ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #7 : Silently V::ความพยายามไม่เคยมีความหมาย...กับคนอย่างเธอ [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.17K
      17
      27 ส.ค. 56

    Silently V

    ความพยายามไม่เคยมีความหมาย...กับคนอย่างเธอ

    Author: Wi Lyn


     







     

     

    เหนื่อยล้าเต็มทีไม่เห็นปลายทาง
    ทำดีกี่ครั้งก็ยังเปลี่ยนเธอไม่ได้
    ความรักที่ให้เธอเหมือนน้ำซึมพื้นทราย
    ยิ่งเติมยิ่งหายมากเท่าไรก็ไม่พอ รู้ไหมมันท้อ

    ความพยายามไม่เคยมีความหมายกับคนอย่างเธอ
    ต่อให้ทุ่มเทด้วยใจทั้งใจ ฉันทำด้วยรัก
    แต่เธอมองความรักฉันมีค่าแค่ไหน

    อยากใช้ความดีชนะใจกัน
    ให้ถึงวันนั้นฉันต้องรอนานเท่าไร
    ความรักยังสูญเปล่า ความหวังยังแสนไกล
    รับรู้บ้างไหมหรือหัวใจเธอไม่มี บอกฉันสักที

     

    ความพยายามไม่เคยมีความหมายกับใจดวงนั้น
    เธอตอบแทนฉันด้วยความเสียใจ
    ฉันได้แต่หวังว่าอาจมีสักครั้งที่เธอไม่ทำร้าย
    ________________________________________

    เพลง:ความพยายาม ศิลปิน:No More Tear
    *รู้สึกว่าเพลงนี้มันตรงกับน้องฮุนของเราเหลือเกิน
    เปิดเพลงระหว่างอ่าน ก็ซึ้งดีนะคะ ^^




     

     

    ผมอยากเริ่มต้นวันใหม่โดยการตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วพบคนที่รักอยู่ข้างกาย

     

    แต่บางที............................ผมอาจขอมากไป

     

     

     

     

     

    ผมสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย ฝันร้ายที่ผมถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง แต่ถ้ารู้ว่าตื่นมาแล้วมันจะไม่ต่างกัน ผมก็ขอเลือกที่จะอยู่ในความฝันต่อไป อย่างน้อย ผมก็ไม่ต้องตื่นลืมตามาพบกับความจริง

     

     

    ว่าตัวเองเป็นได้แค่ที่สอง เป็นรองคนๆนั้นเสมอ.....

     

     

    ลู่ฮานกลับไปแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนข้างกายเอาแขนผมออกแล้วหนีกลับไปเมื่อไร รู้แต่ว่า ทุกครั้งที่เขาหนีกลับไป ใจผมเจ็บ

     

     

    รู้ทั้งรู้ว่าทุกสิ่งที่ผ่านมามันคือความผิดพลาดสำหรับคนตัวเล็ก แต่มันกลับเป็นความรักสำหรับผม ความรักที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

     

     

    แต่หลังจากวันนั้น....ทุกวินาทีผมก็คิดถึงแต่เขา ลู่ฮาน

     

    อยากจะยอมรับความจริงแล้วเดินถอยหลังออกมา แต่ก็พบว่าทางที่เดินมามันตันเสียแล้ว จะย้อนกลับก็ไม่ได้ จะเดินหน้าต่อก็กลัวเหลือเกิน แต่เพราะปลายทางคือ คนๆนั้น

     

     

    ต่อให้มีเศษแก้วโรยอยู่ตลอดทาง แม้ว่าก้าวต่อไปจะโดนเศษแก้วบาด แต่ผมก็ยังฝืน

     

     

    ฝืนความจริง ฝืนในสิ่งที่ตัวเองรู้ดี

     

     

     

    ฝืนคิดว่า เขาอาจจะรักเราบ้าง...แค่เพียงเสี้ยวใจก็ยังดี

     

     

     

     

    ผมมักจะชอบอยู่ในจินตนาการ ตั้งแต่รู้สึกว่ารักลู่ฮาน ผมคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่าผมคือคนที่เขารัก ผมคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่าผมคือที่หนึ่งในใจเขา ผมคิดว่าเขาเป็นห่วงเป็นใย

     

     

