คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บ้านตระกูลวีสลีย์
ที่โต๊ะอาหารในตอนเช้าของอีกวัน เอลันดาลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านเวสเทอร์ เลื่อนเก้าอี้นั่งลง ดึงชามข้าวต้มใช้ช้อนตักใส่ปากอย่างรวดเร็วด้วยความหิว เขาไม่ได้ทานอาหารตั้งแต่เมื่อคืน ปู่พอลนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ประจำวัน ลดหนังสือพิมพ์ลงเล็กน้อย มองดูหลานชาย แล้วหันกลับตั้งหน้าตั้งตาอ่านเหมือนเดิม ย่าเมอรี่เดินออกมาจากในครัวพร้อมเหยือกน้ำผลไม้ที่เพิ่งคั้นเสร็จ มานั่งตรงข้ามกับเอลันดา
"คุณปู่ครับ ผมมีอะไรจะถามหน่อยครับ" เอลันดาถามคำถามขึ้นมาทั้งที่มีขนมปังปิ้งเต็มปาก
ปู่พอลลดหนังสือพิมพ์ลงอีกครั้ง ส่วนย่าของเขากำลังเทนำผลไม้ใส่แก้วแต่ละใบ เงี่ยหูคอยฟัง
"ปู่รู้จัก ตา.. เอ่อ ลุงมันดังกัส คนที่อาศัยอยู่ซอยเลขที่ 13 บ้านสีส้มๆไหม ครับ "
"ก็พอรู้จัก แต่ไม่มากนัก เขาเป็นคนเก็บตัวนะ ว่าแต่หลานมีอะไรกับเขารึ"
"เปล่.. ฮะ เมื่อวานผมเห็นบ้านเขาสีสันแปลกดีครับ มีรูปปั้นทรงประหลาดด้วย
ลิสลี่บอกผมว่าไม่มีใครคบกับเขาเลย"
"ปู่ก็ไม่เคยคุยกับเขาเลย หมู่บ้านนี้ออกจะกว้างปู่คงไม่ได้สนิทไปทุกคนหรอกนะ ปู่ได้ยินมาจากร้านบาร์ของนางมาร์เล็ตต้า ว่าเขาชอบเขามานั่งที่ร้านเป็นประจำคนเดียว แต่งตัวพิลึกกีกกือ เขาเพิ่งจะย้ายมาไม่กี่ปี รู้สึกว่าจะอยู่เพียงลำพังคนเดียว"
"หรอฮะ " เอลันดาก้มหน้าก้มตาไปจัดการกับข้าวต้มโอ๊คจนหมดชาม ทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องที่ถามเมื่อสักครู่ แต่ในใจครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาต้องเอาเงินออมออกมาจ่ายเป็นค่ากระจกบานที่แตกจนเกือบหมด ถ้าเกิดตาลุงมันดังกัสจับได้แล้วมาฟ้องปู่กับย่า เขาต้องโดนลงโทษเป็นแน่
เมื่อทานอาหารเช้าจนอิ่มแปล้ เอลันดาลุกจากโต๊ะ เดินถือกระเป๋าสะพายออกไปที่ประตูบ้าน เสียงย่าไล่หลังตามมา แต่เขาไม่ได้สนใจจะฟัง ได้ยินคร่าวๆว่าให้เขารีบกลับก่อนค่ำเพราะมีแขกคนสำคัญมาเยือน
เอลันดาเดินออกมาหยุดที่หน้าบ้านสีส้มเลขที่ 13 เขามองไล่ตามทางเดินไปที่ประตูบ้าน สูดลมหายใจลึกๆ แล้วรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปกดกริ่งประตูบ้านครั้งหรือสองครั้ง ระหว่างนั้นเขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองที่ต้นคอข้างหลัง แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคน
ประตูถูกเปิดออกมา เอลันดายืนงงสักพัก เขาจำได้ว่าปู่บอกเขาว่า ตาลุงแปลกๆอาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียวในบ้านหลังนี้ แต่คนที่เปิดประตูออกมาเป็นเด็กผู้ชายตัวเท่าๆกับเขาเด็กชายที่มีผมหยิกหยักศกเป็นรอนสีน้ำตาลแดง และมีตาสีดำเข้มเหมือนเขา ต่างกันที่เขาดูคล้ำกว่าเล็กน้อย
"เอ่อ ผมมาหาลุงมันดังกัสครับ ไม่ทราบว่าอยู่ไหม" เอลันดาถามหาเจ้าของบ้าน
"ใครมาอารอน " เสียงแหบพร่าตะโกนออกมาจากข้างในตัวบ้าน
"ไม่ทราบครับ ผมไม่รู้จัก เขาบอกมาหาคุณลุงฮะ"
ชายแก่พุงพลุ้ย เดินออกจากข้างในบ้านมาที่ประตู สีหน้าบึ้งตึง เขามองเอลันดาตั้งแต่หัวจรดเท้า เอลันดารู้สึกหายใจไม่สะดวก
"เธอมีธุระอะไรกับฉัน ฉันไม่เคยรู้จักเธอนี่"
"คือ ผมชื่อเอลันดาครับ ผม
เอ่อ ผมจะมาขอโทษคุณลุงเรื่องเมื่อวานครับ ผม เอ่อ
" เอลันดาค่อยหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนพูดออกไปว่า
"ผมกับเพื่อนกำลังเล่นเบสบอลกันอยู่ และผมก็พลาดขว้างลูกบอลไปโดนกระจกหน้าต่างแตกเองครับ ผมเสียใจครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ และวันนี้ผมจะมาชดใช้ค่ากระจกด้วยครับ" เมื่อเขาพูดจบประโยค เขาเห็นลุงอ้วนๆ จ้องมองกลับมาที่เขาอย่างพิจารณาอีกครั้ง ใบหน้ายังคงบูดบึ้งเหมือนเดิม
"อืม งั้นเหลอ เธอมาคนเดียวรึ " มันดังกัสถามไป พลางมองไปด้านหลังเอลันดา
"อืม งั้นเข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ" เอลันดาเป็นงงไปอีกครั้ง เขาคิดว่าจะโดนตวาดกลับด้วยถ้อยคำรุนแรงเสียแล้ว แต่เจ้าของบ้านกลับเชื้อเชิญเข้าไปข้างใน บ้านหลังนี้ตกแต่งด้วยเครื่องประดับแปลก ๆหลายชิ้น มีทั้งเชิงเทียนเก่า ๆหม้อใหญ่โบราณหลายอันตั้งอยู่ เอลันดานั่งลงที่โซฟารับแขกหน้าเตาผิง พร้อมเด็กผู้ชายคนที่มาเปิดประตูให้ และมันดังกัสนั่งตรงหน้าเขา เอลันดามองไปยังกระจกหน้าต่าง ห้องนั่งเล่นนี้น่าจะเป็นห้องที่ลูกบอลถูกขว้างเข้ามา เพราะเขามองเห็นสนามเด็กเล่นข้างนอก แต่ไม่มีร่องรอยของความเสียหายแม้แต่น้อย พวกเขาซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วเสียจริง
"ว่ามาเธอมีอะไรจะพูดอีกไหม" ชายร่างอ้วนสมบูรณ์ถามกลับมาอีกครั้ง
"ผมเสียใจสำหรับเรื่องเมื่อวาน ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมเอาค่ากระจกมาด้วยครับ" เอลันดาก้มควักธนบัตรออกมาจากกระเป๋าหลายฉบับ อารอนมองกลับไปกลับมาที่เอลันดาทีหนึ่ง มันดังกัสทีหนึ่งอย่างสนอกสนใจ
"ดื่มน้ำชาก่อนสิ แล้วก็ขนมปังกรอบ มันรสชาติดีนะ"
เอลันดาเงยหน้าขึ้นมา มันดังกัสกำลังรินน้ำชาใส่ถ้วยสามใบ พร้อมเถิบถาดขนมปังกรอบมาให้
