ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้พระกาฬ

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่23 หงส์ฟ้าเหิน1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.46K
      1.77K
      24 เม.ย. 66

    ตามทางเดินของตลาดกลางเมืองเฟิ่งหวง

    หลังจากกินอิ่มแล้วเดินออกจากร้านอาหารห่าวซือ หยางเหอจินจึงพาซูเจินเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นชัดแล้วว่านางยังคงสำราญอยู่ไม่น้อย

    “พี่ชาย..” หญิงสาวดึงชายเสื้อตรงแขนของชายหนุ่มเบาๆ

    แต่สัมผัสเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ร่างหนาใหญ่ถึงกับชะงักงันยืนตัวเกร็งราวกับแท่งน้ำแข็งต้องของร้อนพร้อมละลาย เขาเบนสายตาคมดุมองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกเครียดตึง ใบหูอุ่นวาบ

    หญิงสาวผู้เป็นสาเหตุทำให้ชายหนุ่มต้องควบคุมตนเองอย่างยากลำบาก ยังคงไม่รู้ตัวเลยสักนิด นางเอียงหน้าน้อยๆ บอกหน้าตาเฉย

    “ข้าอยากเข้าไปเที่ยวในนั้น” นางชี้ไปทางสถานที่แห่งหนึ่ง

    สถานที่แห่งนั้นมีลักษณะเป็นโรงน้ำชาธรรมดา ตัวเรือนมีสามชั้น โดยชั้นแรกเป็นห้องโถงกว้างใหญ่และโปร่ง มีประตูบานทรงโค้งวิจิตร  มองทะลุเข้าไปด้านใน มีหญิงสาวงดงามเดินชดช้อยไปมา ท่าทางยั่วยวนใจตลอดเวลา พวกนางบริการรินน้ำชาให้ลูกค้า ตรงหน้าร้านมีป้ายติดอยู่ด้านบนด้วยตัวอักษรสีแดงพลิ้วอ่อนคำว่าฉิงซู่ ที่นั่นคือโรงน้ำชาในยามกลางวัน แต่เป็นหอนางโลมในยามกลางคืนนั่นเอง

    หยางเหอจินมองตามการชี้ชวนของนาง แต่แล้วเขาต้องขมวดคิ้วพันกันแน่นก่อนถามเสียงเคืองขุ่น “เจ้าจะเข้าไปทำไม มันไม่ใช่ที่สำหรับเด็กน้อยอย่างเจ้า”

    “ข้าแค่อยากเข้าไปศึกษามารยาของพวกนางเอาไว้” นางตอบตามตรง ในนั้นมีสตรีเย้ายวนใจมากมาย ฝีมือยั่วยวนขั้นเซียน นางขอเข้าไปชมฝีมือสักหน่อยเถิด หากนางรู้แจ้งในเคล็ดวิชาแล้ว นางจะได้มีอาวุธอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับอิสตรี ในภายภาคหน้านางจะได้ไม่ลำบากจนเกินไป

    ครานี้ชายหนุ่มเริ่มทนไม่ได้จริงๆ เนื่องจากว่าเขายังคงรู้เท่าทันน้องน้อยของเขาเป็นอย่างดี

    “อย่าแม้แต่จะคิด!” เขาจึงรีบปฏิเสธทันใด

    ซูเจินย่นคิ้วถามอย่างขัดเคือง “ทำไมเล่า?

    หยางเหอจินเลือกที่จะอธิบายอย่างใจเย็น “ข้ารู้ดีถึงอาวุธที่ร้ายแรงของพวกสตรี ในสงครามทุกสมรภูมิรบนั้น พวกนางนับว่าเป็นเครื่องมือสังหารที่น่ากลัว เสน่ห์ยั่วยวนทั้งหลาย ทำให้บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต้องแพ้พ่ายมานักต่อนัก”

    หากเป็นศึกชายแดน อาวุธจำพวกสตรีมักมาในรูปแบบคณิกาประจำค่ายทหาร หากแต่ในศึกราชสำนัก อาวุธที่ร้ายกาจก็ไม่พ้นพวกสนมชายา ธิดาขุนนาง แม้แต่ฝ่ายยุทธภพเอง พวกสตรีก็มักจะเล่นเล่ห์ใช้เสน่ห์ล่อลวงที่อาบไล้ไปด้วยยาพิษคร่าชีวิตเหล่าจอมยุทธ์ให้แดดิ้น

    ชายหนุ่มยังคงก้มหน้าสอนสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “หากแต่สิ่งที่พวกนางใช้เป็นอาวุธคืออันใด มิใช่เรือนร่างและความบริสุทธิ์ผุดผ่องของพวกนางหรอกหรือไร เจ้าจงคิดให้ดี”

    ซูเจินยืนแหงนหน้าฟังความตาปริบๆ นางไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมต้องเชื่อฟัง หากแต่ปฏิกิริยาของนางกลับเป็นเช่นนั้น

    ไม่เห็นเข้าใจ!

