NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END; ONE PIECE - a million ways to fall in love with you | Doflamingo x Violet/Viola

    ลำดับตอนที่ #8 : I see you (ซ้อนทับภายในความมืดมิด)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      100
      12 ก.ค. 63




    ตอนที่ 6: I see you

    (ซ้อนทับภายในความมืดมิด)






    บนโต๊ะอาหารมีเขาอยู่คนเดียว กำลังละเมียดละไมหั่นชิ้นเนื้อเข้าปากคล้ายงานวิจิตร ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปาก นั่งนิ่งฟังเสียงการเคลื่อนไหวของบรรดาคนใช้ที่เดินบริการอยู่ทั่วห้องอาหารคล้ายเสียงเหล่านั้นคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงหนึ่งเดียว


    ดึกมากแล้วตอนที่โดฟลามิงโก้เคลื่อนตัวลงมาถึงชั้นล่าง บรรยากาศในบ้านนิ่งสงบเพราะสังคมใต้ดินมักจะใช้ชีวิตในช่วงกลางคืน


    ทุกคนไม่อยู่ คงจะออกไปทำงานหรือสังสรรค์กันตามประสา แล้วกลับบ้านมาพบหน้ากันอีกครั้งในช่วงสายของอีกวัน จะมีละเว้นก็แต่พวกเด็ก ๆ วัยกำลังโตที่ต้องไปเรียนหนังสือ เขาเป็นคนออกคำสั่งให้เด็กทุกคนเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามแต่ใจปรารถนา แต่ต้องจบออกมาโดยที่สมองไม่กลวง เพราะชายหนุ่มรู้สึกว่าความเขลานั่นเป็นเรื่องน่ากลัว โลกสมัยนี้เปลี่ยนแปลงไว หากโง่ดักดานอยู่กับที่รังแต่จะเป็นผู้แพ้ไปตลอดกาล


    ซึ่งเขายอมรับข้อนั้นไม่ได้


    นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถ่วงเวลาเฝ้ารอว่าเมื่อใด คนที่อยู่ในห้วงคำนึงจะโผล่ลงมาตามคำสั่งเสียที แต่จนแล้วจนรอดก็ไร้วี่แววของเจ้าหล่อน อารมณ์เริ่มไม่คงที่เมื่อรู้สึกว่าแม่ตัวดีกำลังทำให้เขาขัดใจ มือหนากำมีดหั่นสเต๊กแน่นก่อนจะทิ่มลงบนจานอย่างแรงจนได้ยินเสียงแตกเพล้งของกระเบื้อง บรรดาคนใช้ในละแวกตกใจ หุนหันรีบเข้ามาเปลี่ยนภาชนะใบใหม่ พร้อมจัดวางอาหารทุกอย่างเหมือนเดิมประหนึ่งจานใบก่อนหน้าไม่เคยแตกพ่าย


    ทุกคนเริ่มเหงื่อตกเมื่อทราบว่านายน้อยของบ้านกำลังอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว


    โดฟลามิงโก้กำลังหงุดหงิด เขารู้ตัวว่าสิ่งที่ทำลงไปมันรุนแรงขนาดไหน แกล้งพูดให้องค์หญิงเจ็บช้ำน้ำใจเล่น ๆ เพียงเพราะอยากให้เธอเชื่อฟัง รู้ดีว่าเจ้าหล่อนไม่มีทางเคลื่อนไหวออกจากเตียงได้ เพราะไม่มีใครขยับตัวหลังทนรับอารมณ์ดิบของเขาได้แน่นอน


    แต่ท้ายสุดมันกลับไม่เป็นแบบนั้น พอก้าวขาพ้นประตูห้องน้ำกลับไม่พบร่างของเด็กสาว เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยความป่าเถื่อนที่กระจายอยู่เต็มเตียงโดยน้ำมือเขา


    หล่อนออกไปแล้ว ออกไปทั้งในสภาพนั้น


    อวดเก่ง!” ขบฟันพูดย้ำเตือนความหัวรั้นของหญิงสาว ดู ๆ แล้วให้รอต่อไปก็คงไร้ความหมาย ทำท่าจะลุกขึ้นไปหาเพื่อพูดจาถากถางให้พอใจ แม้ข้างในจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลยก็ตาม


    ยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนมุ่งหน้าขึ้นข้างบน แต่จำต้องชะงักตอนได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องบาง


    มีอะไร?”