"เก็บเงินนั่นไว้ซะ ครั้งนี้ฉันจะยกโทษให้ แต่ครั้งหน้าไม่แน่นะ ฉันอาจจะเรียกค่าชดใช้เป็นสองเท่าเชียว ทานขนมปังซะ"
เอลันดาหยิบขนมปังขึ้นมากัดไปคำ มันรสชาติอร่อยจริงๆด้วย เขารู้สึกโล่งใจกว่าเคย
"ฉันชอบความกล้าหาญของเธอ เธอกล้าออกมายอมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย คนแบบนี้ฉันชอบ" มันดังกัสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดีกว่าเมื่อสักครู่มาก เขายิ้มที่มุมปากน้อย ทุกอย่างช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เขาไม่โดนทำโทษอะไรเลย
"ฉันลืมแนะนำ นี่ อารอน หลานชายของฉัน จะมาอยู่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน" มันดังกัสปรายมือไปที่อารอน
"ยินดีที่ได้รู้จักฮะ ผมชื่อเอลันดา บ้านผมอยู่เกือบถึงเนินเขาฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน" เอลันดายื่นมือออกมา อีกฝ่ายทำท่าลังเลครู่หนึ่ง จึงยื่นมือออกมาเขย่าเบาๆเช่นกัน
"ผมชื่ออารอน ผมมาจาก เอ่อ
ลอนดอน"
ฉับพลันภาพอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวของเอลันดา ภาพเด็กชายอารอนคนที่เขาจับมืออยู่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชายสูงวัยที่ดูสง่างามคนหนึ่ง ในห้องทรงกลมที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ เอลันดารีบปล่อยมือทันทีที่เขารู้สึกตัวแล้วว่ากำลังเข้าไปสู่ความทรงจำในอดีตของคนอื่นอย่างไม่ตั้งใจอีกครั้ง
ทั้งสามคุยกันอย่างถูกคอ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เอลันดาได้เพื่อนใหม่มาถึงสองคน
ที่ไกลออกไปจากหมู่บ้าน เป็นที่บริเวณเนินเขากว้าง บ้านไม้สูงหลายชั้น โย้เย้ไปมาจนเหมือนมันจะพังแต่มันก็ไม่เคยพังเลย หม้อใหญ่เก่าๆ สนิมเขลอะ ยังคงตั้งกองอยู่หน้าบ้านเฉกเช่นเดิม ที่ป้ายหน้าบ้านเก่าสีซีดจางเขียนไว้ว่า "บ้านโพรงกระต่าย"
นายและนางวีสลีย์ผู้เป็นเจ้าของบ้าน เวลานี้ไม่อยู่บ้าน ทั้งสองเดินทางไปเยี่ยมบิล ลูกชายคนโตที่โรงพยาบาลเซนมังโก บิลไปรักษาตัวเนื่องจากการถูกมนุษย์หมาป่าทำร้ายเมื่อหลายปีก่อน ส่วนชาลียังคงทำหน้าที่ผู้ดูแลมังกรที่โรมาเนียอยู่ เพอร์ซี่ไปซื้อบ้านอยู่ในลอนดอนกับ เพเนโลพี เคลียวอเทอร์ ภรรยาสุดที่รักของเขาและยังคงทำงานอยู่ในกระทรวงเวทมนตร์ เฟร็ดและจอร์นขยายสาขาร้านขายของเล่นตลกไปไปไกลถึงอิตาลี รอนปลูกบ้านของเขาอยู่กับครอบครัวใกล้กับบ้านโพรงกระต่าย ส่วนจินนี่ลูกสาวคนสุดท้องของบ้านวีสลีย์ เธอไปอยู่ไหน?