     

    เวลาล่วงเข้ามายามเย็น ดวงตะวันสาดแสงสีทองเรืองรองงดงามครอบคลุมแผ่นดิน

    ซูเจินจึงคิดจะกลับวัดฉือหนิงไปหาหนิงเหมยกับหนี่ม่าน เพราะอย่างไรเสีย พวกนางก็คือผู้มีพระคุณเคยช่วยเหลือตน ทั้งยังเดินทางมาด้วยกันตั้งหลายวัน

    เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า สตรีสองคนนั้นทั้งบอบบางและอ่อนแอ อาจถูกรังแกได้ทุกเมื่อ การจะแยกออกจากกันนานนักคงมิใช่เรื่องดี

    “ข้าอยากกลับแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาทางชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกันไม่เคยห่างกาย

    หยางเหอจินย่อมตามใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปได้ไกลจากชายป่าริมเมือง เสียงคล้ายเจ็บปวดเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

    “ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที...”

    เสียงนั้นเป็นเสียงของสตรี ทั้งแหบแห้งอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด “ช่วยพี่ชายข้าด้วย ได้โปรดเถิด...”

    หยางเหอจินกับซูเจินมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ก่อนจะเริ่มพากันเดินหาต้นตอของเสียง ทั้งสองใช้เวลาเพียงไม่นานก็ได้เห็นสองชายหญิงอยู่กลางป่าไกลออกไปจากริมชานเมือง

    ภาพที่เห็นคือชายผู้หนึ่งสวมชุดสีเหลืองนวลนอนบาดเจ็บอยู่ตรงพื้นดิน โดยมีฝ่ายหญิงผู้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือใส่ชุดสีขาวพิสุทธิ์แลดูผุดผ่อง นางนั่งคุกเข่าพยายามจับประคองชายหนุ่มบนพื้นเอาไว้สุดกำลัง

    เจ้าของเสียงอ้อนวอนให้ช่วยเหลือคือสตรีนามว่าหลวนเหยา ส่วนชายคนที่นอนบาดเจ็บอยู่บนพื้นคือหลวนเยว่

    หลวนเหยาบีบน้ำตาให้ไหลออกมา พลางแค่นถามเสียงเบาอยู่ในลำคอได้ยินเพียงพี่ชายตน “เหตุใดมิใช่ข้าที่บาดเจ็บเล่า? พี่ใหญ่” หากเป็นนางที่สวมบทหญิงอ่อนแรง ชายรูปงามผู้นั้นต้องเข้ามาช่วยปลอบประโลมนาง อุ้มนาง แล้วนางก็จะได้ใกล้ชิดเขา

    หลวนเยว่ผู้เป็นพี่ชายที่นอนบาดเจ็บเหลือเกินเอ่ยตอบเสียงแหบต่ำอยู่ในลำคอ “หากเป็นเจ้าที่บาดเจ็บ มิใช่ข้าหรอกหรือที่ต้องแบกเจ้า ชายใดจะเหลียวแลเจ้ากันล่ะ หื้อ!” สีหน้าของเขาช่างจริงจังผิดกับร่างงามที่อ่อนระทวยหมดแรง

    “เออ...จริง!” สตรีผู้เป็นน้องสาวกะพริบตาก้มมองพี่ชาย

    “มารยาต่อไป!

    สิ้นเสียงกระซิบกระซาบดุดัน สองพี่น้องก็แสดงบทบาทของตนเองต่อ โดยมีเป้าหมายเดียวกันอย่างไม่น่าเป็นได้

    “พี่ใหญ่! อย่าตายนะ พี่ใหญ่...” เสียงแว่วหวานของหลวนเหยาช่างสั่นเครือเสียเหลือเกิน นางกำลังทุกข์ระทมสุดแสน

    “อา...ข้าไม่ไหวแล้ว” หลวนเยว่ส่งเสียงพร่าใกล้ตายเต็มที

    สองพี่น้องนั่งกอดประคองกันตรงพื้นดิน เกิดเป็นภาพที่น่าสงสารเสียเหลือเกิน หากใครเดินผ่านมาจะไม่ช่วยก็คงไม่แคล้วถูกครหา ว่าแล้งน้ำใจไร้มโนธรรม

    หยางเหอจินกับซูเจินจึงเดินเข้าไปเพื่อถามไถ่อย่างหลงกล

    แน่นอนว่าพวกเขาพอจะจับกระแสพลังลมปราณของสองชายหญิงได้ แต่ทว่าพลังลมปราณของสองคนนี้ช่างบางเบาและนิ่งสงบนัก เห็นได้ชัดว่าฝีมือวรยุทธ์คงไม่เท่าไหร่ เพียงแต่เขาอยากจะรู้นักว่าสองคนนั้นเป็นใคร มีลูกไม้อันใด? ไยต้องแอบสะกดรอยตามพวกเขามา?

