คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Silently XXIX::บอกลา(?) [100%]
Silently XXIX
บอกลา(?)
Author: Wi Lyn
“เข้าใจกันผิดใหญ่โตเลย เป็นยังไงล่ะ” ผมหันไปหาคนตัวเล็กที่นั่งคอหดอยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ชานยอล(หมา)ป่วย แต่ดันเข้าใจเป็นชานยอล(คน)ซะอย่างนั้น
จะโทษใครดีล่ะ? โทษผม โทษหมา หรือโทษคนตั้งชื่อดี...
ตอนนี้ทุกคนเลยมานั่งรวมกันอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ผมพาชานยอลมาส่งให้หมอรักษา ทั้งแม่ผม พี่ชานมี เทา แบคฮยอน คยองซู รวมทั้งไอ้คริสแล้วก็ไอ้จงแด
ยิ่งไอ้สองตัวหลังนี่มาแบบเมาหัวราน้ำเลยทีเดียว...ผมควรซึ้งในความรักเพื่อนของมันด้วยมั้ย? แดกเหล้าอยู่แต่ก็ยังทิ้งแก้วเหล้ามาหาเพื่อนเนี่ย
“ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วลูก งั้น...ชานมีพาแม่กลับบ้านหน่อยสิ แม่ง่วง” แม่ผมลูบหัวแบคฮยอนเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะหาวหวอดใหญ่แล้วแล้วหันไปหาชานมี
“แกก็ดูแลแบคฮยอนด้วยนะ เดี๋ยวฉันพาแม่กลับบ้านก่อน ส่วนหมาน่ะ ถ้ามันดีขึ้นก็พามันมาให้พี่เล่นบ้าง” ชานมีประคองแม่ที่ออกมาทั้งชุดนอนก่อนจะออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน
“เทา เดี๋ยวมึงพาไอ้สองตัวนี้ไปส่งบ้านนะ ไม่รู้ตอนมาแม่งมายังไง? เมาแล้วแย่ยิ่งกว่าหมาอีก” ผมสั่งเทาให้ส่งไอ้คริสกับจงแดกลับบ้าน ตอนนี้ไอ้สองตัวมันลงไปนอนกองบนพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เออ ได้ เดี๋ยวกูจัดการเอง ไอ้หมา ถามจริงๆคิดยังไงตอนเอาชื่อแฟนตัวเองไปตั้งชื่อหมาเนี่ย?” เทารับคำกับผม ก่อนจะหันไปหาเพื่อนตัวดีที่เอาชื่อคนไปตั้งชื่อหมา
แบคฮยอนนั่งก้มหน้า ผมคิดว่าคงเพราะเขารู้สึกผิดล่ะมั้ง? ที่ทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดใหญ่โตว่าผมเข้าโรงพยาบาล คนตัวเล็กมองหน้าเทายิ้มๆแล้วก็หัวเราะแห้งๆออกมา
‘ก็...ไม่คิดยังไงหรอก แค่อยากแกล้งชานยอลเฉยๆ จริงๆหน้าตามันเหมือนชานยอลไง’ แบคฮยอนตอบคำถามของเทาแล้วก็เบนสายตามามองผม
ผมถอนหายใจออกมาแล้วก็วางมือลงบนหัวเขา “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันไม่โกรธหรอกที่เอาชื่อฉันไปตั้งชื่อหมา จริงๆชานยอลมันก็น่ารักดี หล่อด้วย”
ผมพูดให้เขาสบายใจ แล้วก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด มาหอม ไม่เกรงใจสองคนที่นั่งหัวโด่ กับอีกสองคนที่นอนอยู่บนพื้น
“โอ....โอป....โอป....โอปป้ากังนัม....ตาย เอิ๊ก...” ผมหันไปมองไอ้จงแดที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเต้นท่ากังนัมสไตล์พร้อมเนื้อร้อง
“ไอ้ที่ว่าหมาน่ารักน่ะกูพอเข้าใจ แต่ที่ว่าหล่อนี่...มึงชมตัวเอง?” คยองซูสวนขึ้นมาทันที คนตัวเล็กทำหน้ายี้กับคำพูดหลงตัวเองของผม
“นี่สนิทกันถึงขั้นกูมึงแล้วหรอ?” ผมทำหน้ากวนๆตอกกลับไป สงสัยจริงๆว่าข้ามขั้นไปใช้สรรพนามกูมึงกับคยองซูตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่สนิทหรอก แต่กูไม่ชอบขี้หน้ามึง มีไรมั้ย?” เทาจัดการดีดหน้าผากคยองซูให้ผมทันที จนเขาหันไปหาเรื่องเทาแทนผม
