คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่22 วางแผนล่อลวง
ภายในร้านอาหารห่าวชือแห่งหนึ่งใจกลางเมืองเฟิ่งหวง
ห้องอาหารภายในร้านมีลักษณะเป็นโต๊ะกลมทรงเตี้ยลวดลายประณีต ลูกค้าที่มานั่งล้วนนั่งบนฟูกนุ่มอุ่นสบาย บรรยากาศโดยรอบเรือนกายให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นกันเอง
หยางเหอจินเลือกห้องชั้นสองที่มีลูกค้าน้อยกว่าชั้นล่าง ถึงแม้จะต้องจ่ายแพงกว่าถึงสองเท่า แต่เพื่อสาวน้อยที่เอียงหน้ายิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ ต่อให้จ่ายแพงกว่านี้ถึงสิบเท่า เขาก็ยอม
เพียงไม่นาน อาหารหน้าตาน่าทานหลากหลายก็ถูกยกมาวางเรียงรายลงบนโต๊ะตรงหน้าซูเจิน
หญิงสาวรู้สึกดียิ่งนัก เมื่อเห็นอาหารชั้นยอดทรงคุณค่าตรงหน้า
นี่คือแหล่งพลังงานชั้นดี กินเสร็จแล้วกลับไปออกกำลังฝึกยุทธ์ ย่อมหลับสบายหลายชั่วยาม
หยางเหอจินลอบยกยิ้มพึงใจ เมื่อเห็นน้องน้อยดีใจอย่างนั้น
“ข้าไม่เกรงใจพี่ชายแล้วนะ” ซูเจินหันหน้ามามองเขาพลางกล่าวคำอย่างนอบน้อม ดวงตาพราวระยับจับจ้องที่อาหาร
“เชิญ!” ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาตด้วยน้ำเสียงคล้ายประชดประชัน ตั้งแต่มาถึงตัวเมือง นางเคยเกรงใจยามใดกัน?
“พี่ชายใจดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ” หญิงสาวหยอดคำหวานออดอ้อนเสียหน่อย คนอะไร ทั้งเก่งกาจ ทั้งรูปงาม ทั้งใจดี มีครบครัน
“ย่อมเป็นเช่นนั้น” หากมิใช่นาง ใครก็อย่าได้หวัง!
หญิงสาวใช้มือน้อยๆ จับตะเกียบคีบอาหารใส่ปากเล็กบางก่อนจะเคี้ยวอย่างน่ารัก พาใบหน้าจิ้มลิ้มน่าหยิกยิ่งนัก
ชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามโต๊ะตัวเดียวกันมองกิริยาท่าทางของนางยิ่งยกยิ้มพึงใจ เขาเพียงนั่งจิบชาเป็นเพื่อนนางก็เท่านั้น
เมื่อครั้งที่นางยังเป็นเด็กตัวอ้วนกลมคลานต้วมเตี้ยม ส่วนเขาเป็นเด็กชายอายุสิบเอ็ดปี เขาก็มักจะชอบมองนางกิน ชอบป้อนข้าวให้นาง ต่อมาเมื่อนางได้หนึ่งขวบปี เขาก็เป็นคนสอนนางให้ใช้ตะเกียบคีบอาหารด้วยตนเอง
หยางเหอจินนึกถึงภาพเมื่อวันวานขึ้นมา ภาพนั้นเป็นภาพยามที่น้องน้อยนั่งอยู่บนตักของเขา มืออ้วนกลมของนางจับตะเกียบอยู่ในอุ้งมือของเขา อาหารมื้อนั้น นางใช้เวลากินนานมาก แม่นมที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลลุ้นจนตัวเกร็ง ว่านางจะกินเองได้เมื่อใด
ชายหนุ่มอยากจะบอกกับสตรีตรงหน้าเหลือเกินว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร แต่หากบอกออกไปว่า เขาเป็นองค์ชายและเป็นถึงน้องชายของเฟยหลงจวิ้น ผลจักออกมาเป็นเช่นใด?
ในขณะที่หยางเหอจินยังคงครุ่นคิดอย่างไม่เข้าใจในชีวิต เนื้อเป็ดหนานุ่มสีแดงฉ่ำหอมกรุ่นพลันถูกยื่นให้ตรงหน้า
“พี่ชายหิวหรือไร ไยทำหน้าอย่างนั้น” ซูเจินเห็นคนตรงหน้าขมวดคิ้วเหม่อมองนางที่กำลังนั่งกินแบบไม่ลืมหูลืมตา นางจึงคิดว่าเขาหิวเหมือนกันแต่ไม่อยากแย่งนางกิน นางก็เลยคีบเนื้อเป็ดย่างให้เขาอย่างใจดี “กินเสีย..” กล่าวจบก็วางเนื้อเป็ดลงในถ้วยของเขา ก่อนจะคีบเนื้อตุ๋นให้เขาอีกหนึ่งชิ้น แล้วกลับมากินในส่วนของตนเองต่อ
ชายหนุ่มจึงวางถ้วยชาในมือลงก่อนจะหยิบตะเกียบมาคีบอาหารกินบ้าง
ทั้งสองจึงนั่งกินอาหารด้วยกันไปเรื่อยๆ มิได้เอื้อนเอ่ยคำใดต่อกัน หากแต่ซูเจินกลับรู้สึกคุ้นชินอย่างประหลาด กับพี่ชายผู้นี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยไม่ธรรมดา ยิ่งได้มองหน้ายิ่งให้ความรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกไว้วางใจมิรู้ได้ว่ามาจากที่ใด
เมื่อคิดไปคิดมาจึงเคี้ยวอาหารให้หมดปากแล้วเอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงเบา “พี่ชาย...”
