ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    sf/os serendipity | nct lumark

    ลำดับตอนที่ #35 : #fictober ( 1 3 ) wolf

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 773
      79
      15 ต.ค. 62

    #fictober2019

    Drabble fiction

    Pairing lucas & marklee

    Rate PG

     

    no. 13 (wolf)

     

     

     

    ผู้คนมากมายกำลังเดินสวนกันไปมาอย่างอลม่านภายในตึกสีขาวแห่งนี้เฉกเช่นทุกวัน ร่างสมส่วนที่กำลังเดินอ่านชาร์ตข้อมูลอะไรบางอย่างส่งยิ้มบาง ๆ พร้อมกับผงกหัวเชิงทักทายให้กับเจ้าหน้าที่ในแผนกอย่างคุ้นเคย

     

              วันนี้มินฮยองโดนเบื้องบนเรียกพบตัวโดยด่วนนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรีบขับรถกลับมายังสถาบันทั้ง ๆ ที่ตนเพิ่งกลับไปนอนได้เพียงแค่ 2ชั่วโมงเท่านั้น เขามุ่งหน้าไปยังโซนบัญชาการชั้นบนสุดของตึกและสแกนบัตรพร้อมกับม่านตาเพื่อยืนยันตัวตน และเมื่อมินฮยองเดินเข้าไปก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับบุคคลต่าง ๆ นอกเหนือคนในองค์กรร่วมไปถึงรัฐบาลที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่

     

              อ้าว ดร.อี มาแล้วหรอนั่งสิคิมซอกมินที่เป็นผอ.ของสถาบันวิจัยแห่งนี้พูดพลางผายมือไปยังเก้าอี้ว่าง

     

              สวัสดีครับท่านแล้วก็สวัสดีครับทุก ๆ คน

     

              คุณมาก็ดีเลย เรากำลังคุยเรื่องที่อยากจะให้คุณช่วยอยู่พอดี

     

              คิมซอกมินพูดขึ้นมาก่อนจะหยิบเอกสารอะไรบางอย่างให้กับนักวิจัยคนเก่งของสถาบันอ่าน ซึ่งมินฮยองก็หยิบมันมาอ่านโดยไม่อิดออด ดวงตาสีสวยอ่านเอกสารอยู่ในมืออย่างละเอียดก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นข้อมูลสำคัญของเอกสารฉบับนี้

     

              ผมรู้ว่ามันค่อนข้างเหลือเชื่อ ซอกมินพูดพลางเอามือมาประสานเอาไว้ตรงคาง แต่ผมคิดว่าสถาบันของเรามีแค่คุณเพียงคนเดียวที่จะช่วยผมและท่านที่เหลือในห้องนี้ได้

     

              ผม…”

     

              ผมคิดว่าคุณน่าจะศึกษาสปีชี่ส์ที่เกี่ยวกับสัตว์จำพวกนี้มาพอสมควร

     

              แต่ผมไม่มั่นใจมินฮยองแย้งเจ้านายของตนด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง

     

              แต่ผมไว้ใจแค่คุณเท่านั้น แล้วโปรเจกต์นี้ต้องเป็นคุณเท่านั้นที่จะทำให้ผมได้

     

              “…”

     

              ดร.อี ผมเชื่อว่าคุณจะศึกษาและหาคำตอบเขาให้พวกเราได้

     

              “…ครับ ผมจะลองดู

     

              ดีซอกมินยิ้มออกมาเมื่อนักวิจัยคนเก่งตอบตกลงที่จะวิจัยนี้ แต่ผมขอให้คุณปิดมันเป็นความลับและศึกษาเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด คุณต้องการงบประมาณเท่าไหร่หรือต้องการอะไรก็แจ้งกับผมโดยตรงเลย เข้าใจไหม

     

              ครับ

     

              ขอบคุณมาก ๆ ถึงมันจะค่อนข้างเหลือเชื่อก็จริงแต่ไม่ใช่ว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด อีกอย่างถ้าเป็นอย่างที่พวกเราคิดจริง ๆ เขา จะมีมูลค่ามหาศาลต่อประเทศเราแน่นอน