ทะเลาะกันไปมาซักพัก เทาก็จัดการดึงคยองซูมาจุ๊บเพื่อให้เงียบ แล้วก็ได้ผล คยองซูนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น ไม่ขยับเขยื้อนเลยด้วย พอตั้งสติได้มือเล็กก็ฟาดลงไปที่กลางศีรษะคนตัวสูงกว่าทันที
ไม่พอยังยกเท้าถีบกางเกงจนเป็นรอยรองเท้าอีกต่างหาก ก่อนจะวิ่งหนีออกไปรอที่รถ
“มึงใช้วิธีนี้ให้มันเงียบทุกครั้งเลยหรอ? แล้วโดนแบบนี้ทุกครั้งที่ทำมั้ย?” ผมหันมาถามเทาหลังจากที่คยองซูออกไป
“อืม แม่งเงียบยากชิบ ไอ้คนนั้นใช้คำพูดไม่ได้ มันต้องแบบนี้แหละ กูเห็นเชื่อฟังอยู่สองคนแม่กูกับพี่ชานมี แล้วทุกครั้งที่กูจุ๊บมันนะ กางเกงกูเป็นรอยตีนมันทุกที หนักสุดก็ประทับรอยไว้กลางหลังกูเลย” เทาพูดแล้วทำท่าขนลุกขัดกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้ายามเอ่ยถึงคยองซู
“ยังไงกูฝากมึงส่งไอ้สองตัวให้ถึงบ้านด้วยนะ หรือไม่ถ้ามึงขี้เกียจขับรถไปมา มึงก็เอามันไปนอนบ้านมึงก่อน เช้ามามึงค่อยไล่มันกลับบ้าน” ผมตบบ่าเทาหลังจากช่วยกันพยุงเพื่อนสองคนไปใส่รถ
คยองซูนั่งกอดอก หน้าทมึงทึงอยู่เบาะข้างคนขับ ท่าทางแบบนี้ใครดูก็รู้ว่าโมโหกลบเกลื่อนความเขิน
ผมยืนมองจนรถของเทาลับสายตา แล้วเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อรอดูผลว่าชานยอลจะเป็นยังไงบ้าง?
ผ่านไปซักพักคุณหมอก็เดินออกมา พร้อมกับอุ้มชานยอลเอาไว้ ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้รู้ว่าลูกหมาตัวน้อยกำลังหลับอยู่
“ตอนนี้ไข้ลดแล้วนะครับ ส่วนสาเหตุที่มันป่วยเนี่ย ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้มันได้ปรับตัวซักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง หลังจากนี้พามันออกไปสูดอากาศบ้างนะครับ มันไม่ใช่หมาบ้านโดยนิสัย ถ้าไม่ให้มันออกไปวิ่งเล่นข้างนอก มันก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับ” คุณหมอกล่าวยิ้มๆ
ตอนนี้ผมพาแบคฮยอนกับชานยอล(หมา)กลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ แบคฮยอนพามันไปนอนที่ๆนอน ส่วนเจ้าตัวก็ทิ้งร่างลงบนที่นอนทันที
“นี่อาบน้ำหน่อยมั้ย? ไม่เหนียวตัวแย่หรอ?” ผมนั่งลงข้างเขาแล้วจับไปที่แขน ถึงแบคฮยอนจะไม่มีกลิ่นเหงื่อแต่ผมก็กลัวว่าเขาจะนอนหลับไม่สบาย
“ลุกเร็ว ไปอาบน้ำกัน” ผมดึงข้อมือเล็กให้ลุกตามขึ้นมา แรกๆเขาก็อิดออดไม่ยอมลุก จนผมต้องอุ้มพาดบ่าคว้าผ้าเช็ดตัวสองผืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ถ้าเทียบกับที่เก่าที่แบคฮยอนเคยอยู่ ห้องน้ำที่นี่กว้างกว่าที่นั่นพอสมควร ทำให้เวลานี้เราสองคนมีพื้นที่มากพอที่จะอาบน้ำพร้อมกัน
ผมหันไปเปิดฝักบัวแล้วปรับไปที่น้ำอุ่นอุณหภูมิพอดีๆ หันกลับมาหาแบคฮยอนก็เห็นว่าเขายืนหลับอยู่กลางอากาศ เชื่อเขาเลยJ
ผมเรียกเขาด้วยวิธีถอดเสื้อทันที แบคฮยอนสะดุ้งแล้วก็ยกแขนสองข้างขึ้นชี้ฟ้าให้ผมถอดเสื้อออกจากตัวของเขา แบคฮยอนที่ดูง่วงมากๆก็ถอดกางเกงตามทันที
ผมสงสัยจริงๆว่าถ้าเป็นเวลาปรกติเขาจะมาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมมั้ย? ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนั้น...
