ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #40 : >>:: Chapter 35

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 858
      7
      30 ต.ค. 56



    CHAPTER 35

     

     

     

     

    “หนู...เป็นลูกสาวของแม่จริงๆ สินะ”

     

    .

    .

     

    ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ  เมื่อลัลทริมายืนนิ่งไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี..  ในเมื่อความจริงมันกระจ่างชัดแล้วว่าเธอคือลูกของรัศมีแน่นอน 

     

    “ลัล...” น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่เอ่ยอีกครั้งราวกับต้องการกระตุ้นให้เด็กสาวตอบคำถามของเธอ

     

    ..อยากเหลือเกินที่จะเดินเข้าไปกอดเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า  แต่รัศมีก็ไม่กล้าพอ...เพราะท่าทางของลัลทริมาที่ดูจะสงบเกินไปนั้นมันทำให้เธอใจสั่น...กลัวว่าลูกสาวจะไม่ยอมรับว่าตนเป็นแม่

     

    ลัลทริมายืนนิ่ง..  ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเงยหน้าสบสายตาของรัศมี

     

    “ขอโทษนะคะ  แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันดูสับสนวุ่นวายไปหมดเสียจนหนู...หนูไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร”

     

    “....” ไมมีคำพูดใดๆ จากรัศมี  เธอเบิกตาเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง  สิ่งที่เธอกลัว..มันเป็นจริงซะได้ 

     

    “หนูขอตัวนะคะ” แล้วลัลทริมาก็ผละหนีจากรัศมีไปทันที  ปล่อยให้คนเป็นแม่ยืนน้ำไหลร่วงผล็อยด้วยความเศร้าใจอยู่เพียงผู้เดียว

     

    คล้อยสายตาของรัศมีไป  ร่างบางที่เป็นฝ่ายวิ่งหนีออกมาก็ปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาบ้างด้วยความอัดอั้นใจ “ขอโทษนะคะแม่  แต่ตอนนี้ลัล...ลัลไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”

     

    +++++++++++++++++++

     

    หลังจากที่วิ่งหนีรัศมีมาแล้ว  ลัลทริมาจึงตัดสินใจกลับบ้านทันที  โดยไม่ได้เอ่ยคำร่ำลากับแม่และพี่ชายเลยสักคำ  และไม่ได้รอแคปเปอร์ที่สัญญาว่าจะมารับเธอด้วย

     

    ร่างบางกลับมาที่บ้านจินตเมธรด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ  กังวล  หรืออะไรก็ตามที่เธอรู้สึกว่ามันทำให้เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

     

    “อ้าว  ไม่ได้กลับมาพร้อมกับแคปเปอร์หรอกเหรอ?”  ใครบางคนทักเธอขึ้นมา 

     

    ลัลทริมาเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นภาม  เธอจึงส่ายหน้าตอบช้าๆ  แต่เจ้าของเรือนผมสีคาราเมลกลับสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูอิดโรยของเธอ  พร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

     

    “เป็นอะไรไปน่ะ?  เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” คำถามถูกยิงใส่ร่างบางทันที “เธอร้องไห้มาใช่มั้ย?  ใครทำอะไรเธอ  แคปเปอร์  อคิน  หรือว่า..นายลัทธพล??”

     

    ได้ฟังคำถาม  ลัลทริมาก็ยิ่งส่ายหน้าให้เป็นการใหญ่  ก็รายชื่อที่เขาเอ่ยมา..ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้นแหละ  แน่นอนว่าต่อให้มีชื่อรัศมีอยู่ด้วย  เธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธอยู่ดี

     

    เห็นเด็กสาวส่ายหน้าไม่ยอมบอก  ภามจึงได้แต่ถอนใจช้าๆ  แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้หรอกนะ  ยังไงก็ต้องซักจนกว่าเธอจะยอมบอกนั่นแหละ

     

    “ทำไมถึงไม่บอกล่ะ?”

