คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : The dark side (แด่เธอที่ร้าย)
ตอนที่ 5:
The dark side
(แด่เธอที่ร้าย)
สองเดือน นับตั้งแต่โดฟลามิงโก้ถูกเรียกตัวกะทันหันจากรัฐบาลด้วยเหตุผลที่ว่าอีกฝ่ายต้องการซื้อขายยุทธภัณฑ์ทางการทหารเพื่อนำมาปฏิรูปกำลังรบตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาคนใหม่
คำเชิญดังกล่าวส่งผลให้ประธานบริษัทค้าอาวุธต้องจองไฟลท์แบบเร่งด่วนแล้วนั่งเครื่องบินลัดฟ้ามาหาในทันที
การเจรจากับรัฐบาลกินเวลายืดเยื้อไม่รู้จักจบสิ้นเมื่อจอมพลไม่มีท่าทีอ่อนผันผ่อนปรน
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายทุกกระเบียดนิ้ว รู้ซึ้งแล้วว่าทำไมใคร ๆ
ต่างขนานนามว่าเจ้าตัวแข็งตรงเป็นไม้บรรทัด ยอมหักแต่ไม่มีทางยอมงอ
ระหว่างที่อยู่ที่นี่ ตัวเขาทั้งโดนตรวจสอบและหักลบผลประโยชน์ทางธุรกิจไปมาก
นึกขัดใจอยู่ทุก ๆ สิบนาทีเวลาต้องประชุมหารือแบ่งผลประโยชน์กับทุกฝ่าย
เพราะหากอยากทำธุรกิจด้านนี้ต่อ การจะประดิษฐ์หรือคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ จำต้องขอความเห็นชอบจากรัฐบาล
หากไปขัดแข้งขัดขาจนเกินงามสิ่งที่เพียรสร้างมาหลายปีคงหายวับไปในพริบตา
เพราะฉะนั้นเรื่องครานี้...ยอมได้ก็ควรยอมไปก่อน
ตั้งแต่โดนผบ.ทบ. ซาคาสึกิเรียกตัวมาประชุม เขาต้องตามหมกเม็ดสิ่งคาว ๆ ไว้ในมุมมืด ปกปิดไม่ให้อีกฝ่ายหาหลักฐานมาเอาผิดโต้ง ๆ จนต้องถูกลิดรอนสิทธิ์ไปมากกว่านี้
แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะต้องคอยสั่งการลูกน้องให้เก็บงานดี ๆ ไหนจะต้องมาปวดสมองกับเพื่อนร่วมงานปัญญาอ่อนที่ทำห่าอะไรไม่เป็นสักอย่าง
แต่ดันได้ดีเพราะเคยอยู่ในกลุ่มทรงอิทธิพลขนาดใหญ่อย่างกลุ่มโรเจอร์
ชายร่างเล็กผมสีฟ้าเอาแต่คุยโม้โอ้อวดพ่นแต่น้ำไม่มีเนื้อครั้นอยู่ในห้องประชุม ไม่เป็นการเป็นงาน เอาแต่พูดมากจนอยากจะยกเท้าขึ้นมายันหน้าระหว่างนั่งเครื่องกลับกรุงเทพฯ
ไม่รู้ใครช่างสรรหาเอาคนแบบนี้เข้ามาทำงานเพราะนอกจากเรื่องชี้นิ้วสั่งลูกน้องฝีมือดีให้ไปทำงานแล้ว
เขาก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะทำอะไรเป็นอีก
ระหว่างที่เจ้าพ่อกำลังนั่งเคาะนิ้วอยู่ในห้องโดยสารชั้นดี
ในใจเฝ้าคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา หูก็พลันได้ยินเสียงไม่พึงประสงค์เข้ามากระทบโสตประสาทจนพาลทำให้อารมณ์เสีย
“ต้องขอบคุณฉันเลยสินะเนี่ย
ที่ทำให้กองทัพใหม่ของรัฐบาลโลกทรงประสิทธิภาพขนาดนี้
นับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านบั๊กกี้คนนี้เลย ก๊ากฮ่าฮ่า ๆ” เจ้าตัวหัวเราะปากกว้างแล้วคว้าขวดเบียร์ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะส่งเสียงเรอดังเอิ้ก
“อ๊ะ นายน้อย
ถ้ายังไงจิบแชมเปญนี่ก่อนดีกว่าค่ะ รสชาติดีมากเลย ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ
อย่าพึ่งหุนหันทำอะไรเลย” เลขานามโมเน่เอ่ยกระซิบเสียงเบา
ครั้นเห็นเจ้านายมีสีหน้าเครียดถมึงทึง มือขวาพร้อมเอื้อมไปหยิบปืนแล้วลั่นไกได้ทุกเวลา
“นั่นสิ เครื่องดื่มบนนี้รสชาติดีต่อลิ้นมากเลย ทำไมแกไม่ดื่มล่ะ หรือว่าไม่เคยกิน ฮ่าฮ่า ๆ”
“หุบปาก ไอ้สวะ!
ทำตัวไร้สกุลแบบนี้ ไม่ไปนั่งที่นั่งชั้นประหยัดล่ะวะ
คนอย่างแกไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่! เสียอารมณ์ชะมัด” หันไปกัดฟันพูดใส่อีกคน
ก่อนกระดกแก้วเทน้ำสีใสลงคอทีเดียวจนเกลี้ยง
บั๊กกี้มองด้วยท่าทีตื่นกลัวในคำพูด
ก่อนแกล้งทำเป็นบ่นเฉไฉประมาณว่า ‘เมารึไง?
