ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #14 : Silently XI::ศัตรูหมายเลข 2 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.67K
      11
      8 ส.ค. 56

    Silently XI

    ศัตรูหมายเลข 2

    Author: Wi Lyn


     

     

     

    ผมนอนมองเพดานมาสองชั่วโมงแล้ว สมองก็วนคิดแต่เรื่องเดิมๆ คิดถึงวันที่ผมบอกว่าผมรักแบคฮยอน ไม่มีคำตอบ ไม่มีแม้กระทั่งอารมณ์ที่แสดงบนใบหน้า

     

    มีแต่เสียงหัวใจของผมที่เต้นรัว แต่หากหูผมไม่ได้ฝาด ผมได้ยินเสียงหัวใจสองดวงเต้นพร้อมกัน ถ้าเสียงหนึ่งเป็นของผม แล้วอีกเสียงหนึ่งล่ะ?

     

    “ชานยอลรักแบคฮยอนนะ 

    แบคฮยอนตาโตเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด มันน่าตกใจตรงไหน? ถ้าไม่ใช่คนตาบอด ผมมั่นใจว่าเขาต้องรับรู้ความรู้สึกของผมไม่มากก็น้อย

     

    เพราะผมไม่เคยปิดบัง ถึงปากจะไม่เคยพูดความรู้สึก แต่การกระทำและแววตาของผมมันบอกเขาเสมอว่าผมรู้สึกยังไง

     

    สิ่งที่เหนือความคาดหมายอีกอย่างของผมคือ แบคฮยอนลุกขึ้นแล้วก็วิ่งออกจากห้องทันที กว่าผมจะตั้งสติวิ่งลงมาได้ แบคฮยอนก็หนีออกไปข้างนอกแล้ว

     

    “นี่แกทำอะไรแบคฮยอน?” ชานมีเดินเข้ามาหาเรื่องผมหลังจากเห็นว่าแบคฮยอนตาลีตาเหลือกวิ่งออกจากบ้าน

     

    “เขาไปไหนพี่?” ผมเขย่าแขนถามชานมีเพราะร่างบางจะไปไหนได้ในเมื่ออาศัยอยู่ที่นี่

     

    “เฮ้อ!เทาออกไปตามอยู่ ให้เวลาแบคฮยอนหน่อยนะ ไอ้น้องชาย เขารู้ว่าแกมีลู่ฮานอยู่ทั้งคน พี่ว่าแกต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อย” ผมส่ายหน้าพอได้ยินชานมีพูด

     

    “ผม...เลิกกับลู่แล้วพี่ ผมกับเขาจบไปแล้ว” ชานมีกับทุกๆคนในบ้านหันมามองผมเป็นตาเดียว

     

    “พูดจริงดิ เลิกแล้วหรอ?” ชานมีถามซ้ำอีกรอบ พอผมพยักหน้าชานมีก็ตบบ่าผมแล้วยิ้มทันที

     

    แม่เดินมาบิดหูชานมี เอ็ดอีกว่าน้องเลิกกับแฟนยังมีหน้ามายิ้ม แม่เลยโดนชานมีสวนกลับว่าจะทำไม? ยัยนี่ลามปามกับแม่ตลอด...

     

    “เฮ้ย!มึงเลิกกันแล้วหรอ? ไอ้ฮุนเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย?” ผมหันไปมองหน้าคริสทันทีที่ถูกถาม

    “อืม ไอ้ฮุนมันรักลู่” ผมตอบออกไปเพื่อนทุกคนพยักหน้าเข้าใจ

     

    “กูก็พอจะรู้อ่ะนะ เห็นมันมองลู่ด้วยสายตามีความสุขทุกครั้งที่เจออ่ะ แต่พอลู่มันอยู่กับมึง หน้ามันก็เหมือนคนแบบ...อยากตายอ่ะ” จงแดเป็นฝ่ายพูดถึงสิ่งที่ตนเองก็พอจะรู้มาบ้าง

     

    ผมเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลที่เหลือ แค่เซฮุนเสียลู่ฮานมันก็มากพอแล้ว ถ้าจะให้มันเสียเพื่อนที่เหลือ ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกมัน อาจเพราะผมค้นพบตัวเองแล้วว่ารักแบคฮยอน เรื่องให้อภัยมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก แต่อาจต้องใช้เวลา

     

    ส่วนลู่ฮาน ผมไม่อยากจะพูดถึง ยิ่งผมนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไร รู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนคนโง่...

