ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #22 : Silently XIX::ถ่านไฟเก่า [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.26K
      7
      8 ส.ค. 56

    Silently XIX

    ถ่านไฟเก่า

    Author: Wi Lyn



     



     





     

     

    สองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอชานยอล สองอาทิตย์เต็มๆ

     

    โทรไปหาก็ไม่รับสายซักครั้ง บางทีก็ตัดสายทิ้ง ข้อความส่งไปเป็นสิบก็ไม่ได้รับตอบกลับ

     

    จนเริ่มท้อ...

     

     

     

    “มันไปไหนของมันนะ ปกติมันไม่เป็นแบบนี้นะแบคฮยอน เวลามันจะไปไหนไกลๆมันบอกพี่กับแม่ตลอด แล้วครั้งนี้มันหายไปสองอาทิตย์ มันยังไม่ตายใช่มั้ยเนี่ย?” ระหว่างรอเปิดร้านผมก็ยังคงมือระวิงกับการกดโทรศัพท์ต่อสายหาชานยอล

     

    พี่ชานมีเองก็บ่นเช่นกัน ชานยอลไม่กลับบ้านมาสองอาทิตย์ ไม่มีการแจ้งว่าจะไปไหน หายไปดื้อๆ

     

    จนผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขา...

     

    ตอนนี้บอกได้เลยว่าไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้น ห่วงเหลือเกินว่าจะเกิดอันตรายกับคนตัวสูง

     

    พี่ชานมี ชานยอลเขาก็ไม่ติดต่อคุณแม่เหมือนกันหรอครับ? เพราะขณะนั้นผมกำลังถือโทรศัพท์อยู่จึงเลือกที่จะพิมพ์ข้อความแล้วส่งให้พี่ชานมีแทนการพูด

     

    เวลานี้เหนื่อยใจเกินกว่าจะทำอะไรจริงๆ

     

    “ไม่เลยนะ ถ้ามันโทรมาแม่ก็ต้องบอกพี่สิ เพราะตอนนี้ทั้งบ้านเขาก็ห่วงมันแทบแย่ นี่เมื่อวานโค้ชเขาโทรมาตามมันแล้วนะ ต้องไปเก็บตัวแล้วมันไปมุดหัวที่ไหนนะ” พี่ชานมีบ่นอย่างหัวเสียแล้วก็เดินเข้าครัวไป

     

     

    นั่นสินะ...

     

    อะไรจะสำคัญถึงขนาดทำให้ชานยอลไม่ไปเก็บตัววันแรก นักฟุตบอลทีมชาติที่เขาใฝ่ฝัน อะไรที่ทำให้เขาลืมหน้าที่และความฝันของตัวเอง

     

     

     

    สิ่งนั้นคงสำคัญกับเขาไม่น้อย...

     

     

     

     

     

     

    บางสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับแบคฮยอน....








    กรุ๊ง กริ๊ง

     

    เสียงกระดิ่งที่ติดเอาไว้เตือนพนักงานในร้านว่ามีลูกค้าเข้ามาดังขึ้น ผมหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นกลุ่มเพื่อนของชานยอล

     

    คริส แล้วก็จงแด

     

     

    ผมเดินยิ้มเข้าไปหาทั้งสองคนที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร

     

    เป็นอะไรกัน ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ? สมุดจดรายการอาหารถูกหยิบขึ้นมาใช้

     

    “เหลือกันสองคนแบบนี้แล้วมันใจหายน่ะ เมื่อก่อนไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆดูตอนนี้สิ” จงแดเป็นฝ่ายตอบคำถาม ก็จริงนะ พวกเขาคงจะคิดถึงช่วงเวลาตอนที่เซฮุนยังอยู่

     

    “มันเป็นคนเดียวที่ทะเลาะกันแล้วไม่เคยโกรธมันลง” จงแดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่น พลางสูดจมูกเพื่อกลั้นสะอื้น

     

    คริสตบบ่าจงแดเบาๆแล้วพูดปลอบใจ “มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ เซฮุนมันจะไม่สบายใจนะ”

     

    “เออ แบคฮยอน ว่าแต่ไอ้ชานยอลมันยังไม่กลับจากทะเลอีกหรอ?” ผมขมวดคิ้วมุ่นทันทีกับประโยคคำถามต่อมาจากคริส

     

     

    ทะเล...