แกน่ะ’ แล้วหัวเราะเสียงดังลั่นอยู่ภายในห้องผู้โดยสารเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต่างหากที่เมา
เจ้าของแว่นตากันแดดสีม่วงกระแทกแก้วลงบนพนักอย่างสุดทน หลังจากจบการประชุมที่มีแต่เสียกับเสีย เขารึอุตส่าห์สั่งให้เลขาหาตั๋วเครื่องบินกลับทันทีจะได้มีเวลาพักผ่อนทดแทนช่วงที่เสียไป รีบกลับไปเคลียร์ปัญหาที่มันคาราคาซังให้จบ ๆ จะได้พ้นจากภาวะตึงเครียดน่าอึดอัดสักที
แต่นอกจากจะไม่ได้พักแล้ว ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสดันมีพวกปากไม่มีหูรูดติดมาด้วยอีก
นี่ถ้าโมเน่ไม่เอ่ยห้าม ป่านนี้คงมีข่าวทำนองว่า ‘หนึ่งในผู้สนับสนุนรัฐบาลโดนลูกตะกั่วยัดปากตายคาเครื่องบิน’
‘พอกันที!’
ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายแล้ว แม้ฟ้าจะมืดก็ไม่ทำให้พวกสมองน้อยหมดแรงไปได้เลย คนอารมณ์ไม่ดีจำต้องนอนโดยยัดหูฟังไว้ในหูแล้วเปิดเสียงดังสุด บ่งบอกกลาย ๆ ว่าหลังจากนี้เขาไม่ต้องการให้ใครหรืออะไรเข้ามาวุ่นวายทำลายความสงบที่มีอยู่น้อยนิดอีกเป็นอันขาด
………………………
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชายสูทดำเดินก้าวยาว ๆ พร้อมดื่มน้ำอึกใหญ่เมื่อรู้สึกหูอื้อ สาเหตุก็เพราะดันเปิดเพลงใส่หูตลอดทั้งเที่ยวบินด้วยระดับความดังที่คนเขาไม่ฟังกัน ...แต่มันก็ไม่สำคัญ เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้เขาหลับลงไปได้บ้าง ตอนนี้เจ้าตัวจึงตื่นมาด้วยอารมณ์ที่เบาบางลง แต่ยังคงความหงุดหงิดเอาไว้เช่นเดิม
เดินเลี่ยงไม่เสวนากับไอ้จมูกแดงแล้วก้าวขาขึ้นรถสีดำสนิทที่รอรับอยู่หน้าสนามบิน
“รีบขับกลับบ้านให้ไวที่สุดเลย” เอ่ยปากบอกลูกน้องเมื่อหย่อนสะโพกนั่งบนรถ ไม่ได้สนใจว่าโมเน่ที่บินตามไปช่วยงานก้าวขาขึ้นมานั่งรึยัง ปิดประตูเสร็จเขาก็เอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาลงในทันที
อย่างน้อย ๆ บรรยากาศภายในรถก็เงียบสงบกว่าบนเครื่องบิน จึงทำให้ชายหนุ่มมีโอกาสได้พักสายตาอีกครั้งหลังจากที่ต้องนั่งทนอะไร ๆ อยู่เป็นนาน
………………………
“นายน้อยจะอาบน้ำไหมคะ? จะได้ให้คนไปเตรียมน้ำอุ่นให้” เลขาสาวถามพร้อมรับสูทสีดำที่คนตรงหน้าถอดยื่นให้
“อืม ฝากด้วย” โมเน่โค้งผงกรับคำก่อนเดินจากไป ปล่อยให้โดฟลามิงโก้ยืนนิ่งหันมองรอบบ้านคล้ายรู้สึกว่ามันผิดแปลกไปจากเดิม
ปกติเวลานี้ทุกคนจะเจี๊ยวจ้าวหนวกหูอยู่ทั่วบ้าน แต่วันนี้มันเงียบไป... ทุกอย่างดูเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางกว่าตอนที่จากมาจนต้องเลิกคิ้ว
“อ้าวนายน้อย กลับมาแล้วเหรอคะ?
เหนื่อยหน่อยนะคะที่ต้องคุยงานยาวถึงสองเดือน” หญิงร่างท้วมเป็นคนแรกที่เห็นบอสของแฟมิลี่ยืนอยู่ตรงทางเดิน
นางเอ่ยทักพร้อมก้าวลงมาจากชั้นสอง
“เออ แล้ววันนี้ไม่ไปรับพวกเด็ก ๆ
รึไง?” คู่สนทนาถามเมื่อเห็นเจ้าหล่อนเดินนวยนาดไม่รีบร้อนในหน้าที่
“เดลลิงเจอร์กับชูการ์นอนอยู่บนห้องน่ะค่ะ
ไวโอเล็ตไปรับกลับมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว เพราะวันนี้พวกแกเรียนแค่ครึ่งวัน” โจล่าตอบเนือย ๆ โดยไม่รู้ว่ามีชื่อ ๆ หนึ่งทำให้คนฟังคิ้วกระตุก
“ไวโอเล็ต?”
