NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #21 : 20th TOXIC – กลืนกิน [rw]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.15K
      81
      12 มี.ค. 66

    กฎแห่งกรรมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ ข้อที่ยี่สิบ – กลืนกิน

     

    1.

    18:00 PM

    บังเอิญเจอกับคนคุ้นหน้าในตอนที่ทั้งคู่ลงมากินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งใต้คอนโด พี่สาวจากห้องข้าง ๆ ที่พักอยู่ชั้นเดียวกันเห็นลัลทริมาแล้วก็รีบเดินเข้ามาทัก

    “อ้าว น้องลัลกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

    “สวัสดีค่ะพี่ ลัลมาสักพักแล้วค่ะ” เธอยกมือไหว้ ยิ้มตอบอีกฝ่าย

    เป็นไงสบายดีไหม ไม่เจอกันเลย” พี่สาวข้างห้องดูเหมือนจะตื่นเต้นมากที่ได้เจอหน้าลัลทริมา จัดคำถามรัวใส่ชุดใหญ่ “เธอหายไปตั้งนานซะจนพี่นึกว่าพวกเธอ...” หล่อนชะงักริมฝีปากไปเมื่อนึกได้ว่าอาจจะไม่สมควรพูด

     

    ...พี่นึกว่าพวกเธอเลิกกันแล้วซะอีก...

     

    เสียงแผ่วเบาที่ญาณอาถรรพ์สัมผัสได้ บอกให้เธอรู้ว่าพี่สาวคนนี้กำลังคิดอะไร ซึ่งก็ไม่ได้เหนือคาดหมายลัลทริมาเท่าไร

    ค่ะพี่ สบายดี...หนูติดธุระนิดหน่อยเลยกลับไปอยู่บ้าน”

    เจ้าของใบหน้าหวานแสร้งระบายยิ้มรับ ตอบแค่เฉพาะที่สะดวกตอบ ต่อให้ไม่ได้อยากให้คนอื่นเข้าใจว่ากลับมาคบกันเช่นนั้น หากก็ไม่อยากให้คู่สนทนาตั้งคำถามซอกแซกเลยจึงแค่พูดไปสั้นๆ

    ขณะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มนึกเยาะเย้ยในคำแก้ตัวนั้นอยู่ลำพัง แล้วตักข้าวในจานกินต่อโดยไม่พูดอะไร

    คุณนายเป็นไงมั่งคะ ลัลไม่เห็นเลย”

    ร่างบางเปลี่ยนเรื่องพูด

    พี่สาวเพื่อนบ้านได้ฟังก็นิ่งไป

    ...มันป่วยจ้ะ ไปไหนไม่ค่อยได้หรอก”

    เอ๊ะ เป็นอะไรเหรอคะ พาไปหาหมอมารึยัง?”

    อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ

    อืม หมอถึงกับส่ายหน้าเลย ...พี่ว่าคงใกล้เวลาของมันแล้วล่ะ”

     

     

     

    2.

    22:00 PM

    หญิงสาวคว้าถุงส้มในตู้เย็นที่ได้แบ่งมาจากพี่สาวข้างห้อง และหยิบถังขยะใบเล็กจากมุมห้องครัวที่เพิ่งเปลี่ยนถุงใหม่ออกมาด้วย หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา มือบางหยิบลูกส้มในถุงมาแกะเปลือกออก

    ดวงตาคมจากคนที่นั่งบนโซฟาตัวเดียวกันเลื่อนมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปมองหน้าจอ

    ทำไปถึงไหนแล้ว” เธอถาม

    ทิ้งเปลือกผลไม้ที่ฉีกยุ่ยลงใน ดึงกลีบหนึ่งเข้าปากและคิดว่ารสชาติก็ไม่เลวเลย พี่สาวข้างห้องขยันให้แต่ของดีซะจริง

    “ถ้าตรวจครั้งนี้ผ่านก็จบแล้ว” เขาตอบ

    เธอเหลือบเห็นว่าเขากำลังง่วนอยู่กับการเรียบเรียงข้อความบทคัดย่อ ใครก็รู้ว่าจะเขียนมาถึงตรงนี้ได้แปลว่าเนื้อหาทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปด้วยดี หากคะเนด้วยสายตาก็ถือว่าเป็นรูปเป็นร่างสุดๆ และยิ่งเห็นความสมบูรณ์แบบนั่นทำให้เธอยิ่งท้อใจ สมองว่างเปล่าในทันที

    น่าอิจฉาจัง”

    หญิงสาวนึกออกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับงานของเขาที่เคยได้ยินเพื่อนพูดไว้ อยากรู้เรื่องจริงจนอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

    “ได้ข่าวมาว่าเปลี่ยนหัวข้อตั้งหลายรอบ จริงรึเปล่า”

    “ทำไมถึงถาม”

    “ก็ฉันหมั่นไส้ นายชอบทำงานรอบเดียวคะแนนดีตลอด เลยคิดว่าถ้านายรับรู้ถึงความยากลำบากในการเรียนซะบ้างก็น่าจะดี”

    คงมีเพียงรายละเอียดใจส่วนเล็กส่วนน้อยแบบนี้เท่านั้นที่จะทำให้คนบ้าแบบการินกลายเป็นปุถุชนธรรมดาเหมือนคนอื่นบ้าง หากคนเก่งแบบเขาจะทำงานได้ราบรื่นด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเหนือความคาดหมายอะไรเลย

    เพียงแต่...ลัลทริมาชอบการินที่ดูจับต้องได้แบบนี้มากกว่า

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

    “ไม่รู้สิ ก็เดาเอา”

    ชายหนุ่มผุดยิ้มมุมปาก อันที่จริงต้องเปลี่ยนเพราะโดนที่ปรึกษาเบรกไว้ว่าหัวข้อที่เขาเสนอไปแบบส่ง ๆ ดันเหมาะกับระดับโทหรือเอกมากกว่า และช่วงนั้นประเมินแล้วว่าเวลาค้นคว้าคงไม่พอ เขาเลยไม่ได้ทำ กระนั้นร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้ตอบคำถาม กลับเปลี่ยนเรื่องไปที่อดีตแฟนสาวแทน

    “งานเธอละ?”

