คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Don’t let me disappear (ภูต) - 100%
ตอนที่ 19: Don’t let me disappear
(ภูต)
เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกำลังเดินผายมืออย่างขี้โอ่
คนตรงหน้าบุ้ยมือชี้นกชี้ไม้อวดอ้างของที่อยู่รอบตัวสารพัดดุจดั่งของเหล่านั้นเป็นของวิเศษ
สองข้างทางมีทั้งขวดหยูกยาหรือห้องทดลองที่ภายในกักขังเหล่าสัตว์นานาชนิด
ปากซีดสีม่วงขยับพร่ำบอกทุกเรื่องราวว่าทุกสิ่งกำลังดำเนินไปถึงขั้นไหน
‘ไม่เป็นชิ้นเป็นอันแต่ก็ยังพอไหว’ เป็นความคิดง่าย ๆ ที่คนฟังสรุปออกมาได้ทันทีที่อ่านรายงาน
ชายหนุ่มเดินล้วงกระเป๋า หนีบแฟ้มบางที่อดีตเลขาส่งมาให้ตอนแวะดูผลงาน แล้วทำทีเป็นเดินฟังศัพท์วิทยาศาสตร์แบบหูซ้ายทะลุหูขวาเพราะรายละเอียดทุกอย่างเขาอ่านมันมาหมดแล้ว
“เป็นอย่างไงบ้างโจ๊กเกอร์?”
“ห่วยแตก
แกผลาญเงินฉันไปเยอะมากนะซีซาร์แต่ยังได้แค่นี้
ดูเหมือนจะต้องเก็บไปคิดใหม่เรื่องสลัดแกทิ้ง” โจ๊กเกอร์แกล้งพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนทำท่าอ่านรายงานของซีซาร์แบบจริงจัง
“ห๊า!? ใจเย็นสิ
ของแบบนี้มันต้องใช้เวลานะ นี่มันพึ่งเฟสแรกเอง ...แล้วฉันต้องการงบเพิ่ม”
“แกจะได้งบเพิ่มแต่ฉันต้องเห็นผลลัพธ์ ‘ที่เป็นชิ้นเป็นอัน’ ” เน้นเสียงหนักที่คำพูดสุดท้ายก่อนปิดแฟ้มเสียงดัง “อีกสามเดือนฉันจะมาดูใหม่ ถ้ามันยังเละเทะแบบนี้นะซีซาร์ ...หึ ๆ ก็รู้ ๆ
อยู่ว่าจะเป็นยังไง ...ทำงานได้ดีมากโมเน่”
“ขอบคุณค่ะนายน้อย” เลขานักวิทยาศาสตร์ตอบยิ้มรับคำก่อนจะโค้งลานายน้อยที่หมุนตัวออกจากสถาบันวิจัยลับแห่งนี้ไป
โดฟลามิงโก้กำลังเดินออกไปแต่เสียงอะไรสักอย่างดังตึงดึงให้ขายาวต้องหยุดชะงัก
หันมองห้องสีขาวยามโดนหนึ่งในมนุษย์ทดลองก้าวขาเข้ามาเอามือทาบกระจกไว้ คนข้างในมองออกมาด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งถึง ซ้ำยังเส้นผมสีสว่างแบบเดียวกันนั่นอีก
ท่าทางแบบนั้นกำลังทำให้เขานึกถึงใครบางคน
ใครบางคนที่พึ่งกลับมาหลอกหลอนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
ใครบางคน... ที่เขาอยากจะลบเลือนให้หายไป
………………………
ที่คฤหาสน์ตระกูลดอนกิโฮเต้
เสียงเฮฮาด้านนอกชักจูงให้เด็กสาวหันไปมองเป็นระยะ
ละอองน้ำแตกกระจายดังตูมส่งผลให้เธอรู้สึกเบาใจ หากพวกเด็ก ๆ
ยังมีแรงกระโดดน้ำได้ขนาดนี้แสดงว่าที่ตรงนั้นยังไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
ไวโอเล็ตอยู่ในครัว มือบางกำลังล้างองุ่นที่ถูกแช่เบกกิ้งโซดาไว้ด้วยน้ำสะอาดที่แอบมาแช่เอาไว้เมื่อ 30 นาทีที่แล้ว เธอจัดการเด็ดก้านออกที่ละลูกก่อนหันไปปลอกแตงโมเพิ่มเติม
คาดเดาได้ว่าทุกคนต้องกระหายหลังจากกระโจนเล่นน้ำไปแบบไม่หยุดพัก จัดแจงวางใส่ถาดก่อนเคลื่อนตัวออกไปนั่งดูคนอื่น ๆ ในแฟมิลี่ก่อสงครามอยู่กลางสระว่ายน้ำ
ช่างเป็นการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม?
