คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Never forget what we lost (ทุก ๆ ท่วงทำนอง) - 100%
ตอนที่ 18: Never
forget what we lost
(ทุก ๆ
ท่วงทำนอง)
ความทรมาน
คือความหรรษารูปแบบหนึ่งที่มนุษย์สามารถสรรค์สร้างได้
ชะตาเพียงลิขิตยามเปลวไฟแห่งชีวิตสว่างอยู่ได้แค่เพียงในกำมือ
ความมีอำนาจเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ทำให้คนเดินดินสามารถแปรเปลี่ยนเป็นดั่งผู้รังสรรค์
แค่ทำตัวให้เป็นฝ่ายก้มมองลงมา
เพียงเท่านี้...พวกเขาก็เป็นได้ดั่งพระเจ้า
ไม่อาจเข้าใจได้ถึงต้นสายปลายเหตุ
เพราะเหตุใดดวงตาของคนตรงหน้าถึงสะท้อนแสงสีสุกสกาวยามในห้องไร้ซึ่งแสงแห่งความหวัง
สายตาแห่งโลหิตกำลังนั่งจดจ้องเฝ้าดูหนึ่งเพลิงชีวิตที่ใกล้ดับสิ้นไปด้วยรอยยิ้มแสนบันเทิงใจ
“ประเทศนี้รถติดนะแกว่าไหม? วันนี้กว่าจะถึงโรงพยาบาลได้เล่นเอาเสียเวลาชะมัด อุตส่าห์จะรีบไปรีบกลับจะได้มีเวลาไปเล่นกับเด็กสักหน่อย
...เสียแผนหมดเลย”
“......”
“อยู่ที่นี่คนเดียวเหงาไหม? อยากมีเพื่อนรึเปล่า? ฉันจะได้ไปลากคอไอ้หมอนั่นมานอนเป็นเพื่อนแก
ให้ตายสิ! ไม่ชอบขี้หน้ามันเลยนะ
เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะอยู่ได้ ...แต่ต้องยอมรับว่ามันเก่ง ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็ไม่เห็นเลยนะ
รอยแผลเป็นน่ะ ฝีมือเย็บแผลนี่ต้องดีสุด ๆ เลย”
“......”
“เสียของมาก
เป็นแผลเป็นเลยนะ รอยยาวเล็ก ๆ ตรงเอวน่ะ ...นั่นสิ ประมาณสองนิ้วได้
เห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเอาสุด ๆ อ๋อ…แล้วแกยังรู้ไหมว่ากระดูกคนเราเวลาหักหรือร้าวไปแล้ว ไม่ว่าจะรักษายังไงมันก็ไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้เลยน่ะ ให้ตายสิแย่สุด ๆ เลย”
“......”
“นี่
แล้วแกคิดว่ายังไงบ้างล่ะ? ฉันควรจะทำอะไรกับแกต่อดีหลังจากแกทำอะไรสิ้นคิดไปน่ะ
...นี่ไอ้คุณผู้ช่วยผู้จัดการ? ไหนแกลองบอกสิว่าฉันจะทรมานอะไรแกต่อดีหลังจากแกทำร้ายผู้หญิงของฉันไป!?”
“…...”
“หือ? ทำไมไม่พูดล่ะ? อ๋อ...ลืมไปอีกแล้วว่าแกพูดไม่ได้แล้วนี่นะ
หึ ๆๆ ไอ้เวรเอ๊ย!” เหมือนกำลังคุยคนเดียว
เพราะสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าคือเศษซากไร้จิตใจที่โดนบรรดาผู้บริหารจับมาทรมานรีดเร้นข้อมูลไปจนหมด
หลังจากที่ง้างปากมันออกมาได้ว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง
สภาพมันก็กลายเป็นตกนรกทั้งเป็นดั่งที่เคยป่าวประกาศไว้
ผลักไสให้มันต้องคิดจนตัวตายว่าตอนนี้ตัวเองไม่มีสิทธิ์จะมีชีวิตอีกแล้ว
และถึงแม้อยากจะตายก็ตายไม่ได้ ต้องกลายเป็นก้อนเนื้อไร้อิสระแสนโง่เขลาเบาปัญญา
กล้าดียังไงถึงคิดมาจองหองหวังท้าทายอำนาจดอนกิโฮเต้แฟมิลี่!
“แต่ว่าต้องปรบมือให้เลยนะ
แกนี่ทนใช้ได้ ผ่านมาขนาดนี้แล้วมีลมหายใจอยู่อีก ...แต่พอแล้วล่ะ
คุยกับแกแล้วไม่สนุกเลย ยิ่งเห็นยิ่งไม่สบอารมณ์ เอ้า...ตาย ๆ ไปได้แล้ว”
“แก.ไม่.มี.ทาง.ได้.สิ่ง.ที่.หวัง.หรอก” คนฟังหน้ากระตุก แม้อีกฝ่ายจะเอ่ยพูดด้วยถ้อยคำที่ฟังแทบไม่รู้เรื่องแต่เขาก็มั่นใจว่ามันพูดแบบนั้นแน่นอน ชายหนุ่มกดลั่นไกบีบบังคับทุกอย่างให้ปิดฉากลง
เสียงสะท้อนแว่วหาย
กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้ง เช็ดหยดเลือดที่กระเซ็นเปื้อนใบหน้าก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืน
เลือกทิ้งกลุ่มก้อนแห่งความตายไว้ด้านหลังแล้วก้าวขาออกจากที่แห่งนี้ไป
โลกของผู้แพ้มันไม่มีอะไรน่าจดจำ
และคำพูดสุดท้ายของมันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจ!