    รู้ตัวอีกทีส้มก็หมดไปลูกหนึ่ง

    ลัลทริมาหย่อนเปลือกที่เหลือลงถุงเปล่า หยิบส้มในถุงขึ้นมาแกะใหม่

    ...ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”

    เธอพูด พลางเคี้ยวไปด้วย

    พลันส้มกลีบหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าการิน ดวงตาสีดำสนิทละออกจากจอแลบทอปเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากหยักอ้าออก เอียงคองับมันไปจากมืออดีตแฟนสาวของเขาอย่างว่าง่าย

    จะทำตอนไหน เดี๋ยวช่วยดูให้”

    พูดจริงเหรอ? ใจดีจัง”

    ลัลทริมาหัวเราะเบา ๆ กับคนตัวสูงที่เสนอตัวเป็นปรึกษาชั่วคราวของเธอ ถึงการินไม่ใช่อาจารย์แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมาพอให้เขาดูงานก่อนแล้วก็ผิดพลาดน้อยลงมากจริง ๆ แถมเกือบสมบูรณ์จนอาจารย์ผู้สอนยังเอ่ยปากชม

    ไม่ทันรู้ตัวว่ามองชายหนุ่มด้วยแววตาอ่อนลง

    พอเห็นเขากลืนหญิงสาวก็ส่งมันจ่อปากเขาอีก ร่างสูงรู้สึกแปลกใจแต่ก็อ้าปากรับกลีบส้มอีกครั้ง รสเปรี้ยวอมหวานแผ่ซ่านทั่วลิ้น

    วันนี้อารมณ์ดีรึไง? ปกติไม่เห็นมานั่งป้อน”

    ฉันไม่ทำให้เพราะนายทำตัวไม่น่ารักเองต่างหาก ลัลทริมาหยิบผลไม้ส่งเข้าปากเขาไปอีกชิ้น คราวนี้ใกล้จนชายหนุ่มงับผ่านปลายนิ้วบางไปด้วย ฝ่ามือเธอกระตุกวูบ

    การินได้แต่ลอบยิ้ม ...เขาจงใจนี่

    แล้วตอนนี้ล่ะ?”

    ก็ยังไม่น่ารักอยู่ดี”

    ร่างสูงโปร่งยิ้มขำชอบใจ ถึงอีกฝ่ายจะเสียงแข็งใส่แต่ก็แก้มแดงให้เห็น อดไม่ได้ที่จะยั่วแหย่ต่อตามประสาคนขี้แกล้ง แต่เธอน่ารักนะ”

    “ฮะ?”

    “บอกว่าน่ารักแล้วไง”

    กลีบปากอิ่มสวยเผยอค้าง

    ...จู่ ๆ เขานึกคึกอะไรกัน

    “พูดตั้งสองรอบแล้วอยากฟังอีกเหรอ เธอนี่โลภมากจัง” นัยน์ตาคมฉายแววกึ่งยั่วเย้ากึ่งรำคาญ

    ปะ ประสาทเสียหรือไง หุบปากแล้วกินไปเลย!” ลัลทริมาเกิดร้อนรนกับท่าทางผิดแปลกของอีกฝ่าย ยัดเพิ่มเข้าไปเกือบครึ่งจนแทบจะติดคอร่างสูง ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดที่โดนหยอกให้เขินแบบนี้ ...แต่มันต้องไม่ใช่ตอนที่เธอไม่ทันตั้งตัวสิ

    เขาผงะแต่ยังพอมีสติ รีบเคี้ยวแล้วรีบกลืนลงคอไปได้ทันพอดี 

    อึก...ยัยบ้า เธอคิดจะฆ่าผัวรึไง” ดวงตาคมหันมาจ้องวาวโรจน์ เอ่ยด้วยเสียงติดจะเคียดแค้น ยัยนี่เขินจนทำเขาเกือบตาย

    ฮือ ทุเรศ! อย่าพูดคำนั้นนะ!!

    หญิงสาวหน้าร้อนเห่อ ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง

    ใบหน้าหวานสะบัดหนีเดินออกไปทางระเบียง

     

     

     

    3.

    ญาณอาถรรพ์ในรูปลักษณ์ลัลทริมาหายไปแล้ว

     

    การินเหยียดยิ้ม

    ก่อนจะหัวเราะอย่างเหนื่อยใจกับอดีตแฟนสาว

    ปลายนิ้วเกี่ยวสายสร้อยเบี้ยมากำไว้ในมือ หย่อนมันลงลิ้นชัก ล็อคกุญแจ เพื่อว่าสร้อยเส้นนี้จะไม่หายไป ในเวลาใดก็ตามที่เขาต้องการมัน

    การิน...เจ้าคนโลเล ...โลภมาก

    เป้าหมายของเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่เขาก็ไม่ได้อยากเสียเธอไปเช่นกัน

    ในตอนนี้การินรู้สึกได้ว่ามันยังเป็นเพียงดวงจิตอ่อน ๆ ที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนักแม้ว่าอยากจะแสดงพลังจนร้อนใจ ถึงได้มาปรากฏตัวหว่านล้อมเขา แต่อ่อนแอแล้วอย่างไรล่ะ ถึงกระนั้นยังปรากฏตัวให้เห็นเป็นรูปร่างได้ชัดเจนขนาดนี้

    ไม่ใช่ว่าอันตรายยิ่งกว่าเก่าอีกเหรอ

    ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบปึกกระดาษที่ทับกระดาษยันต์ไว้ออก คว้ามันไปแปะไว้ตามมุมต่าง ๆในห้อง ในห้องแล้วกำกับคาถาคุ้มภัยเสริมไว้

    ใช้วิธีนี้ป้องกันไปก่อน ถึงจะดูมักง่ายปลายเหตุไปนิด แต่น่าจะได้รู้อะไรมากขึ้นเยอะ

     

     

     

    4.

