ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #23 : Silently XX::หันหลัง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.09K
      11
      8 ส.ค. 56

    Silently XX

    หันหลัง

    Author: Wi Lyn



     





    หากวันนี้เธอเลือกจากไป

    อยากให้รู้ว่าฉันขอโทษจากใจ

    ที่ปล่อยตัวไปตามหัวใจ

    จนลืมคิดไป

    ว่าฉันมีใครอีกคน

    ให้โอกาสตัวฉันซักครั้ง...ก่อนไป

    อยากเก็บความทรงจำดีๆ

    เพื่อฉันจะจำเพียงเธอเรื่อยไป

    ไม่ลืมว่าใคร

    ทำให้ฉันมีความสุข...เหลือเกิน

    ________________________________

    เพลง:คนรักคนที่สอง
    ศิลปิน:พีท พีระ




     

     

    ความสุขจากการได้รักใครซักคน คุณจะเข้าใจนิยามนั้นก็ต่อเมื่อ คุณตกหลุมรัก

     

     

    ความสุขจากการได้รัก มันมีความหมาย เพราะหนึ่งชีวิตของคนทุกคน ต่างก็ต้องการความรักเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ

     

    ไม่ว่าจะความรักในรูปแบบของครอบครัว เพื่อนฝูง ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง หรือคนรัก

     

    ล้วนแล้วแต่เดินอยู่บนพื้นฐานเดียวกันนั่นคือ ความจริงใจ

     

     

     

    หากไม่มีความจริงใจต่อกัน ความสัมพันธ์นั้นๆก็ไร้ค่า เพราะมันแสดงว่า สิ่งที่ปฏิบัติต่อกันเป็นเพียงหน้ากากที่ใส่เล่นละครตบตา

     

    อีกอย่างคือ ความเชื่อใจ เชื่อมั่นในตัวของคนๆนั้น

     

    แต่จะมีประโยชน์อะไร หากอีกฝ่ายยังคงทำอะไรสวนทาง ทำสิ่งที่มีแต่บั่นทอนความเชื่อใจที่เคยมีต่อกัน

     

    หากความรักที่มอบให้มีมากขึ้น สวนทางกับความเชื่อใจที่มีให้กันน้อยลง...

     

     

    ความสัมพันธ์มันจะยังเดินหน้าต่อได้มั้ย?

     

     

     

    ครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ที่ลู่ฮานทำร้ายร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะอดอาหาร ขว้างปาข้าวของ กรีดร้องทุบตีตัวเอง จนวันนี้

     

     

     

     

    ที่เขากรีดข้อมือ...

     

    -----------10%----------



     

     

     

    ผมยังจำวินาทีที่เห็นเขานอนนิ่งในอ่างอาบน้ำได้ดี เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากบาดแผล ทำให้น้ำในอ่างกลายเป็นสีแดงฉาน

     

    ลู่ฮานหายใจรวยรินเหมือนคนใกล้จะหมดลม ผมรีบช้อนร่างเขาขึ้นมาแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หมอบอกว่าเขาเกือบจะตายแล้วด้วยซ้ำ

     

     

    หากผมมาส่งเขาช้ากว่านี้...

     

     

     

    เขาไม่เคยรู้เลยหรอว่ากว่าชีวิตๆหนึ่งจะเกิดมาได้ มันยากเย็นแค่ไหน ทำไมเขาไม่คิดบ้างว่าจะมีอีกกี่คนที่ต้องเสียใจ หากเขาเลือกจบชีวิตตัวเอง

     

    ผมนึกอยากจะโกรธเขา แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดก็ทำให้ผมใจอ่อน เวลานี้ลู่ฮานอ่อนแอเกินกว่าที่ผมจะหันหลังให้เขาได้

     

    แค่วันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า จิตใจของลู่ฮาน มันไม่ปกติอีกต่อไปแล้ว

     

    ระหว่างที่ผมนั่งรอพยาบาลกำลังวัดความดันลู่ฮานอยู่ ก็เห็นคุณแม่ของลู่ฮานวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

     

    “ชานยอล ชานยอล ลู่ฮานล่ะลูก ลูกน้าล่ะ” คนเป็นแม่เขย่าแขนเด็กหนุ่มแรงๆเพื่อเค้นเอาคำตอบ หลังจากรับรู้ว่าลูกชายคนเดียวที่รักเท่าชีวิต เกือบจะฆ่าตัวตาย

     