    [มิสเตอร์โดฟลามิงโก้...คะ คือว่า เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ จู่ ๆ พวกตำรวจก็มากันที่ผับเยอะแยะเลย พวกมันอ้างว่ามีหมายค้น ตอนนี้เลยกำลังตรวจผับของคุณยกใหญ่ พวกตำรวจบอกว่าได้เบาะแสมาว่าที่นี่แอบลักลอบค้ายาเสพติด เลยจะขอดำเนินการตามกฏหมายน่ะ!]


    ห๊ายาเสพติด พวกมันได้รับอนุมัติจากไหน!? แล้วแกขายที่นั่นเรอะ!?”


    [ขะ ขายครับ]


    ปัญญาอ่อนฉันบอกแล้วไงว่าอย่าขายที่นั่นใช้สมองส่วนไหนคิดวะ


    [จะ...จะให้ทำยังไงดีครับตอนนี้วุ่นวายกันใหญ่แล้ว]


    ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นมากุมขมับด้วยความหัวเสีย คิดผิดมากที่ให้ดิสโก้เป็นผู้จัดการผับแทนเพราะตนไม่ว่างไปดูแล มาเฟียหนุ่มถอนหายใจ กรอกเสียงสั่งให้อีกฝ่ายหัดทำอะไรที่มีประโยชน์บ้าง ไม่ใช่สักแต่หาเรื่อง


    ยื้อไว้ก่อนเดี๋ยวฉันรีบไป” กดตัดสายทิ้ง เขายืนสงบสติอารมณ์สักพักก่อนหันมองขึ้นไปชั้นบน กลั้นใจปล่อยอีกคนไว้ก่อนแล้วตัดสินใจคว้ากุญแจรถซุปเปอร์คาร์ที่แรงที่สุด ก่อนเหยียบคันเร่งออกจากบ้านด้วยอัตรากิโลเมตรที่ทำได้เฉพาะช่วงเวลาดึกดื่นเท่านั้น


     



    ………………………




     

    เพดานสีขาว คือภาพที่เห็นเป็นอย่างแรกครั้นลืมตาตื่น ใช้เวลาสักระยะจนสามารถปรับสมดุลของทัศนวิสัยให้ชัดเจน ลมหายใจช่างหนักหน่วงตอนบังคับกายให้สูดลมเข้าออก เธอรู้สึกอ่อนเพลียจนถึงกระดูก จึงทำได้แค่หันคอมองสิ่งที่อยู่รอบตัวเท่านั้น


    ที่นี่ไม่ใช่แหล่งพักพิงของครอบครัวมาเฟีย แต่เป็นห้องสี่เหลี่ยมฉาบกำแพงด้วยสีขาวสะอาดตา หน้าต่างตรงขวามือถูกเปิดลมรับเมื่อพบว่าด้านนอกช่างอากาศดี เลื่อนสายตามองด้านซ้ายก็พบสายน้ำเกลือกำลังยืนตระหง่านจุมพิตเข้ากับแขนซ้าย รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้เธออยู่ในโรงพยาบาล


    หันกลับมามองเพดานอีกครั้ง ไร้ซึ่งความทรงจำว่าเหตุใดเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?


    ตื่นแล้วเหรอหิวไหมฉันจะได้บอกพยาบาลให้” เสียงทุ้มเรียกให้ไวโอเล็ตตื่นจากความฝัน อาการเหม่อลอยทำให้เธอไม่รับรู้ว่ามีใครเปิดประตูเข้ามายืนอยู่ในห้องตั้งนานสองนานแล้ว สาวน้อยหันมองก็พบว่าคนที่เข้ามาคือบุรุษที่ชอบสรรหาของพิสดารมาติดอยู่ที่ข้างแก้ม


    ค่ะ” เธอตอบเพียงแค่นั้น แล้วทำท่าจะลุกขึ้นนั่งเพราะตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว


    ไม่ต้องลุกหรอก นอนเฉย ๆ เถอะ หมอบอกว่าช่วงนี้ไม่ควรขยับตัวมาก” คนป่วยนึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจ เพราะตั้งแต่ฟื้นคืนสติก็รู้สึกเจ็บคล้ายมีมีดบาดที่กึ่งกลางร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องถลกเสื้อขึ้นก็แน่ใจว่าคงจะเต็มไปด้วยร่องรอยน่าอดสู ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันไว้ด้วยแถบผ้าสีขาว บดบังแผลจากหนังสัตว์ร้ายที่เคยมัดตรึงกัดผิวลึก


    ฉันมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”


    ฉันเห็นเธอนอนหมดสติอยู่ตรงหน้าประตู ไข้ขึ้นสูงมาก 39 องศาแหนะ แถมมี...เอ่อ ช่างเถอะ เลยถือวิสาสะพามาโรงบาลน่ะ” ละสิ่งต่อจากนั้นไว้ ไม่กล้าพูดคำว่าเลือดครั้นกลัวมันจะทิ่มแทงจิตใจอีกฝ่าย


    งั้นเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ” บทสนทนาถูกว่างเว้น เวอร์โก้สัมผัสได้ถึงอาการเหม่อลอยที่มีมากกว่าปกติ ทั้งยังสายตาที่ส่งมายามพูดคุยก็ดูไร้ซึ่งแสงสว่าง


    ฉันไปคุยกับหมอมาแล้วนะ เขาบอกว่าต้องเฝ้าดูอาการอีกสองสามวัน ระหว่างนี้ก็อย่าพึ่งเคลื่อนไหวอะไรมาก กินยาให้ตรงเวลา หากรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวสามารถขอยาแก้ปวดจากพยาบาลได้” ไม่มีการตอบสนอง คนป่วยละสายตามองกำแพงคล้ายมันมีสิ่งดึงดูดอยู่ตรงนั้น “คงจะยังเหนื่อย ๆ เธอนอนพักต่อเถอะ ฉันจะกลับไปที่บ้านก่อน แล้วจะให้คนเอาของใช้ส่วนตัวมาให้นะ


    แล้วเรื่องงาน?” ไวโอเล็ตหันกลับมาถามทันที ไม่ลืมความบกพร่องในหน้าที่ เธอไม่อยากพบเจอสถานการณ์เลวร้ายหากทำอะไรผิดพลาด


    นอนพักผ่อนบังคับให้ใช้สิทธิ์ลาป่วย 30 วัน... ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องงานเราจัดการไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่รอผลสรุปไตรมาสที่ 3 ก็พอ” เดินเข้าใกล้เพราะเห็นอีกคนยังไม่ยอมรับ พยายามยกมือขึ้นมาลูบผมเพื่อบ่งบอกให้เธอไว้วางใจ แต่คุณตำรวจจำต้องยั้งไว้เมื่ออีกฝ่ายผละตัวหลบคล้ายหวาดระแวง


    งั้นฉันไปก่อนนะ ไว้จะบอกทุกคนในบ้านให้ว่าเธออยู่โรงบาล


    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่บอกว่าฉันทำงานหนักเลยต้องค้างที่โรงงานก็พอ ไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวาย...ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ไม่ได้ประชดประชัน เธอเพียงแค่ตอบเพื่อให้เรื่องมันเงียบลงเท่านั้น จะได้ใช้ช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาลปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้กลับเป็นเหมือนเดิม ...เพราะเธอยังมีหนี้ที่ต้องใช้อีกเยอะ


    งั้นฉันกลับก่อนนะ ต้องการอะไรก็โทร...อ่า ไว้จะแวะมาเยี่ยมนะ


    ฉันอยู่ได้ค่ะ ไม่เป็นไรจริง ๆ ช่วยเรียกคุณหมอให้หน่อยได้ไหมคะ?” พูดเสียงเบาเมื่อรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง เธอยังนอนตอนนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องทานยาบางอย่างแบบเร่งด่วน ถึงแม้ฤทธิ์ยาอาจจะส่งผลข้างเคียงแต่ปล่อยเอาไว้เฉย ๆ มีแต่จะสายเกินแก้ ตอนนี้ยังเช้าอยู่นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายที่ผ่านมาไม่เกิน 24 ชั่วโมง