ถึงแม้จะแบ่งทีมเป็น 3 ต่อ 1 แต่ตัวบัฟฟาโลก็ใหญ่โตจนคนอื่น ๆ ที่เหลือตบบอลผ่านไปไม่ได้
ต่อให้พูดแบบนั้นแต่อีกฝ่ายก็ไม่น้อยหน้า
แอบส่งหนึ่งในสามที่มีเขี้ยวอย่างกับฉลามว่ายดำลงไปงับต้นขาคู่ต่อสู้ทันที เสียงเอะอะดังคับบ้านเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอกกัน
‘เฮ้อ ขนาดเล่นกีฬายามว่างก็ยังไม่ขาวสะอาดเลย’ เจ้าหญิงวางถาดผลไม้ไว้ข้างริมสระ
หยิบแตงโมขึ้นมากินหนึ่งซีกแล้วนั่งขัดสมาธิเฝ้าระแวดระวังอุบัติเหตุแทนทั้งสี่คน
พวกเขากำลังเล่นวอลเลย์บอลน้ำแต่ไวโอเล็ตรู้สึกว่ามันเป็นการตีบอลอัดใส่หน้ากันมากกว่า เพราะเสียงร้องดีใจมันดังขึ้นทุกครั้งที่มีใครคนใดคนหนึ่งโดนบอลอัดหน้าหงายไป
“โอ๊ย พอแล้วเจ้าโง่บัฟฟาโล! ขึ้นไปกินองุ่นดีกว่า”
“ว้าย~ พอโดนก็หนี
ยัยชูการ์ขี้งอน”
“กรี๊ด ๆ งอนหนีตูดหมึก”
“โดนอีกทีดั้งหายแน่ ๆ ฮ่ะ ๆ”
“ไปตายซะเจ้าพวกบ้า!” ชูการ์หันไปเขวี้ยงบอลยางใส่บัฟฟาโล
เบบี้ไฟว์และเดลลิงเจอร์ที่ยืนแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ในน้ำก่อนทั้งสามจะกลับไปก่อสงครามกลียุคกันต่อ
“อีโธ่เอ๊ย! ไวโอเล็ตดูเจ้าพวกนั้นสิ
หนังหน้าฉันไม่ได้ด้านเหมือนเจ้าพวกบ้านั้นนะ
ถึงจะได้โดนบอลอัดหน้าแล้วหัวเราะร่วนน่ะ” ชูการ์เดินบ่นกระปอดกระแปดเข้ามาทิ้งสะโพกลงเบาะ
ก่อนจะหยิบเอาองุ่นหมายเอาเข้าปาก
“กินแตงโมให้ชุ่ม ๆ คอก่อนนะ
เดี๋ยวกินองุ่นแล้วมันจะแสบคอ” ไวโอเล็ตยื่นผลไม้สีแดงส่งให้
เด็กสาวลังเลก่อนจะคว้าไปกินอย่างรวดเร็วแล้วหยอดของชอบตามไปติด ๆ
ชูการ์บ่นเป็นหมีกินผึ้งตอนทั้งสามโยนบอลลอยมาทางนี้อีกครั้ง
เด็กหญิงผมสั้นตัดสินใจลงไปตบตีเอาคืนเป็นรอบที่สอง ...ความครื้นเครงดำเนินต่อไปจวบจนบ่ายแก่ ๆ
นั่นแหละ ทั้งสี่คนจึงแยกย้ายกลับห้องไปอาบน้ำอาบท่าหวังนอนพักเอาแรงเฝ้ารอมื้อเย็น
บริเวณรอบเงียบลงโดยพลัน เด็กสาวทิ้งหลังลงบนเตียงก่อนอ่านหนังสือเรียนไปเงียบ ๆ
ใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับมันจนไม่ทันสังเกตว่ามีใครแอบเดินเข้ามาหา...
เธอกำลังถูกดูดเข้าโลกแห่งหนังสือแต่เสียงจุ๊บเบา ๆ ที่หน้าผากดึงให้ต้องแหงนคอขึ้นไปมอง
“โดฟลามิงโก้? มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“มาตั้งนานแล้ว ฉันมายืนอยู่ตั้งนานเธอยังไม่รู้ตัวอีก
...เหม่อเกินไปรึเปล่า?” ที่ด้านบนเธอเห็นชายหนุ่มยืนเท้ามือกับพนักแบบกลับหัวกลับหาง
“ก็ไม่ได้เหม่ออะไรแค่ใช้สมาธิอ่านหนังสือแค่นั้นเอง”
“ไปตรวจอีกรอบไหม? เผื่อยามันแรงไป” ใช่ เพราะบางทีเขาก็รู้สึกเหมือนเจ้าหญิงจะเหม่อลอยจนน่าใจหาย
“พึ่งเปลี่ยนมาเองนะคะ ไม่เป็นไรหรอก
...อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาตัวเก่าก็ได้” โดฟลามิงโก้หรี่ตา
ไม่ค่อยชอบอาการที่ไวโอเล็ตหลับบ่อยแถมยังเหม่อแบบแปลก ๆ อยากคาดหวังให้โลกนี้มียารักษาที่ทำให้เธอหายกลับไปเป็นปกติ
แต่อย่างว่า... เขาไม่ใช่พวกเพ้อฝันจึงรู้ว่าตัวยาที่ทำแบบนั้นได้คงมีแต่คำว่า ‘เวลา’
“แล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้ แอบมาเล่นน้ำเหรอ?”