    22.30 PM

    ชายหนุ่มละสายตาจากแลบท๊อป นิ้วหยุดพิมพ์งานและฝ่ามือดันฝาพับหน้าจอลง ผุดตัวลุกขึ้นเดินไปทางระเบียง เห็นว่าอดีตแฟนสาวออกไปนานไม่กลับเข้ามาสักที กำลังเท้าคางกับขอบรั้วเหม่อมองอะไรบางอย่างข้างนอกนั้น

    มือข้างที่มีผ้าพันแผลดันประตูกระจกออก

    มองอะไร?” เขาถาม

    คุณนายมันป่วยหนักเลย”

    ชายหนุ่มเจ้าของห้องย่นคิ้วเล็ก ๆ สายตามองตามไปเห็นขอบระเบียงของคนข้างห้องได้นิดหน่อย ประตูกระจกเปิดค้างไว้ให้อากาศถ่ายเท  เบาะที่นอนของเจ้าแมวสีเทาวางอยู่ชิดประตู บนนั้นเขาเห็นว่าร่างกายเล็กของมันไม่ไหวติง

    เสียงหวานกลืนไปกับอากาศ

    น่าสงสาร...” แววตาเธอแสนเศร้า

    ฉันจะช่วยแกยังไงดี”

     

    ...ช่วยมันงั้นเหรอ?

     

    ชายหนุ่มพลันเย็นวาบที่ต้นคอ

    ไร้สาเหตุ

     

    วูบหนึ่งอากาศหนาวเหน็บโอบล้อมจนแข็งทื่อไปทั้งร่าง

    และไวยิ่งกว่าความคิด เขาเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวด้วยความเร็วผ่านหางตา หันไปอีกทีเจ้าแมวสีเทาผอมติดกระดูกกลับลุกขึ้น กระโดดลงไปยังพื้นด้านล่างจากความสูงเกินกว่าห้าสิบเมตรของระเบียงคอนโด

    ร่างสี่เท้าผอมซูบ แม้ว่าจะมีสัญชาติญาณของแมวก็ยากที่จะรอดจากความสูงระดับนี้ได้ แทนที่จะร่วงลงพื้นทางเข้าที่จอดรถ วินาทีนั้นรถยนต์คันหนึ่งขับตรงเข้ามาในเขตของโครงการพอดิบพอดี ทำให้หัวกลมกระแทกลงกระโปรงหน้ารถจนรูปคอผิดธรรมชาติ

    ภาพนั้นทำให้คนในรถตื่นตระหนกไม่น้อย หักพวงมาลัยหักล้อไปในองศาหนึ่ง พลาดเหยียบคันเร่งสุดแรงพุ่งเข้าใส่เสามุมหนึ่งของอาคารคอนโด

     

    พลั่ก!

    โครม!!!

     

    ทุกอย่างด้านล่างเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาที ท่าทางตื่นตระหนกจนดูชุลมุนที่เห็นทำให้คล้ายว่าจะได้ยินเสียงเสียงหวีดร้องของผู้คนด้านล่างลอยขึ้นมาด้านบน

    เขาชะงักเห็นว่าร่างบอบบางแสยะยิ้ม

    นี่ไม่ใช่ลัลทริมา

    ...มันเป็นไปไม่ได้แน่

    ต่อให้ลัลทริมาควบคุมพลังญาณอาถรรพ์ได้ก็ตามที แต่การินคิดว่าเขารู้จักเธอดี ที่ผ่านมาแค่จะจับคนร้ายในคดีอาถรรพ์เธอยังคิดแล้วคิดอีกให้ถูกด่าว่าโง่ จนกว่าจะถูกกระทำให้รับไม่ไหวถึงจะยอมใช้พลัง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างเธอจะใช้ญาณอาถรรพ์เพื่อฆ่าแมลงวันสักตัว

    อีกอย่างเขารู้ดีว่าลัลทริมาเป็นคนรักสัตว์มาก ...และยิ่งเป็นแมวตัวนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

     

    ดีจัง อย่างน้อยมันก็ไปสบาย” หญิงสาวโล่งใจ

    เสียงหวานเอ่ยเย็นเยียบ

    “...ความตายโอบกอดมันแล้วนี่” เธอคลี่ยิ้มอ่อนโยน แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง

     

    การินไม่ได้อ่อนไหวง่าย หรือรู้สึกอะไรกับเพียงแค่แมวตัวเดียวที่ตายไป ทว่าบัดนี้กลับกลืนน้ำลายฝืด

    มีสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจชายหนุ่มเป็นอย่างมาก คือแม้ว่าเขาจะหลงใหลในศาสตร์ดำมืดจนเข้ากระดูกดำ และต้องการให้ญาณอาถรรพ์ที่ลัลทริมามีแสดงพลังได้ไร้ขอบเขตอย่างที่เขาต้องการแค่ไหนก็ตาม

    แต่เมื่อเห็นอาการของแฟนสาวในยามนี้แล้ว

    เขารู้สึกว่าเธอน่าขนลุก

     

     

     

    5.

    สวนดอกไม้กว้างขวางจนสุดสายตา ผิวทะเลสาบสงบนิ่ง ไร้ระลอกคลื่นดูเหมือนกระจกเงาแผ่นมหึมา ดวงจันทร์ยังคงสะท้อนอยู่ตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่

    สัมผัสของฝ่ามือร้อนแตะลงที่ไหล่

    เธอหันไปหาเขา

    เราเจอกันที่นี่อีกแล้ว” หญิงสาวสวมชุดสีขาวตัวเดิมเช่นเคย เธอนั่งอยู่กลางพื้นหญ้าเขียวชอุ่มแซมดอกไม้ดอกเล็กหลากสี มือบางเด็ดกลีบดอกไม้บนพื้นขึ้นโปรยเล่นอย่างถือวิสาสะว่าเป็นเจ้าของผืนดินแห่งนี้

    เธอมาทำอะไรที่นี่?” เสียงทุ้มเอ่ยทัก

    “ฉันหนีจากความกลัวมา”

    กลัวอะไร?”