บ้านสองชั้นอีกหลังที่ถัดมาจากบ้านโพรงกระต่าย ถูกสร้างขึ้นหลังจากรอนกับเฮอร์ไม่โอนี่แต่งงานกันได้สามปี รอนได้เป็น ผู้บำบัดในโรงพยาบาลเซนมังโก เป็นอาชีพที่เขาไม่คิดว่าเขาสามารถทำได้เพราะผลการเรียนไม่ได้ดีเด่นนัก ส่วนเฮอร์ไมโอนี่เป็นมือปราบมารอันดับต้นๆของกระทรวงในช่วงแรกๆที่เธอได้รับการฝึกฝน แต่หลังจากเธอตั้งท้องเซลิลีนลูกสาวคนแรก เฮอร์ไมโอนี่ได้ลาออกจากตำแหน่งนี้มาเป็นผู้ตรวจสอบเวทมนตร์ของกระทรวงแทน เพราะเธอต้องกลับมาดูแลลูกน้อยของตนเอง
เซลิลีนลูกสาวคนโตของรอนและเฮอร์ไมโอนี่ กำลังเรียนอยู่ชั้นปีสอง โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดแห่งฮอกวอตถ์ ลูกชายคนเล็ก ชื่อฟรอนท์ เขามีอายุเพียงสิบขวบ จึงต้องไปเรียนที่โรงเรียนประถมของหมู่บ้านเรียนรวมกับมักเกิ้ล ซึ่งปีหน้าฟรอนท์ก็ต้องไปเรียนที่ฮอกวอตถ์เหมือนพี่สาวเธอเช่นกัน
บ้านโพรงกระต่ายวันนี้แม้จะเงียบเชียบเพราะไร้ผู้อาศัย แต่บ้านอีกหลังกลับมีเสียงอึกทึกวุ่นวาย รอนกำลังตรวจสภาพรถยนต์คันเก่าๆที่เป็นพาหนะประจำบ้าน เขาซื้อมันมาในราคาแสนถูกจากการประมูลโละขายรถเก่าไม่ใช้แล้วจากกระทรวง กว่าจะนำมาใช้การได้รอนต้องจ่ายเงินไปหลายเกลเลียนให้เฟร็ดพี่ชายของตนเองเพื่อซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีทำให้รอนมักบ่นเป็นประจำเรื่องนี้ มันไม่คุ้มสำหรับค่าซ่อมแซมเอาเสียเลย และเฟร็ดก็ไม่เคยละเว้นแม้แต่น้องที่คลานตามกันมา
"ฟรอนท์ มัวทำอะไรอยู่เร็วเข้า เดี๋ยวไปรับพี่สาวเราไม่ทัน ลงมาทานมื้อเที่ยงเดี๋ยวนี้ได้ยินแม่พูดไหม" เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกลูกชายคนเล็กตัวดีของเธอ พลางจัดแจงจานอาหารสำหรับมื้อเที่ยง วันนี้ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก จะไปรับเซลิลีนที่สถานนีรถไฟคิงครอส ชานชลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ เซลิลีนเดินทางกลับจากฮอกวอตถ์เป็นปิดเทอมหน้าร้อนวันแรก
"แม่ฮะ เห็นถุงเท้า ผมไหมฮะ แม่ฮะ" ฟรอนท์โผล่ใบหน้าหัวที่มีผมหยิกสีแดงเพลิงมาจากราวบันไดที่ไปสู่ชั้นสองของบ้าน
"มันอยู่ในหีบอันที่สาม ทำไมเราไม่รู้จักเก็บเองมั่งนี่ " เฮอร์ไมโอนี่จัดแจงให้หม้อสตูเนื้อวัวลอยขึ้นไปเทบนชามทั้งสามใบ พร้อมบ่นหน้านิ่วคิ้วขมวด สักพัก ฟรอนท์เดินลงบันไดบ้าน เดินลิ่วมาถึงโต๊ะอาหาร คว้าชามใส่สตูเนื้อวัว ก็โดนแม่เอ็ดอีกครั้ง
"เดี๋ยว รอพ่อก่อน ไปตามพ่อมาเดี๋ยวนี้ นี่อีกคนมัวทำอะไรอยู่นะ วันนี้เราต้องไปที่อื่นอีกนะ ไหนจะไปธนาคารกริงกรอสที่ตรอกไดแอกอน แล้วไปเยี่ยมบิลอีกที่เซนมังโก ฉันละเหนื่อยใจจริงคิดผิดไหมเนี่ยที่แต่งงานกับพ่อเรา"
"ไปตรอกไดแอกอน จริงหรือฮะ งั้นผมก็จะได้เจอลุงเฟร็ดกับจอร์น"
"แน่นอน แม่ต้องเอาเราสองคนไปปล่อยไว้ที่นั่นก่อนระหว่างที่แม่และพ่อเข้าไปใน
กริงกรอส แต่อย่าหวังว่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมาได้สักชิ้น "
