ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในรอยภพ (พีเรียดไทย) | มี E-book

    ลำดับตอนที่ #15 : กลับเรือนเยือนรัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.39K
      15
      13 เม.ย. 67

    กรองแก้วตะลึงงันเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนที่ยืนตากปลาอยู่หน้าเรือน ความที่ยังสับสนกับทุกๆ อย่างจึงทำให้เธอนึกถึงพ่อและแม่ ที่แม่ได้จากไปหลายปีแล้วจนไม่รู้สิ่งที่เจออยู่นี้คือฝันหรืออะไร

    เธอไม่รู้ รู้แค่แทบอยากวิ่งเข้าไปกอดหญิงตรงหน้าไว้แล้วถามว่า ‘สบายดีไหม' แต่ทำได้แค่คิดแล้วยืนนิ่งน้ำตาไหล จนหญิงกลางคนหันมาเห็นเธอร้องไห้ ถึงได้เป็นฝ่ายรีบเดินมาหาเสียเอง

    มากอดไว้ว่าเป็นอะไร หากเป็นฝันคงนับเป็น ‘ฝันดี’ ใช่ไหมที่เธอได้กอดแม่อีกครั้งอย่างที่ไม่อาจมีใครทำได้

    ไม่อาจมีใครทำได้อย่างเธอแน่ๆ นอกจากจะ 'ฝัน'

    “กระไรวะ เหตุใดเปียกกันมอล่อกมอแล่ก”

    “แล้วนั่นผ้าผ่อนเอ็งหายไปไหนอีแก้ว!”

    เป็นแม่ที่เข้ามาถาม พร้อมจับแขนเธอให้กรองแก้วใจเต้นแรง แสดงว่าชาติก่อนเธอคือแก้วจริง ถึงกลับชาติมาเกิดเป็นลูกพ่อกับแม่อีกใช่หรือเปล่า เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ก็รู้สึกปลอดภัยไปเปราะแล้วที่นอกจากสิง ที่นี่ยังมีพ่อกับแม่อยู่ด้วยอีกสองคน…!

    “แล้วเป็นกระไรร้องห่มร้องไห้ ตอบข้ามาไอ้สิงมันรังแกเอ็งรึ!” แม่เสียงดังหลังมองสภาพเธอ ส่วนพ่อได้ก้าวยาวๆ เข้าหาสิงที่ยกมือไหว้และเพิ่งได้ทีเล่าว่าทำไมต่างคนต่างเปียกปอนกัน

    ทันทีที่รู้ว่าแก้วพลัดตกคลองท้ายวัด สองหญิงชายกลางคนก็ถึงกับยกมือทาบอกตกใจและไถ่ถาม

    “ฉันไปหาปลา ผ่านมาเห็นพอดีจึงช่วยแก้วไว้จ้ะ”

    “เอ่อ ใช่ ใช่ๆ แล้วจ้ะ” กรองแก้วช่วยยืนยันให้แนบเนียนที่สุด “ฉันเอ่อ ตกน้ำแล้วสิง เอ่อ พี่สิงช่วยไว้จ้ะ”

    เธอบอกเล่าเท่าที่รู้จนพ่อก้าวมายืนประชิดคนเป็นหนุ่มผู้พลันก้มหน้าว่าไม่ขอยืนเสมอผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันก็มองเธอด้วย

    “เล่าข้ามาให้สิ้นว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร!”

    กรองแก้วพลอยตกใจไปด้วย ไม่รู้ชาติก่อนพ่อเป็นคนอย่างไร แต่จากทีท่าแล้วคงไม่ต่างกับปัจจุบันที่ดุถึงไว้หนวดน่าเกรงขาม ชวนให้นึกถึงชาวบ้านบางระจัน

    แล้วสภาพร่างกายแก้วก็ดูเป็นคนเพิ่งตกน้ำจริงๆ สิงเลยค่อยๆ เงยหน้าสบตาผู้ใหญ่ว่าไว้ใจตนเองได้ เขาเพียงช่วยแก้วเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้ แต่…การที่สิงเดินประคับประคองเธอมาเมื่อครู่ ก็ยังเป็นภาพที่ผู้ใหญ่ต้องถามให้รู้ความ มิหนำซ้ำผ้าผ่อนที่ตัวเธอก็มีไม่ครบ เหลือเพียงโจงตัวยาวและผ้าคาดเอวของสิงห่อหุ้ม

    ที่สำคัญเธอยังร้องห่มร้องไห้ตอนเจอหน้าพ่อกับแม่แก้ว

    เลยกลายเป็นทำให้สิงถูกมองในแง่ไม่ดี

    “สไบแก้วหลุดไปกับน้ำจ้ะลุงป้า ฉันเอ่อ…จึงห่อตัวให้ ฉันจะรีบพาพ่อมาขอแก้ว มิให้เป็นขี้ปากคนเลยจ้ะ”

    “…!” กรองแก้วเบิกตา เธอรู้ว่าสิงรักแก้วและจะออกเรือนกันอยู่แล้วแต่เรื่องนี้ต้องรับผิดชอบด้วยการรีบขอเลยหรือไง ก็ไหนว่าสิงไม่ได้เจตนาล่วงเกินแก้ว แค่สถานการณ์พาไป แล้วจะมายืดอกรับเหมือนว่าตัวเองผิดทำไม จะบ้าหรือเปล่า!

