คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : When you kiss me in the rain (ใครคนนั้นที่เธอมองเห็น)
ตอนที่ 17: When you kiss
me in the rain
(ใครคนนั้นที่เธอมองเห็น)
ณ สำนักงานใหญ่
หลังจากจบการประชุมสุดยืดเยื้อที่กินเวลาชีวิตไปหลายวัน
ชายหนุ่มก็จัดแจงสั่งงานคนที่มาร่วมประชุมก่อนจะปลีกตัวออกมาฟังสรุปหัวข้อกับเลขาเฉกเช่นทุกวัน
ขายาวก้าวเดินไปตามทางพร้อมฟังรายละเอียดปลีกย่อยที่ยัยเลขาสาธยายให้ฟังแบบไม่มีตกหล่น
หันมองเจ้าตัวเพียงครู่ก่อนคิดว่าแม่นี่ก็ทำงานได้ดี
คงจะเอ่ยปากชื่นชมไปแล้วหากเจ้าหล่อนไม่จ้องจะแย่งผู้หญิงเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“ถ้างั้นก็สรุปรายละเอียดงบประมาณมาให้ฉันด้วย
แล้วก็ไปบอกผู้บริหารคนอื่นให้วางแผนเครื่องจักรได้เลย”
“รับทราบค่ะ แล้วก็ท่านประธานคะ...วันนี้ตอนสองทุ่มมีนัดทานข้าวกับท่านสส.
นะคะ”
“ฮะ!? นี่เดียมานเต้มันตกลงรับข้อเสนอยัยดินระเบิดนั่นเรอะ!?”
“ให้ยกเลิกไหมคะ?”
“ไม่ต้อง ว่าแต่เรื่องที่ให้ไปจัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
“ยังเลยค่ะ ทางนั้นบอกต้องใช้เวลาอีกสองสามวัน”
“อืม คืบหน้าอะไรก็บอกด้วย ...ไม่ต้องตามเข้ามาโว้ย!” โดฟลามิงโก้ขึ้นเสียงห้ามแม่สาวผมหางม้าตอนหล่อนเดินติดหมายจะเข้าห้องไปด้วย
ผลักประตูพร้อมขึ้นบัญชีดำยัยเลขาไว้ว่า...แม่นี่เองก็คิดจะปีนต้นงิ้วอีกคน!
สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก
ตกนรกต้องโดนเอาน้ำร้อนลวกปากแน่เพราะแม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมุสาใส่ไวโอเล็ตไม่เลิก
อาการเจ็บหลังไม่มีอีกแล้ว มีแต่คุณปริ้นเซสนี่แหละที่ร่างกายยังไม่คงที่
เห็นสาวน้อยเผลอหลับบ่อย ๆ จนเขาต้องคิดใหม่อยู่หลายหนว่า ‘ให้หล่อนอยู่บ้านดีไหม?’
กวาดตามองภายในห้องทำงานอย่างถี่ถ้วน
อีกแล้ว!?
หมุนตัวเดินกลับออกไป
เดินเลยยัยเลขาที่หันมามองคล้ายเฝ้ารอรับคำสั่ง
มือหนารีบควักมือถือออกมาต่อสายหาว่าที่ชู้ของเจ้าหญิงทันที
“ไวโอเล็ตอยู่กับแกรึเปล่า?”
“ไม่อยู่นะครับ” โดฟลามิงโก้วางหูใส่ก่อนเดินปึงปังออกไปยืนรอลิฟต์ด้วยท่าทางฮึดฮัด
เป็นแบบนี้ทุกทียามต้องทิ้งให้หล่อนอยู่เฝ้าห้องคนเดียว พักหลัง ๆ
ไม่รู้รัฐบาลมันจะต้องการแสนยานุภาพอะไรหนักหนาถึงได้สั่งผลิตอาวุธไม่หยุดหย่อน
ช่วงนี้เขาเลยต้องเข้าประชุมตั้งแต่เช้าจรดบ่าย
ทำงานตัวเป็นเกลียวเลยอยากจะกลับมาหาบ่อน้ำหวานให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ
...แต่แม่คนเจ็บไม่เคยนั่งรออยู่ที่ห้องเลย
ถ้าเธอไม่หลับไม่รู้เรื่อง
ก็มักจะออกไปที่ไหนสักแห่งหรือไม่ก็ลงไปนั่งคุยกับคนขับรถ
แล้วจะรีบกลับมาก่อนที่เขาจะเลิกประชุม แต่ส่วนใหญ่แม่นกน้อยจะบินกลับรังไม่ทัน
แสนสงสัยว่าคุณเธอนึกจะทำอะไรถึงได้ดูวิ่งวุ่นขนานหนัก?
ยืนเคาะนิ้วกับหลังโทรศัพท์
ตอนนี้จะแอบเช็กสถานที่ที่เธออยู่ก็ไม่ได้ด้วย
ดูจากพฤติกรรมเด็กเกเรแล้วเขาคงได้กลับไปเล่นบทโหดอีกครั้งแน่นอน
ผ่านไปสักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออก
ยืนกอดอกขวางทางคนในลิฟต์ยามเจอเด็กหนีเที่ยวยืนก้มดูเอกสารแบบยังไม่รู้ตัว
“ไปไหนมา!?” ถามเสียงหนักครั้นเด็กมีคดีเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มแห้ง ๆ
ให้
“ไปขอเอกสารสำคัญมาค่ะ”
“เอกสารอะไร? แล้วเอาไปทำไม?”
“ทุกวันนี้ฉันเหมือนคนต่างด้าวเลยนะคะ โดนตำรวจจับไปทีนี้เรื่องยาวแน่
...ส่วนเอกสารก็พวกใบยืนยันตัวตนอะไรแบบนั้น อยากดูไหมคะ?” ไวโอเล็ตตอบพลางยื่นซองต่าง ๆ นานาให้เขาดู
“เหอะ! ก็แล้วไป นึกว่าแอบไปมีชู้เสียอีก”
“นี่ฉันมีชู้ด้วยเหรอ?”
