ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] Silently::ไซเลนท์ลี่ CHANBAEK

    ลำดับตอนที่ #36 : {SF} Wedding [Baekhyun&Kris&Chanyeol]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 56


    เรื่องนี้จะว่าเป็นตอนต่อก็คงไม่ถูกซะทีเดียวนะคะ

    เรียกว่าเป็นอีกมุมหนึ่งของเรื่องดีกว่า

    ไม่มีใครมีความสุขที่ต้องทำร้ายคนที่รักเราหรอกค่ะ

    แบคเองก็เช่นกัน...

     

     

     

    {SF} Wedding [Baekhyun&Kris&Chanyeol]

     

     

    สิ่งที่เจ็บกว่าคำโกหก คือ ความจริง...

     

     

    (แบคฮยอน วันนี้ฉันต้องอยู่ทำงานกับเพื่อนนะ นายไม่โกรธใช่มั้ย?) เสียงจากคนปลายสายทำให้ผมหงุดหงิด

     

    ตัดสินใจกดตัดสายทิ้งเพื่อระบายอารมณ์ งาน งาน งาน งานมาก่อนเสมอเลย!!!!

     

    “ปาร์คชานยอล ไอ้คนงี่เง่าเอ๊ย” ผมเดินกระทืบเท้าไปตามทางเดินที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย

     

    เห็นขวดน้ำกลิ้งอยู่ตรงหน้าก็วิ่งเข้าไปเตะจนมันลอยขึ้นสูงในอากาศ ความเจ็บปวดจากนิ้วเท้าทั้งห้าทำให้รู้ว่าในขวดนั้นยังมีน้ำอยู่

     

    “โถ่เว้ย!!!!!!!!!!!!!!!มีน้ำอยู่ในขวดก็ไม่บอกกันตั้งแต่แรก” ผมยืนกุมเท้ากระโดดย้องแย้งปากก็สบถด่าขวดน้ำที่เป็นตัวการของความเจ็บปวด

     

    ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นปากก็ยังคงพ่นคำหยาบออกมาไม่หยุด ถอดรองเท้าผ้าใบคู่ใจออก ก่อนจะเห็นว่านิ้วเท้าทั้งห้าแดงเถือก

     

    “นี่ของคุณใช่มั้ย?” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัว ทำให้ผมต้องละสายตาจากอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองที่มาของเสียง

     

    ผู้ชายตัวสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ผมทอง ผิวขาว เขาทำให้ผมตะลึงจนไม่ได้ยินสิ่งใดรอบตัว ความรู้สึกปั่นป่วนในท้อง หายใจติดขัดเหมือนอากาศไม่เพียงพอ ใจเต้นเร็วและแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น

     

    ตั้งแต่เกิดมา ไอ้ความรู้สึกตัวเบาๆแบบนี้ เพิ่งจะเคยได้สัมผัส...

     

     

    “ผมถามว่าไอ้ที่ลอยมากระแทกหัวผมเนี่ย? ฝีมือคุณใช่มั้ย?” ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หล่อขนาดนี้นะ ชานยอลที่ว่าหล่อ มาเจอคนนี้เขายังชิดซ้ายเลย

     

    “ก็ใครใช้ให้คุณเอาหัวมากระแทกกับขวดน้ำเล่า” เฮ้ย!!!แล้วนี้ผมพูดอะไรออกไป

     

    “โห คุณนี่เหลือเกินจริงๆนะ สรุปนี่ผมผิดหรอครับ?” คนตัวสูงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับย่อตัวลงจนเสมอกับผมที่นั่งอยู่

     

    ยิ่งมองใกล้ๆเขาก็ยิ่งหล่อ ผมไม่รู้แม้กระทั่งจะโฟกัสสายตาไปที่จุดไหน จึงทำได้แค่เสมองไปด้านข้างไม่สบตาหรือมองหน้าเขาตรงๆ มือไม้ก็เกะกะจนผมต้องยกขึ้นมากอดอก

     