    เธอคงต้องรีบทานยาคุมฉุกเฉิน


    นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ต้องกินยาแบบนี้ เฝ้าบอกกับตัวเองว่าจากนี้ไป คงต้องทานแบบประจำเพื่อป้องกันตัวเอง


    เวอร์โก้พยักหน้า ไม่ทราบเหตุผลที่สาวน้อยเรียกหาคุณหมอในเวลานี้ ก่อนจะหันตัวออกจากห้องไปด้วยย่างก้าวที่แผ่วเบาไม่น้อยหน้ากัน


     



    ………………………



     


    เสียงกระแทกประตูรถดังปังบ่งบอกถึงสภาพอารมณ์เจ้าของได้เป็นอย่างดี โดฟลามิงโก้เดินล้วงกระเป๋าเข้าบ้านอย่างงุ่นง่านเมื่อคิดว่าตัวเองอดนอนอีกแล้ว


    เมื่อคืนกว่าจะเคลียร์ปัญหาทุกอย่างกับพวกตำรวจได้เล่นเอาเสียน้ำลายไปเยอะ ทั้งหว่านล้อม ใช้เล่ห์กลเพทุบายหรือโทรไปขู่พวกยศสูง จนพวกหน้าใหม่แสนดีมีศีลธรรมต้องหน้าซีดครั้นพบว่าตัวเองนั่นแหละ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ...เรื่องอะไรจะยอมให้โดนจับแล้วตกเป็นข่าว ถ้าเป็นอย่างนั้น...เขารับรองได้เลยว่าจะเรียกเงินใต้โต๊ะที่ทุ่มไปทั้งหมดคืนอย่างสาสม


    รับเงินไปแล้ว ก็หัดคุมลูกหมาของตัวเองหน่อยสิวะหรืออยากจะเล่นกับฉันจะได้ส่งเหล่าลูกน้องไปเล่นไล่จับกับครอบครัวพวกแกก่อนเลย เอาแบบนั้นดีไหม!?’ เป็นบทสนทนาที่เขากรอกพูดใส่โทรศัพท์ ก่อนหน้าที่พวกมือใหม่จะยกเลิกการตรวจค้นแล้วถอนกำลังออกไป


    หลังจากสถานการณ์กลับสู่ความสงบ เจ้าพ่อกิจการมืดก็ไม่เว้นไล่ดิสโก้ออกทันที สั่งให้ลูกน้องกระทืบมันให้หายหงุดหงิด แล้วจับโยนออกนอกร้านพร้อมหนี้ก้อนโต้เป็นค่าเสียเวลาที่ต้องให้เขามาคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องระยำไร้สาระ ก่อนจะปล่อยมันไปตามยถากรรมพร้อมกำชับว่าอย่าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่งั้นมันได้ไปจบลงที่ร้านขายทาสแน่


    เป็นเวลาเกือบ 7 โมงเช้าได้ ที่ชายหนุ่มต้องทนใจเย็นขับรถกลับบ้านในช่วงเวลารถติดนรกแตก เหยียบเบรกบ่อยกว่าเหยียบคันเร่ง รีบเดินอาด ๆ ผ่านห้องอาหารเมื่อพบว่าตัวเองอยากนอนมากกว่าหาอะไรยัดปาก


    ขายาวจำเป็นต้องหยุดชะงัก ครั้นเหลือบมองด้วยหางตาไม่พบร่างของใครบางคน


    นายน้อยกลับซะสายเชียว เมื่อคืนหนักเหรอ-อิน?”


    ไวโอเล็ตล่ะ?” เผลอตัวถามทันทีเมื่อไม่มีสติพอจะควบคุมอารมณ์


    ถ้าไม่ออกไปแต่เช้า ก็น่าจะยังนอนอยู่...พึ่งเห็นเวอร์โก้กลับเข้ามาแล้วขึ้นไปหาที่ชั้นสองเมื่อกี้นี้เอง-จี แปลกแหะ ปกติยัยหนูตื่นเช้าทุกวันนะ