“ค่ะ
ก็คนที่นายน้อยพามาอยู่เมื่อสองเดือนที่แล้วไงคะ นางใช้ได้เลย
ช่วยงานได้เยอะ...จะว่าไปขอตัวไปดูในครัวก่อนนะคะ” หญิงสูงวัยตอบแล้วเป็นฝ่ายจบการสนทนาครั้นเห็นนายน้อยนิ่งไป
“นี่โจล่า
เอาผักนี่ไปให้พวกแม่ครัวทำอาหารด้วยสิ-จี ผักหว๊านหวาน ยัยหนูไวโอเล็ตมือเย็นมากเลย
ปลูกอะไรก็ขึ้นดีไปหมด... โอ้ว นายน้อย ไม่ได้เจอซะนาน คิดถึงจัง อยากชิมผักหวาน ๆ
ไหม?” เหลาจีวิ่งตะโกนแล้วโบกมือหยอย ๆ ให้โดฟลามิงโก้
แต่พอเห็นประมุขของบ้านยืนนิ่งเป็นหินปูนจึงตัดสินใจหายลับเข้าครัวไปอีกคน
โดฟลามิงโก้ยืนเรียบเรียงสถานการณ์อยู่สักพักจนคนเข้ามาใหม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อโดนขวางทาง
“นายน้อยยืนทำ’ไรอ่ะ?” เบบี้ไฟว์ถามทันทีเมื่อเห็นคนขายาวยืนมองอะไรก็ไม่รู้อยู่ตรงทางเดิน
“จะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน แล้วเพื่อนซี้เธอไปไหน?” เบี่ยงเบนประเด็นครั้นเห็นอีกฝ่ายเดินมาคนเดียว
“กำลังแว๊นมอ’ไซค์กลับมา เห็นบอกว่าเรียนหนัก พึ่งเลิกตะกี้นี่เอง” สาวน้อยตอบโดยยกนาฬิกาขึ้นมาดูว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ก่อนเดินอ่านสมุดโน้ตด้วยใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“พูดถึงเรื่องเรียน ได้ข่าวว่าเธอสอบตกอีกแล้วนะ อยากเรียนซ้ำชั้นเป็นเด็กโข่งรึไง ห๊ะ?” จู่ ๆ ก็นึกหมั่นไส้ทุกคนในบ้าน พอกลับมาทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนลดความสำคัญยังไงไม่รู้
“เรื่องเก่าใครเขาพูดกัน!
แล้วตอนนี้ไม่ตกแล้วด้วย แถมสอบย่อยยังได้คะแนนท็อปอีกด้วยนะ” เด็กม.ต้นอวดอ้างความเก่งกาจเสร็จก็ยิ้มแฉ่งภาคภูมิใจ
เห็นคนตัวสูงกว่าทำสีหน้าไม่ค่อยจะเชื่อยิ่งทำให้ความขี้โอ่เริ่มบานเป็นต้นเห็ด “นายน้อยควรรู้ไว้นะ ว่าฉันน่ะ...ฉลาดมาก”
“แหม ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย”
ประชดประชันเมื่อเห็นเด็กโง่ทำอวดเบ่งเป็นเด็กฉลาด
“นี่ ๆ เบบี้ไฟว์
ถ้าฉลาดมากก็หัดปฏิเสธคนที่มาขอยืมเงินสักทีสิ
แล้วก็อย่าแอบดอดไปให้ไวโอเล็ตสอนนอกรอบด้วย-ดัสยัน แอบไปเรียนคนเดียว ขี้โกงชะมัด
ฉันเองก็อยากรู้เทคนิคทำข้อสอบเหมือนกันนะ-ดัสยัน” เป็นบัฟฟาโลที่เบรกเพื่อนซี้ได้ทันท่วงทีก่อนจะเลยเถิด
เด็กวัยรุ่นเดินเข้ามาพร้อมจัดทรงผมเมื่อพบว่ามันฟูฟ่องเนื่องจากแรงลมตอนขี่มอ’ไซค์สายซิ่งกลับมาบ้าน
นายน้อยยืนนิ่งอีกครั้ง มองทั้งคู่ทะเลาะกันตลอดย่างก้าวที่เดินขึ้นบันไดตอนขอตัวไปอาบน้ำ อารมณ์ที่ตอนแรกดูเหมือนจะสงบไปแล้ว จู่ ๆ ก็กลับมาถาโถมเข้าใส่ตอนได้ยินแต่ชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง
ทำไมใคร ๆ ถึงเอาแต่สรรเสริญเยินยอเจ้าหญิง ไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้ดูถูกอกถูกใจจนต้องเอามาพูดให้เขาฟัง
จู่ ๆ ก็รู้สึกคล้ายโดนเอาเจ้าหล่อนเข้ามาแทนที่
ความรู้สึกที่ว่าองค์หญิงตกอับเป็นคนทำให้บ้านดูเปลี่ยนไปหลังจากกลับมา
ยังผลให้โดฟลามิงโก้กลับมารู้สึกหงุดหงิดดั่งเดิมหรืออาจจะมากกว่า
แล้วมันยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ตอนมองเห็นร่างสองร่างที่แสนคุ้นตาเดินเคียงคู่กันอยู่ตรงหลังบ้าน
แอบจู๋จี๋ยืนลูบผมลูบหน้ากันไปมาคล้ายโลกนี้มีแค่เราสองคน
‘อะไรวะ!?’ ภาพการพลอดรักของทั้งคู่ฉายชัดอยู่ในโสตประสาท
ขบกรามแน่นเมื่อคิดว่าวันแรกที่เจอกัน
ความไร้เดียงสานั้นคงเป็นเพียงแค่หน้ากากลวงตา แต่แท้จริงแล้วเนื้อในเจ้าตัวช่างกร้านโลก
กระสันวิ่งเข้าใส่ผู้ชายไม่เลือกหน้าจนแอบมาหว่านเสน่ห์ใส่ใคร ๆ ลับหลังเขาแบบนี้
ถ้าไม่มาเห็นคงหลงเชื่อในความใสซื่อนั่นไปอีกนาน
‘นี่เร่ขายตัวอยู่เรอะ!? ถ้าคันมากก็ไปหาคนเกาที่อื่น ที่ไม่ใช่ในบ้านนี้!’ จะไม่หงุดหงิดเลยถ้าเป้าหมายใหม่ของผู้หญิงมักมากไม่ใช่เพื่อนสนิทที่เขาไว้ใจ
สมเพชในความโง่ของตัวเองที่เผลอหลงใหลในความบริสุทธิ์จนพาเจ้าหล่อนเข้ามาอยู่ในบ้าน
ไม่รู้ว่าความคิดด้านลบผุดขึ้นมาตอนไหน
รู้เพียงแต่ว่าเรื่องราวต่อจากนี้จำต้องมีคนมารองรับอารมณ์ รองรับอารมณ์ร้าย ๆ
ที่โดนกักเก็บมาตลอดสองเดือนเต็ม
เพราะใช่...