“มาดูเสียมากกว่า เมื่อกี้มีแต่เด็กมาเล่นน้ำทั้งนั้น” เด็กสาวตอบพลางลุกขึ้นหวังเอาถาดผลไม้ที่ถูกฟาดเรียบไปเก็บ
แต่เพราะบริเวณนี้มันเจิ่งนองไปด้วยน้ำจึงทำให้สาวน้อยพลาดท่าลื่นหงายท้อง
ไวโอเล็ตหลับตา เตรียมใจรอให้ร่างกายปะทะน้ำเย็น ๆ นึกภาพว่าเธอต้องหงายหลังตกสระกลายเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ ๆ
...แต่แสนแปลกใจ? แรงโน้มถ่วงมันหายไปรึไงนะ? ทำไมตัวเธอถึงไม่ตกกระแทกน้ำสักที เลือกปรือตาขึ้นมาข้างหนึ่งก็พบต้นสายปลายเหตุ
แขนเธอโดนเจ้าพ่อคว้าไว้ได้ทัน ทั้งสองชะงักค้างอยู่ในท่านั้นคล้ายรูปปั้นก่อนสองใบหน้าจะจ้องกันนิ่งเหมือนกำลังตะลึงอะไรสักอย่าง
“เอ่อ ขอบคุณคุ....” ไม่ทันจะได้กล่าวขอบคุณเสียงดังตูมก็ลอยตามมา
ตัวเธอโดนปล่อยให้ตกน้ำไปทันทีที่มองเห็นโดฟลามิงโก้ส่งยิ้มมาให้
“โอ๊ย อะไรคะเนี่ย? ปล่อยทำไมกัน!?”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้เห็นทำหน้าเหมือนขัดใจนึกว่าอยากจะลงไปเล่นน้ำซะอีก”
“ใครอยากเล่น ให้ตายสิ! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” เจ้าหญิงลูบน้ำออกจากใบหน้าครั้นพบว่าหัวเธอวิดน้ำไปเต็ม ๆ
จำต้องสะบัดน้ำใส่อีกคนตอนคนแกล้งยังยืนหัวเราะเสียงต่ำอยู่ข้างบน
‘บ้าจริง! ดีนะที่ปากแผลเธอปิดสนิทแล้วไม่งั้นสระมันได้กลายเป็นทะเลเลือดแน่’ นึกหมั่นไส้สุดจะทน ไวโอเล็ตแอบทำปากขมุบขมิบตอนปีนขึ้นมา
อยากจะเอาคืนให้สาสมตอนพ่อคุณยังหัวเราะเยาะไม่เลิก
“จะเล่นน้ำก็ใส่ชุดว่ายน้ำมาสิ ...แล้วดูสิเนี่ย!
ใส่เสื้อบางจนมองทะลุไปถึงลิ้นปี่แล้ว รีบไปเปลี่ยนชุดเลยนะ
มาเดินโทง ๆ อวดอยู่ได้ ไม่มีใครเขาอยากดูหุ่นแห้ง ๆ ของเธอหรอก หน้าไม่อาย” จู่ ๆ ก็โดนด่าเป็นชุด สาวน้อยจะไม่คิดแค้นใจเลยถ้าคนทำไม่ใช่เขา
แถมพ่อคุณยังมาพูดจาไม่น่าฟังใส่อีก
ยั่วโมโหอีหรอบนี้คงต้องขอเอาคืน!
รีบหมุนตัวเดินกลับไป
ใช้นิ้วเรียวปัดเส้นผมหลบไปด้านหลังเผยให้เห็นผิวเนื้อที่แนบไปกับเสื้อสีขาวแบบทุกสัดส่วน
ไวโอเล็ตรีบส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ก่อนเดินเข้าใกล้เป้าหมายตอนเห็นเขานิ่งไป
“แหม~ อะไรกันคะ? ไม่ชอบเหรอ... นึกว่าชอบแบบนี้เสียอีก?” แกล้งยกมือขึ้นลูบไล้ตามเรือนร่างอีกฝ่าย ก่อนจะใช้มือขวาวกกลับลงมาตรงต้นขาแล้วหยิบเอาบางอย่างออกไป
มือซ้ายเธอยังคงวนเวียนไปทั่วแผ่นอกกว้างพร้อมฝังหน้าเบียดตัวอย่างออดอ้อน
บอกตามตรงว่าเธอรู้สึกจั๊กจี๊ตัวเองเอามาก ๆ ...จะขำก็ขำไม่ได้
ไม่คิดว่ามารยาที่เคยใช้กับพ่อคนเมาในผับจะใช้ได้ผลกับเขาด้วย
เพียงแต่โดฟลามิงโก้แสดงออกด้วยการนิ่งไปก็เท่านั้น
ได้ยินเขาเปล่งเสียงครางรับในลำคอ...
สาวน้อยรีบโยนของในมือทิ้งไว้บนเก้าอี้ก่อนจะวกมือกลับขึ้นมาแล้วออกแรงดัน!
“!” กรรมตามสนอง
ตัวเธอไม่น่าคิดร้ายกับคนอื่นเลยเพราะตอนนี้ตัวเองกำลังโดนกรรมตามทันอยู่
หลังจากออกแรงผลักอีกคนให้ร่วงลงไปข้อมือเธอก็โดนคว้าติดมาด้วย
เกิดเสียงดังตูมใหญ่เพราะทั้งสองพึ่งร่วงตกน้ำไปพร้อมกัน
ไวโอเล็ตสำลักค่อกแค่ก ไม่ทันได้เตรียมใจว่าเธอจะพลาดท่าอีกครั้ง รีบหันมองอีกคนที่ยืนเสยผมอยู่ในน้ำด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี
“หึ ๆๆ จะเอาคืนฉันมันยังเร็วไปล้านปีนะอีหนู
จะแกล้งทั้งที่มันต้องเนียนกว่านี้สิ
ฉันจับไต๋เธอได้ตั้งแต่เธอล้วงเอามือถือของฉันออกไปแล้ว ...ให้ตายสิ อยากเอาคืนแล้วยังจะเป็นคนดีอีก …ยัยบ้า”
“ก็เดี๋ยวทำโทรศัพท์คุณพังไปหนี้สินมันก็เพิ่มขึ้นมาอีก” เด็กสาวตอบพลางบี้จมูกแน่นเพราะตะกี้น้ำมันเข้าไปจนรู้สึกแสบ
รีบพาร่างขึ้นจากสระแต่ก็โดนเขาดึงเสื้อให้ตกน้ำลงมาใหม่
...เป็นอย่างนี้อยู่สองสามครั้งจนไวโอเล็ตนึกโมโห หันไปสาดน้ำใส่หน้าอีกฝ่ายหวังให้มันกระแทกรอยยิ้มบ้า ๆ
นั้น
แต่ดูเหมือนยิ่งทำไปกลับโดนเอาคืนเป็นเท่าตัว
สาวน้อยจึงเอ่ยปากขอยอมแพ้ เธอรีบยกมือขึ้นปัดป้องอุตลุดยามคลื่นน้ำสาดกระแทกหน้า
“โอ๊ย...พอแล้ว! น้ำมันเข้าจมูกนะ
โดฟลามิงโก้!”
