ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #34 : Silently XXIX::บอกลา(?) [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.09K
      6
      19 ส.ค. 56

    Silently XXIX

    บอกลา(?)

    Author: Wi Lyn


     



     

     

    “เข้าใจกันผิดใหญ่โตเลย เป็นยังไงล่ะ” ผมหันไปหาคนตัวเล็กที่นั่งคอหดอยู่ข้างๆ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ชานยอล(หมา)ป่วย แต่ดันเข้าใจเป็นชานยอล(คน)ซะอย่างนั้น

     

     

    จะโทษใครดีล่ะ? โทษผม โทษหมา หรือโทษคนตั้งชื่อดี...

     

    ตอนนี้ทุกคนเลยมานั่งรวมกันอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ที่ผมพาชานยอลมาส่งให้หมอรักษา ทั้งแม่ผม พี่ชานมี เทา แบคฮยอน คยองซู รวมทั้งไอ้คริสแล้วก็ไอ้จงแด

     

    ยิ่งไอ้สองตัวหลังนี่มาแบบเมาหัวราน้ำเลยทีเดียว...ผมควรซึ้งในความรักเพื่อนของมันด้วยมั้ย? แดกเหล้าอยู่แต่ก็ยังทิ้งแก้วเหล้ามาหาเพื่อนเนี่ย

     

    “ไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้วลูก งั้น...ชานมีพาแม่กลับบ้านหน่อยสิ แม่ง่วง” แม่ผมลูบหัวแบคฮยอนเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะหาวหวอดใหญ่แล้วแล้วหันไปหาชานมี

     

    “แกก็ดูแลแบคฮยอนด้วยนะ เดี๋ยวฉันพาแม่กลับบ้านก่อน ส่วนหมาน่ะ ถ้ามันดีขึ้นก็พามันมาให้พี่เล่นบ้าง” ชานมีประคองแม่ที่ออกมาทั้งชุดนอนก่อนจะออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน

     

    “เทา เดี๋ยวมึงพาไอ้สองตัวนี้ไปส่งบ้านนะ ไม่รู้ตอนมาแม่งมายังไง? เมาแล้วแย่ยิ่งกว่าหมาอีก” ผมสั่งเทาให้ส่งไอ้คริสกับจงแดกลับบ้าน ตอนนี้ไอ้สองตัวมันลงไปนอนกองบนพื้นเรียบร้อยแล้ว

     

    “เออ ได้ เดี๋ยวกูจัดการเอง ไอ้หมา ถามจริงๆคิดยังไงตอนเอาชื่อแฟนตัวเองไปตั้งชื่อหมาเนี่ย?” เทารับคำกับผม ก่อนจะหันไปหาเพื่อนตัวดีที่เอาชื่อคนไปตั้งชื่อหมา

     

    แบคฮยอนนั่งก้มหน้า ผมคิดว่าคงเพราะเขารู้สึกผิดล่ะมั้ง? ที่ทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดใหญ่โตว่าผมเข้าโรงพยาบาล คนตัวเล็กมองหน้าเทายิ้มๆแล้วก็หัวเราะแห้งๆออกมา

     

    ก็...ไม่คิดยังไงหรอก แค่อยากแกล้งชานยอลเฉยๆ จริงๆหน้าตามันเหมือนชานยอลไง แบคฮยอนตอบคำถามของเทาแล้วก็เบนสายตามามองผม

     

    ผมถอนหายใจออกมาแล้วก็วางมือลงบนหัวเขา “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันไม่โกรธหรอกที่เอาชื่อฉันไปตั้งชื่อหมา จริงๆชานยอลมันก็น่ารักดี หล่อด้วย”

     

    ผมพูดให้เขาสบายใจ แล้วก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด มาหอม ไม่เกรงใจสองคนที่นั่งหัวโด่ กับอีกสองคนที่นอนอยู่บนพื้น

     

     

    “โอ....โอป....โอป....โอปป้ากังนัม....ตาย เอิ๊ก...” ผมหันไปมองไอ้จงแดที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเต้นท่ากังนัมสไตล์พร้อมเนื้อร้อง

     

    “ไอ้ที่ว่าหมาน่ารักน่ะกูพอเข้าใจ แต่ที่ว่าหล่อนี่...มึงชมตัวเอง?” คยองซูสวนขึ้นมาทันที คนตัวเล็กทำหน้ายี้กับคำพูดหลงตัวเองของผม