     

     

    ชานยอลไปทะเล...

     

     

    “อ้าว มันไม่ได้บอกก่อนหรอ? ว่ามันจะไปน่ะ” ผมส่ายหัวทันที แสดงว่าคนในบ้านก็ไม่มีใครรู้เลยสินะ

     

    ชานยอลไปคนเดียวไม่อันตรายแย่หรอ? ผมเขียนใส่กระดาษแล้วส่งให้คริสอีกครั้ง

     

     

    น่าแปลกที่ทำไมผมถึงใจเต้นขนาดนี้ ทำไมต้องรู้สึกโหวงๆภายในช่องท้อง

     

    มือไม้ก็สั่นคล้ายกับคนกลัวคำตอบ...

     

     

     

     

     

     

     

    กลัวว่าชานยอลจะไม่ได้ไปคนเดียว...

     

     

     

     

    “มันไม่ได้ไปคนเดียวนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มันไปกับ ลู่ฮาน



     

    ----------------20%------------


     

     

    Chanyeol Part

     

    “เซฮุน ไปเล่นน้ำตรงนู้นกัน ไปเร็วๆ” ลู่ฮานวิ่งเข้ามาหาผมอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะทั้งฉุดทั้งลากให้วิ่งตามไปยังชายหาด

     

    ผมได้แต่ตามใจเขาไป ยอมผ่อนแรงเพื่อให้เขาลากผมอย่างไม่รู้สึกลำบาก ก่อนคนตัวเล็กจะผลักผมลงไปในน้ำ

     

    ทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียหลักล้มลงตูมจนน้ำแตกกระจาย ผมลุกขึ้นอย่างไว แล้วไอสำลักน้ำทะเล

     

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เซฮุนตลกอ่ะ หน้าเมื่อกี้ เสียดายถ่ายรูปไม่ทัน” ลู่ฮานที่พอเห็นผมสำลักแทนที่จะช่วยกลับยืนหัวเราะร่าน้ำตาเล็ด

     

    ผมเห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็วักน้ำแกล้งใส่ ทำให้เกิดสงครามน้ำทะเลที่สาดกันไปมาระหว่างเราสองคน

     

     

     

    เล่นน้ำด้วยกันจนเหนื่อยผมก็ตัดสินใจลากลู่ฮานกลับเข้าที่พัก พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเราสองคนก็ออกไปหาข้าวเย็นทาน

     

     

    เมนูวันนี้ว่าแน่นอนต้องเป็นอาหารทะเล มาทะเลทั้งทีนี่นา ^^

     

    “ลู่ฮาน กินปูมั้ย? เดี๋ยวแกะให้” ผมถามคนตัวเล็กข้างๆที่กำลังนั่งจิ้มปลาหมึกเข้าปาก

     

    ลู่ฮานพยักหน้าแล้วก็เคี้ยวปลาหมึกตุ้ยๆจนแก้มสองข้างพองอย่างน่ารัก ก่อนจะชี้ไปที่กุ้งแล้วก็หอย พลางขอให้ช่วยแกะให้

     

    “เซฮุน เอากุ้งตัวนั้น ตัวนั้นใหญ่ที่สุด” ลู่ฮานชี้นิ้วไปที่บรรดากุ้งที่นอนรวมกันอยู่ แล้วสั่งให้ผมแกะตัวที่ใหญ่ที่สุดให้

     

    “เซฮุนน่ารัก แบบนี้ไงลู่ฮานถึงรัก” คนตัวเล็กยิ้มมีความสุข ก่อนจะหอมแก้มผมเบาๆแล้วหันไปสนใจอาหารทะเลตรงหน้าต่อ

     

     

     

     

     

     

    ไม่ผิดหรอกครับ... ปาร์คชานยอล กลายเป็น โอเซฮุน ในสายตาของ เสี่ยวลู่ฮานไปแล้ว


     

    ------------30%----------



     

     

    สองวันหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของเซฮุน

     

    ผมยังคงทำหน้าที่ของเพื่อนที่ดีในการช่วยเหลือภายในงาน สิ่งใดที่พอจะแบ่งเบาคุณแม่ของเซฮุนได้ผมก็เต็มใจทำ

     