    ก็ต้องมีบ้างแหละ-ดัสยัน ฉันยังขี้เกียจตื่นไปเรียนเลยยย” ได้ยินเสียงทุกคนเอ่ยแซวบัฟฟาโลว่าจะทำตัวใกล้เคียงความหมายชื่อเข้าไปทุกที แต่โดฟลามิงโก้ไม่สนใจ ผละตัวออกจากวงสนทนาแล้วขึ้นตรงไปยังห้องเป้าหมายทันที


    ยิ่งเดินเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ คล้ายกลัวตัวเองจะได้รับรู้ความจริงอะไรบางอย่าง


     

    ที่สุดทางเดินเขาเห็นชายผมดำยืนหันหลังรออยู่หน้าห้องนอนของเชื้อพระวงศ์ เห็นหนึ่งในคนสนิทที่สามารถเรียกชื่อเล่นเขาได้แบบไม่ตะขิดตะขวง เบนหน้าหันมามองยามเขาก้าวเดินเข้าไปหา


    อรุณสวัสดิ์ดอฟฟี่ วันนี้ตื่นเช้าจังนะ” ชายหนุ่มเอ่ยทักตามปกติ แล้วหันกลับไปอ่านข้อความในมือถือเหมือนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจิตใจกำลังยุ่งเหยิง


    นายมายืนทำอะไรตรงนี้?”


    มาเอาของน่ะ


    ของอะไร?”


    ของใช้ส่วนตัวเจ้าหญิง ฝากสาวใช้ให้เข้าไปหยิบมาให้หน่อย


    เอาไปทำไมยัยนั่นอยู่ไหน!?” รู้สึกขัดใจในตัวเพื่อนแบบที่ไม่ได้เป็นมาเสียนาน เมื่ออีกฝ่ายทำเหมือนไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เกือบจะผลักประตูห้องแล้วเดินเข้าไปพิสูจน์ความจริง แต่ต้องยั้งสติไว้ก่อนเมื่อเวอร์โก้เอ่ยพูดออกมา


    “...อยู่โรงพยาบาล แอดมิดเข้าตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว


    “…...” ไม่มีคำใด ๆ หลุดจากปาก


    ไข้ขึ้นสูงมาก เรียกยังไงก็ไม่รู้สึกตัว เลยตัดสินใจพาไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าถ้ามาช้ากว่านี้พิษไข้อาจจะทำให้ช็อกได้ ดีนะที่พาไปทัน...


    หมอเขาเกือบจะแจ้งความเลยนะ บอกว่าร่างกายคนไข้ถูกกระทำชำเรามา อวัยวะเพศฉีกขาด แถมมีรอยช้ำตามตัว ดีที่คนพาไปคือฉัน เลยแกล้งรับเรื่องเอาไว้ก่อน หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าจะโดนถามอะไรซอกแซก โชคดีที่รอดตัวไป” เวอร์โก้ยังคงพูดไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง หันกลับไปมองประตูห้องเมื่อคนใช้เปิดประตูออกมาพร้อมกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยของใช้จำเป็น


    ไว้เดี๋ยวฉันบอกทุกคนเองว่าไวโอเล็ตอยู่โรงบาล เพื่อใครว่างก็อยากให้ไปเฝ้าหน่อย ช่วงนี้แพทย์เจ้าของไข้บอกให้ระวังเรื่องสุขภาพจิตเอาไว้ด้วย ไม่ควรปล่อยให้อยู่คนเดียว... ดอฟฟี่เป็นอะไรรึเปล่า?” เวอร์โก้เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นคู่สนทนายืนนิ่งเหมือนคนลืมวิธีเปล่งเสียง นึกเป็นห่วงจากใจจริงว่าเจ้าตัวกำลังเพลียเพราะมีปัญหาเข้ามาถาโถมจนพักผ่อนไม่เพียงพอ


    “…แค่นอนน้อยน่ะ


    งั้นก็พักผ่อนเถอะ ที่เหลือปล่อยให้คนอื่นจัดการ เมื่อวานโมเน่เล่าปัญหาทุกอย่างให้ฟังหมดแล้ว คงไม่นานหรอกที่ทุกอย่างจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม วางใจเถอะ” อีกฝ่ายใช้มือข้างที่ว่างตบลงเบา ๆ ที่บ่าของคนสูงกว่าแล้วเดินสวนไกลออกไป ก่อนจะหันกลับมาเพราะเจ้าตัวดันลืมพูดไปอีกเรื่อง


