ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โพยมยอดรัก

    ลำดับตอนที่ #8 : เฒ่ามากเล่ห์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 171
      0
      25 ก.ค. 56

                    ฟริกกาพิจารณาพระเหรียญที่ได้มาใหม่จากหลวงลุงของเซเลโน่ ยกมือขึ้นพนมก่อนจะคล้องคอไว้เหมือนเดิม  เซเลโน่หันมายิ้มๆ รู้สึกดีที่เห็นสีหน้าเธอแจ่มใสขึ้น

                    “ไว้ผมจะให้คนหาซื้อสายสร้อยเส้นใหม่มานะครับ จะเอาทองคำแท้หรือทองคำขาวดี หรือสร้อยเพชรค่ะ”

                    “สร้อยเงินธรรมดาก็พอค่ะ แต่ไม่ต้องลำบากหาซื้อมาให้ฉันหรอกนะคะ ฉันพอรู้แหล่งซื้อในเมืองนี้ หาไม่ยากหรอกค่ะ”

                    “ตามใจแล้วกัน แต่ให้รอสไปเป็นเพื่อนนะ”

                    “เอ๊ะนี่คุณ ฉันไม่ใช่นักโทษนะ ไม่จำเป็นต้องตามติดทุกฝีก้าว” ก่อนหน้านั้นอุตส่าห์อารมณ์ดี ตานี่มายั่วต่อมโมโหเธออีก

                    “ผมรู้ครับ ว่าคุณเป็นอดีตแอร์โฮสเตสแสนสวย ปัจจุบันเป็นเลขานุการซีอีโอใหญ่ ไม่ใช่นักโทษ แต่คุณควรรู้ไว้นะว่าชีวิตคุณไม่ปลอดภัยนักอย่าอวดเก่งหน่อยเลย”

                    “ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉันก็เวลาอยู่กับคุณนี่แหละ คุณเป็นตัวอันตรายสำหรับฉันรู้ไว้ซะ”

                    เซเลโน่เหนื่อยจะโต้เถียงกับเธอ บางครั้งก็รู้สึกสนุก  แต่บางทีก็ท้อใจ ถ้าเธอจะมองเขาในแง่ดีมาก คงจะเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่านี้

                    “คุณไม่รู้ตัวหรือว่า โอมาร์เขาจ้องจะงาบคุณอยู่แทบทุกเวลา เผลอเมื่อไรคุณเสร็จเขาแน่ ไม่กลัวบ้างหรือไงครับ เอ้หรือว่าคุณอยากไปเป็นอีหนูของเศรษฐีอาหรับคนนั้น แน่ละสิ เขาสามารถเสกทุกอย่างให้ได้หมด ผู้หญิงก็งี้แหละชอบความสบาย”

                    “ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ” ฟริกกาเงื้อง่ากำปั้นขึ้นมาเตรียมจะต่อยปากเสียของชายหนุ่ม  นึกด่าว่าคนผีทะเลจะพูดจาไม่รู้จักคิดถึงจิตใจคนฟังบ้าง

                    “อ๊ะ อ๊ะ ผมแค่พูดเล่น ทำไมต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วย ถ้าเรื่องไม่เป็นความจริงอย่าร้อนตัวสิครับ คุณเลขาและถ้าต่อยผมมีเลือดกลบปากเมื่อไร คุณจะได้ชิมเลือดจากปากผม ไม่เชื่อจะลองดูก็เอา ผมยอมเจ็บตัวถ้าได้จูบปากคน”

                    ฟริกกาหยุดค้างไม่กล้าทำลงมือ ยอมลดแขนลงวางข้างตัว

                    “หวังว่าจะไม่ได้ยินคำพูดดูถูกแบบนี้อีกนะคะ ถ้าเรายังอยากเข้าหน้ากันติด”

                    เซเลโน่มองหญิงสาวเดินปั้นหน้าบึ้งจากไป ดูช่างอ่อนไหวเสียเหลือเกินพูดหยอกล้อเล่นนิดหน่อยก็โกรธ

                    “เฮ้อ ผู้หญิงนะผู้หญิง”

                    คำพูดไม่เข้าหูทำให้เธอแทบไม่พูดกับเขาถึงสามวัน นอกเหนือจากเรื่องงาน  จนเช้าวันหนึ่ง ฟริกกาพบว่ามีช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่มาวางอยู่บนโต๊ะ
     