    “คุณน้าใจเย็นนะครับ ลู่ฮานปลอดภัยแล้ว ตอนนี้เขาหลับอยู่ครับ” ผมบอกกับแม่ของเขาอย่างใจเย็น มอบรอยยิ้มให้เพื่อยืนยันว่าแก้วตาดวงใจของเธอปลอดภัยดี

     

    คุณน้าทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้หน้าห้องพัก ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นมาปิดหน้าแล้วก็ร้องไห้

     

    “ขอบใจชานยอลมากนะลูก ขอบใจจริงๆ ถ้าชานยอลไม่เจอ ป่านนี้น้าคงได้ขาดใจตายไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับคำขอบคุณจากคนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม

     

     

    ก่อนคำขอบางอย่างจากคุณน้าจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าบ่าหนักขึ้น

     

     

    “ชานยอล น้าขอได้มั้ย? ดูแลลู่ฮานได้มั้ย?” คุณน้าจับมือผมไปกุมไว้แล้วร้องขออย่างไม่ห่วงศักดิ์ศรี

     

    “น้าไม่ใช่แม่ที่ดี น้าทำหน้าที่บกพร่อง น้าไม่เคยรู้ตัวเลย จนกระทั่งวันที่ลูกชายน้าเปลี่ยนไป หากน้าอยู่กับเขาในวันที่เขาไม่มีเซฮุน เขาคงไม่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ ฮึกๆ ฮือ ฮือ” คุณน้าร้องไห้อย่างไม่อายคนที่เดินผ่านไปมา

     

    “ทุกวันนี้น้าทำงานหนักก็เพื่อให้ลู่ฮานสบายที่สุด น้าให้เงินเขาใช้อย่างสุขสบาย แต่สิ่งที่น้าลืมไปคือ เวลา น้าควรใช้เวลากับเขาให้มากกว่านี้ หากเขารู้ว่าน้ารักเขาแค่ไหน เขาอาจจะไม่คิดฆ่าตัวตายก็ได้” อยากให้ลู่ฮานตื่นมาเห็นจริงๆ

     

    ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป...

     

     

     

     

    ผมปล่อยให้คุณน้าได้ใช้เวลากับลู่ฮาน เลยตั้งใจจะขับรถกลับบ้าน แต่บางสิ่งที่ยังรบกวนจิตใจ ทำให้ผมเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทาง



    ไปหาแบคฮยอน...

     

     

     

     

     

    เครื่องยนต์ถูกดับลงหลังจากมาถึงที่หมาย จอดรถทิ้งเอาไว้อยู่นานสองนาน ทั้งๆที่แค่เปิดประตูลงไป กดกริ่ง แค่นั้น ก็จะได้เจอกับคนที่คิดถึง

     

    แต่ทุกสิ่งมันไม่ง่ายแบบนั้น ผมเปลี่ยนไป แบคฮยอนเองก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เปลี่ยนสำหรับผมไม่ใช่ความรู้สึกที่มีต่อเขา

     

    รักที่ผมมีให้เขาไม่เคยน้อยลง นับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น แต่...ผมเลือกที่จะปฏิบัติกับเขาไม่เหมือนเดิม

     

     

     

    ผมเย็นชาใส่เขา

     

     

    นั่นคือเหตุผลที่วินาทีนี้ ผมกลัวการต้องเผชิญหน้ากับแบคฮยอนที่สุด

     

    ผมกลัวสายตาว่างเปล่าของเขา ผมกลัวท่าทางที่เขาพยายามตีตัวออกห่าง ทุกสิ่งที่ผมกำลังทำ มันทำร้ายตัวผมเอง ทำร้ายผมจนเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ

     

     

    แววตาที่แบคฮยอนใช้มองผม มันคือแววตาของคนผิดหวัง...

     

     

     

    เดินวนไปมา เตะฝุ่นอยู่หน้าบ้านเขาตั้งนานสองนาน สุดท้ายความกลัวก็ชนะ ผมตัดสินใจเดินหันหลังกลับ ขณะที่ผมกำลังจะออกรถ กลับมีรถอีกคันเลี้ยวเข้ามาดักหน้า

     

    รถคันที่ผมจำได้ดีว่ามันคือรถของเทา...

