คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แฮรี่ พอตเตอร์
ล่วงเลยมาสัปดาห์ที่สอง หลังจากเดินทางออกจากนาดิเวีย วงจรชีวิตของของอารอนก็ไม่ต่างอะไรไปเลยในทุกๆวัน หลังอาหารเช้า เขาจะเดินทางไปตามถนน ตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน เคาะประตูบ้านทุกหลัง ถามหาสตรีในรูปผู้งดงามที่เขานำติดตัวไปด้วย ไม่มีใครรู้จักเธอเลย ไม่แม้แต่จะรู้สึกคุ้นหน้า วันนี้ปาเข้าไปวันที่สิบห้า อารอนลากขาที่เมื่อยล้า เดินห่อเหี่ยวออกมาจากรั้วบ้านหลังหนึ่ง ที่เจ้าของบ้านเพิ่งปฎิเสธว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงในรูปคนนี้เลย เลนนอลกับมันดังกัสช่วยตามหาอีกแรงในอีกฟากหนึ่งของหมู่บ้าน อารอนรู้สึกท้อใจและหมดหวัง บางทีเขาน่าจะทำตามที่เลนนอลยุทุกวันนั่นคือเก็บของใส่กระเป๋าแล้วใช้พรมวิเศษพากันบินกลับไปขอพระราชทานอภัยจากเสด็จพ่อของเขาเสีย ป่านนี้ทางราชสำนักคงกำลังวุ่นวายตามหาเจ้าชายอารอนอยู่เป็นแน่ และเสด็จพ่อคงกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟท่อนใหญ่มากเสียด้วย อารอนคิดถึงใบหน้าที่ขึ้งโกรธของกษัตริย์เอ็ดมันแล้วก็ขนลุก เวลาเสด็จพ่อโกรธจัดน่ากลัวทีเดียว ขณะกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้สึกเหมือนเห็นวัตถุอะไรบางอย่างอยู่เหนือหัวเขาเฉียงข้างไปด้าน มันเคลื่อนตัวรวดเร็วมาใกล้ๆ อารอนเบี่ยงตัวเล็กน้อยและใช้มือจับมันไว้ทันทีก่อนที่เจ้าลูกบอลกลมขนาดเท่าอุ้งมือจะกระแทกใส่หัวเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเดินมาผิดซอยที่เขาตั้งใจจะกลับบ้าน บ้านของมันดังกัสอยู่อีกซอยหนึ่ง เขาเดินใจลอยจนมาถึงสนามเด็กเล่นใจกลางหมู่บ้าน เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่ง วิ่งมาทางเขา
“ขอโทษฮะ ผมขว้างมันผิดวิธีมันเลยลอยมาทางนี้ พี่เป็นไรไหมฮะ”
อารอนหันมามองเจ้าของเสียงร่างจ้อย เป็นเด็กชายคนนั้นนั่นเอง คนที่ช่วยจ่ายค่าไอศกรีมเขาเมื่อวันก่อน
“เธอนั่นเอง ฉันตามหาตั้งนาน จำฉันได้ไหม คนที่เป็นหนี้ค่าไอศกรีมเธอไง ดีจริงที่เราเจอกัน ฉันจะได้จ่ายค่าไอศกรีมคืนให้ซะที”
“พี่เองเหลอฮะ ดีใจฮะ ที่เจอกันอีก พี่มาทำอะไรแถวนี้ฮะ”
“เอ่อ มาทำธุระนิดหน่อย ว่าแต่พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่”
