ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อารอน-เอลันดา (ฟิคชั่น แฮรี่ พอตเตอร์ภาคอนาคต)

    ลำดับตอนที่ #5 : องค์รักษ์จากนาดิเวีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 213
      0
      20 ก.พ. 50

             

                    เมื่อก้าวเข้าไปในบ้านของรอน แฮรี่เห็น เฮอร์ไมโอนี่อยู่ในครัวกำลังเตรียมของว่างและน้ำชา ต้อนรับแขกผู้มาเยือน  ดีนและเออร์นี่นั่งคอยที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว  เขาเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเพื่อนอีกสองคน   รอนลากเก้าอี้อีกตัวจากมุมหนึ่งของบ้านมาร่วมวง

                   

                    "ฉันมาตรวจตราแถวนี้ มีข่าวไม่ค่อยสู้ดีนัก เรื่องผู้เสพความตายที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ ทางกระทรวงได้ข่าวว่าพวกมันอาจกำลังร่วมมือกับกบฏชุดขาว สร้างฐานอำนาจขึ้นมาใหม่" เออร์นี่เริ่มต้นบทสนทนาเรื่องงานที่น่าปวดหัวของเขา

    "พวกกบฏชุดขาว   นายหมายถึงพวกที่เป็นปรปักษ์ต่อราชวงศ์กษัตริย์ผู้ปกครองดินแดน

    นาดิเวียใช่ไหม เท่าที่ฉันรู้ กลุ่มคนเหล่านี้กำลังสร้างกองทัพตนเองเพื่อพยายามยึดอำนาจการปกครองของกษัตริย์เอ็ดมัน ถ้ามันทำสำเร็จ  พวกผู้เสพความตายที่เหลือจะฮึกเหิมขึ้นมาอีกและก่อความวุ่นวายไม่เลิกราเป็นแน่ นายว่าไงแฮรี่ นายเดินทางไปเกือบครึ่งโลกแล้วละมั้ง คงได้ยินเรื่องนี้มากกว่าพวกเราเสียอีก"    แฮรี่ไม่ได้ตอบคำถามของดีนออกไปโดยทันที  เขาประสานมือกันบนโต๊ะ   ดูเหมือนตั้งใจไม่ต่อบทสนทนาให้ยาวยืดออกไปอีก  แต่ในแววตากำลังครุ่นคิดและมีความมุ่งมั่น  เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบเบา

                    "ไม่มีใครต้านทานอำนาจกษัตริย์ได้  พวกนั้นไม่มีทางทำได้ ฉันเคยพบกับกษัตริย์
    เอ็ดมันส์มาแล้ว   ตอนไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสถาปนาราชอาณาจักรเมื่อไม่นานมานี้  ฉันคิดว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักปราชญ์ผู้ปราดเปรื่องทีเดียว มันไม่ง่ายนักถ้ามีใครคิดจะโค่นล้มพระองค์   
    "

    รอนตั้งใจฟังพวกเพื่อนๆสนทนากัน เขามีอาชีพที่ต่างจากเพื่อนสองคนเลยไม่มีความคิดเห็นใดจะเสนอ   ดีนและเออร์นี่เป็นมือปราบมารของกระทรวงที่คอยตามไล่ล่าพวกฝ่ายมืดที่เหลือให้หมดสิ้นไป เช่นเดียวกับแฮรี่ พอตเตอร์ เขาได้เป็นมือปราบมารตามที่เขาได้เคยวาดหวังเอาไว้เมื่อตอนเรียนอยู่ที่ฮอกวอตถ์  เพียงแต่แฮรี่ไม่เคยประจำอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆเลย เขาเดินทางไปรอบโลกตามการเรียกขอความช่วยเหลือของเหล่าผู้วิเศษนานาประเทศเพราะความที่ชื่อเสียงมาก่อนบวกกับเกร่งกล้าในเวทมนต์    การเดินทางไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของเขาอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถบรรเทาความเจ็บปวดในอดีตลงไปได้บ้าง  การสนทนาต้องจบลงเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ยกถาดขนมและน้ำชาเข้ามาวางบนโต๊ะ    แฮรี่เริ่มต้นรับประทานทาร์ตน้ำตาลข้นกับน้ำชาอย่างเอร็ดอร่อย

    "แล้วนี่เด็กๆไปไหนกันหมด" รอนเริ่มถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบ้านช่างเงียบเชียบเหลือเกิน

