ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic punica] ; สาวใช้หน้าใส กับ คุณชายอันตรายทั้ง 7

    ลำดับตอนที่ #41 : >>:: Chapter 36

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 880
      9
      30 ต.ค. 56



    CHAPTER 36

     

     

     

     

    “ย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับแม่และพี่ลัทธเถอะนะลูก”

     

    “หะ..หา?”

     

    .

    .

     

    ลัลทริมาอ้าปากค้าง “มะ  หมายความว่าไงคะ?”

     

    “ก็ลัลเป็นลูกสาวของบ้านวิกรานต์วรสริตนี่นา  แม่ก็อยากให้หนูย้ายมาอยู่ที่บ้านของเราเหมือนเมื่อก่อนไงจ๊ะลูก” เธอตอบ

     

    “แต่แม่คะ  คือว่าลัล..” เด็กสาวเอ่ยตอบด้วยท่าทีอึกอัก

     

    “ทำไมเหรอ..?” หญิงสาวเอ่ยถาม

     

    “คือ...ลัลเป็นคนรับใช้ของบ้านจินตเมธร  เพราะงั้นลัลคงต้องไปขออนุญาตกับทางนั้นก่อน”

     

    “เดี๋ยวแม่จะคุยกับคุณนรินทร์ให้เอง”

     

    “แต่ลัลเป็นคนรับใช้ของพวกคุณชายโดยตรง  ลัลคงต้องขอพวกเค้า  ไม่ใช่ขอคุณผู้ชายค่ะ” เธอว่า

     

    “โธ่ลัล  เดี๋ยวคุณนรินทร์เขาก็คุยกับลูกของเขาให้  ยังไงซะลูกเขาก็ไม่ปฏิเสธหรอกจ้ะ”

     

    “แต่..”

     

    “แม่ครับ  วันนี้น้องคงจะเหนื่อยแล้ว  ถ้ายังไงให้น้องกลับไปพักที่บ้านนั้นเถอะครับ  เดี๋ยวผมไปส่งน้องเอง” ลัทธพลเอ่ยขัดขึ้นมา  รัศมีจึงพยักหน้ายอมรับตามที่ลัทธพลขอ

     

    “ก็ได้จ้ะ”

     

    “ไปลัล  เดี๋ยวพี่ไปส่ง”แล้วคุณพี่ชายก็พาคุณน้องสาวลุกออกมา

     

    “ทำไมพี่ลัทธถึงไปพูดขัดแม่แบบนั้นล่ะคะ?”

     

    คนถูกถามเหลือบตามองหน้าลัลทริมา  ก่อนจะยิ้ม “ดูก็รู้ว่าลัลไม่อยากมาอยู่ที่นี่  จะด้วยเหตุผลอะไรพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ”

     

    “เปล่านะ” เธอว่า  ก่อนจะรีบเดินหนีลัทธพลที่หัวเราะให้เธอ

     

    แล้วลัทธพลก็พาลัลทริมามาส่งที่บ้านจินตเมธร  เด็กสาวกล่าวขอบคุณพี่ชาย  ก่อนจะเดินเข้าบ้านมาด้วยความรู้สึกสับสนอีกครั้ง  เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ได้ทำให้เธอร้องไห้

     

    “กลับมาซะทีนะ” น้ำเสียงเย็นชาปั้นปึ่งดังขึ้นมา  ลัลทริมาหันไปมองก็พบกับคุณชายทั้งเจ็ดคนนั่งและยืนอยู่ตามโซฟาและจุดต่างๆ อยู่ในห้องรับแขก

     

    “มีอะไรรึเปล่าคะ?” เธอถาม  พร้อมหันไปทำแววตาขอโทษให้กับแคปเปอร์และอคิน

     

    “ได้ข่าวว่าเป็นลูกของบ้านวิกรานต์วรสริต” เชียรพูด

     