    อ๋อ ถ้านายตื่นแล้วก็โทรหาฉันหน่อยนะ ว่าจะคุยเรื่องรายละเอียดโรงงานแปรรูปอาหารที่บอกไปเมื่อวาน ...ฉันไปล่ะ


    อีกฝ่ายจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงความเงียบที่กัดกินความคิดทิ้งให้ทั้งร่างตกอยู่ในภวังค์ เคยปรามาสใครคนหนึ่งว่าลืมเอาปากมาจนเป็นใบ้ แต่หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็อยากจะปรามาสตัวเองเสียเหลือเกินว่าเขานี่แหละเป็นใบ้หนักกว่าเธออีก


    เดินเสยผมอย่างเอื่อยเฉื่อย เพราะความรู้สึกมันกำลังตีกันมั่วซั่วอยู่ข้างในหัว ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง โกรธ หงุดหงิด เฉยชา หรือกำลังไม่มีความสุข


    แต่ไม่มีความสุขเพราะอะไรล่ะตอนนี้เขาเองก็ไม่เข้าใจ


    ทิ้งตัวลงนอนทันทีหลังยืนใช้น้ำเย็นรดหัวอยู่เป็นนานสองนาน พลิกมองรอบเตียงก็พบว่าทุกอย่างถูกเปลี่ยนใหม่ ตอนนี้มันไม่หลงเหลือคราบคาวใด ๆ ที่จะประจานความรู้สึกผิดที่เด่นชัดอยู่ในหัว ตอนนี้โดฟลามิงโก้มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังรู้สึกผิด ทั้งที่ใช้ชีวิตในด้านมืดมาจนถึงป่านนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาได้


    เฝ้าคิดอยู่เป็นนานจนท้ายที่สุดก็ถูกความอ่อนล้ากับความเงียบจูงมือเปิดประตูเข้าสู่ห้วงนิทราไปแบบไม่รู้ตัว



     

    ในนั้นเขาเห็นหิมะ กำลังล่องลอย ร่วงโรยสะท้อนแสงอาทิตย์สีอ่อนคล้ายความฝัน


    ในฝันมีแสงอาทิตย์ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นยามชูมือไขว่คว้าไอแดด


    รู้สึกหนาวสั่น มองเห็นก้อนลมที่แปรเปลี่ยนเป็นควันสีขาวลอยตรงหน้ายามปล่อยลมหายใจเข้าออกทางลำคอ


    เหนื่อย ทำไมต้องก้าวเดินไปบนหิมะที่กำลังฉุดรั้ง แช่แข็งทุกการเคลื่อนไหว


    หิมะทับถม ละลายบนผิวหนังกดตรึงสองเท้าให้หยุดนิ่งอยู่กับที่


    หยุดนิ่งอยู่กับที่


    ไม่...ไม่อยากอยู่กับที่ ทำไมถึงรู้สึกอยากหนีจากที่ตรงนี้?


    ทำไม...ถึงอยากหนี


     

    ทำไม...ถึงมาอยู่ที่นี่?

     

     

    ก้มมองพื้นก็พบว่ามันไม่ใช่หิมะ


    สิ่งที่ถ่วงขาสองข้างไว้ไม่ใช่หิมะ แม้มันจะมีสภาพเป็นของเหลวเหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่หิมะ


    หิมะ...ไม่มีทางเป็นสีแดงฉาน สิ่งที่กำลังยึดเขาไว้ไม่ใช่หิมะ


    ทำไมถึงไม่เป็นหิมะ?


    ...ทำไมอะไร?



    นี่ตัวเขา...กำลังเดินผ่านอะไรอยู่!?


     

    ‘…ลูกต้องเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตใหม่


    ชีวิตอะไรกัน!?’


