ตอนที่ 19 : บท 19
“ท่านแน่ใจหรือครับว่าแผนนี้จะไม่มีอะไรผิดพลาด” ภูริชถามนายสุกิจ ขณะอยู่ในห้องทำงานของนายสุกิจกันตามลำพัง
“ทำไมล่ะ”
“ก็ผมกลัวว่าถ้าเกิดคุณน่านกอบกู้สถานการณ์ของข้าวเกรียบมีโชคได้ กระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ภายในสามเดือน เราไม่หงายท้องเก๋งหรือครับ”
“แล้วแกคิดว่าคนไม่เอาถ่านอย่างไอ้น่านจะทำเรื่องปาฏิหาริย์แบบนั้นได้เรอะ มิหนำซ้ำยังหัวเดียวกระเทียมลีบ มีผู้ช่วยแค่คนเดียว”
“คิดว่าไม่ครับ” ภูริชส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้างั้นก็เลิกถามคำถามโง่ๆ แบบนี้ได้แล้ว”
“ครับ” ลูกน้องก้มหน้าจ๋อยๆ
“ถ้าฉันคิดว่าไอ้น่านจะกอบกู้สถานการณ์ยอดขายตกต่ำของบริษัทได้ ฉันคงไม่เปิดโอกาสให้มันกลับมาบริหารงานอีกสามเดือนหรอก” นายสุกิจหรี่ตาน้อยๆ
“ผมรู้แล้วครับ ที่ท่านให้โอกาสคุณน่านอีกสามเดือน เพราะอยากจะให้คุณน่านดูเป็นตัวตลกในสายตาของพนักงานที่นี่”
“ค่อยฉลาดขึ้นมาหน่อย ที่ฉันยอมเปิดทางให้มัน ก็เพื่อจะดิสเครดิตมันชนิดที่ว่าชาตินี้มันไม่มีทางเรียกศรัทธาคืนมาได้อีก แล้วก็เพื่อเพิ่มเครดิตในตัวฉันด้วย ทุกคนจะได้เห็นว่าฉันใจดีและใจกว้างแค่ไหน” รอยยิ้มเหี้ยมๆ แฝงในแววตาของชายวัยกลางคน
“ท่านสุกิจฉลาดอย่างคาดไม่ถึงเลยครับ ผมยังคิดไม่ทันเลยครับ สมแล้วที่ทุกคนสนับสนุนให้ท่านขึ้นเป็นประธานบริษัท” นายภูริชสอพลอตามนิสัย
“ไอ้หมอนี่มันโง่กว่าที่ฉันคิดนะ ประกาศออกมาได้ว่า จะกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ภายในสามเดือน มันใช้หัวสมองหรือหัวแม่โป้งตีนคิดกัน” สุกิจส่ายหน้า
“นั่นสิครับ ผมว่าได้เตรียมตัวหน้าแตกดังเพล้งแน่ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันต่อไปครับท่าน”
“อยู่เฉยๆ รอหัวเราะเยาะอย่างเดียวก็พอ” นายสุกิจหัวเราะหึๆ ในลำคอ นัยน์ตาหมายมาด ไม่ต่างจากแมวที่เห็นปลาย่างอยู่ตรงหน้า และกำลังจะตรงเข้าไปตะครุบ
น่านฟ้าจับจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ หรี่ตาเป็นระยะอีกต่างหาก ขณะอยู่ในห้องประชุมกันตามลำพัง
“คุณมองฉันทำไม ฉันสวยนักหรือไง” มัศยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา กอดอก เอนหลังพิงพนัก สีหน้าเอือมๆ ถามขึ้น
“เปล่า”
มัศยากัดฟันกรอดๆ อยากกระโดดถีบผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน เมื่อครู่นี้ไม่น่าเสนอหน้ายกมือขอเป็นผู้ช่วยของหมอนี่เลย ทั้งๆ ที่รู้ว่า ความจงรักภักดีต่อบริษัทและประธานโชคครั้งนี้ ถือเป็นความเปล่าประโยชน์โดยแท้ เพราะแม้แต่หล่อนเองก็ไม่เชื่อว่าน่านฟ้าจะทำอย่างที่ประกาศได้
แต่หล่อนมีทางเลือกอื่นอย่างนั้นหรือ ขืนไม่เสนอตัวช่วยเขา มารดาคงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และคงได้ก่นประณามกันทั้งวันทั้งคืนว่าหล่อนคิดทรยศหักหลังประธานโชค
“แล้วคุณจ้องหน้าฉันหาสวรรค์วิมานอะไร” หญิงสาวถาม
“ผมอึ้งและทึ่งกับการกระทำของคุณมาก บอกตรงๆ ” เป็นครั้งแรกที่แทบไม่เห็นความยียวนจากเขา
“ฉันมีทางเลือกหรือไง” หล่อนตอบเหมือนกับนางวิภา
“ทำไมเจ๊พูดแบบนั้นล่ะ” น่านฟ้าเปลี่ยนกลับมาเรียกหล่อนด้วยสรรพนามเดิมๆ อีกครั้ง น้ำเสียงก็เจือความกวนประสาท จนมัศยาค้อนเขาตาปะหลับปะเหลือก
ไม่รู้ว่างานนี้หล่อนฆ่าตัวตายกลางอากาศหรือไม่ เผลอๆ หลังจากสามเดือนนี้ไป คงได้ตกงาน เพราะหล่อนเป็นพนักงานคนเดียวที่เป็นแกะดำ แล้วดูชายหนุ่มสิ จนถึงตอนนี้ ก็ยังทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอยู่วันยังค่ำ ไม่มีมาดของผู้บริหารที่จะกอบกู้สถานการณ์ของข้าวเกรียบมีโชคได้เลย
มิหนำซ้ำยังดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ที่ทั้งห้องประชุมมีแค่เขากับหล่อน
ชายหนุ่มเรียกหล่อนเข้าประชุมด่วน หลังออกจากห้องทำงานของนางวิภา เพื่อจะวิเคราะห์การวางแผนการตลาดข้าวเกรียบมีโชค
แต่ดูแนวโน้มแล้ว คงท่าดีทีเหลว ตามคอนเซ็ปต์คนไม่เอาถ่านของเขา
“ฉันถามจริงๆ เหอะ คุณคิดยังไงถึงได้ประกาศออกไปแบบนั้นต่อหน้าพนักงานร่วมสองร้อยกว่าคน”
“จะถามเหมือนแม่ใหญ่อะไรขนาดนั้น ก็ผมตอบไปแล้วไงว่านี่เป็นหนทางเดียวที่ผมจะพิสูจน์ตัวเองและทวงคืนตำแหน่งประธานกลับมาได้”
“ด้วยการกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ภายในสามเดือนเนี่ยนะ” มัศยาโพล่งออกไปอย่างอ่อนใจ
น่านฟ้าพยักหน้า “ทำไม คิดว่าผมทำไม่ได้หรือไง”
“บอกตรงๆ นะ ใช่”
“งั้นถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวผม แล้วคุณเสนอตัวทำไม” น่านฟ้าถามด้วยน้ำเสียงเกือบจะจริงจัง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