“ดูท่าฉันกับเธอ
เราคงต้องทำความรู้จักกันใหม่นะ...ไวโอเล็ต”
………………………
เป้าหมายเดินเข้ามาแล้ว
ทั้งคู่เห็นเขา นายน้อยของบ้านยืนกอดอก เฝ้ามองว่าระหว่างเพื่อนหรือผู้หญิงใครจะเป็นฝ่ายพูดก่อนกัน
“เหนื่อยหน่อยนะดอฟฟี่
เรื่องงานเป็นยังไงบ้าง?” ตำรวจเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางคนที่ยืนรออยู่ในบ้านดูนิ่งแปลก ๆ
ก่อนหันมองข้างตัวครั้นมีสาวใช้เข้ามารับของในมือไวโอเล็ตไปเก็บ
“แย่...สมกับฉายาหมาแดง
กัดไม่ยอมปล่อยเลย” คำพูดเขาพูดกับเวอร์โก้แต่สายตาจดจ้องอีกคนไม่วางตา
“เกลียดพวกหมาไม่มีปลอกคอจริง ๆ แรก ๆ
ก็ดูไร้เดียงสาทำดีกับเรา แต่พอลับหลังกับแยกเขี้ยวจ้องจะกัดให้สันหลังเหวอะ”
ไวโอเล็ตขยับตัวอย่างลำบาก รู้ตัวว่ากำลังอยู่ผิดที่ คำพูดของอีกฝ่ายคล้ายตรงดิ่งมาหาเธอ ไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาพูดแบบนั้นทำไม? ไม่รู้ตัวว่าไปทำให้เจ้าของบ้านอารมณ์เสียตอนไหน? เขาถึงเริ่มทำร้ายกันด้วยวาจา
“ถ้าจะหนักหนานะ
นายถึงได้ดูหงุดหงิดแบบนี้ ไม่เห็นเป็นซะนาน”
“ทำนองนั้น... แต่เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ
ว่าแต่ว่าดูนายสนิทกับเจ้าหญิงดีนะ มีเรื่องอะไรดี ๆ งั้นรึ?” โดฟลามิงโก้เปิดประเด็นแล้วแสยะยิ้มร้าย ๆ ตามแบบฉบับ
“ดีไหมก็นับว่าดี ไว้จะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังนะ
พูดง่าย ๆ ตอนนี้ฉันให้ไวโอเล็ตมาช่วยงานที่โรงงานอาหารน่ะ”
“ห๊า!” ไวโอเล็ตมั่นใจว่าได้ยินเสียงปี๊ดของเส้นเลือดที่ข้างขมับตอนคุณเวอร์โก้ตอบคำถาม
แอบมองเห็นว่านิ้วที่กอดอกอยู่เริ่มกดน้ำหนักลงบนต้นแขน “ดีอะไรวะ!?
นายน่าจะรู้ดีว่าเรายอมให้โรงงานนั้นมันปิดตัวไปไม่ได้
ทำไมให้คนไม่ได้เรื่องไปทำ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดหรอก!”
เธอพยายามไม่ใส่ใจคำเหน็บแนมที่อีกฝ่ายสาดเสียเทเสียเข้าใส่
แล้วยืนนิ่งเป็นคนใบ้เมื่อรู้สึกคล้ายโดนสายตาคมทิ่มแทงกะให้ตายอยู่ตรงนี้
“ฉันบอกแล้วไงว่ารายละเอียดไว้คุยกันทีหลัง
ตอนนี้ใกล้ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว นายพึ่งกลับมา ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายดีกว่านะ
แล้วหลังอาหารฉันจะเข้าไปคุย” คนผมดำไม่ได้มีท่าทุกข์ร้อนเพราะมันไม่มีเรื่องให้ต้องคิดแบบนั้น
เขาหันมาหาเธอเพื่อบอกกลาย ๆ ว่าหมดเรื่องคุยแล้วเธอเองก็ต้องไปเหมือนกัน
แล้วเลี่ยงออกจากโถงไปทันทีเมื่อต้องปลีกตัวออกไปรับโทรศัพท์ฉุกเฉิน
สาวน้อยทำท่าจะเดินหลีกแล้วตามอีกคนไป
แต่จู่ ๆ ก็โดนกระชากต้นแขนแล้วดึงให้กลับไปยืนประจันหน้าตรงจุดเดิม
“อย่าพึ่งไป จะรีบไปไหน!
ยืนอยู่ตั้งนานสองนานไม่เห็นพูดอะไร ลืมเอาปากมาเรอะ?”