    “คุณนี่ดื้อจริงนะ” คนตัวสูงเอ่ยขึ้นพร้อมกับวางขวดน้ำขวดนั้นไว้ที่ข้างตัวผมแล้วยืดตัวขึ้น

     

    “แล้วเท้าคุณน่ะ โอเคมั้ย? เดินไหวรึเปล่า?” คนตัวสูงสอดมือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ก้มมองต่ำแล้วถามผมที่ยังนั่งไม่ยอมขยับ

     

    “สบายมาก โถ่ แค่ขวดน้ำขวดนิดเดียว” ผมพยายามลุกขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ด้วยที่ว่าไม่อยากจะเสียฟอร์มเลยทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าข้างไม่เจ็บ

     

    “แน่ใจอ่ะ? ยืนเอียงขนาดนี้ ทิ้งน้ำหนักไปฝั่งเดียว ระวังจะเจ็บทั้งสองข้างนะคุณ” ผมชะงักกับคำพูดของเขา แล้วก็เริ่มรู้สึกชาที่ขาอีกข้าง

     

    “คุณชื่ออะไร?” ผู้ชายตัวสูง หน้าตาหล่อกำลังถามชื่อผมหรอเนี่ย?

     

    “จะรู้ไปทำไมไม่ทราบ รู้แล้วช่วยให้ขาผมหายเจ็บหรือไง?” ไม่ได้นะ ผมมีแฟนแล้ว จะเที่ยวไปเผลอใจกับผู้ชายหน้าตาดีที่ผ่านเข้ามาไม่ได้

     

    “ผมชื่อคริส อายุ 23 บ้านอยู่แคนาดา แต่มาเรียนต่อที่เกาหลี แฟนยังไม่มี แต่อนาคตยังไม่แน่ J” นี่เขามาสัมภาษณ์งานรึยังไง? ถึงได้ร่ายยาวซะขนาดนี้ ว่าแต่เรื่องแฟนนี่มาบอกทำไม

     

    ถึงจะนึกจิกกัดเขาอยู่ในใจ แต่ก็ปฏิเสธสายตาที่เขามองมาไม่ได้เลย สายตาที่เขาแสดงออกว่าสนใจ มันทำให้แก้มของผมรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเราสองคน ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะพบว่าเป็นชานยอลที่โทรเข้ามา

     

     

     

     

    ไม่อยากรับ...

     

     

     

    “ว่าไง? งานของนายมันเสร็จแล้วหรอ ถึงโทรมาน่ะ” สุดท้ายผมก็ใจอ่อนกดรับสายเขาอยู่ดี

     

    (เปล่า แค่จะโทรมาบอกว่า ฉันแวะซื้อข้าวเย็นไปให้นายแล้วนะ มีแต่ของชอบทั้งนั้นเลย อย่ากลับบ้านดึกนักนะ ฉันเป็นห่วง กินข้าวให้ตรงเวลาล่ะ) น้ำเสียงห่วงใยของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่

     

    รู้สึกแย่มาก เมื่อคิดได้ว่าตัวเองปล่อยให้ความรู้สึกหลงใหลคนตัวสูงตรงหน้านี้เกิดขึ้นได้ยังไง? ผมตัดสินใจโค้งตัวลาผู้ชายที่ชื่อคริสแล้วรีบก้าวออกมาจากตรงนั้นทันที

     

    ไม่สนใจว่าเขาจะร้องเรียกผมอีกกี่ครั้ง แต่ทำไมนะ? ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะเจอเขาอีกครั้ง เพราะอาการแปลกๆที่เกิดขึ้นกับหัวใจหรือเปล่า?