     

              ครับ ผมจะทำอย่างเต็มที่ครับ

     

    มินฮยองโค้งให้คนที่อยู่ในห้องก่อนจะลงลิฟต์เฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อลงไปชั้นใต้ดินที่มีห้องทดลองลับซ่อนเอาไว้อยู่เพื่อไม่ให้คนทั่วไปรับรู้ถึงเรื่องที่ลับเฉพาะของสถานบันและองค์กรต่าง ๆ 

     

    ห้องทดลองลับชั้นใต้ดินที่มี เขา อยู่ในนั้น

     

    เมื่อนักวิจัยคนเก่งลงมาถึงชั้น B7 เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปเฮือกนึงเต็ม ๆ และสแกนบัตรและม่านตารวมถึงลายมือเพื่อเข้าไปยังห้องทดลอง และเมื่อห้องทดลองเปิดออก จากที่ห้องเคยมืดสนิทอยู่ก็ถูกเปิดไฟขึ้นโดยอัตโนมัติ

     

    เขาเดินเข้าไปยังห้องทดลองช้า ๆ และมองไปยังห้องกระจกแผ่นหนา ๆ ที่มีเขาคนนั้นอยู่อีกฝั่งของกระจก ดวงตากลมโตลอบสังเกตความผิดปกติของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ และเริ่มบันทึกข้อมูลบนชาร์ตอย่างละเอียดจนไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วว่ามีคนเข้ามาใหม่

     

    ปึก! ปึก!

     

    มินฮยองสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาที่นั่งหันหลังตนอยู่เมื่อครู่จะผุดลุกขึ้นทุบกระจกตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว หากเป็นคนปกติเมื่อทุบมือลงบนกระจกหนา ๆ อาจจะต้องมีสะบัดมือหนีด้วยความเจ็บปวด แต่คนคนนี้กลับทำหน้าไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด หนำซ้ำยังทุบมันรัว ๆ จนมินฮยองกลัวว่ากระจกหนา ๆ จะแตกเพราะกำปั้นใหญ่ ๆ ของคนตัวหนานั่น

     

    นักวิจัยหนุ่มเดินถอยหลังออกมาเพื่อตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเริ่มบันทึกข้อมูลที่ตัวเองคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในการวิจัยเอาไว้และเดินไปยังไมโครโฟนที่เอาไว้ติดต่อกับคนอีกฟาก

     

    เฮ้มินฮยองกล่าวทักทายอีกคนแต่กลับได้ยินเสียงร้องขู่กลับมาเพียงอย่างเดียว

     

    “…”

     

    คุณฟังผมออกใช่ไหมครับ?

     

    “grrrrrrrrrrrrr!!”

     

    เสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัวและจำเป็นต้องเรียกคนที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ให้มาช่วยเขาทำให้ชายคนนั้นสงบสติลง

     

    และเมื่อเจ้าหน้าที่ซอเดินวิ่งเข้ามาในแลปวิจัยแห่งนี้ เขาก็จัดการกดปุ่มปรับนู่นปรับนี่จนมีควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาทางท่ออากาศเต็มไปทั่วบริเวณกั้นกระจกอีกฝั่ง และชายคนนั้นก็ล้มพับลงไปอย่างที่มินฮยองคิดเอาไว้

     

    เวลาเขาคุ้มคลั่ง ก็กดใช้ยาสลบไปเลยนะ ลองคำนวณดูแล้ว ไม่เป็นอันตรายกับเขา

     

    ขอบคุณครับพี่จอห์นนี่

     

    ไม่เป็นไร นายเองก็สู้ ๆ ล่ะ เป็นคนเดียวที่ศึกษาเปรียบเทียบดีเอ็นเอสัตว์กับดีเอ็นเอมนุษย์เองก็เหนื่อยหน่อยนะ คนที่ชื่อจอห์นนี่พูดหยอกล้อรุ่นน้อง

     

    ฮ่า ๆ ผมจะลองศึกษามันดูนะครับ

     

