ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #15 : Silently XII::มาก่อน VS มาทีหลัง [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.81K
      16
      8 ส.ค. 56

    Silently XII

    มาก่อน VS มาทีหลัง

    Author: Wi Lyn


     



     

     

    เคยได้ยินไหม?   มาก่อน มีสิทธิ์ก่อน...

     

     

     

     

    “พี่ ทำไงดีวะ ไม่กล้าไปให้แบคฮยอนเห็นหน้าเลยอ่ะ คือแบบ...จริงๆก็พอจะเดาได้นะว่าแบคฮยอนจะปฏิเสธ แต่ไม่คิดว่าเขาจะใจแข็งกับผมแบบนี้ นี่ขนาดบอกว่าเลิกกับลู่แล้ว เขายังบอกว่าไม่เกี่ยวกับเขาเลย” ตอนนี้เพื่อนทุกคนยกเว้นเซฮุนมารวมตัวกันที่ร้านชานมี

     

    หลังจากวันนั้นที่แบคฮยอนปฏิเสธผมไป ผมก็ไม่กล้าไปให้เขาเห็นหน้าหนึ่งอาทิตย์เต็มๆเลย ไม่ใช่ว่าถอดใจนะ แต่แค่กลับมาตั้งหลักเฉยๆอ่ะ

     

    “ทีตอนจีบลู่ฮาน กูไม่เห็นมึงดิ้นขนาดนี้เลย เป็นเอามากนะมึงอ่ะ” จงแดแซวขึ้นมา แล้วแม่งจะพูดถึงลู่ฮานทำไมวะ?

     

    หลังจากวันนั้นที่ลู่ฮานไปดักรอผมที่บ้านเทาแล้วเป็นลมไป ผมก็พาเขาไปส่งที่บ้าน แล้วส่งข้อความหาเซฮุนบอกว่าลู่ฮานไม่สบาย

     

    แล้วจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้เจอลู่ฮานเหมือนกัน ไม่โทรมา ไม่มีข้อความ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

     

    “มึงแม่งแย่งกู” คริสยังคงพูดคำเดิมซ้ำไปมาตั้งแต่รู้ว่าผมบอกรักแบคฮยอน ทำให้โดนเพื่อนๆหันมาหัวเราะ

     

    “เออ กูมีเรื่องจะเม้าท์ ว่าจะเล่านานละ กูก็ลืม” เทาเป็นฝ่ายเปิดประเด็น ใช้คำว่าเม้าท์เหมือนพวกกูเป็นเพื่อนสาวเลยนะ

     

    “วันที่มึงมาหาไอ้หมาครั้งล่าสุดอ่ะ จำได้ใช่ป้ะ?” เทาหันมาชี้นิ้วใส่ผมแล้วก็ถามว่าจำได้มั้ย?

     

    จะให้กูลืมหรอ? วันนั้นไอ้หมาของมึงปฏิเสธกูนะ...

     

    “พอมึงกลับไปได้ซักพัก กูก็เปิดอีเมลไอ้หมาดูเว้ย ทีนี้มีเมลนึงเข้ามาเป็นวิดีโอคลิป” เทามันเล่าออกท่าทางมาก เล่นเอาผมลุ้นตัวโก่งว่าเรื่องที่จะบอกคืออะไร

     

    “เป็นวิดีโอจากผู้ชายคนนึง เรียกไอ้หมาแบบสนิทโคตร น่าจะรู้จักกันมานานอ่ะนะ หน้าตาแม่งน่ารักด้วย แต่ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้นเว้ย” เทาว่าพลางกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปฟังใกล้ๆ

     

    “มันบอกว่าจะกลับจากเมืองนอก คิดถึงไอ้หมามาก จะกลับมาเอาคำตอบ” ผมขมวดคิ้วทันที ไอ้เทานี่มันจะลีลาอีกนานมั้ยวะ? อยากรู้ใจจะขาดแล้ว

     

    “มันบอกว่า เป็นแฟนกันนะ” พอเทาเล่าจบเท่านั้นแหละ ผมก็ตัวแข็งทันที นี่กูยังมีมารหัวใจอีกตัวหรอวะ?

