ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โพยมยอดรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : รักเก่าไม่มีวันกลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      0
      8 ส.ค. 56

                    กว่าจะไล่ไปให้พ้นจากหน้าห้องได้ ต้องตะเบ็งเสียงแทบแย่ ฟริกกาลืมนึกถึงฐานะตัวเองไปเลยว่าเป็นเลขานุการไม่ใช่เจ้านายของเขา แต่เขาก็ช่างยั่วโมโหเธอเสียจริง 

                    คืนนี้เธอเลือกชุดได้ธรรมดาที่สุด จะได้ไม่ต้องเข้าโรงแรมหรูๆ อยู่กับเซเลโน่สองต่อสอง

                    “ว่าไงคะ จะไปกันหรือยัง”

                    เซเลโน่สำรวจมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แล้วก้มมองสูทชั้นดีที่ตัวเองใส่มา

                    “เอ้ สงสัยฉันจะมาผิดงาน ถ้างั้นต้องไปเลือกเสื้อผ้าใหม่ รอสักครู่นะคะ ไม่น่าเกินหนึ่งชั่วโมง”

                    “ไม่ต้องหรอกฟริกกา ไปชุดนี้ดีแล้ว” เซเลโน่รู้ทันว่าหล่อนตั้งใจจะถ่วงเวลาเขา ชายหนุ่มถอดเสื้อตัวนอกออกวางพาดเก้าอี้แถมนั้น ตามด้วยคอซองและพับแขนเสื้อขึ้นสูง

                    “เดี๋ยวๆ คุณจะทำอะไร”

                    “ทำตัวให้เหมือนกันไงครับ ถ้าแบบนี้เราก็ไปด้วยกันได้แล้วใช่ไหม แต่คืนนี้ภัตตาคารระดับวีไอพีคงไม่ต้อนรับเราสองคนในสภาพนี้หรอกครับ

                    “แล้วเราจะไปไหนกันคะ”

                    “ผมมีสถานที่หนึ่งที่อยากไปมากเป็นครั้งที่สอง ผมว่าคุณต้องชอบแน่”

                    “ที่ไหนคะ อุ้ยนี่ไม่ต้องพาฉันวิ่งได้ไหม เดี๋ยวล้ม” เซเลโน่ไม่เปิดโอกาสให้เธอซักไซ้เขาให้เสียเวลา ฉุดแขนพาเดินไปด้วยกันที่รถ

                    ร้านอาหารที่เซเลโน่พาฟริกกาไปเป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ ตั้งอยู่ริมถนน ตัวร้านปลอดโปร่งโล่งสบาย ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่มีระเบียบและสะอาดสะอ้าน เครื่องเรือนที่จัดวางอยู่ภายในร้านแทบทุกชิ้นล้วนเป็นไม้ทั้งหมด ตามมุมต่างๆประดับไปด้วยดอกกล้วยไม้สารพัดพันธุ์ สลับกับพืชไม้ประดับที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกตามบ้านเรือน

                    เจ้าของร้านเป็นสาวใหญ่วัยกลางคนเดินออกจากโต๊ะลูกค้าคนหนึ่ง ทักทายลูกค้าที่เข้ามาใหม่

                    “คุณเซเลโน่ใช่ไหม ฉันจำได้ แหมไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

                    “ขอบคุณนะครับที่จำผมได้ ทั้งที่ผมมารับประทานอาหารร้านนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเอ”

                    “แหม ใครจะไม่รู้จักซีอีโอหนุ่มคนเก่งแห่งโทโรคอมมิวเคชั่นละคะ  ฉันเห็นคุณตามนิตยสารชั้นนำบ่อยไป ไม่คิดนะคะว่าเราจะเป็นคนไทยเหมือนกัน แถมพูดไทยชัดมาก”

                    “รากเหง้าผมเป็นคนไทยครับ ผมไม่มีวันลืมชาติกำเนิดตัวเองแน่นอน วันนี้ผมถึงเลือกมาทานอาหารร้านนี้ไงครับ ลืมแนะนำไปเธอคนนี้เพื่อนผมเอง ชื่อฟริกกา”