    แม้แววตาสับสนของแบคฮยอนที่มักจะส่งมาที่ผม ทำให้ผมเป็นกังวล ผมรู้ว่าเขาไม่เคยมั่นใจ ไม่มั่นใจในความรู้สึกของผมและของตัวเขาเอง

     

     

    แต่เวลานี้ ผมเองก็เป็นห่วงลู่ฮานไม่น้อย ลู่ฮานเหมือนตุ๊กตาเข้าไปทุกวัน สิ่งที่ทำมีเพียงแค่ทอดสายตาออกไปอย่างไร้จุดหมาย แววตาว่างเปล่าคล้ายคนไม่มีชีวิต

     

     

    เวลาแบบนี้ ผมควรที่จะทิ้งให้เขาเผชิญกับความเสียใจอยู่เพียงลำพังน่ะหรอ?

     

     

     

    อย่างน้อย.....เราสองคนก็เคย รักกัน

     

    “ลู่ฮาน ลู่ฮานๆๆ” ผมใช้ทั้งความพยายามและความอดทน ในการเรียกชื่อและสะกิดลู่ฮาน

     

     

    เขาแทบจะไม่ตอบรับเลยสักครั้งถ้าผมไม่ใช้ไม้แข็ง ด้วยการอ้างชื่อคนที่จากไป

     

    “ลู่ฮาน เซฮุนเรียกอยู่นะ” แค่เพียงได้ยินชื่อของคนๆนั้น ร่างกายก็ตอบสนองอัตโนมัติ

     

    “เซฮุนเรียกเราหรอ? ทำไมๆๆๆๆๆ” ผมยิ้มให้บางๆแล้วก็จับมือเล็กสองข้างพยุงให้ลุกขึ้น

     

    “เซฮุนให้กลับบ้านได้แล้ว กลับบ้านกันนะ” ลู่ฮานพยักหน้ารัวๆอย่างดีใจ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นแล้วก็ฮัมเพลงในลำคอ
























    ความผิดพลาดอย่างแรกคือ ผมเอาชื่อเซฮุนมาอ้างทุกครั้ง ยามที่ต้องการให้ลู่ฮานเชื่อฟัง

     

    ความผิดพลาดอย่างที่สอง คือ ผมทำให้ลู่ฮานไม่สามารถหลุดออกจากวงโคจรของความเสียใจ ผมทำให้ลู่ฮานไม่ยอมรับว่าเซฮุนของเขาจากไปแล้ว

     

    และความผิดพลาดอีกอย่างคือ ผมทำให้ตัวเองกลายเป็นโอ เซฮุน แทนที่จะเป็น ปาร์ค ชานยอล

     

     

     

    “เซฮุน ลู่อยากไปเที่ยวทะเล ไปทะเลกันนะ เอาที่ๆเราไปด้วยกันคราวก่อนไง ดีมั้ย?” ลู่ฮานกอดแขนผมแล้วก็แกว่งมันไปมา ราวกับเด็กน้อยเวลาต้องการของเล่นชิ้นใหม่

     

    แต่เพราะผมไม่ใช่เซฮุน ผมจะไปมีความทรงจำกับการไปทะเลครั้งนั้นของพวกเขาสองคนได้ยังไง?

     

    “เอ ว่าแต่...ที่ๆเราไปคราวก่อนนี่ ที่ไหนกันน๊า? ไม่รู้ว่าคนแถวนี้จำได้รึเปล่า?” ผมใช้อุบายเพื่อหลอกถามถึงสถานที่นั้นๆ

     

     

    ลู่ฮานเชิดหน้าขึ้น พร้อมกับสีหน้ามั่นใจว่าตนเองจำได้ไม่ลืม “แน่นอนสิ ลืมได้ยังไง เกาะเชจูไง”

     

    ผมพยักหน้าให้เขาอย่างเข้าใจ ไม่เคยรู้ว่าสองคนนี้เอาเวลาไหนไปเที่ยวด้วยกัน...