ฟรอนท์หน้าเจื่อน เป็นเรื่องจริงที่แม่ของเขาจะกันไม่ให้เขาเอาอะไรมาจากร้านขายของเล่นตลกอีก เฟร็ดและจอร์นชอบให้ของเล่นประหลาดกับหลานสองคนนี้ทุกครั้งที่พบกันแต่มันเป็นของกวนโทสะของเฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น กบที่กระโดดได้ไกลและแรงกระโดดของมัน ทำบ้านเละเทะไปแล้วครั้งหนึ่งด้วยการเที่ยวกระโดดข้ามสิ่งของประดับในบ้านจนแตกกระจายไปหลายชิ้น หรือแม้แต่น้ำยาทำให้สิ่งของพูดได้ เพราะเฮอร์ไมโอนี้จะตกใจแทบช็อกทุกครั้งที่ทำความสะอาดข้าวของในบ้านแล้วมันบ่นใส่เธอ
หลังอาหารมื้อเที่ยงทั้งสามคนออกเดินทางโดยรถยนต์ประจำบ้าน ซึ่งกว่ามันจะยอมขยับเขยื้อนไปได้เล่นรอนเหงื่อแตกไปหลายแกลลอน รถที่ถูกซ่อมมามันช่างรวนเหมือนคนซ่อมเหลือเกิน
.
ใกล้พลบค่ำ เอลันดาร่ำลาสองลุงหลานแห่งบ้านพิศวงตามที่ชาวบ้านละแวกนั้นมักเรียกกัน เขาเดินย่ำเท้ากลับบ้านซึ่งอยู่ไกลไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่ความเคยชินทำให้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างได การเติบโตในไร่กาแฟเที่ยวเล่นวิ่งเล่นในพื้นไร่ที่กว้างหลายเอเคอร์ทำให้ร่างกายเอลันดาแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่นๆ เมื่อถึงหน้าบ้าน เอลันดาเห็นรถยนต์คันหรูจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้าน เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าย่าเมอรี่บอกว่ามีแขกจะมาที่บ้าน เอลันดาค่อยย่องมาที่ประตูหน้าบ้าน แอบแง้มเปิดเบาๆ ดูเหมือนทุกคนจะอยู่ที่ห้องรับแขกด้านซ้ายของบ้านกันหมด เขาค่อยๆเดินให้มีเสียงฝีเท้าน้อยที่สุด ผ่านห้องรับแขกไป แต่ย่าเมอรี่ก็เรียกทักเขาเสียก่อนที่จะเดินพ้นไปได้
"อ้าว หลานเอลันดากลับมาพอดีเชียว มานี่มะมารู้จักกับเพื่อนพ่อเราเสียก่อน"
เอลันดาเดินเข้ามาในห้องรับแขก หญิงสาววัยกลางคนแต่งตัวดูเป็นคนมีฐานะดี ยืนขึ้นแล้วยิ้มให้เขา แล้วยื่นมือมาทักทายซึ่งเอลันดาก็ยื่นมือทักทายตามมารยาทเช่นกัน
"ยินดีที่ได้เจอเธอนะ ฉันชื่อมิเกลจ๊ะ เป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ และนี่แซนดร้าลูกสาวของฉันเอง" เด็กสาววัยเยาว์ที่นั่งถัดจากคุณนายมิเกลยืนยิ้มแย้มมาที่เขา เอลันดาคิดว่าเธอดูเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ตัวโตเสียอีก เธอมีผมหยิกฟูที่มัดไว้สองข้าง แก้มอมชมพูสดใส เธอยื่นมือมาทักทายและเขาก็รีบยื่นมือมาจับทักทายเช่นกัน เอลันดารีบปล่อยมือเร็วกว่าปกติ เขาดูประหม่าไปเลยที่เจอเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
"บังเอิญสามีของฉันมาทำธุระที่เมืองนี้ ฉันเลยตามมาด้วย ที่นี่น่าอยู่มากๆทีเดียว"
"ครับ ใครๆก็บอกอย่างนั้น เอ่อ
คือผมขอตัวขึ้นไปห้องก่อนนะครับ ผมขอไปทำรายงาน ผมขออภัยที่อยู่ต้อนรับนานไม่ได้" เอลันดาพยายามทำเสียงให้ดูสุภาพนุ่มนวล เพื่อให้ปู่กับย่าต้องไม่ต้องเสียหน้ามากว่านี้
"อู้ยไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม เดี๋ยวสักพักพวกเราก็กลับแล้ว ตามสบายจ๊ะ ขยันเรียนจริงๆเลยนะ แซนดร้าดูพี่เขาเป็นตัวอย่างนะลูก คุณนายเมอรี่คะ น่าภูมิใจจริงๆที่มีหลานน่ารักแบบนี้ "
เด็กหญิงแก้มป่องจ้องมองและยิ้มให้เขาอีกครั้ง เอลันดารีบหันหลังออกจากห้องเขารู้สึกเขินอายบอกไม่ถูก
.........................................................................................
