ตอนที่ 85 : EP.24 แม่ก็คือแม่
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.24
เวลาที่เราทุกข์ที่สุด ลำบากที่สุด
เราจะเห็นว่าใครคือ เพื่อนแท้
"กรี๊ดดดดดดดด โอ้ย อีบ้า ปล่อยนะ!"
เสียงหวีดร้องใส่หน้าทำเอาร่างสูงใหญ่ที่กำลังหลับหูหลับตาทำใจอยู่สะดุ้งโหยง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเห็นผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าญดากำลังจิกผมสีบลอนด์ทองที่ยามสลวยของเด็กสาวแล้วลากอีกฝ่ายที่เอาแต่โวยวายช่วยตัวเองก็ไม่ได้ไปตามทางเดิน จอมพลที่เพิ่งได้สติวิ่งตามไปด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เพราะยลรดาตัวเล็กพอๆ กับจินตภัทร พอตัวของญดาบังไว้จนมิด ดูแทบไม่ออกว่าญดาโดนใครจิกหัวลากไป
"เชี่ย...หยั่งกะโดนผีจูออนลากขึ้นฝ้าเพดาน แจน! แจน! ใจเย็นๆ" ร่างสูงวิ่งไปดักข้างหน้าผู้จัดการสาวที่โกรธสุดขีด จ้องหน้ากลับตาขวางจนจอมพลหน้าเหวอ
"อีชั่ว! ไหนบอกรักคนนี้รักนักรักหนา แล้วนี่แกมายืนนัวอยู่กับอีเด็กกระโปรงสั้นเสมอจิ๋มนี่ทำไม?"
คนโดนด่าผงะถอยออกไปก่อนที่ญดาจะโดนผลักจนลงไปนั่งคลุกฝุ่นหัวกระเซิงอยู่กับพื้น
ยลรดาไม่เพียงโกรธสิ่งที่เพื่อนอย่างจอมพลทำ แต่มันเป็นสิ่งที่เธอเคยโดนกระทำและเกลียดการถูกนอกใจแบบนี้ ทำไมผู้ชายพวกนี้ถึงไม่รู้จักพอ ทำไมถึงต้องทำผิดซ้ำๆ ทั้งที่ตอนก่อนพิมพ์จะเสียจอมพลก็บอกว่ารู้สึกผิดกับพิมพ์ที่นอกใจเธอไปคบกับจินตภัทร แล้วมาตอนนี้จะนอกใจจินตภัทรอีกงั้นเหรอ? คนมันเคยทำผิดครั้งหนึ่งแล้ว มันก็ต้องมีหนที่สองตามมาสินะ...
"นี่แก...อ๋อ นางเอกที่เล่นละครด้วยกันนี่ เหอะ ตอนผู้ใหญ่เขาบอกให้มีกระแสคู่กันดีไหม ทำมากระมิดกระเมี้ยนไม่ดีมั้งคะ ตอแหลเอ้ย!" ฟังจากน้ำเสียงและคำด่าทอแล้วจอมพลก็รู้เลยว่ายรดาเริ่มใช้ความรู้สึกส่วนตัวที่คับแค้นใจพฤติกรรมของแฟนเก่ามาลงที่ญดา ร่างสูงรีบเดินเอาตัวไปบังแล้วช่วยญดาให้ลุกขึ้น แต่ทันทีที่หันหลังก็โดนฝ่ามือของผู้จัดการสาวฟาดกลางหลังจนเสียงดังลั่น
"ถ้าก้มลงไปช่วยมันฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกจีน ถอยออกมา!"
"แจน แต่ว่า..."
"ทำไม!"
"คือ..เปล่า"
"จำไว้นะน้อง อยากขายหอยอย่ามาเป็นดารา ไปเป็นกะหรี่ แล้วต่อให้เธอมีเรื่องจะแบลคเมล์คนของฉัน ก็รู้ไว้ด้วยว่าตอนนี้ฉันก็มีเหมือนกัน แค่ฉันโทรหานักข่าวแป๊บเดียว เธอจะได้ขายหอยเป็นอาชีพหลักแทนอาชีพเสริมตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป"
เชี่ย ผู้หญิงเขาด่ากันแรงอะไรเบอร์นี้วะ...
ชายหนุ่มแทบจะสร่างเมา ถอยหลังหลบให้ยลรดาเดินนำออกไป รีรอมองเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่กับพื้นอย่างไม่กล้าตัดสินใจว่าจะเดินหนีหรือจะช่วยก่อนดี ....
"แล้วแกยังยืนหน้าโง่อะไรอะไรอยู่ตรงนั้น! จะกลับเองหรือจะให้โทรเรียกเมียมารับ!"
แต่เสียงของผู้จัดการสาวที่อยู่ด้านนอกแผดลั่นจนร่างสูงสะดุ้งวิ่งตามออกไปแทบไม่ทัน
เพราะยลรดาเองก็ขับรถไม่เป็นและจอมพลเองก็ไม่ได้เอารถมา ทั้งสองคนเลยต้องมายืนรอรถจากที่บ้านของหญิงสาวที่โทรเรียกให้มารับ พอได้ยืนอยู่ด้วยกันแล้ว ความรู้สึกที่เคยหวาดกลัวและกังวลเกี่ยวกับความลับที่มีมันค่อยๆ ผ่อนคลายลงเพราะยลรดาเองก็เป็นทั้งเพื่อนและคนที่ไว้ใจกันมาแต่ไหนแต่ไร
"แกนอนกับอีเด็กแฟนคลับจริงเหรอ?"