     

     

    “อยากไปหรอ? แต่ว่าเราไม่ว่างนะ ต้องไปเก็บตัวทีมฟุตบอลไง ลืมไปแล้วหรอ?” ผมลูบหัวเขาเบาๆเพื่อปลอบใจ

     

    เพราะลู่ฮานทำหน้างอตั้งแต่ประโยคที่ผมบอกเขาว่าไม่ว่าง

     

    “เซฮุน เล่นฟุตบอลที่ไหนกัน มั่วแล้ว อย่ามาโกหกเรานะ ถ้าไม่พาไป เราจะไปคนเดียว จะกระโดดน้ำตายเลย คอยดู” เพราะสีหน้าจริงจังของเขา ทำให้ผมหวั่นว่าหากผมปฏิเสธเขาจะทำอย่างที่ว่าจริงๆ

     

    “โอเคๆๆๆ อยากไปเมื่อไร? เดี๋ยวเซฮุนคนนี้จะพาไปทุกที่เลย” ยอมเป็นเซฮุนไปก่อนเพื่อให้ลู่ฮานดีขึ้น

     

    คนตัวเล็กร้องดีใจ พลางกระโดดตัวลอย แล้วก็ล็อกคอผมไปกอดเอาไว้ แถมยังพรมจูบลงมาทั่วหน้า ผมได้แต่หัวเราะจั๊กจี้ ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่มากออกมาจากตู้เสื้อผ้า

     

    “เซฮุน กระเป๋าใบนั้นเล็กไป เอาใบใหญ่กว่านี้สิ เราไปกันตั้งหลายวันนะ” ผมหันไปมองหน้าเขาทันที ลู่ฮานวิ่งมากระชากกระเป๋าใบนั้นออกจากมือผม

     

     

    แล้วเจ้าตัวก็ไปเปิดห้องเก็บของ แล้วลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา ผมก็ได้แต่อ้าปากค้าง ผมจะพาเขาไปแค่สองวันเท่านั้นเองนะ สองวัน...

     

    “เอาใบขนาดนั้นไปแค่สองวันเนี่ยนะลู่ฮาน” ผมท้วงทันทีที่เห็นว่ามันเริ่มจะไม่เข้าท่า

     

    คนตัวเล็กหันมามองหน้า แล้วก็หัวเราะคิกคักเหมือนตลกอะไรซักอย่าง

     

    “ใครว่าไปสองวัน ลู่ฮานจะไปสองอาทิตย์ต่างหาก” ผมปล่อยของใช้จำเป็นหล่นจากมือทันทีที่ได้ยินระยะเวลา

     

    จะไปสองอาทิตย์ได้ยังไง ในเมื่ออีกไม่ถึงอาทิตย์ผมก็ต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวนักกีฬา เรื่องนี้ผมคงตามใจเขาไม่ได้...

     

    “ลู่ฮาน เราไปสองอาทิตย์ไม่ได้ บอกแล้วไงว่าไม่ว่างน่ะ” เพราะไม่เข้าใจความคิดของลู่ฮานทำให้ผมเผลอตะคอกใส่เขา




    กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำพลาด ก็ตอนที่เห็นสีหน้าบึ้งตึงไม่พอใจแสดงออกมา พร้อมกับวิ่งไปที่ระเบียง แล้วตั้งท่าจะปีนลงไป

     

    ผมรีบวิ่งเข้าไปคว้าเอวลู่ฮาน ก่อนจะดึงเขาออกจากระเบียงทันควัน คนตัวเล็กยังคงดิ้นไปมาไม่สิ้นฤทธิ์

     

    “ปล่อยนะ เซฮุนขัดใจ เซฮุนขัดใจ บอกแล้วไงว่าจะไปสองอาทิตย์ ทำไมไม่ตามใจกันบ้าง ฮะ!!!” ลู่ฮานดิ้นหลุดจากการเกาะกุม แล้วตั้งท่าจะวิ่งไปที่ระเบียงอีกครั้ง

     

    ผมเข้าไปคว้าเอวเขาเอาไว้ แล้วกอดจนแน่น ปากก็หลุดออกไปดื้อๆว่า สองอาทิตย์ก็สองอาทิตย์

     

    เวลานี้ลู่ฮานดูเหมือนคนขาดสติ แค่เพียงคิดว่าจะทำ ก็ลงมือทันที สมองด้านการไตร่ตรองดูเหมือนจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ

     

    ผมเชื่อว่าเขาจะทำมันจริงๆอย่างที่เขาพูด หากเหตุการณ์เมื่อกี้ ผมวิ่งไปคว้าตัวเขาเอาไว้ไม่ทัน ผมคงต้องเป็นบ้าแน่ๆ