คนตัวเล็กคงลืมไปแล้วว่าผมก็ยังคงยืนอยู่ พอถอดเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินตรงเข้าไปหาน้ำที่รดออกมาจากฝักบัวทันที ถูไปถูมาตามร่างกาย ฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดี
ความจริงผมว่าเราควรจะช่วยกันประหยัดเวลาบวกประหยัดน้ำด้วยการอาบพร้อมกันไปเลยก็ดีนะครับ ว่าแล้วผมก็จัดการถอดเสื้อออก แล้วก็ถอดกางเกงนอนขายาวทิ้งไปมั่วๆ
แล้วก็คว้าขวดยาสระผมมาเทใส่มือ ละเลงไปบนหัวทุยที่เปียกน้ำเรียบร้อย แบคฮยอนหันมามองหน้าผมนิดหนึ่ง แล้วก็มองต่ำลงจนแก้มเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
ผมหัวเราะน้อยๆที่คนตัวเล็กเขินได้น่ารัก ผมขยี้หัวเขาไปมา แบคฮยอนก็โยกหัวตามเหมือนตุ๊กตาดุ๊กดิ๊กที่ติดอยู่หน้ารถ แถมคนตัวเล็กยังปาดฟองยาสระผมจากหัวไปเป่าเล่นอีกต่างหาก
หลังจากสระผมเสร็จ ผมก็คว้าขวดสบู่เหลวมาเทใส่มืออีกครั้ง แบคฮยอนหันมามองแล้วยื้อมือผมเอาไว้ พลางส่ายหน้าบอกว่าไม่ต้อง
“ทำไมล่ะ?” ผมถามกลับไป แบคฮยอนก็ปัดมือเป็นพัลวันบอกว่าเดี๋ยวจัดการถูสบู่เอง
แต่มีหรอที่ผมจะฟัง...ผมวางมือลงบนอกเล็กแล้วไล้เพื่อให้สบู่ได้ทำความสะอาดร่างกาย ผมรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกำลังขนลุก ผมเองก็เหมือนกัน สถานการณ์แบบนี้มันก็ยากที่จะห้ามใจจริงๆนี่นา J
งั้น.....ผมขอเวลา ”อาบน้ำ” ให้แบคฮยอนซักสองชั่วโมงนะครับ J
-------------------50%---------------
ผมอุ้มแบคฮยอนขึ้นพาดบ่าที่ซึ่งตอนนี้คนตัวเล็กถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ คนตัวเล็กก็เข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นทันที
ในตอนแรกผมก็ตกใจว่าเขาเป็นอะไร แต่พอได้ยินเสียงครางหงิงๆเหมือนลูกหมาถึงได้รู้ว่าหลับไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ สงสัยคงจะเหนื่อยมาก ทำเสร็จปุ๊บก็หลับปั๊บเลย
ผมเผ้าก็ยังไม่ได้เช็ด กลัวว่านอนทั้งๆแบบนี้จะป่วยจริงๆ แต่ดูท่าว่าปลุกยังไงก็คงจะไม่ตื่นแล้วล่ะมั้ง? ใส่เสื้อผ้าให้แล้วก็นอนเลยละกัน
ทั้งๆที่เหนื่อยมาทั้งวันแท้ๆแต่ผมกลับนอนไม่หลับ ส่วนไอ้ชานยอลนอนหงายท้องมีความสุขไปแล้ว ผมนอนลืมตาโพลงในความมืด หันไปมองคนข้างตัวที่นอนกอดเอวผมแน่นแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา
หลังจากนี้ผมคงต้องนอนคนเดียว ไม่มีเขาให้นอนกอดแล้วสินะ เพิ่งรู้สึกไม่อยากจะคัดตัวเข้าทีมชาติก็ตอนนี้แหละ
ทั้งที่โค้ชให้โอกาสกลับเข้าทีม แต่ผมก็ยังขอผลัดวันประกันพรุ่งเพื่อให้ได้อยู่กับแบคฮยอนได้นานที่สุด ผมยังไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้ผมก็จะไม่อยู่แล้ว
กระเป๋าที่วางอยู่มุมห้องก็ถูกเก็บเรียบร้อย ของใช้ทุกอย่างก็เตรียมครบ พรุ่งนี้ก็ต้องไปค่ายแล้ว ไม่อยากจะทิ้งคนๆนี้เอาไว้ลำพังเลย ขอบคุณที่ยังมีเทาที่สัญญาว่าจะมาคอยดูแลแบคฮยอนช่วงที่ผมไม่อยู่
คิดอะไรเพลินๆก็ชวนให้หนังตาเริ่มหนักจนยากจะฝืนเอาไว้ ผมพลิกตัวหันด้านข้างไปหาแบคฮยอนแล้วดึงเขาเข้ามากอดแน่น ขอนอนกอดให้หนำใจก่อนจะไม่มีให้กอดไปอีกสองเดือนนะ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ผมเอื้อมมือไปที่โต๊ะหัวเตียงแล้วคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้ว ผมต้องตื่นอาบน้ำแต่งตัว เพราะโค้ชสั่งไว้ว่าสิบโมงผมต้องถึงค่าย
คนตัวเล็กยังคงหลับสนิท เอาขาก่ายจนจะถึงคอผมอยู่แล้ว ถึงว่าทำไมเมื่อคืนรู้สึกหายใจไม่ค่อยจะออก ผมเอาขาเขาออกแล้วก็ลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ
ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็เห็นแบคฮยอนลุกขึ้นนั่งขยี้ตาแล้ว สงสัยเสียงน้ำจะทำให้เขาตื่นล่ะมั้ง?
“ตื่นแล้วหรอ? ไปล้างหน้าล้างตาไป เดี๋ยวหาไรให้กิน” ผมสั่งให้แบคฮยอนไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่
อาหารเช้าง่ายๆวันนี้ก็คือซุปถั่วงอกกับข้าว ผมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เวลาแปดโมงสี่สิบนาทีแล้ว กินข้าวกับแบคฮยอนอีกซักพักแล้วขับรถไปก็น่าจะทัน
คนตัวเล็กเดินออกมาในเสื้อผ้าสบายๆทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น แล้วก้มหน้าสูดกลิ่นซุปเข้าไปแล้วยิ้มกว้างออกมา
“ถ้าหอมก็กินเยอะๆนะ”ผมตักข้าวแล้ววางไว้ให้เขา ส่วนตัวเองก็นั่งข้างๆกันก้มหน้ากินข้าวอย่างช้าที่สุดเท่าที่เคยทำมา
จู่ๆแบคฮยอนก็วางช้อนแล้วเดินไปที่เตียง หยิบกระดานอันเล็กแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะเขียนอะไรลงไปยุกยิก
‘ไปเก็บตัววันนี้เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง?’ แบคฮยอนหันกระดานออกจากตัวแล้วให้ผมอ่านข้อความ
หมายความว่า เขารู้งั้นหรอว่าผมจะไปเก็บตัววันนี้น่ะ!!!!