    ..รู้ได้ไง?..  แล้วเด็กสาวเพียงคนเดียวจึงหันไปมองภามที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก  เธอจึงทำท่าเหมือนจะเอ่ยถาม  แต่ภามที่มองเธออยู่ก่อนแล้วรีบส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่า ห้ามถามเด็ดขาด  เธอจึงได้แต่เงียบไป  ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามเมื่อครู่ของเชียร “ก็ใช่ค่ะ”

     

    “งั้นแสดงว่าเป็นน้องสาวของหมอนั่นสินะ” อคินถามต่อ

     

    ..ถ้ารู้ว่าเป็นลูกสาวบ้านนั้น  แล้วจะถามทำไมว่าเป็นน้องสาวของลัทธพลมั้ย?  มันก็ต้องเป็นแหงอยู่แล้วสิ..

     

    ลัลทริมาพยักหน้าตอบ  แต่ก่อนที่คุณชายคนอื่นๆ จะยิงคำถามใส่เธอ  เด็กสาวก็รีบพูดออกมาก่อน “อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ  ฉันมีเรื่องจะขอพวกคุณพอดี”

     

    “เรื่องอะไร?” เชียรเอ่ยขึ้นมาทันที

     

    ตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง  ลัลทริมาก็พูดออกมา “คุณรัศมีเค้าขอให้ฉันย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นค่ะ  ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงไปหรอก  เพราะคิดว่าต้องมาขออนุญาตพวกคุณก่อน” เธอว่า “แล้วตกลง..จะอนุญาตมั้ยคะ”

     

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ  ก่อนที่คำตอบเดียวกันที่ไม่ได้นัดหมายของทั้งเจ็ดจะดังขึ้น “ไม่อนุญาต!

     

    “ทำไมล่ะคะ?” เธอถามออกไป  ใจจริงก็รู้สึกโล่งใจที่พวกคุณชายตอบแบบนี้  แต่เอ๊ะ..โล่งใจทำไม?

     

    “ก็ไม่ทำไมหรอก” เป็นการินที่เอ่ยขึ้นมา “เพียงแต่เธอเป็นคนรับใช้ของพวกฉันมา  แล้วพอรู้ว่าตัวเองเป็นลูกคนรวยเหมือนกันก็คิดจะย้ายไปอยู่นั่นเลยงั้นเหรอ?  ยังไงพวกฉันก็ไม่ยอม  ถ้าอยากไปก็หาคนใช้มาให้พวกฉันใหม่สิ”

     

    ..แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่คนต่างด้าว...ก็หากันไม่ได้ง่ายๆ หรอก..

     

    “ครับ  ผมคงยอมให้คุณลัลไปไม่ได้  ต่อให้หาคนใช้มาใหม่  ผมก็คงไม่ให้คุณไป” แคปเปอร์ตอบ

     

    “ก็นะ..” ภามยักไหล่

     

    “ไม่รู้  รู้แต่ไม่ให้ไป” อคินว่า

     

    “ใช่” เชียรตอบส่วนเรวินแค่ยิ้มหวาน  และชินะเพียงแค่ยืนเงียบไม่พูดอะไร

     

    “งั้นเหรอคะ?” เธอว่า  ก่อนทำท่าจะเดินหนี “งั้นฉันขอตัวนะคะ”

     

    เพียงคำพูดแค่ว่า ขอตัวของเธอ ก็ทำเอาคนอื่นๆ ตกใจกันเป็นแถว

     

    “เดี๋ยว! ขอตัวไปไหน?” อคินถาม

     

    “ก็ไปทำงานบ้านต่อน่ะสิคะ” เธอตอบง่ายๆ 

     

    “แล้วเรื่องที่ว่าจะย้ายไปบ้านวิกรานต์วรสริตล่ะครับคุณลัล?” แคปเปอร์รีบถามบ้าง

     

    “ฉัน...ไม่อยากไปหรอกค่ะ  แค่มาถามพวกคุณดูเฉยๆ ว่าจะอนุญาตมั้ย  เพราะถ้าพวกคุณบอกให้ไป..ฉันก็คงต้องไป  แต่ในเมื่อพวกคุณไม่อนุญาต  ฉันก็ไม่ไปหรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม...รอยยิ้มที่ชวนให้คนอื่นๆ พากันงงงวย