"ไม่เคย..."
"อ้าว แล้วอีนั่นมันพูดถึงใคร ผู้มีอุปการคุณแกมีใครอีก? นี่อุตส่าห์ยืนฟังอยู่ตั้งนาน สรุปมันพูดถึงใคร? แกจะเล่าหรือจะให้ฉันไปถามอีเด็กนั่น?"
"ไม่เกี่ยว...คนละเรื่อง และคนละคน จริงๆ แจ็คมันก็ไม่ได้รู้เห็นด้วยแต่ถ้าแก้มยุ้ยจะเอาไปพูดก็คงมีแต่เรื่องพี่พริม"
อยู่ๆ ชื่อของผู้มีอำนาจในบริษัทก็ถูกพูดถึงขึ้นมา หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวาบราวกับหล่นจากที่สูงแถมสีหน้าของจอมพลก็ดูซีดเซียวจนรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ เพราะคุณพริมเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารของค่าย แต่ถ้าคิดย้อนกลับไปตอนที่จอมพลมีข่าวสารพัด ก็มีแต่คุณพริมนี่แหละที่แม้จะด่าทอยังไง สุดท้ายก็ยังสั่งให้ฝั่งประชาสัมพันธ์ไปคุยกับสื่อและเพจข่าวลือเพื่อต่อรองให้เสมอ บีเดฟโซลถึงได้รอดข่าวฉาวมาจนทุกวันนี้...
"แกจะบอกว่าแกเป็นผัวน้อยคุณพริมเหรอ?"
"เจ๊พูดแรงไป คือวงการนี้มันก็ซับซ้อน จะพูดยังไงดีอะ พี่พริมมีเงิน บีมีแต่หมอยและรอยยิ้มอะ จะเอาอะไรไปแลกวะ?"
"อีชั่ว! แกมันชั่วร้าย ฉันอยากให้จีนเขารู้เหลือเกินว่าแกใช้ชีวิตแบบไหนมาก่อน แล้วนี้แกติดหนี้คุณพริมเท่าไหร่?"
"ก็...ประมาณ ยี่สิบล้าน ค่าบ้านกับค่า...คอนโด"
"แล้วนี่ที่อีไพลินเด็กเปรตนั่นให้แกล่ะ?"
"เจ๊มันไม่พอใช้หรอก ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากินอยู่แต่ละวันไม่น้อยเลยนะ ได้เงินค่าตัวมาจะใช้เยอะก็ไม่ได้เดี๋ยวไอ้แจ็คมันก็ด่าว่าฟุ่มเฟือย.."
"แล้วมันจริงไหมล่ะ! อีบ้าเอ้ย ทำไมทำตัวแบบนี้วะ!" หญิงสาวด่าไปก็จิกตีอีกฝ่ายอยู่ในมุมมืดตรงลานจอดรถที่ไม่มีคนนอกเข้ามาระหว่างที่รอรถตู้มารับ
"โอ้ย! แล้วจะให้ทำไงวะ ก็มันใช้ไม่พออะ! เดี๋ยวก็หามาคืนได้เองแหละน่า มันแค่ต้องใช้เวลาหน่อย"
ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดและพูดออกมาโดยไม่กลั่นกรองอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะยังไงตอนนี้เขาก็ไม่สามารถเก็บความลับระหว่างเขากับผู้จัดการคนใหม่ได้อีกแล้ว
"แล้วแกคิดจะไปหาเงินก้อนนั้นมาจากไหน?"
..............20%............
"พูดตรงๆ ไม่เข้าข้างเพื่อน ฉันว่าแกยังไม่รู้เลยว่าแฟนคลับบ้าๆ พวกนั้นเป็นคนยังไง แกไปเดือดร้อนแทนแล้วทะเลาะกับแฟนแบบนี้ไม่ถูกนะ"
เสียงของอนิลเอ่ยขณะที่กำลังจะขอตัวกลับ เพราะวันนี้ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาแถมยังมีงานที่บ้านต้องช่วยพ่อแม่ทำอีก จะร่อนเร่ไปมาเหมือนตอนกลับมาจากแอลเอก็คงไม่ได้แล้ว
"อืม.." น้ำเสียงที่ตอบเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะทำยังไงดี สุดท้ายไอ้การไปละลาบละล้วงข้าวของๆ จอมพลก็ไม่ใช่เรื่องที่อนิลเห็นด้วยอยู่ดี
"มั่นใจในตัวเองหน่อยดิ ถ้าไอ้บ้านั่นมันรักแกจริง มันก็ต้องบอกแกเองว่าจะเอายังไง แต่การที่แกไปจี้ถามเอาความถูกต้องทั้งที่เขาก็บอกแกก่อนหน้านี้แล้วว่าแฟนคลับพวกนี้มันร้ายกาจกับแฟนเก่าเขาแค่ไหน ทำไมแกถึงยังต้องไปเห็นใจมันวะ?"