………………………
เสียงจามเบา ๆ
เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินยามความเงียบมีมากกว่า
ไวโอเล็ตนั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่เรือนกระจก
ขยี้จมูกเล็กน้อยตอนละอองเกสรทำให้รู้สึกคัดจมูก
สาวน้อยกลับมาถึงบ้านได้ชั่วครู่ชั่วยามแล้ว
แต่ต้องมานั่งแกร่วอยู่ที่บ้านอย่างเบื่อหน่ายเพราะเธอโดนสั่งให้อยู่เฝ้าบ้าน
ยกแขนขวาขึ้นมาถูไถ
รู้สึกสบายใจเป็นล้นพ้นยามแขนข้างที่ร้าวโดนถอดเฝือกออกแล้ว
เกือบเดือนที่ผ่านมาเธอนึกงุ่นง่านใจอยู่บ่อยครั้งตอนเกิดอาการคันแล้วแหย่นิ้วเข้าไปเกาไม่ได้
ภูมิใจในร่างกายช่วงเจริญเติบโตเหลือเกินเพราะดูเหมือนทุกอย่างมันจะซ่อมแซมตัวเองได้ดีจนเหลือเชื่อ
ซ้ำยังโดนคุณหมอเอ่ยปากชมว่าเธอดูแลบาดแผลที่เอวได้สะอาดหมดจดดีมาก
อันที่จริงแล้วต้องยกความดีความชอบให้คุณมาเฟีย
เพราะเธอแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากยอมให้โดฟลามิงโก้พาไปล้างแผลที่คลินิกทุกวัน
พอคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ดี ๆ
หัวใจก็เต้นตึกตัก พักหลังดูเขาจะเอาใจใส่เธอแปลก ๆ
มันมากเสียจนรู้สึกเกินพอดีไปนิด
ตอนนี้ตัวเธอจึงไม่รู้ว่าจะตอบรับท่าทางแบบนั้นอย่างไรดี
ไม่ร้ายมันก็ดีแต่ดูเขาจะติดเธอแจมากเกินไปหน่อย
ขยับตัวไปไหนไม่ค่อยได้เลย
ไวโอเล็ตเลือกเอนตัวพิงเบาะ
พยายามซึมซับเอากลิ่นอายของธรรมชาติรอบตัว ละอองแดดกับลมเย็นกำลังล่อลวงเธอให้หลับอีกแล้ว
‘อ่า จริงสิ
คุณหมอบอกว่าเพราะร่างกายเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทำให้บางทีอาจจะมีอาการอ่อนเพลียจนผล็อยหลับได้ ...งั้นก็หลับเลยล่ะกัน’ ไหน ๆ ก็ว่างจนไม่มีอะไรทำแล้วก็เลือกให้ร่างกายได้พักผ่อนดีกว่า
เพราะหากหายเป็นปกติเร็วขึ้นเท่าไหร่ตัวเธอก็จะได้กลับไปทำงานเร็วขึ้นมากเท่านั้น
………………………
หน้าหนาวแล้ว
วันนี้อาจจะเป็นไม่กี่วันที่อุณหภูมิลดลงอย่างน่ายินดี
ลมหนาวพัดเข้ามายามเจ้าของห้องเลือกที่เปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์
โดฟลามิงโก้นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวม
ยกขาขึ้นพาดโต๊ะก่อนใช้สายตากวาดอ่านทุกตัวอักษรในแผ่นสารอย่างถี่ถ้วน
ตอนนี้ความคิดกำลังตึงเครียดมันช่างสวนทางกับท่วงท่าสบาย ๆ ที่เขาทำอย่างลิบลับ
เลือกโยนแฟ้มไว้บนโต๊ะก่อนแหงนหน้ามองเพดานด้วยความคิดที่ฟุ้งกระจาย
‘ต้องใช่แน่ ๆ
มันต้องเป็นคนเดียวกันแน่นอน’ หลังจากกลับมาเจ้าพ่อมาเฟียก็ไม่อาจสลัดคำพูดที่ไอ้หนอนบ่อนไส้มันทิ้งไว้ได้
ซ้ำร้ายกว่านั้นระหว่างทางกลับ
เขาก็ไม่อาจสลัดภาพชายปริศนาที่สวนกันบนท้องถนนได้เช่นกัน
ย้อนกลับไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาถึงบ้าน
หลังจากพาร่างออกมาจากห้องทรมานชั่วคราว
ปลายสายตาก็เห็นเทรโบลกับเดียมานเต้ยืนสุมหัวคุยกันอยู่
“ได้ยินเสียงปืนนะ
ฆ่ามันไปแล้วเหรอ?”