“หึ ๆๆ ไม่แน่จริงก็อย่ามาหือ ...ไป รีบขึ้นไปสิ
เดี๋ยวเป็นหวัด หน้าอกเธอยิ่งบวม ๆ น้ำอยู่ด้วย” ทั้งคู่โหนตัวขึ้นมาแล้วก่อนโดฟลามิงโก้จะสะบัดน้ำออกจากชุดพร้อมเอ่ยเตือนแม่เจ้าหญิงให้ระวังตัวไว้ ...ไวโอเล็ตบิดน้ำออกจากเสื้อผ้าแบบไม่แยแส เธอจะไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องเขาหรอกเพราะเขาหายดีแล้ว
“จะว่าไปคุณหายดีแล้วฉันไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรอีกมั้งคะ? ขอกลับไปนอนที่ห้องตัวเองละกัน”
“ยังไงก็ได้ เดี๋ยวฉันตามไปนอนห้องเธอ”
“แล้วจะตามมาทำไม?”
“นี่บ้านฉัน ฉันนอนบนหัวเธอยังได้เลย ...อ๊ะ
ให้เลือกใหม่ คืนนี้จะนอนห้องไหน?”
“ห้องตัวเอง”
“ได้ เดี๋ยวคืนนี้ไปหานะจ๊ะ” สาวน้อยถลึงตา
อยากจะดึงเสื้อเขาให้ตกน้ำไปอีกสักรอบตอนเจ้าของบ้านเดินหัวเราะจากไป
'หากจะถามว่าอะไรเอ่ยเกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง คำตอบก็คือเขานี่เอง!'
………………………
- 50 % -
และเขาก็มาจริง ๆ
แถมมาแบบไม่ธรรมดา โดฟลามิงโก้มาพร้อมไม่ติดกระดุมเสื้อสักเม็ด ไวโอเล็ตทำสีหน้าบอกบุญไม่รับครั้นเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นเขานอนตะแคงข้างเอามือเท้าหัวอยู่บนเตียง
‘ขี้อวด’ เป็นคำที่วนเวียนอยู่ในหัวเธอตลอดตั้งแต่ค้นพบว่าพ่อหนุ่มเป็นคนหลงตัวเองที่ชอบโชว์ ‘คิดว่าทุกคนจะหลงเสน่ห์ร่างกายเขาหมดเลยรึไง?’
“มานอนเร็ว ๆ ง่วงแล้ว” คนขี้อวดตบเตียงราวกับบอกให้เธอรีบขึ้นมานอนไว ๆ โดฟลามิงโก้รู้สึกเสียเซลฟ์ขั้นรุนแรงยามลงทุนนอนอ่อยเป็นดาวยั่วขนาดนี้แล้วคิ้วเด็กสาวยังไม่กระตุก
‘ตายด้านรึเปล่าเนี่ย?’ ปล่อยสายตามองตามร่างเล็กที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาบนเตียงแล้วรีบท่องนะโมสามจบในใจ
หักห้ามใจไม่ให้คิดลึกไม่ได้เลยตอนคุณเธอใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่ง ๆ นอน ‘กระตุกนิดหน่อยก็หลุดมาทั้งยวงแล้ว ให้ตายสิ …อ่อยเก่งกว่าเขาอีก
ขอร้อยให้ล้านเลย’
ปล่อยใจให้คิดอกุศลอยู่ไม่นานจำต้องตีหน้านิ่งยามโดนอีกฝ่ายมองแบบนึกรังเกียจ
“อะไร!?”
“เดี๋ยวมานะคะ” ไวโอเล็ตผละตัวลงจากเตียงก่อนหายเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ
เจ้าของบ้านยังคงนอนยั่วท่าเดิมรอดูว่าแม่สาวคิดจะทำอะไร ‘จะใช่แบบที่คิดไหมน้า?’ วาดฝันว่าเธอจะทำอะไรให้ตื่นเต้นหัวใจ แต่คนคิดไกลต้องรีบกัดฟันลุกขึ้นนั่งคราวเห็นเจ้าหญิงออกมาแล้วไม่เป็นดั่งที่หวัง
เธอไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนไม่ได้นอนแบบที่แอบฝันหวาน
แต่เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดลายโง่ ๆ พร้อมกางเกงขายาวยันตาตุ่มที่กระชากเอาความวาบหวิวหายไปหมด
“อะไรเนี่ยเฮ้ย!? ไปขุดผ้าขี้ริ้วมาใส่รึไง?”
“เสื้อเก่า ๆ
ใส่นอนสบายนะคะ ไม่เคยใส่ล่ะสิ?”
“เคยแต่ไม่ใส่นอน ลองไหม! สบายตัวกว่าเยอะ!”