                “ผมขอโทษสำหรับเรื่องวันก่อน ทำงานให้สนุกนะ ผมไม่อยู่หนึ่งสัปดาห์ น่าจะสบายหูสบายตาขึ้น”
                                                                                                                เซเลโน่              
                   

                    “อีตาบ้านี่ ตัวไม่อยู่ยังส่งดอกไม้มาหลอกหลอนอีก” หล่อนกำลังจะเหวี่ยงลงถังขยะ นึกได้อีกทีก็เสียดายเหมือนกัน “เอาเถอะ ยังดีที่อุตส่าห์มาขอโทษ ครั้งนี้ให้อภัยแล้วกัน แต่แค่ดอกไม้ช่อเดียวไม่พอหรอก กลับมาก่อนจะเรียกร้องค่าเสียหายให้มากกว่านี้ คอยดู”
    ฟริกกาจัดการเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันตัวเองเสียใหม่ ห้องทำงานที่วันๆมีแต่ความเครียดจึงมีชีวิตชีวาขึ้น

                    “คุณฟริกกาคะ มีคนมาขอพบค่ะ” เสียงเครื่องอินเตอร์คอมดังขึ้น ฟริกกากดพูดตอบกลับไปว่าเธอจะออกไปในอีกไม่เกินห้านาที

                    คนที่มาขอพบเธอรออยู่ที่ห้องรับแขกของบริษัทแล้ว เมื่อฟริกกาเข้าไปถึงเขาหมุนเก้าอี้กลับมา เธอรู้สึกตกใจปนประหลาดใจไม่คิดว่าคนผู้นี้จะกล้าเข้ามาเหยียบถึงบริษัทของคู่แข่ง

                    “ยินดีที่พบกันเป็นครั้งที่สามนะฟริกกา จะไม่ทักทายกันสักคำหรือ”

                    “ยินดีเช่นกันค่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณ คุณต้องการพบฉันด้วยเรื่องอะไรค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวต้องขอโทษด้วยนะคะ  ฉันมีงานเร่งด่วนที่ต้องทำ คงต้องไว้หลังเลิกงานค่ะ“

                    “ถ้าจะบอกว่าทั้งสองอย่างเธอยังจะให้การต้อนรับฉันไหมฟริกกา”

                    “เช่นนั้นคงไม่ขัดข้อง ไม่ทราบว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรคะ จะให้แม่บ้านไปจัดการให้ค่ะ”

                    “โอ้ยไม่ต้องหรอก อย่าให้ยุ่งยากเลย แค่อยากจะขอคุยกับเธอสักไม่กี่นาทีแล้วจะรีบไปทำธุระต่อ เชิญนั่งก่อนดีไหม”

                    ฟริกกาเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามโอมาร์ ถึงจะระแวงแค่ไหน แต่ยังเบาใจ สถานที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตของเซเลโน่ คนผู้นี้คงไม่คิดตื้นผลีผลามทำเรื่องไม่ควร

                    “คุณโอมาร์ช่วยเริ่มเรื่องได้เลยนะคะ ถ้าจำเป็นต้องรีบไปทำธุระ”

                    เธอเร่งเขาเพราะอยากจะออกไปจากห้องนี้โดยเร็วเหมือนกัน เหมือนโอมาร์จะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ไว้ตน

                    “อย่างแรกฉันอยากติดต่อขอใช้บริการบริษัทของเธอ  และอย่างที่สอง ฉันมีข้อเสนอบางอย่างอยากจะนำเสนอ ไม่รู้ว่าเธอจะสนใจไหม”

                    “ข้อเสนอหมายถึงส่วนตัวใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะ ช่วยพูดกันตรงๆ ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา”

                    โอมาร์ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เออดี ไม่อ้อมค้อมแบบนี้ฉันชอบ เอาเป็นว่า ฉันรู้เรื่องของเธอก่อนหน้านั้นมาจากพอลหมดแล้ว เซเลโน่ซื้อตัวเธอมาเป็นเงินหลายล้านทีเดียว ซึ่งฉันสามารถให้ได้มากกว่าถ้าเธอต้องการ”

                    ฟริกกากัดริมฝีปากบางแน่น ชาวาบไปทั้งใบหน้า คนรักเก่าของเธอประจานเธอให้คนอื่นได้รู้กันทั่วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ถูกขายทอดออกไปราวกับสินค้า และมีพ่อค้าสองคนพยายามจะประมูลซื้อตัวให้ได้