                    ฟริกกาพนมมือก้มศรีษะโน้มตัวลงอย่างอ่อนน้อม เจ้าของร้านรับไหว้สีหน้าประหลาดใจ

                    “เป็นคนต่างชาติทำไมถึงได้ไหว้สวยนัก หายากนะฝรั่งไหว้งามๆ”

                    “ฉันเป็นลูกครึ่งค่ะ อยู่เมืองไทยมาแต่เล็กค่ะก็เลยไหว้เป็น”

                    “ว่าแล้วเชียว มิน่าล่ะ แหมแฟนคุณเซเลโน่นี่ ทั้งสวยทั้งมารยาทงามเลยนะคะ”

                    “ก็เพราะแบบนี้ไงครับ ผมถึงเลือกเขา”

                    เซเลโน่ยอมรับหน้าตาเฉย หันมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ส่วนฟริกกาได้แค่ยิ้มเฝื่อน มือข้างหนึ่งแอบหยิกต้นแขนเขาไปด้วย

                    “โต๊ะว่างพอดีเลยค่ะ เชิญค่ะเชิญ จะสั่งอาหารไทยภาคไหนบอกได้เลยนะคะ ร้านฉันมีทุกอย่าง”

                    อาหารไทยสารพัดภาคหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมงดี เขาเชื่อแล้วว่าแม่สาวน้อยคนนี้กินเก่ง แต่รูปร่างยังเพรียวลมเหมือนเดิม

                    “ว่าไงอร่อยไหม ส้มตำร้านนี้ผมชอบมาก เพราะรสชาติจัดจ้านดี แล้วคุณล่ะไม่เผ็ดบ้างหรือครับ เห็นกินไม่หยุด”

                    “เผ็ดแต่อร่อยนี่คะ” ฟริกกาหยิบน้ำขึ้นมาจิบเบาๆ “ไม่อยากเชื่อว่ามีร้านอาหารไทยรสชาติดีแบบนี้อยู่ด้วยนับตั้งแต่ฉันทานอาหารไทยในอเมริกามาหลายปี”

                    “ผมรู้จักร้านนี้ตามคำแนะนำของเพื่อนครับ ดีใจนะที่คุณชอบ เห็นคุณร่าเริงแบบนี้ ผมก็สบายใจ”

                    ยิ้มหวานที่ส่งมาจากใบหน้าหล่อเหลา พร้อมด้วยแววตาชวนฝันอย่างที่ผู้หญิงคนไหนเห็นต้องเคลิบเคลิ้มทำฟริกกาจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ระส่ำจนต้องหาอย่างอื่นมาเรียกความสนใจแทน

                    “ไม่ทราบว่าร้านนี้มีน้ำผลไม้ไหมคะ”

                    “มีครับ เดี๋ยวผมสั่งน้ำดอกอัญชัญให้นะ”

                    เซเลโน่เรียกบริกรหนุ่มมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม ฟริกกาค่อยหายเก้อเขินหลังจากถูกเขาใช้สายตาพิฆาตจ้องมองเธออยู่เกือบชั่วโมง

                    หลังมื้ออาหาร เซเลโน่พาหญิงสาวไปเดินเล่นในสวนสาธารณะซึ่งไม่ไกลจากแถวนั้น บรรยากาศยามค่ำคืนกลางเมืองใหญ่ ใช่ว่าจะมีแต่ความวุ่นวายของสังคมเมืองเสมอไป ยังมีบางมุมที่สงบและสวยงามเหมาะสำหรับพักจิตใจที่สับสน ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากปัญหาชีวิตประจำวัน

                    “คุณทำให้ฉันแปลกใจหลายอย่าง รู้ตัวไหม”หลังจากเดินเล่นเงียบๆมาเกือบชั่วโมง ฟริกกาเป็นฝ่ายชวนคุย