     

     

    ไม่แน่ใจว่าลู่ฮานกำลังป่วย หรือ เพียงแค่กำลังปิดกั้นตัวเองจากโลกของความเป็นจริง

     

     

    หลังจากจัดเตรียมข้าวของกันเรียบร้อย เราสองคนก็พากันมาที่สนามบิน เพื่อบินไปเกาะเชจู เที่ยวบินเวลาเย็น เป็นเที่ยวที่เร็วที่สุด

     

    เร็วจนผมไม่ทันได้ตัดสินใจ ทุกสิ่งทุกอย่างการตัดสินใจเด็ดขาดมาจากลู่ฮานทั้งหมด...

     

     

    ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาแบคฮยอน ตั้งใจจะบอกว่าไปค้างกับคริส แล้วค่อยโทรไปเตี๊ยมกับไอ้คริสทีหลัง

     

    แต่ยังไม่ทันที่จะกดโทรออก ลู่ฮานก็คว้าโทรศัพท์มือถือไปจากผม แล้วกดปิดเครื่องทันที ก่อนจะเก็บมือถือของผมไว้ในกระเป๋าของตัวเอง

     

    “ห้ามโทรหาใครเด็ดขาด เพราะถ้าเซฮุนผิดสัญญา ลู่ฮานจะไม่คืนมันให้เซฮุนอีกเลย” ลู่ฮานพูดแล้วก็เดินจากไป

     

    ผมปล่อยให้ลู่ฮานนั่งรอ แล้วโกหกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ผมกลับเลี้ยวไปอีกทางที่เป็นที่ตั้งของโทรศัพท์สาธารณะ

     

    “เฮ้ย ไอ้คริส กูเองนะเว้ย” ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับ ผมก็กรอกเสียงลงไปทันที

     

    “เออว่าไงมึง แล้วนี่ใช้เบอร์สาธารณะโทรมาทำไมวะ?” คริสเองก็สงสัยไม่น้อย เพราะกว่าเจ้าตัวจะกดรับสายก็ใช้เวลานานโข

     

    “กูจะบอกมึงว่ากูกำลังจะไปทะเลกับลู่ฮานนะ แต่ลู่ฮานยึดมือถือกูไป กูเลยต้องมาใช้โทรศัพท์สาธารณะนี่แหละ” ผมรีบตอบคำถามอย่างคนลิ้นพันกัน

     

    มองไปที่เวลากับจำนวนเงิน ก็พบว่าเงินใกล้จะหมดแล้ว

     

    “เฮ้ย ที่กูโทรหามึงเนี่ย จะบอกว่าอย่าบอกใครนะ ชานมีก็ห้ามบอก เกิดยัยนั่นเอาไม้นวดแป้งฟาดหัวกูทำไง?” เพราะรู้นิสัยชานมีดีว่าต้องคัดค้านกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่แน่นอน

     

    เลยเลือกที่จะไม่บอกเสียดีกว่า...

     

     

    “ฝากบอกแบคฮยอนด้วยว่า กูเป็นห่วงเขานะ” เสียงคล้ายคลื่นรบกวนดังแทรกเข้ามา ก่อนจะได้ยินเสียงคริสที่ขาดๆหายๆ แล้วสุดท้ายสายก็ตัดไป




    ไม่รู้ว่ามันได้ยินประโยคสุดท้ายหรือเปล่า.....

     

     

     

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นานผมกับลู่ฮานก็มาถึงเกาะเชจู

     

     

     

     




    ใช้ชีวิตโดยการนึกถึงคนอื่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากต้องเสียสละตัวเองเพื่อใครซักคนจนเสียความเป็นตัวเอง ก็ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเช่นกัน

     

    ห่วงลู่ฮานจนลืมนึกถึงความรู้สึกของใครอีกคน...

     

    คนที่ไม่เคยมั่นใจในความรักของผม แทนที่จะพิสูจน์ให้เขามั่นใจ ผมกลับเลือกที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของคำพูดตัวเองทีละนิด

     

     

     

    สุดท้าย คนที่ต้องเสียใจ

     

     

     

     

     

     

    อาจจะต้องมีมากถึง สามคน...


     

    -------------70%-----------



     

     

    Luhan Part

     

     

     

    อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัว ซึ่งก็จริง...