“แล้วมีไหมล่ะ? ...ยังอีก! อย่ามาทำหน้าคิดนะ เดี๋ยวก็เจอของแข็งหรอก!” ขู่อีกฝ่ายทันควันยามแม่ตัวดีทำสีหน้าครุ่นคิดคล้ายกำลังไล่นับเหล่าเด็ก ๆ
ในสังกัด
“เรียกชู้ก็ไม่ถูกนะคะ ยังไม่ได้คบใครเลยจะมีชู้ได้ไง?” เด็กสาวทำสีหน้าจริงจังก่อนจะโบกมือตอบคุณเลขาที่ทักทายมาหา
จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนประเด็นเพราะดันเหลือบไปเห็นคนสูงกว่าเริ่มส่อเค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้ว “ทานข้าวไหมคะ? รู้สึกตอนเที่ยงคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย”
“กิน!”
“งั้นขอเข้าไปเก็บเอกสารบางส่วนหน่อยนะคะ?”
“นี่ยัยเลขาเอาไปเก็บให้ด้วย แล้วถ้าแอบเปิดดูละก็ตาย!” โดฟลามิงโก้ดึงแฟ้มที่ว่าออกจากมือเจ้าหญิงก่อนจะเหวี่ยงแผล็บไปด้วยความฉุนเฉียว
“นี่คุณเป็นอะไรคะเนี่ย? เสียมารยาทนะ”
“จะกินไหมข้าวน่ะ!?” ไวโอเล็ตถอนใจ
ยินยอมให้คนอารมณ์ไม่ดีแปะฝ่ามือลงบนหัวก่อนบังคับให้ก้าวเข้าลิฟต์ไป
นึกท้อแท้ใจยามพบว่าอาการผีเข้าผีออกของเขากลับมาอีกแล้ว
………………………
ตอนบ่ายอากาศร้อน
โชคดีที่มันเลยเวลาพักเที่ยงไปแล้วร้านอาหารแถวนี้คนถึงไม่หนาตาเท่าที่ควร
ไวโอเล็ตนั่งกินข้าวเงียบ ๆ
พยายามไม่สนใจประธานบริษัทที่จ้องเธอเขม็งตั้งแต่เข้ามานั่งภายในร้าน
ปกติโดฟลามิงโก้ก็มักจะมองเธอตลอดอยู่แล้ว
“เหอะ!” เด็กสาวเงยหน้า จู่ ๆ
คนฝั่งตรงข้ามก็ทำเสียงขึ้นจมูกก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวไปด้วยกิริยาผู้ดีสุด ๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“ใช่สิ! ฉันมันก็แค่ทางผ่าน ยัยคนไร้หัวใจ” ไวโอเล็ตอ้าปากค้าง
คิดว่าหากมีใครหยิบกระจกขึ้นมาให้ดูหน้าตาเธอต้องน่าเกลียดสุด ๆ แน่
“อะไรคะ? เป็นอะไร? ไม่ชอบที่พามานั่งกินร้านแบบนี้เหรอ?”
“เธอเห็นฉันเป็นคนกินยากขนาดนั้นเลย? ทั้ง ๆ
ที่ฉันเลี้ยงง่ายขนาดนี้แต่ดันโดนยัยคนใจร้ายพูดจาตัดบัวไม่เหลือใย”
‘นี่เขาเป็นอะไร!?’ และใช่...ที่จริงก็เธอก็ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก
เพราะหากเขาไม่อยากกินคงไม่ยอมมานั่งในร้านเล็ก ๆ แบบนี้ตั้งแต่แรก
แต่ที่เธอถามเพราะไม่รู้ว่าเขาร้องประชดทำไมเยอะแยะต่างหาก
หลังจากรับรู้ว่าโดฟลามิงโก้อารมณ์ไม่ดี
เธอจึงดึงแขนเขาให้เข้ามาทานข้าวแถว ๆ บริษัทแทน
เดาส่งเดชเอาไว้ก่อนว่าเขาอาจกำลังโมโหหิว
ต้องหาอะไรให้ชายหนุ่มรองท้องโดยด่วนมิเช่นนั้นพายุมันจะโหมเข้าใส่ได้
แต่ดูเหมือนเธอจะเดาผิดเพราะท่านประธานยังคงมีอาการประหลาดไม่เลิก
มันคืออะไรนะท่าทางแบบนี้? มันคล้ายเหมือนกับว่า...
“นี่คุณงอนอะไรรึเปล่าคะ?”
“ฮะ!!! งอนเงินอะไร! พูดจาบ้าบอคอแตก ใช้ยีนด้อยในตัวคิดออกมารึไง!”
‘โอ้โห้ น่าจะเดาถูกแฮะ ด่ามาเป็นชุดเลย' เจ้าหญิงส่งสีหน้านิ่งผิดกับในใจที่กำลังขำท้องแข็ง
น่าจะจี้ถูกจุดแล้วเพราะคนตัวสูงมีท่าทางงอแงดูแปลกตา ตอนนี้น่าจะติดอยู่อย่างเดียวคืองอนเรื่องอะไร?
“ถามแค่เนี๊ยะ?”
“ก็ไม่รู้ว่างอนเรื่องอะไร? รออารมณ์เย็นกว่านี้ก่อนค่อยถามอีกทีดีกว่า” เจ้าพ่อมาเฟียนั่งมองเด็กสาวตอบหน้าตายก่อนกินข้าวต่ออย่างเป็นธรรมชาติ
‘เป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิด สมแล้วที่อายุห่างกันแค่สองสามปี’ นั่งเท้าคางมองเด็กน้อยกินข้าวอย่างเพลิดเพลิน เธอดูทุลักทุเลแบบตลก ๆ
ยามใช้แขนได้แค่ข้างเดียว
รีบเสนอตัวช่วยเพราะหวังว่าหญิงสาวจะตอบแทนมาให้แบบอิ่มเอมหัวใจ
“ป้อนให้ไหม? แต่ค่าจ้างแพงนะ” ไวโอเล็ตทำหน้าบอกไม่เป็นไรก่อนจะเพิ่มความเร็วในการตักขึ้น
แล้วเรียกคนในร้านให้มาคิดเงิน
“เดี๋ยวจ่ายให้เองค่ะ”
“ทำมาเลี้ยงข้าวก็ไม่หายโกรธหรอกนะ แถมขี้งกชะมัดเลี้ยงของถูกอีก”
“วันหลังถ้าอยากกินเป็นหมื่นก็จะเลี้ยงให้ค่ะ”
“แหม~ ใจป้ำขนาดนี้ฉันต้องยอมตกเป็นของเธอแล้วใช่ไหม? ก็ได้นะ เมื่อไหร่ดี?”