    อ่าหะ งั้นฉันไปดูแลส่วนอื่นแล้วล่ะ

     

    ครับพี่จอห์นนี่

     

    มินฮยองกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะสวมหน้ากากกันก๊าซพิษและเดินเข้าไปยังประตูที่เอาไว้สำหรับเข้าออกส่วนทดลองและส่วนสังเกตการณ์ของนักวิจัย นักวิจัยคนเก่งเดินเข้าไปยังอีกฟากและเดินไปหาชายหนุ่มที่ผอ.ตั้งชื่อที่โปรเจกต์ทดลองเอาไว้ว่า แอล ก่อนลงไปนั่งดูอีกฝ่ายที่กำลังนอนอยู่อย่างใกล้ชิดและเริ่มตรวจดูความผิดปกติของร่างกายอีกคน

     

              นักวิจัยคนเก่งเริ่มสำรวจที่ร่างกายโดยรวม ๆ ก่อนเป็นอันดับแรกและเริ่มไล่ดูที่บริเวณแขน ขา และตามลำตัวเป็นจุด ๆ คนตัวเล็กแตะเบา ๆ บริเวณกล้ามเนื้อก็พบว่าภายนอกเหมือนกับคนปกติทุกประการ อีกทั้งไม่ได้ดูแข็งแรงเสียจนเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ที่เคยดูด้วยซ้ำ จากนั้นจึงย้ายสายตามาที่บริเวณใบหน้าก็รู้สึกว่าชายคนนี้ไม่ได้มีเค้าโครงหน้าต่างจากคนปกติเลยสักนิด

     

    มือบางเอื้อมมือจะไปเปิดดูดวงตาของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องตกใจออกมาเมื่ออีกคนเบิกตาโพรงขึ้นมา และเอื้อมมือหนามาจับเข้าที่ข้อมือเล็กอย่างอัตโนมัติ มินฮยองพยายามบิดข้อมือออกจากอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เป็นผล หัวใจเต้นแรงขึ้นด้วยความกลัว ก่อนจะทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะสื่อสารกับตน

     

    คะ-คุณจะทำอะไรผม น้ำเสียงทุ้มแหบแห้งจนมินฮยองแทบจะจับใจความไม่ได้

     

    เมื่อกี้คุณพูดได้ใช่ไหมครับ

     

    อืม จับผมมาทำไม

     

    อ่า…”

     

    ปล่อยผมไปเดี๋ยวนี้

     

    คุณครับมินฮยองแสดงเหยเกออกมาเมื่ออีกคนเริ่มบีบข้อมืออย่างรุนแรง

     

    ปล่อย

     

    ตะ-แต่ทางเราต้องตรวจสอบว่าคุณเป็นอะไร…”

     

    “…”

     

    พวกเราก็แค่จะศึกษาอะไรบางอย่างในตัวคุณ…”

     

    เหอะ

     

    ถ้าคุณให้ความร่วมมือกับเรา…”

     

    ออกไป!” ชายผิวแทนตะคอกใส่มินฮยองเมื่อรู้สึกถึงภัยคุกคาม

     

    ผมแค่…”

     

    บอกให้ออกไป!!”

     

    แอลตะโกนไล่อีกฝ่ายเสียดังจนคนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบถอยออกมาจากอีกฝ่ายเมื่อรับรู้ว่า

    อีกคนเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีและไม่อยากจะคุยกับเขา  มินฮยองเดินไปหยุดตรงประตูก่อนจะหันมาพูดกับอีกฝ่ายก่อนออกไปจากห้อง ทิ้งให้แอลอยู่ตามลำพังเช่นเดิม

     

              งั้นเดี๋ยวผมจะมาใหม่

     

              หลายวันถัดมา แอลไม่ได้มีอาการคุ้มคลั่งเหมือนวันแรกที่มินฮยองเจอ นักวิจัยตัวเล็กแวะเวียนมานั่งสังเกตการณ์อีกคนผ่านกระจกกั้นเสมอ ก็ไม่ได้พบความผิดปกติอะไรเช่นเดิม วันนี้เขาเลยใจกล้าเดินเข้าไปในห้องอีกฝั่งเหมือนวันนั้น