“ลิสลี่ได้ลูกบอลยัง ” เสียงตะโกนจากกลางสนามเรียกเด็กชายร่างเล็ก เด็กชายที่โตกว่าวิ่งตรงเขา เมื่อเข้ามาใกล้ๆ อารอนจำได้อีกว่าเป็นเด็กชายรุ่นเดียวกับเขาที่เคยมาที่บ้านมันดังกัสเมื่อหลายวันมาแล้ว เอลันดาเจออารอนอีกครั้ง ไม่อยากจะคิดเลยว่าโลกมันแคบๆ เหมือนคนเขาว่ากันเสมอ
“เอ้า นายนั่นเอง อารอนใช่ไหมครับถ้าผมจำไม่ผิด สบายดีไหมครับ”
“พี่เอลันดารู้จักเขาด้วยเหลอ” ลิสลี่ถามขึ้นมา
“ก็หลานคุณลุงมันดังกัสที่พี่เล่าให้ฟังไง คนที่ไม่เอาผิดกับพี่แล้วชวนเข้าไปชมบ้านเสียอีก เอ่อ มาเดินเล่นหรือฮะ”
“ก็ประมาณนั้นแหละ ฉันทำธุระเสร็จแล้วก็เลยเดินเล่นมาเรื่อยๆ ไม่ยักจะรู้นะว่ามีคนอยู่ที่นี่กันเยอะจัง ”
“เรากำลังตั้งทีมซ้อมเบสบอลกันอยู่ กำลังฝึกอยู่ดีๆ ลิสลี่ดันขว้างลูกมาไกลไปหน่อย หวังว่ามันคงไม่ทำนายบาดเจ็บนะ คือ ถ้าตอนนี้นายว่างอยู่ไม่มีอะไรจะทำ เอ่อ
มาร่วมเล่นกับพวกเราไหม พวกเรากำลังจะแบ่งเป็นสองทีมเพื่อแข่งกัน กำลังขาดคนอยู่พอดี นายสนใจไหม”
อารอนมองดูลูกบอลในมือ คิดไปว่า ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่ได้สนุกแบบเด็กๆอย่างที่เขาเคยทำมาเกือบครึ่งเดือน การปลดปล่อยความกังวลเรื่องแม่เขาอาจทำให้เขาคิดอะไรออกบ้าง
“ตกลง แต่ ฉันเล่นไม่เป็น อะไรนะ เบบอล”
“เบสบอล นายเล่นไม่เป็นหรือ อืม จริงสิ นายอาจเป็นคนต่างชาติที่ไม่รู้จักกีฬาชนิดนี้ก็ได้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันบอกวิธีให้ ไม่ยากหรอก ไปเถอะเดี๋ยวฉันจะแนะนำเพื่อนพวกเราในกลุ่มให้รู้จัก” เอลันดาดึงมืออารอนให้เดินตามเข้าไปในสนาม เขารู้สึกแปลกๆในขณะที่เขาสัมผัสในตัวอารอน มันไม่ใช่ความทรงจำเพราะเขามองไม่เห็นภาพอะไรเลย แต่เป็นบางสิ่งอย่างที่เขาไม่รู้จัก
“นี่ ฟรอนท์ นายน่าจะรู้จักเขานะเพราะ ลิสลี่กับฟรอนท์ติดกันยังกับเงา นี่ แจ๊ด วิลลี่ สเปล นอร์ตัน อัลเฟร็ด ” เอลันดาแนะนำเพื่อนให้รู้จักทีละคน จนมาถึงเด็กหญิงคนเดียวในกลุ่ม อารอนแปลกใจมีเด็กหญิงร่วมเล่นกับเด็กชายทั้งกลุ่ม แถมในสายตาของเขาเธอน่ารักเสียด้วยแม้จะดูเรียบๆ เชยๆ
“คนนี้ เซลิลีน พี่สาวของฟรอนท์ คงแปลกใจว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ เซลิลีนรับอาสาเป็นผู้จัดการให้พวกเรา คอยวางแผนการเล่นให้ สมองเธอเป็นนักจัดการชั้นยอดทีเดียว”
“ยินดีที่ได้รู้จักคะ” เซลิลีนเขย่ามือเบาๆ แล้วยิ้มให้ หน้าอารอนออกเป็นสีชมพูระเรื่อ
แล้วทั้งหมดก็ส่งเสียงโหลกเหวกเล่นกันอย่างสนุกสนาน ความรู้สึกเหนื่อยล้ากลับจางหายไป
..