    กลัวว่าวันหนึ่งนายคงจะไม่สนใจฉันอีกแล้ว”

    การินไม่เข้าใจ “แต่ก็ยังจะมาเจอฉันที่นี่น่ะเหรอ”

    “ไม่...ความกลัวอยู่ข้างนอกนั่น ยังมาไม่ถึงที่นี่...แต่ฉันรู้สึกได้”

    “แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำยังไงต่อ”

    “ฉันกลัว ฉันถึงอยากให้นายพาฉันออกไป เพราะถึงวันนั้นฉันคงอยู่ที่นี่โดยไม่เหลือใครเลย”

    เช่นเดิมอีกครั้งที่เธอพูดถึงหัวข้อสนทนาเช่นนี้ด้วยสีหน้าแจ่มใจเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ท่าทางไม่ยี่หระแม้คำพูดจะแสนเศร้า

    น่าแปลกอยู่ ในเมื่อเหตุผลต้นตอของความกลัวที่เธอหนีมาดันอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าจะทำให้ลำบากใจหรือเปล่า การินไม่ค่อยแน่ใจ แปลอารมณ์ของเธอไม่ออกสักเท่าไหร่ เพราะแววตาตอนที่หญิงสาวเห็นเขาเมื่อครู่ดูเป็นประกายวับวาว คล้ายกับมีความสุขมากที่ได้เจอ

    เธอคิดมากไป”

    “ฉันไม่เชื่อ ...นายเอาแต่หลอกให้ฉันตายใจอยู่เรื่อย”

    ฉันก็ไม่อยากให้เธอหายไป” การินเอ่ยปลอบใจด้วยการสื่อว่าเขาเองก็ไม่ต่าง แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจฟังเขาพูดนัก ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

    นายอย่าห่วงเลย ถ้านายไม่ช่วยฉันก็ทำไม่ได้หรอก”

    น้ำเสียงแจ่มใสของเธอกลับทำให้เขาเศร้าขึ้นมา

    งั้นเหรอ”

    ชายหนุ่มครางรับในลำคอ เสียงเบาราวกระซิบ “...ฉันเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”

     

     

     

    6.

    ลัล...คุณนายมันตายแล้วนะ”

    จู่ ๆ พี่สาวข้างห้องที่บังเอิญเจอกันในร้านสะดวกซื้อก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ระหว่างที่เดินกลับเข้าในคอนโดด้วยกัน ข่าวอุบัติเหตุวันก่อนถูกแพร่ไปในบรรดาลูกบ้านอย่างรวดเร็ว และน่าจะถูกพูดไปจนถึงอีกสองสามวันถัดไป

    อยู่ดี ๆ พี่ก็เห็นมันร่วงลงมา ต่อหน้าต่อตาเลย”

    หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืด

    สิ่งที่แย่ที่สุดคือในเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นลัลทริมาเห็นทุกอย่าง แต่ไม่สามารถขยับร่างกายตามใจชอบได้ ราวกับว่ากำลังมองเรื่องราวผ่านมุมมองของใครอีกคนหนึ่ง

    ลัลทริมาเคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วในตอนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอาถรรพ์เมื่อก่อน ดวงวิญญาณบางดวงก็ต้องการให้เธอเห็นภาพความทรงจำของพวกเขา ข้อนี้ลัลทริมาเข้าใจได้

    ครั้งนี้มันเกิดขึ้นกับตัวเธอเอง...ไม่ปรกติเอาเสียเลย

    มันซูบจนน่ากลัว กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกมาหมด ขยับตัวแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ...พี่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ มันถึงกระโดดลงไปข้างล่างให้รถทับได้แบบนั้น” พี่สาวข้างห้องเอ่ยเสียงสั่นเครือ

    หนูเสียใจด้วยค่ะ...ตอนนี้คุณนายไปสบายแล้ว พี่อย่าเศร้าเลยนะคะ”

    รู้สึกแย่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะน่าขนลุกแว่วมากับลม

    นั่นทำให้เธอยิ่งแน่ใจสาเหตุของเรื่อง ภายในใจเอ่ยขอโทษเป็นร้อยพันครั้ง...เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมา

    ยิ่งกว่านั้นตอนที่คุณนายโดดลงไป คนในรถตกใจจนหักพวงมาลัยเหยียบรถชนเสาเลยเจ็บหนัก เมื่อคืนพี่ยังทำใจไม่ได้เลยไม่ได้ถามว่าเรื่องตรงนั้นเป็นยังไง แต่ได้ข่าวว่าทนเจ็บไม่ไหวไปเสียที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ”

    หญิงสาวผู้นั้นพูดพลางสะอื้น

    “พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ชนแรงขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ ถึงตรงนั้นจะเป็นทางลาดลงก็เถอะ แต่…แต่ก็ไม่น่าจะถึงตายนี่นา เพราะแมวพี่โดดลงไปตรงหน้าพวกเขาแท้ๆ ฮือ …มันเป็นความผิดพี่เอง”

    ลัลทริมาหน้าชาวาบ แท้จริงใช่ความผิดเจ้าหล่อนเสียที่ไหนกัน

    เสียงหัวเราะแว่วมาอีกครั้ง

     

     

     

    7.