     

     

     

    เทาเปิดประตูลงจากรถก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาผมที่รถ ผมคิดว่าเขาคงมีธุระ เลยเปิดประตูลงไปเพื่อคุยกับเขา แต่ผมกลับถูกเขาสวนหมัดหนักๆใส่หน้า

     

     

    “มึงต่อยกูทำไม?” ผมรีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเทากำลังจะลงมาซ้ำผมอีกครั้ง

     

    คนที่เรียนศิลปะป้องกันตัวทุกแขนงอย่างมัน บอกตรงๆ ผมไม่สู้

     

     

    “กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ย? ว่าถ้ามึงเคลียร์ตัวเองไม่ได้ อย่ามายุ่งกับไอ้หมา ไหนมึงบอกรักนักรักหนา ทำไมมึงทำร้ายมันได้ลง มันทำผิดอะไรวะ ชานยอล มึงตอบกูดิ? เผื่อกูจะใจอ่อนกับมึงอีกรอบ” นี่สินะ สาเหตุที่ผมโดนมันต่อย

     

     

    หากแต่ผมไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของเทายังไง แบคฮยอนไม่เคยทำอะไรผิด ไม่เคยซักครั้ง ถ้าผมบอกว่าผมยังรักแบคฮยอนอยู่ เทามันยังจะเชื่อผมมั้ย?

     

     

    “กูขอโทษ” เพราะสมองตื้อเกินกว่าจะสรรหาคำพูดดีๆมาพูดแก้ตัว สิ่งที่ผมทำมีเพียงแค่ขอโทษ




    “คนที่มึงควรขอโทษไม่ใช่กู แต่เสียใจด้วย แบคฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่” คำบอกเล่าของเทาทำให้ผมอึ้ง แบคฮยอนไม่ได้อยู่ที่นี่

     

     

    แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน?

     

     

    “มึงทำหน้าแบบนี้แสดงว่ามึงไม่ได้สนใจแบคฮยอนเลยสินะ มึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตลอดเวลาที่มึงขลุกอยู่กับลู่ฮาน แบคฮยอนเป็นยังไง” เทายังคงพูดทุกเรื่องที่รังแต่จะทำร้ายจิตใจผม

     

    “คนที่ฉุดแบคฮยอนขึ้นมาจากความเสียใจก็คือมึง แล้วก็เป็นมึงที่ถีบมันกลับไปหาความเสียใจอีกครั้ง มึงรู้มั้ย? ถึงแม้แบคฮยอนมันจะไม่ร้องไห้ แต่แววตามันไม่เคยปิดบัง” ยิ่งฟังเทาพูดผมก็ยิ่งรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว

     

     

    จริงอย่างที่เทาบอก เป็นผมทุกครั้งที่ทำเขาเสียใจ

     

     

    หากจะมีใครซักคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ มันก็คงต้องเป็นผม...

     

    “แบคฮยอนมันขอย้ายออก มันบอกว่ารบกวนกูกับม๊ามามากพอแล้ว ดูเหมือนว่ามันคิดเรื่องนี้มาพักใหญ่ๆ” เทาบอกก่อนจะส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้กับผม

     

     

     

    ผมอ่านจดหมายพวกนั้นแล้วรู้สึกเหมือนมีใครเอาค้อนหนักๆมาทุบกลางหัว มันเจ็บแต่ร้องไม่ออก

     

     

    ผมทำร้ายคนที่ทั้งชีวิตเจอแต่ความเสียใจได้ยังไง?

     

     

    ในเมื่อผมเลือกเขาแล้ว แต่ก็ยังกลับหลังหันไปหาลู่ฮาน คนที่ควรต้องเสียใจไม่ใช่เขา ไม่ใช่แบคฮยอน

     

     

    “แล้วที่สำคัญ หมามันลาออกจากร้านแล้วด้วย มึงนึกเอาว่าต่อไปนี้หมามันจะมีชีวิตลำบากเพราะใคร” เทาใช้นิ้วชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ

     

    “หากจะมีใครซักคนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ คนๆนั้นต้องไม่ใช่มึง มึงไม่ดีพอสำหรับไอ้หมา มันรักมึง แต่มึงยังเลือกที่จะทิ้งมัน” เทาทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับเข้าบ้านไป

     

     

     

     

    คนที่นำความสุขมาให้เขา ก็คือ ผม

     

     

     

    คนที่พรากความสุขจากเขา ก็คือ ผม

     

     

     

     

     

    แล้วผมจะยังมีหน้าไปบอกว่ารักเขาอีกหรอ?