ที่ราบเนินเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของบ้านโพรงกระต่าย เป็นที่ราบโล่งที่มีเพียงกลุ่มต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่โตนักเกาะกลุ่มกันอย่างหลวมๆ ต้นไม้ที่เมื่อก่อนเคยอยู่แค่เลียดไปกับพื้นดินค่อยขึ้นสูงไล่เลียงกันไปตามแต่ขนาด ทุ่งหญ้าเสียดสีกันเป็นเหมือนท่วงทำนองดนตรีที่ซาบซึ้งตรึงใจยามเมื่อต้องสายลม เกสรของพืชพรรณนานาชนิดถูกพัดมาปกคลุมสุสานไม้โอ๊คที่ตั้งอยู่บนเนินเขามาเนิ่นนานนับสิบกว่าปี สายน้ำแสงแดดและกาลเวลาทำให้สีของเนื้อไม้สุสานซีดจางลงไป มือของใครคนหนึ่ง ค่อยปัดเบาเศษใบไม้ และละอองเกสรออกไปจากด้านบนของสุสาน เผยให้เห็นเจ้าของสุสาน
“แด่สุดที่รักของพวกเรา ผองเพื่อน ผู้เสียสละแท้จริง”
“จินนี่ วิสลี่ย์”
ธิดาคนสุดท้ายของตระกูลวีสลีย์ผู้ไม่เคยจากบ้านโพรงกระต่ายไปไหนเลย เธอยังคงรออยู่ที่นี่ เฝ้ามองพวกพี่ๆ ของเธอเติบโตขึ้น อย่างมีความสุข รอยยิ้มสุดท้ายก่อนจากไป ตราตรึงหัวใจของทุกคนตลอดกาล ช่อกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ ถูกวางไปด้านบนของสุสานแทนที่พวกเศษใบไม้ และละอองดอกไม้ ผู้มาเยือนอยู่ในชุดคลุมพ่อมด ผู้ที่เมื่อก่อนเป็นเด็กหนุ่มที่ผอมโกโรโกโสดูเหมือนเด็กอันธพาลหรือกุ๊ยข้างถนน และมักสวมแว่นที่แตกหักบนดวงตาสีเขียวสดใสเพราะถูกญาติผู้พี่แกล้งบ่อยๆ ซ้ำร้ายเป็นเด็กที่แปลกกว่าใครเพราะมีรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าฟาดอันเนื่องมาจากการรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อจากพ่อมดแสนชั่วร้าย มาตอนนี้ แฮรี่ พอตเตอร์เติบโตเป็นพ่อมดผู้ใหญ่ ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวัย รอยแผลเป็นจางๆ กลับยิ่งจางลงไปอีกโดยมีริ้วรอยของวัยกลางคนเข้ามากลบไว้ เขายืนนิ่งหน้าสุสานอย่างสงบอยู่นานแสนนานผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ใจที่ปวดร้าวภายในลึกๆเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่านมาหลายปีแต่มันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เขารู้สึกแบบนี้เสมอแม้ว่าวันเวลามันเดินของมันมาหลายรอบแล้วก็ตาม
“เฮ้ แฮรี่ นายจะยืนอยู่อีกนานไหม ” รอน วีสลีย์ตะโกนเรียกมาตามทางที่ตัวเองกำลังเดินขึ้นมาบนเนินเขา แฮรี่หันไปยิ้มกลับเป็นคำตอบแทน
“ดีนและเออร์นี่ บอกว่านายมากับพวกเขาด้วย แต่ขอตัวไปทำธุระอะไรบางอย่างก่อนจะเข้าบ้านฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องมาที่นี่ เลยปล่อยให้นายอยู่กับน้องสาวฉันไปก่อน แต่เฮอร์ไมโอนี่ขอให้ฉันมาตามนายไปได้แล้ว เพราะได้เวลาอาหารว่างก่อนมื้อเย็น เราเตรียมทาร์ตน้ำตาลข้นของโปรดนายไว้ด้วย ไปเถอะ”
แฮรี่หันไปใช้มือแตะสุสานไม้โอ๊คเบา แล้วพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินจากมา
“นายพูดอะไรกับจินนี่ ” รอนถามอย่างสงสัย
“จินนี่บอกว่า ฝากเตะนายที” แฮรี่ไล่เตะก้นรอนอย่างสนุกสนานเหมือนวันเก่าก่อนเคยเล่นกันมา ความรักความผูกพันระหว่างเพื่อนไม่เคยเสื่อมคลายลงไป แม้ว่าทั้งคู่จะห่างกันออกไปมากก็ตาม
ความคิดเห็น