ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #35 : {SF} Wedding [Chanyeol&Baekhyun&Kris]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.43K
      5
      15 ส.ค. 56

    {SF} Wedding [Chanyeol&Baekhyun&Kris]

     

     

    การ์ดเชิญสีขาวสะอาดบวกกับกลิ่นหอมที่ถูกเจือแต่งขึ้นไม่ได้ทำให้ร่างสูงรู้สึกยินดีอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อได้ข่าวว่าเพื่อนกำลังจะแต่งงาน

     

     

     

     

     

    เพื่อนที่พ่วงตำแหน่งแฟนเก่า...

     

     

    ชื่อของคนสองคนที่ประดับอยู่หน้าการ์ดเชิญ ร่างสูงไล้นิ้วมือไปกับตัวหนังสือที่นูนขึ้นมา คงรู้สึกดีกว่านี้หากชื่อที่อยู่หน้าการ์ดเป็นชื่อของเขาแทน

     

     

     

    Kris Baek Hyun

     

     

    ทำไมผมถึงไม่รู้สึกยินดีเลยล่ะ? ทำไมในใจถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้? ทั้งๆที่เวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว เวลาไม่ได้ช่วยให้ผมดีขึ้นเลยงั้นหรอ?

     

    ของขวัญกล่องเล็กในมือทำให้ผมชั่งใจว่าควรจะเอาให้เขาหรือเอามันกลับไปวางทิ้งเอาไว้ที่บ้านเหมือนเช่นเมื่อห้าปีก่อน

     

    กล่องกำมะหยี่สีขาวที่บัดนี้มีสีเหลืองเข้ามาแซมอยู่ประปราย สิ่งที่ผมตั้งใจจะให้เขาเมื่อห้าปีก่อน ตอนเราสองคนยังคบกัน

     

     

    5 ปีก่อน

     

    “ชานยอล นายพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ นี่จะชวนทะเลาะให้ได้เลยใช่มั้ย?” เสียงเล็กที่ดังขึ้นเมื่อผมพยายามถามว่าเมื่อคืนเขาหายไปไหนมา

     

    “เปล่าซักหน่อย ที่ถามก็เพราะห่วงนะ ทำไมถึงได้เข้าใจเจตนาฉันว่าต้องการชวนทะเลาะล่ะ” ผมเอาน้ำเย็นเข้าลูบร่างเล็กที่ยังคงร้อนเป็นไฟ หวังให้เขาใจเย็นแล้วค่อยพูดกัน

     

    “ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว นายมันงี่เง่า ปาร์คชานยอล” แบคฮยอนว่าแล้วกระทืบเท้าปึงปังคว้ากระเป๋าแล้วออกจากห้อง ร่างบางปิดประตูเสียงดังเพื่อระบายอารมณ์

     

    ผมยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าตัวเอง รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ได้ออกแรงทำอะไร ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้อง แล้วปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างไม่มีจุดหมาย

     

    ผมกับแบคฮยอนคบกันมา 4 ปีแต่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ บ้านของเราสองคนอยู่ติดกัน โตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนเล่น เป็นพี่น้อง จนพอเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเราสองคนก็มาแชร์ห้องอยู่ด้วยกัน

     

    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เราสองคนพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนไปเป็นคนรัก เพราะความรัก ความผูกพัน ความใกล้ชิด หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้แบคฮยอนตกลงคบกับผม

     

    เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด สุขจนผมไม่เคยเผื่อใจ....

     

     

    ผมมั่นใจว่าเราสองคนจะเดินไปด้วยกันจนวันสุดท้าย เราเข้ากันได้ดี เรารู้จักครอบครัวของฝ่ายตรงข้าม พ่อแม่เรารู้เห็นที่คบกัน ไม่มีอะไรออกนอกลู่นอกทาง

     

     

    แต่ผมคงลืมไป ว่าเวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน...