                    “คุณจะซื้อตัวฉันไปอยู่ในฐานะอะไรคะ บอกได้ไหม”

                    “ฐานะอะไรงั้นหรือ” โอมาร์ยิ้มๆยกมือขึ้นเกาเครา รอยยิ้มที่ฟริกกาได้เห็นทำให้เธอหวั่นใจลึกๆ แต่ยังเชิดหน้ากล้าท้าทายเขาอยู่ อย่างน้อยเธอก็มีผู้คุ้มครอง

                    “เลขานุการของฉันไง ตำแหน่งเดียวกับที่เธอทำที่นี่ แต่เงินเดือนมากว่าห้าเท่า มีบ้านมีรถให้ พร้อมทุกสิ่งที่เธอต้องการเพียงแค่ร้องขอมา”

                    หล่อนก้มหน้าลง พยายามควบคุมลมหายใจเข้าออกยาวๆ ช้าๆ สม่ำเสมอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใจร้อนลุกขึ้นต่อว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนี้ไปแล้ว

                    “ขอโทษนะคะที่ฉันต้องปฏิเสธ ฉันไม่ต้องการเงินทองมากกว่านี้ค่ะ ฉันพอใจที่เป็นอยู่แล้ว”

                    ใบหน้าเปื้อนยิ้มของโอมาร์ในตอนแรกหดหาย เห็นกล้ามเนื้อกระตุกข้างแก้ม ถูกบอกปัดโดยไม่ลังเลใจแบบนี้ หมายความว่าเธอไม่เห็นหัวเขา หรือข้อเสนอของเขาไม่น่าสนใจพอ

                    “เธอต้องการเท่าไรบอกมา” น้ำเสียงเขาเข้มขึ้น

                    “เงินไม่สำคัญสำหรับฉันหรอกค่ะ  ถ้าฉันพอใจจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ค่ะ”

                    “แปลว่าเธอไม่ยินดีจะไปอยู่กับฉัน”

                    “ฉันต้องขอขอบคุณนะคะที่ท่านให้โอกาสฉันได้รับใช้ แต่ฉันอยากอยู่กับคุณเซเลโน่มากกว่า”

                    คำตอบเธอกระแทกใจเขาโดยตรง โอมาร์ขบกรามจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมาชัดเจน รวบนิ้วทั้งห้าเข้าหากันกำแน่นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคลายตัวออกมา เธอช่างกล้าปฏิเสธคนอย่างโอมาร์ หนึ่งในบุคคลผู้มีอำนาจในการต่อรองกับใครก็ได้บนโลกใบนี้

                    “ไม่เป็นไร ฉันไม่ชอบบังคับใจใครอยู่แล้ว” ปากบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจคับคั่งด้วยความแค้น เขาแค้นเซเลโน่ที่มาแย่งเธอตัดหน้าก่อน แค้นเธอที่ไม่รับข้อเสนอของเขา เงินไม่สามารถซื้อใจผู้หญิงคนนี้ได้เลย โอมาร์แสร้งยิ้มกลบเกลื่อนอาการโกรธของตนได้อย่างแนบเนียน

                    “ฉันขอตัวกลับก่อนนะ ไม่มีธุระอื่นแล้ว ส่วนเรื่องจะติดต่อธุรกิจ เดี๋ยวให้คนของฉันเข้ามาติดต่อกับเธอเอง ตกลงไหม”

                    “ได้ค่ะ ทางเรายินดีต้อนรับ คนของคุณโอมาร์เสมอ ฉันขออนุญาตไม่ไปส่งนะคะ”

                    “ไม่จำเป็นหรอก ไว้เจอกันวันหลังนะสาวน้อย วันนี้พอแค่นี้ก่อน”

                    ร่างสูงใหญ่เดิมลิ่วจากไป โดยมีสมุนเดินตามซ้ายขวา ฟริกกามองตามคนทั้งสามจนหายเข้าไปในลิฟต์ ถอนใจเสียงดังเฮือกใหญ่