“รู้หรอ?” แบคฮยอนพยักหน้ารับ แล้วก็ยิ้มให้ พร้อมกับตักซุปเข้าปากแล้วตักข้าวต่อ
“โกรธมั้ยที่ไม่ได้บอกน่ะ แค่กลัวว่าจะทำให้นายรู้สึกไม่ดีเท่านั้นเอง” ผมรีบบอกเขาเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดเหลือเกินว่าที่ผมไม่บอกเขาเพราะไม่ต้องการให้เขารู้
แบคฮยอนวางช้อนลงอีกครั้งแล้วก็ลงมือเขียนกระดาน ‘อย่าคิดมากสิ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่านายจะไปวันนี้ อีกอย่างฉันยังมีเทากับคยองซูอีกนะ ไว้วันไหนเหงาๆก็เข้าไปหาสองคนนั้นก็ได้’
‘อย่าลืมสิ ยังมีชานยอลอยู่อีกตั้งตัวนึง J’ แบคฮยอนชี้ไปที่ลูกหมาสีขาวที่กำลังกัดกระดูกเล่นอยู่
“ฉันควรดีใจมั้ยเนี่ย? มีหมาเป็นตัวแทนให้นายดูต่างหน้าน่ะ” ผมเท้าคางกับโต๊ะแล้วยิ้มให้แบคฮยอน
คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วก็หัวเราะ ก่อนชานยอลจะวิ่งหน้าตั้งมาหาแบคฮยอนแล้วก็กระโดดขึ้นตัก ขาหน้าสองข้างก็ตะกายจะขึ้นโต๊ะให้ได้ หิวอีกอ่ะดิแก!!!!
หลังจากทั้งคนทั้งหมากินข้าวเสร็จ แบคฮยอนก็อุ้มชานยอลเดินลงมาส่งผมข้างล่าง เป็นเวลาเดียวกับที่รถของเทาเข้ามาจอดที่หน้าตึก คยองซูกระโดดลงจากรถเป็นคนแรกแล้วก็ถลาเข้ามาอุ้มชานยอลไว้กับอก
“นี่ เล่นกับมันดีๆหน่อยได้มั้ย? อย่าเล่นแรง ไม่เห็นหรอมันยังตัวเล็กอยู่น่ะ” เทาตีไหล่คยองซูแล้วก็ดุเขา
“เฮ้ย จะไปแล้วหรอ?” เทาหันมาทักผมที่ยืนจ้องหน้าแบคฮยอนไม่วางตา ส่วนคนตัวเล็กก็หลบสายตาเอาแต่จ้องคยองซูที่เล่นกับหมา
ผมหันไปพยักหน้าให้แล้วถือกระเป๋าไปใส่ไว้ในรถ สูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการบอกลา แม้การบอกลาครั้งนี้ไม่ใช่การลาจากกันตลอดกาล แต่ผมก็ไม่ชอบ
การที่ต้องอยู่ห่างจากคนที่รัก อยู่ห่างจากครอบครัวเพื่อนฝูง มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่ แม้ที่ค่ายจะมีเพื่อนมากมายที่สนิทสนมกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะสบายใจกับเพื่อนไปเสียทุกคน
“แบคฮยอน” ผมเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กเบาๆ เขาหันมายิ้มให้ผม แล้วเดินเข้ามาใกล้
“กินข้าวให้ตรงเวลานะ ไปไหนมาไหนก็บอกเทาหรือไม่ก็คยองซู หาคนไปเป็นเพื่อนก็ดี เวลานอนก็เช็คให้ดีประตูหน้าต่าง ห้ามนอนโดยไม่อาบน้ำนะ อย่าหักโหมอ่านหนังสือจนดึกดื่น ส่งข้อความมาหาฉันบ้าง อย่าปล่อยให้ฉันคิดถึงนายจนแทบบ้าล่ะ” ผมสั่งเขาชุดใหญ่
ที่พูดๆไปก็เพราะรู้ว่าเขาจะทำแบบนั้นแน่ๆ เพราะทุกครั้งผมเองต้องเป็นคนเรียกให้เขากินข้าวให้ตรงเวลา ก่อนนอนต้องอาบน้ำแปรงฟัน แบคฮยอนชอบอ่านหนังสือจนดึก หลายสิ่งหลายอย่างที่ผมเรียนรู้ตั้งแต่มาอยู่กับเขาทำให้ผมห่วง