“ไม่มีประโยชน์อะไรต้องเก็บไว้นี่”
“เฮะ ๆ
นึกว่าจะเก็บมันไว้นานกว่านี้ซะอีก เห็นช่วงนี้ชอบทำตัวซาดิสม์”
“ใครซาดิสม์? ตอนนี้ฉันอยู่ในโหมดคิตตี้แล้ว” โดฟลามิงโก้ฉีกยิ้มกวนประสาท
ไม่มีอะไรต้องอายเพราะเขาหยอดมุกจีบไวโอเล็ตเกือบทุกวันจนหนังหน้าด้านแล้ว
“คิตตี้คอลเลคชั่นไหนมีเลือดเปื้อนเสื้อด้วย?”
“คิตตี้ฮาร์ดคอร์!
...แล้วพวกแกจะกลับไปที่นั่นเมื่อไหร่?” อสูรสวรรค์ถามพลางจัดปกเสื้อให้เข้าที่
“หลังจากราชาริคุมันเริ่มทำตามข้อเสนอใหม่
กลับไปตอนนี้ก็มีแต่จะหูชา ให้พิก้ามันโดนบ่นคนเดียวไปก่อน ฮ่ะ ๆๆ”
“จะทำอะไรก็รีบทำนะดอฟฟี่
อีกแค่สองเดือนเอง เบเฮะ ๆ”
“...เออ ไปนะ” โดฟลามิงโก้เงียบไปพักใหญ่ก่อนถอนหายใจเหน็ดเหนื่อย
ชายหนุ่มสืบเท้าออกจากโรงงานไป ถึงปากจะบอกว่าช่วยไม่ได้แต่เขาไม่ชอบใจในข้อเรียกร้องใหม่ของราชาเลยสักนิด
เรื่องอะไรจะยอมทำตาม
ไม่มีทางเสียหรอก!
ที่บนรถ
ร่างสูงกำลังอนุญาตให้ภาพนอกหน้าต่างไหลผ่านสมองมาแล้วไหลผ่านไป
ใบหน้าสวมแว่นตาหันมองไปด้านหน้ายามรถกำลังจอดติดไฟแดง จู่ ๆ อากาศรอบตัวก็กดดัน
ทำไมจำนวนรถบนถนนถึงเบาบาง
สัมผัสประหลาดตื่นตัว! สายตาคมกำลังพุ่งตรงไปยังฝั่งตรงข้าม ที่ ๆ มีบรรยากาศชวนตะขิดตะขวงใจอบอวลอยู่ตรงนั้น
ที่ตรงนั้น...มีมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์
บอนเนวิลล์จอดอยู่ ทั้งตัวคนขับหรือแม้กระทั่งสีถังรถล้วนเป็นสีดำ
มองไม่เห็นแม้แต่เนื้อหนังมังสาหรือดวงตา
แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังเพ่งมองมายังตน
ผู้ชายร่างกำยำในชุดสีทมิฬ ร่างนั้นจับแฮนด์รถอย่างมาดมั่น อีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อนจนคนผมทองคิดไปว่านั้นอาจจะเป็นเพียงรูปสลักมีชีวิต
สัญชาตญาณร้องเตือน!
โดฟลามิงโก้เชื่อสัญชาตญาณตัวเองเสมอ
ลดมือไปคว้าอาวุธคู่ใจก่อนจะง้างนกสับเตรียมพร้อมยิง
สายตาจดจ้องฝั่งตรงข้ามอย่างแน่วแน่เพราะอีกไม่กี่วินาทีสัญญาณไฟก็จะ...
เขียว!
อะดีนาลีนฉีดพล่าน!
พาหนะสองคันกำลังวิ่งเข้าหากัน
เพราะตนเองกำลังจดจ่อใช้สมาธิ
ภาพที่เห็นทั้งหมดจึงดูยืดช้าคลายมีคนมาชะลอกาลเวลาไว้
แสนมั่นใจว่าทั้งเขาและอีกฝ่ายต่างประจันสายตากันไม่ลดละระหว่างที่รถกำลังแล่นสวนกัน
...ทั้งที่ฟิล์มกระจกรถเขามันมืดทึบ แต่โดฟลามิงโก้ก็รับประกันได้เลยว่าคนขับมอเตอร์ไซค์มันหันมาจ้องเขาตาไม่กะพริบ!
แต่มันแค่ผ่านมาแล้วผ่านไป?