    "พวกเด็กๆไปเล่นกันใจกลางหมู่บ้าน  พักนี้ทั้งเซลิลีนและฟรอนท์อยู่บ้านไม่ติดเลย เห็นจะต้องปรามบ้าง  " เฮอร์ไมโอนี่บ่นพึมพำอย่างเสียไม่ได้  "นั่นไง มากันละ"  เธอเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกล  ประตูหน้าถูกผลักออก เด็กสองคนเดินเข้ามาในบ้าน และเมื่อเห็นเพื่อนๆของพ่อแม่ ต่างดีใจกันยกใหญ่

                    "อาแฮรี่  อาดีน แล้วอาเออร์นี่  มากันนานยังฮะนี่  ไม่ได้เจอกันเป็นปี   คุณอาสบายดีไหมคะ " ฟรอนท์ถามเสียงเจื้อยแจ้วแจ่มใส

    "แน่นอนเด็กๆ พวกเราสบายมาก  และวันนี้มีของมาฝากด้วย นี่ไงเต็มกล่องเลย"

    เซลิลีนกับฟรอนท์พากันสนใจกล่องใส่ของฝากแทน มีทั้งเยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์   กบช็อคโกแลต   พายฟักทองหลายชิ้น ไม้กายสิทธิ์รสชะเอมอยู่เต็มของ ทั้งสองพากันแกะกบช็อคโกแลต  มานั่งกินและแลกการ์ดกันจนโดนเฮอร์ไมโอนีเอ็ดเอาเรื่องเสียมารยาท

    "วันนี้พวกอาๆ จะทานอาหารเย็นกับพวกเราด้วย เซลิลีนหนูมาช่วยแม่ทำอาหารในครัวหน่อยลูก "  เซลิลีนลุกเดินตามแม่ไปในครัวทิ้งให้ฟรอนท์ง่วนอยู่กับการแกะเยลลี่เม็ดกินและรีบบ้วนทิ้งเมื่อไปเจอไส้ขี้มูกเข้า

     

    เวลาผ่านไปอีกสองอาทิตย์สำหรับอารอนดูเร็วจนเขาจำเกือบไม่ได้ เขาใช้เวลาในแต่ละวันช่วงเช้าเดินเตร่ไปตามถนนหมู่บ้านเช่นเคย เพื่อตามหาแม่ของตัวเอง เกือบบ่ายคล้อยจึงไปรวมกันกับกลุ่มเพื่อนมักเกิ้ล ร่วมเล่นกีฬาที่เรียกว่าเบสบอล ที่จริงมันเล่นไม่ยากเลย คล้ายกับเกมควิดดิช  มีการรับส่งลูกบอลไปมาเหมือนกัน ต่างกันที่ไม่ต้องโยนบอลเข้าห่วงเพื่อทำคะแนน ช่วงหลังนี้ความเบื่อและท้อใจ เริ่มเบาบางลงไป เพราะมีอะไรให้ทำมากไปกว่าการเดินดุ่มๆไปตามบ้านแต่ละหลัง   เขาสนุกอยู่กับการเล่นซุกซนกับเด็กวัยเดียวกัน อารอนเข้ากับเพื่อนๆได้ดีโดยเฉพาะกับเอลันดา   อารอนรู้สึกว่าเขากับเด็กชายมักเกิ้ลคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน ชอบอะไรๆที่เหมือนกัน ความคิดบางครั้งก็ตรงกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ      

    เอลันดาก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน เวลาที่เขาขว้างบอลไปทางใด  ดูเหมือนว่าอารอนจะอ่านทางเขาได้หมดทุกที บางทีเขาก็สงสัยที่มาของอารอน อารอนไม่เคยเล่าอะไรเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาให้ฟังมากนัก อาจเป็นเพราะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน  เอลันดาเคยมีความคิดแวบหนึ่งว่าเขาอยากจะลองเข้าไปอ่านความทรงจำของอารอนดีหรือไม่ แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะไม่อยากล่วงละเมิดเรื่องส่วนตัวของคนอื่น   นอกจากกิจกรรมการเล่นเบสบอลกลางสนาม  เซลิลีนมักชวนเขามานั่งดูดาวที่เนินเขาหลังโรงเรียนเก่า ในช่วงหัวค่ำด้วยกล้องดูดาวอันใหม่ที่เธอเพิ่งได้มา  โดยมีฟรอนท์และอารอนตามไปสมทบด้วย บางทีก็มีเพื่อนร่วมทีมไปร่วมชมดาวบ้าง แต่ไม่นานก็หายทีละคนสองคน  การดูดาวเป็นเรื่องไม่น่าสนใจสำหรับเด็กวัยรุ่นเท่าใดนัก แต่เซลิลีนบอกว่าเธอชอบดูดาวมากที่สุด และเป็นวิชาหนึ่งที่เรียนในโรงเรียนของเธอเอง นี่ก็เป็นอีกข้อที่เอลันดาสงสัยเซลิลีนไปเรียนอยู่ไหนมาถึงได้มีวิชาแปลกๆอย่างการดูการโคจรของดวงดาวด้วย