    ผู้ใหญ่ทั้งสองมองหน้ากันว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องตกน้ำ แต่หมายถึงสภาพเธอตอนนี้ที่ถ้าสิงคือคนช่วยก็หมายความว่าต้องเห็น ต้องโดนตัวกันแล้วแน่นอน พ่อกับแม่แก้วถึงสีหน้าร้อนใจ

    “ตามจริง ฉันทำให้แก้วเสียนวลมาก่อนหน้านี้แล้วจ้ะ ครานั้นที่ฉันไปทัพแล้วแก้วมาส่ง ฉันก็หอมแก้มแก้ว พอกลับมาที่แก้วไปดูแล ฉันก็คิดถึงจึงหอมเสียอีกข้างที่เหลือจ้ะ…”

    พ่อหน้าดำหน้าแดงเมื่อเพิ่งรู้โดยที่มีแม่จับแขนให้ใจเย็น ส่วนคนหนุ่มยังคงสารภาพต่อให้เธอวางตัวไม่ถูก

    “ฉันรักแก้วจ้ะลุง ห่างกันนานมาแรมปีแล้ว…”

    “มีคนเล่าข้าแล้วว่ามันไปส่งเอ็งแล้วก็…!” พ่อเอ่ยแทรกเชิงไม่อยากฟังต่อว่าสิงทำอะไรๆกับแก้วไปบ้าง “วันที่พวกตะหารกลับมันก็ถึงทิ้งแผงค้าขายไปตามหาเอ็งให้ทั่ว!”

    ขณะที่พ่อพูด แม่ก็มองเธออย่างดุๆ พอกับที่มองสิงผู้ก้มหน้าอย่างยอมรับผิดทุกอย่างที่คนหนุ่มเพิ่งจะได้สารภาพ

    “เอ็งสองคนนี่มันเหลือเกิน ชิงสุกก่อนห่าม!” แม่พูดลอดไรฟันและบิดแขนลูกสาวให้พอเจ็บจนกรองแก้วร้องโอ๊ย ส่วนสิ่งนั้นก็ถูกมองด้วยสายตาตำหนิติเตียนหนักหน่วง

    “หอมเท่านั้นจ้ะ ฉันมิเคยคิดทำแก้วมัวหมอง ถึงขั้นกระนั้น” สิงรีบอธิบายทั้งสีหน้าจริงจังไม่หลบตาผู้ใหญ่อีก “แลฉันบอกแก้วไว้ว่ากลับจากศึกเมื่อใดจะมาขอ เอ่อ ฉันขอเลยได้หรือไม่จ๊ะ”

    การเอ่ยตรงๆ ซื่อๆ นี้ของสิงทำให้พ่อกับแม่แก้วถลึงตาว่ามันจะง่ายไปไหม มองหน้ากันว่าเอาอย่างไรดีจนเป็นความเงียบชวนอึดอัดเพราะเธอไม่ใช่แก้วไม่สามารถพูดอะไรได้ ไม่รู้ด้วยว่าความสัมพันธ์ของสิงกับแก้วอยู่ขั้นไหน และที่สิงพูดจริงหรือเปล่าว่าไม่เคยล่วงเกิน

    “แล้วเอ็งไปตกน้ำตกท่าได้อย่างใด ไปนั่งท้ายวัดผู้เดียวอีกรึ!”

    “…” กรองแก้วตอบไม่ได้ เธอไม่รู้เรื่อง

    “บอกแล้วใช่หรือไม่ ว่าอย่าไปหานั่งผู้เดียว ตกน้ำท่ามาใครจักช่วยแล้วเอ็งก็เป็นสาว ถ้าใครมาฉุดจักทำอย่างไรกัน!”

    “เอ่อฉัน แม่จ๋าฉัน…”

    “ข้าไม่ได้ว่าดอกนะ ถ้าจะรักชอบกัน แต่ก็จงมาทำเสียให้ถูก!” พ่อบอกต่อจากแม่แล้วผ่อนลมหายใจแรงๆ “เอาเป็นว่าเอ็งก็รีบมาขอมันเสียไป ข้าขี้คร้านฟังคนนินทา แก้วมันเป็นหญิง”

    “เข้าใจจ้ะลุง” สิงรับปากเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว พูดอย่างไรผู้ใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าแค่เคยกอดหอมกันเท่านั้น จู่ๆ ลูกสาวจะตกน้ำแล้วสิงผ่านมาช่วย คงคิดเข้าใจกันไปว่าแก้ว ‘เล่นน้ำ’ กับสิงแล้วพลาดท่า พลาดพลั้งเสียมากกว่า ถึงจะให้รีบมาขอ

    “ค่ำนี้ชวนไอ้มั่นพ่อเอ็งมากินข้าวปลาเสียที่นี่ จักได้คุยเรื่องนี้”

    เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว กรองแก้วอยากบ้าตายที่เธอไม่ใช่เจ้าของร่าง ไม่สามารถออกเรือนกับใครได้

    “ลุงยกแก้วให้ฉันแล้วหรือจ๊ะ!”