“เอ่อ เปล่าค่ะ
คุณ...มีอะไรรึเปล่าคะ?” ลังเลในการเลือกคำพูดเพราะสีหน้าของอีกฝ่ายดูน่ากลัวกว่าปกติ ข่มความเจ็บเมื่อแรงบีบที่ต้นแขนดูจะหนักข้อขึ้นยามบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
“มี! อยากให้เธอช่วยหน่อย ตอนนี้รู้แล้วว่าน่าจะเป็นงานถนัดเธอ” ไวโอเล็ตทำหน้าฉงนเมื่อสงสัยว่างานถนัดที่เขาว่าหมายถึงอะไร
“เดียมานเต้บอกว่าคุณพ่อสุดที่รักของเธอจ่ายหนี้ล่าช้า ซึ่งฉันไม่ชอบ
เลยคิดว่าจะฟันลูกสาวมันเล่น ๆ แล้วถ่ายให้มันดูสักหน่อย เธอช่วยเล่นบทขัดขืนอีกทีได้ไหม?
เอาแบบวันนั้นเลยนะ ดูเร้าใจดี”
คำดูถูกร่ายมาเป็นชุด
องค์หญิงหน้าขึ้นสีเลือดด้วยความโมโหครั้นโดนกล่าวหา
ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยอารมณ์โกรธปนเกลียด รีบกระชากแขนออกจากการเกาะกุมแล้วง้างมือตบใบหน้าร้ายทันที
เสียงดังเพียะเรียกสติของเธอให้กลับคืน
ความคิดกระจุยหายเมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิม
ขาดสติยั้งคิดไปชั่ววูบจนส่งผลให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก
“เริ่มได้ดี!” กดเสียงลงต่ำส่งผลให้อีกคนตัวเล็กลงกว่าที่เคยเป็น
สาวเจ้ากำลังจะเอ่ยปากขอโทษแต่จำต้องเปลี่ยนมาขืนตัวเมื่อโดนกระชากข้อมือให้ลอยติดตามเจ้าของแรง
“ถ้าจะไม่รู้ตัวซะแล้วว่าทำอะไรลงไป!”
“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ
ขอโทษจริง ๆ ยกโทษให้ด้วยนะคะ โดฟลามิงโก้” เจ้าหญิงตกใจ
ขอร้องอ้อนวอนเมื่อโดนกึ่งลากกึ่งจูงขึ้นมาชั้นสอง
สีหน้าอีกคนเข้มเครียดคล้ายยักษา คนตัวเล็กกว่าโดนดึงผ่านห้องหับมากมายก่อนจะมาลงเอยที่หน้าประตูห้องของเจ้าของบ้าน
“ออกไปให้หมด! แล้วอย่าให้ใครเข้ามารบกวนฉัน!!!” ลากร่างบางเข้ามาก่อนจะตะโกนไล่พวกเมดที่มาเตรียมน้ำอยู่ในห้อง
สาวน้อยพยายามแงะนิ้วแข็ง ๆ ออกจากข้อมือ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือเมื่อพวกสาวใช้จำต้องเดินผ่านหน้าออกประตูไป
แต่อนิจจาพวกหล่อนไม่สนใจ กลับเดินออกจากห้องเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่ละครในโทรทัศน์ที่ทุกคนได้แต่นั่งดู
ทำให้ตอนนี้ทั้งห้องเหลือแค่เธอกับเขาเพียงเท่านั้น
หลงคิดไม่ทันไร
ทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงไปบนที่นอน
มีโอกาสยันกายขึ้นมานั่งเมื่อพบว่าอีกฝ่ายยืนค้างอยู่ที่ปลายเตียง
“ฉันมีคำถาม?” โดฟลามิงโก้ยืนพูดพลางปลดเข็มขัดต่อหน้าเธอ
ดึงเส้นหนังสีดำออกแล้วจับม้วนไว้ในมือ “เวอร์โก้บอกว่ามันดี
ฉันเลยอยากรู้ว่าแล้วเธอล่ะ โดนผู้ชายคนอื่นกอดแล้วรู้สึกยังไงบ้าง สองเดือนมานี่ให้ใครไปบ้างแล้ว หมดทั้งแฟมิลี่รึยัง?”
ไวโอเล็ตสบตาอีกฝ่ายนิ่ง เธอเข้าใจแล้วทำไมเขาถึงดูโมโหนักตอนที่คุณเวอร์โก้ตอบคำถาม นี่คงกำลังนึกว่าเธอจะมีปัญญาไปหลอกคนอื่นในแฟมิลี่ได้ สาวน้อยถอนหายใจเพียงข้างในแล้วเลือกตอบความจริง
“ฉันกับคุณเวอร์โก้ไม่ได้มีอะไรกัน คุณเข้าใจผิด
แล้วก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าดีหมายถึงอะไร”
“เข้าใจผิด!?” อีกคนยังคงพูดด้วยท่าทางมุ่งร้าย
เริ่มเปลี่ยนมาคลายเนคไทออกเมื่อพบว่ามันเริ่มอึดอัด “คิดว่าไปแอบทำอะไรมาแล้วจะไม่มีคนเห็นรึไง?”
“ทำอะไรหมายถึงอะไร? ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย” ไวโอเล็ตนึกสงสัยว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
แต่ยิ่งคนตรงหน้าแสดงอาการใสซื่อมากเท่าไร ยิ่งกระตุ้นให้ดีกรีความโกรธของอีกคนสูงมากเท่านั้น
“เลิกทำตัวเป็นคนเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้สักที
ของมันก็รู้ ๆ กันอยู่ ต่อให้ซ่อนยังไง ความคันเธอมันก็แสดงออกชัดขนาดนี้
ถ้ายังทำตัวเป็นไม่รู้เรื่อง ฉันจะเล่นพ่อเธอให้ตาย อย่าคิดว่าฉันตามเกมเธอไม่ทันนะ!”
“คุณพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วล่ะค่ะ จู่ ๆ จะหยิบยกเอาเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นมาทำร้ายคุณพ่อได้ยังไง หากเกิดอะไรขึ้นคุณพ่อก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทำตามสัญญาเช่นกัน ประเทศเราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
ลองเชิดหน้ากล่าวคำที่บ่งบอกว่าตัวเธอจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่าง
แม้จะทำหยิ่งผยองแต่ข้างในนั้นแสนกลัว ภาพความรุนแรงในวันวานย้อนกลับมาจนบางครั้งก็กลายเป็นฝันร้าย
หลอกหลอนจนต้องสะดุ้งตื่นอยู่บ่อยครั้งในช่วงกลางดึก
“พวกเธอมันอ่อนแอ
ไม่งั้นราชามันกล้าจะขายลูกไว้ขัดดอกเพื่อเอาตัวรอดเรอะ!
เรื่องแบบนี้มีแต่พวกหมาจนตรอกเท่านั้นแหละที่ทำ!” แสยะยิ้มเมื่อยั่วให้อีกฝ่ายฟิวส์ขาดได้อีกครั้ง
สายตาวาวโรจน์เมื่อเจ้าหญิงหัวแข็งยังกล้าริอาจง้างมือหมายจะตบหน้าเขาอีก
รีบรวบข้อมือไว้ก่อนจะกระชากเจ้าหล่อนให้หันมาสบตา
“ถ้าที่บ้านไม่ได้สอน
ก็แสดงว่าข้างในเธอมันเน่าเอง อ้ามาให้กี่คนแล้วล่ะ?”
“เยอะมาก แต่ละคนก็ดีกว่าคุณทั้งนั้น”
พลาด...คือคำเดียวที่ย้ำเตือนเธออยู่ตอนนี้
พูดจบทั้งร่างก็แทบจมหายไปกับฟูกเมื่อโดนกดทับด้วยน้ำหนักมหาศาล
ขืนตัวดิ้นเมื่อสองมือถูกพันธนาการไว้กับหัวเตียงด้วยเข็มขัดสีดำ เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่จำต้องกลับไปนอนราบแบบเดิมด้วยอำนาจของคนด้านบน
ไวโอเล็ตพรั่นพรึงหวั่นวิตก
เอี้ยวตัวหลบมือเย็น ๆ ที่คว้ามาฉีกทึ้งกระโปรงสีสวยจนท่อนล่างต้องเปลือยเปล่า
สู้หนีบขาเอาไว้แต่พบว่าต้องพ่ายแพ้เมื่อปลีน่องถูกแยกออกแล้วกดแนบไปกับพื้นเตียง ดิ้นอย่างอับจนในโชคชะตาเมื่อได้ยินเพียงเสียงหัวเราะน่ารังเกียจจากปิศาจร้าย
“อยากได้ดี ๆ ก็ไปหาเอาข้างนอกแล้วกัน เพราะต่อจากนี้รับรองได้เลยว่าเธอจะได้แต่เซ็กซ์ซาดิสม์!” หัวใจอยากจะหยุดเต้นเมื่อโดนหมายมาดพร้อมลงทัณฑ์ที่ใจกลางบุปผางาม กัดปากจนห้อเลือดพร้อมรับรู้ว่าเรื่องราวในวันนั้นจะกลับมาอีกครั้ง
ไม่ทันได้เตรียมใจทุกสิ่งก็พรวดพราดเข้ามาจนร่างแทบขาดออกเป็นสอง
“โอ๊ยยย!” กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาประจานความอ่อนแอ
ฝืนทนเมื่อโดนแท่งเหล็กร้อนบดขยี้จนต้องเบือนหน้าหนี
เนื้อเข็มขัดบาดลึกครั้นพยายามดิ้นให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้าย
“จำไว้! อย่ามาอวดดีกับฉันอีก!”
บีบคางให้หันกลับมาสบตา ขยับหนักแน่นคล้ายต้องการตอกย้ำทุกความเจ็บปวด
ไม่มีเล้าโลมให้สุขสมเพราะเขาต้องการสั่งสอนผู้หญิงปากเก่งว่าอย่าริอาจมาอวดดี
“อืออ เจ็บ” คนถูกกระทำครางเบาในลำคอ
สะบัดหน้าซุกวงแขนเพราะไม่ต้องการเห็นว่าอีกคนเคลื่อนไหวอย่างไร นึกท้อแท้ในโชคชะตาเมื่อการถูกย่ำยีกำลังทำร้ายสภาพจิตใจ
“เจ็บก็ร้องออกมา” อีกฝ่ายไม่สนใจ กระแทกกระทั้นไม่หยุดแม้จะสัมผัสถึงความสั่นที่ร่างบางส่งมาให้ เปลี่ยนเป้าหมายมาคลี่ดอกไม้สีสวยให้กว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าความคับแน่นกำลังทำให้เขาเป็นบ้าอีกครั้ง ขบกรามไม่สนใจหยดเลือดที่ไหลแต่งแต้มอยู่ทั้งปลีขาหรือบนผ้าปูเมื่อความอิ่มเอิบมันให้ความรู้สึกที่ดีกว่า พอใจว่าสิ่งที่อัดอั้นมาตลอดช่วงสองเดือนมันกำลังได้รับการเติมเต็ม
“เป็นใบ้อีกแล้วนะ ไหนครางให้ฟังหน่อยสิ”
“…อืออ” สกัดกั้นน้ำเสียงสุดฤทธิ์
ไม่ยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่ายเพราะสุดแสนจะเกลียดชัง แต่ยิ่งทำเป็นดื้อรั้นไม่สนใจ
ยิ่งทำให้อีกฝ่ายลงน้ำหนักมากขึ้นเท่าตัว