‘ชาติหน้าก็ดี แต่บทจะหายโกรธก็หายง่าย ๆ เลยแฮะ’ ยอกย้อนได้เจ็บแสบแต่มันก็ดังแค่ในความคิด ไวโอเล็ตสุดละเหี่ยใจกับคำพูดหน้าไม่อายนั้น ช่วงนี้เขาดูพูดทำนองนี้บ่อย ๆ หลังจากนี้เธอควรจะทำใจให้ชินกับมันสินะ?
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจะพาร่างข้ามถนน
เธอรีบขออนุญาตเจ้าหนี้หวังปลีกตัวไปทำธุระสักเล็กน้อย
“ขึ้นไปก่อนนะคะเดี๋ยวรีบตามขึ้นไป พอดีต้องไปส่งของที่ไปรษณีย์ก่อน”
“ตอนนี้ฉันชักสงสัยแล้วว่าเธอคิดจะทำอะไร? ส่งอะไร…ส่งไปไหน…ส่งทำไม?”
“ส่งไปส่วนราชการ เหตุผลก็เคยบอกไปแล้วนี่คะ”
“ไปด้วย ฉันอยากไปเดินแถวนั้นพอดี” เจ้าหญิงไม่ได้สนใจตอบรับ ทิ้งให้เขาเดินป้วนเปี้ยนแถว ๆ ตลาดนอกไปรษณีย์ แอบเห็นชายหนุ่มเดินผลุบหายเข้าร้านนู้นทีร้านที บ้างก็ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าแบบออกรสชาติ
‘เออตลกดีแฮะ ทำตัวเป็นสาว ๆ มาช้อปปิ้งอย่างงั้นแหละ’
………………………
นครที่ไม่เคยหลับใหล
ตอนแรกเจ้าหญิงก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงถูกขนานนามเช่นนั้น
แต่พอได้มาอยู่ที่นี่เกือบ ๆ ครึ่งปีก็พอจะรู้เหตุผลขึ้นมาบ้าง
เมืองแห่งเทพ เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงแห่งสี ไม่ว่าจะไปตามซอกหลืบมุมไหนก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายชวนน่าค้นหา ทั้งเหล้ายาปลาปิ้งหรือแม้แต่วัดวาอารามก็มีเต็มไปหมด นึกประหลาดใจที่บรรดาของสองสิ่งที่ต่างกันสุดขั้วมาหลอมรวมอยู่ด้วยกันได้
จะว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของประเทศนี้ก็ไม่ผิดเสียทีเดียว
สาวน้อยเฝ้ามองบรรดารถหลากหลายจอดนิ่งติดกันเป็นแถวยาว
นึกเห็นด้วยที่ประเทศนี้ถูกขนานนามว่ารถติด แถมยิ่งเป็นคืนวันสุดสัปดาห์
เหล่าชายหญิงน้อยใหญ่คงวาดหวังจะออกมาพบปะสร้างสรรค์ระบายความอัดอั้นที่กักเก็บมาทั้งอาทิตย์
และนั่นมันอาจจะรวมถึงพวกเธอด้วย
“มันเลทแล้วนะคะ ลงเดินดีกว่าไหม? อีกไม่ไกลเอง” สาวน้อยพูดไปพลางอยากปัดมือหนาออกจากต้นขาตัวเอง ไม่รู้ตั้งแต่ขึ้นรถมาเขาจะจับเอาไว้ทำไม ‘กลัวเธอลงไปวิ่งแข่งกับรถรึไงนะ?’
“รอไม่ได้สิดีเพราะฉันไม่ได้อยากจะคุยด้วยสักหน่อย”
“ก็แล้วทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะคะ แล้วนี่จะพามาด้วยทำไมกัน
เดี๋ยวอีกฝ่ายเห็นเข้าก็มาแว้ด ๆ ใส่อีกหรอก คราวที่แล้วอุตส่าห์เอาตัวรอดมาได้แท้ ๆ
นะ คุณเพื่อนพ่อ”
“หน็อย! ปากคอเราะราย
วันนี้เธอหาเรื่องใส่ตัวมาสองรอบแล้วนะ ระวังเถอะ! โดนเอาคืนแล้วจะหนาว” โดฟลามิงโก้ลงน้ำหนักมือบนต้นขาเจ้าหล่อนก่อนรีบคาดโทษยัยตัวดีเอาไว้อีกกระทงเน้น ๆ
อุตส่าห์นึกลืมไปแล้วไม่รู้จะย้ำขึ้นมาอีกทำไม
ระหว่างที่กำลังฟาดฝีปากกัน
รถก็แล่นมาถึงจุดหมาย ไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดประตูไวโอเล็ตก็ก้าวลงไปทันที
มองเห็นพนักงานโรงแรมทำท่าจะเข้ามาช่วยแต่ก็ต้องรีบยืนที่เดิมเพราะเริ่มรู้ตัวว่าอีกฝ่ายนี่มันมาเฟียชัด ๆ
“ห้องอาหารอยู่ชั้นสองนะคะ”
“รู้ได้ยังไง?” ก้มมองเด็กสาวยามได้ยินเธอร้องบอกถึงจุดหมายปลายทางแทนพนักงาน
“เลขาคุณบอกมา”
“นี่ไปแอบคุยกันตอนไหน? เลิกคุยไปเลยนะ ถ้ายังขัดคำสั่งอยู่ฉันจะไล่แม่นั่นออก!” เห็นเด็กสาวเริ่มสงบปากสงบคำแบบพิลึกแล้วเดินตามอย่างว่าง่ายยามเขาก้าวเข้ามาโอบเอวเอาไว้หลวม ๆ โดฟลามิงโก้ยิ้มมุมปาก เพราะเมื่อกี้หัวสมองดันประมวลผลขึ้นมาได้ว่า
...เจอจุดอ่อนเจ้าหญิงเข้าให้แล้ว
‘ทำไมถึงคิดไม่ออกตั้งแต่แรกนะ? ทั้งที่มันก็เคยโผล่มาให้เห็นตั้งแต่ต้นแล้ว’
โต๊ะเหมือนจะถูกจองเอาไว้
พอทั้งคู่เดินขึ้นมาบริกรก็ปรี่เข้ามาต้อนรับก่อนพาเข้าไปยังโซนส่วนตัว
เด็กสาวเริ่มคิดไม่ตก
เพราะนอกจากสมาชิกสภาที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว เธอยังเห็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เคยเจอในผับนั่งไขว่ห้างรออยู่ด้วย
ไวโอเล็ตรีบกระซิบคุยกับโดฟลามิงโก้เบา ๆ
“เพื่อความแน่ใจ ฉันยังมาในฐานะลูกสาวเพื่อนพ่ออยู่รึเปล่าคะ?”