     

     

     

     

     

    อาการที่ผมไม่เคยเป็น แม้แต่กับ...ชานยอล

     

     

     

    “ขอบคุณมากนะ จะกลับบ้านไปกินเดี๋ยวนี้แหละ” ผมตอบคนปลายสาย จนน้ำเสียงต่อมาของเขาสดชื่นขึ้น

     

    (นึกว่าจะโกรธกันซะอีก ขอโทษนะ มีเค้กที่ฉันซื้อเอาไว้ด้วย ถ้ากินไม่หมดก็เอาใส่ตู้เย็นนะ) ชานยอลถอนหายใจใส่โทรศัพท์ ถึงจะไม่เห็นหน้าเขาตอนนี้ผมก็เดาได้ว่าเขาจะยิ้มกว้างแค่ไหน

     

     

    ชานยอลดีกับผมเสมอ ทำหน้าที่คนรักได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คงมีแค่ผม....ที่ให้เขาพยายามอยู่ฝ่ายเดียว

     

     

    ทำไมกันนะ? จากเพื่อนสนิท พอกลายมาเป็น คนรัก ผมถึงไม่ได้รู้สึกดีหรือมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น

     

    ผมถามตัวเองเสมอว่าวันที่ตอบตกลงคบกับชานยอล  ผมคิดอะไรอยู่? ไม่ได้ถามตัวเองด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่มีให้เขามันคืออะไร

     

    เราสองคนโตมาด้วยกัน รู้ใจกันทุกอย่าง เข้ากันได้ดี ผมมีความสุขเวลาอยู่กับเขา แต่นั่นมันตอนที่เรายังเป็นแค่เพื่อน

     

    พอเรากลายมาเป็นคนรัก ทำไมความรู้สึกพวกนั้นถึงได้หายไปหมด ผมเองก็ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ชานยอลทำทุกอย่างเพื่อผม ยอมผมทุกอย่าง แต่ผมสิ ที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อเขาเลย

     

    เคยมีซักครั้งมั้ย? ที่ผมพยายามที่จะรักเขา

     

     

     

     

     

     

    ไม่สินะ...

     

     

     

     

     

     

    ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว นับจากวันที่ผมได้เจอกับผู้ชายที่ชื่อคริส

     

    หลังจากวันนั้นคริสก็ติดต่อมาหาผม ด้วยวิธีไหนน่ะหรอครับ? ผมทำกระเป๋าที่เก็บบัตรทุกอย่างหล่นเอาไว้

     

    แล้วเราสองคนก็ติดต่อกันเรื่อยมา คริสมักจะส่งข้อความมาหาทุกวัน ทุกข้อความทำให้ผมสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่นแค่ไหน

     

    แม้เราสองคนจะติดต่อกันทางผ่านทางข้อความมากกว่าที่จะโทรหา แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาน่ารักและอารมณ์ดี

     

    แบคฮยอน วันนี้ผมอยากไปเที่ยวน่ะ ไปด้วยกันมั้ย? คริสส่งข้อความมาเป็นปรกติอย่างเช่นทุกวัน

     

    เที่ยวที่ไหน? ไกลไม่ไปนะ ไม่ชอบรถติด คุณก็รู้นี่นา ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปพร้อมทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข

     

    ไม่ไกลหรอก เที่ยวแถวบ้านคุณนั่นแหละ ผมอยู่หน้าคอนโดคุณน่ะ ผมอ่านข้อความทวนซ้ำอีกหลายรอบ ก่อนจะวิ่งไปที่ระเบียงแล้วเปิดผ้าม่านดู

     

    “เฮ้ย!!!!” คริสที่พอเห็นผม ก็ยืนยิ้มยิงฟันแล้วโบกมือให้

     

    ผมสำรวจตัวเองกับกระจก เสื้อผ้า หน้า ผม พร้อม ล็อคห้องแล้ววิ่งลงไปหาคริสที่ข้างล่างด้วยความเร็ว กลัวว่าเขาจะรอนานแล้วเปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยว

     

    “นี่รีบขนาดนั้นเลยหรอครับ?” คริสทักทายยิ้มๆที่เห็นผมหอบตัวโยนอยู่ตรงหน้า

     

    คริสเดินมาลูบหลังให้ผม “ไม่ต้องรีบก็ได้ ยังไงก็ รออยู่แล้ว”

     

    ผมเงยหน้ามองคริส รู้สึกแปลกๆกับคำว่ารอของเขา แววตาที่ทั้งจริงจังและอ่อนโยนของเขา ทำให้ผมประหม่าได้ทุกครั้ง แม้แต่เสียงหรือข้อความที่เขาส่งมา

     

    ทุกสิ่งที่เป็นเขา มันทำให้ผมหวั่นไหว...