     

    บางทีที่ช่วงนี้เราทะเลาะกันบ่อย อาจจะเพราะผมไม่ค่อยมีเวลาให้เขาก็เป็นได้ เราสองคนใกล้จะเรียนจบแล้ว ผมเองก็ต้องวิ่งเต้นเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จ

     

    จากที่เคยใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆกลับค่อยๆน้อยลง ทั้งที่อยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์กลับเดินถอยหลังลงคลอง

     

    บางที...ผมควรทำอะไรให้ชัดเจน ทำให้เขามั่นใจในตัวผมมากกว่านี้ แบคฮยอนคือคนที่ผมอยากจะดูแล ผมอยากใช้ชีวิตกับเขา อยากเป็นครอบครัวเดียวกัน

     

     

    ครับ J ผมกำลังคิดถึงการแต่งงาน

     

    คิดแล้วผมก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ลืมหยิบแหวนของแบคฮยอนติดมือไปด้วย หยิบกุญแจรถกับกระเป๋าเงินแล้วออกจากห้องทันที

     

    ผมเป็นคนใจเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้เวลารถติดแบบนี้ผมไม่ค่อยจะหงุดหงิดซักเท่าไร ผิดกับคนตัวเล็กที่เจอรถติดที่ไรเป็นต้องหงุดหงิด อารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยงทุกครั้งไป

     

    ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมก็มาถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ผมเดินหาร้านขายแหวนสำหรับแต่งงาน แล้วก็เจอร้านที่ใหญ่ที่สุด

     

    ผมไม่รีรอเดินเข้าไปหาทันที พนักงานต้อนรับเปิดประตูให้พร้อมทั้งกล่าวเชื้อเชิญให้เข้ามาดู

     

    “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการแบบไหนเป็นพิเศษคะ? มองหาแหวนแต่งงานรึเปล่าคะ?” พนักงานหน้าตาสวยเดินเข้ามาทักทาย ก่อนจะถามถึงความต้องการของลูกค้า

     

    “ครับ แหวนแต่งงาน” ผมตอบยิ้มๆแล้วเกาท้ายทอยอย่างเขินอาย

     

    พนักงานยกมือป้องปกพลางหัวเราะเล็กน้อยกับท่าทางของผม “ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ คุณลูกค้าทราบขนาดนิ้วมั้ยคะ?”

     

    ผมส่งแหวนของแบคฮยอนให้พนักงานเพื่อวัดขนาด ก่อนพนักงานจะบอกให้ผมเดินดูแบบไปเพลินๆ

     

    มีแหวนหลากหลายแบบที่จัดวางโชว์อยู่ในตู้กระจก แต่ผมรู้นิสัยของแบคฮยอนดี เขาไม่ชอบอะไรที่มันเยอะแยะ สิ่งที่ตั้งใจจึงมีเพียงแค่...

     

     

     

    แหวนเงินเรียบๆมีเพชรเม็ดเล็กตรงกลาง J นั่นคือสิ่งที่ผมวาดเอาไว้ในหัว

     

    พนักงานสาวเดินเข้ามาหาผมที่กำลังยืนดูแหวน ก่อนจะผายมือเชิญไปนั่งที่โซฟารับแขกของร้าน “คุณลูกค้าต้องการแหวนแบบไหนคะ?”

     

    “เอิ่มม...เอาแหวนเรียบๆน่ะครับ ที่ผมคิดเอาไว้ก็เป็นแหวนเงิน มีเพชรเม็ดเล็กๆอยู่ตรงกลาง” ผมยิ้มพลางบรรยายถึงความต้องการ

     

    “ไม่ทราบว่าต้องการวงเดียวหรือเป็นคู่คะ?” พนักงานถามอีกครั้ง

     

    “คู่ครับ” แค่คิดถึงวินาทีที่ผมใส่แหวนให้เขาแล้วร่างบางกระโดดกอดด้วยความดีใจ แค่คิดผมก็สุขจนเต็มตื้นไปทั้งหัวใจ

     

    พนักงานจัดการวัดขนาดนิ้วของผม เธอหายไปซักพักแล้วก็กลับมาพร้อมกับใบนัดรับแหวน ส่วนผมก็ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย แต่ถ้ามันแลกกับการที่เราสองคนจะได้เป็นครอบครัว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล

     

     

     

    ผมขับรถกลับมาที่บ้าน แต่กลับพบว่าไฟยังคงปิดมืด แบคฮยอนยังไม่กลับบ้าน....