บ้านโพรงกระต่ายในตอนเช้าตรู่อีกวันยังคงไม่มีคนอยู่บ้าน นายและนางวีสลีย์จำเป็นต้องไปนอนค้างที่บ้านของเพอร์ซี่ เพราะต้องคอยช่วยดูแลบิลอย่างใกล้ชิด ช่วงนี้มีการทดลองยารักษาอาการถูกพิษของมนุษย์หมาป่าตัวใหม่ มีผลบางอย่างทำให้บิลหงุดหงิดงุ่นง่านกว่าเก่า และอาละวาดบ่อยครั้ง แม้ว่าเฟลอร์เฝ้าคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่หัวอกคนเป็นพ่อแม่มิอาจจะอยู่เฉยที่บ้านได้ มีแต่บ้านของรอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่มีควันไฟลอยออกมาจากปล่องไฟ เฮอร์ไมโอนี่เตรียมไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปังปิ้งสำหรับอาหารเช้าของครอบครัว เช้านี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เซลิลีนจัดแจงจัดจานอาหารให้ครบคนบนโต๊ะ รอนเดินลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านในคลุมสีเขียวมะนาวเตรียมไปโรงพยาบาลเซนมังโก วันนี้เขามีเวรตอนเช้า ฟรอนท์วิ่งตามหลังพ่อลงมาจากบันไดลอดผ่านวงแขนรอนจนเกือบตกบันได
“ฟรอนท์ ไม่จำเป็นที่เธอจะรีบร้อนแบบนี้ ไม่เรียบร้อยเลยนะลูก ” เฮอร์ไมโอนี่เอ็ดลูกชายเสียงเข้ม
“วันนี้มีนัดสำคัญฮะ นัดล้างตาจะว่าได้” ฟรอนท์พูดอู้อี้เพราะมีขนมปังปิ้งเต็มปาก
“นัดอะไร ไม่เห็นต้องรีบสวาปามแบบนั้น “ เซลิลีนทำเสียงชวนรังเกียจ
“วันนี้จะได้รู้ใครแน่กว่าใคร” ฟรอนท์ดื่มนมเข้าไปอีกรวดเดียวหมดแก้ว แล้วลุกพรวดพราดทันทีคว้าถุงมือที่แขวนข้างผนัง ก่อนออกไปเขาตะโกนบอกอะไรเซลิลีนบางอย่าง
“พี่เซลิลีนจะไปด้วยก็ดูก็ได้ฮะ พี่เอลันดาก็เล่นด้วย เราจัดตั้งเป็นทีมหมู่บ้านขึ้นมาได้ไม่นานนี้”
“เสียใจจ๊ะ วันนี้พี่สาวของเธอ ต้องอยู่ช่วยแม่เก็บของที่ห้องเก็บของ ” เฮอร์ไมโอนี่พูดตัดบทก่อน ทำให้เซลิลีนที่กำลังจะอ้าปากตอบชะงักไป เธอก้มหน้างุดๆกับจานไข่ดาว ได้ยินเสียงฮัมเพลงเชิงล้อเลียนของน้องชายที่เดินออกไปหน้าบ้าน ฟรอนท์รู้ใจพี่สาวดี ว่าแอบชอบเอลันดาตั้งแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนประถม แม้สองคนอยู่คนละห้องกัน เซลิลีนมักไปอยู่ข้างสนามโรงเรียนหลังเลิกเรียนเสมอ เฝ้าดูกลุ่มนักเรียนชายเล่นเบสบอลกัน โดยอ้างว่าแม่สั่งให้มาดูแลน้องชาย ทั้งที่ฟรอนท์ดูแลตัวเองได้นานแล้ว ใจจริงเธออยากพบใครบางคนมากว่า