     

    “ก็..ฉันไม่ได้เป็นอะไร...นี่..คะ” ร่างบางตอบเสียงสั่น

     

    “ไม่เห็นต้องปิดบังกันเลย  มีอะไรเธอก็เล่าให้ฉันฟังได้นี่  เหมือนกับที่เธอเคยเล่าเรื่องตัวเองให้ฉันฟังตอนไปเข้าค่ายไง” ภามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจและ..ห่วงใย “เพราะงั้นมีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังเถอะ.....นะ”

     

    ได้ฟังเพียงเท่านั้น..คนที่พยายามจะเก็บทุกอย่างเอาไว้ให้อัดอั้นใจเล่นก็โผเข้ากอดภามทันที  พร้อมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่คิดที่จะกักเก็บมันไว้

     

    “คุณชาย....ฉัน  ฉันไม่รู้ว่าควรจำยังไงดีแล้ว  ฮึก” เด็กสาวเอ่ยออกมาด้วยความสับสน 

     

    เห็นดังนั้นแล้ว  ภามจึงค่อยๆ กอดเธอเอาไว้แผ่วเบาราวกับต้องการปลอบประโลม  “ไปนั่งคุยกันในสวนดีกว่านะ” เขาเอ่ยเสียงเบา  ก่อนจะประคองเธอเดินออกไปยังสวนหน้าบ้าน  เพราะเห็นว่าเธอคงกำลังไม่สบายใจอย่างหนัก  ไปคุยกันในที่ที่บรรยากาศดีน่าจะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง

     

    “พูดต่อสิ” ภามเอ่ยสั่งเมื่อเขาและเธอมานั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวน

     

    เด็กสาวกลั้นอาการสะอื้นไว้  ก่อนจะเอ่ยออกมา “ฉัน..พบกับครอบครัวแท้ๆ ของฉันแล้ว”

     

    ภามเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย  แต่ก็ไม่คิดที่จะถามอะไรเป็นการขัดเธอหรอก  ปล่อยให้เธอได้พูดต่อไปจะดีกว่า

     

    “พวกเค้าคือ...คนตระกูลวิกรานต์วรสริตค่ะ”

     

    “เอ๋??” คราวนี้อาการแปลกใจเล็กน้อยก่อนหน้ากลายเป็นอาการแปลกใจอย่างมากจนชวนให้ภามต้องถามออกมา “หมายความว่าไงน่ะ?”

     

    “เมื่อเช้าที่พี่ลัทธพาแม่..เอ่อ  แม่เลี้ยงของฉันไป  เขาพาเธอไปที่บ้านของเขา  และตอนที่ฉันไปบ้านนั้นมาเมื่อกี้  ฉันก็ได้รู้ความจริงจากแม่เลี้ยงว่า..เธอเก็บฉันได้ที่เกาะ  ซึ่งมันเชื่อมโยงกับเรื่องที่คุณรัศมีเธอสูญเสียลูกสาวไปพอดี..”

     

    “จริงสิ  นายลัทธพลเคยเล่าให้ฟังอยู่” ภามพึมพำเบาๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ลัทธพลเคยเล่าให้ฟังเมื่อตอนเป็นเด็ก  ว่าเขาไปเที่ยวและสูญเสียน้องสาวไป  จะว่าไปมันก็อาจเป็นไปได้  เพราะลัลทริมาเองก็หน้าตาคล้ายกับลัทธพลมาก “แต่แน่ใจนะ  ไม่ใช่ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือเข้าใจผิดหรอกเหรอ?”

     

    “ไม่หรอกค่ะ  เพราะมันมีหลักฐานยืนยันอยู่” เธอตอบเสียงเบา

     

    “ได้เจอครอบครัวแท้ๆ ของตัวเอง  แทนที่จะดีใจ..ทำไมเธอถึงร้องไห้กลับมาได้ล่ะ?” เขาเอ่ยถาม

     

    “ก็...ก็ฉันไม่รู้นี่ค่ะว่าควรจะทำยังไง  ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด  อยู่ๆ ก็ได้พบกับแม่ที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก  แล้วถูกบอกว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ  แล้วพอไปบ้านพี่ลัทธ  ก็ได้รู้มาว่าตัวเองเป็นลูกสาวของบ้านหลังนั้น  ตอนนี้ฉันสับสนไปหมดแล้ว  พอถูกคุณรัศมีถามว่าฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอใช่มั้ย  ฉันก็วิ่งหนีออกมา”

     

    “วิ่งหนีออกมาเนี่ยนะ?”

     

    “ก็ฉันไม่รู้จริงๆ นี่ว่าควรจะทำยังไง  เลยต้องวิ่งหนีออกมา..”