    สัมผัสอ่อนหวานสะกิดแผ่วเบาที่เรือนผมดำขลับ

    ฝ่ามือบางปัดเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าขาวออกเบามือ

    การินเปิดเปลือกตาขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิทขุ่นมัวเมื่อเห็นร่างบอบบางในเครื่องแบบนิศาพาณิชย์ชะโงกหน้าลงมามองอย่างใคร่รู้ มือหนาคว้าหมับเข้าที่ฝ่ามือข้างนั้นแล้วบีบแน่น ทว่ากลับทะลุผ่านง่ายดาย เป็นเพียงเขากำมือตัวเองเสียเปล่า

    “คิดจะทำอะไร”

    “แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ” มันย้อนถาม

    เขาขมวดคิ้วหงุดหงิด เป็นตัวจริงป่านนี้คงร้องโอดโอยเจ็บมือไปแล้ว

    เลิกโผล่มาในร่างยัยโง่สักที”

    ฉันคิดว่าเธอชอบแบบนี้เสียอีก” ญาณอาถรรพ์ในร่างลัลทริมาแสร้งทำหน้างอ ก่อนจะปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ ร่างกายผอมบางของเด็กสาวเริ่มบิดเบี้ยว กลายเป็นกลุ่มก้อนควันสีดำเหมือนเงามืดดังเดิม หากยังคงไว้ซึ่งรูปโครงหลักเจ้าของร่าง

    เมื่อได้เห็นภาพนั้นกับตาก็รู้สึกราวกับมีลมเย็นวาบพัดกระทบแผ่นหลัง และหากไม่ได้มองผิดไป ควันดำที่เห็นตอนนี้รวมตัวกันหนาแน่นยิ่งกว่าครั้งล่าสุดที่ได้เห็น

    “ถ้าแกได้วิญญาณตามเป้าหมายที่ต้องการแล้วจะทำอะไรต่อ”

    “ฉันยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น”

    คำตอบที่แทบไม่ได้เบาะแสเพิ่มเติมทำเอาชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด ดวงตาคมกวาดมองโดยรอบพลางนึกว่าที่สุดท้ายที่เขาวางมีดอาคมไว้คือส่วนไหนของห้อง

    “งั้นแมวตัวนั้นสำคัญกับแกยังไง”

    “ไม่ได้สำคัญ ฉันแค่ต้องการให้มันตาย มันก็ต้องตาย” สิ่งนั้นเอื้อนเอ่ยอย่างไร้อารมณ์

    เสียงตอบสะท้อนไปมาราวเกิดจากพื้นที่รอบตัวมากกว่ามีแหล่งกำเนิดเสียงจากกลุ่มก้อนสีดำตรงหน้า คำตอบของมันทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกเจ็บใจ ตอกย้ำว่ายันต์คุ้มภัยที่กำกับอาคมไว้ไม่แรงพอที่จะช่วยอะไรได้ เมื่อสิ่งที่ต้องต่อกรด้วยคือ มัน

    ฉันดีใจที่เธอยอมให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันต้องการ”

    “ฉันไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับแก” การินเอ่ยตอบ เขาแค่อยากรู้ว่าถ้าลัลทริมาไม่มีเบี้ยแก้อยู่กับตัว ญาณอาถรรพ์จะทำอะไรกันแน่

    ดูเหมือนมันไม่เข้าใจคำตอบนั้นสักเท่าไหร่

    “แต่เธอเก็บสร้อยนั่นไปนี่ …ฉันคิดว่าเธอเห็นด้วย”

    “ฉันพูดแบบนั้นตอนไหนกันไอ้ผีกระจอก”

    แปลว่าเราจะไม่ตกลงกันดี ๆ งั้นเหรอ?”

    ใบหน้าคมปรากฏรอยยิ้มเยาะ “ฉันไม่เคยพูดสักครั้งว่าจะร่วมมือกับแก จำแลงกายมาเรียกร้องส่วนบุญไม่ต่างกับผีชั้นต่ำน่าขำชะมัด... ไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”

    หมอกดำที่ไหลเวียนภายในห้องคล้ายอึมครึมมากขึ้น

    ดูเหมือนมันกำลังไม่พอใจ

    “งั้นเลือกเอาเองแล้วกัน... ว่าจะหาเหยื่อสังเวยให้ หรือจะให้ฉันควบคุมลัลทริมาเอง”

    น้ำเสียงลัลทริมาที่ออกจากกลุ่มควันนั้นหวานหูทว่าเย็นเยียบ แม้นไม่มีดวงตาปรากฏให้เห็นชัดเจนทว่ากลับรู้สึกได้ถึงสายตาเขม็งมาที่ชายหนุ่มจนเขาขนลุกวาบ ทิ้งคำพูดน่าอึดอัดไว้แล้วหายวับไปอีกครั้ง

    การินขบกรามแน่น นึกออกเรื่องหนึ่งว่านอกเหนือจากพลังงานอาถรรพ์เข้มข้นอัดแน่นที่จะดึงดูดจิตใจด้านลบอย่างที่เขาต้องการ มีประเด็นอื่นที่เขากำลังสนใจในญาณอาถรรพ์ ดูเหมือนว่าจะเป็นคุณสมบัติใหม่เสียด้วย

    ชายหนุ่มสงสัย

    ...มันกำลังเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์งั้นหรือ?

     

    อย่างน้อยการแสดงออกแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ญาณอาถรรพ์ไม่เคยทำมาก่อน

    ซึ่งต้นแบบมนุษย์ที่นี้คือลัลทริมา

    ทำไมวิวัฒนาการทางการเรียนรู้อย่างที่สิ่งมีชีวิตพึงจะมีได้ถึงปรากฏขึ้น ทั้งยังค่อยๆขยับไต่สูงขึ้นไปเรื่อยจนใกล้เคียงต้นฉบับ ราวกับว่ามันเตรียมพร้อมพยายามจะกลายเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แม้ว่าแท้จริงดูจะไร้ความรู้สึกที่ซับซ้อนเฉกเช่นมนุษย์

    ตรงกับความต้องการของมันที่เคยบอกกับเขาก่อนหน้านี้ว่าต้องการครอบครองจิตและร่างของหญิงสาวเพื่อเป็นทางผ่านในการปลดปล่อยพลังอาถรรพ์ได้เต็มที่ และนั่นทำให้เขาเพิ่งเข้าใจคำพูดของคนทรงชราที่บอกว่าต่อไปในอนาคตเรื่องของลัลทริมาจะหนักยิ่งกว่านี้