ทั้งสองสวนกันไปแล้ว
เจ้าพ่อหันมองตามท้ายรถที่วิ่งออกไปไกลลิบจนพ้นสายตา
ก่อนจะปลดอาวุธแล้วเหน็บเอวไว้เหมือนเดิม
‘ไม่น่าใช่คนธรรมดาที่บังเอิญมาขี่รถเล่นสวนกับเขา
ไม่...ไม่ใช่เลย รถมันไม่มีเลขป้ายทะเบียน แถมบรรยากาศรอบตัวมันอันตรายเกินไป หมอนั่นเป็นใครกัน!?’
เสียงลมพัดหน้ากระดาษเรียกสติให้กลับจากอดีต
โดฟลามิงโก้วางมือทับมันไว้เมื่อแผ่นบาง ๆ บนโต๊ะทำท่าจะปลิวตามลมไป
มันคือแฟ้มที่เทรโบลเคยเอามาให้
ที่จริงเขาลืมมันไปแล้วแต่ไม่รู้อะไรดลใจเขาจึงหยิบมันขึ้นมาดู
จ้องมองเนื้อหาอีกครั้งก่อนสายตาจะเหลือบมองขึ้นไปยังฝั่งตรงข้าม
ปลายสายตาไม่ใช่ชายชุดดำที่ซ้อนอยู่บนมอเตอร์ไซค์แต่เป็นเด็กสาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
เพราะส่วนห้องทำงานกับห้องนอนเขามันเปิดโล่งถึงกัน แค่เพียงเงยหน้าขึ้นมาก็จะเห็นอีกคนได้ทุกอิริยาบถ
ไวโอเล็ตหลับบ่อย
มันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่เธอโดนรถชน
หลังจากกลับมาถึงบ้านเขาก็เดินหาเธออยู่นานสองนานจนไปเจอหล่อนนอนน้ำลายหกอยู่ที่สวนกระจก
ดูเหมือนแม่สาวจะหลับลึกเสียจนปลุกยังไงก็ไม่ตื่น สุดท้ายต้องลำบากเขาให้อุ้มพามาส่งถึงที่บนเตียง
“แบบนี้ต้องคิดดอกเบี้ย” หัวเราะเสียงต่ำก่อนสะบัดความไม่สบายใจทิ้งไป
‘ยังหรอก...มันยังไม่ถึงเวลา
ตัวเขายังมีเวลาอีกตั้งสองเดือน ดูทรงแล้วนับจากนี้คงต้องเดินเกมรุกหนักกว่าเก่า
ไม่มีทางปล่อยเธอไปง่าย ๆ อีกแล้ว’ เมื่อคิดได้ดังนั้นโดฟลามิงโก้ก็ลุกขึ้นเต็มความสูง
ก่อนจะตัดสินใจย้ายร่างตัวเองเข้าห้องน้ำไป
‘วิโอล่า’
เจ้าของชื่อสะดุ้งตื่น
ยกตัวขึ้นมานั่งยามรู้สึกเหมือนมีใครเรียกชื่อ เด็กสาวหันรีรอบตัว
แสนงงงันว่าเธอมาอยู่ที่ห้องเจ้าของบ้านได้อย่างไร เอนมองทางด้านซ้ายตอนได้ยินเสียงสายน้ำตกกระทบพื้น
‘โดฟลามิงโก้อยู่ในห้องน้ำ? เขากลับมาแล้ว?’ ไวโอเล็ตขยี้ตา
ร่างกายตื่นขึ้นเต็มที่ตอนลมจากด้านนอกพัดพากระดาษบนโต๊ะในห้องทำงานเขาให้ปลิวว่อน
เสียงคล้ายหมู่นกโผบินบังคับสาวน้อยให้รีบวิ่งเข้าไปคว้าเอาไว้ก่อนมันจะลอยหายไป ค่อย ๆ ใช้สองมือไล่เก็บแผ่นสีขาวที่ร่อนลงทั่วพื้นพร้อมรวบรวมเอาไว้ในมือ
เธอตัดสินใจวางมันไว้บนโต๊ะแล้วหาอะไรมาทับไว้
แต่จู่ ๆ สายตาก็พลันเห็นบางสิ่ง
...ความอยากรู้จะไม่ถือกำเนิดขึ้นเลยถ้าเจ้าหญิงไม่บังเอิญเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่แสนคุ้นตา
สัญลักษณ์ที่เธอเห็นบ่อย ๆ
ตั้งแต่เล็กจนโต แม้วันนี้จะเห็นแค่เพียงเศษเสี้ยวแต่เธอไม่มีทางลืม
ไวโอเล็ตไม่มีทางลืม*พระราชลัญจกรของคุณพ่อ
ทำไมโดฟลามิงโก้ถึงมีเอกสารส่วนพระองค์ของคุณพ่อล่ะ? ซ้ำยังมีกระดาษที่มีประทับตราแผ่นดินอื่น ๆ อีก
‘นี่เขารู้เรื่องในราชวงศ์เธอถึงขนาดไหน!?’ หัวใจกระตุกเต้น มือเรียวใกล้จะเอื้อมเข้าดูเจ้าแฟ้มน่าสงสัยนั้น
แต่ทว่า...