ร่างบางพูดพลางนึกถึงคำพูดของแฟนตัวเอง จริงๆ มันก็เรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ที่จอมพลได้รับ แต่พอกวินบอกว่าจริงๆ แล้วในวงการก็เป็นแบบนี้ แฟนคลับอาจจะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง แต่ถ้าหายไปทีละคนสองคน ตัวศิลปินเองนั่นแหละที่แย่ แต่ถ้าฟังจากที่จินตภัทรบอกว่าจอมพลไม่ค่อยพอใจแฟนคลับบางคนเท่าไหร่ ก็แสดงว่ายังพอมีดีอยู่บ้าง ตรงที่พยายามแก้ไขและเอาตัวเองออกมาจากวงจรอุบาทว์ตรงนั้น
"ไม่รู้สิ แกว่าฉันควรทำไง.."
ร่างเล็กมองสบตาเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ เพราะประสบการณ์ในเรื่องความรักที่ไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้ แถมยังเป็นฝ่ายถูกแฟนทิ้งไป กว่าจะทำใจได้ก็แทบล้มทั้งยืน ถ้าตอนนั้นไม่มีจอมพลเข้ามาเสียบทันที อนิลก็คิดว่าจินตภัทรต้องเป็นพวกอกหักจนเสียสติ หรือ ไม่ก็กลายเป็นพวกไม่สนโลกไปเลย กลายเป็นคนตั้งแง่กับความรักไปเลยก็ได้ ตอนนี้ถึงจะดูอ่อนแอและลังเลกับการมีปากเสียงกัน ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พอเอาเข้าจริงก็ตาแดงเดินตามเขาไปซะอย่างนั้น ว่าตรงๆ ตามประสาชาวบ้านก็หลงผัวใช่ย่อย จะให้แนะนำยังไงได้...
"ไม่ต้องสนใจเรื่องคนอื่นไง สนใจแค่สิ่งที่เขาอยากให้แกรู้ บางทีแกก็ต้องทำตัวรู้น้อยเข้าไว้ รับรู้ปัญหาแค่เรื่องของตัวเอง อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเหมือนที่แกเคยบอกฉันไง"
อนิลบอกพลางยิ้มให้เพื่อนสนิท เพราะความจริงถ้าตอนนั้นอนิลไม่สนใจเรื่องของพิมพ์ ไม่ตีโพยตีพายไปเองว่ากวินยังมีใจให้พิมพ์ ก็คงไม่ต้องมีปัญหาจนยืดเยื้อเสียเวลาดราม่ากับผัวเกือบครึ่งเดือน สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็คิดถึงกันและยังรักกันอยู่
"ถ้าฉันไม่สนใจแล้วกลายเป็นคนโง่เหมือนตอนที่คบกับพี่เบญล่ะ..."
เสียงอ่อยๆ ของจินตภัทรที่ถามออกมาเหมือนเด็ก สายตาและท่าทางน่าสงสารของเพื่อนที่อนิลรู้สึกเอ็นดูกับท่าทางที่ช่างต่างกับงานเขียนของเจ้าตัวเหลือเกิน
มือเรียวลูบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้พร้อมกับคำพูดที่ส่งผ่านออกมาจากใจ ในฐานะคนที่กำลังมีความรักอย่าง "ปิดหูปิดตา" เช่นกัน
"แล้วแกทำอะไรได้อะ? ถ้าฉลาดได้รู้ทุกอย่างแล้วเจอแต่ความเจ็บปวด แกจะฉลาดไปทำไม?"
มือเล็กๆ ป้ายน้ำตาที่เอ่อคลอเพราะซึ้งกับคำพูดของเพื่อน ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ของจินตภัทรก็ดังแจ้งเตือนข้อความเข้า
"แปบนะ" ร่างเล็กรีบเดินไปคว้าโทรศัพท์มาดู แค่นี้อนิลก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหากับผัวหรอก ก็คงรออีกฝ่ายแชทมาง้อนั่นแหละ
เมื่อสไลด์หน้าจอดู ก็เห็นข้อความแชทของคนที่หายไปเกือนสองชั่วโมง ทำเอาใจเสียจนเกือบร้องไห้ออกมาแล้ว...
Def : หายโกรธยังอะ...อยากกลับแล้ว
Def :
พอเห็นสติ๊กเกอร์ที่อีกฝ่ายส่งมา คนที่เคยงอนอยู่ก็หลุดยิ้มจนเขินเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
"ตอบมันดิ บอกให้มันนอนข้างถนน.." อนิลแกล้งพูดแหย่ แต่เพื่อนตัวเล็กก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
"ไม่เอาอะ นี่มันจะตีหนึ่งแล้วอะ"
"แหมทีงี้เห็นใจผัว ตอนไล่นี่ไม่คิดเล้ยยยย"
ขณะที่อนิลกำลังพูดแซวเพื่อน ไอ้คนไร้บ้านที่รออยู่ในแชทก็ส่งข้อความมาอีก
Def : น้องคับ...ฝนจะตกแล้วแถวนี้ไม่มีร่มแม่ค้าให้พี่หลบด้วย
Def :
Def : น้องคับ...
Def : น้องงงงงงคับ...
Def : น้องคับสงสารพี่เถอะ ข้างนอกหนาวมากยุงกัดด้วย...