                    พฤติกรรมแต่ละวันของอารอนอยู่ในสายตาของเลนนอลพระพี่เลี้ยงของเขาตลอดเวลา เลนนอลพยายามเตือนสติเจ้าชายน้อยอยู่บ่อยครั้งถึงภารกิจที่จะต้องกระทำกันในหมู่บ้านนี้  บางครั้งก็พยายามพูดโน้มน้าวให้อารอนกลับบ้านสักที แต่อารอนรู้ทันและหาทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นๆ  แล้วหาทางวิ่งออกจากประตูบ้านให้ไวที่สุด  

                    วันนี้อากาศดีมากไม่อบอ้าวจนเกินไป อารอนเดินตัดออกจากซอยซีตัสเวนต์  มุ่งไปยังสนามเด็กเล่น        เขาเข้าๆออกๆ ซอยนั้นซอยนี้เป็นว่าเล่น ไม่มีความคืบหน้าเรื่องแม่ของเขาเลย บางทีแม่กับพี่ชายของเขาอาจจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วก็เป็นได้   เท่ากับเขาเสียเวลาไปเปล่าๆเพื่อตามหาคนที่ไม่มีตัวตนอยู่

                    ทุกคนกำลังรอเขาอยู่ที่กลางสนาม อารอนโบกไม้โบกมือทักทาย  และวิ่งเข้ารวมกลุ่มเพื่อเล่นเบสบอล  เขาชอบที่จะจับไม้เบสบอลและตีลูกมันออกไปไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ แน่นอนตอนอยู่ในทีมควิดดิชของเดิร์มแสตง อารอนเล่นอยู่ในตำแหน่งบีตเตอร์  ศาสตราจารย์ครัม

    ชมว่าเขาเป็นบีตเตอร์ที่ว่องไวทีเดียว   ทุกอย่างในสนามกว้างผ่านไปนานถึงชั่วโมงกว่า  รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดอยู่ตรงข้างสนาม อนงค์น้อยคนหนึ่ง ก้าวลงจากรถ เธออยู่ในชุดชมพูลายดอกไม้ ถักเปียทั้งสองข้างห้อยลงที่บ่าด้านหน้า เธอก้าวเดินอย่างสง่างามตรงมาที่ใจกลางสนาม  ทุกคนหยุดมองสักครู่ เธอเดินเข้าไปหาเอลันดา  

                    "พี่เอลันดาคะ แซนดร้าอยากขอความช่วยเหลือได้ไหม ได้โปรด แซนดร้าอยากไปซื้อของในตัวเมือง แต่คุณแม่ไม่ว่างคะ ฉันไปเลยไปหาพี่เอลันดาที่บ้าน คุณย่าบอกว่าพี่เอลันดาอยู่นี่ ได้โปรด แซนดร้าจำเป็นต้องซื้อของจริง  คุณย่าของพี่ก็อนุญาตแล้วคะ"

                    เอลันดากำลังงงๆ  จู่แซนดร้าเข้ามาชวนเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  เขาหันมองไปยังกลุ่มเพื่อนทุกคนพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงบอกว่าให้เขาไปได้ไม่ต้องเกรงใจ

                    "ไปเถอะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกับฟรอนท์ก็ต้องกลับเหมือนกัน เรามีการบ้านที่ต้องทำอีกกอง "  เซลิลีนพูดขึ้นเพื่อให้เขาสบายใจที่ไม่ต้องคิดว่ากำลังทิ้งเพื่อนไปกับเด็กผู้หญิง