     

     

     

    บอกใครเขาก็คงต้องถูกตราหน้าว่า คนเห็นแก่ตัว

     

     

     

    แต่ถ้าเห็นแก่ตัวแล้วไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันก็ต้องดีกว่าเป็นคนดีแล้วไม่มีใครสน

     

     

     

     

    ไม่ใช่หรอ?

     

     

    หลังจากทานมื้อเย็นกับ ชานยอล แล้ว ผมเองอยากจะเดินเล่นที่ชายหาดอีกซักพัก เลยบอกให้ชานยอลที่ดูท่าทางเหนื่อยอ่อนไปพักผ่อนก่อน

     

     

    รู้สึกดีที่ยังรู้ว่าชานยอลยังคงเป็นห่วงอยู่เสมอ คงเพราะเขากลัวว่าผมจะทำอะไรสิ้นคิดสินะ หากเขารู้ความจริงว่าทุกสิ่งเป็นเพียงแค่การแสดง

     

     

     

    การแสดงเพื่อยื้อสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง

     

     

     

    เขาจะยังหลงเหลือความรู้สึกดีๆไว้ให้ผมมั้ย?

     

     

    ทะเลของที่นี่กว้างใหญ่จริงๆ ท้องฟ้าสีดำสนิทที่สาดลงมากระทบยังผืนน้ำ ทำให้เวลานี้ ทะเลเบื้องหน้าดูน่ากลัวเกินกว่าจะดูสวย

     

    ดวงจันทร์ที่เวลานี้ไม่จำเป็นต้องเมื่อยคอเพื่อแหงนมองดู กำลังสะท้อนอยู่บนผืนน้ำที่เปรียบเสมือนท้องฟ้าผืนที่สอง

     

     

    อยู่คนเดียวทีไร ความทรงจำเก่าๆก็มักจะไหลวนเข้ามาในห้วงความคิดเสมอ ความทรงจำที่ไม่ว่าจะลบมันทิ้งเช่นไร ก็ไม่เคยทำได้เลยซักครั้งเดียว

     

    มองไปรอบตัวเวลานี้ กลับไม่พบเจอใครซักคน สองแขนได้แต่กอดตัวเองเอาไว้ ลมทะเลยามค่ำคืนทำให้ขนแขนลุกชัน เพราะความหนาวกำลังเล่นงาน

     

     

    หากเป็นตอนที่เซฮุนยังอยู่ เขาจะเป็นคนโอบกอด

     

    อ้อมกอดของเขาต่อให้อยู่ในขั้วโลกมันก็ยังคงความอบอุ่น...

     

     

    จู่ๆน้ำตาก็ไหลลงมา จากที่เคยคิดว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลือจะให้ไหล เวลานี้กลับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เสียน้ำตาไม่รู้ตั้งเท่าไร

     

     

    มองไปที่หาดทราย พลางนึกถึงวันเวลาที่เคยมาเที่ยวกับเซฮุน

     

    คนตัวสูงใช้กิ่งไม้ที่ตกอยู่มาขีดๆเขียนๆที่ทราย ข้อความที่แม้จะโดนคลื่นซัดสาด แต่มันยังคงแจ่มชัดในความรู้สึก

     

     

    세훈 & 루한

     

    มองไปข้างตัวก็เห็นกิ่งไม้ตกอยู่ มือเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา ทำเช่นเดิมกับที่เซฮุนเคยทำ

     

    ข้อความเดิมๆ

     

    ต่อให้พยายามกระเถิบเขียนมันขึ้นมาสูงเท่าไร คลื่นก็ยังคงตามมาซัดจนมันหายไปทุกครั้ง

     

    หงุดหงิดจนต้องเขวี้ยงกิ่งไม้นั้นทิ้งลงกับพื้น นึกโมโหคลื่นบ้าบอที่เอาแต่ซัดขึ้นมา

     

    ทั้งๆที่ทุกสิ่งที่ทำหน้าที่ของมันเช่นเดิมทุกๆวัน...