“รอนวันนี้ จะกลับหรือไม่คะ จะได้เตรียมของใช้จำเป็นไว้ให้” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางใช้ไม้กายสิทธ์ทำให้จานอาหารที่ว่างของฟรอนท์ลอยไปที่อ่างล้างจาน
“ฉันคงต้องอยู่โยงทั้งคืน ว่าจะไปดูบิลด้วย ท่าทางไม่ค่อยดีเลย” รอนโผล่หน้ามาตอบจากหนังสือพิมพ์เดลี่ฟรอเฟ็ตที่นกฮูกเพิ่งส่งมาเมื่อเช้า
“งั้นฉันจะเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนให้ชุดหนึ่งนะ” รอนพยักหน้าตอบ สายตายังคงอยู่บนเดลี่ฟรอเฟ็ตต่อไป พร้อมพ่นลมหายใจดัง
“พวกผู้เสพความตาย ที่ยังหลงเหลืออยู่พยายามก่อความไม่สงบ มันคงหวังว่าจะมีเจ้านายคนใหม่ละมั้ง น่าเกลียดจริงๆ เอาละต้องไปละสายมากแล้ว” รอนวางหนังสือพิมพ์บนโต๊ะที่มีใบหน้าพ่อมดสองคนยิ้มเหี้ยมๆพาดหัวอยู่ ตลอดหลายปีหลังจากพ่อมดฝ่ายมืดที่ชั่วร้ายคนหนึ่งถูกกำจัดออกไปได้ ก็ยังมีสมุนที่เหลือคอยสร้างความยุ่งยากให้กระทรวงไม่เว้นวัน แต่พวกมันก็ทำได้เพียงเท่านี้
ตอนสายๆ เซลิลีนกับเฮอร์ไมโอนี่ผูกผ้ากันเปื้อนไว้ด้านหน้า ใช้ผ้าปิดปากกันฝุ่นเพื่อทำความสะอาดห้องเก็บของที่ไม่ได้ทำมาหลายปี หม้อใหญ่หลายใบถูกทิ้งไว้จนหยากไย่เกาะอยู่เต็มหม้อ กองหนังสือ ม้วนกระดาษวางระเกะระกะสูงจนเกือบเท่าเอวของเซลิลีน เศษไม้กายสิทย์หักเป็นท่อนกระจายบนพื้น อัลบั้มภาพฝุ่นจับเขลอะวางซ้อนกันไปเกือบล้ม ทั้งสองคนช่วยกันขนออกมาปัดฝุ่นออก และเรียงให้เป็นกลุ่ม เซลีลีนเจออัลบั้มรูปสีเทาหม่นๆ เธอใช้ปากเป่าเบาๆจนเห็นข้อความบนหน้าอัลบั้มเขียนไว้ว่า “แด่เพื่อนฮอกวอต์” ข้างใต้ระบุวันเดือนปีเอาไว้ เซลิลีนพลิกไปหน้าแรกของอัลบั้ม เป็นภาพนักเรียนฮอกวอตท์ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็น แม่เฮอร์ไมโอนี่ในวัยเยาว์ยืนยิ้มแป้นคู่กับพ่อรอนเด็กผมแดงที่หน้าตากำลังไม่สบอารมณ์ คนอื่นๆกำลังโบกไม้โบกมือมาให้อย่างร่าเริง
“เซลิลีนทำไรอยู่ลูก”
“แม่คะ นี่ รูปแม่กับเพื่อนใช่ไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่มาเดินมานั่งข้างๆลูกสาวเธอ
“นี่อาจารย์ใหญ่นี่นา หน้าตาดุไม่เปลี่ยนแปลงเลย” เซลิลีนชี้ให้ดูศาสตราจารย์มักกอนนากัล ซึ่งเธอเป็นอาจารย์ใหญ่คนปัจจุบันของฮอกวอตท์