     

     

     

     

    แค่ความรักของตัวเองยังรักษาเอาไว้ไม่ได้...

     

     

    แค่คนที่ผมรักสุดหัวใจผมยังปล่อยให้เขาเดินเพียงลำพัง...

     

     

     

     

     

     

     

    ปาร์คชานยอล แกยังมีค่าพอที่จะรักแบคฮยอนอยู่หรอ?

     -------------------60%------------------


     

    Baekhyun Part

     

     

    หลังจากตัดสินใจก้าวเท้าออกจากบ้านของเทา นั่นก็เท่ากับว่าผมกำลังมองหารูปแบบการดำเนินชีวิตแบบใหม่ หากมีใครมาถามผมว่า

     

     

    เหนื่อยมั้ย? กับการดำเนินชีวิตแบบนี้ ตอบได้เต็มปากเลยครับ

     

     

     

     

    ว่าผมโคตรจะเหนื่อย...

     

     

    การปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและการต้องพบปะเจอคนใหม่ๆทำให้ผมไม่เคยจะยินดีปรีดานัก แต่ในเมื่อสถานการณ์เช่นนี้ผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ควรจะต้องเผชิญกับมัน

     

     

    ผมไม่โทษใครทั้งนั้นที่ทำให้ผมมีชีวิตแบบนี้ ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันเอง ทั้งตัวผม แล้วก็ตัวชานยอล

     

    ผมเชื่อว่าเขามีเหตุผลในส่วนของเขา ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องรู้ ผมใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตลอด แต่ผมไม่ใช่คนกร้านโลก หรือคนมองโลกในแง่ร้าย

     

     

    ผมมองทุกสิ่งด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง และยอมรับในทุกสิ่งที่เป็นไปตามวิถีของมัน

     

     

    ชานยอลเป็นอีกเหตุผลใหญ่ที่ผมตัดสินใจเดินถอยหลังออกมา หากถามถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเขา บอกได้เลยว่ามันพิเศษ

     

    ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ผมห่วงใยความรู้สึกของเขามากกว่าความรู้สึกของตัวเอง ผมกระวนกระวายเวลาไม่เจอหน้าเขา

     

    คิดถึงเขาแม้เขาจะนั่งอยู่ข้างๆ อยากรู้ความเป็นไปในทุกๆวันของเขา ภายนอกผมอาจไม่แสดงออก แต่ใจผมรู้ดี

     

    ว่าความรู้สึกที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่เคยคิดว่าเขาจะมีอิทธิพลต่อหัวใจผมได้มากมาย

     

    ความสดใส และความอบอุ่นของเขา ทำให้ผมรู้สึกมีความสุข ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลากับเขาผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกจริงๆ

     

     

     

    แต่คนเราเวลาสุขมันก็สุขจนถึงที่สุด จนลืมไปว่าหากวันหนึ่งตกลงมาจากความสุขจุดนั้น

     

     

     

     

    มันจะเจ็บปวดแค่ไหน?

     

     

    บ้านใหม่ที่ผมมาเช่าอยู่ สภาพค่อนข้างดี อยู่คนเดียวได้สบายๆเพราะทำงานเก็บเงินจากร้านพี่ชานมีได้พอสมควร แม้จะไม่หรูหราสะดวกสบายเหมือนบ้านของเทา




    แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีอีกครั้ง...

     

    ส่วนงานใหม่ก็ทำงานเป็นพนักงานเช็คสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ทำหน้าที่เป็นเหมือนเบ๊เขาทุกอย่าง แต่ก็ยังดีที่ถือว่าเขาเมตตารับเข้าทำงาน

     

    ทั้งๆที่ตำแหน่งที่เขารับคือแคชเชียร์ แต่เพราะรู้ว่าผมพูดไม่ได้ เลยรับให้ทำหน้าที่อย่างอื่นแทน

     

     

    เป็นงานที่ทำแล้วไม่คุ้มเงิน...

     

     

    งานหนักแต่เงินน้อย

     

     

    แล้วผมมีสิทธิ์ที่จะเกี่ยงด้วยหรอ?

     

     

     

    ด้วยความที่พื้นฐานผมเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายไม่เคยเลือกมาก ทำให้ตอนนี้แม้ชีวิตจะเหงาไปบ้าง แต่ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง

     

    หลายครั้งที่ผมคิดถึงอาหารฝีมือม๊า คิดถึงเวลาเล่นกับเทา คิดถึงเวลาได้พูดคุยกับพี่ชานมี

     

     

    คิดถึงเสียงทุ้มที่อบอุ่นของชานยอล...

