแน่นก่อนถามเสียงเคืองขุ่น “เจ้าจะเข้าไปทำไม มันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กน้อยอย่างเจ้า”
“ข้าแค่อยากเข้าไปศึกษามารยาของพวกนางเอาไว้” นางตอบตามตรง ในนั้นมีสตรีเย้ายวนใจมากมาย ฝีมือยั่วยวนขั้นเซียน นางขอเข้าไปชมฝีมือสักหน่อยเถิด หากนางรู้แจ้งในเคล็ดวิชาแล้ว นางจะได้มีอาวุธอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับอิสตรี ในภายภาคหน้านางจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป
ครานี้ชายหนุ่มเริ่มทนไม่ได้จริงๆ เนื่องจากว่าเขายังคงรู้เท่าทันน้องน้อยของเขาเป็นอย่างดี
“อย่าแม้แต่จะคิด!” เขาจึงรีบปฏิเสธทันใด
ซูเจินย่นคิ้วถามอย่างขัดเคือง “ทำไมเล่า?”
หยางเหอจินเลือกที่จะอธิบายอย่างใจเย็น “ข้ารู้ดีถึงอาวุธที่ร้ายแรงของพวกสตรี ในสงครามทุกสมรภูมิรบนั้น พวกนางนับว่าเป็นเครื่องมือสังหารที่น่ากลัว เสน่ห์ยั่วยวนทั้งหลาย ทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต้องแพ้พ่ายมานักต่อนัก”
หากเป็นศึกชายแดน อาวุธจำพวกสตรีมักมาในรูปแบบคณิกาประจำค่ายทหาร หากแต่ในศึกราชสำนัก อาวุธที่ร้ายกาจก็ไม่พ้นพวกสนมชายา ธิดาขุนนาง แม้แต่ฝ่ายยุทธภพเอง พวกสตรีก็มักจะเล่นเล่ห์ใช้เสน่ห์ล่อลวงที่อาบไล้ไปด้วยยาพิษคร่าชีวิตเหล่าจอมยุทธ์ให้แดดิ้น
ชายหนุ่มยังคงก้มหน้าสอนสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “หากแต่สิ่งที่พวกนางใช้เป็นอาวุธคืออันใด มิใช่เรือนร่างและความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพวกนางหรอกหรือไร เจ้าจงคิดให้ดี”
ซูเจินยืนแหงนหน้าฟังความตาปริบๆ นางไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมต้องเชื่อฟัง หากแต่ปฏิกิริยาของนางกลับเป็นเช่นนั้น
ไม่เห็นเข้าใจ!
เวลาล่วงเข้ามายามเย็น ดวงตะวันสาดแสงสีทองเรืองรองงดงามครอบคลุมแผ่นดิน
ซูเจินจึงคิดจะกลับวัดฉือหนิงไปหาหนิงเหมยกับหนี่ม่าน เพราะอย่างไรเสีย พวกนางก็คือผู้มีพระคุณเคยช่วยเหลือตน ทั้งยังเดินทางมาด้วยกันตั้งหลายวัน
เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า สตรีสองคนนั้นทั้งบอบบางและอ่อนแอ อาจถูกรังแกได้ทุกเมื่อ การจะแยกออกจากกันนานนักคงมิใช่เรื่องดี
“ข้าอยากกลับแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาทางชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกันไม่เคยห่างกาย
หยางเหอจินย่อมตามใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปได้ไกลจากชายป่าริมเมือง เสียงคล้ายเจ็บปวดเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที...”
เสียงนั้นเป็นเสียงของสตรี ทั้งแหบแห้งอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด “ช่วยพี่ชายข้าด้วย ได้โปรดเถิด...”
หยางเหอจินกับซูเจินมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนจะเริ่มพากันเดินหาต้นตอของเสียง ทั้งสองใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้เห็นสองชายหญิงอยู่กลางป่าไกลออกไปจากริมชานเมือง
ภาพที่เห็นคือชายผู้หนึ่งสวมชุดสีเหลืองนวลนอนบาดเจ็บอยู่ตรงพื้นดิน โดยมีฝ่ายหญิงผู้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือใส่ชุดสีขาวพิสุทธิ์แลดูผุดผ่อง นางนั่งคุกเข่าพยายามจับประคองชายหนุ่มบนพื้นเอาไว้สุดกำลัง
เจ้าของเสียงอ้อนวอนให้ช่วยเหลือคือสตรีนามว่าหลวนเหยา ส่วนชายคนที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้นคือหลวนเยว่
หลวนเหยาบีบน้ำตาให้ไหลออกมา พลางแค่นถามเสียงเบาอยู่ในลำคอได้ยินเพียงพี่ชายตน “เหตุใดมิใช่ข้าที่บาดเจ็บเล่า? พี่ใหญ่” หากเป็นนางที่สวมบทหญิงอ่อนแรง ชายรูปงามผู้นั้นต้องเข้ามาช่วยปลอบประโลมนาง อุ้มนาง แล้วนางก็จะได้ใกล้ชิดเขา
หลวนเยว่ผู้เป็นพี่ชายที่นอนบาดเจ็บเหลือเกินเอ่ยตอบเสียงแหบต่ำอยู่ในลำคอ “หากเป็นเจ้าที่บาดเจ็บ มิใช่ข้าหรอกหรือที่ต้องแบกเจ้า ชายใดจะเหลียวแลเจ้ากันล่ะ หื้อ!” สีหน้าของเขาช่างจริงจังผิดกับร่างงามที่อ่อนระทวยหมดแรง
“เออ...จริง!” สตรีผู้เป็นน้องสาวกะพริบตาก้มมองพี่ชาย
“มารยาต่อไป!”