“นั่นสิ มาในฐานะอะไรกันนะ?” เธออยากจะข่วนหน้าคนตัวสูงที่ไม่ให้ความร่วมมือ
รีบใส่หน้ากากสงบนิ่งทันทียามเดินมาถึงที่โต๊ะแล้วอีกฝ่ายกล่าวทักทาย
“มาถึงแล้วเหรอดอนกิโฮเต้ เชิญ ๆ เรามากินข้าวกันก่อนดีกว่า” ชายสูงวัย
อายุน่าจะเด็กกว่าคุณพ่อเสียเล็กน้อยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
ก่อนเชื้อเชิญให้ทุกคนบนโต๊ะเริ่มทานอาหารกัน
โรงแรมนั้นหรูหรา
แน่นอนว่าห้องอาหารไม่มีทางด้อยค่าไปกว่ากัน บนโต๊ะอาหารมีเมนูอยู่มากมาย
แต่ละจานนั้นดูพิจิตรงดงามเสียจนอยากนั่งมองนาน ๆ
แต่สาวน้อยจำต้องสลัดภาพคนธรรมดาทิ้ง
สวมบทบาทองค์หญิงที่เธอทิ้งไปนานให้ฟื้นมามีชีวิต
อีกฝ่ายก็มีอำนาจไม่แพ้กันหากไม่ทำตัวให้สมฐานะเดี๋ยวจะโดนเยาะเย้ยเอาทีหลังได้
สังคมไฮโซมันหนีไม่พ้นเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว
เธอละเมียดละไมทานอาหารอย่างอ่อนช้อย
มารยาทบนโต๊ะถูกนำมาใช้แบบไม่มีตกหล่น มันดูสง่างามเสียจนท่านสส.
ต้องเอ่ยชมแต่เรียกสายตาของลูกสาวให้มองอย่างหมั่นไส้
คุณลูกสาวพยายามชวนโดฟลามิงโก้คุยยามพบเห็นว่าคุณพ่อของตัวเองเอ่ยคุยกับยัยเด็กกะโปโลไปแบบไม่มีหยุดพัก
ไม่รู้ว่ายัยคนแขนเดี้ยงมันเล่นคุณไสยอะไรถึงได้คุยถูกอกถูกคอกับพ่อเธอได้ขนาดนี้
“ท่าทางคุณกับคุณพ่อของหล่อนจะสนิทกันมากเลยนะคะ
ถึงได้พามาคุยเรื่องธุรกิจได้ขนาดนี้”
“ก็สนิทกันพอควร แต่เผอิญสนิทกับลูกสาวเขามากกว่า” สายตาหญิงสาวร้อนเป็นไฟ นึกไม่พอใจในคำตอบกำกวมที่ได้รับ
“คุณพ่อคุณไวโอเล็ตทำธุรกิจอะไรรึคะ?” รีบเปลี่ยนประเด็นหวังจะแหกไส้อีกคนให้กากิน
“ทั่วไปน่ะค่ะ พวกท่าเรือ สาธารณูปโภค
การคมนาคมแต่ส่วนใหญ่จะทำเพื่อสาธารณชนมากกว่าค่ะ”
“ทำหลายอย่างเลยเหรอ? แบบนี้คงต้องนัดคุณพ่อหนูมากินข้าวด้วยเสียแล้ว”
“มันไม่ได้ใหญ่โตเท่าของท่านสส. หรอกค่ะ แต่ไว้จะบอกคุณพ่อให้นะคะ
ท่านต้องดีใจแน่เลยที่ได้ร่วมงานกับคนเก่ง ๆ แบบท่าน”
‘อยู่เป็นแฮะ’ โดฟลามิงโก้นั่งหน้าพริ้มมองท่วงท่าของเจ้าหญิงแบบไม่ปิดบัง
เขาเลือกเงียบเพราะอยากรู้ว่าองค์หญิงจะตอบแบบไหน
ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะโกหกได้แนบเนียนแถมยังมีประจบแถมไปอีก
การวางตัวก็ดูดีเสียยังกับหลุดออกมาจากละครย้อนยุค
ดูท่าครอบครัวคนใหม่ของเขาจะยังไม่ลืมสิ่งที่อยู่ในสายเลือด...
ความเป็นราชนิกุล
จู่ ๆ
สิ่งนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาแบบไม่มีที่มาที่ไป
การเจรจากำลังจะเริ่มขึ้น...
เจ้าหญิงเห็นว่ามันคงไม่สมควรเธอจึงเอ่ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
ก่อนจะโดนโดฟลามิงโก้รั้งตัวไว้แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบกระซาบให้ได้ยินแค่สองคน
“รีบกลับมานะ เธอไม่อยู่ไม่มีไม้กันหมาเลย
ดูสิ ยัยลูกสาวนักการเมืองนั้นจ้องจะกินฉันอยู่แล้ว”
“มาพูดอะไรตอนนี้เนี่ย ไม่น่าฟังเลย” กัดฟันตอบคนผมบลอนด์
แม้คำพูดจะแสนดุเดือดแต่ทั้งคู่ยังคงสีหน้ายิ้มแย้มคล้ายกำลังคุยเรื่องเบาสมอง
“รีบไปรีบมานะคะ” ไม่สนใจน้ำเสียงดุของอีกฝ่าย
โดฟลามิงโก้จงใจพูดให้ฝั่งตรงข้ามได้ยินก่อนฝังจมูกลงแก้มนิ่ม
รีบผละตัวออกมาตีหน้าเรียบครั้นได้ยินชายสูงวัยกระแอมเบา ๆ
ไม่ได้หรอก...