                    “อย่างเช่นเรื่องไหนบ้างครับ” เขายิ้มๆ

                    “ที่วัดไทยไงคะ ฉันไม่อยากเชื่อว่าคุณจะเข้าหาพระกับเขาเป็น เห็นวันๆ หมกตัวอยู่กับตัวเลข มุ่งแสวงหาแต่กำไรอย่างเดียว”

                    “อันนั้นหน้าที่ผมนี่ครับฟริกกา ผมรับงานมาจากพ่อบุญธรรม ทำอย่างไรก็ได้ให้บริษัทได้ผลกำไรมากที่สุด ทั้งที่ผมไม่ชอบการแข่งขัน แต่บางครั้งเราก็มีตัวเลือกน้อยเกินไป”

                    “รวมทั้งฉันด้วยใช่ไหมคะ”

                    ทั้งสองต่างหยุดเดินโดยไม่ได้นัดหมายมาก่อน สีหน้าของชายหนุ่มขรึมขึ้นมา

                    “คุณรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ ใครเล่าให้คุณฟัง รอสใช่ไหม”

                    หญิงสาวโคลงศีรษะ “ ฉันเดาเอาค่ะ ตกลงเดาถูกใช่ไหมคะ”

                    “ทำไมคุณถึงคิดว่าพ่อผมเกี่ยวข้องด้วย”

                    “ฉันแอบเจอเอกสารประวัติของตัวเองในลิ้นชักโต๊ะของคุณเมื่อวันก่อนค่ะ ในจำนวนเอกสารหลายฉบับมีรูปท่านประธานกรรมการใหญ่พร้อมเขียนชื่อไว้ใต้ภาพด้วย พอมาปะติดปะต่อเรื่องราวกัน ฉันคิดว่าการที่ฉันถูกซื้อตัวมาอยู่กับคุณน่าจะเป็นคำสั่งของใครบางคน”

                    ฟริกกาใช้สายตาคาดคั้น  ยิ่งเห็นอาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มยิ่งทำให้น่าสงสัย

                    “ให้ฉันได้รู้เรื่องราวทั้งหมดได้ไหมคะ คุณเซเลโน่ อย่าปล่อยให้ฉันคิดทุกอย่างไปเองเลยนะคะ ฉันทำใจรับได้”

                    เซเลโน่หันมาสบตาหญิงสาว สีหน้าไม่สู้ดีนัก

                    “ตกลง ถ้าคุณอยากรู้นักผมจะเล่าให้ฟังในสิ่งที่ผมรู้ แต่ที่ผมไม่รู้ผมไม่สามารถให้คำตอบคุณได้”

                    เวลาล่วงเลยผ่านมาเกือบสองชั่วโมง ทั่วทั้งบริเวณสวนสาธารณะยามค่ำคืนเงียบเชียบไร้ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา แต่หนุ่มสาวคู่หนึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จากันอยู่ตรงม้าหินสีขาวอ่อน ฟริกกาไม่ควรรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำไปเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่เมื่อเธอระแคะระคายพยายามที่จะคาดคั้นถามเขา จะปิดบังต่อไปเธอก็คงพยายามสืบหาทางอื่นจนได้สักวัน

                    “ฉันไม่เข้าใจ ในเมื่อฉันกับพ่อคุณไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วทำไมท่านต้องการให้คุณมาดูแลปกป้องฉัน”

                    “นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจเหมือนกันฟริกกา ทีแรกผมคิดว่าคุณรู้จักกับพ่อผม แต่เท่าที่ตามสืบประวัติคุณมาหลายวันก่อนจะเจอคุณ จึงรู้ว่าคุณกับพ่อไม่เคยติดต่อกันด้วยซ้ำไป แต่ไม่แน่นะบางทีพ่อผมอาจเคยโดยสารเครื่องบินลำที่คุณทำงานก็ได้ และอาจติดใจคุณในตอนนั้นก็เป็นได้”

                    ฟริกกาพยายามนึกย้อนหลังตั้งแต่ทำงานแอร์โฮสเตสวันแรก ค่อนข้างมั่นใจว่า เธอไม่เคยเห็นประธานกรรมการใหญ่ของโทโรคอมมิวนิเคชั่น