     

    “แล้วแบคฮยอนว่าไงอ่ะ?” ผมที่กำลังตั้งสติอยู่ ชานมีเลยเป็นฝ่ายถามแทน

     

    “ไอ้หมาก็ไม่พูดอะไรนะพี่ แต่สีหน้ามันก็ไม่ค่อยดีอ่ะ แต่ผมว่าไอ้หมอนั่นมันหาไอ้หมาไม่เจอหรอก” พอเทาพูดจบเสียงกริ่งหน้าประตูร้านก็ดังขึ้น

     

    ทำให้ทุกคนที่กำลังสุมหัวคุยกันนั้นต้องหันไปมอง ไม่มีใครสนใจบุคคลผู้มาใหม่ยกเว้น จื่อเทา

     

    “มึงเป็นอะไรเนี่ย จะทดสอบว่าตามึงจะโตได้กี่เซนต์หรอ?” จงแดหันไปตบกบาลเทาหนึ่งที

     

    “เมื่อกี้ขอถอนคำพูดได้ป้ะ ที่บอกว่าไอ้หมอนั่นมันจะหาไอ้หมาไม่เจออ่ะ” ทุกสายตาหันกลับมามองมันอีกครั้ง พูดอะไรไม่เคลียร์ตลอดอ่ะ

     

    “อะไรของมึงวะเทา พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยดิ” เทาไม่ตอบอะไรแต่ชี้ไปที่ผู้ชายที่เข้ามาใหม่

     

    “ไอ้นั่นแหละ คนที่ส่งวิดีโอมาหาไอ้หมา คนที่ขอไอ้หมาเป็นแฟนอ่ะ ยืนอยู่หลังมึงเลยไอ้ยอล” พอจบคำพูดของเทาเท่านั้นแหละ จากที่ไม่มีใครสนใจผู้ชายคนนั้น

     

    ต่างก็หันขวับคอแทบเคล็ดไปมองทันที

     

     

     

     













    “สวัสดีครับ ผมมาตามหา บยอนแบคฮยอน” 

    --------------20%-------------


     

     

    บรรยากาศรอบโต๊ะที่มีสมาชิกนั่งอยู่เพียงแค่ 4 คน คือ ชานมี เทา และผม นั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนไอ้หน้าหวานนั่งฝั่งตรงข้าม

     

    ผมนั่งจ้องหน้ามันเพื่อประกาศสงคราม ดูก็รู้แล้วว่ามันเป็นคนเจ้าเล่ห์ แบคฮยอนไปรู้จักกับมันได้ยังไงเนี่ย? ส่วนมันก็จ้องหน้าผมกลับแถมยังยักคิ้วกวนเบื้องล่างอีกต่างหาก

     

    ผมกับมันนั่งตรงข้ามกันก็ทำสงครามเย็นทางสายตา ก่อนชานมีจะเป็นฝ่ายหยิกแขนผมแล้วสั่งให้หยุด

     

    “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ? แล้วรู้จักกับแบคฮยอนมานานรึยังคะ?” ผมรีบหันไปสวนทันที

     

    “พี่จะไปถามทำไม ไม่มีใครอยากรู้ซักหน่อย” ผมพูดแล้วก็กอดอกอย่างเอาแต่ใจ

     

     

    “ผมชื่อ โด คยองซูครับ ตอนที่แบคฮยอนอยู่กับญาติเขา ผมอยู่ข้างบ้านน่ะครับ แล้วเราก็สนิทกันมากกกกกกกกกกกกกก” มันจงใจลากเสียงยาวตรงคำว่ามากใส่หน้าผม

     

    จะเล่นอย่างนี้ใช่มั้ย? ได้...

     

    ไอ้เตี้ย ตาเหลือกที่ชื่อคยองซง คยองซูอะไรเนี่ย มันเล่าว่าเป็นเพื่อนเล่นกับแบคฮยอน แต่มันไปเรียนต่อที่เมืองนอก เลยห่างกันไป แต่ก่อนไป มันขอแบคฮยอนเป็นแฟน มันบอกว่าไว้มันกลับมามันจะมาเอาคำตอบ เฮอะ!!!

     

    กูไม่ยอมให้แบคฮยอนตอบตกลงแน่ๆ

     

    “แบคฮยอนไม่มาทำงานหรอครับ?” ไอ้เตี้ยตาเหลือกหันมาถามชานมีที่ดูเป็นมิตรกับตนที่สุด

     

    “อ๋อ วันนี้แบคฮยอนเขามีเรียนทั้งวันน่ะค่ะ คงไม่มาร้านหรอก” ชานมีตอบด้วยน้ำเสียงหวานจ๋อย

     

    เห็นคนหน้าตาดีเป็นไม่ได้นะยัยนี่!!!