                    "แล้วฉันก็ต้องรีบกลับบ้านด้วย ลุงมันดังกัสมีเรื่องจะใช้งานฉันพอดี" อารอนเสริมเข้าไปอีกหน่อย เอลันดาอยากให้เพื่อนๆช่วยเหนี่ยวรั้งเขาแทนที่จะผลักไสให้ไปเดินชอปปิ้งกับเด็กผู้หญิง มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด เมื่อก่อนคุณย่าก็มักจะพาเขาไปประจำ 

                    "แล้วเจอกัน อย่าลืมเรื่องการดูดาววันอาทิตย์นี้นะ" เอลันดาจำยอมขึ้นรถไปกับเด็กหญิงที่เกาะแขนเขาไว้อย่างเหนียวแน่น รถแล่นออกไปจากสนาม เด็กที่เหลือทั้งหมดพากันแยกย้ายกลับบ้าน  อารอนกับเซลิลีนมองหน้ากัน เขาอยากจะพูดอะไรด้วยแต่ก็พูดไม่ออก  ทั้งสามเดินออกจากสนามไปทางเดียวก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทางโดยไม่มีใครปริปากพูดไร 

                หัวค่ำของวันอาทิตย์ก็มาถึง   เอลันดาเตรียมตัวออกจากบ้านไปที่เขาหลังโรงเรียนประถมเก่า เขานำไฟฉายออกไปด้วย ถึงแม้จะมีความสว่างจากโรงเรียนช่วยทำให้บริเวณเขาหลังโรงเรียนไม่มืดทึบนัก แต่มันก็ทำให้เขาอุ่นใจขึ้นมา  

                   

                    เด็กทั้งสี่ เอลันดา อารอน เซลิลีนและ ฟรอนท์ก็มาพบกันที่หลังโรงเรียนตามที่ได้ตกลงไว้  และพากันเดินขึ้นเขาไปจนถึงด้านบนสุดของเนินเขาที่มีแต่ทุ่งหญ้าและต้นไม้เตี้ยตะคุ่มขึ้นเต็มไปหมด  บริเวณนี้อยู่สูงจากพื้นดินด้านล่างมากจนสามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบหมู่บ้าน  อารอนมองเห็นแสงไฟเป็นจุดเล็กๆวิบวับไกลๆจากบ้านแต่ละหลังเหมือนหิ้งห้อยที่เรืองรอง

    ฟรอนท์ช่วยพี่สาวตั้งกล้องดูดาว พวกเขาหาโลเกชั่นที่เหมาะเจาะเลยทีเดียว  เซลิลีนทดลองใช้กล้องดูดาวส่องมองกลุ่มดาวบนท้องฟ้า โชคดีที่วันนี้อากาศปลอดโปร่งไม่มีเมฆหมอกมากจนบดบังการดูดาว  เซลิลีนหยิบม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ใช้ปากกาขนนกขีดเขียนลงไป

    "อะไรนะ เซลีลีน" เอลันดาร้องถามเมื่อเห็นม้วนกระดาษแปลกและปากกาขนนก

    "แผนที่ดวงดาว  การบ้านปิดเทอมของฉันเอง เดี๋ยวฉันขอลงดาวต่างๆ บนแผนที่ให้ครบก่อนนะ แล้วฉันจะให้เธอดู วันนี้ดาวสวยมากเลยรู้ไหม"

    "วิชาดูดาว ฉันไม่ยักจะได้เรียน น่าสนใจดีนะ ฉันว่าจะไปเสนอให้อาจารย์ใหญ่นำไปใส่ในหลักสูตรของโรงเรียนก็ดีเหมือนกัน" เอลันดาขบขันความคิดของตนเอง

    "ฉันคิดว่า ไม่มีโรงเรียนไหนในโลกนี้ที่เป็นแบบโรงเรียนแบบฉันหรอกนะ โรงเรียนฉันเป็นโรงเรียน." เซลีลีนหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ราวกับว่าถ้าพูดออกมาแล้วอะไรมันจะถล่มทะลาย  เธอหันไปวุ่นวายกับการลงดาวในแผนที่ต่อ

    "แต่โรงเรียนฉันก็มีสอนนะ " อารอนเสริมขึ้นมาบ้าง "มาฉันจะช่วยเธอดูนะว่าเธอลงดาวถูกหรือเปล่า นี่มันดาวศุกร์ ลงตรงนั้นมันผิดนะ "  อารอนยื้อแย่งปากกาขนนกจากมือเซลิลีนมาแล้วขีดฆ่า เขียนชื่อดาวที่ถูกลงไป เซลิลีนมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ

    "เธอเรียนพวกนี้ด้วยหรือ เธอเรียนที่ไหนนะ อยากรู้จัง" เซลีลีนสงสัยถามขึ้นมา

    "โรงเรียนฉันอยู่ไกลมาก บอกไปเธอก็ไม่รู้จัก เอาเป็นว่าโรงเรียนฉันมีอะไรน่าเรียนมากมายเต็มไปหมด ว่าแต่เธอรีบลงชื่อดาวที่เหลือให้เร็วหน่อย พวกเราจะได้ดูดาวกันบ้าง"

    เอลันดามองสองคนอย่างประหลาดใจ  สองคนนี้มีอะไรที่เกือบจะเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะรู้จักเซลิลีนมานานแล้ว แต่ระยะหลังๆที่ห่างไปเรียนที่อื่น เธอดูแปลกขึ้น

    การดูดาวของเด็กทั้งสี่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เอลันดามองเห็นดาวศุกร์  ดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์บริวารอย่างชัดเจน กล้องดูดาวของเซลิลีนยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

    เวลาผ่านไปเกือบครึ่งคืน ต่างคนต่างแยกกันกลับบ้าน เอลันดากับอารอนอยากอาสาเดินเป็นเพื่อนไปส่งเซลิลีนถึงบ้าน แต่เธอปฏิเสธอย่างนิ่มนวล  โดยบอกว่าเธอเติบโตที่นี่ตั้งแต่เด็กไม่มีใครกล้าทำอันตรายเธอได้

    อารอนแยกจากเพื่อนๆทุกคนมาแล้ว  เขาเดินเลียบแม่น้ำเล็กๆที่ไหลผ่านใจกลางหมู่บ้าน เขาชักชอบที่นี่เสียแล้วสิ หากไม่ต้องตามหาแม่และพี่ชายเขาอยากอยู่หมู่บ้านนี้ตลอดไป  แม้ว่าบ้านของมันดังกัสไม่โอ่อ่า กว้างขวางเหมือนพระราชวังนาดิเวีย แต่เขาก็เป็นอิสระที่จะไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องมีคนติดตามเป็นขบวน  อารอนคิดว่าถ้าเขาโชคดีพบแม่และพี่ชาย เขาอาจจะขออยู่กับแม่ที่นี่ไม่กลับไปนาดิเวียตลอดไปดีไหม ตำแหน่งมงกุฎราชกุมารไม่มีความหมายเลย ถ้าเขาไม่มีความสุข อารอนคิดอะไรเพลินจนลืมสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังเดินสะกดรอยตามมาห่างๆ  และเขาเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กว่าเขายืนขวางหน้าระหว่างทางที่จะเดินข้ามสะพานที่พาดสองฝั่งแม่น้ำ อารอนพยายามมองให้ชัดในความมืดสลัว ท่าทางคุ้นตาของบุรุษผู้นี้ทำให้เขารู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล 

    "ทรงสบายพระทัยหรือยัง เจ้าชายอารอน" เสียงทุ้มลึกถามขึ้นมา เมื่ออารอนเดินอยู่ห่างจากพวกนั้นประมาณสองเมตร อารอนถึงกับซีดผงะ   

    "เฮดด์ซิน  คุณมาที่นี่ได้ยังไง."   เสียงอารอนสั่นเครือ จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อตัว

    "กษัตริย์ทรงมีพระบัญชารับสั่งให้ทรงพาเจ้าชายกลับให้ได้ ขอได้โปรดตามกระหม่อมกลับนาดิเวีย เถิด"

    "ไม่ ผมไม่กลับ จนกว่าจะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ พวกคุณกลับไปซะ" อารอนตอบเฉียบขาด ออกคำสั่งแบบเจ้าชายเหมือนเดินที่เคยเป็นมา แต่ดูเหมือนเฮดด์ซิน กลับเดินเข้ามาใกล้  อารอนเดินถอยหนีอย่างไม่รอช้า เขาหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนี ก็ไปปะทะกับอีกสองคนเข้าให้

    "รอสส์ สเฟีย"  อารอนเรียกชื่อเบาๆ ราชองค์รักษ์ของเสด็จพ่อ ตามหาเขาพบจนได้ เขาจะทำอย่างไร เขาไม่อยากกลับไปตอนนี้ อารอน ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อหนาวด้านใน  ตั้งท่าพร้อม