Def :
"หนิ แกจะยืนหัวเราะอีกนานไหม ตอบๆ มันไปดิ รำคาญ ลีลาอยู่นั่นอะ" ขณะที่คุณนักเขียนสนุกกับคำพูดงอแงของแฟนหน่อยที่ขอกลับมาห้อง อนิลก็ทำหน้าเหม็นเบื่อหมั่นไส้ นี่ก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว
พอโดนเหน็บจินตภัทรก็รีบตอบกลับแฟนหนุ่มไปสั้นๆ ทั้งที่ยังหัวเราะอยู่
Pepi : อืม ก็กลับมาสิ
Def :
หันมามองเพื่อนด้วยสีหน้าที่เกรงอกเกรงใจ แต่อนิลก็รู้ดีว่าถึงคราวต้องเนรเทศตัวเองกลับบ้านแล้วเพราะสงสัยอีผัวเมียบ้าๆ บอๆ นี่จะเคลียร์กันหลายท่าอยู่...
.................
ร่างผอมบางก้าวลงจากล็อบบี้คอนโด กะว่าจะไปหาโบกแท็กซี่เอาข้างหน้าเพราะวันนี้คิดว่ายังไงจอมพลก็ต้องกลับมาห้อง กำลังอยู่ในช่วงหลงผัวหลงเมียกันทั้งคู่ไม่มีทางที่จอมพลจะปล่อยให้ข้ามวันค่อยโผล่หน้ามาแน่ๆ แล้วก็จริงอย่างที่คิด เพราะสุดท้ายพ่อนักร้องหนุ่มก็ส่งข้อความมางอแงกับแฟนที่แอบเห็นแล้วขนลุก
อนิลยืนมองท้องฟ้าที่มีฝนพรำแล้วได้แต่ถอนใจ ขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะเรียกคนที่บ้านมาดีไหมหรือเสี่ยงดวงเรียกแท็กซี่ รถตู้ H1สีดำสนิทก็มาจอดเทียบส่งพ่อนักร้องที่ลงมาจากรถทันทีที่ประตูอัตโนมัติเปิด
"อ่าว มาหาจีนเหรอ?" เสียงของร่างสูงที่เอ่ยทักไม่ได้เข้าหูอนิลเลย เพราะสายตาที่เหลือบเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถ
"อืม"
ร่างบางพยักหน้าตอบก่อนจะมองสบตากับยลรดาที่ไม่หลบตาเช่นกัน จนจอมพลหันไปมองทางนั้นทีทางนี้ทีแล้วหน้าเสียเพราะกลัวจะมีปัญหากัน แต่ที่เด็ดก็น่าจะเป็นยลรดาที่เอ่ยปากก่อนนี่แหละ
"จะกลับบ้านเหรอ? ติดรถไปด้วยกันไหมล่ะ?"
คำพูดของยลรดาที่ถามอย่างท้าทายทำเอาอนิลไปไม่เป็นเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้หญิงสาวดูเหมือนชะนีขี้แพ้ที่เอาแต่หลบหลังผู้ชาย ถึงจะไม่เข้าใจเหมือนกันว่าวันนี้แฟนเก่าของกวินไปกินอะไรผิดสำแดงมา แต่ถ้าอนิลหลบก็แปลว่ากลัว
"ดี จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารถ ก็คุยกับเมียดีๆ นะพ่อหนุ่ม ก่อนจะไม่มีให้เจอหน้าอีก"
ร่างผอมบางยกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบรับและไม่วายหันไปขู่พ่อนักร้องให้ขวัญหนีดีฝ่อ
พอขึ้นไปก็เลือกนั่งที่นั่งห่างจากยลรดาแค่เบาะเดียว ขาเรียวนั่งไขว่ห้างกอดอกวางมาดทั่งที่ในใจยังรู้สึกแปลกใจกับไมตรีที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมา ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ฝนก็เทลงมาราวกับเขื่อนแตก บรรยากาศในรถที่มีเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ไม่ได้ช่วยให้อนิลรู้สึกเกร็งน้อยลงเลย
"จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมแจ็คถึงไปขอให้ฉันมาดูแลบีแทน?"
เสียงของยลรดาเอ่ยขึ้นมาทั้งที่ใบหน้าของเธอมองออกไปนอกรถ คนถูกถามพยายามเก็บสีหน้าอาการพอเรียบเรียงคำพูดที่ดูเรียบง่ายและตัดทอนความรุนแรงลงไปก็หันไปตอบเหมือนว่าตัวเองก็รู้ดีอยู่ในระดับหนึ่งเหมือนกัน
"จริงๆ แจ็คเขาก็บอกแล้วนะว่าขอให้เธอมาทำตรงนี้เพราะเรื่องผลประโยชน์แล้วเธอเองก็เป็นที่บีไว้ใจในระดับหนึ่ง"
แต่....
แทนที่จะดูฉลาด กลับกลายเป็นว่าคำตอบของอนิลดูน่าขบขันจนหญิงสาวหัวเราะออกมา อนิลมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าคนขับอยู่ก็มีจิกหัวตบมันในรถแน่ๆ มือเรียวกำแน่นก่อนจะถามออกไปอย่างท้าทาย
"มีอะไรตลกเหรอ?"
ยลรดาหยุดหัวเราะแล้วถอนใจออกมา หญิงสาวหันกลับมามองอนิลท่ามกลางแสงสลัวภายในรถ ริมฝีปากเคลือบด้วยสีส้มยกยิ้มบางราวกับมองเห็นเด็กที่น่าเอ็นดู แต่คนถูกมองกลับคันไม้คันมืออยากจะตบแม่สาวหน้าสวยให้สบัดสักที สุดท้ายคนความอดทนต่ำอย่างอนิลก็พูดหาเรื่องออกมาก่อน
"นี่ป้า ดูละครมากเหรอ ท่าเยอะจริงเลย จะจิกยิ้มอะไรมากมายรอผู้กำกับสั่งคัทรึไง!"