    แต่สุดท้าย จินตนาการมันก็คือจินตนาการ...ความจริงเป็นทุกสิ่งที่ตรงกันข้าม

     

     

    ผมหยิบรูปถ่ายหัวเตียงที่ถ่ายคู่กันกับลู่ฮาน เมื่อวันที่ผมชวนเขาเดท เพราะช่วงนั้นชานยอลต้องดูแลแม่แทนพี่ชานมี ทำให้ชานยอลไม่ค่อยมีเวลาให้ลู่ฮาน

     

     

    ทั้งๆที่รู้ว่าคนตัวเล็กตอบตกลงเพราะอะไร แต่ก็ยังดีใจ แม้ความรู้สึกในตอนนั้นจะยังเลือนราง แต่ภาพถ่ายยังคงชัดเจน เหมือนเช่นตอนนี้ ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ

     

     

    มองรูปถ่ายแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียว คนๆนั้นจะมีความสุขเหมือนที่ผมมีหรือเปล่า?

     

     

    ความสุขจากการทรยศเพื่อน ความสุขจากการเป็นมือที่สาม มันจะสุขได้อีกนานแค่ไหน?

     

     

     

     

    ผมลุกขึ้นจากที่นอน มองไปรอบๆห้องที่ไม่ได้กว้างขวาง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันกว้างขึ้นถนัดตาเมื่ออยู่คนเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็อยู่คนเดียวมาแบบสบายๆ ไม่น่าเชื่อว่า คนๆเดียวจะเปลี่ยนชีวิตผมได้ขนาดนี้

     

    ผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียน ก่อนจะพบว่าที่โต๊ะกินข้าว มีกับข้าวสามอย่างวางอยู่

     

    ไข่หวาน กิมจิ ซุปถั่วงอก อาหารสามอย่างที่ลู่ฮานทำเป็น ที่สำคัญ ไม่เคยมีใครได้กินนอกจากผม แค่เพียงได้ยิน กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่พิเศษสำหรับเขา

     

    ซึ่งบางที...นั่นอาจเป็นแค่คำหลอกลวงหรือพูดแค่ช่วยทำให้รู้สึกดี

     

    ผมนั่งลงกินข้าวที่ลู่ฮานเตรียมเอาไว้ให้ สายตาก็เหลือบไปเห็นโพสต์อิทสีชมพูหวานแปะอยู่ที่ตู้เย็น

     

    กินนมก่อนไปเรียนด้วยนะ กินนมเยอะๆ นายบอกว่านมมีประโยชน์นี่ ^^’ ข้อความสั้นๆที่ทำเอาผมลืมความเป็นตัวเอง

     

    หลงระเริงไปกับคำหวานและการเอาอกเอาใจของคนตัวเล็ก แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วจริงๆ

     

     

     

    ผมคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งมาควงเล่น ก่อนจะล็อคห้องแล้วเดินลงไปที่ลานจอดรถชั้นล่าง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไอ้ตุ๊ด ทางนี้เว้ย” จงแดโบกมือเรียกผมขณะที่ผมเดินเข้าไปในร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัย

     

     

     

     

    แต่แล้วเท้าของผมก็ชะงัก เมื่อคนข้างกายไอ้ชานยอลคือคนที่ผมนอนกอดเมื่อคืน มันจะแปลกตรงไหน ถ้าคนสองคนที่เป็นแฟนกันจะนั่งด้วยกัน โอบกอดกัน มันไม่ผิดเลย...คนที่ผิด คือคนขี้อิจฉาที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างหาก

     

     

     

     

     

     

    “ไงมึง กินไรมายัง?” คริสเอ่ยทักทายก่อนจะถามไถ่ว่ากินข้าวมารึยัง

     

     

     

     

    ผมพยักหน้าตอบไปหนึ่งที ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง แล้วปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งๆที่ใจอยากจะกระโจนเข้าไปลากคนตัวเล็กออกมา

     

     

     

     

    แต่จะทำอย่างนั้นในฐานะอะไร ในเมื่อความเป็นเพื่อนยังค้ำคอ ตราบาปมือที่สามยังเป็นชนักติดหลัง ความรู้สึกไม่แน่นอนที่ลู่ฮานมีให้ ทำให้ผมหยุดความคิดเหล่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วเดินออกมา เพื่อหยุดความคิดเลวๆที่มีต่อเพื่อนของตัวเอง

     

     

     

     

    เพื่อนที่ทำผิดทั้งการกระทำและความคิด ถ้าวันนึงชานยอลมันรู้ความจริง หัวผมจะยังได้อยู่บนบ่าเหมือนเดิมมั้ย?