                    “ฉันแน่ใจว่า ฉันไม่เคยพบท่านมาก่อน มีเหตุผลอื่นมากกว่านี้ไหมคะ”

                    “ไม่มีครับ” เซเลโน่ส่ายหน้า “หรือว่า คุณจะเป็นลูกสาวของพ่อบุญธรรมผม”

                    “ท่านไม่มีทายาทนี่คะ เลยขอรับคุณมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เป็นไปไม่ได้แน่นอนค่ะ อีกอย่างแม่ของฉันก็เล่าให้ฟังด้วยพ่อฉันไม่ใช่เศรษฐีมีเงินเป็นร้อยเป็นพันล้าน ออกจะเป็นฝรั่งตกยากด้วยซ้ำไป”

                    “ไม่ยักจะรู้ คุณรู้ประวัติพ่อบุญธรรมผมด้วย”

                    “ฉันเคยค้นหาประวัติคุณในอินเตอร์เน็ต ก็เลยรู้ประวัติท่านไปด้วย ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำตัวเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็น เพราะตอนนั้นฉันยังไม่ไว้ใจคุณ

                    “ที่แท้ฟริกกาก็สนใจอยากตามเรื่องของผมเหมือนกัน แล้วตอนนี้ล่ะ ไว้ใจหรือยังครับ” เซเลโน่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนให้ แต่เธอยังรู้สึกกังวลใจอยู่

                    “ฉันกำลังเครียดอยู่นะ ไม่มีกะใจจะคุยเล่นด้วย”

                    มือหนาอุ่น ขยับไปกุมหลังมือบอบบางที่วางข้างตัว บีบเบาๆ ส่งผ่านความรู้สึกห่วงใยไปให้

                    “ทำใจให้สบายนะ คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”

                    “แต่สีหน้าคุณสวนทางกับคำพูดนะคะ”

                    “คุณนี่ช่างสังเกตเหมือนเดิมเลยนะ” ชายหนุ่มก้มหน้าลอบถอนใจ เงยศีรษะขึ้นมาอีกครั้งพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด

                    “เหตุผมเดียวที่ผมพอนึกได้นะครับก็คือ”

                    ฟริกกาหันขวับมาทางชายหนุ่ม  คิ้วโค้งมนย่นชนติดกัน

                    “พ่อผมปรารถนาในตัวคุณ”

                    ****************************************************************

                    เซเลโน่เป็นคนสรุปทุกอย่างให้ฟริกกาฟัง แล้วกลับมานอนก่ายหน้าผากคิดมากเอง ทำไมเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดด้วยเมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะตามมา


                    “เราชอบฟริกกาใช่ไหม ไม่นะ จะคิดแบบนั้นไม่ได้” ใจหนึ่งก็ปฏิเสธ แต่อีกใจยอมรับว่าเขาดันเผลอใจตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้เข้าให้แล้ว

                    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเมื่อถึงเวลาที่พ่อของเขาต้องการตัวเธอขึ้นมาเมื่อไร เขาจะตัดใจส่งเธอให้พ่อได้แน่หรือ

                    “อย่าลืมนะว่า รอกโก้เป็นผู้มีพระคุณของเรา จะจะไม่มีวันเป็นคนอกตัญญูด้วยการแย่งผู้หญิงของผู้มีพระคุณมาเด็ดขาด “           

                    ดอกกล้วยไม้ช่อใหม่ถูกเปลี่ยนใส่กระแจกันในตอนเช้าของวันทำงานที่แสนสบาย ฟริกกาได้สั่งให้คนช่วยนำมาส่งถึงสถานที่ทำงาน ช่อกุหลาบดูงดงามสีสันฉูดฉาดมากกว่าก็จริง แต่ไม่ทนทานอยู่นานเท่าดอกกล้วยไม้


                    “ฉันเปลี่ยนดอกไม้ใหม่ สวยไหมคะ” หล่อนทักทายเจ้านายหนุ่มเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้อง