     

    “แถวนี้มีที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้างครับ? คุณอยู่แถวนี้ น่าจะรู้จักดีสิ” ผมสตาร์ทรถแล้วหันมาถามผม

     

    “อะไรกัน มาชวนเขาไปเที่ยวแต่ไม่ได้คิดไว้ก่อนเนี่ยนะ” ผมหัวเราะแล้วก็ทำท่านึก

     

    “งั้น...ไปสวนสาธารณะได้มั้ย? ผมขับรถผ่านมาเมื่อกี้นี้ สวยดีนะ วันนี้แดดไม่แรง แวะหาซื้อน้ำกับขนมแล้วไปนั่งเล่นกัน J” คริสเสนอไอเดีย ซึ่งผมก็เห็นด้วย วันนี้อากาศดีเหลือเกิน

     

    เราสองคนมานั่งเล่นกันที่สวนสาธารณะใกล้กับคอนโดของผม เวลานี้คนไม่ค่อยเยอะ แต่ก็มีคนมาเดินเล่นบ้าง ส่วนเราสองคนก็มานั่งอยู่ที่ริมสระบัว

     

    “เราเจอกันครั้งนี้ครั้งที่เท่าไรแล้วครับ?” คริสเอนหลังลงไปนอนราบกับพื้นหญ้าสีเขียว ก่อนจะใช้แขนหนุนต่างหมอน

     

    “ก็......4 ครั้งนะ ถ้ารวมครั้งนี้ก็ 5 ครั้ง” ผมเงียบไปซักพักเพื่อนึกถึงจำนวนครั้งที่เราเจอกัน

     

    ครั้งแรกคือตอนที่ผมเตะขวดน้ำไปโดนหัวเขา ครั้งที่สอง คริสติดต่อมาหาผมเพราะผมทำกระเป๋าบัตรตกเอาไว้ ครั้งที่สามเราเจอกันโดยบังเอิญในโรงหนัง วันนั้นผมถูกชานยอลเบี้ยวนัด ผมเลยต้องดูหนังคนเดียว

     

    เก้าอี้ข้างๆ คริสนั่นแหละครับ เท่ากับว่าวันนั้น เราสองคนก็เหมือนมาดูหนังด้วยกัน แล้วเขาก็เลี้ยงข้าวเย็นผม

     

    ครั้งที่สี่ ผมเห็นเขายืนเถียงกับลุงคนขับรถแท็กซี่ สรุปก็คือเขาลืมกระเป๋าเงินไว้ที่ห้อง ผมเลยจ่ายค่ารถให้เขา คนตัวสูงเลยสัญญาว่าครั้งหน้าจะเลี้ยงขอบคุณผม

     

    “แล้ว...5 ครั้งนี่ บ่อยพอที่ผมจะเริ่มจีบใครซักคนได้มั้ย?” คริสพูดขึ้นทั้งๆที่ยังคงหลับตา

     

    ใจเจ้ากรรมผมก็เริ่มเต้นแรงขึ้น เลือดสูดฉีดไปทั่วร่างกายจนผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัว คริสกำลังทำให้ผมเขินด้วยคำพูด ผมได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัวซักนิด

     

    หากเราไม่ได้เจอกันมาแล้ว 5 ครั้ง ผมคงคิดว่ามันเป็นแค่คำถามธรรมดาทั่วๆไปที่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงตัวบุคคลใดเป็นพิเศษ

     

    “หืม ว่ายังไง?” คริสชันตัวลุกขึ้น ก่อนจะกอดเข่าแล้วเอาคางเกยกับหัวเข่า สายตาก็จับจ้องมาที่ผม จ้องเหมือนค้นหาคำตอบของคำถามเมื่อครู่