    เวลาอายุขัยที่ตัดสินเป็นตายของมนุษย์มักอยู่ในช่วงเบญจเพส นี่ยังไม่รวมถึงว่าเบญจเพสไม่จำเป็นต้องเป็นเลขยี่สิบห้าอย่างแน่นอนอีกนะ

    วิเคราะห์กันแบบหยาบ ๆ ตอนนี้ลัลทริมาอายุเข้ายี่สิบสาม และเวลาสองปีก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร วิธีไหนกันถึงจะเป็นทางออกของเรื่องนี้ ...สมมติว่ามีเพียงสองทางเลือกอย่างที่มันพูด

    ทางแรก เขาปลดปล่อยมันตอนนี้ตามที่มันขอ... อาจจะใช้เวลาสองปีเทียบเท่าครั้งก่อน จุติญาณจะกลายเป็นสลักบิดเบือนกรรมที่พร้อมใช้งาน แล้วยังไงต่อล่ะ?

    มันต้องการความปรารถนาของผู้เป็นนาย

    หากมันพยายามจะเป็นนายเสียเอง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น

    ทางที่สอง เขาขัดขวางมัน... แม้ยืดเวลาออกไปได้ อาจจะสักเดือน สักปีหรือมากกว่านั้น แต่ที่เห็นได้ชัดเจนในครั้งนี้คือมันรู้จักแสดงออกว่าไม่พอใจออกมา หากพลังมันฟื้นตัวจนเป็นปกติเมื่อไหร่ มีสิทธิ์ที่เจ้ากรรมนายเวรของลัลทริมาจะมีจำนวนเดิมด้วยระยะเวลาที่เร็วขึ้นหลายเท่า ...ไม่ว่าทางใด ก็เป็นไปได้สูงว่าทุกอย่างก็จะจบลงเช่นเดิมอีกครั้ง

    …แต่ถ้าไม่ล่ะ?

    เขายังไม่เข้าใจทั้งเงื่อนไขและวัฏฏะของสิ่งนี้ดีมากพอ ถ้ามันไม่ได้ต้องการกลายเป็นสลักกรรม อย่างนั้นก็ไม่มีเบาะแสเลยว่าญาณอาถรรพ์ต้องการอะไร

    ทว่าสิ่งหนึ่งที่รู้จากเดิมคือ ญาณอาถรรพ์เรียกได้ว่ามีพลังในการทำลายอยู่สูง สามารถชักนำกิเลสมหาศาลไปสู่โศกนาฏกรรมและความตายให้ใครหรือสิ่งมีชีวิตใดก็ได้บนโลกนี้ ทั้งนี้แม้ตัวเขาเองจะฉลาดใช้เล่ห์กลเพียงไหน หากลัลทริมาร้ายกาจขึ้นมาก็คงเกินจะรับมือไหว 

    รวมถึงจุดบกพร่องหนึ่งในการเป็นมนุษย์คือ ญาณอาถรรพ์เป็นดวงจิตที่รับรู้และมีได้เพียงอารมณ์กิเลสตัณหาความคิดทางลบเท่านั้น ...ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็เป็นจุดเด่นของญาณด้วย

    มันไม่ทุกข์ หรือยินดี

    ไม่เมตตา

     

    และไม่รัก

     

    หากวันใดที่มันครอบงำเจ้าของร่างอย่างสมบูรณ์ ต่อให้จิตใจของหญิงสาวจะขาวสะอาดเพียงไหน เมื่อเจือปนด้วยสิ่งโสมมไม่มีที่สิ้นสุด ก็มิอาจเปล่งประกายได้อีก

    ถึงตอนนั้นลัลทริมาจะยังมีจิตใจของตัวเองหลงเหลืออยู่บ้างไหม

    การินไม่อยากจะคิดต่อ

    ...จากแม่มดคงจะกลายเป็นปีศาจเสียแทน

     

    อะไรๆ กลายเป็นเรื่อง ยากไปเสียแล้ว

     

     

     

    8.

    ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลย”

    ลัลทริมาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าด้านนอกสีครึ้มพอ ๆ กับจิตใจของหญิงสาว อดีตแฟนหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟา เงยศีรษะไปหงายไปด้านหลังกับพนักพิง ดวงตาปิดลงแต่ขมวดคิ้ววุ่น

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ ฉันแค่สงสาร...อยากช่วยคุณนายเท่านั้นเอง”

    “...”

    พี่เขาต้องเสียใจมากแน่...ฉันทำให้คุณนายตาย แถมยัง” คำพูดเธอขาดห้วงไป “แถมยังมีคนตายด้วย แม่มดอย่างฉันนี่มัน...น่ารังเกียจจริง ๆ”

    ในที่สุดเขาก็ตอบ

    ญาณอาถรรพ์ทำต่างหาก”

    ดวงตาสีน้ำตาลเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำ ปลายจมูกแดงเรื่อ

    ริมฝีปากสวยเม้มแน่น “ดีใจที่นายพูดแบบนั้นนะ...แต่แล้วมันจะต่างกันตรงไหนเหรอ นายรู้ไหมว่าฉันแค่คิดแบบนั้น ก็แค่คิดเฉย ๆ ว่าไม่อยากให้มันทรมาน แล้วมันก็โดดลงไปตายต่อหน้าต่อตา”

    “ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายนี้ไม่ใช่ของฉัน คนที่มองภาพทุกอย่าง คนที่พูดคำพวกนี้ไม่ใช่ตัวฉัน”

    คล้ายร่างกายกำลังสิ้นเรี่ยวแรง

    “...ฉันรู้ อย่าห่วงเลย ไปพักซะ”

    เธอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ แม้จะไม่อยากห่วงนั่นนี่อย่างที่อดีตแฟนหนุ่มบอกแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน อีกทั้งยังอดตะขิดตะขวงในคำตอบนั้นไม่ได้ “หมายความว่าไง รู้อะไร?”