    เริ่มหนึ่งกันใหม่


    ‘...ลูกดูดีมากเลยจ๊ะ


    ‘...พ่อขอโทษ


    พี่อย่าาาา


    อย่าาา


    ‘...อย่าทำแบบนี้ 


     

    ฉันขอโทษ



     

    !!!” สะดุ้งตื่นจากความฝัน โดฟลามิงโก้เด้งตัวลุกขึ้นทันทีเมื่อพบว่าตัวเองกำลังฝันร้าย เหงื่อกาฬไหลอาบชุ่มทั้งร่าง นั่งหอบหายใจกุมขมับแน่นครั้นไม่สามารถฝืนบังคับจังหวะร่างกายให้กลับมาเป็นปกติได้ในทันที ภาพจากห้วงความฝันบีบหัวใจให้เต้นระส่ำจนต้องกัดฟัน


    จำต้องปล่อยให้เวลาผ่านไป ปล่อยให้เข็มนาฬิกาปัดอาการฝันร้ายออกให้หมดสิ้นแล้วกลับไปเป็นนักธุรกิจสีดำคนเดิม เอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงก่อนกดดูเวลา


    หกโมงเย็นแล้ว ปกติชายหนุ่มจะนอนวันละ 6 ชั่วโมงแต่นี่ปาไปตั้งสิบ ชักสงสัยแล้วว่าตนเองนั้นท่าจะเพลียหนัก ลูบหน้าไล่ความอ่อนล้าเพราะดันเผลอนอนช่วงตะวันทับตา ก่อนลุกขึ้นยืนต่อสายหาใครคนหนึ่ง


    คะ นายน้อย?”


    วันนี้ทุกคนมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”


    ไม่มีค่ะ ทุกอย่างราบรื่นดี กลาดิอุสบอกว่าอยากคุยกับนายน้อยเรื่องคำสั่งของรัฐบาล


    อืม พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท ให้กลาดิอุสไปเจอฉันที่นั่น” กดตัดสายทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายรับคำ ดูท่าเขาจะเสียเวลาไปมากแล้ว ต้องรีบจัดการทุกอย่างให้มันจบ  ๆ จะได้มีเวลาให้กับตัวเองสักที


                เจ้าของบริษัทยืนถอนหายใจมองทัศนียภาพยามเย็นนอกหน้าต่าง ภาพตะวันยอแสงช่างคล้ายคลึงกับในความฝัน ความฝันที่แทบจะลืมเลือนยามไม่ได้นึกถึงมานานนับสิบปี ภาพอดีตที่พยายามกลบฝังไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ปิดเอาไว้แน่นหนาไม่ยอมให้ส่วนใดย่างกรายออกมา


    แต่มันก็โผล่มาอีกครั้ง และคราวนี้ความฝันนั้นเปลี่ยนไป ไม่ใช่ภาพหนังม้วนเดิมที่ฉายซ้ำวนไปวนมา แต่เป็นหนังม้วนใหม่ที่ใช้อดีตของเขาซ้อนทับลงบนเสียงของใครบางคน เสียงที่ตอนนี้ก็ยังดังก้องอยู่ในหู


    ในความฝัน... เขาได้ยินเสียงของเธอ กรีดร้องทรมานบาดลึกลงจิตใจ


    เผลอกำโทรศัพท์แน่น เมื่อความรู้สึกกำลังหวั่นไหว จำต้องยกหูกดโทรหาใครอีกคนในทันทีเมื่อจิตใจสุดแสนจะยุ่งเหยิง


    นี่ฉันเอง...


     

    ตอนนี้นายอยู่ไหน?”

     




     

    ─────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ ───────


    เด็กมีปัญหา ช่วยไม่ได้เลยเธอ

    ปล่อยไปต้องเผลอ เผลอ เผลอ เที่ยวไปรักใคร ๆ

    ก็เลยต้องหา คนมาคอยควบคุมใจ

    เป็นเธอได้ไหม ช่วยมารัก รักกัน (ก็จะดี)


    ไม่มีอะไรแค่ร้องเพลงแซวเฉย ๆ

    ชื่อตอน I see you คนแต่งเล่นคำให้แปลได้สองความหมายนะคะ

    หนึ่งคือ เห็นเธอ แต่เห็นในไหนกันนะ?

    สองก็คือ ICU ห้องผู้ป่วยหนัก (นางเอกของเราต้องเข้าโรง'บาลเลยนะ ไม่น่าเลย กระซิก ๆ) 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×