     

    “กะ....ก....ก็ มะ ไม่รู้สิ” ผมตอบได้ไม่เต็มเสียง เพราะเวลานี้ ผมกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะทำร้ายใครอีกคน กลัวว่าความจริงจะทำให้ใครอีกคนต้องเสียใจ

     

    “แต่ผมว่าน่าจะได้แล้วนะ J” คริสยิ้มให้แล้วเขาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ ใกล้จนลมหายใจรดกัน สมองผมสั่งการให้ร่างกายผลักเขาออกไปให้พ้นตัว

     

     

    แต่สิ่งที่คัดค้าน คือ หัวใจ

     

     

     

     

    ผมชอบคริส....

     

     

    “เก็บผมไว้เป็นตัวเลือกของคุณก่อนก็ได้” คริสถอนริมฝีปากพร้อมกับเอ่ยกระซิบข้างหูแผ่วเบา แต่ช่างแจ่มชัดในความรู้สึกของผม

     

     

    ณ วินาทีนั้น ผมจะพูดอย่างไม่ปิดบังเลยว่า ผมลืมชานยอล ผมลืมว่าตัวเองมีเจ้าของ ผมลืมมันทุกสิ่งทุกอย่าง เวลานั้นมีเพียงแค่ตัวผมที่ไม่มีพันธะกับใคร มีเพียงเสียงหัวใจที่เรียกร้องหาเขา

     

    แล้วหลังจากนั้นผมก็ไปไหนมาไหนกับคริสอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ชานยอลติดงาน ผมก็ไม่เคยเรียกร้องให้เขามาสนใจ ผมเลือกที่จะใช้เวลากับคริส

     

     

    ผมเพิ่งเคยได้สัมผัสความรู้สึกที่ใครๆเขาพูดกัน

     

     

     

    ความสุขที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับใครซักคนที่เป็นคนพิเศษ J

     

     

    ผมรู้จักเพื่อนของคริส คุยสไกป์กับคุณแม่ของเขาที่อยู่แคนาดาบ่อยครั้ง ทุกคนในครอบครัวของเขาชอบผม และเช่นกัน ผมเองก็ชอบพวกเขามาก

     

    ผมกับคริสอยู่ในสถานะคลุมเครือมาเกือบปี เขาไม่เคยเรียกร้องให้ผมตัดสินใจ คริสเป็นคนดี ดีจนผมละอายแก่ใจ

     

     

     

    กับชานยอลก็เหมือนกัน ถึงเขาจะไม่มีเวลาให้ผม แต่สิ่งที่เขาไม่เคยเปลี่ยนคือความห่วงใย เอาใจใส่และดูแล

     

     

    แต่ในความเป็นจริง ผมเก็บเขาเอาไว้ทั้งสองคนไม่ได้....

     

     

     

     

     
    ผมเหมือนคนมีความผิดติดตัว เป็นวัวสันหลังหวะ ที่ทุกครั้งเวลาชานยอลถามว่าไปไหนมา ผมกลับร้อนตัว ทำทีเป็นโมโหเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองทำ

     

    ยิ่งชานยอลใจเย็นมากเท่าไร ผมก็ยิ่งโมโหมากเท่านั้น ทำไมเขาไม่ระเบิดอารมณ์บ้าง ทำไมเขาไม่อารมณ์เสียบ้าง อย่างน้อยเราจะได้เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เป็นผมที่ทำร้ายเขาอยู่ฝ่ายเดียว

     

    ผมทนไม่ไหวแล้ว กับเรื่องโกหกและเรื่องเลวร้ายที่ผมก่อขึ้น ผมหลอกชานยอลไม่ได้อีกแล้ว ผมรู้แล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมคบกับชานยอลเพราะความผูกพันและความใกล้ชิด

     

    หากนอกเหนือจากความเป็นเพื่อน ความรู้สึกรักใคร่แบบชู้สาว เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกกับชานยอลเลยแม้ซักครั้ง