คนที่ปั้นหน้ายิ้มถึงกับอึ้งไปเพราะความปากร้ายของอนิล ที่อายกว่าก็เสียงคนขับที่หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
"เธอนี่มัน..."
"จะพูดอะไรก็พูด ทำตัวเป็นนางร้ายละครหลังข่าวอยู่ได้ อะไรวะ พูดๆ หยุดๆ รอกล้องแพนมารึไง?"
ยิ่งอนิลด่าออกไป แทนที่สถานการณ์ในรถจะเครียดขึ้น คนขับรถวัยกลางคนก็ยิ่งขำไม่หยุด จนต้องเอ่ยออกมาแทรกระหว่างสงครามประสาทของสาวๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"คุณแจนพาน้องเขาไปกองถ่ายกับด้วยก็ดีนะครับ พูดเก่งขนาดนี้ รับรองแฟนคลับกลัวแน่ๆ"
คนขับรถประจำที่ไปทำงานกับจอมพลแทบจะทุกที่รู้ปัญหาของยลรดาดีว่าตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาทำงานแทนกวิน แฟนคลับนอกจากจะไม่เชื่อฟังแล้ว ความที่เคยเป็นดีเจและคนในสายงานบันเทิงออกหน้าออกตา ความห่วงสวยของยลรดาก็ยังมีทำให้พูดดุด่าแฟนคลับไม่เป็น
และสำหรับอนิลเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินว่าตัวเองเหมาะกับงานเป็นไม่กันหมาแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้จอมพลก็เคยบอกว่าอนิลเองเหมาะกับงานแบบนี้ที่สุดด้วยปากคอและท่าทาง
ยลรดาฟังคนขับรถแล้วก็มองอนิลตั้งแต่หัวจรดเท้า จะว่าไปในวงการนี้ผู้จัดการก็เป็นคนที่เหมือนนางร้ายของแฟนคลับและสื่อที่เข้ามารุมสัมภาษณ์เรื่องไร้สาระ ซึ่งเธอเองทำงานนี้ได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็แทบถอดใจเพราะแค่ทำตารางงานก็เกือบเหนื่อยจะแย่แล้ว ไหนจะตกลงกับจอมพลว่าถ้าจะรีบเคลียร์หนี้ให้หมด ก็ต้องรับงานเพิ่มห้ามพักห้ามงอแงแม้แต่วันเดียว วึ่งแน่นอนว่างานแบบนี้ผู้จัดการแบบผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอคงไม่เหมาะแน่...
ถ้าเป็นอนิล...อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องร้ายใส่ใคร ปล่อยให้บทผู้จัดการตัวร้ายเป็นของอนิลก็เข้าท่าอยู่
"เธอสนใจมาช่วยงานฉันอย่างที่พี่คนขับเขาบอกไหมล่ะ?" ยลรดาพยายามลดน้ำเสียงให้ดูเป็นมิตรทั้งที่ก่อนหน้าแทบจะกัดกันเหมือนหมา แต่ถ้าพูดโน้มน้าวสำเร็จคนที่จะสบายที่สุดก็คือเธอ..
อนิลนั่งกอดอกแล้วกระพริบตาปริบๆ เหมือนใช้ความคิด เพราะจริงๆ ช่วงนี้ก็โดนบังคับไปช่วยงานที่บ้านที่ตัวเองก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ จะว่าไปงานผู้จัดการแบบที่กวินเคยทำก็เป็นงานที่ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยก็เป็นหูเป็นตาแทนเพื่อนได้ เพราะสำหรับอนิลแล้วเรื่องเงินเรื่องเล็ก แต่เรื่องเพื่อนน่ะเรื่องใหญ่
"อืม..รายละเอียดงานเป็นยังไง?"
.........50%........
หัวใจของคนเรานั้นว่ากันว่า..แข็งแกร่งที่สุดและอ่อนแอที่สุด
ช่วงเวลาที่หัวใจแข็งแกร่งที่สุดคือช่วงเวลาที่เราเจ็บปวดและพยายามประคับประคองร่างกายให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้
ส่วนช่วงเวลาที่หัวใจอ่อนแอที่สุด คือช่วงเวลาที่ 'มีความรัก'
เรามักยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพียงแค่อีกฝ่ายสบตาหรือเอ่ยคำเพียงไม่กี่คำออกมา
เราสามารถให้อภัยคนรักได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าเรื่องนั้นจะร้ายแรงเพียงใด...
'ถ้าฉลาดได้รู้ทุกอย่างแล้วเจอแต่ความเจ็บปวด แกจะฉลาดไปทำไม?'
คำพูดของอนิลยังดังก้องอยู่ในความคิด ทุกขณะที่ร่างสูงก้าวเข้ามาหาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ดวงตาฉ่ำและใบหน้าที่แดงเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าดื่มมา ก็ดีเท่าไหร่แล้วที่ยังพาตัวเองกลับมาห้องได้ ดีเท่าไหร่แล้วที่...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้จินตภัทรได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ ชั่งใจว่าจะโทรหาอีกฝ่ายดีไหม แต่หลังจากที่จอมพลส่งข้อความมาว่าขอกลับมาที่ห้อง ความรู้สึกโล่งใจก็เข้ามาแทนที่ความอึดอัดก่อนหน้า แต่ก็ไม่นาน...