     

     

     

    ทุกครั้งที่คิดถึงชานยอล ผมต้องพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ฟุ้งซ่าน ยิ่งคิดถึงเขามากเท่าไร มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า คำว่ารักที่เขาให้ผม มันเป็นแค่เพียงความเข้าใจผิดของตัวเขาเอง

     

    คนที่เขารัก คงไม่ใช่ผม

     

    ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจ็บปวด ตอนแรกที่ยังไม่เจอเขาผมก็มีชีวิตเรื่อยๆของตัวเอง แต่พอเจอเขา ทุกอย่างมันกลับรวนไปหมด

     

     

    แค่ไม่มีเขาซักคน ความอบอุ่นที่เคยมีในหัวใจ ตอนนี้มันกลับอันตรธานหายไปหมดสิ้น

     

    แค่เพียงเขากลับไปหาคนของเขา คนที่เขารักมาตั้งแต่ต้น คนที่เขามีอดีตด้วยกันมาก่อน อย่างลู่ฮาน

     

    แค่ทุกอย่างมันกลับเข้าสู่สภาพเดิม กลับสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น ไม่เห็นมีอะไรต้องเสียใจเลย

     

     

    “แบคฮยอน นายเช็คของยังไงฮะ!!! ทำไมมั่วซั่วแบบนี้ เอากระดาษชำระมาวางบนชั้นของกิน อยากโดนไล่ออกหรอ?” คุณลุงเจ้าของร้านเดินเข้ามาปาม้วนกระดาษชำระใส่หน้าผม

     

    พร้อมกับชี้หน้าด่าอย่างคนกราดเกรี้ยว ทั้งที่ความจริงแล้ว มันอาจจะเป็นลูกค้าก็ได้ที่เอามาวางไว้ผิดที่

     

    ผมไม่โง่ถึงขั้นเอากระดาษชำระไปวางชั้นของกินหรอกนะ...

     

     

    จะหวังให้ทุกคนใจดีเหมือนพี่ชานมีคงไม่ได้ ข้อนี้ผมรู้ดี คนเราในสังคม ไม่ดีก็เลว อยู่ที่ว่าโลกจะหมุนให้เรามาเจอคนประเภทไหนก็เท่านั้น


    ผมก้มหัวขอโทษเจ้าของร้านเป็นสิบๆครั้ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงซักนิด หากแต่เสียงเตือนของประตูอัตโนมัติก็ดังขึ้น

     

    “ยินดีต้อนรับครับ” ลุงเจ้าของร้านหันกลับไปกล่าวกับลูกค้าหนุ่มที่เดินเข้ามาใหม่ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

     

    เปลี่ยนสีไวเหลือเกินนะลุง!!!

     

    ผมก็ได้แต่ประจำอยู่ที่เคาเตอร์ หวังว่าลูกค้าคนนี้จะมองราคาสินค้าที่โชว์อยู่ที่เครื่องคิดเงินโดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไร

     

    ลูกค้าคนนี้มีผิวสีเข้มดูสะดุดตา ผมสีดำเหลือบน้ำตาลส่งผลให้ผิวของเขาดูสุขภาพดีแบบหนุ่มเอเชีย เวลาใบหน้าของเขาจดจ่ออยู่กับการเลือกสินค้าดูมีเสน่ห์ไม่น้อย

     

    ยิ่งตอนที่เขาหยิบสินค้าอย่างเดียวกันแต่คนละยี่ห้อมาเปรียบเทียบยิ่งทำให้ผมยิ้มออกมาง่ายๆ ชั่งน้ำหนักด้วยมือสองข้างอย่างง่าย แล้วก็ดูราคา

     

    ก่อนจะเห็นว่าอีกยี่ห้อแพงเกินจริงจนเขาต้องวางมันกลับชั้นดังเดิม เขาเดินวนไปมาอยู่ในร้านเกือบสิบห้านาที สุดท้ายก็เดินหน้านิ่งมาที่เคาน์เตอร์

     

    ผมใช้เครื่องยิงบาร์โค้ดอย่างคล่องแคล่วเพื่อสแกนราคาสินค้า ก่อนจะหยิบทุกอย่างใส่ถุงแล้วรับเงินจากลูกค้าหนุ่ม

     

    แต่เขากลับยื้อธนบัตรที่กำลังส่งให้ผมเอาไว้ พอมองหน้าเขากลับเจอรอยยิ้มกวนๆส่งมา เจอคนแบบนี้อีกแล้ว...