สุดท้ายคนพยศจำต้องร้องออกอย่างเจ็บปวดเมื่อร่างกายทนรับการล่วงล้ำอีกต่อไปไม่ไหว
“หึ ๆ อ๊า ดีมาก ...ดี รู้สึกดีจริง ๆ”
………………………
บนโต๊ะอาหารบรรยากาศนั้นดูรื่นเริงน่าอบอุ่น
สมาชิกเกือบทั้งหมดยกเว้นพวกผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปนั่งล้อมวงกินข้าวอย่างครื้นเครง
หัวข้อสนทนาในชีวิตประจำวันถูกร้อยเรียงเล่าต่อเรื่อยเปื่อยแบบไม่ปิดบัง
“…แล้วก็นะ หลังจากนั้น
ฉันก็ปาบอลอัดหน้ามันจนหงายเลยล่ะ สมน้ำหน้า ฮิ ๆ อยากมาล้อว่าเป็นแต๋วดีนัก”
เด็กชายอายุน้อยสุดยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะเหมือนเด็กผู้หญิง
ก่อนเล่าวีรกรรมสุดแสบว่าไปสร้างเรื่องราวอะไรมาให้ทุกคนฟัง
“ดีแล้ว ใครมาดูถูกหรือทำร้ายเราก็ควรต้องเอาคืนให้หนัก พวกไม่เจียมกะลาหัว” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยในความคิดนั้น เพราะจะไม่มีใครยอมให้คนนอกมาเข้ามาทำร้ายตัวเองหรือพวกพ้องฟรี ๆ เป็นอันขาด
โดนทำร้ายแค่สิบแต่จะเอาคืนเป็นร้อย นั่นคือคติประจำใจ
“ว่าแต่นายน้อยกลับมาแล้วไม่ใช่รึ?
ทำไมไม่มากินข้าวด้วย
อยากคุยเรื่องคำสั่งผลิตอาวุธที่ต้องทำเสียหน่อย ล่าช้าเดี๋ยวรัฐบาลจะเอาเรื่องอีก”
กลาดิอุสยกผ้าขึ้นเช็ดปากครั้นมองหาคนที่ตัวเองกำลังพูดถึงไม่เจอ
“นายน้อยน่าจะติดธุระอยู่นะ
บอกว่าห้ามใครไปรบกวน” โมเน่ยกน้ำขึ้นดื่มโดยยังคงสีหน้าสงบนิ่งไม่เสื่อมคลาย
เลือกตอบคล้ายเรื่องนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ไม่ทันคิดว่าทุกคนจะไม่รู้
“แล้วไวโอเล็ตล่ะ? กลับมากับคุณเวอร์โก้ไม่ใช่เหรอ? สองเดือนที่ผ่านมาเห็นปรับตัวดีขึ้น
นี่คิดจะต่อต้านแล้วรึไง?”
“...พวกสาวใช้บอกว่าอยู่กับดอฟฟี่”
ความเงียบเข้าปกคลุม พวกผู้ใหญ่ทุกคนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันที
รู้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเป็นอย่างไร
เพียงแต่ไม่มีใครจี้จุดเปิดประเด็นลึกลงไปก็เท่านั้น เพราะดูถ้าผู้อาศัยใหม่ก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวเหมือนกัน
เสียงช้อนส้อมดังปนกับเสียงคุยของพวกเด็ก ๆ
ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“นี่ ๆ อะไรเหรอ? พูดถึงไวโอเล็ตอยู่เหรอ หนูก็ว่าเจ้าตัวต้องเป็นเจ้าแม่องุ่นแน่เลย
วันก่อนก็ทำทาร์ตองุ่นมาให้กินด้วย อร่อยสุด ๆ เลย ฮิ ๆ” แม้ทุกคนจะรู้ว่าเด็ก ๆ
คุยคนละเรื่องกับตน แต่มันก็ทำให้ความอึมครึมเมื่อกี้หายไปจนหมด
หากเจ้าตัวทำงานได้ดีไม่มีบกพร่องก็ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงเรื่องผู้หญิงจะเอ่ยปากห้ามนายน้อยไม่ได้ แต่ก็นับว่ายังดีกว่าปล่อยให้ไปเล่นกับผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า
ยิ่งเป็นลูกหนี้ที่สอดส่องได้ตลอด
24 ชั่วโมงก็ยิ่งดี ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครคิดปองร้ายคนที่สำคัญที่สุดในแฟมิลี่ได้แน่นอน
“เอ้า กินต่อเถอะ พวกหนู ๆ
ที่น่ารักจะได้รีบเข้านอน ตื่นไปเรียนด้วยสภาพอดนอนแล้วเผลอไปหมัดมวยใส่คนอื่น
เสียเวลาคุณครูแย่ ไม่อยากโดนเรียกพบผู้ปกครองบ่อย ๆ นะ” เสียงหัวเราะดังอยู่รอบโต๊ะเพราะรู้ดีว่าเด็ก ๆ
นั้นแสบสันอยู่มากโข พวกเขาต้องผลัดเปลี่ยนกันบากหน้าไปให้ครูใหญ่เทศนา รายงานพฤติกรรมเกเรของเด็กเถื่อนแบบถึงพริกถึงขิงจนต้องกลับบ้านมาปวดขมองทุกทีไป
………………………
ข้อมือกลายเป็นอิสระแต่ก็อ่อนแรงเกินกว่าจะกระทำการใด ๆ อย่าว่าแต่พยุงกายหนีเลย แค่จะยันตัวไม่ให้ร่างตนต้องหัวทิ่มหัวตำไปกับเตียงยังนับว่ายากเย็น