    นี่ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ”

    มือแกร่งเอื้อมใกล้คล้ายจะกุมมือเธอไว้ ทว่าหญิงสาวชักมือตัวเองหลบ

    “นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “ตอนเธอยืนอยู่ที่ระเบียง เห็นท่าทางแปลกไปก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นแบบนั้น”

    “แล้วนายก็มองโดยไม่ทำอะไรสักอย่างเนี่ยนะ... เธอแทบไม่อยากจะเชื่อคำตอบของเขา นั่นมันก็ตั้งแต่แรกเลยไม่ใช่รึไง

    เพราะแบบนี้ไงการินถึงได้ดูเหมือนกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างในสายตาเธออยู่เสมอ

    เสียงหวานสั่นระริกก้ำกึ่งระหว่างโวยวายกับหมดอาลัย ทั้งที่มันเป็นประโยคคำถาม แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนเธอพูดอยู่คนเดียว

    รู้ไหมฉันเกลียดสุด ๆ เวลาที่ฉันไม่รู้อะไรเลย แต่นายกลับทำทุกอย่างเหมือนว่ารู้อยู่แล้ว แล้วฉันไม่มีสิทธิ์รับรู้ด้วย... นายคิดอะไรอยู่นายบอกฉันบ้างก็ได้ ได้โปรด...อย่าทำให้ฉันดูโง่ไปมากกว่านี้เลย

    แค่จำไว้ว่าเธอจะไม่เป็นไรก็พอ ไปนอนพักได้แล้วไป”

    “ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ตอบมาสิการิน” ดวงตากลมโตจ้องเขม็ง ทั้งแววตาและน้ำเสียงดื้อรั้น

    แม้แต่ในยามที่การินตอบหนักแน่น

    “เชื่อใจฉันยัยแม่มด”

    แล้วฉันจะเชื่อใจนายได้ยังไง?”

    งั้นฟังนะ ตอนนี้ฉันรู้วิธีเอาญาณอาถรรพ์ทั้งหมดกลับมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ฉันก็เลือกไม่ทำ ...แค่นี้พอจะทำให้ยัยโง่อย่างเธอไว้ใจได้หรือยัง” น้ำเสียงเด็ดขาดที่ออกจากปากชายหนุ่มทำให้ลัลทริมาชะงักไปชั่วอึดใจ ยกมือขึ้นรีบปาดน้ำหางตาออกในขณะที่จิตใจกำลังหมองหม่นลง

    นาทีนั้นหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง  การินกำลังรับประกันความปลอดภัย แต่ทำไมความหมายของสิ่งที่ออกจากปากเขาถึงได้เลวร้ายขนาดนี้กันนะ

    “แล้วทางเลือกนั้นดีกับนายมากกว่าการเรียกมันกลับมายังไง …ถึงได้ตัดสินใจแบบนั้นล่ะการิน” ไม่มีคำตอบ

     รู้สึกกลายเป็นตัวหมากในเกมกระดาน

    เป็นหนูทดลองในโปรเจคที่ถูกทำค้างไว้

     

    เธอไม่เคยเข้าใจเลย

     ในเมื่อเวลามีเรื่องอะไรเกินขึ้นที่เกี่ยวข้องกับอาถรรพ์การินบอกเธอแทบนับครั้งได้ และมันเป็นแบบนี้มาตลอดจนราวกับกลายเป็นนิสัยเสียของเขาไปแล้ว ต่อให้เวลาอื่นเขาจะทำตัวน่ารักแค่ไหนแต่พอเป็นเรื่องงานอดิเรกของชายหนุ่ม ลัลทริมาจะต้องมีอาการประสาทกินทุกครั้งไป

    อย่างตอนที่ยังคบกันอยู่ก็ไม่พูดจนได้เรื่องเลิก และใช่...ในเคสนั้นต่อให้เขาพูดมันก็เป็นเรื่องอยู่ดี พอมาตอนนี้เธอเห็นชัดว่าเขาพยายามทำตัวดีใส่ แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรให้มันชัดเจนขึ้นเลย

    เหมือนกับการินไม่เชื่อใจเธองั้นแหละ

    ลัลทริมาจนปัญญาแล้วที่จะทำให้การินเปิดใจกับเธอมากกว่าที่เป็นอยู่

    ในเวลานี้หากมีใครถาม หญิงสาวคงให้คำตอบว่าเธออาจจะไม่ไว้ใจ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ให้โอกาส หากการินอยากแก้ไขความสัมพันธ์เขาต้องเริ่มจากการเอาความเชื่อใจคืนให้เธอก่อนลำดับแรก ซึ่งขนาดเป็นแฟนกันการินยังทำให้เธอระแวงจนแทบบ้า เพราะงั้นการที่การินหวังให้เธอเชื่อใจเขาดื้อ ๆ มันคงเป็นไปไม่ได้

    แม้อีกฝ่ายจะยืนยันว่าจะช่วยเธอก็ตามที แต่หญิงสาวก็สงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่สาเหตุที่การินกลับมา ...สาเหตุที่ว่าญาณอาถรรพ์ยังวนเวียนอยู่

    ตะกอนถูกกวนขึ้นในใจอีกครั้ง

    ภาพวันนั้นที่เธอร้องไห้ฟูมฟายเพราะคุยเรื่องเมื่อหกเดือนก่อนให้กระจ่างซ้อนทับเข้ามาในหัว เพียงแต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน

    “...นายยังหวังอะไรจากฉันรึเปล่า?”

    เขาไม่ตอบ แต่ย้อนถาม

    แล้วเธออยากให้ฉันตอบว่ายังไง?”