    หยางเหอจินเดินเข้าไปหาสองชายหญิง ส่วนซูเจินยืนกอดอกมองอยู่นอกวง

    เมื่อชายงามเดินเข้ามาจนถึงตัวแล้ว หลวนเหยาจึงรีบทิ้งร่างของพี่ชายลงพื้นดินแล้วโผเข้าหาชายงามอย่างลืมตัว

    “...!?

    หลวนเยว่นึกหมั่นไส้ลอบจดบัญชีแค้นเอาไว้ในใจ

    “คุณชาย...” หลวนเหยาจับแขนของหยางเหอจินเขย่าอย่างใกล้ชิด “ได้โปรดช่วยพี่ชายของข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ เขาบาดเจ็บ” นางลอบสูดเอากลิ่นกายของเขาแวบหนึ่ง ช่างหอมนัก!

    ชายหนุ่มดึงแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงสาวแปลกหน้าเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอข้าดูพี่ชายเจ้าสักครู่”

    หลวนเหยาแอบกลอกตาเม้มปาก ส่วนหลวนเยว่ลอบยกยิ้มพริบตา ก่อนจะหลุดครางออกมาเมื่อถูกหยางเหอจินแตะต้องเนื้อตัว

    “อา...”

    “...!?

    “ข้าเจ็บเหลือเกิน” หลวนเยว่ส่งเสียงแหบต่ำจับแผงอกของตน “พิษกำลังแทรกซึมข้าแล้ว...” เขาจับฝ่ามือของหยางเหอจินมาที่หน้าอกตนหมายให้ชายงามตรงหน้าตรวจอย่างละเอียด

    หยางเหอจินขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ยังจับเนื้อตัวของหลวนเยว่ตามการลากไล้ของฝ่ามือคนเจ็บ

    “พี่ใหญ่!” หลวนเหยาเริ่มทนไม่ได้ เราตกลงกันแล้วนะ

    “มานี่เลย! ข้าดูเขาเอง” นางเข้ามาปัดมือของหยางเหอจินให้ออกห่าง แล้วทำทีเป็นตรวจจับชีพจรให้พี่ชายด้วยตนเอง

    “อ๊ะ!” หลวนเยว่ถึงกับร้องครวญเมื่อถูกน้องสาวแอบหยิกเนื้อเต็มแรง “อ๊า...”

    “...!?

    ซูเจินที่ยืนมองอยู่นานเริ่มขนลุกชูชันไปหมดแล้ว ทั้งร้องทั้งครางอย่างนั้น เป็นอันใดมากหรือไม่?

    หยางเหอจินเริ่มไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าเล่นตลกอะไรกัน!?” เขาถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าชายหญิงตรงหน้ากำลังเล่นงิ้ว

    หลวนเยว่กับหลวนเหยามองใบหน้าคมคายที่มีดวงตาดำขลับแฝงเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ยิ่งได้ชิดใกล้ยิ่งให้ความรู้สึกเร้าใจไม่ธรรมดา พวกเขาจึงเพิ่มมารยาเข้าไปอีก

    “คุณชาย...” ครานี้เป็นหลวนเหยาบ้างที่ร้องออดอ้อน “ข้าเจ็บเหลือเกิน ข้าเองก็ถูกพิษเจ้าค่ะ” นางทำตัวอ่อนสิ้นไร้เรี่ยวแรงทิ้งตัวลงซบไหล่หยางเหอจิน

    อืม...แขนแน่น! กล้ามล่ำ!

    ชายหนุ่มถึงกับหลบไม่ทัน เนื่องจากถูกผู้เป็นพี่ชายซบเข้ามาอีกทางหนึ่งโดยพร้อมกัน “ข้าถูกพิษร้ายยิ่งกว่าและกำลังแทรกซึม อา...”

    “...!?

    หยางเหอจินเริ่มรับรู้ได้ ว่าสองพี่น้องตรงหน้าไม่ปกติ คนหนึ่งมารยามากเล่ห์ คนหนึ่งต้วนซิ่วไม่เลือกกิน เขาควรฆ่าใครก่อนดี!?



    **********

    เปิดตัวลูกสมุนในอนาคตของเจินเจินน้อย...

    ********

    หมายเหตุ: ต้วนซิ่ว(ชายรักชาย)


    นิยายสาวใช้พระกาฬ ฉบับ E-Book คลิก>>>สาวใช้พระกาฬ

    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0NTM5NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijg1ODk5Ijt9

    Thumbnail Seller Link
    สาวใช้พระกาฬ
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    จะเป็นอย่างไรเมื่อทายาทสาวน้อยจ้าวยุทธ์ ต้องมาอยู่ในคราบสาวใช้ของนายสาวผู้อ่อนแอ..."คุณหนูท่านรักบุรุษผู้นั้น""ข้ากับเขาคบหากันมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×