     

    “นี่สนิทกันถึงขั้นกูมึงแล้วหรอ?” ผมทำหน้ากวนๆตอกกลับไป สงสัยจริงๆว่าข้ามขั้นไปใช้สรรพนามกูมึงกับคยองซูตั้งแต่เมื่อไร

     

    “ไม่สนิทหรอก แต่กูไม่ชอบขี้หน้ามึง มีไรมั้ย?” เทาจัดการดีดหน้าผากคยองซูให้ผมทันที จนเขาหันไปหาเรื่องเทาแทนผม

     

    ทะเลาะกันไปมาซักพัก เทาก็จัดการดึงคยองซูมาจุ๊บเพื่อให้เงียบ แล้วก็ได้ผล คยองซูนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น ไม่ขยับเขยื้อนเลยด้วย พอตั้งสติได้มือเล็กก็ฟาดลงไปที่กลางศีรษะคนตัวสูงกว่าทันที

     

    ไม่พอยังยกเท้าถีบกางเกงจนเป็นรอยรองเท้าอีกต่างหาก ก่อนจะวิ่งหนีออกไปรอที่รถ

     

    “มึงใช้วิธีนี้ให้มันเงียบทุกครั้งเลยหรอ? แล้วโดนแบบนี้ทุกครั้งที่ทำมั้ย?” ผมหันมาถามเทาหลังจากที่คยองซูออกไป

     

    “อืม แม่งเงียบยากชิบ ไอ้คนนั้นใช้คำพูดไม่ได้ มันต้องแบบนี้แหละ กูเห็นเชื่อฟังอยู่สองคนแม่กูกับพี่ชานมี แล้วทุกครั้งที่กูจุ๊บมันนะ กางเกงกูเป็นรอยตีนมันทุกที หนักสุดก็ประทับรอยไว้กลางหลังกูเลย” เทาพูดแล้วทำท่าขนลุกขัดกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้ายามเอ่ยถึงคยองซู

     

    “ยังไงกูฝากมึงส่งไอ้สองตัวให้ถึงบ้านด้วยนะ หรือไม่ถ้ามึงขี้เกียจขับรถไปมา มึงก็เอามันไปนอนบ้านมึงก่อน เช้ามามึงค่อยไล่มันกลับบ้าน” ผมตบบ่าเทาหลังจากช่วยกันพยุงเพื่อนสองคนไปใส่รถ

     

    คยองซูนั่งกอดอก หน้าทมึงทึงอยู่เบาะข้างคนขับ ท่าทางแบบนี้ใครดูก็รู้ว่าโมโหกลบเกลื่อนความเขิน

     

    ผมยืนมองจนรถของเทาลับสายตา แล้วเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อรอดูผลว่าชานยอลจะเป็นยังไงบ้าง?

     

     

    ผ่านไปซักพักคุณหมอก็เดินออกมา พร้อมกับอุ้มชานยอลเอาไว้ ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้รู้ว่าลูกหมาตัวน้อยกำลังหลับอยู่

     

    “ตอนนี้ไข้ลดแล้วนะครับ ส่วนสาเหตุที่มันป่วยเนี่ย ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้มันได้ปรับตัวซักหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง หลังจากนี้พามันออกไปสูดอากาศบ้างนะครับ มันไม่ใช่หมาบ้านโดยนิสัย ถ้าไม่ให้มันออกไปวิ่งเล่นข้างนอก มันก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับ” คุณหมอกล่าวยิ้มๆ

     

     

     

    ตอนนี้ผมพาแบคฮยอนกับชานยอล(หมา)กลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ แบคฮยอนพามันไปนอนที่ๆนอน ส่วนเจ้าตัวก็ทิ้งร่างลงบนที่นอนทันที

     

    “นี่อาบน้ำหน่อยมั้ย? ไม่เหนียวตัวแย่หรอ?” ผมนั่งลงข้างเขาแล้วจับไปที่แขน ถึงแบคฮยอนจะไม่มีกลิ่นเหงื่อแต่ผมก็กลัวว่าเขาจะนอนหลับไม่สบาย

     

    “ลุกเร็ว ไปอาบน้ำกัน” ผมดึงข้อมือเล็กให้ลุกตามขึ้นมา แรกๆเขาก็อิดออดไม่ยอมลุก จนผมต้องอุ้มพาดบ่าคว้าผ้าเช็ดตัวสองผืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ

     

     

    ถ้าเทียบกับที่เก่าที่แบคฮยอนเคยอยู่ ห้องน้ำที่นี่กว้างกว่าที่นั่นพอสมควร ทำให้เวลานี้เราสองคนมีพื้นที่มากพอที่จะอาบน้ำพร้อมกัน

     

    ผมหันไปเปิดฝักบัวแล้วปรับไปที่น้ำอุ่นอุณหภูมิพอดีๆ หันกลับมาหาแบคฮยอนก็เห็นว่าเขายืนหลับอยู่กลางอากาศ เชื่อเขาเลยJ

     

    ผมเรียกเขาด้วยวิธีถอดเสื้อทันที แบคฮยอนสะดุ้งแล้วก็ยกแขนสองข้างขึ้นชี้ฟ้าให้ผมถอดเสื้อออกจากตัวของเขา แบคฮยอนที่ดูง่วงมากๆก็ถอดกางเกงตามทันที

     

    ผมสงสัยจริงๆว่าถ้าเป็นเวลาปรกติเขาจะมาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมมั้ย? ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนั้น...

     

    คนตัวเล็กคงลืมไปแล้วว่าผมก็ยังคงยืนอยู่ พอถอดเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินตรงเข้าไปหาน้ำที่รดออกมาจากฝักบัวทันที ถูไปถูมาตามร่างกาย ฮัมเพลงในคออย่างอารมณ์ดี

     

    ความจริงผมว่าเราควรจะช่วยกันประหยัดเวลาบวกประหยัดน้ำด้วยการอาบพร้อมกันไปเลยก็ดีนะครับ ว่าแล้วผมก็จัดการถอดเสื้อออก แล้วก็ถอดกางเกงนอนขายาวทิ้งไปมั่วๆ

     

    แล้วก็คว้าขวดยาสระผมมาเทใส่มือ ละเลงไปบนหัวทุยที่เปียกน้ำเรียบร้อย แบคฮยอนหันมามองหน้าผมนิดหนึ่ง แล้วก็มองต่ำลงจนแก้มเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

     

    ผมหัวเราะน้อยๆที่คนตัวเล็กเขินได้น่ารัก ผมขยี้หัวเขาไปมา แบคฮยอนก็โยกหัวตามเหมือนตุ๊กตาดุ๊กดิ๊กที่ติดอยู่หน้ารถ แถมคนตัวเล็กยังปาดฟองยาสระผมจากหัวไปเป่าเล่นอีกต่างหาก

     

    หลังจากสระผมเสร็จ ผมก็คว้าขวดสบู่เหลวมาเทใส่มืออีกครั้ง แบคฮยอนหันมามองแล้วยื้อมือผมเอาไว้ พลางส่ายหน้าบอกว่าไม่ต้อง

     

    “ทำไมล่ะ?” ผมถามกลับไป แบคฮยอนก็ปัดมือเป็นพัลวันบอกว่าเดี๋ยวจัดการถูสบู่เอง

     

    แต่มีหรอที่ผมจะฟัง...ผมวางมือลงบนอกเล็กแล้วไล้เพื่อให้สบู่ได้ทำความสะอาดร่างกาย ผมรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กกำลังขนลุก ผมเองก็เหมือนกัน สถานการณ์แบบนี้มันก็ยากที่จะห้ามใจจริงๆนี่นา J

     

     

     

     

    งั้น.....ผมขอเวลา ”อาบน้ำ” ให้แบคฮยอนซักสองชั่วโมงนะครับ J


     

    -------------------50%---------------

     

     

    ผมอุ้มแบคฮยอนขึ้นพาดบ่าที่ซึ่งตอนนี้คนตัวเล็กถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่ มองนาฬิกาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ คนตัวเล็กก็เข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นทันที

     

    ในตอนแรกผมก็ตกใจว่าเขาเป็นอะไร แต่พอได้ยินเสียงครางหงิงๆเหมือนลูกหมาถึงได้รู้ว่าหลับไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ สงสัยคงจะเหนื่อยมาก ทำเสร็จปุ๊บก็หลับปั๊บเลย

     