     

     

     



     

     

    เพราะวันนี้ตารางเรียนของเดอะ แก๊ง มีแค่ช่วงเช้าถึงเที่ยง ทำให้ตอนนี้ทุกชีวิตมารวมตัวกันที่ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อตกลงว่าจะไปไหนดี?

    “กูไม่ว่างนะ กูจะไปร้านชานมีนูน่า” คริสตอบทันทีเพื่อบอกปัดเป็นนัยๆว่าตนขอบาย

     

    “มึงจะไปทำไรที่ร้านพี่กูไม่ทราบ เดี๋ยวนี้ไปบ่อยเกินไปแล้ว” ชานยอลหันไปมองตาขวาง ทั้งๆที่เวลาคริสไปกินร้านพี่มันก็จ่ายเงิน

     

    “เรื่องของกู เอาเป็นว่าวันนี้กูไม่ว่าง บาย” คริสว่าจบก็แยกตัวออกทันที ชานยอลคิ้วขมวดแค่แป๊บเดียวก็หันมาหาลู่ฮานที่นั่งเหม่ออยู่

     

    “ลู่ วันนี้เราลืมไปเลย นูน่าบอกว่าให้เข้าไปช่วยดูร้านอ่ะ วันนี้ไปส่งลู่ไม่ได้แล้วนะ ไว้เจอกันนะ” ชานยอลบอกลาลู่ฮานด้วยจูบอีกหนึ่งที

     

    ริมฝีปากนั้น รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้เป็นของผมคนเดียว แต่ก็ยังอดหวงไม่ได้...

     

     

    ลู่ฮานพยักหน้ารับรู้ด้วยนัยน์ตาเศร้าๆ ผมอยากบอกเขาเหลือเกิน ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขายังมีผม ต่อให้เป็นรอง ผมก็ยังจะยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน

     

    “มึงไปส่งลู่ด้วยละกัน มึงรู้นี่นาว่าบ้านลู่อยู่ไหน พวกมันไม่อยู่แล้ว กูกลับบ้านไปดูการ์ตูนดีกว่า บอกให้แม่อัดเซเลอร์มูนไว้ให้ ไม่รู้ลืมรึเปล่า ไปละ” จงแดเอ่ยลาผมกับลู่ฮาน ก่อนจะเดินบ่นเป็นหมีกินผึ้งถึงเซเลอร์มูนสาวในฝันของมัน

     

    ความอึดอัดเกิดขึ้นแบบไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆที่คนสองคน ผ่านเรื่องอย่างว่ามาด้วยกันก็หลายครั้ง ตลอด 4 เดือน แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้จักเขาดีพอ

     

     

    ลู่ฮานลุกขึ้นยืนก่อนจะบอกปฏิเสธเรื่องที่จงแดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะไป

     

    “ไม่ต้องไปส่งเราก็ได้ เดี๋ยวเราจะไปซื้อหนังสือที่ห้างแถวนี้ อีกพักใหญ่ๆเลยถึงจะกลับ” ลู่ฮานหันมายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋า

     

    ท่าทางเหมือนคนอ่อนแรงนั่น ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ จะปล่อยให้ไปคนเดียวน่ะหรอ? ไม่มีทาง

     

    “อยู่ด้วยกันก่อนนะ ให้เราไปรอที่ร้านหนังสือก็ได้” ผมคว้าแขนลู่ฮานเอาไว้ ก่อนที่คนตัวเล็กจะหันหลังเดินหนีไป

     

    ลู่ฮานทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า เมื่อได้รับอนุญาตผมเลยคว้ามือเล็กนั้นมากุม ความอบอุ่นจากฝ่ามือแล่นเข้าสู่หัวใจ

     

    ความสุขที่ดูเหมือนเล็กๆน้อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันตา.....ความรู้สึกที่เหมือนใกล้กันอีกนิด หวังว่าเมื่อเข็มนาฬิกาเดินหน้า เราสองคนจะไม่ห่างกันไปอีก



    ผมพาลู่ฮานมาร้านหนังสืออย่างที่เขาอยากจะมา ลู่ฮานยืนอยู่ในโซนหนังสือคำคม พอจะรู้มาบ้างว่าคนตัวเล็กชอบอ่านหนังสือ แต่ก็ไม่เคยถามซักทีว่าชอบแนวไหน?