     

              สวัสดีครับ

     

              เหอะ

     

              คุณเป็นยังไงบ้าง…”

     

              คิดว่าคนถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมจะเป็นยังไรล่ะ

     

              “…”

     

              บอกก่อนเลยนะว่าผมไม่สามารถช่วยพวกคุณหาคำตอบเกี่ยวกับที่ผมเป็นได้หรอกนะ

     

              “…”

     

              อีกอย่าง ถ้าอิสรภาพของผมหายไปเพราะพวกคุณ ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ดวงตาคมกริบราวกับสัตว์ล่าเหยื่อจ้องมาที่คนตัวเล็กอย่างหงุดหงิดใจ

     

              “… ถ้างั้นผมขอข้อมูลคร่าว ๆ ของคุณได้ไหมครับ เผื่อ…”

     

              คุณนี่ดื้อรั้นจริง ๆ ผมบอกว่าไม่ก็คือ-”

     

              ผมแค่อยากจะช่วยคุณ…” นักวิจัยคนเก่งพูดเสียงเบาแต่อีกคนก็ยังได้ยินเพราะประสาทสัมผัสทางการด้านยินของตัวเองนั้นดีกว่าคนทั่วไป

     

              หึ แล้วจะช่วยอย่างไรล่ะ ช่วยให้ได้ข้อมูล? แอลพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน

     

              แอล

             

              โอเคจะเล่าให้ฟังก็ได้

     

              “…”

     

              ความจริงแล้วผมก็เป็นคนปกติเหมือนพวกคุณแต่พอผมอายุได้ 15 ร่างกายของผมเริ่มแปลกไป ในทุก ๆ วันที่พระจันทร์ขึ้นเต็มดวงและอยู่เหนือหัวเมื่อไหร่ผมก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายของผมมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างกับไม่ใช่คน ผมดุร้ายจนผมต้องหนีเข้าไปในป่าและผมก็ถูกพวกคุณจับตัวมา

     

              คุณจะบอกคุณเป็นมนุษย์หมาป่า?

     

              ผมไม่รู้

     

              อ่า

     

              แต่ต้นตระกูลของผมเลี้ยงหมาป่า

     

              “…” 

             

              มินฮยองไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกันเพียงแต่ว่าทุกอย่างมันบังเอิญจนเกินไป จนเขารู้ถึงทึ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้คนตัวเล็กจะพอไขข้อสงสัยได้ทีละจุดแต่นั่นก็ไม่สามารถด่วนสรุปได้ว่า โปรเจกต์แอล เป็นมนุษย์หมาป่าจริง ๆ

     

              งั้นผมขอศึกษาเลือดของคุณและดีเอ็นบางอย่างได้ไหมครับ เผื่อมัน-”

     

              ก็แล้วแต่คุณ ผมมันก็แค่หนูทดลอง

     

              ผมไม่อยากให้คิดแบบนั้น

     

    มินฮยองพูดอย่างอ่อนใจเมื่อคนตรงหน้ายังพูดแดกดันตนไม่เลิก เขาจัดการเตรียมเครื่องมือสำหรับเจาะเลือดและเก็บดีเอ็นเอ จากนั้นก็นำสายยางมารัดที่ต้นแขนและทำการเจาะเลือดของอีกฝ่ายเพื่อเอามาตรวจโดยที่ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยแม้แต่น้อย

     

    ผมจะมาหาคุณใหม่มินฮยองพูดกับแอล

     

              “…”

     

              ขอให้คุณเชื่อผมหน่อยว่าผมไม่หักหลังคุณหรอกแอล

     

              นักวิจัยคนเก่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพร้อมกับสบตาคนที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้จนคนตัวสูงต้องเบือนสายตาหนีอีกคนด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่ตีรวนขึ้นมา

     