     

    “ที่บอกว่าไม่อยากไปนี่  ทำไมล่ะครับ?” เรวินเอ่ยถามลัลทริมาออกมา เพราะเขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่พูด  ก็คงไม่มีใครกล้าที่จะถามลัลทริมาแบบนี้หรอก..อาจจะยกเว้นแคปเปอร์ไว้หนึ่งคน

     

    “เอ้อ..” เด็กสาวเกาแก้มเล็กๆ เพราะรู้สึกอายที่จะต้องพูดออกไป  แต่ถ้าไม่ตอบ  เดี๋ยวพวกคุณชายจะได้โวยวายให้ “จริงอยู่ว่าตอนแรกที่ย้ายมาอยู่ที่นี่  พวกคุณทำตัวไม่น่าประทับใจเอาซะเลย ทั้งด่าฉันว่าขี้เหร่บ้างล่ะ  โง่บ้างล่ะ  งี่เงา  เซ่อ ปัญญาอ่อน  ลิง บลาๆ”

     

    วันๆ ดีแต่จิกกัดฉันอยู่ได้ ทำตัวยังกับเด็กเก็บกด เหมือนว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยด่าใครยังงั้นแหละ

     

    แล้วคำพูดของเธอเมื่อครั้งแรกๆ ที่รับใช้พวกคุณชายก็ผุดขึ้นมาในหัวให้ทันที

     

    “อ้อ  แล้วยังชอบแกล้งสารพัดเลยนะ  ทั้งเรื่องให้หารองเท้าให้พวกคุณใส่  เรื่องที่เวลาทานอาหารพวกคุณชายทำเลอะเทอะให้ฉันเช็ด เรื่องที่ท้าทายว่าถ้าทำให้ฉันลาออกไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนพวกคุณจะรับใช้ฉัน 3 วัน  เรื่องที่จัดการให้ฉันเข้าไปเรียนที่นิศาฯ เพื่อกลั่นแกล้ง  เรื่องโดนทิ้งให้กลับบ้านเองทั้งๆ ที่จำทางไม่ได้  เรื่องที่โดนผูกข้อมือแล้วคุณชายชินะก็ลากฉันไปโรงอาหารเหมือนสุนัข  เรื่องที่คุณชายอคินทำฉันตกบันไดจนแขนหัก  เรื่องที่โดนคุณชายการินไล่ออกจากบ้านอย่างโหดร้าย  โดนคุณชายอคินวิ่งลากไปกับทรายร้อนๆ ตอนไปเข้าค่าย  โดนคุณชายเชียรพาหลงป่าแล้วมาโทษฉัน  โดนคุณชายอคินปัดกิ่งไม้ใส่หน้า  โดนพวกคุณทุกคนวิ่งไล่เพราะโกรธที่ฉันไปรู้เรื่องที่พี่ลัทธทำกับพวกคุณ  โดนนั่นนี่เยอะแยะมากมาย” ลัลทริมาพรรณนาออกมายาวยืด  ซึ่งคนที่ถูกเอ่ยนามก็ถึงกับเงิบพูดอะไรไม่ออก  จะว่าที่พวกเขาทำนี่..ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ

     

    “เอ่อ  ที่พูดมาเหมือนไม่มีอะไรดีเลยนะครับ” แคปเปอร์พูดพร้อมยิ้มแห้งๆ

     

    “ไม่หรอกค่ะ  ถึงจะเจอเรื่องร้ายเยอะ  แต่ว่า...ความจริงแล้วพวกคุณชายก็เป็นคนใจดี  อ่อนโยน  และช่วยเหลือฉันเอาไว้มากเหมือนกัน  อีกอย่างการที่อยู่กับพวกคุณ  มันทำให้ฉันรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ”

     