     

    ผมต่อสายหาคนตัวเล็กทันที หายไปแบบนี้จะเกิดอันตรายอะไรรึเปล่า? ห่วงไปต่างๆนานา โดยไม่เคยนึกไม่ไว้ใจว่าร่างบางอาจจะกำลังอยู่กับ คนอื่น

     

    (หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา.......) ผมกดตัดสายทิ้ง เบื่อเสียงแบบนี้ที่สุด

     

    ผมลองโทรหาเขาอีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขาปิดเครื่อง...

     

    ผมลองโทรหาเพื่อนของเขาดูหลายคน แต่แบคฮยอนไม่ได้อยู่กับใครเลย โทรกลับไปหาที่บ้านพ่อกับแม่ก็บอกว่าเขาไม่ได้กลับบ้านเหมือนกัน จนผมเริ่มกังวลว่าเขาจะเป็นอะไร

     

    ผมที่กำลังจะออกไปตามเขาข้างนอก ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับร่างเล็กที่เดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้อง กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยออกมาทำให้รู้ได้เลยว่าเขากินไปมากแค่ไหน

     

    “แบคฮยอน ไปดื่มมาหรอเนี่ย?” ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองเขาเอาไว้ ก่อนที่จะหน้าฟาดลงไปกับพื้น

     

     

    ร่างบางสะบัดมือของผมที่ประคองเขาออกจากตัว ก่อนจะยันผนังแล้วประคองตัวเองเดินเข้าห้องน้ำ เสียงปิดประตูทำให้ผมรู้ว่าเขายังคงโมโหผมอยู่

     

    ผมยืนกอดอกรอเขาอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ด้วยกลัวว่าเขาจะลื่นล้ม แบคฮยอนหายไปในห้องน้ำสิบห้านาที ผมลองเปิดประตูดูก็พบว่าเขาไม่ได้ล็อค

     

    คนตัวเล็กนอนกอดโถส้วม รอบตัวมีแต่ของเสียที่ถูกขับออกมาจากร่างกาย ผมหิ้วปีกเขาแล้วพาไปล้างเนื้อล้างตัวที่อ่างอาบน้ำ คนตัวเล็กละเมอไม่เป็นภาษาก่อนจะครางเป็นลูกหมา

     

    เช็ดเนื้อเช็ดตัว เปลี่ยนชุดนอนให้เพื่อที่จะได้นอนสบายขึ้น หลังจากที่ผมจัดการแบคฮยอนเสร็จ ผมก็อาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตัวเข้านอน

     

    ทิ้งตัวลงนอนข้างๆร่างบาง รั้งเอวเล็กเข้ามากอด แต่เหมือนเขาจะยังหลับไม่สนิท แบคฮยอนดึงมือผมออกจากเอว แล้วก็กระเถิบไปนอนอีกฟากของเตียง ก่อนจะนอนหันหลังให้

     

     

    ผมถอนหายใจ ก่อนจะปล่อยให้เขานอน หลังๆมานี้แบคฮยอนงอนตลอดจริงๆ งอนแล้วง้อยากด้วย หวังว่าในอนาคตเมื่อเป็นครอบครัว ผมควรจะสอนให้เขาใจเย็นลงบ้าง

     

    และหัดฟังเหตุผลให้มากกว่านี้...

     

    สองวันต่อมาผมก็ได้รับโทรศัพท์จากร้านแหวน ว่าตอนนี้แหวนที่ผมสั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองวง

     

    ผมยิ้มดีใจก่อนจะตกลงว่าจะเข้าไปรับเย็นนี้ เพราะก่อนอื่นต้องเตรียมแผนเซอร์ไพรส์แบคฮยอน จะขอแต่งงานทั้งที ทำให้มันโรแมนติกน่าจะเป็นความทรงจำที่ดี

     

    ผมออกไปสั่งดอกกุหลาบให้มาส่งที่บ้านจำนวน 999 ดอก ก่อนจะจัดมันไว้ทั่วบ้าน ตั้งเทียนหอมเอาไว้ตั้งแต่ทางเข้า ไปจนถึงโต๊ะดินเนอร์

     

    ที่เหลือก็รอเวลาให้แบคฮอนกลับมาเห็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่นี้เท่านั้น J