    ผู้ถูกเรียก ‘ลุง’ ตีหน้าขรึมใส่คนเป็นหนุ่มที่ถึงกับเพิ่งคุกเข่าไหว้ทำนองขอบพระคุณ ขอบคุณที่ ‘ลุง’ ยกลูกสาวให้แล้ว

    “ข้ายังไม่ได้ยกให้นะเว้ย!”

    “ฉันจะไปพาพ่อมาขอแก้วประเดี๋ยวนี้จ้ะ!”

    “เออ กลับไปผลัดผ้าผลัดผ่อนก่อนเสียไป ข้าทุเรศทุรังสิ้นดี!” พ่อเหล่มองเนื้อตัวว่าที่ลูกเขยแล้วทำหน้าให้รู้ว่าไม่ได้น่าดูเอาเสียเลย “แล้วแผลเอ็งหายดีแล้วรึที่ไปทัพกลับมา”

    จู่ๆ พ่อก็เปลี่ยนเรื่องจนคนยังหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน

    “ถ้ายังก็รักษาให้มันหายเสียก่อนค่อย…”

    “หายแล้วจ้ะ” สิงตอบก่อนจะฟังจบและยิ้มกว้างตาประกาย

    กรองแก้วพลันเอ่ออ่า พูดอะไรไม่ออกอยู่ผู้เดียว

    “เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะจ๊ะ”

    “ดีที่เอ็งผ่านไปเจอมัน มิฉะนั้นได้ตายเป็นผีเฝ้าอยู่คลองวัด!” พ่อไม่สนใจฟัง ส่วนแม่ยังลูบหัวเรียกขวัญว่าอยู่นิ่งๆ อย่าขัดผู้ใหญ่ แต่สายตาก็มองว่าที่ลูกเขยที่ลุกยืนอวดรูปร่างกำยำว่าไม่ได้น่าดูเลย พ่อจึงกะแอมว่ามัวยืนเปียกอยู่ได้มันน่าอวดนักหรือไร

    อยากให้ผู้ใหญ่และเธอรู้หรือไงว่าเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว

    “ไม่มีกระไรแล้วเอ็งจะไปไหนก็ไปๆ อย่ามาขวางหูขวางตาข้า!”

    “ฉันยังไม่ออกเรือนนะจ๊ะ!” กรองแก้วโพล่ง การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ที่หากเลือกผิดต้องคิดจนตัวตาย และเธอก็ไม่ใช่แก้ว ฉะนั้นยังออกเรือนไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรก็ไม่ได้…!

    “กระไร! เอ็งกับไอ้สิงก็รักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้วมิใช่หรือไร ไม่ออกวันนี้วันหน้าก็ย่อมต้องออกอยู่ดี”

    “รู้จ้ะแต่ฉันขอเวลา…”

    กรองแก้วพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแจ๋วๆ ของใครคนหนึ่งดังแทรก เป็นหญิงร่างเล็กผู้มีใบหน้าเกลื่อนยิ้ม เพิ่งเดินมาจากหลังเรือนที่พอเห็นเธอตัวเปียก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกอกตกใจ

    “ตายแล้ว! เหตุใดกระเซอะกระเซิงเยี่ยงนี้แก้ว!

    สาววัยประมาณสิบห้าสิบหก วางกระจาดผักลงพื้นดังตุ๊บและไม่รอฟังใครตอบก็วางท่านักเลงใส่คนเป็นหนุ่มทันทีจนทำให้จากที่ทุกอย่างกำลังดี ก็กลายเป็นพ่อกับแม่ไขว้เขว

    “บอกฉันมานะแก้ว มิต้องกลัว พี่สิงรังแกใช่หรือไม่!”

    “เอ็งอย่าพูดไปเรื่อยนะเว้ย!”

    “แก้วร้องไห้ขนาดนี้ มิให้ฉันพูดได้รึ ถ้ารักก็มาขอซี ทำอย่างนี้กับแก้วได้อย่างไรพี่สิง!” สาวน้อยโต้ตอบคนหนุ่มผู้โตกว่า ไม่พูดเปล่าแต่เข้ามาจับเธอหมุนเพื่อสำรวจตรวจตราไปพร้อมกัน

    กรองแก้วไม่รู้จะพูดอย่างไรเมื่อสาวน้อยไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น ทำตาถมึงทึงใส่สิง แล้วก็จับมือกึ่งจูงกึ่งลากจะพาเธอไปไหน

    “เดี๋ยวก่อน จะไปไหน!” เธอถามทันใด

    “เอ้า จะมัวยืนเฉยทำกระไร ก็รีบขึ้นไปผลัดผ้าผ่อนเสียซีแก้ว! อยากยืนเปียกให้พี่สิงมองตาเป็นมันนักหรือไร”

    “…!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×