     

    เป็นอันว่าปาร์ตี้วันนี้ก็ต้องยกเลิกไป นั่งรอร่างบางกลับมาจนท้อ วี่แววของคนอาสาไปตามก็ยังไม่มี ทุกคนเลยตัดสินใจกลับบ้าน ส่วนเรื่องฉลอง จัดอีกทีก็ยังได้

     

    ผมเชื่อชานมีที่บอกว่าให้ๆเวลากับแบคฮยอนเสียหน่อย ให้เจ้าตัวได้ตัดสินใจ และไม่ว่าคำตอบของแบคฮยอนจะเป็นตกลงหรือปฏิเสธผมก็พร้อมจะเคารพ

     

    เคารพในที่นี้คือ ถ้าตกลงผมก็จะได้คบกับเขาอย่างเปิดเผย แต่ถ้าปฏิเสธ...ผมก็แค่ตื๊อเขาต่อไปเรื่อยๆ
     

     

    ชานมีสั่งห้ามไม่ให้ผมไปที่ร้านเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพราะเธอรู้ดีว่าผมอดทนรอคำตอบจากแบคฮยอนนานๆไม่ไหวแน่ๆ แต่ผมไม่สนหรอก ไม่ให้ผมไปที่ร้านผมไปรอที่บ้านเทาก็ได้

     

    ดีดตัวขึ้นจากที่นอนได้ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แอบย่องเข้าห้องแม่แล้วหยิบกุญแจรถแม่มาใส่กระเป๋า เอ่ยขออนุญาตปากเปล่าเบาๆ ไม่มีมีเสียงตอบรับนั่นเพราะแม่อยู่หลังบ้าน

     

    ผมย่องออกจากบ้านเบาๆเพราะไม่รู้ว่าชานมีสั่งให้แม่ดูผมหรือเปล่า พอเปิดรถได้ก็สตาร์ทแล้วเหยียบมิดทันที

     

    เวลาไม่นานผมก็มาถึงบ้านเทา มองนาฬิกาพึ่งจะสามโมงเย็นเท่านั้น กว่าแบคฮยอนจะกลับก็มืดนู่น

     

    ไม่รู้จะไปไหน เลยลงจากรถแล้วกดกริ่งหน้าบ้านเทา เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นเป็นเสียงคุณแม่ของเทา เมื่อท่านทราบว่าเป็นผมก็เปิดประตูให้

     

    “นั่งก่อนลูก เดี๋ยวแม่หาน้ำกับขนมให้ นี่ชานยอลมาทันแม่ทำพุดดิ้งนมเลยนะ นี่ของโปรดแบคฮยอนเขา” แม่พูดพร้อมกับวางน้ำหวาน กับ พุดดิ้งนมสีขาวนวลตรงหน้าผม

     

    “มาไวไปนะลูก กว่าเจ้าหมาจะกลับก็มืดเลยแหละ” ผมหัวเราะแก้เขินเมื่อแม่จับไต๋ได้

    “ตอนแรกแม่ก็เชียร์เทาแบคเต็มที่ แต่พอรู้ว่าเจ้าลูกชายมันไม่คิดอะไรกับแบคฮยอน แม่ก็เลิกสนไป ชานแบคแม่ก็ไหวนะลูก ฮิฮิ” แม่ของเทาเป็นคนสนุกสนาน แม่นั่งคุยเป็นเพื่อนผมอยู่นานสองนาน เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยกันก็เรื่องของ ไอ้หมาทั้งนั้น

     

    “แม่ครับ ถ้าแบคฮยอนสอบไอ้ทุนอะไรนั่นผ่านจริงๆแม่จะยอมให้เขาไปหรอครับ?” เอาตามตรงผมกำลังหาแนวร่วมต่อต้านแบคฮยอนไปเรียนเมืองนอกนะ