“คุณติดกระดุมเสื้อด้วยนะคะ
เดี๋ยวแอร์ลงแล้วจะไม่สบาย” โดฟลามิงโก้นึกหมั่นไส้ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ของเธอเหลือเกิน
เริ่มฟึดฟัดขึ้นไปอีกตอนเจ้าหญิงคว้าเอาตุ๊กตาที่เขาเคยให้มาวางคั่นกลางแล้วมุดตัวเข้านิทราไปแบบไม่รีรอ
ไวโอเล็ตตัดสินใจหนีหน้าเขาเข้าความฝันไปดีกว่า
แม้ระยะหลัง ๆ เขาจะทำแค่จับจูบลูบคลำแต่เธอเห็นสีหน้าพ่อคุณเมื่อกี้แล้วมันไม่น่าไว้ใจเลย
ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดไปไกลยันโลกอนาคตแล้ว
เธอถึงเลือกเข้าไปใส่ชุดห่อเหี่ยวใจมาให้เขาหมดอารมณ์แทน
สาวน้อยนอนหันหลังให้ก่อนจะข่มตาให้หลับ
เธอรู้สึกว่าที่นอนข้างหลังมันยวบลงไปแล้วทุกสิ่งก็เงียบอยู่แบบนั้น
พยายามทำใจให้ชินตอนตุ๊กตากลางเตียงมันลอยหวือข้ามหัวไปก่อนจะมีอย่างอื่นเข้ามาแทนที่
ส่งสีหน้าเอือมระอาใส่หมอนตอนหลังสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแผ่นอก
แทบจะหายใจไม่ออกตอนเจ้าพ่อวาดทั้งแขนและขาขึ้นมาพาดเธอไว้
“กระเถิบไปหน่อยสิ
นอนไม่สบายเลย”
‘พาดมาทั้งตัวขนาดนี้ยังไม่สบายอีกเหรอ!?’ ไม่เปล่งเสียงแต่เลือกเขยิบตัวชิดขอบเตียง
“ร้อนจัง” ไวโอเล็ตทำหน้าตาไร้อารมณ์ครั้นผ้าห่มถูกสะบัดออกจากตัวด้วย “นี่... ไปปิดไฟห้องน้ำหน่อยสิ มันแยงตานะ นอนไม่หลับ”
‘ฮึ่ม!’ ร่างบางเดินกระฟัดกระเฟียดไปปิดไฟก่อนจะกลับมาคว้าหมอนกับผ้าห่มออกไปนอนที่อื่นเพราะนึกรำคาญ ระหว่างที่กำลังหุนหันเดินหนีไปเอวเธอก็โดนอุ้มลอยกลับไปนอนหงายท้องอยู่บนเตียง
“อืม นอนแบบนี้แหละค่อยสบายหน่อย”
“โอ๊ย! มันหายใจไม่ออกนะ ลุกออกไปค่ะ” สาวน้อยใช้ฝ่ามือดันไหล่คนตัวหนักให้พ้นทางเพราะหลังจากโดนหิ้วให้มานอนที่เดิมโดฟลามิงโก้ก็นอนคว่ำทับเธอไว้เต็ม ๆ
“ลุกออกไป!”
“อย่าเสียงดังได้ไหมจะนอน”
“แบบนี้มันนอนได้ที่ไหน ลุกออกไปสักทีสิคะ”
“บอกว่าจะไปเปลี่ยนเป็นชุดเดิมก่อนแล้วจะลุก”
“เปลี่ยนทำไม? ชุดไหนนอนก็เหมือนกัน”
“งั้นแก้ผ้านอนก็เหมือนกัน”
“!... โดฟลามิงโก้!” ร้องเสียงอู้อี้ตอนเสื้อยืดโดนม้วนขึ้นไปปิดหน้าไว้ทันที เธอมองไม่เห็น
พยายามรั้งเสื้อออกก็ทำไม่ได้ครั้นจะดึงลงก็ไม่เป็นผล
ร่างบางดิ้นขลุกขลักเอี้ยวตัวไปมายามรู้สึกว่าอีกฝ่ายเริ่มระดมจูบไปตามหน้าท้องแบนราบ “เดี๋ยว! หยุดนะ!”
“หึ ๆ หยุดก็บ้าแล้ว” คนพูดใช้มือแค่ข้างเดียวรวบสาบเสื้อไว้ไม่ให้แม่ตัวดีหลุดออกมาได้
ตวัดลิ้นเลียริมฝีปากยามเนื้อเนียนกล้าออกมาอวดโฉมแก่สายตา ลากมือไล้สัมผัสลงไปตามเอวคอดก่อนจะเกี่ยวเอาขอบกางเกงติดมือมา
“น่ามองจัง” ขำปนเอ็นดูตอนเด็กน้อยพลิกหนีนอนคว่ำ ...แต่พลิกไปก็เท่านั้นเพราะเขาก็จับหล่อนพลิกขึ้นมาได้ใหม่อยู่ดี เจ้าหญิงพลิกไปพลิกมาอยู่หลายทีจนโดฟลามิงโก้ชักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังปิ้งปลา
“ไม่เวียนหัวรึไงเนี่ย?”