“หืม..”
“ท่านมีเมียแล้วหรือไม่?”
หยางเหอจินถึงกับสำลักน้ำแกง
“หากท่านยังไม่มีใคร ข้าคิดว่า...”
ซูเจินยังพูดไม่ทันจบ หยางเหอจินก็สำลักจนหน้าแดงหูแดงไปหมด แม้แต่น้ำชาที่พยายามดื่มก็ไม่ช่วยอันใด
หญิงสาวจึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งและพลันได้เข้าใจ ว่าการพูดจาแบบตรงไปตรงมาคงไม่ดีเป็นแน่ เช่นนั้นแล้วนางจึงนิ่งเงียบหยุดพูดไปเสีย
เฮ่อ!...การเข้าหาบุรุษสักคนให้มาเป็นพวกเดียวกันเพื่อบุกป่าฝ่าดงไปด้วยกัน ต้องทำอย่างไรบ้างเล่า!
เมื่อยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด นางจึงกินอาหารต่อไปโดยไม่สนใจใครบางคนที่กำลังสำลักเกือบตายเพราะนางอีกเลย…
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม...
บนชั้นสองของร้านอาหารห่าวชือ เยื้องไปจากโต๊ะของหยางเหอจินกับซูเจิน มีบุรุษหน้าหยกกับสตรีหน้าหวานนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกฟากหนึ่งไม่ไกลกัน
บุรุษมีนามว่าหลวนเยว่ ส่วนสตรีมีนามว่าหลวนเหยา ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน เดินทางท่องยุทธภพด้วยกันโดยไม่คิดจะเข้าฝักฝ่ายใด
“พี่ใหญ่ ข้าชอบชายคนนั้น” หลวนเหยาวาดนิ้วเรียวงามชี้ไปทางบุรุษชุดเขียวใบไผ่หรือก็คือหยางเหอจินนั่นเอง “ข้าอยากได้...” นางเอ่ยอย่างออดอ้อนไปทางพี่ชายของตน
หลวนเยว่จิบชาอึกหนึ่งด้วยท่วงท่างามสง่าเหนือบุรุษก่อนวางถ้วยชาลงแล้วคลึงถ้วยชาเล่นคล้ายไม่ใส่ใจ สายตาเรียวคมของเขาหาได้มองบุรุษชุดเขียวไม่ แต่กลับจ้องตรงไปยังสตรีนางน้อยที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักดวงตากลมโตฉ่ำใส เมื่อพิศมองอยู่ครู่หนึ่ง ริมฝีปากสีแดงสดของเขาก็ยกโค้งขึ้น เผยเสน่ห์ชวนหลงใหล
“ข้าจะเดินไปหาเขาเดี๋ยวนี้” หลวนเหยาใจร้อนยิ่งนัก
“ช้าก่อน” พี่ชายรีบห้ามปราม
“ทำไมเล่า?”
“เขามีคนรักแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือไร?”
หลวนเหยาแค่นเสียงฮึคำหนึ่ง ไหวไหล่เล็กน้อย “แล้วอย่างไร?”
หลวนเยว่ไม่ต่อคำใด
คนน้องจึงเริ่มวางแผนการ “พี่ใหญ่ของข้ารูปงามถึงเพียงนี้ ข้าเองก็งดงามมากนัก เอาอย่างนี้ดีหรือไม่? ท่านเข้าไปล่อลวงคนรักของเขา ส่วนข้าก็เข้าไปล่อลวงเขา ให้พวกเขาแยกออกจากกัน”
คนพี่พยักหน้าน้อยๆ คลี่ยิ้มบางเบา แค่เท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบ
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทั้งสองจึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาเก็บเงินค่าอาหาร จับจังหวะพอดีกับชายหญิงที่โต๊ะเป้าหมายจ่ายเงินแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
หลวนเหยายังไม่ลืมที่จะหันหน้ามากำชับพี่ชายของตนเสียงเข้ม
“พี่ใหญ่! ท่านอย่าลืมนะ ว่าระหว่างสองคนนั้น ท่านต้องไปล่อลวงสตรี หาใช่บุรุษ!”
หลวนเยว่หันมาส่งค้อนขวับให้น้องสาวแวบหนึ่ง
|
ความคิดเห็น