                    “เซเลโน่พูดไม่ผิดจริง โอมาร์ไม่ยอมปล่อยเราไปเสียทีเห็นต้องระวังตัวให้มากกว่านี้” ฟริกกาไม่มีที่พึ่งไหนที่พอไว้ใจตามคุ้มกันเธอกลับบ้านได้นอกจากรอส ลูกน้องคนสนิทของเซเลโน่ รอสรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากหญิงสาว และในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงดี ทุกคำพูดที่ฟริกกาบอกกับเขาก็ถูกถ่ายทอดให้เจ้านายข้ามทวีป

                    เซเลโน่รู้สึกกังวลใจ โอมาร์รุกเข้ามาเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก เขาออกคำสั่งให้รอสเพิ่มกำลังคนคุ้มกันหญิงสาวอีกเท่าตัว ทั้งบ้านของเธอและสถานที่ทำงาน“อีกไม่เกินสามวันฉันจะกลับไปนะ ยังไงฝากดูแลฟริกกาให้ด้วย อย่าให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด ไม่งั้นพ่อฉันเล่นงานตาย”
                    เซเลโน่เฝ้าถามตัวเองในใจว่าเขากลัวอะไรกันแน่ กลัวพ่อบุญธรรมจะลงโทษที่ทำงานบกพร่องหรือกลัวอย่างอื่น

                    เมื่อการเจรจาภาษาดอกไม้กับผู้หญิงที่ตนหมายใจไว้จะให้มาเคียงข้างกายล้มเหลว โอมาร์ถึงกับไม่ออกไปดูโลกภายนอกถึงสองวัน ราวกับเด็กหนุ่มเริ่มมีความรักครั้งแรก


                    ผู้หญิงคนนั้นนับวันยิ่งน่าหลงใหล ไม่ว่าจะหน้าตาที่คมเข้มสะสวยหรือเรือนร่างอรชร เขาสะดุดตาเธอตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน แต่ตอนนั้นเขาเมามากจึงเผลอแสดงความเจ้าชู้กับแอร์โฮสเตสคนอื่นให้เธอได้เห็นและรู้สึกฝังใจไม่ดีกับเขาก่อน เรื่องวันนี้จึงไม่สำเร็จ

                    โอมาร์พึ่งไวน์ชั้นดีจากเมืองนอกตามเคย โทรสั่งให้คนไปรับโซเฟียมาดื่มเป็นเพื่อนตน

                    สาวไซด์ไลน์ชั้นสูงก้าวเข้ามาในห้องนอนของโอมาร์ โซเฟียเห็นว่าชายแก่ที่เธอรังเกียจนักหนาแต่ต้องข่มใจแกล้งทำดียืนรอเธออยู่ที่ระเบียง

                    “มาแล้วหรือโซเฟีย มาดื่มด้วยกัน ฉันดื่มคนเดียวไม่สนุก” เขาพยักหน้าเรียกหญิงสาวเข้าไปใกล้ หล่อนฉีกยิ้มกว้าง เดินนวยนาดไปนั่งบนตักของโอมาร์  หยิบแก้วไวน์บนโต๊ะมาชน

                    “เพื่อความสำเร็จของเราค่ะโอมาร์ เห็นว่าวันนี้ไปหาแม่คนนั้นถึงบริษัทของเซเลโน่ใช่ไหม ได้ความว่าไงคะ”

                    พอถามถึงเรื่องนี้ สีหน้ารื่นรมย์ของโอมาร์ก็เปลี่ยนเป็นมึนตึงทันที

                    “เธอไม่ยอมรับข้อเสนอของฉัน เป็นผู้หญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรี”

                    “โง่แต่จองหองมากกว่าค่ะ”โซเฟียขัดขึ้นมา ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจแต่อดไม่ได้ หล่อนหมั่นไส้ฟริกกา จะเล่นตัวโก่งราคาค่าตัวหรืออย่างไร

                    “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น หรือว่าไอ้เซเลโน่ให้ได้มากกว่า มันทั้งหนุ่มแน่น ฟริกกาคงติดใจมัน”

                    “แต่ก็สู้บทรักของท่านโอมาร์ไม่ได้หรอกนะคะ” เธอว่าพลางส่งสายตายั่วยวนไปให้ โอมาร์หยิบแก้วไวน์จากมือหญิงสาววางบนโต๊ะ รวบร่างอ้อนแอ้นเขามาแนบชิด บดริมฝีปากแดงกระหน่ำแรงจูบลงไปไม่ยั้ง มือหยาบหนาที่ประคองใบหน้าเลื่อนลงไปใต้อาภรณ์ลูบไล้เนินขาวอุ่นนุ่ม แค่ออกแรงบีบเล็กน้อย เจ้าของเต้างามถึงกับสะดุ้งเฮือก