“คุณก็ปล่อยสิ! มันหายใจไม่ออกนะ …โอ๊ย ไม่!” แย้งไม่ทันจบกางเกงก็โดนรูดออกไปเรียวขาเรียบร้อย
“ถ้าไม่อยากเปลี่ยนงั้นก็แก้ผ้านอนนะ
เดี๋ยวถอดให้... ฉันเกลียดเสื้อเธอมาก ลายคุณลุงส่งยิ้มชูนิ้วโป้งอะไรก็ไม่รู้
หมดอารมณ์!” แกล้งใช้นิ้วดึงขอบแพนตี้เล่นแล้วต้องหัวเราะร่วนยามอีกฝ่ายขอยอมแพ้แต่โดยดี
“รู้แล้ว ๆ
เดี๋ยวไปเปลี่ยนก็ได้! หยุดสักที”
“เสียดายจัง
เกือบจะได้ดูแล้วแท้ ๆ” ละมือออกก่อนใช้มันยันกับพื้นเตียง
คร่อมร่างจ้องแม่ตัวดีไว้ยามอีกฝ่ายดึงเสื้อลงมาปิดผิวกายแล้วจ้องเขม็งแบบไม่พอใจ
“เดี๋ยว...จะลุกไปไหน? เปลี่ยนตรงนี้”
“ชุดมันอยู่ในห้องน้ำ”
“งั้นรอแป๊บ” ไวโอเล็ตคิดว่าเขาจะผละตัวออก ...แต่ที่ไหนได้
พ่อคุณแค่ยืดตัวขึ้นแล้วถอดเสื้อบนตัวที่ใกล้จะหลุดมิหลุดแหล่มาส่งให้เธอเฉย ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนยิ้มเฝ้าดูหญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยสายตาวาววับ “งงอะไร? ไม่รีบใส่โดนนะคะ”
ไวโอเล็ตพ่นลมใส่จมูก
ลุกนั่งขัดสมาธิก่อนแอบกลอกตายามนั่งหันหลังให้เขา
‘บ้าบอ’ บ่นในใจก่อนไขว้มือแล้วถอดเสื้อตัวเก่าให้พ้นทาง พยายามห้ามใจไม่ให้เผลอวิ่งหนีร้องไห้ตอนได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากคนข้างหลัง
รีบคว้าเสื้อเชิ้ตเขามาใส่พลางติดกระดุมถึงคอหอย
‘ก็กลัดกระดุมได้นี่
แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมกลัดกัน?’
“จะไปสัมภาษณ์งานเหรอ? ไม่เอาไทมาผูกด้วยเลยล่ะ” เจ้าของเสื้อเอ่ยแซวยามเห็นเด็กหวงตัวติดกระดุมยันเม็ดบนสุด
“นอนนะ ราตรีสวัสดิ์” เด็กน้อยไม่ต่อปากคำ เอื้อมมือไปคว้าผ้าห่มขึ้นมาก่อนห่อตัวเป็นดักแด้อยู่ในนั้น
เธอเห็นเขาบ่นว่าร้อนเลยถือวิสาสะยึดผ้าห่มไว้คนเดียวหมดเลย
...แต่ชีวิตเธอไม่เคยอยู่เป็นสุข ทั้งร่างกลิ้งไปตามชายผ้ายามมันโดนดึงด้วยน้ำมือของคนร่วมเตียง
สาวน้อยสุดจะทนเมื่อสุดท้ายเธอก็ต้องตกไปอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกตามเคย
“ถ้าทำน้ำจิ้มหกรดตัวฉันปรับล้านหนึ่งนะ
นอนกับเธอทีไรนึกว่านอนอยู่ในน้ำ” ไวโอเล็ตคิดในใจว่ามันช่างแพงเวอร์
...ก่อนช่วงเวลาจะพาให้ทั้งคู่หลับใหลไปพร้อมกัน
คิดว่ามันคงดึกมากแล้วตอนทั้งร่างโดนรัดไว้แน่น
น้ำหนักที่มือมีมากพอที่จะบังคับให้สาวน้อยลืมตาตื่น
ไวโอเล็ตยันศอกขึ้น
เหลือบมองนิ้วหนาที่กดลึกลงผิวเนื้อก่อนเจ้าของจะมีอาการผิดแปลกไป
แสงจากนอกหน้าต่างส่องให้เห็นว่าบัดนี้คนตรงหน้ากำลังเหงื่อท่วมกาย
ใบหน้าคมนั้นดูกระสับกระส่าย มองเห็นสองหัวคิ้วเริ่มจะขมวดชนใกล้กัน
โดฟลามิงโก้ไม่สวมแว่น หลังจากที่เธอเผลอตัวชมไปคราวนั้นดูเขาจะชื่นชอบจนถอดให้เธอเห็นอยู่บ่อยครั้ง
ท่าทางแบบนี้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังฝันร้าย...
ถ้าเปิดเปลือกตาขึ้นมาตอนนี้แก้วตาสีแดงนั้นจะแสดงความรู้สึกแบบไหนนะ?
เด็กสาวลุกขึ้นนั่งแล้วเฝ้ามองอาการเขาอย่างนึกกังวล
ฝันร้ายไม่ใช่เรื่องดี
เพราะตัวเธอเคยประสบพบเจออยู่หลายครั้งจึงรู้ว่ามันช่างน่ากลัว
ไม่รู้ทำไมภาพในอดีตอันไกลแสนไกลถึงผุดขึ้นมาหาเธอ
“แงงงงงง คุณพ่อ”
“วิโอล่าเป็นอะไร? ฝันร้ายเหรอลูก?” เสียงลูกสาวร้องไห้โวยวายเรียกให้พระราชาวิ่งหน้าตั้งเข้ามาดู
“ฮึก...