     

    “หรอครับ แล้วทราบมั้ยครับว่าเขาพักที่ไหน?” อยากรู้นักใช่มั้ย...

     

    “ดูปากนะ กู!!! ไม่!!! บอก!!!” ผมตอบไอ้เตี้ยตาเหลือกกลับไปแล้วก็ยักคิ้วให้มันเพื่อยั่วโมโห

     

    แต่มันกลับนิ่งไม่สนใจ ไม่โมโหตามเกมที่ผมอยากจะให้เป็น จากที่จะให้มันร้อนรน กลับเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายโมโห

    “มันอยู่บ้านเรา อยู่กับม๊าเราน่ะ เย็นนี้ไปมั้ย? เดี๋ยวจะพาไปเจอ” คนที่ตอบก็ไม่ใช่ใครหรอก ไอ้เทา ไอ้คนทรยศบ้านเมือง!!!

     

    “เฮ้ยมึง!ไหนมึงว่ามึงเข้าข้างกูไง แล้วทำไมเล่นงี้วะ” ผมดึงแขนเทาเข้ามาใกล้แล้วกระซิบข้างหู

     

    “เอาน่ามึง พามันไปหาไอ้หมา แล้วดูท่าทางไอ้หมา ถ้าไอ้หมาไม่ได้คิดอะไรกับมัน แสดงว่ามึงมีสิทธิ์มากกว่า แต่ถ้าไอ้หมาก็ชอบไอ้หมอนี่ เราก็มาหาทางกันมันออก” เทาที่วางแผนเองเสร็จสรรพกำลังสาธยายให้ผมฟัง

     

    ผมพยักหน้าเล่นตามมันไปก่อน เดี๋ยวค่อยมาวางแผนอีกทีก็ได้

     

    “งั้นเอางี้นะ เดี๋ยวคุณก็นั่งทานขนมที่ร้านไปก่อน พอเย็นเดี๋ยวไปด้วยกัน ไอ้หมาน่าจะเลิกเรียนประมาณ 5 โมงนะ ถ้าผมจำไม่ผิด” คยองซูพยักหน้าทำตามที่เทาบอก

     

    ผมเดินเลี่ยงออกมาส่งข้อความหาแบคฮยอน ว่าจะไปหาที่มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ ให้ออกมาเจอกันหน่อย แต่.......




    ครับ เขาไล่แล้วบอกว่าไม่ต้องมา T_T

     

     

    ผมเลยอดดักหน้าพาเขาหนีเลย ไม่อยากให้แบคฮยอนเจอมันเลย มันรู้จักกับแบคฮยอนก่อน มันสนิทกับแบคฮยอนมาก่อน ถ้าเทียบกับผมแล้ว ก็เหมือนผมมาทีหลัง...

     

    พอผมกลับมาที่โต๊ะก็พบว่าชานมีเข้าครัวไปแล้ว ส่วนเทาก็ไปประจำที่บาร์เครื่องดื่ม ก่อนจะวุ่นวายอยู่กับออเดอร์ ส่วนไอ้สองตัวคริสกับจงแด มันก็แว๊บหนีหายไปไหนไม่รู้

     

    ผมเลยปล่อยให้ไอ้หมอนั่นนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วเดินเลี่ยงมาหาเทา แต่ก็ไม่วายโดนมันเรียกชื่อรั้งเอาไว้ แล้วบอกให้มานั่งคุยกันก่อน

     

    “มีอะไร” ผมตอบเสียงห้วนเพื่อแสดงว่าไม่อยากเสวนาด้วย

     

    “กลัวหรอ?” กลัวอะไรของแก!!! ไอ้เตี้ยตาเหลือกมีอะไรให้กลัว

     

    “นายนี่อ่านง่ายชะมัดเลย ดูก็รู้แล้วว่าชอบแบคฮยอน แล้วที่ไม่ชอบฉันเนี่ย เพราะกลัวจะเสียแบคฮยอนล่ะสิ ช่วยไม่ได้ ก็คนมันมาก่อนนี่นา” มันยักไหล่เหมือนมั่นใจเต็มร้อย

     

    “ฮึ มั่นใจดีนี่ มาก่อนแล้วไงวะ รักแท้แพ้ใกล้ชิด เคยได้ยินมั้ย? เขาไม่เจอนายตั้งหลายปี ไม่คิดว่าใจเขาจะเปลี่ยนบ้างหรอ?” เพราะไม่อยากโดนกวนประสาทอยู่ฝ่ายเดียว ผมเลยเล่นบ้าง