“ส่วนคนนี้ อาแฮรี่ ใช่ไหมคะแม่” เซลิลีนตื้นเต้นที่ได้เห็นอาแฮรี่เพื่อนรักของพ่อและแม่ เด็กชายผู้มีแผลเป็นรูปสายฟ้าฟาดบนหน้าผาก
“ว้าว ศาสตราจารย์เนวิลย์ อาจารย์สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ น่ารักจังเลย”
เฮอร์ไมโอนี่มองตามนิ้วเซลีลีนที่ชี้ไปที่คนนู้นทีคนนั้น ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขเมื่อนึกถึงวันเก่าๆกับเพื่อนที่ฮอกวอตท์ แต่นัยน์ตายังคงแฝงความเศร้าใจ เธอจำความสูญเสียมากมายในช่วงนั้นได้ดี มันมีทั้งสุขและทุกข์ผสมรวมกันอยู่
“แม่คะทำไมสองคนนี้เหมือนกันจัง เขาเป็นแฝดใช่ไหมคะ” เซลิลีนชี้ไปที่เด็กสาวสองคนที่หน้าตาคล้ายกัน
“ใช่จ๊ะลูก เขาเป็นเพื่อนแม่ทั้งคู่ คนยืนด้านซ้ายชื่อปัทมาจ๊ะ ส่วนอีกคนชื่อปาราวตี”
“ังั้นเขาก็อยู่บ้านกริฟฟินดอร์เหมือนแม่ใช่ไหมคะ เหมือนหนูด้วย”
“เปล่าจ๊ะ ปาราวตีอยู่กริฟฟินดอร์ แต่ ปัทมาอยู่บ้านเรเวนคลอจ๊ะ”
“แปลกจัง ฝาแฝดกันน่าจะเหมือนกันนะคะ สองคนนี้ดูสวยที่สุดในชั้นปีแน่ๆเลยว่าไหม แต่ไม่มีใครสวยสู้ แม่เฮอร์ไมโอนี่ของหนูได้”
“เข้าใจชมนะจะเอาอะไรอีก เมื่อวานก็ได้ไปแล้วนี่จ๊ะ จากลุงเฟร็ด ถ้าไม่คิดว่ามีประโยชน์สำหรับการเรียน แม่คงไม่ยอมหรอก ทั้งสองคนสวยน่ารัก ไม่งั้นหนึ่งในนั้นคงไม่ได้เป็นถึงพระชายาของราชนิกุล”
เซลิลีนยิ้มแก้มปริ ลุงเฟร็ดให้กล้องส่องทางไกลที่ยอดเยี่ยมที่สุด มันขยายได้เป็นหลายเท่าทีเดียว เซลิลีนแกล้งทำเป็นถามต่อเพื่อไม่ให้แม่สนใจเรื่องของฝากจากร้านขายของเล่นตลก
“พระชายาราชนิกุล ว้าว ได้เป็นเจ้าหญิงเชียวนะเนี่ย งั้นหนูเดาว่าเป็น ปัทมาแน่ๆเลยเธอดูสวยกว่าหน่อยหนึ่ง”
“ผิดจ๊ะ คนขวาต่างหาก น้าปาราวตี แม่ยังไปงานฉลองอภิเษกสมรสอยู่เลย เสียดายที่ภาพถ่ายทั้งหมดในอัลบั้มถูกน้ำยากัดกร่อนทำลายหมด พ่อเราซุ่มซ่ามทำมันหกใส่ตอนเอาไปที่เซนมังโก มันละลายหายวับเลย แต่เอ้
. นี่นึกได้ว่าเรายังมีงานต้องทำให้เสร็จอีกจม อย่ามัวมาเล่นอยู่ ไปทำงานเดี๋ยวนี้” เฮอร์ไมโอนี่สั่งเฉียบขาด เซลิลีนมองกองหนังสือเป็นภูเขาเลากาที่ต้องทำความสะอาดให้เสร็จวันนี้ แล้วอดสงสารตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ใจของเธอลอยไปถึงสนามเด็กเล่นใจกลางหมู่บ้านเสียแล้ว
ความคิดเห็น