     

     

    เพราะลู่ฮานดูเหมือนคนที่หายเข้าไปอยู่ในโลกของตัวหนังสือ ทำให้ผมไม่กล้ารบกวน อีกทั้งใบหน้าหวานนั่น ยามตั้งใจเพ่งมองหน้ากระดาษก็ดูมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน

     

    บางครั้งมุมปากก็ยกยิ้มเมื่ออ่านเจอบรรทัดที่ชอบ บางครั้งคิ้วก็ขมวดเมื่ออ่านเจอบรรทัดที่ไม่เข้าใจ

     

     

    When loving someone never regret what you do…only regret what you didn’t do.” ลู่ฮานอ่านออกเสียงในบรรทัดหนึ่งของหนังสือเล่มที่เขาถืออยู่ ก่อนจะหยุดนิ่งไปเหมือนใช้ความคิด

     

     

    คือ...จะบอกว่า ผมโง่อังกฤษ ที่ลู่ฮานอ่านมาเมื่อกี้ แปลออกอยู่คำเดียว you = คุณ =_=

     

     

    “แปลว่าอะไรหรอ?” ผมถามทันทีด้วยความสงสัย ความหมายของมันทำให้คนตัวเล็กนิ่งไปเลยงั้นหรอ?

     

    “เวลารักใคร อย่าเสียใจในสิ่งที่เราได้กระทำ...จงเสียใจในสิ่งที่เราไม่ได้กระทำ” ลู่ฮานแปลความหมายออกมาให้ผมเข้าใจ

     

     

     เวลารักใคร อย่าเสียใจในสิ่งที่เราได้กระทำ...จงเสียใจในสิ่งที่เราไม่ได้กระทำนั่นสินะ!

     

     

     

    “เซฮุน เราว่า พอแค่นี้เถอะ” ลู่ฮานเงยหน้าจากหนังสือ ดวงตาเริ่มแดงเหมือนคนใกล้จะร้องไห้

     

    “นายหมายถึงอะไร? อะไรที่ให้เราพอ?” ผมถามกลับทั้งที่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นดี เข้าใจถึงแก่นของมันเลย เพราะเข้าใจไง ตอนนี้ถึงได้...เจ็บ

     

     

    “เรื่องของเรา เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้แล้ว เรารักชานยอล เธอก็รู้ เรื่องระหว่างเราสองคนมันก็แค่ความผิดพลาด” ลู่ฮานก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา

     

     

    ความผิดพลาด? มันคือความผิดพลาดงั้นหรอ? ไม่ใช่...ผมรู้สึกตัวตลอดเวลา รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร

     

     

    คนเราจะทำผิดพลาดก็ต่อเมื่อขาดสติ ก็จริงที่ในวันนั้น ผมขาดสติ แต่หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ผมได้ใช้เวลาอยู่กับเขา คือช่วงเวลาที่ผมสติดีที่สุดแล้ว

     

     

    รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะทำร้ายใจตัวเอง แต่มันก็ยังอยากฟังจากปากอยู่ดี อยากฟังความจริง แม้จะทำร้ายจิตใจตัวเอง “แล้วเราล่ะ? ลู่เอาเราไปไว้ที่ไหน?”

     

     

    ลู่ฮานก้มหน้า สูดหายใจเข้าปอด ก่อนจะเอ่ยคำที่แม้ผมจะเตรียมใจ แต่สุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ หัวใจเหมือนโดนฉีกทึ้งด้วยมือคู่นั้นที่ผมเคยกุม มือที่เคยอบอุ่น

     

     

     

    “แล้วที่ผ่านมา มันไม่มีความหมายเลยหรอ? มันไม่มีความรู้สึกเลยซักนิดงั้นสิ” ผมเขย่าแขนลู่ฮานอย่างต้องการคำตอบ ขึ้นเสียงตามอารมณ์จนคนที่เดินผ่านไปมาให้ความสนใจ

     

     

     