              หลังจากที่มินฮยองได้ตัวอย่างเลือดและส่วนต่าง ๆ ที่จะนำไปตรวจดีเอ็นเอได้เขาก็นำไปตรวจและสรุปผลอย่างลับ ๆ โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับรู้เลยสักคน เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าอีกคนเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่

     

              เพราะถ้าหากว่าเป็นจริง ๆ ล่ะก็รัฐบาลต้องนำตัวโปรเจกต์แอลไปพัฒนาและต่อยอดจนอีกคนต้องขาดอิสรภาพ หรือไม่ก็นำไปขายทอดตลาดมืดระหว่างประเทศก็ได้

     

              ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ไม่ดีต่อแอลทั้งนั้น

     

              คนตัวเล็กใช้โควตาลาป่วยที่มีอยู่อ้างกับสถาบันเพื่อใช้เวลาทั้งหมดเพื่อตรวจสอบว่าคนคนนั้นเป็นแบบที่ทุกคนคิดหรือไม่ โดยใช้การเทียบผลของดีเอ็นเอระหว่างแอลและหมาป่าหลาย ๆ สายพันธุ์ที่เขาเคยเก็บเคสและเขียนเปเปอร์เอาไว้ แล้วผลก็ออกมาตามที่ทุกคนคาดหมาย

     

              โปรเจกต์แอลเป็นมนุษย์หมาป่า

             

              ทันทีที่มินฮยองรู้เขาก็นึกเป็นห่วงอีกคนที่อยู่ในห้องทดลองชั้นใต้ดินขึ้นมาทันที เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนในสถาบันที่รู้เรื่องนี้จะรู้หรือยังว่าเขาสามารถนำเลือดของแอลมาตรวจผลได้แล้ว อีกอย่างมินฮยองเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตนเองถูกติดตามหรือเปล่า เพราะถ้าเขาโดนติดตาม คนของสถาบันก็อาจจะเข้ามาแฮกข้อมูลไปก็ได้

     

              เมื่อคิดได้ดังนั้นมินฮยองจึงเตรียมคิดแผนเพื่อพาอีกคนหลบหนีอย่างเร็วที่สุด

     

              คนตัวเล็กใช้ความเป็นมืออาชีพและช่วงเวลาที่ทำงานกับสถาบันวิจัยตลอดหลายปีมานี้ เขียนแผนผังการตรวจตา การเข้าออกในช่วงเวลาต่าง ๆ รวมไปถึงทางออกที่คนเข้ากันรวมไปถึงบางทางลับที่คนไม่รู้เพื่อคำนวณการหนีให้ได้แม่นยำที่สุด

             

    เพราะถ้าหนีไม่สำเร็จ หมายความว่าแอลอาจจะต้องโดนกักขัง

    และเขาอาจจะโดนกำจัดให้หายไปจากโลกนี้ก็ได้

     

    มินฮยองใช้เวลาไปสามวันเพื่อเตรียมแผนการพาโปรเจกต์แอลหลบหนีออกจากสถาบันวิจัย ซึ่งตลอดการศึกษาดีเอ็นเอของแอลรวมไปถึงการเตรียมแผนการนั้น เขาไม่ได้เข้าไปในสถาบันเลยสักวัน นั่นก็หมายถึงเขาไม่ได้เจอแอลเหมือนกัน

     

    ไม่รู้ว่าอีกคนจะเกลียดเขาไปแล้วหรือเปล่า

     

    มินฮยองได้แต่ถอนหายใจและเตรียมพวกสิ่งของจำเป็นรวมถึงเสื้อผ้าและกดเงินออกมาเกือบทั้งหมด เมื่อคิดว่าถ้าเขาเริ่มแผนการนี้ เขาก็คงจะไม่ได้กลับมาเหยียบยังคอนโดที่เขาใช้น้ำพักน้ำแรงในการซื้อมันมา แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จรรยาบรรณและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์สำคัญที่สุดสำหรับเขา

     