หนูเห็นผีข้างนอกพยายามจะเลื้อยเข้ามา ฮือ มันเหมือนนิ้วคนยาว ๆ เลย น่ากลัว”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก เห็นไหม? มันแค่กิ่งไม้เอง แล้วอีกอย่างหนูอยู่ในนี้เขาเข้ามาทำอะไรไม่ได้หรอก
...นอนเสียนะคนเก่ง”
“ไม่เอา! คุณพ่ออย่าไป หนูกลัว... แล้วถ้าเขาเปิดเข้ามาตอนหนูหลับล่ะ?” เด็กร้องไห้พยายามซบอกคุณพ่อไว้ยามเห็นนิ้วผอม ๆ เอนไหวที่ด้านนอก
เสียงครูดไปกับแผ่นกระจกทำให้เธอนึกหวาดหวั่น
พระราชายิ้มปลอบขวัญ
ลูบหัวเด็กน้อยไว้เพราะลูกสาวยังรัดเขาไม่ยอมปล่อย
จำต้องพูดกล่อมเพื่องัดเอาความกล้าหาญขององค์หญิงตัวน้อยออกมาให้หมด
“หนูไม่เห็นต้องกลัวเลยลูก
อีกฝ่ายมีนิ้วผอมกะหร่อง แต่ดูหนูสิ... มีเนื้อหนังกว่าเขาตั้งเยอะ
แค่ลูกเบ่งกล้ามดีดออกไปทีเดียวอีกฝ่ายก็ยอมแพ้แล้ว ไม่มีใครมาทำร้ายหนูตอนนอนได้หรอก”
“จริงเหรอ?”
“จริงสิ ...แล้วก็นะ
ถ้าหนูยังไม่อุ่นใจพ่อมีคาถาจะบอกให้นะ อยากรู้รึเปล่า?” องค์หญิงตาเป็นประกาย พยักหน้าถี่เร็วเร่งเร้าให้ผู้พ่อรีบเฉลยกลเม็ด
“หลับตาก่อนสิแล้วพ่อจะบอก
…เอาล่ะนะ อ่ะแฮ่ม เวทมนตร์มันเป็นแบบนี้ …โอม Abracadabra~”
ไวโอเล็ตประทับจุมพิตไว้บนหน้าผากให้เหมือนดั่งความฝัน
ใช้นิ้วสางผมแล้วลูบเอาไว้ให้ประดุจขนนกที่ปลิวว่อนไปตามสายลม
ปัดเป่าความชั่วร้ายให้ลอยหายกลายเป็นแค่ละอองธุลี รีบร่ายมนตร์ท่องคาถาที่ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหนเธอก็จดจำมันได้ดี
“แม้ในยามฝันก็ขอให้คุณได้ฝันดี
เพราะฉันจะเป็นดั่งภูตพิทักษ์คอยขจัดฝันร้ายให้ทลายสูญ …Abracadabra” แนบริมฝีปากไว้ช้านานก่อนผละหน้าออกมา เฝ้ามองอีกฝ่ายยามเห็นเขากลับมานอนสงบนิ่งเหมือนดั่งเดิม
เธอลูบศีรษะโดฟลามิงโก้อีกครั้งแล้วตัดสินใจล้มตัวลงนอน
อมยิ้มเพราะหัวใจกำลังรู้สึกแสนอบอุ่นยามนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก เวทมนตร์ของคุณพ่อใช้ได้ผลเสมอ
และคราวนี้เธอจะขอตอบแทนที่เขาเคยช่วยเธอให้พ้นจากฝันร้ายเช่นกัน
………………………
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย
แม้นไม่เปิดไฟแต่แสงจากดวงจันทร์ก็สว่างไสวราวกับภาพนิมิต ในห้องมีคนอยู่สองคน
คนหนึ่งกำลังนอนผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วนอีกหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
โดฟลามิงโก้ตื่นแล้ว
เขาไม่เคยหลับสนิทตั้งแต่วิถีชีวิตพลิกจากฟ้ามาเป็นดิน ดวงตาประกายเพลิงกำลังจดจ้องคนบนเตียงอย่างใช้ความคิด
เปลี่ยนสองแขนมาวางบนหน้าขาแล้วค้อมตัวลงเฝ้ามองอีกฝ่ายด้วยท่วงท่านิ่งสงบ
‘ทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?’ พร่ำถามตัวเองเพราะตัวเขาอยากรู้คำตอบ ชายหนุ่มรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
เขาสะดุ้งตื่นเหมือนทุกครั้งยามฝันถึงชาติกำเนิดที่แท้จริง ก่อนร่างกายจะบีบบังคับให้ลืมตาขึ้นมาพบไวโอเล็ตกำลังทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้รับ
เขาฝันร้าย ...ใช่ ซึ่งเขาไม่ชอบมันเลย แต่ดูเหมือนครั้งนี้อาการหลังตื่นมันแทบจะมลายหายไปยามโดนใครคนหนึ่งช่วยปัดเป่ามันออกไป รู้สึกคล้ายกับว่าถ้าฝันร้ายอีกครั้งแล้วตื่นขึ้นมาพบเรื่องแบบนี้อีก ความรู้สึกที่ตกค้างจะไม่สามารถตามมากัดกินตัวตน
เปลี่ยนสายตาขึ้นไปมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก ...ที่ตรงนั้น มีผู้ชายผมสีบลอนด์นั่งอยู่
กำลังมองกลับเลียนแบบทุกท่าทางที่เขากำลังทำ
เป็นเพราะวันนี้ดันไปสบตาใครคนหนึ่งที่มีท่าทางเหมือนต้นตอเข้า
ทำให้ภาพในห้วงนิทราเผลอไหลทะลักเข้าสู่สมองแบบฉุดเอาไว้ไม่อยู่
“ไงดอฟฟี่
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“……”
“พี่สบายดีไหม?”
“อืม”
“ดูเหมือนครอบครัวพี่จะใหญ่ขึ้นนะ
มีสมาชิกใหม่เหรอ?”