     

    ผมรู้ดีเมื่อผมได้มาเจอคริส

     

     

    คนที่ทำให้ผมเพิ่งเข้าใจว่า ความรักมันเป็นอย่างไร

     

     

     

    “แบคฮยอน ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เลือกผม” คริสประคองใบหน้าของผมก่อนจะประทับจูบที่หน้าผากอย่างอ่อนหวาน

     

    น้ำตาที่ไหล กับความรู้สึกในใจที่พันกันจนยุ่ง ผมร้องไห้เพราะดีใจที่ได้เจอเขา ผมร้องไห้ที่ความรักของผมมันกำลังทำร้ายชานยอล ผมร้องไห้เพราะหลังจากนี้ผมอาจจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป

     

     

    หากวันนี้ที่ทุกอย่างจบลง ผมจะไม่ขอร้องให้ระหว่างเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะนั่นเท่ากับว่าผมเห็นแก่ตัว

     

    ผมเดินขึ้นมาบนห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรง การพูดความจริง คือสิ่งเดียวที่ผมจะทำ มันอาจจะทำให้ทั้งผมและเขาต้องเจ็บปวด แต่มันคงดีกว่าการฝืนทนอยู่กับคนที่เราไม่ได้รัก

     

    ผมไขกุญแจเข้าไปก่อนจะพบกับแสงสว่างนับร้อยของเทียน พร้อมกับกลิ่นหอมที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้อง

     

    หากผมไม่ได้กำลังจะทิ้งเขา หากผมไม่ได้รู้ใจตัวเองว่ารักคนอื่น ผมคงซาบซึ้งกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้

     

    “ชานยอลอยู่ไหน?” ผมเรียกชื่อเขาเพราะมั่นใจว่าเขาต้องหลบอยู่ที่ไหนซักที่

     

    คนตัวสูงเดินออกมาจากที่ซ่อนข้างตู้เย็น จากแววตาและท่าทางขี้เล่นที่ผมเคยเห็น บัดนี้มีเพียงแค่ความประหม่าในสายตาคู่นั้น

     

    “ทำอะไร?” ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน แต่มันคงเย็นชามากพอที่จะทำให้ชานยอลหน้ากระตุกก่อนจะยิ้มเหมือนเดิม

     

    “ก็เซอร์ไพรส์ไง J ชอบมั้ย? ดอกกุหลาบ เทียนหอม ดินเนอร์” ชานยอลยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำ รอยยิ้มของเขากำลังทำให้ผมเจ็บปวด และไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยความต้องการว่าจะไป

     

    ผมเดินไปเปิดไฟทั่วห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน คว้ากระเป๋าที่เก็บเสื้อผ้าเอาไว้แล้ว ลากออกมา ผมไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ไม่กล้าจริงๆ

     

    “แบคฮยอน จะไปไหน?” ชานยอลเข้ามาประชิดตัวแล้วออกแรงดึงแขนผม

     

    “ปล่อย” แล้วผมก็เลือกที่จะใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวกับเขา

     

    “โกรธกันถึงขนาดต้องไปอยู่ที่อื่นเลยหรอ?” ชานยอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อในตัว สุดท้ายแล้วผมก็ทำทุกอย่างให้มันแย่ลงอยู่ดี

     

    “ไม่ใช่ แต่เพราะฉันจะไปอยู่ที่อื่น ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ เข้าใจมั้ย?” ผมไม่อยากร้องไห้ตอนนี้ ผมจัดการบิดแขนออกจากการเกาะกุม แต่ชานยอลก็ยังไม่ยอมปล่อย

     

    “ทำไม ฉันทำผิดมากจนนายให้อภัยกันไม่ได้เลยหรอ?” ได้โปรด!ชานยอล รีบปล่อยให้ฉันไปซักที ก่อนที่ฉันร้องไห้ต่อหน้าเพราะความรู้สึกผิดที่กำลังกัดกินหัวใจฉัน