              เขาขับรถมายังสถาบันและทำตัวเป็นปกติเมื่อเจอกับเจ้าหน้าที่และเพื่อนร่วมงานที่เขารู้จัก ก่อนจะลงไปยังชั้นใต้ดินที่แอลอยู่ แล้วก็พบว่าห้องทดลองมีเพียงเขาเหมือนปกติ

     

              เขาสแกนบัตร ม่านตาและลายนิ้วเข้าไปเช่นเดิม ก็พบว่าคนตัวสูงที่เขาไม่ได้เจอมาหลายวันกำลังยืนพิงผนังมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่เย็นชากว่าวันอื่น ๆ แต่มินฮยองก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปหาอีกคน

     

              เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ

     

              “…”

     

              แอล

     

              หายไปไหนมา

     

              ผมเก็บดีเอ็นเอคุณไปตรวจมาครับ

     

              “…”

     

              คุณต้องหนีมินฮยองพูดเสียงเบา

     

              คุณจะพาผมหนีหรือยังไง คนตัวสูงหัวเราะหึออกมา คุณเป็นคนของพวกนั้น

     

              ใช่ ผมจะพาคุณหนีเอง

     

              “…”

              ถ้าโลกมันใจร้ายมาก เราก็ต้องหนี ถูกไหมครับ

     

              อย่ามาตลก

             

              คนตัวสูงหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปบีบต้นแขนเล็กแล้วผลักนักวิจัยคนเก่งของสถาบันเข้ากับกำแพงจนมินฮยองต้องเบ้หน้าออกมาด้วยความเจ็บแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากการมองอีกฝ่ายที่กำลังสับสน ดวงตาคมเข้มฉายแววดีใจและไม่มั่นใจออกมาเมื่อสถานการณ์ในตอนนี้มันค่อนข้างเหนือความคาดหมาย

     

              ผมรักษาสัญญาพอมินฮยองพูดย้ำอย่างหนักแน่น

     

              ผมจะเชื่อใจคุณได้แค่ไหน

     

              ถ้าคุณโดนจับ ผมก็ตาย คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้กำลังใกล้จะถึงเวลาเปลี่ยนกะของคนดูแลรอบนอก เรามีเวลาแค่ 15 นาทีในการหนี ผมจะทำทีเป็นสอนงานคุณ และคุณเป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นเราจะต้องผ่านชั้นนี้ไปให้ได้ก่อน เพราะกล้องวงจรปิดค่อนข้างเยอะ

     

              แล้วคุณจะทำยังไง

     

              ผมให้รุ่นน้องจากต่างประเทศที่เก่งเทคโนโลยีส่งไวรัสที่แก้ไขได้ยากมาให้ คนตัวเล็กแบบมือเล็กที่กำแฟลชไดร์เอาไว้ ถ้าเสียบกับคอมมันจะเข้าไปป่วนเซิร์ฟเวอร์และเริ่มทำลายส่วนกระจายไฟฟ้ารวมไปถึงไฟสำรอง

     

              “…”

     

              ผมจะทำทีว่ามีคนมาขโมยคุณไปจากสถาบัน

     

              “…”

     

              ถึงแม้ว่าคนทั่วไปจะไม่รู้ว่ามีโปรเจกต์นี้ แต่องค์กรใต้ดินที่อยู่คนละฝั่งกับรัฐบาลก็รู้และหาวิธีเข้ามาขโมยคุณเหมือนกัน

     

              คุณนี่มันร้ายชะมัด แอลพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะ

     

              โอกาสมีเพียงครั้งเดียวนะครับ คุณจะเชื่อใจผมไหมมินฮยองสบตาคนตัวสูงอย่างหาคำตอบ

     

              ผมเชื่อใจคุณตั้งแต่ให้คุณเจาะเลือดแล้วครับ ดร.อี

     

              ทันทีคนตัวสูงตอบกลับมาคนตัวเล็กก็ยิ้มออกมาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ ส่วนคนตัวสูงที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนักวิจัยคนเก่งก็เอื้อมไปจับมือบางเพื่อให้กำลังใจ จนมินฮยองกลับมายิ้มได้อีกครั้ง

     

              เราจะต้องรอดออกไปให้ได้

     