    ฉันแค่อยากให้นายตอบตามตรง” เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายกับว่าลัลทริมาเห็นดวงตาคมฉายแววลังเลชั่ววูบของเขาก่อนได้ยินสียงตอบกลับมา

    ทั้งใช่ และก็ไม่”

    เธอถอนหายใจกับอดีตแฟนหนุ่ม

    คำตอบไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้นเลยสักนิด  “ก็แปลว่าหวังสินะ”

    “ก็มีอยู่บ้าง ...แต่คงไม่ใช่แบบที่เธอคิด”

    แค่อธิบายบ้างมันจะตายเหรอการิน ฉันจะได้รู้ว่าควรจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง ทำให้กันยากขนาดนั้นเชียว ลัลทริมาตัดพ้อ นึกเสียใจ มีหวังเขาคงทำเธอเจ็บอีกแล้ว

    “หลายปีที่ผ่านมา ครึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้สอนบทเรียนอะไรให้นายเลยจริง ๆ เหรอ?”

    ร่างบางถามซ้ำ ยังคงหวังลึก ๆ ว่าเขาจะพูดอะไรให้เธอสบายใจได้บ้าง แค่คำพูดแก้ตัวโง่ ๆ ก็ยังดี หากแต่ชายหนุ่มเพียงปล่อยให้มันกลืนไปกับความเงียบดั่งที่ผ่านมา

    ไม่รู้ว่าเขาไม่ต้องการจะตอบ หรือไม่มีคำตอบให้แต่แรกกันแน่

    เธอห้ามให้คนสักคนเป็นหรือไม่เป็นอย่างที่เธอต้องการไม่ได้หรอก ...อย่าคาดหวังอะไร ถ้าผูกความรู้สึกมากไปความคาดหวังจะทำเธอเจ็บ”

     

    นายบอกให้ฉันเชื่อใจ แต่ดันให้เหตุผลว่าฉันเจ็บเพราะฉันคาดหวัง นายรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดจาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”

    สิ้นถ้อยคำการินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เอ่ยยอมรับข้อกล่าวหาอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนัก

    ฉันหวังตัวเธออยู่”

    “...”

    “ตลอดเวลา...และไม่เคยต้องการอย่างอื่น”

    ฝ่ามือหนายกขึ้นจะสัมผัสใบหน้านวล หากแต่ร่างบางเบี่ยงหลบ

    รู้ถึงความหมายในสิ่งที่อดีตแฟนหนุ่มพูดออกมา จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อแววตาเขามันบอกชัดเจนจนน่ารังเกียจเสียขนาดนั้น ...ไม่คิดจะปกปิดต่อหน้าเธอบ้างเลยสินะ

    แต่ก็สมแล้วที่เป็นตัวเขา สมแล้วกับสิ่งที่เธอมี

    มองดูฝ่ามือข้างนั้นชะงักกลางอากาศแล้วเลื่อนลงข้างลำตัว

     

    ทุกอย่างวนสู่จุดเดิม

    ซ้ำไป ...ซ้ำมา 

    คนหนึ่งก็เอาแต่ใจ

    อีกคนเห็นแก่ตัว

     

    ...และมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยจริง ๆ

          

    สุดท้ายมันก็เป็นแบบนี้ นายได้ทำสิ่งที่ต้องการแล้วแต่ฉันกลับรู้สึกไม่แฟร์เลย...ฉันเหนื่อย ฉันจะทำอะไรที่ฉันต้องการมั่งได้ไหม?”

    คิดจะทำอะไร?”

    เธอแค่นยิ้ม น้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

    ไปเจอใครที่ดีกว่าไง ฉันไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ปล่อยให้ฉันไปเถอะก่อนที่ฉันจะเกลียดนายจนกลายเป็นบ้าเข้าสักวัน”

    เขาขบกรามแน่น เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟัน

    เธอคงอยากโดนล่ามมากสินะ”

    ลัลทริมาคงเป็นได้แค่ผู้หญิงเจ้าน้ำตา 

    เธอร้องไห้ ร้องไห้ ...อีกครั้ง

     

     

     

     9.

    ทะเลสาบสีขุ่น ดวงจันทร์บนผิวน้ำแตกเป็นรอยร้าว

    เห็นหน้าชายหนุ่มแล้วหยาดน้ำตาก็สามัคคีกันทะลักออกมาจากเบ้าเสียเฉยๆ หยดน้ำใสไหลเอื่อยลงสู่ปลายคาง จากปลายคางหยดลงสู่พื้นดิน ดอกไม้แสนสวยที่กำลังเบ่งบานกลับพากันเฉาตายลงไป

    เธอร้องไห้ทำไม?”

    ฉันอยากออกไป”

    งั้นทำไมเธอยังอยู่ที่นี่”

    ฉันไปไม่ได้...”

    ชายหนุ่มก้มมองร่างบางอีกครั้งแล้วขมวดคิ้ว ลวดหนามมากมายรัดอยู่รอบกายหญิงสาว เลือดซึมออกมาจางๆ แต้มชุดสีขาวสะอาดจนเป็นสีชมพูด่าง

    ภาพนั้นทำการินแปลกใจไม่น้อย

    ชั่ววูบแรกสนทนาเขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใด ทว่าพอเธอกล่าวตอบ ชายหนุ่มจึงมองเห็นในพริบตาราวมีสิ่งนี้อยู่มาตั้งแต่แรก โดยเป็นเขาต่างหากที่ไม่สนใจมัน

    ...เพราะอะไร?”

    ความรัก” เสียงหวานสั่นเครือ

    นัยน์ตาคู่คมได้แต่มองดูเลือดที่กระจายเป็นวงกว้างบนผ้าบาง รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นเธอเจ็บ แต่ไม่คิดอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเข้าไปช่วยเลยสักนิด กลับกันรู้สึกดีที่อย่างน้อยก็เห็นเธอเจ็บอยู่ตรงหน้า

    ...เพราะคนที่ช่วยเธอได้จะมีเพียงเขาผู้เดียว

     

     

    การินต่างหากที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้

     

    นี่ต่างหาก...จิตใต้สำนึกของเขา







     

    ไม่ใช่ของลัลทริมา

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++

     

     humble_h : เอ้า กระโดดลงบ่อยาพิษกันไปทั้งคู่เลย

    เจอกันเดือนหน้านะเด็กดี พรุ่งนี้โดนพรากจากคอมละคับ จะสู้กับไฟนอล

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×