    ผมเผ้าก็ยังไม่ได้เช็ด กลัวว่านอนทั้งๆแบบนี้จะป่วยจริงๆ แต่ดูท่าว่าปลุกยังไงก็คงจะไม่ตื่นแล้วล่ะมั้ง? ใส่เสื้อผ้าให้แล้วก็นอนเลยละกัน

     

     

     

    ทั้งๆที่เหนื่อยมาทั้งวันแท้ๆแต่ผมกลับนอนไม่หลับ ส่วนไอ้ชานยอลนอนหงายท้องมีความสุขไปแล้ว ผมนอนลืมตาโพลงในความมืด หันไปมองคนข้างตัวที่นอนกอดเอวผมแน่นแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา

     

    หลังจากนี้ผมคงต้องนอนคนเดียว ไม่มีเขาให้นอนกอดแล้วสินะ เพิ่งรู้สึกไม่อยากจะคัดตัวเข้าทีมชาติก็ตอนนี้แหละ

     

    ทั้งที่โค้ชให้โอกาสกลับเข้าทีม แต่ผมก็ยังขอผลัดวันประกันพรุ่งเพื่อให้ได้อยู่กับแบคฮยอนได้นานที่สุด ผมยังไม่ได้บอกเขาด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้ผมก็จะไม่อยู่แล้ว

     

    กระเป๋าที่วางอยู่มุมห้องก็ถูกเก็บเรียบร้อย ของใช้ทุกอย่างก็เตรียมครบ พรุ่งนี้ก็ต้องไปค่ายแล้ว ไม่อยากจะทิ้งคนๆนี้เอาไว้ลำพังเลย ขอบคุณที่ยังมีเทาที่สัญญาว่าจะมาคอยดูแลแบคฮยอนช่วงที่ผมไม่อยู่

     

    คิดอะไรเพลินๆก็ชวนให้หนังตาเริ่มหนักจนยากจะฝืนเอาไว้ ผมพลิกตัวหันด้านข้างไปหาแบคฮยอนแล้วดึงเขาเข้ามากอดแน่น ขอนอนกอดให้หนำใจก่อนจะไม่มีให้กอดไปอีกสองเดือนนะ

     

     

     

    ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

     

    ผมเอื้อมมือไปที่โต๊ะหัวเตียงแล้วคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดูเวลา แปดโมงเช้าแล้ว ผมต้องตื่นอาบน้ำแต่งตัว เพราะโค้ชสั่งไว้ว่าสิบโมงผมต้องถึงค่าย

     

    คนตัวเล็กยังคงหลับสนิท เอาขาก่ายจนจะถึงคอผมอยู่แล้ว ถึงว่าทำไมเมื่อคืนรู้สึกหายใจไม่ค่อยจะออก ผมเอาขาเขาออกแล้วก็ลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ

     

    ใช้เวลาไม่นานผมก็อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาก็เห็นแบคฮยอนลุกขึ้นนั่งขยี้ตาแล้ว สงสัยเสียงน้ำจะทำให้เขาตื่นล่ะมั้ง?

     

    “ตื่นแล้วหรอ? ไปล้างหน้าล้างตาไป เดี๋ยวหาไรให้กิน” ผมสั่งให้แบคฮยอนไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่

     

    อาหารเช้าง่ายๆวันนี้ก็คือซุปถั่วงอกกับข้าว ผมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เวลาแปดโมงสี่สิบนาทีแล้ว กินข้าวกับแบคฮยอนอีกซักพักแล้วขับรถไปก็น่าจะทัน

     

    คนตัวเล็กเดินออกมาในเสื้อผ้าสบายๆทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น แล้วก้มหน้าสูดกลิ่นซุปเข้าไปแล้วยิ้มกว้างออกมา

     

    “ถ้าหอมก็กินเยอะๆนะ”ผมตักข้าวแล้ววางไว้ให้เขา ส่วนตัวเองก็นั่งข้างๆกันก้มหน้ากินข้าวอย่างช้าที่สุดเท่าที่เคยทำมา

     

    จู่ๆแบคฮยอนก็วางช้อนแล้วเดินไปที่เตียง หยิบกระดานอันเล็กแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ก่อนจะเขียนอะไรลงไปยุกยิก

     

    ไปเก็บตัววันนี้เก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง? แบคฮยอนหันกระดานออกจากตัวแล้วให้ผมอ่านข้อความ

     

    หมายความว่า เขารู้งั้นหรอว่าผมจะไปเก็บตัววันนี้น่ะ!!!!