                    “ก็ดี แต่วันหลังไม่ต้องนะ เกะกะรกตา” เขาตอบเสียงห้วน สีหน้ามึนตึงเย็นชาผิดจากวันก่อน

                    “วันนี้งานยุ่งแต่เช้าหรือคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” ฟริกกาเอ่ยปากถามตามประสาคนใกล้ชิดคุ้นเคย

                    “ไม่ต้อง งานของผม ผมทำเองได้” เขาตอบโดยไม่มองหน้าเธอ

                    “ค่ะ งั้นฉันไม่รบกวน”  ฟริกกาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ระหว่างตรวจงานสายตาแอบชำเลืองมองไปชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เมื่อวันก่อนยังพูดจากันดีๆอยู่เลย  ทำไมวันนี้กลับมึนตึงเหมือนโกรธใครมาทั้งโลก

                    “พรุ่งนี้คุณย้ายโต๊ะทำงานออกไปหน้าห้องนะ” เซเลโน่พูดลอยๆขึ้นมา

                    “อะไรนะคะ”

                    “โดยปกติผมจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้ผมจะยอมให้ ย้ายโต๊ะออกไปหน้าห้องซะ”

                    ฟริกกาเม้มริมฝีปาก ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำ “ฉันขอเหตุผมได้ไหมคะ”

                    “คุณเป็นเลขานุการของผม เสมือนผู้ช่วยผม แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ห้องเดียวกัน คุณมีหน้าที่รับหน้าคนที่ต้องการพบผม ฉะนั้นคุณต้องไปอยู่ตรงนั้นถึงจะถูก”

                    ฟริกกานับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนจะลงมือกลับไปเก็บข้าวของส่วนตัวออกจากโต๊ะทำงาน

                    “ตกลงค่ะ ฉันจะไปอยู่ทำหน้าที่หน้าห้องทำงานของคุณ  ไม่ต้องห่วงว่าพอไกลหูไกลตาเจ้านายฉันจะเหลวไหล เงินที่คุณซื้อตัวฉันมา จะทำงานให้คุ้ม”

                    “ก็ดีที่ยังสำนึกบ้าง เดี๋ยวผมจะไปประชุมกรรมการบริหาร  กลับมาอีกครั้งหวังว่าจะเรียบร้อย”

                    ท่าทางเย็นชาของเซเลโน่ทำให้ฟริกกามีทั้งความแปลกใจระคนโมโหไปพร้อมกันๆ เขาจะมาไม้ไหนกับเธออีกนะ นึกอยากจะให้มานั่งใกล้กันก็จัดการเองโดยไม่ถามสักคำ นึกอยากจะไล่ก็ไล่

                    “เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือไง ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ”  หล่อนหน้าบึ้งอารมณ์ไม่ดี วันนั้นทั้งวันไม่พูดกับใครแม้แต่เจ้านายหนุ่มของเธอสักคำ

                    ฟริกกาใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นฟิตเนตหลังเลิกงาน นอกจากเป็นการออกกำลังหายแล้วยังทำให้เธอลืมเรื่องไม่สบายใจบางเรื่องไปได้ หญิงสาวซับเหงื่อที่ไหลโซมใบหน้าหลังจากวิ่งบนลู่เสร็จ จากนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ก่อนมื้ออาหารค่ำ

                    “ว้าย” หล่อนตกใจเมื่อมีมือของใครสักคนกระชากตัวหลบไปมุมกำแพง แล้วมือหนาของคนๆเดียวกันก็ยกมาปิดปากหญิงสาวกันไม่ให้เธอร้องออกมา

                    “ผมเองฟริกกา อย่าเสียงดังไปผมมาดี”

                    เสียงนั้นคุ้นหู เธอเหลือกตาขึ้นมองจึงเห็นว่าเป็นพอล เขาปล่อยมือตัวเองออกมาจากริมฝีปากหญิงสาว

                    “คุณมาทำไม” ฟริกกาชำเลืองมองไปที่ประตูทางเข้าฟิตเนส คนของเซเลโน่ยืนอยู่ข้างนอก เธอจึงหามุมที่สามารถหลบสายตาพวกเขาได้

                    “ผมคิดถึงคุณ และมีเรื่องอยากอธิบายด้วย ผมว่า..