“อ่า”
“แหะ ๆ มีอำนาจขึ้นเรื่อย ๆ
เลยนะ แบบนี้คงฉุดไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ...นั่นสิ
จะว่าไปคงไม่มีใครหยุดพี่ได้อีกแล้วล่ะมั้ง” ภาพสะท้อนของตัวเองกำลังยกบุหรี่ขึ้นมาจุด
เขาหรี่ตามองภาพนั้นยามอีกฝ่ายสำลักควันไปชั่วครู่ก่อนจะส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้
“เลิกทำแบบนี้
นายไม่ควรอยู่ที่นี่”
“ผมก็ไม่เคยอยู่ที่ไหนอยู่แล้วนอกจากที่นี่” จู่ ๆ ร่างคนพูดก็มีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา โดฟลามิงโก้ตาแข็งขึ้นทันทีตอนอีกฝ่ายเริ่มหลอกหลอนหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ “ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้?”
“นายไม่ควรทรยศฉัน”
“ผมแค่อยากจะช่วยพี่”
“ไสหัวไป”
“...ล่าสุดก็เป็นผมแล้วนะพี่”
“ออกไป”
“นี่พี่ ...ครั้งต่อไป ...พี่จะเดินผ่านซากศพใครเหรอ?”
“ออกไปจากหัวฉันโคราซอน!!!”
โดฟลามิงโก้ก้มลงยกมือกุมขมับ
อยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์ฝันร้ายก็สะท้อนออกมาเป็นฉาก ๆ ตวัดมองกระจกอีกครั้งก็พบแต่เพียงตัวเองที่นั่งตีหน้าเข้มอย่างกับคนบ้า
รีบหันมองอีกคนเมื่อจิตใจกำลังสับสน ตัดสินใจเอ่ยปากบอกคำพูดที่เขาเคยบอกเธอเมื่อไม่นานมานี้คล้ายต้องการตอกย้ำให้มันลึกลงข้างใน
“ฉันแค่อยากให้เธออยู่เป็นเพื่อน เพราะบางทีผีร้ายก็ชอบมาให้เห็นแบบไม่ทันตั้งตัว ...เธอได้ยินใช่ไหม? แฟรี่”
END OF ACT I
- 50 % -
ตอนนี้เบา ๆ สบายสมอง (สมองไรท์นี้ล่ะ เบาแล้ว)
ช่วงนี้อาจจะมาช้าหน่อยนะ บอกตามตรงแต่งไม่ทัน
รู้สึกร้อนใจเวลาลงตอนใหม่แล้วมันจี้ตูดตอนที่สต๊อกไว้มาทุกที
ไม่ได้ ๆ ว่าแล้วก็ไปก่อน (ไปปั่นนิยายเหรอ ...ป่าว ไปให้ข้าวหมา 55555)
เจอกันอีก 50% ที่เหลือนะ
- 100 % -
มาแล้วจ้า คือตอนนี้บอกเลยว่าดีเทลเยอะมากขอแยกประเด็นตามนี้เลยนะ
- "ฉันแค่อยากให้เธออยู่เป็นเพื่อน เพราะบางทีผีร้าย... ก็ชอบมาให้เห็นแบบไม่ทันตั้งตัว" หากใครจำคำพูดนี้ได้ ใช่แล้วค่ะ มันเคยอยู่ในตอน Behind the scenes ที่มิงโก้เคยบอกไวโอเล็ตนั้นเอง (คิดไม่ถึงล่ะสิ แต่เราคิดถึงนะ ว๊าย บ้าจริง)
- คือไรท์ก็ปูบทฝันร้ายของมิงโก้มานานแล้วนะ เหตุหลัก ๆ ที่นางกลับมาฝันก็เพราะเจ้าหญิง และยิ่งไปเจอใครคนหนึ่ง(?) ความฝันก็เลยเตลิดไปกันใหญ่ อืม ๆ น่าคิดสุด ๆ จะเป็นยังไงต่อไปดีล่ะ?
- คำว่า Abracadabra มีความหมายคล้ายโอมเพี้ยง ให้อารมณ์เหมือนคนกำลังร่ายเวทมนต์ ดังนั้นมันเลยไปสัมพันธ์กับชื่อตอนที่ชื่อว่า "ภูต" อืม ๆ น่าคิดอีกแล้ว
- และสุดท้ายนี้ ฟิคเรื่องนี้ได้จบองก์แรกเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ เริ่มสู่องก์ต่อไปได้ (ตีมือ ๆ) ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาจนถึงตอนนี้นะ ไรท์ดีใจสุด ๆ จะเขียนองก์ต่อไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นค่ะ
... ช่วงไร้สาระ ...
คือเมื่อประมาณ 2 3 4 5 วันก่อนได้คุยกันนักอ่านท่านหนึ่งเรื่องนิ้วก้อยเท้า
ผลปลาสวายว่า เมื่อวานสงสัยจะเหงา คนเขียนเลยเอานิ้วก้อยเท้าซ้ายไปถวายขอบบันไดมาเลยจ้า (โอ้โห้ เจ็บจริง ร้องลั่นบ้านเลย)
ผลนี่บวมฉึ่งเลยจ้า บวมจนม่วงเลยต้องไปหาหมอ นึกว่าจะหักแต่หมอบอกว่าแค่ช้ำจ้ะลูก~
สุดท้ายก็ได้ยามากินกับทา นึกว่าจะหาเรื่องอู้ได้แล้วเสียอีก แย่จริง
เจอกันบทหน้านะครับ
ความคิดเห็น