     

    “รู้หรอ?” แบคฮยอนพยักหน้ารับ แล้วก็ยิ้มให้ พร้อมกับตักซุปเข้าปากแล้วตักข้าวต่อ

     

    “โกรธมั้ยที่ไม่ได้บอกน่ะ แค่กลัวว่าจะทำให้นายรู้สึกไม่ดีเท่านั้นเอง” ผมรีบบอกเขาเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดเหลือเกินว่าที่ผมไม่บอกเขาเพราะไม่ต้องการให้เขารู้

     

    แบคฮยอนวางช้อนลงอีกครั้งแล้วก็ลงมือเขียนกระดาน อย่าคิดมากสิ ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่านายจะไปวันนี้ อีกอย่างฉันยังมีเทากับคยองซูอีกนะ ไว้วันไหนเหงาๆก็เข้าไปหาสองคนนั้นก็ได้

     

    อย่าลืมสิ ยังมีชานยอลอยู่อีกตั้งตัวนึง J แบคฮยอนชี้ไปที่ลูกหมาสีขาวที่กำลังกัดกระดูกเล่นอยู่

     

    “ฉันควรดีใจมั้ยเนี่ย? มีหมาเป็นตัวแทนให้นายดูต่างหน้าน่ะ” ผมเท้าคางกับโต๊ะแล้วยิ้มให้แบคฮยอน

     

    คนตัวเล็กพยักหน้าแล้วก็หัวเราะ ก่อนชานยอลจะวิ่งหน้าตั้งมาหาแบคฮยอนแล้วก็กระโดดขึ้นตัก ขาหน้าสองข้างก็ตะกายจะขึ้นโต๊ะให้ได้ หิวอีกอ่ะดิแก!!!!

     

    หลังจากทั้งคนทั้งหมากินข้าวเสร็จ แบคฮยอนก็อุ้มชานยอลเดินลงมาส่งผมข้างล่าง เป็นเวลาเดียวกับที่รถของเทาเข้ามาจอดที่หน้าตึก คยองซูกระโดดลงจากรถเป็นคนแรกแล้วก็ถลาเข้ามาอุ้มชานยอลไว้กับอก

     

    “นี่ เล่นกับมันดีๆหน่อยได้มั้ย? อย่าเล่นแรง ไม่เห็นหรอมันยังตัวเล็กอยู่น่ะ” เทาตีไหล่คยองซูแล้วก็ดุเขา

     

    “เฮ้ย จะไปแล้วหรอ?” เทาหันมาทักผมที่ยืนจ้องหน้าแบคฮยอนไม่วางตา ส่วนคนตัวเล็กก็หลบสายตาเอาแต่จ้องคยองซูที่เล่นกับหมา

     

    ผมหันไปพยักหน้าให้แล้วถือกระเป๋าไปใส่ไว้ในรถ สูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการบอกลา แม้การบอกลาครั้งนี้ไม่ใช่การลาจากกันตลอดกาล แต่ผมก็ไม่ชอบ

     

    การที่ต้องอยู่ห่างจากคนที่รัก อยู่ห่างจากครอบครัวเพื่อนฝูง มันทำให้ผมรู้สึกหดหู่ แม้ที่ค่ายจะมีเพื่อนมากมายที่สนิทสนมกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะสบายใจกับเพื่อนไปเสียทุกคน

     

    “แบคฮยอน” ผมเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กเบาๆ เขาหันมายิ้มให้ผม แล้วเดินเข้ามาใกล้

     

    “กินข้าวให้ตรงเวลานะ ไปไหนมาไหนก็บอกเทาหรือไม่ก็คยองซู หาคนไปเป็นเพื่อนก็ดี เวลานอนก็เช็คให้ดีประตูหน้าต่าง ห้ามนอนโดยไม่อาบน้ำนะ อย่าหักโหมอ่านหนังสือจนดึกดื่น ส่งข้อความมาหาฉันบ้าง อย่าปล่อยให้ฉันคิดถึงนายจนแทบบ้าล่ะ” ผมสั่งเขาชุดใหญ่

     