“ตื่นแล้วเหรอ” นิ้วมือชะงักค้าง สาวน้อยตัวเย็นวาบยามคนข้างหลังนำพาผิวกายเย็น ๆ
เข้ามาแนบชิด
แอบเห็นเขาเอื้อมมือไปปิดแฟ้มดังกล่าวก่อนจะเลื่อนมันออกไปจากระยะสายตา “...ทำอะไรอยู่?”
“หน้าต่างมันเปิดไว้
แล้วตะกี้ลมมันพัดเข้ามาจนกระดาษปลิวว่อนเลย ฉันเลยมาเก็บให้ค่ะ”
“เหรอ” โดฟลามิงโก้ตอบรับในลำคอก่อนโอบรัดเอวเธอ
“ฉัน...
ถามอะไรคุณอย่างได้ไหมคะ?”
“ถามอะไร?” ไวโอเล็ตลังเล พยายามไม่เตลิดไปกับสัมผัสนั้น
ขนคอลุกชันยามหยดน้ำกลิ้งหล่นไปตามผิวเนื้อ
“คุณคิดจะทำอะไรกับคุณพ่อ?”
“ไม่ได้คิดจะทำอะไร”
“……”
“ไม่ถามอะไรแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่ถามก็มาพันตัวให้หน่อย ยืนถอดเสื้อแบบนี้หนาวจัง”
สาวน้อยเดินตามอย่างว่าง่ายยามโดนเขาจับจูงแล้วไปนั่งลงบนเตียง
ไวโอเล็ตมองค้าง เธอไม่ได้มองที่เขาอวดโชว์มัดกล้ามที่แสนภูมิใจ
แต่เธอมองเพราะว่าเขาไม่สวมแว่นกันแดดแล้ว
“อะไร...จ้องตาไม่กะพริบเลย
ชอบเหรอ?”
“ตาคุณสวยมากเลย” โดฟลามิงโก้ผงะไป พยายามเก็บความกระดี๊กระด๊าสุดฤทธิ์ยามโดนเอ่ยชมซึ่ง ๆ
หน้า
รีบกระแอมหันหน้าหนีแล้วเปลี่ยนเรื่องให้สาวน้อยเริ่มสวมบทเป็นนางพยาบาลได้แล้ว
ไวโอเล็ตลอบมองตาเขาอยู่เนือง ๆ
คล้ายลุ่มหลง ใช่เลย...ตาเขาสวยมาก มันเป็นสีน้ำตาลประกายแดงคล้ายอัญมณี แอบน้อยใจในโชคชะตานิด ๆ
ทั้งที่สีตาเขากับเธอมันก็สีน้ำตาลเหมือนกัน แต่ทำไมของเขามันสวยกว่าล่ะ?
พระเจ้าช่างลำเอียง
ปล่อยนิ้วมือให้ทำหน้าที่ไปตามสมควร
เธอไม่ชินหรอกที่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัวเขาก่อน
แต่เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเจ็บตัว เด็กน้อยจึงต้องยอมทำตามแบบไม่เกี่ยงงอน
‘ยืนยันกับคุณหมอเรียบร้อยว่าเขาหายแล้ว
ไม่รู้โดฟลามิงโก้จะแกล้งเล่นละครตบตาต่อไปอีกถึงไหน?’ ไวโอเล็ตคิด
บางทีท่าทางโอเวอร์ของเขามันก็ดูตลกดี
แต่พอนานไปมือชายหนุ่มเริ่มจะเลื้อยเป็นงูยามต้องอยู่สองต่อสอง
คงต้องรีบเตือนสติเขาเสียแล้วว่า...