เขาต้องแสดงออกเอาไว้ก่อนว่าวันนี้ไม่ได้อยากโดนผู้หญิงหิวหิ้วกลับบ้าน
ไวโอเล็ตปลีกตัวออกมาแล้ว
สาวน้อยพยายามซ่อนอาการร้อนเห่อสุดฤทธิ์ รับรู้ได้เลยว่าเขาโยนเหาใส่หัวเธอเต็ม ๆ
คุณพี่สาวหุ่นขยี้ใจต้องอาฆาตเธออยู่แน่
ทำไมชอบเอาตัวเธอมาเป็นข้ออ้างทั้งที่อีกฝ่ายนั้นแสนยินยอมพร้อมใจ
หน้าตาก็ดีหุ่นก็นางแบบ แบบนี้มันน่าจะตรงสเปกคนเพลย์บอยอย่างเขาสิ
สาวน้อยยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก
นึกเอะใจว่าผมเธอมันยาวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ปลายผมสีเข้มของเธอมันเลยบ่าลงไปเกือบ 2-3 นิ้วแล้ว
แต่ความจริงมันอาจจะยาวมากกว่านั้นเพราะผมเธอมันหยักศก
บางวันก็ม้วนเป็นลอนดูสวยดีแต่บางวันก็อย่างกับหมาพุดเดิ้ล
เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้พอ ๆ กับดอนกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้เลย
‘เพราะผู้ชายคนนั้นมีผีอยู่ในตัวเป็นร้อยร่าง’
เสียงเปิดประตูดึงให้เด็กสาวทำสีหน้าให้ปกติ
เหลือบมองภาพสะท้อนในกระจกยามรู้สึกว่าคนมาใหม่จงใจเดินเข้ามายังอ่างล้างมือใกล้ ๆ
“อ้าวคุณไวโอเล็ตยังอยู่ในห้องน้ำอีกเหรอคะ?”
“กำลังจะออกไปแล้วล่ะค่ะ” ระหว่างที่เตรียมพร้อมก้าวออกไป
อีกฝ่ายก็พูดคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
“บางครั้งผู้ชายคุยกันมันก็น่าเบื่อนะ ชอบคุยโวโอ้อวด
ข่มกันไปมาสารพัดเสียจนน่ารำคาญ
ผู้ชายทุกคนมักเป็นแบบนั้นแหละเวลาอยากนำเสนอตัวเองให้ผู้หญิงเลือกตนน่ะ
...เธอเองก็สวยนี่ น่าจะพอเข้าใจความรู้สึกฉันบ้างนะ”
“......” ไวโอเล็ตไม่ตอบเพราะเธอไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการคุยเรื่องอะไร
“ฉันมีหน้ามีตาในสังคมนะ
นักข่าวตามเขียนข่าวกันให้จ้าละหวั่นเพราะฉะนั้นบรรดาคู่ควงต้องมีฐานะหน้าตาพอ ๆ
กัน ในประเทศนี้มันก็มีเยอะแหละ แต่คนที่ว่างและถูกใจจริง ๆ น่ะมีไม่กี่คน” สองสายตาประสานกัน จริง ๆ เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากเกริ่นขนาดนี้เธอก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร
ใจจริงไวโอเล็ตอยากจะกราบขอร้องให้หญิงสาวฉุดเขาไปได้เลย
พ่อหนุ่มจะได้เลิกวอแวกับเธอเสียที แต่พอวิเคราะห์ดูดี ๆ แล้วกลับพบว่า
สองพ่อลูกคู่นี้น่ากลัว!
เธอพอจะอ่านคนออกอยู่บ้างหลังจากต้องโดนคุณพ่อบังคับให้ไปออกงานสังคม
คนพวกนี้คือแร้ง
ยามนิ่งสงบก็จะเฝ้ามองเราด้วยดวงตาแฝงความนัย
แต่หากวันใดพวกเรากลายเป็นศพก็พร้อมจะบินเข้ามาฉีกทึ้งร่างจนไม่เหลือชิ้นดี
‘เธอไม่ได้อยากช่วย แต่ให้ปล่อยไว้ก็ดูจะไร้มนุษยธรรม
...ซึ่งเธอจะไม่ยอมทิ้งสิ่งนั้นไป’
“คุณน่ะทั้งสวยทั้งฉลาด หาคนที่เหมาะสมได้ไม่ยากหรอกค่ะ
ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ออกมานานแล้วเดี๋ยวอีกฝ่ายจะเป็นห่วง” รีบแสดงละครตบตาบ่งบอกว่าเธอไม่ใช่แค่เด็กสาวไม่รู้อีโหน่อีเหน่
“เป็นห่วง? เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ!? เป็นแค่ลูกเพื่อนจะมาเป็นห่วงอะไรกันนักหนา
คราวที่แล้วหล่อนโกหกฉันงั้นสิ!? เห็นฉันโง่รึไง
ในเมื่อฉันอยากได้ก็ไม่มีอะไรที่จะไม่ได้!”
“เดี๋ยวสิคะใจเย็นก่อน คุณพ่อฉันกับโดฟลามิงโก้เขาสนิทกันจริง ๆ ค่ะ” เรียกได้ว่าสนิทกันปานจะยิงหัวกบาลกันเลยทีเดียว
“อย่ามาหลอกกันนะยะ สนิทกับพ่อบ้าบออะไรล่ะ จริง ๆ
แล้วเธอสนิทกับเขาต่างหากล่ะใช่ไหม? พากันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ!? เด็ก ๆ แบบแกเดี๋ยวเขาก็เบื่อแล้ว! อย่างเขามันต้องแบบฉันนี่!”
“ไม่เห็นจะต้องพูดจาขนาดนั้นเลย สนิทกันรึเปล่าดูเองน่าจะรู้นะคะ
แต่ที่แน่ ๆ น่าจะสนิทกันมากกว่าคุณนะ แต่เอ๋~ ไม่น่าเชื่อทั้งที่คุณมีพร้อมขนาดนี้แต่ดูเขาจะไม่สนใจ
ทำไมถึงอยากได้เขาเสียจนตัวสั่นขนาดนั้นล่ะคะ ...แอบหวังอะไรรึเปล่า?” อยากตีปากตัวเอง วินาทีไวโอเล็ตอยากตบปากตัวเองสักร้อยล้านที
ไม่รู้เธอจะทนปกป้องอีกฝ่ายทำไม ปล่อยให้ปลิงพวกนี้ดูดเลือดเขาจนหมดตัวน่าจะเป็นการแก้แค้นที่เข้าท่ามากกว่า
“อีนี่!” รีบวิ่งหนี
เจ้าหญิงรีบพาร่างออกจากห้องน้ำไปก่อนจะไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“คุณไวโอเล็ตเกิดอะไรขึ้นครับ? วิ่งออกมาแบบนี้เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
“อ๊ะ?” สาวน้อยรีบมุดตัวไปหลบอยู่ข้างหลังคนขับรถที่ดันมาอยู่ผิดที่ผิดทาง
ก่อนจะแอบเห็นแก่ตัวใช้เขาเป็นโล่กำบัง
“อีเด็กนี่! จะมุดหัวหลบทำไม!? ออกมา!
ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังมาหาเรื่องใคร? เป็นแค่เด็กบ้านนอกคอกนาแท้ ๆ
ริอาจกล้ามาเผยอปากจิกกัดฉันเหรอ!”
‘จริง ๆ แล้วหล่อนสูงศักดิ์กว่าคุณนะครับ’ คนขับรถคันปากอยากจะพูดเสียเหลือเกิน
แต่ตัวตนของสาวน้อยโดนแฟมิลี่สั่งให้เก็บไว้เป็นความลับจึงแสนแค้นใจที่โพล่งความจริงออกไปไม่ได้
“อะไรน่ะลูก เสียงดังโวยวายอะไร? เกิดอะไรขึ้น?” ท่านสส. ก้าวออกมาพร้อมโดฟลามิงโก้
ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมด้วยลูกน้องสองสามคน
“ก็อีนี่สิคะ มันมาตบลูก! แถมด่าลูกเสีย ๆ หาย ๆ มันยังมาโกหกพวกเราอีกนะคะ
คงคิดว่าคุณพ่อโง่มากสินะถึงกล้ามาปั้นน้ำเป็นตัว”
“ฮะ! อะไรนะ นี่อุตส่าห์คิดว่าจะเจรจาด้วยกันเสียหน่อย! นี่ ดอนกิโฮเต้!
คุณจะจัดการเด็กของคุณยังไงมิทราบ? ผมไม่ยอมนะที่เด็กของคุณมาทำแบบนี้กับลูกสาว
มาทำแบบนี้กับผม ...เจ็บไหมลูก? ไหนดูสิ?” โดฟลามิงโก้ยังคงสีหน้ายิ้มแย้ม
องค์หญิงเห็นเขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ยถามเธอแบบขอไปที
“เธอทำรึเปล่า?”
“จริงเฉพาะเรื่องต่อว่าค่ะ”
“เห็นไหมล่ะคะคุณพ่อ!”
“ใจเย็นสิ คนเราต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ว่าแต่แน่ใจนะว่าไวโอเล็ตตบเธอจริง ๆ
น่ะ แก้มเธอดูไม่แดงเท่าไหร่เลยนี่ เอาหน้าไปฟาดอะไรมาเองรึเปล่า?” โดฟลามิงโก้เอียงคออย่างยียวนเพราะเนื้อแก้มอีกฝ่ายไม่เห็นบวมอะไรเลย
‘ว้าย แพ้! สู้แก้มเขาตอนโดนตบก็ไม่ได้! เป่งเป็นลูกมะกรูดเลย!
ท่าทางจะไม่ได้โดนไวโอเล็ตตบจริง’
“มะ ไม่รู้แหละค่ะ ยังไงคุณต้องลงโทษยัยนี่ ไม่อย่างนั้นทางเราไม่ยอมด้วย
ข้อเสนอต้องเป็นอันยกเลิก!” สองพ่อลูกกำลังหาช่อง
เพราะเหตุการณ์นี้มันอาจจะพลิกให้พวกเขาไม่ต้องเป็นรองกับข้อตกลงที่โดฟลามิงโก้เสนอมา
ชายหนุ่มยอมรับจะหนุนหลังและช่วยเหลือให้เป็นใหญ่เป็นโตแลกกับเงื่อนไขที่ว่า
หากท่านสส. มีอำนาจจนล้นปี่เมื่อไหร่ เขาจะบอกข้อเรียกร้องเพียงหนึ่งเดียวทีหลังเอง
ซึ่งพอไม่รู้นี่แหละ
ยิ่งทำให้ท่านสส. นึกสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย
ระหว่างที่กำลังแอบซุบซิบกับลูกสาวว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง
สายตาก็เห็นลูกน้องคนเดียวของโดฟลามิงโก้เข้าไปกระซิบข้างตัวเจ้านาย
ก่อนทั้งคู่จะรับรู้ได้ว่าอุณหภูมิโดยรอบนั้นลดลงเฉียบพลัน
บรรยากาศเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ซีอีโอจอมปลอมไม่ได้ยิ้มอีกแล้วแต่กำลังจดจ้องพวกตนอย่างไม่วางตาด้วยท่วงท่าคุกคาม
“หึ! ฉันว่าพวกแกเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะ
จริงอยู่ว่าข้อตกลงนั้นน่าสนใจ แต่หากไม่ได้พวกฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก
ดูจากท่าทางแล้วพวกแกน่าจะไม่อยากรับ งั้นไม่รับก็ไม่ต้องรับ ...มานี่มาอีหนู
กลับบ้าน หมดเรื่องคุยแล้ว” โดฟลามิงโก้รีบตวัดเอวบางให้มาแนบตัวก่อนหมุนตัวพร้อมเดินจากไป
ต้องหยุดเท้าไว้ตอนอีกฝ่ายร้องห้ามอย่างร้อนรน
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
“ดูท่าอยากจะเกี่ยวดองกันอยู่นะ”
“ฉันจะไม่เกี่ยวดองกับแก ถ้ายังไม่ลงโทษอีเด็กนั่น!”
“ให้ตายสิ! ลูกน่ะเงียบก่อนได้ไหม!!!” ลูกสส.
ถึงกับน้ำตาคลอยามโดนคนเป็นพ่อตวาดลั่นชั้น รีบโยนความผิดทุกอย่างให้เด็กแขนหัก
ก่อนจะนึกอาฆาตแค้นที่ยัยเด็กนี่ทำให้เธอต้องอับอายขายขี้หน้า
“ดอนกิโฮเต้ ฉันขอเวลาไตร่ตรองดูก่อน”
“ยังไงก็ได้ แต่อย่านานนักล่ะเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจ
อ๋อ...แล้วก็ไม่ต้องนัดฉันมาอีกแล้วนะ
อยากคุยอะไรก็คุยผ่านผู้บริหารสูงสุดของฉันล่ะกัน เดียมานเต้น่ะ
เธอจำได้ไหมแม่สาวน้อย ...เอานี่นามบัตร ตัดสินใจได้แล้วก็โทรหาหมอนั่นซะ” เจ้าพ่อส่งยิ้มร้าย ๆ ก่อนทิ้งทั้งพ่อและลูกที่ยืนอ้าปากพะงาบ ๆ
ประหนึ่งอยากจะพูดอะไร แล้วรีบหนีบแม่เอวบางให้ออกจากโรงแรมไปพร้อมกัน
‘คนพวกนี้ประสาทกลับกันไปหมด คิดว่าเขาเป็นเด็กประถมรึไง?’