     

    “แม่เคยห้ามแล้วนะ แบคฮยอนก็เหมือนลูกแม่อีกคน เป็นเด็กดี บริสุทธิ์ทั้งความคิด ทั้งจิตใจ แต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาอยากจะพึ่งตัวเอง” แม่เทาพูดแล้วก็ส่ายหน้า เพราะเธอเคยพยายามมาไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง

     

    “แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเป็นใครบางคนแถวนี้ ไอ้หมาของแม่อาจเปลี่ยนใจ” คุณแม่พูดพลางมองไปรอบบ้านแล้วมาหยุดสายตาที่ผม

     

    ผมหัวเราะแก้เขิน ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยเวลารู้สึกเขิน แม่ก็ขี้เล่นเหลือเกิน ^^

     

    ผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อคืนถ่างตาคิดทั้งคืน ว่าแบคฮยอนจะตอบยังไง? พอเช้ามาก็ลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่เป็นสุข

     

    ตื่นมาก็เจอไอ้เทานอนเหยียดขา กระดิกเท้าดูทีวีหัวเราะเสียงดังเอิ๊กอ๊ากอยู่คนเดียว ผมเลยใช้เท้าเขี่ยมันเบาๆแล้วถามถึงแบคฮยอน

     

    “ไอ้หมาอยู่ในครัว ไปเอาพุดดิ้งมากินอ่ะ” เทาตอบแต่ไม่หันมามองหน้า

     

    พอหันไปทางห้องครัวก็เห็นแบคฮยอนยิ้มเล่นสนุกสนานกับแม่เทาอยู่สองคน ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ผมกลับคิดถึงเขาใจจะขาด

     

    “มองขนาดนี้ เอากลับบ้านมั้ยมึง?” เทาที่มานั่งข้างๆเมื่อไรไม่รู้เอ่ยแซวขึ้น ผมที่ไม่ทันได้คิดว่ามันคือประโยคประชดก็ตอบกลับไปว่า

     

    “ได้หรอ? กูพาไปได้หรอ? ต้องขอม๊ามึงก่อนใช่มั้ย?” เทามองผมด้วยสีหน้าเอือมๆ

     

    “มึงพูดเล่นหรอ?” เทาพยักหน้าเนือยๆอีกรอบ ก่อนจะผลักหัวผม

     

    “เป็นเอามากนะมึงอ่ะ ไอ้สัส ขำว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” พูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น ก่อนจะไหลลงไปนอนหน้าทีวีเหมือนเดิม

     

    “ชานยอลตื่นแล้วหรอลูก มาๆๆกินข้าวกัน” แม่ของเทากวักมือเรียกให้ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว
     

     

     

    ผมค่อยๆเดินเข้าไปแบบระมัดระวัง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าระวังอะไร?

     

    แบคฮยอนหันมามองเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังไปหยิบชามข้าวมาวางตรงหน้าผม กับข้าวมากมายวางบนโต๊ะ แต่กลับมีผมกินอยู่คนเดียว เพราะตอนเขากินผมดันหลับ...

     

    แม่สั่งให้แบคฮยอนนั่งกินพุดดิ้งอยู่ที่โต๊ะทานอาหารเป็นเพื่อนผม ร่างบางนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ก้มหน้าก้มตาตักพุดดิ้งนุ่มๆเข้าปาก ไม่สนใจสิ่งมีชีวิตที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลย

     

    “แบค...ฮยอน” ผมเรียกร่างบางเสียงแผ่ว แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อยแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ เล่นเอาผมใจฝ่อเลย

     

    “ฉัน ฉะ ฉัน.....” เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ากว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำมันช่างยากเย็น

     

    คิดอะไรก็กล้าๆพูดหน่อย ไอ้น้องชาย ผมนึกถึงคำพูดของชานมีแล้วก็สูดหายใจลึกๆ เอาวะ!