                    “อุ้ย ตรงนี้หรือคะ ท่าน”

                    “ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรือ ได้เปลี่ยนบรรยากาศ”

                    “แหม แต่โล่งโจ้งไปนิดนะคะ เดี๋ยวใครเห็นเขา”

                    “ก็ลมมันเย็นนี่ฉันชอบ จะไปอายใคร คฤหาสน์หลังนี้อยู่ไกลจากบ้านคนอื่น  มีคนของฉันเฝ้าอยู่ข้างนอก ถ้าฉันไม่เรียกไม่มีใครเข้ามาหรอกเชื่อเถอะ”

                    “แหม แต่ท่านคะ”
                    “อย่าขัดฉันสิ โซเฟีย”  โอมาร์ไม่สนว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน สถานที่ส่วนตัวของเขาไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา ได้ลองเปลี่ยนมุมเล่นบทรักบ้างช่วยกระตุ้นความเร้าใจ

                    การกอดจูบอยู่บนเก้าอี้ยาวซึ่งมีพื้นที่ไม่มากนักไม่ค่อยถนัดจะเล่นกิจกรรมยามว่าง ทั้งคู่จึงกลิ้งตัวมาด้านล่างทั้งที่ปากยังประกบกันอยู่ สองร่างยังแนบชิดติดกัน ถึงโอมาร์จะอายุมากแต่โซเฟียกลับรู้สึกว่าเขาเหมือนคนหนุ่มที่ยังมีกำลังวังชา ลีลาเร่าร้อนไม่แพ้ใคร

                    โอมาร์หลงโซเฟียพอควร แม้จะต้องใช้ผู้หญิงร่วมกับศัตรู แต่เขาไม่แคร์ โซเฟียจำเป็นต้องทำตามคำสั่งเขาและทำได้ดีเสียด้วย ที่ผ่านเขาสอนบทเรียนบนเตียงให้และเธอได้นำไปใช้จนสามารถหลอกหาข่าวจากเซเลโน่ได้สำเร็จ

                    กอดจูบลูบคลำกันอยู่ไม่นาน เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่กลายเป็นของเกะกะจนเริ่มถอดออกทีละชิ้น เริ่มจากเสื้อเปิดคอกว้างถูกดึงรั้งจนเห็นสองเต้าขาวเต่งตึงปลายอมชมพูมีสีคล้ำเล็กน้อยชูหราอวดโฉมให้เห็น เฒ่าชาวตะวันออกกลางไม่รอช้า สวาปามยอดปทุมถัน  ฉกปลายลิ้นอย่างคล่องแคล่ว เสียงลมหายใจของโซเฟียเริ่มขาดหายเป็นบางช่วง  บางครั้งมีเสียงครางแทรกมาเป็นระคะ

                    “ท่านคะ ฉันไม่ไหวแล้วนะคะ” หล่อนแอ่นกายลอยขึ้นมา กัดริมฝีปากบางด้วยอาการสะท้านไปทั้งตัว ช่างเป็นความหฤหรรษ์ที่หาจากใครไม่ได้อีกแล้ว นึกสมน้ำหน้าฟริกกา สวรรค์อยู่ร่ำไรแท้ๆแต่กลับปฏิเสธ

                    “ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไร” โอมาร์ไล่ปลายจมูกจากเนินขาวไปจนถึงหน้าท้อง ส่วนที่ต่ำลงไปจากนั้นทำเอาหญิงสาวถึงกับส่งเสียงกรีดร้องออกมาเบาๆ

                    “อืม เธอนี่สวยไปทั้งตัวเลยนะ โซเฟีย”

                    “ท่านคะ จะทรมานฉันไปถึงไหน พอเถอะค่ะ”

                    “ถ้าฉันหยุดแค่นี้ เธออาจจะทรมานไปมากกว่านี้นะ”

                    เขากระชากชุดเธอลงมา เผยเรือนร่างได้สัดส่วนขาวผ่อง หล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยสมบูรณ์ที่สุดสำหรับผู้ชายทุกวัยที่ต้องการแสวงหาความสุขเช่นนี้ แต่เขาก็ยกให้เธอเป็นได้แค่นางบนเตียง