    "กระหม่อมไม่อยากใช้เวทมนต์บังคับพระองค์เลย ขอได้โปรดว่าง่ายๆ กลับไปดีๆเถิดพะยะค่ะ"

    รอสส์กำลังขู่เขา  ใช่ว่าอารอนจะยอมให้จับตัวง่ายๆ เขาตัดสินใจวาดไม้กายสิทธิ์ขึ้นด้านบน แสงไฟจากเสาไฟดับวูบ  หลอดไฟระเบิดแตก ร่วงหล่นลงมาเกือบโดนหัวพวกนั้น อารอนใช้ไม้กายสิทธิ์โบกพร้อมร่ายคาถาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

                    "สตูเปฟาย" ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์โดนร่างเฮดด์ซินอย่างจัง  อารอนใช้จังหวะนั้นวิ่งหนีขึ้นไปบนสะพาน แล้วหันมองข้ามไหล่พร้อมว่าคาถาไปโดนอีกคนหนึ่งกระเด็นออกไป  แต่ก็ช้ากว่าอีกคนหนึ่งอยู่ดี  รอสส์ปลดไม้กายสิทธิ์ของอารอนลอยหวือออกจากมือเขาไป ร่างของเขาถูกยกสูงจากพื้นลอยเท้งกลางอากาศ

    "ปล่อยฉันลงนะ ปล่อยๆ" อารอนตะโกนร้อง    สเฟียกับเฮดด์ซิน   เดินกระโผลกกระเผลกมาข้างรอสส์

                   

    "พวกข้ากระหม่อมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ หากเจ้าชายไม่ดื้อดึงคงไม่ต้องออกแรงมากนัก  เอาละ พวกเราต้องกลับนาดิเวียได้แล้ว"

    "หยุด นะ พวกแกทำอะไร" ชายอีกคนหนึ่ง โผล่มาจากสะพานฝั่งขวา พร้อมชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่พวกเขาทั้งสามอารอนใจชื้นขึ้นมาทันที  เขามีโอกาสหนีรอดแล้ว   องค์รักษ์ทั้งหมดมุ่งความสนใจไปที่ชายผู้มาเยือนใหม่ทันที ร่างของอารอนหล่นตูมลงไปในน้ำ เขาว่ายขึ้นมาริมฝั่ง ซ่อนตัวใต้สะพานเห็นเพียงแสงวูบวาบกระทบแผ่นน้ำ  แสดงว่ามีการต่อสู้กันอยู่อย่างข้างบน อารอนพยายามซ่อนตัวให้เงียบที่สุด เขาจะออกไปได้เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว แสงวาบแวบหายไป เสียงต่อสู้เงียบหายไป เขาได้ยินเสียงชายสองสามคนกำลังคุยกัน

                    "พากลับไปที่กระทรวง เราจะไปสอบสวนพวกนี้ที่นั่น โชคดีที่นายมาทัน เออร์นี่  ไงงั้นฉันแย่แน่"

                    "ฉันว่ายังงั้นแหละ ดีน ว่าแต่ไหนละเด็กชายมักเกิ้ลที่โดนทำร้าย"

    "นั่นสิ คงหนีไปแล้วตอนที่เราสู้กัน  นี่แหละที่ฉันกังวล เราต้องตามตัวให้เจอเพื่อลบความทรงจำเขาซะ ไม่งั้นคงวุ่นวายแน่ ฉันละงงจริงๆ พ่อมดพวกนี้ไปทำร้ายเด็กตัวกระเปี๊ยกทำไม "

    "เรื่องนี้เราต้องไปเอาความจริงจากพวกมันที่กระทรวง ไปเถอะ เทอรี่ ช่วยผมแบกพวกนี้ไปหน่อย มีแต่ตัวหนักๆทั้งนั้น"

    ความเงียบกริบกลับมาอีกครั้ง อารอนค่อยคืบคลานออกมาจากใต้สะพาน  ทั้งหมดหายไปจากตรงนั้นกันหมดแล้ว  เมื่อปีนสะพานมาได้ เขามองหาไม้กายสิทธิ์ และพบมันอยู่หมิ่นขอบสะพาน โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น อารอนรีบพาร่างอันเปียกโชกกลับบ้านอย่างรวดเร็ว เขาต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้เลนนอลฟัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×