     

    คำตอบนั้นช่างชวนให้ภามอยากหัวเราะเสียจริง  แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ลัลทริมาร้องไห้  ดังนั้นเขาจึงไม่ควรจะไปหัวเราะ  จริงไหม?  แล้วจึงพูดตอบออกไปว่า “ฉันว่าเธอควรจะดีใจนะ”

     

    “มันก็จริง...แต่อยู่ๆ จะให้ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวนั้น  ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ  เพราะ..ฉันจำเรื่องราวของตัวเองตอนที่เคยอยู่บ้านนั้นไม่ได้เลย  ที่ฉันจำได้ก็มีแค่ว่า..คนที่เลี้ยงฉันมาก็คือแม่เลี้ยง  และที่ที่ฉันโตมาก็คือเกาะนั่น  ไม่ใช่บ้านหลังนั้น”

     

    ภามถอนหายใจเล็กน้อย  ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอเบาๆ “ฉันรู้ว่าตอนนี้เธออาจกำลังสับสน  แต่ว่า..ความจริงก็คือความจริง  ในเมื่อคนที่เลี้ยงเธอมาเค้าไม่เคยทำให้เธอมีความสุข  การที่เธอจะกลับไปเรียกเค้าว่าแม่ มันก็ไม่สมควรเท่าไหร่  แต่กับคุณรัศมีน่ะ..เค้าอาจจะไม่ได้เลี้ยงเธอให้เติบโตขึ้นมา แต่อย่างน้อยๆ เค้าก็เป็นคนให้กำเนิดเธอ  และเค้าก็รักและคิดถึงเธอตลอดนะ”

     

    คำพูดของภามพาให้ลัลทริมาน้ำตาไหลอีกครั้ง  เธอมองหน้าเขาราวกับอยากจะถามอะไรบางอย่าง  แต่ปากบางนั่นกลับไม่ยอมขยับเอ่ยเลยแม้แต่น้อย 

     

    “เธอควรจะทำยังไงน่ะเหรอ?” เขาเอ่ยคำถามที่เธออยากจะเอ่ยออกมา  ก่อนจะขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย “อันนี้ฉันคงตอบไม่ได้  เพราะฉันไม่ได้เป็นคนเผชิญกับเรื่องที่เกิดขึ้น  แต่ว่า..ฉันว่าถ้าเธอดีใจที่ได้พบกับครอบครัวของตัวเองแล้ว  เธอก็ควรจะยอมรับและไปขอโทษคุณรัศมีซะ แล้วปรับความเข้าใจกัน  แต่ถ้าเธอไม่ดีใจที่พบ  ก็ไปโทรไปบอกเค้าก็ได้ว่าเธอขอโทษ  เธอยอมรับไม่ได้จริงๆ ว่าเธอเป็นลูกเค้า  แล้วก็ให้เหตุผลไปเลยว่าเธอรักแม่คนที่เลี้ยงเธอมามากกว่า”

     

    ลัลทริมาคิดตามคำพูดของภาม  ถามว่าดีใจมั้ย?  ก็ดีใจอยู่หรอก  แต่ถ้าถามว่าเสียใจมั้ย?  อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆ

     

    “ว่าไง?”

     

    “ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”

     

    “อย่าใช้เวลานานนะ” เขาว่า “เพราะในเมื่อเธอได้เจอกับครอบครัวดีๆ แล้ว  เธอก็ควรจะปรับความเข้าใจกันซะ  แล้วก็รักครอบครัวของเธอให้มากๆ เพราะถ้าเกิดว่าเธอต้องสูญเสียมันไปอีก.....ก็จะเป็นเธอเองที่ต้องเสียใจกับมันไปตลอดชีวิต”

     

    ร่างบางมองหน้าภาม..แววตาของเขาสื่อออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าให้เธอไปปรับความเข้าใจกับครอบครัวซะ  เด็กสาวจึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ

     

    “ขอบคุณมากนะคะ คุณชายภาม” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มให้เขา “คุณเป็นคนที่เข้าใจฉันมากที่สุดจริงๆ”

     

    เด็กหนุ่มยิ้มตอบให้เธอ  ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอและ...