    ที่พูดๆไปก็เพราะรู้ว่าเขาจะทำแบบนั้นแน่ๆ เพราะทุกครั้งผมเองต้องเป็นคนเรียกให้เขากินข้าวให้ตรงเวลา ก่อนนอนต้องอาบน้ำแปรงฟัน แบคฮยอนชอบอ่านหนังสือจนดึก หลายสิ่งหลายอย่างที่ผมเรียนรู้ตั้งแต่มาอยู่กับเขาทำให้ผมห่วง

     

    “เทาฝากแบคฮยอนด้วยนะ ถ้าให้ดีลากเขาไปอยู่กับนายสองเดือนเลยก็ได้” แบคฮยอนตีไหล่ผมแล้วก็ยู่หน้า

     

    “สั่งขนาดนี้ ไปสองเดือนหรือไปสองปี หรือว่า.....ไปแล้วไม่กลับ ฮะ!!!ไอ้หูกาง” เป็นคยองซูนั่นแหละที่พูดขัดบรรยากาศ

     

    พอพูดจบเทาก็ประเคนมะเหงกลงกลางหน้าผากเล็กนั้น ทำเอาคยองซูคว่ำปากเหมือนจะร้องไห้ จนเทาต้องประคองแก้มสองข้างแล้วเป่าให้หายเจ็บ

     

    “สองคนไปทำหวานไกลๆตีนกูได้มั้ย? กูเห็นแล้วกูอยากจะจับแบคฮยอนยัดกระเป๋าเอาไปค่ายชิบหาย” ผมพูดเหวี่ยงๆเล่นเอาคยองซูสะบัดตัวออกจากเทาแทบจะทันที

     

    “อืม สายแล้วมึง ไปได้แล้ว เดี๋ยวไอ้หมาเนี่ยกูดูแลให้ วันนี้ว่าจะพาไปร้านพี่สาวมึงอ่ะแหละ” ผมมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้สายมากแล้ว ผมรีบดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแน่น

     

    สูดกลิ่นหอมให้ติดจมูก จดจำสัมผัสเวลากอดที่มันนุ่มนิ่มไปทั้งตัว ก่อนจะฉวยโอกาสแตะริมฝีปากเขาเบาๆแล้ววิ่งขึ้นรถทันที

     

    “แบคฮยอนรักนะ แล้วฉันจะโทรมาหาบ่อยๆ อย่าหนีไปมีกิ๊กนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมเปิดกระจกออกมาพูดเป็นรอบสุดท้าย โบกมือให้เขาแล้วลากันด้วยเสียงหัวเราะ

     

     

     

    ผมเองก็ยังไม่แน่ใจเท่าไร ว่าเวลาสองเดือนผมจะทนไม่เห็นหน้าเขา ทนคิดถึงเขาได้มั้ย? แล้วผมก็ไม่รู้ว่าในอนาคตถ้าผมติดทีมชาติ เราสองคนจะยังมีเวลาให้กันอีกหรือเปล่า?

     

     

     

    หลังจากนี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความอดทนของเราสองคน ว่ามันจะเดินไปในทิศทางไหน ได้แต่หวังว่าวันข้างหน้าผมจะยังมีเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ.......


     

    -----------100%------------



    [คุยกับไรท์เตอร์]

    มาถึงตอนที่ 29 แล้ว จากที่เคยบอกว่าไม่เกินสามสิบ ดูท่าจะไม่จริง :)

    เอาเป็นว่าดูไปละกันเนอะว่ามันจะไปอยู่ที่กี่ตอน


    จุดสำคัญมันอยู่ที่ชานยอลนั้น ไปเข้าค่ายเก็บตัวแล้วล่ะค่ะ

    หลังจากนี้อุปสรรคอีกอย่างมันก็อยู่ที่ระยะทางกับความเชื่อใจ

    อย่าเพิ่งเลิกอ่านเพราะมันไม่ได้ดั่งใจเลยค่ะ ไรท์ทำงานหนักกับฟิคเรื่องนี้นะ


    ไรท์ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดแท็ก
    #ฟิคเงียบ ในทวิตด้วยนะคะ

    น่ารักมากเลย ตอนนี้แท็กของไรท์มีแต่คนถามถึงว่ามันคืออะไร?

    มีคนขอลิ้งค์ไปอ่านอีกไม่น้อยด้วยเหมือนกัน :)


    เอนจอยรีดดิ้งนะคะ อ่านแล้วเม้นจะช่วยไรท์ได้มากเลย

    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!



     


     

     


    :)� Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×