                    “ฉันไม่ต้องคำแก้ตัวใดๆ ทั้งนั้นค่ะ ฉันบอกแล้วไงค่ะที่ผ่านมาฉันเข้าใจว่าคุณจำเป็น”

                    “ดีใจนะที่คุณเข้าใจผม” พอลส่งยิ้มหวานเชื่อมบนใบหน้าหล่อเหลาเหมือนอย่างวันแรกที่ฟริกกาพบเขา และยอมรับเขาในฐานะที่มากกว่าเพื่อนธรรมดา ถ้ารู้มาก่อนว่าจะต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ จะไม่รับไมตรีนั้นเลย

                    “ฉันเข้าใจคุณดีค่ะ ว่าเงินสำคัญสำหรับคุณมากแค่ไหน มากกว่าฉันซึ่งเคยเป็นคนรักของคุณ ไม่งั้นคุณคงไม่หักหลังฉัน”

                    พอลหน้าเสียเมื่อหล่อนตัดพ้อต่อว่า

                    “ผมเสียใจครับฟริกกา ผมสำนึกผิดแล้วครับ ให้โอกาสผมได้แก้ไขตัวนะ ผมจะหาเงินมาแลกกับอิสรภาพของคุณให้ได้”

                    “เงินสกปรกที่ได้มาจากการพนันหรือคะ ฉันไม่ขอรับ บอกตามตรงรังเกียจ”

                     พอลอึ้งไปหลายนาที ยิ่งง้องอนหล่อนก็ยิ่งแสดงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด

                    “ผมเลิกเล่นการพนันหมดแล้วครับฟริกกา เพราะรู้ว่าไอ้เจ้าสิ่งนี้ทำให้ผมเสียคุณไป ยกโทษให้ผมนะครับ”

                    “ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือคะว่าฉันไม่โกรธคุณ แต่เราไม่ควรเจอกันอีก ขอโทษนะคะ ฉันต้องไปแล้ว”

                    “เดี๋ยวสิ ฟริกกา ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหลายเรื่องนะ ขอเวลาได้ไหมครับ”

                    “ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะคะ  เสียใจด้วย ฉันต้องไปแล้วจริงๆ” ฟริกกาปัดมือชายหนุ่มออกไปจากหัวไหล่กลมกลึง  เปิดประตูจะหนีหน้าพอลเข้าไปข้างในห้องแต่งตัว  ถ้าทำได้เธออยากไปไหนก็ได้ให้ไกลที่สุด หนีไปให้ทันก่อนน้ำตาหยดแรกจะไหลอาบแก้ม

                    “แต่เรื่องที่ผมจะบอกคุณ เกี่ยวข้องกับโอมาร์ ”

                    เธอชะงักฝีเท้า จากตอนแรกไม่คิดจะสนใจ แต่พอเขาเอ่ยชื่อผู้ชายอันตรายคนนั้นออกมา จึงยอมหันกลับมา

                    “ผมอยากจะเตือนคุณเท่านั้น  คุณควรจะรู้จักโอมาร์ให้มากกว่านี้นะ จะได้ระวังตัวได้”

                    ฟริกกาลังเล  คำพูดของพอลน่าเชื่อได้แค่ไหนกันในเมื่อเขาเคยหลอกเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ดูเหมือนบอดี้การ์ดส่วนตัวข้างนอกเริ่มผิดสังเกต

                    ในที่สุดฟริกกายอมเดินกลับมาหาพอล กระซิบเสียงเบาๆคุยกัน

                    “ซอยถัดจากนี้ไปมีร้านกาแฟเล็กๆ อยู่ร้าน คุณไปรอฉันที่นั่นก่อนแล้วกัน ฉันจะตามไป ตอนนี้ไม่สะดวกเท่าไร”