แม้แต่ขากลับรถก็ยังติด
เพราะพวกเธอใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพียงไม่นานก็ออกมาแล้วทำให้จำนวนรถยังไม่ซาลงไปเสียทีเดียว
ไวโอเล็ตหันมองอีกฝ่ายเป็นระยะ พยายามไม่สนใจเขาที่นั่งตะแคงข้างยกมือลูบต้นขาเธอขึ้นลงพร้อมส่งหัวเราะต่ำ ๆ
ใส่ใบหู
“อะไรคะ?”
“เดี๋ยวนี้ร้ายจัง
คนที่บ้านเอาอะไรให้กินวันนี้ถึงได้ดุเป็นร็อตไวเลอร์ขนาดนี้”
“ก็เขาพูดไม่ดีก่อน ไม่รู้จะทนให้เขาว่าฝ่ายเดียวทำไม
แล้วอีกฝ่ายพูดจาเหมือน...”
“พูดว่าอะไร?”
“ช่างเถอะค่ะ มันดูไม่ดี”
“พูดว่าอะไรคะ?” จากที่นั่งใกล้กันอยู่แล้วมันยิ่งใกล้มากกว่าเก่ายามโดฟลามิงโก้เขยิบตัวเข้าไปคลอเคลียวงแก้มใส
จริง ๆ เขารู้เรื่องทั้งหมดมาจากปากคำของลูกน้องหมดแล้ว
คิดไม่ผิดที่ส่งคำสั่งให้คนขับรถแอบตามยัยลูกสาวสส. ไป
ผีย่อมเห็นผี
คิดไว้อยู่แล้วว่ายัยนั่นต้องตามไปหาเรื่องไวโอเล็ตถึงที่
“...พูดเหมือนอยากได้คุณเป็นสามี”
“ตายแล้ว~ น่ากลัวจัง เป็นที่ต้องการของสาว ๆ
นี่ลำบากจังนะ ...แต่ยากแล้วล่ะเพราะไม้กันหมาของฉันดุขนาดนี้
ใครจะคิดว่าเจ้าหญิงจะด่าคนเป็น”
“ดูคนพวกนั้นไม่ได้คิดดีกับคุณ ระวังไว้หน่อยดีกว่านะคะ”
“ฉันทำงานในวงการมืดนะสาวน้อย เรื่องแบบนี้มันต้องระวังตัวอยู่แล้ว” ไวโอเล็ตเอนคอกลับไปที่เดิม ปล่อยให้อีกฝ่ายหอมแก้มไปเบา ๆ
ก่อนนั่งทบทวนว่าเธอเผลอทำให้โดฟลามิงโก้รู้สึกหลงตัวเองมากขึ้นรึเปล่านะ
เมื่อครู่เขาถึงได้พูดจามั่นอกมั่นใจขนาดนั้น?
………………………
เธอกำลังนอนฝันหวาน
ขดตัวเอาไว้ใต้ผ้านวมยามสภาพอากาศแสนจะเย็นสบาย ความคิดสะดุ้งไปเพียงลมหายใจ
ก่อนสาวน้อยจะสลัดคำสั่งทิ้งไปแบบไม่ไยดีตอนพบว่าเธอไม่ต้องโทรหาใครก็ไม่รู้ในช่วงเวลาแปดโมงแล้ว
ไอแดดส่องกระทบปลายจมูก
บังคับให้เด็กสาวต้องย่นคอหนีครั้นพบว่ามันดึงให้เธอรู้สึกอยากจะฮัดชิ้ว
ขมวดคิ้วแต่ยังไม่ยอมลืมตา ยามหดคอไปทางไหนโดนสัมผัสชวนจั๊กจี้ไล่ตามมาไม่ลดละ
ต้องรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมาตอนสิ่งนั้นมันกำลังก่อกวนการนอนหลับของเธอ
กลุ่มก้อนทรงกลมดูนุ่มนิ่ม? ขนปุกปุยฟูฟ่องสีชมพูกำลังนั่งจ้องหน้าเธออยู่บนปลายจมูก
‘อะไรน่ะ? นกเหรอ...นกฟลามิงโก้?’
“Morning,
princess” สาวน้อยหยัดกายลุกขึ้น
ก่อนจะแงะเอาตุ๊กตานกสีชมพูออกมาจากใบหน้าตนเอง
“ตุ๊กตาเหรอ?”
“กะว่าจะให้เมื่อวานแต่เธอดันหลับไปก่อน เห็นมันนั่งเหงา ๆ
อยู่ในร้านดูท่าทางน่าสงสารเลยซื้อมาให้ รับไปเลี้ยงทีสิ ...เลี้ยงไม่ยากหรอก
น่ารักเหมือนฉันนี่ล่ะ”
“ถ้าเหมือนคุณจริงนี่ไม่อยากจะเลี้ยงเลยนะ” จู่ ๆ
เธอก็จับต้นชนปลายถูก คิดออกทันทีว่าเขาไปซื้อมาตอนไหน
มิน่าล่ะเมื่อวานระหว่างอยู่ที่ไปรษณีย์เธอถึงเห็นโดฟลามิงโก้เดินเข้า ๆ ออก ๆ
แวะช้อปปิ้งอย่างกับเด็กเคยมาตลาด
“ลองเลี้ยงดูแล้วจะติดใจ ดูสิเนี่ยเหมือนกันจะตาย เอาเป็นตัวแทนฉันได้เลยนะ” ไวโอเล็ตแอบแลบลิ้นปลิ้นตา ตุ๊กตานกฟลามิงโก้มันก็น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ
แต่พอพ่อคุณคว้ามันไปเปรียบเทียบกับตัวเองแล้วต่างกันคนละขั้วเลย
“ว่าแต่ผมชื่ออะไรเหรอ? ผมต้องมีชื่อนะคุณเจ้าหญิง” โดฟลามิงโก้จับตุ๊กตาผงกหัวให้สอดคล้องกับคำพูดก่อนจะยื่นก้อนฟู ๆ
นั้นมากระแทกหน้าเธอ
“โอ๊ย! ไม่มีหรอกค่ะ” สาวน้อยหลับตาปี๋พยายามคว้านกขนฟูออกมาจากมือหนา
นึกไม่ชอบใจที่โดนแกล้งอีกแล้ว ตะครุบยื้อแย่งอยู่นานตอนเขาเอามันไปเล่นสวมบทบาทเป็นตุ๊กตาน้อยแสนน่ารัก
“*ดองกี้”
“ฮะ? เรียกฉันเหรอ?”