     

    “ฉันพูดเรื่องจริงนะ เรื่องที่ฉันรักนาย ไม่อยากให้นายคิดว่าฉันพูดเล่น แล้วที่สำคัญ ฉัน...เลิกกับลู่ฮานไปแล้ว” ผมจ้องตาแบคฮยอนอย่างแน่วแน่เพื่อยืนยัน

     

    หันไปมองแม่กับเทาแล้วก็ได้แต่หลบตา สองแม่ลูกนั้น เล่นเกาะขอบโซฟาดูเหตุการณ์แบบเกาะติดเลยน่ะสิ

     

    แบคฮยอนล้วงกระเป๋าหยิบเอาเครื่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่เท่าไรออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมเพ่งมองจนรู้ว่ามันคือ ทอล์คกิ้งดิก นั่นเอง!

     

    แบคฮยอนใช้เครื่องพวกนี้แทนการใช้สมุดแล้วหรอ? ผมหันไปมองหน้าเทา ก็เห็นมันชี้นิ้วเข้าตัวเอง แล้วบอกว่ามันเป็นคนซื้อให้เอง

     

    แบคฮยอนก้มหน้ากดอยู่ซักพัก เสียงผู้หญิงที่เป็นเสียงพื้นฐานก็ดังขึ้นมา เพราะผมมัวแต่ทึ่งเลยไม่ทันได้ฟังว่าพูดอะไร แบคฮยอนเลยกดอีกรอบ

     

    ไม่เกี่ยวว่านายจะเลิกกันแล้ว แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับนาย แค่เพียงประโยคสั้นๆกับเสียงหวานๆที่มาจากทอล์คกิ้งดิก ทำเอาผมปล่อยช้อนลงจากมือ กระทบจานดังแกร๊ง

     

    *ไอ้ฟังก์ชั่นออกเสียงตามที่พิมพ์นี่ ในรุ่นใหม่ๆมีหรือเปล่าไม่ทราบนะคะ ไรท์แค่สมมติขึ้นมา ให้แบคเขียนใส่แต่สมุดมันไม่ไฮเทคเลย ฮ่าๆๆ*

     

    แม้จะเตรียมใจมาบ้างว่าร่างบางอาจไม่คิดตรงกัน แต่ไม่คิดว่าพอได้ยินจริงๆมันจะ...เจ็บ

    ผมส่งยิ้มให้แบคฮยอนเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร เพราะผมก็บอกแล้วไง ว่าผมเคารพการตัดสินใจของเขา บางทีที่เขาปฏิเสธ อาจจะแค่ไม่มั่นใจในตัวผมก็ได้ พยายามไปเรื่อยๆผมมั่นใจว่าซักวันเขาจะรักผม

     

    แต่มันก็อดซึมไม่ได้อยู่ดี ผมเลยก้มหน้ากินข้าวต่อไป ขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนได้มั้ย? เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับมาใหม่ ตอนนี้อยากรีบกินรีบกลับมาก รีบยัดข้าวเข้าปากให้เร็วที่สุด จนสำลัก

     

    แบคฮยอนวิ่งไปหยิบน้ำมาให้จากตู้เย็น ส่งให้ผมดื่มแล้วก็ลูบหลังไปด้วย สัมผัสจากร่างบางที่เป็นไปตามธรรมชาติ อาจไม่มีความหมายแอบแฝง แต่ผมมันดันเป็นพวกมีความสุขกับการคิดไปเอง เลยอดคิดไม่ได้ว่า เขาน่าจะห่วงผมบ้างแหละ ^^

     

    พอกินข้าวเสร็จผมก็กล่าวลาแม่ของเทา เดินออกมาจากบ้านก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนมีคนเดินตามมา ยิ้มกระย่องในใจ ก่อนจะหันกลับหลังไปมองข้างหลัง

     

    “ผิดหวังดิมึง หน้ามึงนี่...ตั้งแต่รักแบคฮยอนนี่โคตรชัดเจนเลยอ่ะ สุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ แปะอยู่กลางหน้าเลย” เป็นเทาที่เดินตามออกมา ไม่ใช่แบคฮยอนอย่างที่ผมหวัง

     

     