     

    “นั่นก็จริงนะ ไม่เจอกันตั้งนาน ใจแบคฮยอนอาจจะเปลี่ยน แต่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลนี่ เพราะฉันรู้จักแบคฮยอนของฉันดี แค่ทำให้เขารัก ไม่ยากหรอก” ผมขมวดคิ้วมองมันด้วยแววตาจับผิด

     

    ไอ้คนนี้มันนิ่งจนน่ากลัว คนที่เราไม่สามารถอ่านความคิดของเขาได้ คนที่ซ่อนใบหน้าและอารมณ์เอาไว้ใต้รอยยิ้ม ผมว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าคนที่แสดงอารมณ์ออกมาตรงๆเสียอีก อย่างน้อยเราก็รู้ว่าคนพวกนั้นพอใจหรือไม่พอใจ

     

    แต่ไอ้หมอนี่......ยิ้มสู้อย่างเดียว แถมรอยยิ้มมันยังเจ้าเล่ห์

     

     

    พอตกเย็น เทาก็ขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะต้องพาไอ้คยองซูไปหาแบคฮยอน แน่นอนว่าผมต้องตามไปด้วย ไม่มีทางปล่อยให้มันได้ทำคะแนนล้ำหน้าหรอก

     

    พอถึงหน้าบ้านปุ๊บมันก็รีบกระโดดลงจากรถด้วยความไว แล้วยืนจ่อหน้าบ้านทันที เทาหันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูบ้านเข้าไป

     

    “เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวเอาน้ำมาให้ แล้วเดี๋ยวเรียกแบคฮยอนมาคุยด้วย” เทาที่ชวนแขกนั่งลงแล้วก็เดินเข้าห้องครัว ผมเลยต้องรั้งมันเอาไว้ เพราะเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันกำลังช่วยผม

     

    “มึงแน่ใจหรอวะ? ถ้าแบคฮยอน...ชอบ มัน กูจะทำยังไง?” ผมถามเสียงอ่อย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆผมคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว

     

    “มึงยอมแพ้ง่ายไปป้ะวะ? มึงเชื่อกูดิ ทำตามที่กูบอกก็พอ” เทายืนยันกับผมผ่านสายตา ไม่รู้ว่ามันเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน แต่ถ้ามีหนทางให้ได้ลองพยายาม ยังไงก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแน่ๆ

     

     

    เทาไม่ได้บอกความจริงออกไป เพราะเพื่อนสนิทของตนขอร้องเอาไว้ ในวันที่เขาออกไปตามแบคฮยอน สองคนนั่งคุยกันจนเทาเข้าใจหมดทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องที่เพื่อนร่างเล็กของเขาคิดยังไงกับชานยอล

     

    เทาขึ้นไปตามแบคฮยอนที่ชั้นสอง ส่วนคุณแม่ของเทาก็เดินมาเสิร์ฟน้ำกับขนมให้คยองซู

     

    “เพื่อนแบคฮยอนหรอเนี่ย? น่ารักจังเลย ทานรอไปก่อนนะลูก” แม่ของเทาหันมาทางผมแล้วทำท่าชูกำปั้นพร้อมกับขยับปากว่า ไฟติ้งนะลูก ^^



    ผมนั่งที่โซฟาคนละฝั่งกับคยองซู ผมนั่งมองหน้ามัน แต่มันกลับทำลอยหน้าลอยตา มองสำรวจรอบๆบ้านแทนการจ้องตากับผม

     

    ไม่นานแบคฮยอนก็เดินลงมาในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวผ้านิ่มสีน้ำเงิน ขนาดใส่แค่นี้ยังดูน่ารักเลย

     

    แบคฮยอนเดินช้าๆเข้ามาหาคยองซู ชะโงกหน้ามาดูอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจว่าใช่โดคยองซูไม่ผิดตัว พอไอ้คยองซูเห็นแบคฮยอนเท่านั้นแหละ

     

    ก็กระโดดตัวลอยขึ้นมา กอดแบคฮยอนทันที มันสูงกว่าแบคฮยอนนิดหน่อย แต่ก็ดูไม่ค่อยต่างเท่าไร มันเอาหัวเล็กของแบคฮยอนซุกไว้กับอกแล้วโยกไปมา ปากก็พร่ำแต่ว่าคิดถึง