“เปล่า ชื่อตุ๊กตานี่ไง ดองกี้!”
“ใช่เหรอ? นี่เธอแอบด่าฉันรึเปล่า?”
“ด่าอะไรคะ มันมาจากนามสกุลคุณไง ดองกี้!”
“ย้ำอะไรนักหนาฮะ! ไหนสะกดชื่อภาษาอังกฤษให้ฟังดิ”
“D.O.N.K…”
“นี่ยัยบ้า นามสกุลฉันไม่ได้สะกดด้วยตัว K โว้ย”
“เหมือน ๆ กันแหละ ไปอาบน้ำก่อนนะ ดองกี้!” สาวน้อยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะฉกเอานกสีชมพูติดมือมา
ไม่วายต้องหน้าตำไปกับฟูกนอนตอนอีกฝ่ายรั้งผ้าห่มไว้จนเธอสะดุดหัวทิ่ม “โอ๊ย! มันเจ็บนะคะ”
“มานี่เลย ปากนี่ที่พูดใช่ไหมฮะ!” ดึงแก้มสาวน้อยแล้วยืดออกทั้งสองข้าง
บังคับให้อีกฝ่ายต้องเถียงอู้อี้แบบฟังไม่ได้ศัพท์
ไวโอเล็ตพยายามปัดมือเขาออก
แต่ก็พบว่าแขนแห้ง ๆ แค่ข้างเดียวจะไปสู้เสาโทรเลขเดินได้ ได้ยังไงกัน
สาวน้อยเริ่มสอดส่องหาทางรอดเพราะดันสังเกตเห็นว่าตำแหน่งที่ต่อสู้กันอยู่มันล่อตะเข้มาก
“โอ๊ย ปล่อยนะ!”
“แรงดีจัง แบบนี้ต้องจูบสั่งสอน” นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ!
“ดองกี้ช่วยด้วย” เจ้าหญิงรีบคว้าตุ๊กตาสีหวานขึ้นมายันหน้าอีกฝ่าย
พยายามกดมันไว้เมื่อโดฟลามิงโก้ยังฝังหน้าใส่ตุ๊กตุ๋นจอมนุ่มนิ่มไม่เลิก
เธอออกแรงผลักทั้งหัวเขาทั้งตุ๊กตาให้ล้มออกไปด้านข้างตอนอีกฝ่ายทำท่าจะทิ้งน้ำหนักตัวลงมา
เขาแน่นิ่งไปแล้ว? ‘นี่ขาดใจตายไปแล้วรึเปล่า?’
รีบดึงนกนิ่ม ๆ
ออกก่อนชะโงกหน้าดูว่าเธอต้องจัดพิธีศพไหม
“จูบตัวเองแล้วรู้สึกหลงขึ้นมาเลย” ส่งยิ้มแพรวพราวให้ยามเห็นเธอมีท่าทางเป็นห่วง
“โอ๊ย ทำไมถึงได้หลงตัวเองขนาดนี้เนี่ย” ไวโอเล็ตหลุดหัวเราะพรืด
รีบจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยแล้วหย่อนขาลงพื้นหวังกลับห้องตัวเองไปเริ่มต้นวันใหม่
“วันนี้ไม่ต้องไป เธออยู่บ้านแหละ”
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่มี แค่อยากให้พักผ่อนอยู่บ้าน ...วันนี้ไอ้หมอมันนัดดูแขนไม่ใช่เหรอ?”
“อ๋อค่ะ” ไวโอเล็ตก้มดูแขนขวาตัวเองโดยอัตโนมัติ
รู้สึกมีลมหมุนที่หน้าอกนิดหน่อยยามโดฟลามิงโก้พูดเตือนวันนัดพบแพทย์ของเธอ ‘เขารู้ได้ยังไงกันนะ? เธอไม่เคยบอกเสียหน่อย’
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวนะ เดี๋ยวฉันจะไปเป็นเพื่อนก่อน
พอดีวันนี้ต้องออกไปทำธุระข้างนอกสองสามชั่วโมง แล้วจะรีบกลับมา” ลุกขึ้นฉับพลันก่อนหอมแก้มเธอด้วยความเร็วแสง
โดฟลามิงโก้รีบผละตัวเดินเข้าห้องน้ำทิ้งให้สาวน้อยมองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ทุกอย่างกำลังผสมปนเป แต่มีเพียงหนึ่งสิ่งที่ชัดเจนอยู่ข้างในความรู้สึกคือ...
‘เขาหายแล้วนี่น่า!?’
*หมายเหตุ: ดองกี้ (Donkey) พื้นฐานมีความหมายแปลว่าลา แต่สามารถเป็นศัพท์สแลงเอาไว้ใช้เรียกคนโง่ ไม่มีสมองได้ด้วย (ระดับความหยาบคายต่ำมาก) ซึ่งในเรื่องนี้นามสกุลของโดฟลามิงโก้อ่านออกเสียงคล้ายกัน ทำให้ไวโอเล็ตดัดแปลงเอามาตั้งชื่อตุ๊กตาค่ะ (ง่าย ๆ ก็แอบด่าตามที่มิงโก้เข้าใจนั่นแหละ)
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
ตัดสินใจอัพให้เต็ม ๆ เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะควรตัดตรงไหนดี (ฮา)
ลืมบอกไปหน่อย ในนิยายไรท์แทรกเกร็ดความรู้ไว้เต็มเลย
หวังมันจะให้ประโยชน์กับทุกท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
และใบ้ไว้เล็กน้อยว่าบางจุดเล็ก ๆ ในตอนมันจะสัมพันธ์กับตอนหน้า ๆ ด้วยนะ
ไรท์เคยเล่นมุกนี้กับตอนก่อน ๆ มาแล้วด้วย อิ ๆ เผื่อใครจำได้
สุดท้ายนี้ หนูน่ารักไหม?
ความคิดเห็น