    “มึงอย่าไปคิดมากเลยที่ไอ้หมาบอกไม่ชอบมึงอ่ะ ขนาดม๊ากูยังดูรู้เลย หมามันก็ฟอร์มไปงั้นแหละ กูแนะให้มึงตื๊อ” เทาเดินมาตบไหล่ผมพร้อมกับให้คำแนะนำ
     

     

    “ถึงมึงไม่บอกกูก็จะตื๊อเว้ย ไม่ต้องมาแนะนำกูเลย” ผมปัดมือมันออกก่อนจะเปิดประตูรถ ส่วนเทาก็กำลังจะเดินเข้าบ้าน

     

    “เฮ้ย!มึง” เทาหันมาตามเสียงเรียกที่ไม่ค่อยสุภาพของผม

     

    “ขอบใจมากนะ ที่มึงดูแลแบคฮยอน” เทายกมือเหมือนปางห้ามญาติแล้วก็ส่งเท้าให้เป็นของขวัญ

     

    ผมยิ้มให้กับท่าทางกวนๆของมัน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นคนที่น่าคบ ไม่แปลกใจที่จะเข้าหาแบคฮยอนได้ไวกว่าคนอื่นเขา

     

    “นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” เสียงเล็กดังขึ้นจากข้างหลังผม ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร

     

    “ลู่ฮาน” ผมเรียกชื่อเจ้าตัวเบาๆไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่

     

    “ยังจำเราได้หรอ? ฮึกๆ” ลู่ฮานเริ่มร้องไห้

     

    “ลู่หายดีแล้วหรอ? ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร?” เพราะคนตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้ ทำให้ไม่ยอมตอบคำถามผมเสียที

    “ที่เราบอกว่ารัก เราพูดจริง” ประโยคที่ฟังดูคุ้นๆเหมือนที่ผมพึ่งพูดกับแบคฮยอนไปเมื่อกี้ แต่มันออกมาจากปากของลู่ฮาน

     

    “ถามจริงๆนะ รักเซฮุนมันบ้างมั้ย?” ลู่ฮานทำท่าอึกอักเหมือนลำบากใจที่จะตอบ ผมจึงเลิกตื๊อแล้วตั้งท่าจะเดินขึ้นรถ

     

    ลู่ฮานวิ่งมาคว้าแขนของผมเอาไว้ ดวงตาสั่นไหวของเขาทำให้ผมใจอ่อนหันกลับไปฟังสิ่งที่เขาต้องการพูด

     

    “รัก แต่...รักชานยอลมากกว่า มากกว่ามาก” ถ้าเขาพูดว่ารักเซฮุนมากกว่าผม ผมคิดว่าเรื่องมันน่าจะจบง่ายขึ้น แต่เปล่าเลย...

     

    “รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควร แต่เพราะรัก รักจนไม่กล้าปล่อยนายไปให้ใคร กลับมาได้มั้ย? ต้องให้อ้อนวอนหรือชดใช้ยังไง ลู่ก็ยอม ขอแค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย?” ลู่ฮานยังคงอ้อนวอนหวังให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม

     

    “ลู่แน่ใจหรอว่ามันจะเหมือนเดิม แน่ใจหรอว่าเราจะรักกันได้เหมือนเดิม” มันคงเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ทั้งความรู้สึก ทั้งหัวใจ ทุกอย่างเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมของคำว่าเราสองแล้ว

     

    “ถ้าเราขอให้ลู่ชดเชยทุกสิ่งที่ทำกับเราลู่จะทำได้มั้ย?” ลู่ฮานที่พอได้ฟังก็พยักหน้าแล้วยิ้มเหมือนคนมีความหวัง

     

    “รักเซฮุนให้มากกว่าเรา ทำได้มั้ย?” ลู่ฮานหุบยิ้มลง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

     

    “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ร่างบางพูดคำเดิมซ้ำไปมาเหมือนจะต่อต้าน ร่างเล็กทรุดลงนั่งกับพื้น กอดขาผมเอาไว้แน่น ผมรู้ว่าเขาเจ็บ แต่ผมเลือกแล้วที่จะเริ่มต้นใหม่...