สิ้นเสียงกระซิบกระซาบดุดัน สองพี่น้องก็แสดงบทบาทของตนเองต่อ โดยมีเป้าหมายเดียวกันอย่างไม่น่าเป็นได้
“พี่ใหญ่! อย่าตายนะ พี่ใหญ่...” เสียงแว่วหวานของหลวนเหยาช่างสั่นเครือเสียเหลือเกิน นางกำลังทุกข์ระทมสุดแสน
“อา...ข้าไม่ไหวแล้ว” หลวนเยว่ส่งเสียงพร่าใกล้ตายเต็มที
สองพี่น้องนั่งกอดประคองกันตรงพื้นดิน เกิดเป็นภาพที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน หากใครเดินผ่านมาจะไม่ช่วยก็คงไม่แคล้วถูกครหา ว่าแล้งน้ำใจไร้มโนธรรม
หยางเหอจินกับซูเจินจึงเดินเข้าไปเพื่อถามไถ่อย่างหลงกล
แน่นอนว่าพวกเขาพอจะจับกระแสพลังลมปราณของสองชายหญิงได้ แต่ทว่าพลังลมปราณของสองคนนี้ช่างบางเบาและนิ่งสงบนัก เห็นได้ชัดว่าฝีมือวรยุทธ์คงไม่เท่าไหร่ เพียงแต่เขาอยากจะรู้นักว่าสองคนนั้นเป็นใคร มีลูกไม้อันใด? ไยต้องแอบสะกดรอยตามพวกเขามา?
หยางเหอจินเดินเข้าไปหาสองชายหญิง ส่วนซูเจินยืนกอดอกมองอยู่นอกวง
เมื่อชายงามเดินเข้ามาจนถึงตัวแล้ว หลวนเหยาจึงรีบทิ้งร่างของพี่ชายลงพื้นดินแล้วโผเข้าหาชายงามอย่างลืมตัว
“...!?”
หลวนเยว่นึกหมั่นไส้ลอบจดบัญชีแค้นเอาไว้ในใจ
“คุณชาย...” หลวนเหยาจับแขนของหยางเหอจินเขย่าอย่างใกล้ชิด “ได้โปรดช่วยพี่ชายของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ เขาบาดเจ็บ” นางลอบสูดเอากลิ่นกายของเขาแวบหนึ่ง ช่างหอมนัก!
ชายหนุ่มดึงแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวแปลกหน้าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอข้าดูพี่ชายเจ้าสักครู่”
หลวนเหยาแอบกลอกตาเม้มปาก ส่วนหลวนเยว่ลอบยกยิ้มพริบตา ก่อนจะหลุดครางออกมาเมื่อถูกหยางเหอจินแตะต้องเนื้อตัว
“อา...”
“...!?”
“ข้าเจ็บเหลือเกิน” หลวนเยว่ส่งเสียงแหบต่ำจับแผงอกของตน “พิษกำลังแทรกซึมข้าแล้ว...” เขาจับฝ่ามือของหยางเหอจินมาที่หน้าอกตนหมายให้ชายงามตรงหน้าตรวจอย่างละเอียด
หยางเหอจินขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ยังจับเนื้อตัวของหลวนเยว่ตามการลากไล้ของฝ่ามือคนเจ็บ
“พี่ใหญ่!” หลวนเหยาเริ่มทนไม่ได้ เราตกลงกันแล้วนะ!
“มานี่เลย! ข้าดูเขาเอง” นางเข้ามาปัดมือของหยางเหอจินให้ออกห่าง แล้วทำทีเป็นตรวจจับชีพจรให้พี่ชายด้วยตนเอง
“อ๊ะ!” หลวนเยว่ถึงกับร้องครวญเมื่อถูกน้องสาวแอบหยิกเนื้อเต็มแรง “อ๊า...”
“...!?”
ซูเจินที่ยืนมองอยู่นานเริ่มขนลุกชูชันไปหมดแล้ว ทั้งร้องทั้งครางอย่างนั้น เป็นอันใดมากหรือไม่?
หยางเหอจินเริ่มไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าเล่นตลกอะไรกัน!?” เขาถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าชายหญิงตรงหน้ากำลังเล่นงิ้ว
หลวนเยว่กับหลวนเหยามองใบหน้าคมคายที่มีดวงตาดำขลับแฝงเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ยิ่งได้ชิดใกล้ยิ่งให้ความรู้สึกเร้าใจไม่ธรรมดา พวกเขาจึงเพิ่มมารยาเข้าไปอีก
“คุณชาย...” ครานี้เป็นหลวนเหยาบ้างที่ร้องออดอ้อน “ข้าเจ็บเหลือเกิน ข้าเองก็ถูกพิษเจ้าค่ะ” นางทำตัวอ่อนสิ้นไร้เรี่ยวแรงทิ้งตัวลงซบไหล่หยางเหอจิน
อืม...แขนแน่น! กล้ามล่ำ!
ชายหนุ่มถึงกับหลบไม่ทัน เนื่องจากถูกผู้เป็นพี่ชายซบเข้ามาอีกทางหนึ่งโดยพร้อมกัน “ข้าถูกพิษร้ายยิ่งกว่าและกำลังแทรกซึม อา...”
“...!?”
หยางเหอจินเริ่มรับรู้ได้ ว่าสองพี่น้องตรงหน้าไม่ปกติ คนหนึ่งมารยามากเล่ห์ คนหนึ่งต้วนซิ่วไม่เลือกกิน เขาควรฆ่าใครก่อนดี!?
**********
เปิดตัวลูกสมุนในอนาคตของเจินเจินน้อย...
********
หมายเหตุ: ต้วนซิ่ว(ชายรักชาย)
|
ความคิดเห็น