สาวน้อยนอนคว่ำ ฟุบหน้าลงกับผืนผ้าสีขาวแล้วกำมันเอาไว้แน่น อยากอ้อนวอนต่อพระเจ้าใด ๆ ให้เมตตาช่วยหยุดอสูรคลั่งตนนี้เสียที
เพราะฝันร้ายมันยังไม่จบ เขายังคงไม่หยุด ยังคงเคลื่อนไหวบ้าคลั่งอยู่บนร่างเธอ
ไม่รู้ว่าตอนนี้ผ่านมานานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าโดฟลามิงโก้คิดจะปลดปล่อยใส่เธออีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ
อยากหลับตาแล้วหนีเข้าความฝันแต่ความเจ็บแสบก็ดึงให้ต้องลืมตาเอาไว้ตลอด หวังให้ตรงนั้นมันไร้ประสาทสัมผัสเพราะไม่อยากจดจำว่าของสำคัญกำลังฉีกขาดครั้งแล้วครั้งเล่า อยากหลับสนิทให้เหมือนบรรยากาศแสนมืดมิดข้างนอก ไม่อยากรู้อีกแล้วว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังก้มลงมาฝากฝังร่องรอยเอาไว้ทั่วจนแทบไม่เหลือที่ว่าง
แสงในตาหม่นลงครั้นได้ยินเสียงคำรามต่ำ สัมผัสได้ถึงสายธารแสนร้อนที่ไหลแผดเผาเข้าสู่ร่าง น้ำหนักกดทับเมื่อคนด้านบนทิ้งตัวลงมาส่งลมหายใจหนัก ๆ อยู่ข้างใบหู นอนนิ่งใช้เวลาอยู่เนิ่นนานก่อนจะปรับจังหวะการหายใจให้กลับเป็นปกติ
โดฟลามิงโก้ฝังจมูกลงหอมเรือนผมสีน้ำตาลเมื่อรู้สึกอยากทำแบบนั้น ...ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยทำลายความเงียบ
“หวังว่าออกมาแล้ว ฉันจะไม่เห็นเธอยังนอนอยู่บนเตียง”
กระซิบเสียงเข้มก่อนจะถอนตัวออกแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ไม่วายทิ้งคำประกาศิตให้เจ้าหญิงต้องทำตามก่อนหายลับเข้าไป “...ไปรอฉันที่โต๊ะอาหาร”
ไวโอเล็ตรับรู้แล้ว แต่การฝืนบังคับร่างกายให้แกะตัวออกจากเตียงโง่ ๆ นี้ช่างยากลำบากเหลือเกิน
รู้สึกวิงเวียนข้างในหัว ร้อนรุ่มทั่วทั้งกายคล้ายทุกสิ่งกำลังระเบิดจนหายใจไม่ออก สุดท้ายน้ำตาจำต้องไหลเมื่อทั้งตัวลงไปกองกับพื้นเพราะทรมานกับความระบมที่ทำร้ายตลอดยามขยับ
สะเปะสะปะคว้านหาชิ้นส่วนเสื้อผ้าใด ๆ ก็ได้ที่พอจะบดบังผิวเนื้อ
สัมผัสเข้ากับเสื้อคลุมตัวยาวที่ยังคงสภาพดีอยู่ ก่อนสวมใส่ทับไว้แล้วกลั้นใจปฏิเสธขาที่สั่นเทา
รีบพยุงตัวแล้วพาร่างออกจากห้องไป
ทัศนวิสัยเป็นสีขาว
บอกตามตรงว่าตัวเธอนั้นมองไม่เห็นทางข้างหน้าแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่พอนำทางคือความเย็นจากกำแพงที่มือบางใช้พยุงทั้งร่างไว้ไม่ให้ร่วงลงไปกองกับพื้น
อีกนิดเดียวก็จะถึงประตูห้องเธอแล้ว
ผละมือมากุมทั้งหน้าผากและหน้าอกไว้เมื่อตัวเองเริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
ทั้งที่ลูกบิดนั้นอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าได้
ไอความร้อนพุ่งทะลุขึ้นจนแทบหลอมละลาย
ก่อนจะรับรู้ว่าโลกที่เคยตั้งตรงนั้นพลิกกลับเป็นแนวนอน
ไม่รับรู้สิ่งใด
ก่อนสติทั้งหมดจะล่องลอย ปลิวหายไปพร้อมกับจิตใจที่ใครก็ไม่สามารถเติมเต็มให้กลับมาเป็นดั่งเดิมได้อีก ...เป็นครั้งที่สอง
─────── Talk
with write ( ̄▽ ̄)ノ ───────
การข่มขืนและใช้ความรุนแรง
มีบทลงโทษตามกฎหมาย
รบกวนอย่าลอกเลียนแบบค่ะ
และการใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา
ผลลัพธ์ที่ได้มันหนักนะ
เวลาทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ก็อยากจะให้ลองใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คุยกัน
เพราะสิ่งที่ทำไปแล้วมันเรียกย้อนกลับมาไม่ได้
สุดท้ายก็...โชคดีนะ
มิงโก้ ทำไปขนาดนี้ จะง้อเขามันก็จะยาก ๆ หน่อย
ปล.
มาอัพให้อ่านแบบเต็ม ๆ เลยจ้า ทุกคนจะได้รับรู้ความร้ายของโดฟลามิงโก้กันไปแบบจุใจ
แต่คนเขียนก็ยังยืนยันคำเดิมนะ ความรุนแรงมันไม่ดี อย่าทำครับ!
ความคิดเห็น