‘ถ้าหายดีแล้วเธอคงไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลอีก
ขอกลับไปนอนที่ห้องตัวเองนะคะ’ อะไรแบบนี้
บรรยากาศเงียบเชียบ
ได้ยินเพียงเสียงรูดแถบผ้ายามตัวเองคลี่มันออกแล้วเอามาพันอีกร่าง
สาวน้อยคุกเข่ากับพื้น ปล่อยให้คนหัวเปียกกลับมาจดจ้องเธออีกครั้ง
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตายามเขากระซิบบอกอะไรเบา ๆ
“ฉันมีอะไรจะให้เธอ” ไวโอเล็ตเสมองตามมือหนายามเขายกอะไรบางอย่างขึ้นมาเสียบหูเธอ
เด็กสาวขยับมันให้เข้าที่ก่อนจะตั้งใจฟังเสียงที่ออกมาจากเจ้าสิ่งนั้น
ทำนองชวนฝัน
จังหวะแสนลงตัว ภายในหูเธอกำลังได้ยินเสียงงดงามที่ถูกประพันธ์ร้อยต่อกันเป็นบทเพลง
อินโทรขึ้นอย่างตราตรึง
...ก่อนคำร้องจะถูกถ่ายทอดออกมา
♫ I'm not a perfect
person
(ฉันไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบหรอกนะ)
There’s
many thing I wish I didn't do
(มีหลายสิ่งที่ฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้ทำมัน)
But I continue learning
(แต่ฉันจะเก็บมันเป็นบทเรียน)
I never meant to do those things to you
(ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเธอเลยนะ)
And so I have to say before I go
(และฉันต้องพูดให้เธอฟังก่อนที่ฉันจะไป)
That I just want you to know
(ว่าฉันอยากให้เธอได้รู้) ♪
วงแก้มถูกประคอง บังคับสาวน้อยให้สบตาเอาไว้ คำร้องกำลังบ่งบอกถึงความหมายที่โลดแล่นอยู่ท่วงในทำนอง
♪ I've found a reason
for me
(ฉันได้พบเหตุผลสำหรับตัวเองแล้ว)
To change who I used to be
(เหตุผลที่จะเปลี่ยนตัวฉันที่เคยเป็น)
A reason to start over new
(เหตุผลที่จะเริ่มต้นใหม่) ♬
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ
รู้ไหมมันกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนฉันอยู่ทุกวัน
ฉันย้อนกลับไปอดีตไม่ได้นะไวโอเล็ต เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันอยากให้เธอรู้ไว้... I’m
sorry that I hurt you”
♫ I've found a reason
to show
(ฉันเจอเหตุผลที่จะแสดงให้เธอเห็นแล้ว)
A side of me you didn't know
(อีกด้านของตัวฉันที่เธอไม่เคยรู้)
A reason for all that I do
(ทุกเหตุผลที่ฉันทำลงไปทั้งหมด)
And the reason is YOU
(ซึ่งเหตุผลนั้นก็คือเธอ) ♪
ไวโอเล็ตมองค้าง
เธอพูดไม่ออก ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ เสียงเพลงดับลงไปแล้ว
แต่มีอีกหนึ่งเสียงที่ยังคงเด่นชัดอยู่ข้างใน
...เสียงหัวใจของเธอเอง
คำขอโทษมันยังเด่นชัดอยู่ในหัว
เพราะความจริงใจมันกำลังทลายกำแพงทุกอย่างให้หมดสิ้น ไม่มีทิฐิ
ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไม่มีแม้กระทั่งเรื่องราวในอดีต ตอนนี้คล้ายทุกสิ่งกำลัง...
“เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?” หากเป็นคนอื่นคงจะตอบคำพูดแบบนั้นโดยไม่ต้องคิด
แต่สถานะของเธอตอนนี้มันไม่ใช่
“ฉันรับคำขอโทษของคุณนะคะแต่ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้
...ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก แค่ต่างคนต่างอยู่ก็พอ” ถ้าเขาจริงใจมาเธอก็ควรจริงใจกลับ
และเลือกบอกทุกสิ่งที่คิดอยู่ข้างใน
“เรื่องมันมาขนาดนี้แล้วจะต่างคนต่างอยู่ได้ไง? เธอไม่ให้โอกาสฉัน”
“โอกาสมันมีไว้ให้สำหรับคนที่มีใจให้กันค่ะ”
“เธอก็มีใจให้ฉันสิ
ฉันน่ารักขนาดนี้…ไม่รักก็แปลกแล้ว”
“หลงตัวเองทีนี้ความโรแมนติกเมื่อกี้หายไปหมดเลยนะ” ไวโอเล็ตหัวเราะเบา ๆ อย่างเก็บอาการแล้วถอดหูฟังออก
ยังคงนึกว่าตัวเองฝันไปที่คนแบบเขาเอ่ยขอโทษขึ้นมา
“เธอหน้าแดงนะ” ไม่ต้องย้ำสิ...รู้อยู่ว่ามันต้องแดง! ตอนนี้จังหวะหัวใจยังคงเต้นโครมคราม
เธอก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรู้สึก