มือเรียวกำโทรศัพท์ให้มือแน่นจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ นั่งคุกเข่าตรงหน้าและเอื้อมมือมาจับมือเรียวเอาไว้ สัมผัสแรกที่จอมพลได้รับคือมือนุ่มนิ่มที่ชื้นเหงื่อ และมีรอยเล็บจิกฝ่ามือจนเป็นรอย ร่างหนาเริ่มหายใจติดขัดเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอไว้ มันเป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวเหลือเกินยามที่จินตภัทรเงียบและเอาแต่นั่งจ้องหน้าเขา เหมือนรอคอยให้เขาพูดอะไรออกมา สารภาพออกมาสักที...
"รู้ไหมตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาที่อยู่ในวงการ ทำงานในฐานะคนบันเทิงที่ถูกจับตามอง บีไม่เคยประหม่าเท่ากับที่เห็นสายตาของจีนตอนนี้เลย ถ้าบีทำให้จีนโกรธไม่ว่าเรื่องอะไร จีนจะด่าจะตบจะตีจะลงโทษบียังไงก็ได้ บีขอแค่ตื่นเช้ามาในวันพรุ่งนี้ จีนจะยังนอนอยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมาพร้อมกันและเป็นเหมือนกับทุกๆ วัน ...เหมือนทุกๆวันที่เรารักกัน"
คำพูดที่สั่นเครือเอ่ยจนจบและพยายามคุมสติตัวเองเอาไว้เหมือนกับที่ผ่านมา การร้อนตัวไปก่อน กลัวไปก่อน ไม่ช่วยอะไร
"ดื่มมาเยอะสินะ กลิ่นหึ่งเลย" น้ำเสียงที่เอ่ยถามเรียกให้จอมพลเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่อมยิ้มน้อยๆ แม้ว่าดวงตากลมใสจะไม่ได้ยิ้มตาม
"ขอโทษครับ.."
คำเพียงสามคำ กับน้ำที่เสียงฟังดูก็รู้ว่ายอมทุกอย่าง
แล้วจะให้ทำยังไง?
ดวงตากลมใสเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มันไม่มีทางเลือกอีกแล้วสำหรับปัญหาที่เกิด คำขอโทษที่เอ่ยทลายความเข้มแข็งที่มี ความรู้สึกผิดชอบทั้งหมดที่คิดเอาไว้ คำพูดที่อยากจะด่าทอออกไป มือที่กำโทรศัพท์เอาไว้จนเจ็บค่อยๆ คลายออกและปล่อยให้อีกฝ่ายหยิบไปดู
เป็นอย่างที่จอมพลคิด...
เด็กคนนั้นไม่ยอมหยุดและไม่ได้เพียงแค่ขู่เขา 'อ๋อ...เพราะพี่จีนก็รวยเหมือนกันสินะคะ อาจจะรวยกว่านังไพลินที่เคยเปย์ให้พี่ด้วยซ้ำ ใช่ไหมละ?'
สิ่งที่เขาคุยกับญดาที่ร้านเหล้า ถูกบรรยายออกมาเป็นฉากๆ ทั้งเรื่องเงินที่เขาเป็นหนี้ และเรื่องที่เขานอนกับผู้บริหารของค่าย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องแฟนคลับ ทุกเรื่องที่เขาทำสารเลวเอาไว้ก่อนหน้านี้ญดารู้ดีเพราะเธอเป็นแฟนคลับเพียงคนเดียวจากทุกคนที่เขารู้จักที่อยู่โมเดลลิ่งภายใต้ต้นสังกัดเดียวกับเขา ไม่แปลกอะไรที่ข่าวภายในจะหลุดออกไปถึงหูญดา
แล้วตอนนี้เขาควรทำยังไง? ในเมื่อไม่มีคำแก้ตัวใดๆ อีกต่อไปแล้ว...
"หลังจากที่ละครออนแอร์ จีนจะได้เงินค่าลิขสิทธิ์อีก...บีเอาเงินตรงนี้ไปจ่ายหนี้ทั้งหมดแล้วก็..."
น้ำเสียงที่พยายามพูดออกไปให้มั่นคงไม่สั่นเครือ แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับไม่ยินยอมที่จะอดทนและเข้มแข็งเหมือนเจ้าของ
"ไม่..ไม่ ไม่ใช่ จีนฟังนะ บีไม่เคยคิดที่จะ.."
มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้คนรักอย่างสั่นเทา รนลานปฏิเสธออกมาด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ทำไมเขาถึงต้องกลายเป็นผู้ชายสารเลวที่ทำให้คนรักเสียใจ ทำไมเขาต้องไปอยู่ในจุดที่ซ้ำรอยเดิมกับเบญทั้งที่เขาเกลียดแสนเกลียด
มือเรียวดึงออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย ปัดมือที่คอยเช็ดน้ำตาให้ออก พยายามจะเข้มแข็งแต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้หากสิ่งที่ญดาบอกเขามันเป็นความจริง ทุกคนที่รายล้อมจอมพลล้วนแต่เป็นผู้หญิงสวยๆ และมีอำนาจทางการเงิน แล้วเขาล่ะมีอะไร?