    “สิ่งดีๆที่เราทำให้ ความรู้สึกที่เรามีให้ มันเข้าถึงใจนายบ้างมั้ย? รับรู้มันบ้างมั้ย? คนที่เป็นที่สองอย่างเรา เจ็บแค่ไหน เคยสนใจบ้างมั้ย?” น้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลครั้งแรกกับความรัก ความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บเอาไว้คนเดียวพรั่งพรูออกมา

     

     

    เหมือนเม็ดฝนที่รอเวลาได้ที่ก่อนจะเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา

     

    “ขอร้องล่ะ อย่าไปจากเราเลยนะ อย่าไปนะ” ผมอ้อนวอนทั้งน้ำตา ถ้าทำได้ผมอยากกอดขาเขาเอาไว้ รั้งทุกวิถีทาง ต่อให้ต้องเป็นคนเลวสวมเขาให้เพื่อนรักของตัวเอง เพื่อแลกกับการมีลู่ฮานต่อไป ผมก็ยอม

     

    “เราอิจฉามันนะ เรารู้ว่าเราผิด ผิดที่นอนกับแฟนของเพื่อน ผิดที่ยังทำซ้ำๆเหมือนคนเลว ผิดที่เอาความไว้ใจของเพื่อนมาย่ำยี แต่ทั้งหมด เพราะเรารักลู่ เหตุผลมีแค่นี้จริงๆ” ผมดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลอีกครั้ง อ่อนแอเหลือเกิน โอเซฮุน...

     

     

    ลู่ฮานผลักผมออก ก่อนจะยืนยันคำเดิมว่าให้จบเรื่องของเราไว้แค่ตรงนี้

     

    “นายไม่เข้าใจ ยิ่งเราทำผิดต่อชานยอลมากเท่าไร เราก็ยิ่งรักเขามากขึ้น เพื่อชดเชยความผิดที่เราทำ ตอนนี้เรารักชานยอลคนเดียว รักมากกว่าตอนแรกเสียอีก ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าความรักที่เรามีให้ชานยอลมันมากมายแค่ไหน จากนี้ไป ไม่มีคำว่าเราอีกแล้ว” ลู่ฮานพูดจบก็หันหลังเดินออกจากร้าน ทิ้งคนอ่อนแออย่างผมไว้ข้างหลัง ไม่แม้แต่จะหันกลับหลังมามอง

     

     

     

    คนไม่ถูกรัก สุดท้าย ก็ถูกทิ้ง.......หมดประโยชน์กันแล้วใช่มั้ย?

     

     

     

     

     

     

    ไม่มีแล้วสินะความรักของผม ไม่มีมือเล็กให้ผมได้กุม ไม่มีเอวบางให้ได้กอดก่อนจะเข้านอน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังกลับสู่เจ้าของๆมัน ซึ่งไม่ใช่ผม

     

     

    นอกจากไม่ใช่เจ้าของแล้วยังเหมือน โจร ลักกิน ขโมยกินของชาวบ้านเขา ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองซักอย่าง อะไรที่เคยเชื่อมั่นว่ามันจะเป็นของเราในตอนแรก พอสุดท้ายไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็เหมือนคนเคว้งคว้างไม่มีทิศทาง

     

    ถูกความมั่นใจย้อนกลับมาเล่นงานเสียจนเจ็บหนัก ยอมเสียศักดิ์ศรีรั้งสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็ไร้ประโยชน์
     

    ----------100%---------

     




     

    [คุยกับไรท์เตอร์]

    ขออนุญาตตัดไว้ที่ตรงนี้นะคะ เพราะมีความรู้สึกว่า

    แต่ละตอนมันยาวเกินไป ตั้งใจว่าตอนนึงจะอยู่ที่ 3,400 คำ

    แต่ปั่นไปปั่นมา ดันกลายเป็นสี่พันคำ โอ๊ย!!!ยาวเหลือเกิน

    อยากจะบอกส่วนหนึ่งมัน ตัน ค่ะ 

    คิดไม่ออก ทั้งหมดก็เลยออกมาแบบงงๆ

    หลังจากนี้จะลดเนื้อเรื่องในแต่ละตอนลงนะคะ

    เจอกันตอนหน้านะคะ ปย๊ง!!!!!


    ป.ล.ยินดีกับ Wolf ที่ชนะครั้งที่ 4 แล้ววววววววว

    :

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย


     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×