                    หัวใจของพอลลิงโลดขึ้นมา ในที่สุดเขาก็ทำให้เธอหันกลับมาสนใจเขาอีกครั้ง

                    “ตกลง ผมจะรอคุณอยู่ที่ร้านกาแฟนะ คุณต้องไปพบผมให้ได้เพราะเรื่องที่ผมจะบอกคุณเป็นเรื่องความเป็นความตายของตัวคุณและเซเลโน่”

                    ลูกน้องของเซเลโน่กำลังเดินเข้ามาข้างใน ฟริกกาพยักหน้าบอกให้ชายหนุ่มรีบซ่อนตัว ส่วนตัวเธอแกล้งทำเป็นเดิน

    เข้าห้องแต่งตัวเหมือนปกติ

                    เซเลโน่เป็นห่วงสินค้าของเขาจนต้องให้คนมาคอยดูแลความปลอดภัยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  หรือเขาหวงเธอกันแน่นะถึงได้คุมเข้มขนาดนี้ ฟริกกาไม่ชอบถูกคุมตัวเป็นนักโทษ ที่มีคนคอยตามจับตาดูอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็หาทางเลี่ยงไมได้เสียที

                    “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันขอเข้าไปดูเสื้อผ้าร้านนี้หน่อย เห็นว่ามีแฟชั่นออกใหม่ ช่วยถือของให้ฉันด้วยค่ะ” ผู้คุ้มกันเธอแค่พยักหน้ารับสิ่งของและยิ้มยิงฟันขาวให้อย่างเคยโดยไม่ถามสักคำ เธอเลือกสินค้าสองสามชิ้น จ่ายเงินและแอบถามทางออกข้างหลังจากเจ้าของร้าน

                    พอลนั่งรออดีตคนรักเกือบครึ่งชั่วโมง ดื่มหมดกาแฟไปสามแก้ว เขาเริ่มหงุดหงิดที่ถูกปล่อยให้คอยนานเกินไป  เสียงกระดิ่งหน้าประตูทางเข้าดังกรุ๊งกริ๊ง ชายหนุ่มชะเง้อคอมอง เมื่อเห็นร่างบางก้าวผ่านมู่ลี่ของร้านก็ลุกขึ้นยืนร้องเรียก

                    “ทางนี้ครับฟริกกา” หญิงสาวหันไปมองซ้ายขวาและเหลียวมองกลับไปข้างหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนสะกดรอยตามเธอมา

                    พอลเอาอกเอาใจฟริกกาเหมือนครั้งยังคบหากันอยู่ เขาเลือกขนมหวานแสนอร่อยที่เธอชอบ และกาแฟรสที่เธอโปรดมาให้ นี่คือความดีของเขาที่ทำให้ฟริกกายังไม่ตัดขาดจากความเป็นเพื่อน

                    “ทานเยอะๆนะครับ ผมว่าฟริกกาผอมไป เซเลโน่ไม่ดูแลคุณเลยหรือครับ”

                    “ฉันลดหุ่นค่ะ อีกอย่างใครจะมาสนใจฉันล่ะค่ะ”

                    “แย่มาก ผมจะไปต่อว่าเขาให้น่าดู เขาเอาคุณไปทิ้งขว้างได้ไงกัน”

                    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชินกับการถูกทิ้งขว้างแล้ว”

                    เธอว่ากระทบกระเทียบวกกลับมาเรื่องราวเจ็บช้ำของตัวเองอีกครั้ง พอลตีหน้าเศร้า เลื่อนมือไปจะไปกุมมือหญิงสาว แต่เธอกลับขยับมือหนี 

                    “ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย”    

                    “เรื่องผ่านมาแล้วค่ะ มาพูดกันตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ฉันว่านะคะพอล เราน่าจะเข้าเรื่องของเราได้แล้ว  ฉันอยู่นานไมได้”