     

     

    “พี่จำผมไม่ได้หรอ? หรือผมหล่อขึ้น?” คนตรงหน้ายังคงไม่ยอมปล่อยธนบัตรที่อยู่ในมือ แถมยังทักอะไรแปลกๆเหมือนเขารู้จักผมยังไงยังงั้นเลย

     

    ผมได้แต่มองหน้าเขาด้วยแววตานิ่งๆ บ่งบอกว่าผมไม่สนุกกับเกมส์ที่เขากำลังกวนประสาทผมอยู่ หากเขาไม่ส่งเงินให้ผม ผมก็จะคิดราคาสินค้าไม่ได้

     

    ผมจึงออกแรงยื้อธนบัตรในมือของเขา ออกแรงอย่างเต็มที่หวังจะให้เขาปล่อยมือ แต่คนตรงหน้าเหมือนมือทากาว ดึงยังไงก็ไม่หลุดเสียที

     

    “พี่ดึงแรงขนาดนี้ เกิดแบงค์มันแยกเป็นสองส่วนทำไงพี่ ฮ่าๆๆๆ” คนตรงหน้าหัวเราะชอบใจที่เห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นจากผม

     

    ผมถลึงตาใส่เขา จนเขายอมปล่อยมือออกให้ผมได้เก็บเงินเข้าเครื่อง ผมรีบส่งถุงสินค้าใส่มือเขา หวังให้เขาไปให้พ้นๆจากรัศมีร้านนี้เสียที

     

     

    ขอถอนคำพูดได้มั้ยที่เคยบอกว่าเขามีเสน่ห์ นิสัยขี้เล่นจนเกินเหตุทำให้ผมมองเขาติดลบไปแล้ว

     

    แต่คนตรงหน้ากลับไม่รามือ เขาจับมือผมเอาไว้ขณะที่ผมกำลังส่งถุงสินค้าให้เขา ผมออกแรงยื้อให้เขาปล่อยมือแต่ก็ไม่เป็นผล

     

    ผมยังคงถูกมือใหญ่กุมเอาไว้ โดยที่เจ้าตัวก็ยังคงยิ้มทะเล้นแต่แววตากลับแฝงความจริงจังอยู่เต็มเปี่ยม

     

    “พี่จำผมไม่ได้จริงๆด้วย น่าเสียดายจัง งั้นผมใบ้ให้พี่ดีมั้ย?” คนตรงหน้ายังคงเล่นเกมส์กวนประสาทปริศนาไม่เลิก

     

    ผมที่ไม่เคยแสดงอาการกลอกตาใส่ใคร กลับต้องยกมาใช้กับเขาคนนี้



    “เราเคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆไง พี่ชอบเรียกผมว่าที่รักด้วยนะ พอจะจำที่รักคนนี้ของพี่ได้รึยัง?” คนตรงหน้ายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้

     

    ใกล้จนสัมผัสลมหายใจของกันและกัน...

     

     

    งั้น.....เขาก็คือ........

     

     

     

     

     

     

    ไอ้เด็กตัวน้อยของผมน่ะหรอ?

     

    ----------------100%-------------

     


    [คุยกับไรท์เตอร์]

    อย่าค่ะ อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรมา ฮ่าๆๆๆ

    ลงครบร้อยเปอร์เซนต์แล้วนะ เย้ๆๆๆ

    ทุกคนดูจะอินกับพี่ลู่มาก

    ต่างก็ก่นด่า สาปแช่งสารพัด

    อย่าเพิ่งเผาพริก เผาเกลือใส่พี่ลู่นะ


    ตอนแรกตั้งใจว่าฟิคเรื่องนี้ลิมิตคงอยู่ที่ 20 ตอน

    แต่ดูท่าว่าคงจะเกินแล้วล่ะค่ะ

    เอาเป็นว่ามันยังเหลือเรื่องราวอีกมากมาย

    ไรท์ตอบไม่ได้จริงๆว่าแบคจะหายมั้ย?

    รีดเดอร์ต้องรออ่านเองนะคะ แต่ไรท์แพลนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

    ยินดีด้วยที่ทุกคนจะได้อ่านมันจนจบ วี้ดวิ้ว!!!

    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!


     

     

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย




     

     

     

     









     
     
     
     
     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×