                    โอมาร์ลุกขึ้นจัดการตัวเองให้มีสภาพไม่ต่างหัน เห็นโซเฟียนอนบิดกายรอความสุขจากเขาแล้วก็รู้สึกกระหยิ่มในใจ  ถ้าผู้หญิงอีกคนยอมเขาแบบนี้คงจะดี เขาจะทำให้ฟริกกาติดใจรสสวาทจนไม่อาจห่างจากเขาแม้แต่นาทีเดียว

                    “เธอพร้อมแล้วแน่นะ”

                    “ท่านไม่น่าถามเลยนะคะ  มีครั้งไหนที่ฉันบอกว่าไม่พร้อมบ้าง”

                    โอมาร์ฉีกยิ้มมุมปาก ก้มตัวลงไปจูบทั่วร่างขาวเนียน ก่อนจะลุกมานั่งตัวตรง ขยับท่านั่งให้ถนัดเตรียมพร้อมมอบความสุขสุดยอดให้เธอ

                    ร่างสูงเคลื่อนเข้าหาเธอทีละน้อย บางสิ่งเคลื่อนแทรกผ่านร่างบอบบางทีละนิด ใบหน้าโซเฟียเหยเก กัดปากแน่น ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

                    “ช่างดีเหลือเกินนะคะ อย่าหยุดสิคะ”

                    พอเห็นความต้องการของเธอ โอมาร์ไม่รอ โหมแรงที่มีทั้งหมดลงไปใส่ไม่ยั้ง หล่อนครางเสียงดังลั่น สะบัดหน้าไปมาก่อนจะปล่อยเสียงกรีดร้องเมื่อความอุ่นวาบผ่านเข้าไปในร่างกาย
                    สองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแน่น ความสุขสุดยอดบรรลุผลตามหัวใจปรารถนา 

                    ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างโอมาร์กับโซเฟียไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เซเลโน่ไม่เคยไว้ใจใครกระทั่งตัวเอง เขาได้ให้ลูกน้องส่งสะกดรอยตามโซเฟีย ทำให้รู้ว่าเธอแอบติดต่อกับโอมาร์ลับๆ ด้วยเรื่องอะไรสักอย่างที่อาจมีเขาเกี่ยวข้อง

                    “นายจะให้ทำอย่างไรต่อกับโซเฟียดี ให้ผมไปจับตัวเธอมาคาดคั้นดีไหม”

                    “ไม่ต้องหรอก ถามไปเธอก็ไม่ยอมบอกความจริง เอาเป็นว่าฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ไม่เผลอพูดเรื่องของฟริกกาออกมา”
                    “ครับ นายท่าน แต่ผมว่ามีอีกอย่างที่นายท่านควรทำด้วย แต่เอ่อ ผมว่าผมไม่พูดดีกว่า”


                    “อะไรของนาย รอส” เซเลโน่ทำคิ้วย่น เงยหน้าขึ้นมามองคนสนิท “จะพูดก็พูดมาเลย ไม่ต้องทำเป็นมีลับลมคมนัย”

                    “คือ อย่างที่เรารู้กันอยู่ว่า โซเฟียนอนกับโอมาร์ด้วย และเอ่อ นอนกับนายท่านด้วย อย่างที่รู้โอมาร์เจ้าชู้มีผู้หญิงหลายคน ผมเกรงว่า นายท่านจะได้ของแถมจากเธอมา”

                    “โธ่เอ้ย นึกว่าเรื่องอะไร”  เซเลโน่หัวเราะร่วน “ไม่ต้องห่วงฉันป้องกันตัวดีแล้ว และยังไปตรวจสุขภาพเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน  ปกติดี”

                    “ได้ยินแบบนั้นผมก็เบาใจ แล้วนายท่านจะให้ผมตามเธอต่อไปไหมครับ”

                    “ตามต่อไป บางทีเราอาจเป็นฝ่ายล้วงความลับจากเธอแทนที่เธอจะมาหาข่าวจากเราแทนก็ได้”

                    “ครับนายท่าน”

                    “งั้นไม่มีอะไรแล้วล่ะ ว่าแต่ ตอนนี้ฟริกกาอยู่ที่ไหน” เซเลโน่ถามหาเธอ  ไม่เจอกันเกือบอาทิตย์รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันสองปี

                    “เราคุ้มกันคุณฟริกกากลับไปยังห้องพักแล้วครับ เธอปลอดภัยและสบายดี”

                    “ดีมาก นายไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังสักครั้ง เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงฉันจะไปหาฟริกกา อย่าเพิ่งไปบอกเธอก่อนนะ ฉันอยากให้เธอแปลกใจ”

                    รอสมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อรู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะไปไหน

                    “ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นรอส”

                    “จะดีหรือครับนาย ผมว่าให้ผมไปรับเธอมาพบนายดีกว่า ผมเกรงว่าถ้านายใหญ่รู้ อาจไม่พอใจได้”

                    “รอส ฉันแค่ไปหาเธอเพื่อดูว่าเธออยู่อย่างไรเท่านั้น ไม่ได้ไปทำอย่างที่นายคิดแน่ ไม่ต้องห่วง ผู้หญิงของพ่อฉันไม่ยุ่งอยู่แล้ว”

                    พอเจ้านายหนุ่มขึ้นเสียงดัง รอสหน้าเจื่อน พยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องไป

                    เซเลโน่กระดกแก้วเครื่องดื่มปล่อยน้ำสีอำพันเหลวไหลลื่นผ่านลำคอ สายตาเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ใบหน้าฟริกกาลอยขึ้นมาในมโนภาพของเขาสลับกับใบหน้าของผู้เป็นพ่อบุญธรรม

                    ครั้งนี้เขาไม่ผิด เขาต้องไปดูแลเธอตามคำสั่งพ่อเท่านั้น และเขาจะไม่มีวันหักหลังพ่อเด็ดขาด
    !


                    ฟริกกาแทบไม่อยากเปิดประตู หลังจากส่องตาผ่านช่องตาแมวแล้วเห็นว่าแขกผู้มาเยือนยามพระอาทิตย์ใกล้แตะขอบฟ้าเป็นใคร แต่ถ้าเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เขา เซเลโน่คงจะก่อกวนเธอไม่เลิกรา

                    “ว่าไงคะเจ้านาย ฉันจำได้นะคะว่านี่เป็นเวลาส่วนตัวของฉัน”


                    “ผมทราบ ก็มาหาไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มยิ้มๆ ไม่มีท่าทีจะโกรธที่ถูกไล่ทางอ้อมตั้งแต่ยังไม่อ้าปากทักทายกันสักคำ

                     “มาหาฉันนี่นะ” หล่อนถามเสียงสูง “ไม่เห็นระบุในสวัสดิการพนักงานเลยว่า เจ้านายมาเยี่ยมเลขาตัวเองได้โดยเฉพาะก่อนค่ำ”

                    “กับเธอคนเดียวไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ ว่าแต่ผมจะเข้าไปหากาแฟดื่มสักแก้วได้หรือยัง”

                    ฟริกกาดันประตูจะปิด ไม่ยอมให้เขาก้าวเข้ามาในที่ส่วนตัวของเธอ

                    “ถึงห้องนี้จะเป็นห้องของคุณและคุณจะเป็นเจ้านายฉัน แต่ควรมีขอบเขต ฉันอยู่เมืองนอกมาหลายปีก็จริง แต่การอยู่กันสองต่อสองฉันยังถือแบบคนไทยว่าไม่ดีนัก ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

                    “ขอโทษผมเคยตัวไปหน่อย เพราะส่วนใหญ่มีแต่สาวๆ เปิดประตูรอต้อนรับผมทั้งนั้น งั้นเราไปทานมื้อค่ำข้างนอกกันดีไหม”

                    “คุณคนเดียวค่ะ ไม่ใช่ฉัน ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรที่เราต้องไปด้วยกัน”

                    “ใช่ครับ ไม่ใช่โอกาสพิเศษอะไร แต่ผมอยากให้คุณไปกับผม”

                    ฟริกกาส่งเสียงฮึดฮัดไม่ค่อยพอใจ อีตานี่ตื๊อได้ระดับ และชอบฉวยโอกาสแทะโลมผู้หญิงจริง เห็นได้จากครั้งแรกที่เจอกัน แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ ตอนนั้นเธอคงเป็นเหมือนคนที่ใกล้จะเจอเคราะห์ร้ายถึงได้ต้องพบเจอกับผู้ชายคนนี้