                    พอลประสานมือตรงหน้าแก้เก้อ ผ่อนลมหายใจออกมาเสียงดัง สีหน้าสลดเล็กน้อย  

                    “เอาล่ะ ผมจะบอกทุกสิ่งที่ผมระแคะระคายมาให้ฟัง ก่อนหน้าที่ผมจะมาหาคุณ โอมาร์มาหาผมก่อน เขาต้องการให้ผมหลอกล่อคุณมาให้เขา”

                    “อะไรนะคะ นี่เป็นเรื่องจริงหรือคะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยฉัน”

                    “เขาไม่มีทางปล่อยคุณง่ายๆหรอกครับ โอมาร์เป็นคนที่อยากได้สิ่งใดหรือใครแล้วต้องได้ ใครมาขัดขวางเขาเล่นงานถึงตายเชียวแหละ”

                    “แล้วคุณทำไงต่อ มาหาฉันที่นี่เพื่อหลอกล่อฉันไปให้โอมาร์ใช่ไหม”

                    “โธ่ฟริกกา ถ้าผมจะหลอกคุณไปให้เขา ผมจะมาบอกคุณให้รู้ตัวทำไม”

                    “ไม่แน่นะคะ อาจเป็นแผนของคุณที่ลวงให้ฉันตายใจก็ได้”

                    “ผมไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด  รู้ไหมผมเสียใจแค่ไหนที่รักตัวกลัวตายจนยอมขายคนที่ผมรักให้เซเลโน่ คนแปลกหน้าสำหรับคุณ ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่น่าเลย”

                    “จะมาพูดกันตอนนี้คงสายไปแล้วค่ะ เล่าต่อสิคะ จากนั้นคุณตอบโอมาร์ว่าไง”

                    “ผมปฎิเสธสิครับ ผมไม่ใจร้ายพอที่จะทำร้ายน้ำใจคนที่ผมรักซ้ำแล้วซ้ำอีก โอมาร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่กล้าทำอะไรผมในบ้าน มีพยานหลายคนเห็นเขาเข้ามาในบ้านผม”

                    “จากนั้นยังไงต่อค่ะ ถ้าคุณไม่ได้รับปากทำงานให้เขา เรื่องก็น่าจะจบลงแค่นี้”

                    “มันจะไม่จบง่ายๆอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ฟริกกา  โอมาร์เขาอยากได้คุณไปเป็นผู้หญิงในฮาเร็มของเขาทุกลมหายใจ เขากำลังหาวิธีอื่นในการแย่งคุณมาจากเซเลโน่ อยากให้คุณระวังคนรอบตัวให้ดี อย่าเชื่อใจใครมาก”

                    ฟริกกาส่ายหน้า รู้สึกอนาจใจตัวเอง เธอต้องกลายเป็นสินค้าให้คนสองคนมาแย่งกันครอบครองเช่นนั้นหรือ มีราคาค่าตัวไม่กี่ล้าน ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงที่เอาร่างกายเข้าแลก แค่เธอยังไม่ได้ทำแบบนั้นเท่านั้น และจะไม่มีวันมอบพรหมจรรย์ให้ใครคนไหนเด็ดขาดจนกว่าจะแต่งงาน

                    “คุณจะมาเตือนฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ ฉันขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์ไม่หักหลังฉันเป็นครั้งที่สอง และยังมาบอกให้ฉันระวังตัวด้วย เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่”

                    “ผมยังรักและหวังดีต่อคุณเสมอนะครับ ฟริกกา”

                    “ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความปรารถนาดีค่ะ คุณมาหาฉันได้เสมอนะคะ ในฐานะคนรู้จักกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”

                    “เดี๋ยวครับฟริกกา” 

                    ฟริกกามองมือที่กุมรอบข้อมือเธออย่างไม่ค่อยพอใจนัก  พอลรีบปล่อยมือตัวเองเมื่อเห็นสายตาหญิงสาว

                    “ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณได้ไหมครับ”

                    คิ้วโค้งมนย่นขยับเรียงเป็นเส้นตรง ฟริกกายอมนั่งลงที่เก่า รับฟังปัญหาของอีกฝ่ายบ้าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×