              เราทั้งคู่จะผ่านมันไปได้

     

              ว่าแล้วมินฮยองก็พาแอลออกมาจากอีกฟากของกระจกและทำการเสียบแฟลชไดร์ไปยังคอมพิวเตอร์และรอมันรันประมาณ 30วินาที เพื่อให้ไวรัสได้ทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ จากไฟในห้องที่เคยสว่างทั้งหมดก็ดับลง เหลือเพียงแค่ไฟสำรองที่ยังคงสามารถทำงานอยู่อีกได้ไม่นาน คนตัวสูงสร้างสถานการณ์โดยปัดเก้าอี้และเอกสารทุกอย่างลงไปกับพื้นส่วนคนตัวเล็กรีบสแกนบัตรเพื่อออกจากห้องและพามนุษย์หมาป่าที่ทุกคนต้องการหนีออกมา

     

              มินฮยองพาคนตัวสูงไปยังบันไดหนีไฟซึ่งเป็นทางลับของสถาบัน เพราะปกติชั้นใต้ดินมักจะเก็บข้อมูลลับเฉพาะและจะเข้าออกเพียงแค่ลิฟต์เท่านั้น คนส่วนใหญ่เลยไม่รู้ว่ามีบันไดหนีไฟอยู่ในนั้นซึ่งมินฮยองเป็นหนึ่งในคนที่รู้ความลับนี้

     

              ทั้งคู่พากันวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่มีการหยุด คนตัวเล็กวิ่งไปพร้อมกับดูนาฬิกาไปด้วย พบว่าเหลือเวลาอีก 8 นาทีกับอีก 5 ชั้นก่อนจะถึงชั้นปกติ ทั้งคู่เร่งฝีเท้าก่อนจะวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูหนีไฟชั้น G และเป็นคนตตัวเล็กที่วิ่งไปหยิบถุงที่มีเสื้อกาวน์และรองเท้าผ้าใบที่เพิ่งซื้อมาใหม่ส่งให้คนตัวสูง ซึ่งคนตัวสูงก็ทำตามอย่างรวดเร็ว

     

              และเมื่อทุกอย่างเสร็จ มินฮยองก็เป็นคนผลักประตูออกและพาอีกคนที่สวมแว่นและแกล้งเดินถือชาร์ตตามมาโดยพยายามนิ่งเอาไว้ที่สุดทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นกลัวคนอื่นในสถาบันจับได้ว่าตนกำลังพาโปรเจกต์ระดับชาติหนีอยู่

     

              และเมื่อเดินออกมายังทางเดินของสต๊าฟ มินฮยองก็รู้สึกโล่งอกเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คนตัวเล็กคิดเสียหมด เขารีบเดินออกไปยังลานจอดรถโดยไม่ทักทายเจ้าหน้าที่เหมือนปกติ และเมื่อดูเวลาแล้วเหลือเพียงแค่ 2 นาทีก่อนที่จะหมดเวลาหนี นั่นเลยทำให้จากที่ก้าวเดินอย่างปกติอยู่นั้นต้องเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่งเพื่อให้ถึงรถของตนโดยเร็ว

     

              และเมื่อถึงรถแล้วมินฮยองก็ขับรถออกมาอย่างรวดเร็วโดยทันเวลาอย่างฉิวเฉียด พอออกมานอกสถาบันได้ นักวิจัยคนเก่งก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนโดยที่มีอีกคนที่มองอยู่ด้วยความเอ็นดู

     

              ผมแทบไม่มีเวลาเหนื่อยมินฮยองพูดกับแอลขณะที่ตัวเองก็เหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็ว

     

              คุณทำดีแล้วครับ

     

              ขอบคุณครับ

     

              ผมต้องแสดงต่อแล้วมินฮยองพูดออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำ

     

              คุณทำได้

     

              มินฮยองพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือล้วงกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคิมซอกมิน

     

              ผอ.ครับ!”