    แล้วเธอก็คิดย้อนเรื่องราวเก่าๆ ที่พวกเขาได้ช่วยเธอเอาไว้  แม้จะน้อยกว่าที่ถูกแกล้งก็เถอะ  แต่เรื่องที่เธอซาบซึ้งใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่คุณชายเข้ามาช่วยเธอจากแม่เลี้ยงใจร้ายของเธอ  วันนั้นพวกเขาแสดงให้เธอเห็นว่า..อย่างน้อยๆ แล้ว พวกเขาก็ห่วงเธอเหมือนกัน  และคิดถึงเวลาที่เธอต่อปากต่อคำกับพวกนี้  มันทำให้เธอสนุกจริงๆ นะ

     

    “..ขอบคุณนะคะ”  เด็กสาวเอ่ยพร้อมยิ้มให้พวกคุณชายอย่างจริงใจ “งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ว่าแล้วเธอก็รีบเดินหนีออกไปทันที

     

     

    เมื่อพวกคุณชายไม่อนุญาต  ลัลทริมาจึงโทรไปหารัศมีพร้อมกับเอ่ยขอโษขอโพยแม่เป็นการใหญ่  ซึ่งรัศมีก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย  เพียงแต่บอกกับเธอว่า  ถ้าเธอไม่ยอมย้ายมาอยู่ที่นี่  อย่างน้อยๆ ก็ช่วยไปเปลี่ยนนามสกุลมาเป็นวิกรานต์วรสริต  และลัลทริมาก็ยอมรับ  รัศมีจึงบอกว่าเธอจะมารับลัลทริมาพรุ่งนี้เช้า

     

    ++++++++++++++++++++

     

    วันรุ่งขึ้น

     

    ลัลทริมาตื่นมาแต่เช้า  และมานั่งรอรัศมีอยู่ที่ห้องรับแขก  เด็กสาวไม่มีความคิดที่จะปลุกพวกคุณชายแม้แต่น้อย  แหงล่ะ..ขืนปลุกก็โวยวายกันพอดีว่าจะรีบปลุกทำไม

     

    และรอได้ไม่นาน  รัศมีกับลัทธพลก็มารับเธอ  และพาเธอออกไปแต่เช้า  เพื่อไปแวะรับประทานอาหารเช้าด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ เสียก่อนที่จะพาไปทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุล 

     

    “ลัล  พี่ส่งแม่ของลัลกลับแล้วนะ” ลัทธพลเอ่ยกับลัลทริมา

     

    “แล้วเค้ายอมกลับง่ายๆ เหรอคะ?” เธอถาม

     

    “ทีแรกก็ไม่ยอมหรอก  แต่แม่ให้เงินค่าเลี้ยงดูลัลตั้งแต่เด็กให้กับเค้าไป  เค้าก็พอใจและยอมกลับไปทันที” รัศมีเป็นฝ่ายตอบ “อ๊ะ  แต่แม่ไม่ได้ใช้เงินฟาดหัวนะลัล”

     

    “ค่ะ  ลัลเข้าใจ” เด็กสาวยิ้มรับ แล้วทั้งสามก็พูดคุยเรื่องต่างๆ นานากันตามประสาครอบครัว 

     

    +++++++++++++++++++++

     

    หลังจากเสียเวลาทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลไปเรียบร้อยแล้ว  ลัลทริมาก็กลับมาบ้านในตอนบ่าย  โดยที่ลัทธพลบอกเธอว่าเดี๋ยวจะเข้ามารับแล้วไปโรงเรียนพร้อมกัน  แม้จะไปเรียนแค่คาบบ่ายก็เถอะ

     

    เมื่อมาโรงเรียน  เด็กสาวก็เหมือนจะได้รับการต้อนรับที่แสนจะประชดประชัน  เมื่อเธอลงมาจากรถพร้อมกับลัทธพล  เสียงประกาศของชมรมประชาสัมพันธ์ก็ดังขึ้นทันที

     

    ขอเชิญนายลัทธพล และนางสาวลัลทริมา วิกรานต์วรสริตมาพบที่ห้องผู้อำนวยการด่วน

     