พอโดนใครมาทำอะไรแบบนี้ให้จิตใจมันก็ต้องหวั่นไหวอยู่แล้ว
“เป็นไข้มั้งคะ
รู้สึกตัวรุ่ม ๆ”
“หึ ๆ เหรอ? แบบนี้ต้องพิสูจน์” เป็นอีกสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
เพราะไม่ทันระวังตัวสาวน้อยจึงพลาดท่า เผลอตัวให้สองปากได้ประกบกันอีกครั้ง
คิดมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้มารยาเยอะกว่าผู้หญิงเสียอีก
หากเธอยังตามไม่ทันคงได้แต่พ่ายแพ้ให้กับรสจูบของโดฟลามิงโก้อย่างแน่นอน
“ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่า”
“อะไร
แค่วัดไข้เฉย ๆ” สาวน้อยอยากจะจิ้มลูกกะตาเขาตอนได้ยินข้ออ้างพิสดาร
ไปอยู่บนดาวเคราะห์ดวงไหนถึงใช้วิธีวัดไข้กันแบบนี้ ไอความร้อนพุ่งสูงขึ้น
พยายามหลบหนียามอุ้งปากกำลังถูกลิ้มลองประกาศความเป็นเจ้าของ
...ดั่งตัวเธอได้ลืมเลือนวิธีหายใจ
ได้แต่พึ่งพาไล่ดูดกลืนเอาอากาศจากอีกคน พรรณนาได้เลยว่านี่คือความฝัน
ผู้หญิงที่อยู่ตรงนี้คือใครคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ คนที่ตอบรับทุกรสสัมผัสที่เขาบรรจงมอบให้
“ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะ” น้ำเสียงโดฟลามิงโก้แหบพร่า
ก่อนอีกฝ่ายจะใช้ฝ่ามือประคองใบหน้านำพานิ้วโป้งให้ไล้วนไปทุกเนื้อนวล
...เขากำลังล่อลวงให้เธอหลงหน้ามืดตามัว
ยินยอมให้คนมากประสบการณ์พาแผ่นหลังไปบรรจบอยู่ที่เตียงก่อนตามมาสานต่อจุมพิตแผ่วเบา
เธอกำลังเพลี่ยงพล้ำ
ปล่อยใจไปกับบรรยากาศที่เขาปลุกปั้น
ความอุ่นชื้นเคลื่อนออกจากริมฝีปากก่อนลดต่ำลงเสาะแสวงหาแหล่งน้ำหวานอื่น
หยดน้ำจากเส้นผมหล่นกระทบผิวอก
‘เย็นจัง’ ก่อนฉับพลันที่ความรู้สึกนั้นจะเรียกทุกสิ่งของเธอกลับคืน
“เดี๋ยวค่ะ
ไม่!” ยกฝ่ามือขึ้นดันแผ่นไหล่เขาไว้แล้วรีบร้องห้ามปราม
“ไม่มีอะไรหรอก
คราวนี้จะเบามือ”
“มะ...ไม่ค่ะ
หยุดก่อน โดฟลามิงโก้!”
“ไม่เอาไม่หยุด” ชายหนุ่มพยายามไล่แกะกระดุมโดยหน้ายังไม่ผละออกจากเนื้อหวานง่าย ๆ
แต่ไม่รู้ว่าเด็กสาวไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนถึงดิ้นขลุกขลักหลุดหนีไป “หึ ๆ จะไปไหนคะ? มาให้กินซะดี ๆ
โดนไปขนาดนี้ต้องมีใจอ่อนกันบ้างแหละ”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! แล้วฉันก็ไม่ได้ใจอ่อนแล้วด้วย”
“หึ ๆๆ ถ้าไม่ใจอ่อนก็จะโดนปล้ำ
เอ~ เลือกอย่างไหนดีนะ? จะเหมาทั้งแพ็กเกจเลยก็ได้นะ
ใจดีอยู่แล้วเดี๋ยวมีโปรโมชั่นเสริมให้ด้วย เอาไหม?”
“ไม่เอาค่ะ”
“ยินดีด้วยคุณสมัครแพ็กเกจเรียบร้อยแล้ว
เตรียมตัวรับดอนกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้ได้เลยค่ะ”
“โอ๊ย...ทำไมมึนได้ขนาดนี้นะ!” ไวโอเล็ตพยายามดันใบหน้าอีกฝ่ายออกยามเขาเริ่มซุกไซ้ต่ำลงไปเรื่อย ๆ
ขยุ้มเรือนผมสีสว่างนั้นไว้ก่อนจะเผลอร้องเสียงหวานตอนคนตีมึนลากลิ้นผ่านหน้าท้องอย่างเย้าแหย่
เพราะดันเผลอออกแรงต่อต้านมากไปหน่อยส่งผลให้เจ้าหญิงหลุดร้องออกมา
แผลที่สีข้างกำลังร้องประท้วงทุกความเจ็บปวด “โอ๊ย...”
โดฟลามิงโก้ชะงักค้างแล้วหยุดการกระทำทุกอย่างทันที
เงยหน้าขึ้นไปมองคนใต้ร่างก่อนจะเห็นหล่อนมีสีหน้าเหยเก
“โทษที
เจ็บรึเปล่า?” ชายหนุ่มวกกลับขึ้นมาประคองแก้มเนียนเอาไว้
รีบใช้มือซ้ายดึงผ้าปิดแผลออกหวังตรวจหาสาเหตุเบื้องต้น
เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าแผลผ่าตัดมันหายช้า บางคนผ่านไปเป็นสิบปียังหลงเหลืออาการอยู่ก็มีถมไป
“ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว
ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” ไวโอเล็ตหยุดมือเขาไว้ยามคนข้างบนใช้นิ้วนวดคลึงเบา ๆ
เธอเห็นเขาใช้ปลายนิ้วลูบรอยผ่าตัดช้า ๆ คล้ายต้องการลบมันให้หายไป
“เธอนอนเถอะ”
“พึ่งตื่นมาเอง
นอนตอนนี้ไม่หลับแล้วนะ ...ว่าแต่โดฟลามิงโก้?”
“หืม?”