     

    ผมก้มลงไปดึงร่างของลู่ฮานให้ลุกขึ้นยืน “รู้อะไรมั้ย? เราพยายามแค่ไหนที่จะไม่เอาเรื่องลู่กับไอ้ฮุนมาคิด รู้มั้ยว่าเราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง”

     

    ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าเสียงของผมสั่นเครือ “ถ้าแค่เพียงครั้งเดียว ตอนนี้เราสองคนอาจจะยังได้รักกันเหมือนเดิม แต่...ลู่ยังปล่อยให้เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง”

     

    “ตื่นซักทีลู่ ตื่นมามองสิ่งที่ตัวเองทำ ตื่นมาดูว่ามีใครบ้างที่ต้องเจ็บปวด” ผมเขย่าตัวเขาแรงๆเพื่อเรียกสติ แต่ลู่ฮานก็ยกมือขึ้นมาปิดหูไม่รับฟัง กรีดร้องเหมือนคนเสียสติ ก่อนที่อาการเดิมจะกลับมาเล่นงาน
     

     

    ร่างบางชักตาเหลือกจากโรคหอบ ผมล้วงกระเป๋าหายาพ่น หยิบออกจากกระเป๋าแล้วพ่นใส่ปาก เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวด

     

    พออาการดีขึ้นลู่ฮานก็สลบไปเสียแล้ว

     

     

    ร่างบางอีกคนยืนรับลมคิดอะไรเพลินๆอยู่ที่ระเบียงกว้างของห้อง ไม่เห็นเหตุการณ์เริ่มต้น สิ่งที่เห็นคือภาพของร่างสูงที่พึ่งขอความรักจากตน กำลังอุ้มร่างคนเป็นแฟนเก่าขึ้นรถ

     

     

     

     

    เจ็บ.....

     

     

     

    “หมา หมาเว้ย หมาเว้ย!!!!!!!!!!!” เสียงเทาดังขึ้นเพื่อเรียกสติ แล้วเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนอกบ้าน หมุนตัวกลับเข้ามานั่งข้างเทาหน้าโน๊ตบุ๊ค

     

    “มีอีเมลส่งมา เปิดเลยป้ะ?” เทาหันมาถามก่อนจะได้คำอนุญาตว่าให้เปิดได้เลย

     

    อีเมลของบุคคลปริศนาที่ไม่ได้ลงชื่อหัวเรื่อง พอกดเข้าไปก็พบกับวิดีโอที่ต้องกดเล่น นิ้วเรียวของเทากดเพลย์แบบไม่ลังเล

     

    ไฮ แบคฮยอนนี่ อีกสองวันฉันจะกลับเกาหลีแล้วนะ คิดถึงนายที่สุด หวังว่ายังคงจำกันได้นะ อยากเจอหน้านายมากกกกกกก แล้วก็จะมาเอาคำตอบจากนายด้วย ^^ เป็นแฟนกันนะ...

     

    ภาพในวิดีโอหยุดลง หลังจากจบประโยคคำถามที่ร่างบางเองก็ลืมไปแล้ว หากไม่มีเจ้าของคำถามมาเตือน ดูวันที่จากอีเมลก็พบว่าเป็นสองวันก่อน

     

    หมายความว่าตอนนี้เขาอยู่เกาหลีแล้ว...

     

     

     

     

    หวังว่าคงไม่หากันเจอหรอกนะ...


     

    ------------100%----------



     

    [คุยกับไรท์เตอร์]


    วันนี้มาลงให้เต็มๆอีกตอนนะคะ

    เดากันออกมั้ยว่าใครกันนะ มารหัวใจอีกคนของชยอล


    ที่มาลงอีกตอนเพราะฉลองค่ะ เมื่อเช้าใส่กางเกงตัวเก่งได้ หลังจากรูดซิปไม่ขึ้นมาสองเดือน ฮ๊อก!!!


    เจอกันเมื่อสมองไรท์ไม่ตัน ปย๊ง!!!


    อย่าลืมเม้นท์กันนะคะ^^

     

     

    สำหรับใครที่เล่นทวิต รบกวนติดแท็ก #ฟิคเงียบ ให้ไรท์ทีนะคะ จะได้เช็คง่ายหน่อย

     

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×