    “หมายความว่าไงกันน่ะ ผอ.ไปดูงานที่ต่างประเทศนี่นา  ไม่น่าจะอยู่ที่นี่” ลัทธพลขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ลัลพอจะเดาได้นะคะว่าเป็นใคร” ลัลทริมาตอบข้อสงสัยของพี่ชาย  ซึ่งฝ่ายลัทธพลพอมองตาลัลทริมาแล้วก็พอจะเดาออกเหมือนกัน  แล้วทั้งคู่ก็เดินไปยังห้องที่เป็นจุดหมาย

     

    แต่ตามทางที่เดินมา  ทั้งคู่ต้องผจญกับสายตานับร้อยๆ คู่ที่ได้ยินเสียงประกาศเมื่อครู่  ที่ประกาศนามสกุลของเขาและเธอเป็นนามสกุลเดียวกัน  ทำให้คนอื่นๆ ไม่เข้าใจและมองพวกเขาอย่างแปลกใจ  โดยเฉพาะบางคนที่พอจำได้ว่า ครั้งหนึ่งประชาสัมพันธ์เคยประกาศนามสกุลเธอว่า การดี นี่

     

    “เอ่อ  หมายความว่าไงคะประธาน?” เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “ทำไมเค้าถึงประกาศนามสกุลเดียวกันคะ”

     

    “ก็...นี่เธอเป็นน้องสาวของฉันน่ะ” ลัทธพลตอบพร้อมยิ้มให้  แล้วทั้งสองก็เดินไปยังห้องของผู้อำนวยการปล่อยให้เด็กสาวผู้นั้นเอาข่าวไปแพร่กระจายให้เพื่อนๆ ฟังต่อไป

     

     

    ก๊อกๆๆ

     

    ลัทธพลเคาะประตูห้องอย่างเป็นการขอมารยาท  ก่อนจะได้รับคำตอบว่าเชิญเข้าไปได้  เขาจึงผลักประตูเข้าไป  แล้วก็ต้องตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นนรินทร์นั่งยิ้มอยู่ที่โต๊ะ  ส่วนโซฟาใกล้ๆ กันนั้นมีพวกตัวแสบเจ็ดตัวนั่งเรียงกันอยู่เช่นเดียวกับลัลทริมาที่ออกจะผิดคาดเล็กน้อย  เพราะไม่คิดว่า ผอ.จะอยู่ด้วยจริงๆ  ที่เธอคิดไว้ก็คือ  พวกคุณชายตั้งใจจะประกาศชื่อเธอให้คนทั้งโรงเรียนได้ยิน  แต่เพื่ออะไรไม่รู้  เธอกับพี่เลยคิดจะมาถามนี่ไงล่ะ

     

    “ผอ. กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ” ผู้เป็นประธานนักเรียนเอ่ยถาม 

     

    “เมื่อเช้านี่เอง” นรินทร์ยิ้ม

     

    “มีอะไรรึเปล่าครับ  ถึงประกาศเรียกผมมา” ลัทธพลถามต่อ

     

    “พอดีมีเรื่องด่วนน่ะ  ส่วนที่ประกาศเรียกลัลทริมามาด้วย  เพราะการินกับเพื่อนๆ บอกมีเรื่องจะคุยกับเธอ  อีกอย่างอยู่กันเยอะๆ ก็ดี  จะได้ฟังทีเดียวเลย”

     

    “เรื่องอะไรเหรอครับ” หนุ่มประธานนักเรียนยังคงถามต่อ

     

    “สัปดาห์หน้าฉันจะจัดงานโรงเรียนนะ  โดยให้เหล่านักเรียนแต่ละห้องจัดกิจกรรมของห้องตัวเอง  แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นการประกวดและมีรางวัลให้  ยังไงก็ฝากเธอไปประชาสัมพันธ์ข่าวสาวให้พวกคณะกรรมการนักเรียนรู้ด้วยล่ะ  จะได้เตรียมจัดงานเลย”

     

    “ครับ” ลัทธพลตอบรับ “งั้นผมขอตัวไปทำหน้าที่นะครับ”

     