     

    ผมปลดล็อกโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลา ก่อนจะพบว่าใกล้เวลาที่คนตัวเล็กจะกลับบ้าน ผมปิดไฟทั้งบ้านมีเพียงแสงจากเทียนหอมเท่านั้น ผมนั่งหลบอยู่ข้างตู้เย็น ในมือมีกล่องกำมะหยี่สีขาวที่ภายในบรรจุแหวนที่เปรียบดั่งคำสัญญา

     

    เสียงไขกุญแจที่หน้าห้องทำให้ผมใจเต้นรัว มือไม้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เผลอกำกล่องแหวนจนแน่น เพื่อหวังจะระงับอาการตื่นเต้นที่กำลังโจมตี

     

     

    แอบชะโงกหน้าออกไป ก็เห็นร่างบางยืนนิ่ง ทอดสายตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อผม “ชานยอลอยู่ไหน?”

     

    ผมเดินออกจากข้างตู้เย็น ด้วยหัวใจที่เต้นแรง คำพูดมากมายที่คิดเอาไว้ ตอนนี้ลืมมันจนหมดสิ้น คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึก

     

    “ทำอะไร?” แบคฮยอนพูดด้วยเสียงเย็นๆเล่นเอาผมถึงกับเหงื่อตก แต่ก็ยังยิ้มสู้

     

    “ก็เซอร์ไพรส์ไง J ชอบมั้ย? ดอกกุหลาบ เทียนหอม ดินเนอร์” ผมพูดแล้วส่งยิ้มกว้างโชว์ฟันครบทุกซี่ให้เขา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงแววตาเรียบนิ่ง

     

     

    คนตัวเล็กเดินไปเปิดไฟจนทั่ว แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

     

    “แบคฮยอน จะไปไหน?” ผมเดินเข้าไปประชิดตัวเขาแล้วออกแรงดึงแขนเล็ก

     

    “ปล่อย” แบคฮยอนช้อนสายตามองผมก่อนจะเอ่ยตัดเยื่อใย

     

    “โกรธกันถึงขนาดต้องไปอยู่ที่อื่นเลยหรอ?” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ยังคงเข้าใจว่าการกระทำดังกล่าวเพราะเขายังคงโกรธ

     

    “ไม่ใช่ แต่เพราะฉันจะไปอยู่ที่อื่น ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ เข้าใจมั้ย?” แบคฮยอนพยายามบิดแขนออกแต่ผมก็ยังคงไม่ปล่อย

     

    “ทำไม ฉันทำผิดมากจนนายให้อภัยกันไม่ได้เลยหรอ?” ผมถามเสียงอ่อย ไม่เข้าใจความคิด จิตใจของเขาซักนิด ทั้งที่เรารู้จักกันมานาน

     

    “นาย...ไม่ผิด แต่ฉันเอง ฉันผิดที่....ไป รักคนอื่นแล้ว” เหมือนมีใครบางคนเอาค้อนอันใหญ่มาทุบหัวผม หมายความว่ายังไง?

     

    “ขอโทษนะ แต่...ฉันไม่ได้รักนายแล้ว ให้ฉันไปเถอะ” แบคฮยอนดึงมือผมออกจากแขนของเขาได้อย่างง่ายดาย เพราะ...

     

    ผมหมดแรง ตั้งแต่เขาบอกว่ารักคนอื่น!!!

     

     

     

     

    ผมปล่อยให้เขาเดินออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง ไม่มีแม้แต่จะวิ่งตามไปฉุดรั้งให้เขากลับมา เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ก็สามารถอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

     

    ความสัมพันธ์ของเราที่มันแย่ลง ไม่ใช่เพราะผมไม่มีเวลาให้เขา แต่เป็นเพราะ....เขาไปรักคนอื่น

     

    ผมมองไปรอบห้อง เทียนหอมที่ยังคงติดไฟ ดอกกุหลาบยังคงตั้งตระหง่านสวยงามอยู่ทุกพื้นที่ กล่องกำมะหยี่ยังคงอยู่ในมือ

     

    ไม่รู้เมื่อไรที่ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มองดูทุกสิ่งรอบห้อง ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ผมก็ยังไม่อยากจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ผมก็ยังเห็นแบคฮยอนอยู่

     

    มันเจ็บจนยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด คนที่ผมรัก รักมาเป็นสิบปี แต่วันนี้เขากลับบอกลาด้วยคำพูดที่ร้ายกาจ รักคนอื่น

     

     

     

     

     

     

    เสียงเพลงประจำงานแต่งงานดังขึ้น เมื่อร่างเล็กสวมชุดสีขาวฟูฟ่องเดินมาตามทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้หลากสี

     
     

    สวยจนไม่รู้ว่านั่นคือ ผู้ชาย...