     

    กอดจนตัวเองพอใจก็ลากแบคฮยอนมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกัน แบคฮยอนยิ้มอ่อนโยนให้ ก่อนสองคนจะใช้ภาษามือคุยกันอย่างคล่องแคล่ว จนผมที่นั่งมองอยู่ไม่อาจรู้ได้ว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน

     

    พอเจอกันแบคฮยอนก็ไม่หันมาสนใจผมด้วยซ้ำ ทั้งที่ผมพยายามแทรกบทสนทนาก็แล้ว เรียกชื่อก็แล้ว แต่เขาก็ไม่สน เริ่มน้อยใจว่าตัวเองจะมานั่งอยู่ที่นี่ทำไม?

     

    สองคนคุยกันสนุกสนาน คยองซูเป็นฝ่ายพูดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ใช้ภาษามือสื่อสารกับแบคฮยอน ร่างเล็กก็ยิ้มสนุกสนานอย่างมีความสุข

     

    เทาเดินลงมานั่งข้างๆผม เพราะเห็นผมนั่งมองสองคนคุยกันตาละห้อยมาเกือบชั่วโมงแล้ว

     

    “มึงโอเคป้ะวะ?” ผมส่ายหน้าเพราะรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถเข้าใจทุกสิ่งที่สองคนกำลังสื่อสารกัน

     

    อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าเลเวลคะแนนของไอ้คยองซูสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่รู้จักกับแบคฮยอนมา ก็เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกที่คนตัวเล็กจะคุยเล่น หัวเราะสนุกสนานขนาดนี้

     

    ขนาดเวลาอยู่กับผม อย่างมากก็แค่ยิ้มให้เฉยๆ ความรู้สึกน้อยใจกำลังทำงาน ยิ่งน้อยใจเมื่อเห็นว่าร่างบางไม่แม้แต่จะสนใจตนด้วยซ้ำ

     

    จากที่ตอนแรกมั่นใจว่ายังไงก็จะสู้ต่อ พอได้มาเจอกับศัตรูคนนี้ที่ดูจะรู้ดีเกี่ยวกับร่างบาง ดูท่าผมคงต้องพิจารณาตัวเองเสียใหม่

     

    “อืม กูกลับก่อนนะ” ผมไม่เข้าไปขัดบทสนทนาเพราะรู้ว่ายังไงแบคฮยอนก็คงไม่สนใจ เลยลาเทากับแม่เงียบๆแล้วเดินออกจากบ้าน

     

    ร่างบางมองตามร่างสูงที่เดินออกจากบ้านคอตกแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่กำลังพยายามไม่สนใจอยู่ต่างหาก

     

    ผมขับรถกลับบ้านด้วยจิตใจท้อแท้ มาหาที่บ้านหลังจากหายไปหนึ่งอาทิตย์ หวังว่าร่างบางจะคิดถึงกันบ้างแต่คงคิดผิด รู้สึกเสียใจขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

     

    ขับรถทั้งๆที่ไม่มีสติ ชานมีเตือนตลอดว่าขับรถอย่าใจลอย แต่เพราะเรื่องของแบคฮยอนมันวนเวียนอยู่แต่ในหัว สลัดยังไงก็ไม่หลุด ลบทิ้งยังไงก็ยังกลับมาให้นึกถึงอยู่ดี

     

     

     

     

    แค่เพียงชั่ววินาที ที่รถมอเตอร์ไซค์คันนึงขับปาดหน้ารถผม ผมดึงสติตัวเองกลับมา พร้อมทั้งหักพวงมาลัยหลบให้พ้น เพราะไม่อยากจะชนใครตาย รถคันใหญ่ดิ่งลงข้างทาง ก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้

     

    ถุงลมนิรภัยพึ่งจะพองเอาก็ตอนที่หัวผมกระแทกกับกระจกหน้ารถไปแล้ว รู้สึกเหมือนมีเลือดไหลออกจากหน้าผาก เจ็บร้าวไปทั้งบริเวณหลัง แต่ก็ยังพยายามลืมตาขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองหลับ



    เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสติจะดับคือเสียงของผู้คนจำนวนมากที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

     

     

     

     

     

     

     

    พระเจ้าอย่าพึ่งให้ผมเป็นอะไรไปเลยนะครับ ได้โปรด...