“หลังคุณหายแล้วนี่” เจ้าหญิงเกือบหลุดขำ พ่อคุณคงลืมไปสินะว่าตาตัวเองมันไม่มีอะไรมาบดบังแล้ว
คราวนี้สาวน้อยเลยเห็นพิรุธเขาออกทั้งหมด นึกโมโหอยู่มากนักตอนรู้ว่าตัวเองถูกหลอก
“โอ๊ย~ อยู่ดี ๆ ก็เจ็บหลังขึ้นมาเลย ไม่ไหวแล้วต้องนอน” คนร่างบางยิ้มรู้ทัน เอนคอมองตามคนกะล่อนที่ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ
ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง
เพราะเธอดันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้จึงลุกออกจากเตียงไปโดยพลัน
บังคับให้อีกฝ่ายสะบัดผ้าออกเพื่อมองตามทันที
แต่โดฟลามิงโก้ต้องทนเก็บอาการไว้
ช่วงนี้รู้สึกตัวเขาเองจะทำตัวอ้อนแอ้นประหนึ่งสาวน้อยน่ารักที่ถึงวัยแตกเนื้อสาว
อยากโดนผู้หญิงตรงหน้าจับจูบลูบคลำให้พึ่งพอหฤทัย
“เช็ดผมก่อนนะคะ
นอนทั้งแบบนั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย” มองเห็นเด็กสาวยื่นผ้าผืนเล็กส่งมาให้แล้วทำสายตาใสซื่อใส่
คนนอนบนเตียงอดใจไม่ไหวต้องดึงแขนให้เธอมานั่งคร่อมอยู่บนร่างก่อนจะหัวเราะถูกใจตอนได้ยินเสียงร้องดังว้าย
“เช็ดให้หน่อย แขนไม่มีแรงเลย
เมื่อกี้อุ้มใครพาเดินมาตั้งไกลก็ไม่รู้ แขนเปลี้ยไปหมด”
“เลิกทำแบบนี้ได้ไหมคะ? แล้วคำว่าเปลี้ยมันใช้กับลิ้นไม่ใช่เหรอ?” เจ้าหญิงทำสีหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยถาม
เพราะให้พูดตามตรงคำศัพท์บางคำในประเทศนี้เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมด
“มันใช้ได้กับทุกส่วน
แล้วอีกอย่างลิ้นมันจะเปลี้ยได้ไง เมื่อกี้ใช้ไปนิดเดียว ...!!! ฮัลโหล? ช่วยด้วย มองอะไรไม่เห็นเลย ใครปิดไฟ?” ไวโอเล็ตเอาผ้าไปคลุมหัวเขาทันทีพร้อมทำสีหน้าเข่นเขี้ยว รีบขยี้มันแรง ๆ
ตอนได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเสียงทุ้มคล้ายกำลังล้อเธอเล่น
‘ลามกจกเปรต’ ด่าคำแรงที่สุดในชีวิต แสนข้องใจว่าเขาพูดจาขนาดนี้ออกมาได้ยังไงนะ!?
“เช็ดดี ๆ
ไม่งั้นโดนทำโทษ นั่งแบบนี้ยิ่งอีโรติกอยู่ด้วย เดี๋ยวก็ตูมหรอก”
“ตูมคืออะไร?” สาวน้อยดึงผ้าออกก่อนตั้งใจเช็ดผมเขาให้ดี ๆ
“ตูมตาม!” และมันก็ตูมตามจริง ๆ
เมื่อทั้งคู่ต่างกลั่นแกล้งกันบนสถานที่ที่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นเลยสักนิด
เสียงหัวเราะก่อกำเนิดก่อนเธอจะขอยอมแพ้เพราะทนหัวเราะต่อไปไม่ไหว
‘ให้ตายสิบ้าจริง
ไม่น่าเกิดมาเป็นคนบ้าจี้เลยเรา’
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
- 50% -
ไรท์กลัวบางท่านจะลืมความโหดของมิงโก้ไป
555555 เหมือนคนโรคจิตเลยเนอะ
จับคนมาทรมานแล้วนั่งคุยเหมือนเพื่อนเนี่ย
พาทหลังไม่นานเกินรอจ้า ตามมาในเร็ววันแน่นอน
- 100% -
...ชิ เหม็นกลิ่นความรัก
ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพลง The reason - Hoobastank มาไว้ ณ ที่นี่นะคะ
ไรท์ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงนี้แหละ เนื้อเพลงเข้ากับเนื้อเรื่องมาก(เอามาใช้เสียเลย)
ปล. ถ้านักอ่านท่านใดว่าง ๆ ก็ลองเปิดเพลงนี้พร้อมอ่านช่วงให้ฟังเพลงอีกรอบดูนะ
ความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนไป(รึเปล่า)
หนูแปะลิ้งค์ยูทูปไว้ด้านล่างแล้ว
ถ้าใครทันหรือรู้จักเพลงนี้ต้องบอกเลยว่า ...คุณอายุพอ ๆ กับไรท์นี้ล่ะ 5555
https://www.youtube.com/watch?v=fV4DiAyExN0
สุดท้าย Happy Valentine Day ja
ความคิดเห็น