     

    “นาย...ไม่ผิด แต่ฉันเอง ฉันผิดที่....ไป รักคนอื่นแล้ว” ผมกลั้นใจพูดคำนั้นออกไป รู้ดีว่ามันไม่สามารถอธิบายทุกสิ่งได้ แต่มันช่วยปลดปล่อยผมได้

     

    “ขอโทษนะ แต่...ฉันไม่ได้รักนายแล้ว ให้ฉันไปเถอะ” ผมดึงมือเขาออก ก่อนจะลากกระเป๋าแล้วรีบออกจากห้องนี้ทันที

     

     

    เมื่อประตูปิดลง ผมทรุดตัวพิงกับผนัง ปล่อยให้ความเสียใจและความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ย้ำเตือนว่าผมทำร้ายคนที่รักผมสุดหัวใจอย่างชานยอล ผมทำร้ายเขาด้วยมือของผมเอง

     

     

    ทำร้าย คนที่หวังดีกับผมที่สุด

     

     

     

     

     

     

    “นี่ มาฮันนีมูนกันทั้งที มายืนเศร้าอยู่ตรงนี้ สามีก็เสียใจแย่สิครับ” คริสเดินเข้ามากอดเอวผมจากทางด้านหลัง ก่อนจะขโมยหอมแก้ม

     

    “นี่ ตลอดเลยนะ เล็กๆน้อยๆนี่ก็ตลอดเลย” ผมหันไปตีไหล่คนตัวสูงที่กลายมาเป็นสามี

     

    “ผมเคยขอบคุณคุณไปรึยัง? ขอบคุณที่เลือกผม ขอบคุณที่รักผม ผมไม่เคยลืมทุกวินาทีที่ได้อยู่กับคุณ” คริสพูดแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด ใบหน้าซุกอยู่กับอกแกร่ง เสียงหัวใจของเขาทำให้ผมมั่นใจ ว่าสิ่งที่ผมได้เลือกนั้น ไม่ผิดแน่นอน

     

    ผมยังจำคำอวยพรของชานยอลได้ คำอวยพรที่เจ้าของยังคงเจ็บปวดกับมัน ผมรับรู้ข่าวคราวของชานยอลจากแม่ของเขาอยู่เสมอ ไม่เคยที่จะละเลยเขาซักครั้ง

     

    แต่เพราะความละอายใจ ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับเขา...

     

     

    ขอโทษนะชานยอล ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา

     

     

    และก็ขอบคุณ สำหรับความรักอันยิ่งใหญ่ที่นายมอบให้ ฉันรับรู้และสัมผัสมันได้

     

    แต่ขอโทษที่ให้สิ่งนั้นตอบแทนกลับไปไม่ได้จริงๆ

     

     

     

     

     

    ขอโทษ

     

     

     

     

     

     

    ผมปล่อยแหวนสองวงลงสู่เบื้องล่าง แหวนที่เปรียบดังคำสัญญาของเขา แหวนที่ผมไม่สามารถสวมใส่ได้ แหวนที่ถึงแม้จะเป็นของผมแต่ผมก็ไม่มีคุณค่ามากพอจะใส่มัน

     

     

     

    ลาก่อน ชานยอล 


     

    ----------------------------------

    จบแล้วค่ะ T-T

    น่าสงสารทั้งชานยอลแล้วก็แบคฮยอน

    อยากจิสิงนุ้งแบคเหลือเกิร์ล

    มีป้อจายสองคนให้เลือก โอ๊ยยยย


    เนื่องจากว่า ฟิคเรื่องนี้ก็ครบสองเดือนอีกแล้วค่ะ :) ยิปปี้

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคน ขอบคุณทุกคอมเม้นให้กำลังใจ

    ขอบคุณรีดเดอร์ที่ไปคุยเล่นกับไรท์ในทวิตเตอร์

    เฮฮาเลยทีเดียว :)

    อยากบอกว่า รักนะคะ #รักจากใจจริงๆ 

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×