    แล้วเด็กหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นประธานนักเรียนก็เดินออกจากห้องผู้อำนวยการไป  ใจจริงลัทธพลก็อยากจะพาลัลทริมาออกมาด้วยเพราะเป็นห่วงน้องสาว  แต่จะเห็นแก่ตัวไม่ได้  เขาต้องทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม  เขาจึงปล่อยเธอไว้ในห้อง  อย่างน้อยๆ ผอ. ก็อยู่ด้วย  คงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

     

    “เอ้อ  เป็นลูกสาวของคุณรัศมีก็ไม่บอกกันเลยนะ” นรินทร์เอ่ยถามลัลทริมา  เด็กสาวยิ้มรับ  ก่อนจะตอบ

     

    “ก็หนูเองเพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้เองน่ะค่ะ”

     

    “งั้นเหรอ  อืม..ฉันไม่กวนละ  ไปคุยกับพวกการินเถอะ” หนุ่มใหญ่ว่า  ก่อนจะผายมือไปทางโซฟาที่ลูกชายของตนเองและเพื่อนๆ นั่งหน้าสลอนกันอยู่ลัลทริมาจึงเดินเข้าไปหาพวกนั้น

     

    “มีอะไรคะ?”

     

    “พ่อพูดเหอะ  ผมขี้เกียจพูดละ” การินว่า

     

    “อ้าว..” คนเป็นพ่อหันมาจ้องหน้าลูกชายด้วยความงง  ก่อนจะบอกกับลัลทริมา “คือพอดีงานโรงเรียนที่ฉันจะจัดน่ะ  ฉันอยากให้พวกเธอทั้งแปดคนทำการแสดงนิทานแบบประยุกต์น่ะ  จะได้มั้ย?”

     

    “ให้ทำการแสดง!” ลัลทริมาอุทานเสียงดัง “แต่คุณผู้ชายคะ  หนูแสดงอะไรไม่เป็นเลยนะคะ”

     

    “อย่าเชื่อนะครับ ผอ.  เธอแสดงเก่งมาก  สมบทบาทดีด้วย”  เชียรกล่าวขึ้นมา  ทำให้ลัลทริมาหันมามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ  แต่มีรึที่เชียรจะสน..เพราะเขาเชื่อว่าเธอต้องทำได้อยู่แล้วล่ะ  ก็ลัลทริมาน่ะ  ตีสีหน้าเก่งจะตาย  โดยเฉพาะเวลาต่อว่าพวกเขา

     

    “อย่าเลยนะคะคุณผู้ชาย  หาคนอื่นมาแสดงยังจะดีกว่าอีก” เธอว่า

     

    “ฉันก็อยากจะหาล่ะนะ  แต่ว่างานมันจะมีขึ้นในสัปดาห์ข้างหน้านี่แล้ว  ก็เลยเห็นว่าพวกเธอเนี่ยแหละเหมาะ  เพราะยังไงก็อยู่บ้านหลังเดียวกันอยู่แล้ว  น่าจะมีเวลาซ้อมด้วยกันเยอะกว่าคนอื่น” ที่นรินทร์พูดมาก็มีเหตุผล

     

    “แล้ว...จะให้แสดงเรื่องอะไรล่ะคะ?”

     

    “เป็นนิทานเรื่องที่ฉันเคยชอบสมัยเด็กน่ะ” เขาว่ายิ้มๆ “...ซินเดอเรลล่า”

     

    ลัลทริมาเบิกตาเล็กน้อย “แต่ว่า..เรื่องนั้นบทผู้หญิงมันเยอะออกนี่คะ แล้วหนูแค่คนเดียวจะ...”

     

    “บอกแล้วไงว่านิทานประยุกต์  ดังนั้น...ซินเดอเรลล่าแบบสลับเพศน่ะ”

     

    “หา!?” คราวนี้ไม่เพียงแค่ลัลทริมาเท่านั้นที่ตกใจ แต่พวกคุณชายอีกเจ็ดคนเองก็ตกใจด้วยเช่นกัน






     

    -TBC-











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×