     

    จุ๊บ

     

    ..จูบหน้าผากของเธอเบาๆ แต่ก็ทำเอาลัลทริมาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึงงัน  ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย

     

    “ขอบใจที่เล่าให้ฉันฟังนะ  ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็มาปรึกษาได้เสมอ  ฉันยินดีช่วยเธอ”

     

    “ค..ค่ะ” ตอบก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีหายไป  ปล่อยให้คนที่นั่งอยู่หัวเราะออกมาเบาๆ กับท่าทีเขินอายของเด็กสาว

     

    ++++++++++++++++++++

     

    อีกด้านหนึ่ง

     

    แคปเปอร์จอดรถรออยู่ที่หน้าบ้านของรัศมี  กดออดเรียกให้คนรับใช้วิ่งออกมา  ก่อนจะถามหาลัลทริมา

     

    “เธอกลับไปนานแล้วค่ะ” คนรับใช้ตอบออกมา  ทำให้แคปเปอร์ถึงกับยืนนิ่ง..

     

    ..ไหนบอกว่าจะรอให้ผมมารับไงครับ  คุณลัล..ทำไมถึงกลับเองซะงั้นล่ะ.. T^T

     

    +++++++++++++++++++

     

    หลังจากที่ลัลทริมาวิ่งหนีออกไปแล้ว  ภามจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง..และได้พบกับสายตาพิฆาตสี่คู่จ้องมองมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ 

     

    คุณชายเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลจึงได้แต่ถอนหายใจทิ้งอย่างเหนื่อยหน่าย  ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของสายตาสี่คู่นั้น....นี่เขาคงต้องโดนสอบปากคำแน่ๆ..

     

    ++++++++++++++++

     

    เด็กสาวยืนนิ่งคิดอยู่ในรถแท็กซี่ที่ตอนนี้กำลังขับไปยังบ้านของรัศมีตามทางที่เธอบอก  เพราะได้คุยกับภาม  ได้ฟังคำพูดของเขา  มันจึงทำให้เธอคิดได้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี..

     

    แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นรถของแคปเปอร์วิ่งสวนไปอีกทาง  เด็กสาวสะดุ้งเหมือนกับจะคิดได้ว่าเธอลืมเรื่องที่สัญญาว่าจะให้แคปเปอร์มารับซะสนิท  อยากจะบอกให้แท็กซี่จอดแล้วลงไปขอโทษเขาเหมือนกัน  แต่ก็นะ...เอาไว้ทีหลังก็ได้  ยังไงเรื่องครอบครัวก็สำคัญกว่า

     

    เมื่อมาถึงบ้านวิกรานต์วรสริต  ลัลทริมาก็รีบลงรถและกดออดเรียกให้คนมาเปิดประตู  จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปยังห้องรับแขกที่ตอนนี้เธอเห็นแล้วว่ารัศมีกำลังนั่งร้องไห้โดนมีลัทธพลนั่งปลอบใจอยู่

     

    “แม่...พี่ลัทธ” เด็กสาวเอ่ยเรียกคนทั้งสอง  ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ลัลขอโทษนะคะ”

     

    รัศมีมองหน้าลูกสาวของตนด้วยความงุนงง  ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ  เมื่อได้นึกได้ว่าเมื่อครู่นี้ลัลทริมาเรียกว่าแม่ “หมายความว่าลัลยอมรับแล้วใช่มั้ย  ว่าหนูเป็นลูกของแม่..เป็นคนของครอบครัววิกรานต์วรสริต”

     

    “ค่ะ  ลัลเป็นลูกสาวของตระกูลวิกรานต์วรสริตจริงๆ” เด็กสาวตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

     

    “ลัล” รัศมีเอ่ยเรียกก่อนจะวิ่งเข้ามากอดลูกสาวของตัวเองเอาไว้ด้วยความรักและความคิดถึง “แม่รักลัลนะ” ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ

     

    “ลัลก็รักแม่ค่ะ  เมื่อกี้ลัลขอโทษนะคะ” เธอกอดตอบแม่ตัวเอง

     

    “ไม่เป็นไรลูก  แม่เข้าใจ” รัศมีว่า 

     

    แล้วลัทธพลก็เดินเข้ามาโอบกอดแม่และลัลทริมาไว้อีกที “พี่ดีใจที่ได้พบเธอนะ...น้องสาวของพี่”

     

    แล้วทั้งสามก็กอดกันอย่างรักใคร่  แล้วพูดคุยปรับความเข้าใจกัน

     

    “ลัล..” รัศมีเอ่ยเรียกลูกสาวตนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน 

     

    “คะ?”

     

    “ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับแม่และพี่ลัทธเถอะนะลูก”

     

    “หะ..หา?”





     

    -TBC-











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×