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมกำลังนั่งเล่นกีต้าร์พลางแกะเนื้อเพลงอยู่ที่ระเบียงห้อง เพราะไม่อยากรบกวนไอ้หมาที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่ เลยพาตัวเองมานั่งที่นี่

     

    สงสารไอ้ชานยอลเหมือนกันนะ เป็นผมถ้าเห็นไอ้หมาคุยสนุกสนานกับคนอื่นผมก็เฟล แล้วไอ้หมอนั่นก็ดูจะรู้ใจไปซะทุกอย่าง แถมยังใช้ภาษามือคุยกับไอ้หมาได้คล่องอีก

     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrrr

     

    โทรศัพท์สั่นอยู่ที่โต๊ะข้างตัว ผมหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเห็นเป็นเบอร์จงแดที่โทรเข้ามา

     

    “เฮ้ยเทา มึงอยู่บ้านใช่มั้ยวะ?” จงแดกรอกเสียงหอบๆลงโทรศัพท์ พร้อมกับถามว่าอยู่ที่บ้านหรือเปล่า

     

    “เออ ไม่ให้กูอยู่บ้านจะให้กูไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ ไอ้คุณจงแด” เพราะไม่รู้ว่ามันโทรมาด้วยเรื่องอะไร เลยกวนประสาทมันพอหอมปากหอมคอ

     

    “ใช่เวลาเล่นมั้ยเนี่ยมึง กูจะโทรมาบอกว่าไอ้ชานยอลมันรถชน ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล มันไม่เป็นอะไรแล้ว แต่แม่งเพ้อเรียกแบคฮยอนไม่หยุด มึงพาเขามาหามันหน่อยดิ” ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างทันที

    ผมฉุดข้อมือแบคฮยอนให้ลุกขึ้น จับเพื่อนตัวเล็กใส่รองเท้าแบบงงๆ แบคฮยอนก็พยายามยื้อเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าผมจะพาไปไหน ทั้งๆที่ตนคุยกับเพื่อนอยู่

     

    “อย่าพึ่งถามไอ้หมา ไปโรงพยาบาลก่อน ชานยอลแม่งรถชน” พอผมพูดจบ ไม่รอให้ลากเลยครับ ไอ้หมาวิ่งแซงหน้าไปก่อน โดดขึ้นรถแล้วกวักมือเร่งผมทันที

     

    ระหว่างที่ขับรถไปโรงพยาบาล แบคฮยอนก็นั่งนิ่งหลังตรง เหงื่อออกทั้งที่ในรถก็เปิดแอร์เย็นเฉียบ

     

    “นี่ มันไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ที่จะพาไปเนี่ย เพราะมันเอาแต่เพ้อเรียกชื่อนายนั่นแหละ” ผมบอกให้แบคฮยอนใจเย็นๆเพราะชานยอลมันยังสบายดี

     

    แบคฮยอนพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังไม่วายกังวลถึงชานยอล

     

     

    ปากกับใจไม่เคยจะตรงกันเลยนะ แบคฮยอนเอ๋ย...

     

    ---------100%----------

     

    โด้แบคนั่นเองค่ะ ฮ่าๆๆๆ ไรท์รักคู่นี้ ><

    ครบแล้วนะคะ สำหรับตอนนี้

    ความจริงเหนื่อยมาก พึ่งเลิกเรียนด้วย การบ้านแล็ปก็ท่วมหัว

    แต่พอเห็นคอนเม้นท์ที่บอกว่ารักเรื่องนี้ มีแรงขึ้นอัพทันใด

    ขอบคุณมากจริงๆนะคะ มีความสุขเสมอที่ได้เห็นข้อความที่รีดเดอร์พูดถึงเรื่องนี้

    ช่วงนี้ไรท์แทบจะกินนอนอยู่ในแล็ปแล้วค่ะ เวลาว่างเริ่มน้อยลง

    แต่เชื่อใจได้ว่าไม่ทิ้งแน่ จะมาอัพให้อาจจะวันเว้นวัน หรือสองวันอัพนะคะ


     



    ตั้งใจจะแนะนำตัวเองนานแล้ว ไรท์ชื่อวิรินนะคะ เมนชานยอล เอิ๊กๆ

    อายุ 21 ปี เรียนปีสามอยู่มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาศาสตร์ค่ะ

    คุยได้ไรท์ไม่กัด แต่ฟัดนี่อีกเรื่อง

    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!

     

     

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย


     

    BONUS


     

     


    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×