"แล้วเหตุผลอะไรที่อยู่ๆ ก็มาบอกว่าชอบ ที่อยู่ๆ ก็มาคบกันทั้งที่จีนไม่ใช่ผู้หญิงสวยๆ เป็นแค่คนข้างห้องที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบีเลย เพลงสักเพลงของบีจีนก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำ หนังสือของจีนบีก็ไม่เคยอ่านแม้แต่ตัวอักษรเดียว แล้วมันมีเหตุผลอะไร..."
จินตภัทรพูดออกมาทั้งน้ำตา พยายามเขยิบหนีขึ้นไปบนเตียงขณะที่อีกฝ่ายลุกขึ้นและร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน
"แล้วที่จีนรักบีมีเหตุผลอะไรไหมล่ะ? มองก็รู้ว่าจีนยังรักบีอยู่ จะด่าจะว่าอะไรก็ได้แต่ถ้ายังเสียใจอยู่ก็แสดงว่ายังรักอยู่แล้วมีเหตุผลอะไร? บอกมาดิ จีนบอกบีมาดิว่ารักบีเพราะอะไร?"
ใช่...มันไม่มีเหตุผลสักนิดกับความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่าย
"ก็จีนโง่เองไง เหมือนที่จีนโง่เรื่องพี่เบญนั่นแหละ จีนก็แค่คนโง่ๆ คนนึงไงบี...ฮึก ฮือออ จีนก็แค่คนโง่ๆ ที่คิดว่าคนที่เข้ามาหาจะรักจีนเพราะ...ตัวของจีน เพราะสิ่งที่จีนเป็น"
ร่างเล็กได้แต่กอดเข่าซุกตัวอยู่กับกองผ้าห่มที่ถูกดึงขึ้นมาคลุมศีรษะเอาไว้ มันเหมือนการกระทำของเด็กมากกว่าในสายของจอมพล
เขาเกือบลืมไปแล้วว่าจินตภัทรอายุแค่ 24 เรียนจบมหาลัยมาได้แค่สองปีและอยู่ในช่วงวัยที่กำลังจะข้ามไปเป็นผู้ใหญ่ พยายามจะคิดและตัดสินใจ พูดจาเหมือนคนที่โตๆ กันแล้ว แต่สุดท้ายพอเสียอกเสียใจก็ไม่ฟังอะไรเลยเหมือนเด็กขี้น้อยใจที่ไม่ยอมรับว่าน้อยใจ
ก็ยังดีที่แค่น้อยใจ อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าจินตภัทรยังมีเยื่อใยกับเขาอยู่...
"ถ้าเชื่อยุ้ยทุกอย่างจีนก็ไปคบกับยุ้ยสิ มาคบกับบีทำไม?" เสียงทุ้มเอ่ยพลางคลานขึ้นไปแกะเด็กขี้แยออกจากผ้าห่ม
"ไอ้บ้า!" เสียงที่ก่นด่าตอบกลับมาจากในผ้าห่ม ฟังก็รู้ว่าไม่ได้โกรธขนาดนั้น
นี่แหละเรื่องมหัศจรรย์ของความรัก...
สุดท้ายแล้วคำพูดของคนที่เรารักก็มีอิทธิพลมากกว่าใครในโลก
"ถ้าไม่รักพี่จะเอาซีดีให้เราทำไม? จีนมีอะไรอะตอนนั้น?เป็นแค่เด็กแว่นมีผมหน้าม้าผิดระเบียบยาวสามเซ็นต์กับแว่นสายตาหนาๆ พี่จะได้อะไรจากการแบกร่มไปบังฝนให้จีน? เป็นคนอื่นไม่แบกร่มไปบังให้หรอก ต่อยท้องแล้วลากเข้าไปปล้ำก็จบแล้ว ตัวเท่าเมี่ยงจะเอาอะไรมาสู้กับพี่ หื้ม?"
ทำไมนะ...ทำไมถึงต้องมาแพ้คำพูดกวนตีนกวนประสาทแบบนี้ด้วยทั้งที่เป็นช่วงเวลาที่ควรจะเคร่งเครียดกลับหยิบยกสรรพนามที่ฟังแล้วเขินออกมาพูดแทนตัวเอง..พี่อะไรกันล่ะ
น้ำตาที่เคยไหลอาบแก้มเหือดหายไปหมดเพียงแค่คิดถึงวันนั้น วันที่รู้สึกอบอุ่นหัวใจแม้สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาทำเอาร่างหายหนาวจนสั่นไปหมด เพียงแค่คิดถึงช่วงเวลาที่แสนดีทุกอย่างที่เคยโกรธเคยน้อยใจก็มลายหายไปชั่วพริบตา
นั่นสิ...จอมพลจะได้อะไรจากการเข้ามาทำดีกับในตอนนั้น
แล้วตอนนี้จะทำยังไงในเมื่อตีโพยตีพายไปก่อนแล้ว ทำตัวน่าอายอีกแล้ว...
แกล้งเนียนหลับดีไหม? ทำเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้ยินเลยดีกว่า
"จีน..." มือหนาดึงผ้าห่มออกแล้วเรียกคนที่เงียบไปใต้ผ้าห่ม ใบหน้าของคนที่เอาแต่โวยวายเมื่อครู่หลับตานิ่งเมื่อเปิดผ้าห่มออกมา
ดูก็รู้ว่าแกล้งหลับ...