     

    ผมลุกขึ้นยืนปรบมือต้อนรับเช่นแขกคนอื่นๆ แบคฮยอนเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ใบหน้ามีความสุขของเขาที่ผมไม่ได้เห็นมาตลอดห้าปีเต็ม

     

    แล้วความเจ็บปวดก็เริ่มทำงาน ผมปรบมือทั้งๆที่กำลังร้องไห้ เสียงโห่ร้องยินดีเหมือนมีดที่ทำหน้าที่กรีดลงบนหัวใจ

     

    ร่างบางเดินช้าๆเข้าไปหาผู้ชายตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา ผมสีทองเป็นประกาย ที่สวมชุดทักซิโด้สีขาวสะอาด จนสาวๆที่อยู่รอบๆยังต้องกรี๊ดด้วยความอิจฉาว่าที่เจ้าสาว

     

    บาทหลวงทำหน้าที่ไปตามขั้นตอน “หากมีใครคัดค้านการแต่งงานของคนทั้งสอง ขอให้แสดง ณ เวลานี้” ทุกคนนั่งนิ่ง มีเพียงมือเรียวยาวของชายคนหนึ่งที่ยกขึ้นมา ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่

     

    ผมลุกขึ้นยืน และกลายเป็นเป้าสายตาแขกในงานเพียงเสี้ยววินาที ผมเดินเข้าไปคนทั้งคู่ช้าๆ แบคฮยอนดูตกใจมากที่เห็นผม

     

    “ชะ...ช..ชานยอล” คนตัวเล็กเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

    ผมเดินยิ้มเข้าไปคนทั้งคู่ ยิ้ม...ที่มีเพียงแค่ตัวผม ที่รู้ว่ากำลังฝืนอย่างสุดชีวิต

     

    “ยินดีด้วยนะ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่หลังจากนี้ ขอให้เขาดีกว่าฉัน ขอให้เขาดูแลเอาใจใส่นายได้ดีกว่าฉัน ขอให้สองคนได้รักกันตลอดไป” ผมส่งยิ้มให้แบคฮยอนที่ตอนนี้น้ำตาอาบแก้ม

     

    ผมหมายจะยกมือขึ้นเช็ดมัน แต่ก็สำนึกได้ว่าไม่มีสิทธิ์นั้น สิทธิ์ที่จะเช็ดน้ำตา สิทธิ์ที่จะกอดเขา สิทธิ์ที่จะรักเขา ห่วงใยเขา มันหมดไปตั้งแต่วินาทีที่เขาเดินจากมา

     

     

     

     

    ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแล้วความรักของเราสองคน

     

    สิ่งที่ผมจะให้เขาจากนี้ มีแค่ คำอวยพร

     

    ผมจับมือแบคฮยอนขึ้นมา วางแหวนสองวงที่ยังคงเก็บมันเอาไว้ “แหวนสองวงนี้ วงหนึ่งเป็นของนาย อีกวงเป็นของฉัน จะเก็บมันเอาไว้หรือจะโยนมันทิ้งก็แล้วแต่นายนะ”

     

     

    ผมเดินหันหลังจากมาก่อนที่เขาจะเห็นน้ำตา น้ำตาที่มันไม่เคยแห้งตลอด 5 ปี น้ำตาที่ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไรมันจะหมดไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ขอให้คำอวยพรของผมประสบผล ขอเพียงแค่ให้เขาสุข แม้ผมจะเจ็บ...


     

    ---------------------------------



    เจ็บปวดแม้ไรท์จะแต่งเอง T-T

     

    เอนจอยรีดดิ้งนะคะ 

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×