                    “ฉันอยากพักผ่อน เสียใจด้วย”

                    “อะไรกันคุณ จะเป็นเด็กอนามัยไปถึงไหน ตอนเป็นแอร์โฮสเตสก็นอนไม่เป็นเวลาอยู่แล้วนี่ เราไปทานมื้อค่ำกันนะ ไม่ได้ไปนอนด้วยกันทั้งคืน หรือคุณอยากจะนอน”

                    “พูดจาแบบนี้กลับไปเลยนะ ฉันไม่มีอารมณ์มาทะเลาะด้วย” เขายั่วให้เธอโกรธเป็นรอบที่เท่าไรแล้วไม่รู้ ไม่เคยจะใส่ใจเลยว่าคำพูดเหล่านั้นทำร้ายจิตใจกันมากแค่ไหน


                    “ผมขอโทษ ผมล้อเล่นแค่อยากเห็นคุณหัวเราะก็เท่านั้นเอง เราไปทานข้าวกันเถอะนะ ถ้าถามว่าเนื่องในโอกาสใด ผมขอบอกว่าเป็นการไถ่โทษที่ผมเคยไม่ดีกับคุณ นะได้ไหม นะครับ”

                    น้ำเสียงอ้อนชวนให้ใจอ่อน แต่หล่อนยังอยากใจแข็งอยู่ ผู้ชายปากเสียแบบนี้ต้องให้เล่นตัวเสียให้เข็ด

                    “ฉันไม่อยากไป”

                    “โธ่ ฟริกกา ใจคอคุณจะโกรธผมจนวันตายหรือไง  ผมบอกแล้วไงว่าขอโทษ ถ้าคุณไม่ยกโทษให้ผมนะ ผมจะนั่งหน้าห้องตรงนี้ไม่ไปไหน”

                    “ตามใจ
    ! ” ฟริกกากระแทกประตูใส่หน้า ไม่สนใจว่าคนข้างนอกจะทำอย่างที่พูดจริงหรือไม่

                    เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เธอกลับมาส่องดูช่องตาแมวอีกครั้งหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ แต่ไม่เห็นใครอยู่หน้าห้อง “เอ๊ะ เขาแอบหลบมุมอยู่ตรงไหนนะ” ฟริกกาค่อยแง้มประตู  เธอจึงเห็นว่าชายหนุ่มไปนั่งอยู่ข้างประตูอีกด้าน และเห็นคนสองสามีภรรยาที่เดินผ่านมากระซิบกระซาบชี้มือไปที่เขาพร้อมหัวเราะเยาะไปด้วย

                    “เป็นถึงซีอีโอใหญ่ ทำไมทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้นะ”ฟริกกาจำเป็นต้องเปิดประตูออกมาตกลงกันให้รู้เรื่อง

                     “ถามจริงคุณจะเอายังไงกับฉัน”

                    เซเลโน่ยิ้มกว้างที่หญิงสาวยอมเปิดประตูห้องออกมาคุยกับเขา “ไปทานข้าวกันนะ ผมหิวแล้ว ถ้าคุณไม่ไปผมก็ยืนยันว่าจะนั่งแขวนท้องรอตรงนี้จนกว่าจะถึงเช้า”

                    “คุณเซเลโน่คะ อย่าเอาแต่ใจเป็นเด็กแบบนี้สิคะ ฉันไม่อยากไป ทำไมต้องมาบังคับใจกันด้วย”

                    “เฮ้อ ตกลงผมง้อคุณไม่สำเร็จใช่ไหม”

                    ขาดคำก็ทำอย่างที่พูดจริง ลงนั่งกับพื้นต่อหน้าหญิงสาว ฟริกกาอ่อนอกอ่อนใจ จะปล่อยให้นั่งหน้าห้องอายผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ลงคอเชียวหรือ

                    “โอ้ย ตกลงๆฉันไปกับคุณก็ได้ คุณไปรอข้างล่าง ฉันขอเวลาแต่งตัว”

                    “อย่าให้นานนะ ถ้าช้าผมจะขึ้นมาตามอีกรอบ คราวนี้จะลงทุนคุกเข่าคอย”

                    “รู้แล้วค่ะเจ้านาย ได้โปรดเถอะนะคะ กรุณาไปรอฉันข้างล่างเดี๋ยวนี้
    !


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×