“เทาฝากแบคฮยอนด้วยนะ ถ้าให้ดีลากเขาไปอยู่กับนายสองเดือนเลยก็ได้” แบคฮยอนตีไหล่ผมแล้วก็ยู่หน้า
“สั่งขนาดนี้ ไปสองเดือนหรือไปสองปี หรือว่า.....ไปแล้วไม่กลับ ฮะ!!!ไอ้หูกาง” เป็นคยองซูนั่นแหละที่พูดขัดบรรยากาศ
พอพูดจบเทาก็ประเคนมะเหงกลงกลางหน้าผากเล็กนั้น ทำเอาคยองซูคว่ำปากเหมือนจะร้องไห้ จนเทาต้องประคองแก้มสองข้างแล้วเป่าให้หายเจ็บ
“สองคนไปทำหวานไกลๆตีนกูได้มั้ย? กูเห็นแล้วกูอยากจะจับแบคฮยอนยัดกระเป๋าเอาไปค่ายชิบหาย” ผมพูดเหวี่ยงๆเล่นเอาคยองซูสะบัดตัวออกจากเทาแทบจะทันที
“อืม สายแล้วมึง ไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้หมาเนี่ยกูดูแลให้ วันนี้ว่าจะพาไปร้านพี่สาวมึงอ่ะแหละ” ผมมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้สายมากแล้ว ผมรีบดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น
สูดกลิ่นหอมให้ติดจมูก จดจำสัมผัสเวลากอดที่มันนุ่มนิ่มไปทั้งตัว ก่อนจะฉวยโอกาสแตะริมฝีปากเขาเบาๆแล้ววิ่งขึ้นรถทันที
“แบคฮยอนรักนะ แล้วฉันจะโทรมาหาบ่อยๆ อย่าหนีไปมีกิ๊กนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมเปิดกระจกออกมาพูดเป็นรอบสุดท้าย โบกมือให้เขาแล้วลากันด้วยเสียงหัวเราะ
ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไร ว่าเวลาสองเดือนผมจะทนไม่เห็นหน้าเขา ทนคิดถึงเขาได้มั้ย? แล้วผมก็ไม่รู้ว่าในอนาคตถ้าผมติดทีมชาติ เราสองคนจะยังมีเวลาให้กันอีกหรือเปล่า?
หลังจากนี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความอดทนของเราสองคน ว่ามันจะเดินไปในทิศทางไหน ได้แต่หวังว่าวันข้างหน้าผมจะยังมีเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ.......
-----------100%------------
[คุยกับไรท์เตอร์]
มาถึงตอนที่ 29 แล้ว จากที่เคยบอกว่าไม่เกินสามสิบ ดูท่าจะไม่จริง :)
เอาเป็นว่าดูไปละกันเนอะว่ามันจะไปอยู่ที่กี่ตอน
จุดสำคัญมันอยู่ที่ชานยอลนั้น ไปเข้าค่ายเก็บตัวแล้วล่ะค่ะ
หลังจากนี้อุปสรรคอีกอย่างมันก็อยู่ที่ระยะทางกับความเชื่อใจ
อย่าเพิ่งเลิกอ่านเพราะมันไม่ได้ดั่งใจเลยค่ะ ไรท์ทำงานหนักกับฟิคเรื่องนี้นะ
ไรท์ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดแท็ก #ฟิคเงียบ ในทวิตด้วยนะคะ
น่ารักมากเลย ตอนนี้แท็กของไรท์มีแต่คนถามถึงว่ามันคืออะไร?
มีคนขอลิ้งค์ไปอ่านอีกไม่น้อยด้วยเหมือนกัน :)
เอนจอยรีดดิ้งนะคะ อ่านแล้วเม้นจะช่วยไรท์ได้มากเลย
เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!
:)� Shalunla
ความคิดเห็น