     

     

    รู้ตัวเสมอว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันผิด แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทู่ซี้ทำสิ่งนั้นจนกลายเป็นเพิ่มความเสียใจให้กับตัวเอง

     

    โทรศัพท์มือถือของชานยอลในกระเป๋ากางเกงของผมยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าไม่เคยหยุดเลยจะง่ายกว่า

     

    ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของชานยอล หรือพี่ชานมี แม้กระทั่ง บยอนแบคฮยอน

     

    ผมกดตัดสายของเขาทิ้งทุกครั้ง อ่านข้อความทุกตัวอักษรแต่เลือกที่จะไม่บอกชานยอล เวลานี้หากตัวเขาอยู่กับผม  ถึงแม้ใจจะไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาคิดถึงใคร

     

     

     

     

    ในเมื่อลงทุนแสดงละครหลอกเขาขนาดนี้แล้ว คำว่าคนดี ก็สะกดไม่เป็นตั้งแต่วันที่นอกใจชานยอล ขอเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเองซักครั้ง

     

     

     

    มันจะผิดมากมั้ย?

     

     

     

    หลอกชานยอลว่า ผมกำลังคล้ายคนบ้า คนบ้าที่เรียกคนอีกคน ด้วยชื่อของคนอีกคน

     

    ปฏิบัติกับคนอีกคน เหมือนเป็นคนอีกคน ทั้งหมดเพียงก็เพื่อ ให้มีใครซักคนอยู่เคียงข้างกาย

     

    หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ ดูท่าคำนี้จะจริง...

     

     

     

    เก้าอี้ไม้ตัวเดิมที่ยังคงวางอยู่ที่เดิม เก้าอี้ตัวที่ผมกับเซฮุนเผลอหลับไปด้วยกัน จนรุ่งเช้า

     

    เก้าอี้ที่มีร่องรอยของความทรงจำ ทั้งความทรงจำที่มองไม่เห็น และความทรงจำที่มองเห็น

     

     

    -Be With You- คำนี้เซฮุนใช้มีดสลักมันเอาไว้

     

     

    มือของผมลูบไปที่ตัวอักษรพวกนั้น เหมือนกับจะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ไหนเขาบอกว่าจะอยู่ด้วยกัน แล้วตอนนี้เขาทิ้งผมแบบนี้ได้ยังไง?

     

    ทิ้งให้ผมต้องอยู่คนเดียวได้ยังไง?

     

     

    ผมล้มตัวลงนอนที่เก้าอี้ไม้ตัวเดิม ใบหน้าซุกลงกับประโยคที่เซฮุนแกะสลักเอาไว้ เหมือนกอดต่างหน้า หลับตาลงพร้อมกับอธิษฐานกับดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า

     

     

    ขอให้พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วลูกได้พบกับเซฮุนด้วยเถิด

     

     

    ร้องขอสิ่งที่รู้ว่าใครหน้าไหนก็ให้ไม่ได้ เห็นแก่ตัวเสมอ...

     

     

    บางที.....ก็อยากจะบ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยเหมือนกัน



    --------------100%------------



     

    [คุยกับไรท์เตอร์]


    100% แล้ว ลั้ลลาค่ะ ^^

    คือสารภาพว่า 30% ที่เหลือในตอนแรกมันเยอะกว่านี้

    แต่ไรท์ตัดออกไป เพราะอยากให้มันดูค้างๆเอาไว้ก่อน

    อย่าเพิ่งด่าพี่ลู่เลยนะ คนเราเวลาพบเจอกับความเสียใจ

    เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง คนเราก็มักจะสร้างโลกเล็กๆที่มีแต่ความสุขขึ้นมา

    เพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งที่พบเจอ

    พี่ลู่ก็แบบนั้นแหละค่ะ

    จากที่เคยบอกไว้ว่าจะมีตัวละครใหม่ในอีกสองตอน

    คงต้องเลื่อนไปก่อน เนอะ!!!

    ตอนนี้ฟีลสามเส้าเราสามคน กำลังมา


    ขอบคุณอีกครั้งกับคอมเม้นที่มีให้กันเสมอมานะคะ

    ทุกครั้งที่ได้นั่งอ่านคอมเม้นจากรีดเดอร์ มันเต็มตื้นจริงๆค่ะ

    เห็นหนึ่งคอมเม้นก็มีแรงเขียนเพิ่มอีกหนึ่งตอนทุกครั้งเลย

    ช่วงนี้ฝนตกบ่อย อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะ


    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!



    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย





    โบนัสชานแบควันนี้!!!

     

     

     

     

     
     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×