     

              (มีอะไรหรือเปล่า ดร.อี)

               

              โปรเจกต์แอลโดนขโมยไปครับ!!!” คนตัวเล็กแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกผมไม่แน่ใจว่ามีใครแจ้งท่านไปหรือยัง

     

              (ว่ายังไงนะ! มันเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไง!!!!) น้ำเสียงจากปลายสายเต็มไปด้วยความโกรธและร้อนรน

     

              ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

     

              (บ้าชะมัด! ผมจะส่งคนตามหาเขา คุณก็ต้องหาเขาด้วย หาให้เจอ!!! เขาสำคัญต่อรัฐบาลมาก ๆ!!)

     

              รับทราบครับ แล้วผมจะติดต่อกลับไปครับ

     

              วางไปแล้ว มินฮยองวางสายไปแล้ว เขาทำสำเร็จแล้ว

              ภารกิจพาโปรเจกต์แอลหนี สำเร็จแล้ว

     

              มินฮยองยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะก่อนจะถอดซิมออกจากโทรศัพท์และทำการหักซิมทิ้งรวมไปถึงปิดเครื่องและทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ข้างทางเพื่อป้องกันไม่ให้คนของสถาบันรวมถึงรัฐบาลเจอตัว เขาจัดการถอดป้ายทะเบียนรถทิ้งและเดินกลับมานั่งในรถเช่นเดิม

     

              คุณร้ายกว่าที่คิด

     

              ถ้ามันคือคำชมผมก็จะรับมันไว้ มินฮยองพูดแบบขำ ๆ

     

              ถ้าไม่ได้คุณ-”

     

              ผมบอกแล้วว่าผมจะช่วยคุณ และผมก็ทำมันสำเร็จ

     

              และคุณก็กลายเป็นอาชญากรภายในไม่ถึง 15นาที

     

              ใครแคร์ล่ะ

     

    มินฮยองยักไหล่ออกมาก่อนจะโดนอีกฝ่ายจับเข้าที่ปลายคางเพื่อให้หันไปหาตน ภายในรถปกคลุมไปด้วยความสนุกสุดเหวี่ยงและวีรกรรมที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะทำมาก่อน รวมมาถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่

     

    ผมชักจะชอบคุณแล้ว โปรเจกต์แอลพูด

     

              “…”

     

              คุณมักทำอะไรที่เหนือความคาดหมายทุกครั้งเลย ดร.อี

     

              ไม่

     

              ?

     

              ไม่มีอีกแล้วดร.อีมินฮยอง

     

              “…”

     

              มีแค่ผมกับคุณ

     

              คุณนี่มันคนตัวสูงลูบใบหน้าแล้วหัวเราะออกมา ใช่ มันจบลงแล้ว ทั้งดร.อีมินฮยองและโปรเจกต์แอล

     

              มีแค่มาร์ติน อี

     

              มีเพียงแค่ลูคัสเท่านั้นดวงตาคมเข้มจ้องมองไปที่ดวงตากลมโตก่อนจะยิ้มออกมาด้วยประทับใจจนคนตัวเล็กต้องยิ้มตาม

     

              ยินดีที่ได้รู้จักลูคัส

     

              เช่นกันครับ มาร์ติน

     

    Ended

     

    Scream and comment on #serendipitylm

     

              Talk เอาเรื่องนี้มาคั่นคุณไนท์เนอะ เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ตอนแรกไม่นึกว่ามันจะยาว แต่มันก็ยาวที่สุดในบรรดา fictober ทั้งหมด 555555 บางจุดอาจจะไม่ค่อยเมคเซ้นเท่าไหร่ แต่ว่าเราก็พยายามปรับให้มันสมูธเต็มที่แล้วเนอะ ฮืออออออ เจอกันตอนหน้าค่ะ

     

    ปล. เอาล่ะ ภายในวีคนี้สักวันนึงจะต้องลงฟิค 2 ตอนภายในวันเดียวให้ได้!

    ปล2. คุณไนท์เนี่ยเราน่าจะทำเป็นซีรี่ย์สั้นๆจบในตอนค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดจบจะอยู่ตรงไหนเหมือนกัน 555

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×