ชายหนุ่มคิดพลางหรี่ตามองคนที่ยังแอ๊บหลับตาไม่รู้เรื่อง เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวไม่รู้เลยสินะว่าเวลาที่งอแงแบบนี้มันยิ่งทำให้โดนแกล้งหนักกว่าเดิม
เฮือก!
ร่างเล็กกระตุกวาบเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของมือที่รั้งขอบกางเกงขาสั้นของเขาลงพร้อมกับริมฝีปากที่ขบเม้มลงที่ต้นขาด้านใน ยามที่เรียวลิ้นร้อนลากเลียผิวเนื้อเนียนละเอียด แม้เสียวซ่านจนขนอ่อนที่ต้นคอลุกชัน แต่ก็ทำได้แค่หลับตาและกัดฟันเอาไว้ ทุกขณะที่ริมฝีปากหยักรุกไล่กลั่นแกล้งแต่งแต้มรอยจางๆ เอาไว้ทั่วต้นขาด้านใน ปลายเท้าเล็กได้แต่จิกเกร็งจนเริ่มทนไม่ไหว
"อ๊ะ!"
ใบหน้าคมเงยขึ้นมาจากหว่างขาขาว เลิกคิ้วมองเมื่อสบตากับดวงตาปรือปรอยของคนแกล้งหลับ
"จะ จะทำไรอะ"
"ถามเป็นนางเอกในละครเลย มุดหัวลงลิ้นขนาดนี้ชงชาอยู่มั้ง"
คำพูดติดตลกของอีกฝ่ายทำเอาเกือบหลุดขำ แต่ก็ได้แค่เพียงทำปากยื่นใส่และถีบไหล่อีกฝ่ายดันออกไป
"ไอ้บ้า...ถอยไปเลย โกรธอยู่นะ"
ว่าพลางขยับลุกขึ้นมาสวมกางเกงนอนแล้วทำท่าจะผลุบกลับเข้าไปในผ้าห่ม ยังไม่ทันจะดึงผ้าห่มขึ้นมาก็ถูกคนบ้ากดจมูกโด่งลงมาหอมแก้มนิ่มฟ่อดพร้อมคำพูดกวนๆ ที่ทำเอาหลุดยิ้มออกมา
"อย่าโกรธนานนะครับน้องจีน"
.........TBC.........
หายไปเล่นเกมส์+ดูซีรี่ส์มา 55555
เรื่องราวของตอนนี้คงบอกได้ชัดเจนแล้วนะคะว่านิสัยของจินตภัทรและจอมพลในพาร์ทนี้แตกต่างจากพาร์ทก่อนหน้ามากทีเดียว
หากใครอ่านทั้งสองพาร์ทจะรู้ว่าน้องจีนในพาร์ทนี้เป็นเวอร์ชั่น งอแงและขี้อ่อย มาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว
ข้อแรก ความเข้มแข็งและความเย็นชาของพาร์ท2209นั้นเป็นผลจากการถูกทำร้ายจิตใจตั้งแต่เพื่อนอย่างอนิลที่ไปนอนกับพี่เบญ และเลิกลากับพี่เบญอย่างเจ็บปวดก่อนจะมาเจอจอมพลค่ะ ไม่ใช่นิสัยของน้องตั้งแต่แรก เพราะจุดเปลี่ยนของนิสัยคนเราก็เรียนรู้มาจากประสบการณ์
ข้อสอง จอมพลในพาร์ทนี้ฉลาดกว่า 2209 บีเดฟโซลเติบโตมาด้วยการเอาตัวรอดในวงการบันเทิง และแกร่งกว่าจ๋อมพรานนกด้วยสภาพแวดล้อมที่โตมาต่างกัน เช่นเดียวกับตัวน้องจีนค่ะ
รีปริ้นท์
Bad Neighbours #2209Bnior
กดซื้อออนไลน์ผ่านเว็บ Shopee เท่านั้น
ตอนนี้เหลือ 1 ชุด ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ด้วยความเข้าอกเข้าใจ
พี่บีชงชายังขนาดนี้ อยากเห็นตอนพี่บียกซดชาจังเลยค่ะคุณขราาาาาา 5555
จะมีโอกาสมั้ยเนี่ย
ดูสองคนเค้าพ่อแง่แม่งอนกัน
จะเครียดรึจะขำนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย
นี่เกือบจะร้องแล้วนะกับการสารภาพของอิจอมพล นี่ใจกระตุกเลยอ่ะตอนรู้ว่าน้องจีนรู้เรื่องที่จอมพลกับยุ้ยคุยกัน ฮือออนึกว่าจะบานปลายซะแล้ว ดีนะที่อิจอมพลมันรู้จักเอาตัวรอดรู้วิธีง้อเมีย แหมๆผมนี่เสียววาบเลยอิจอมพลฃ้อไรแบบนี้ละเขินนนนนน หิวก็ไปหาไรกินดีๆอย่ามากินน้อง น้องโกรธอยู่นะ5555555555555555555 เอาจริงๆนี่ถ้าเป็นน้องจีนเจอประโยคที่จอมพลพูดสมัยเจอกันครั้งแรกนี่ก็หายงอนแล้วนะ ไม่รู้สิใจอ่อน หลงผู้อ่ะนี่ยอมรับ555555555 แต่สิ่งที่อิจอมพลทำมาในอดีตนี่พอนึกถึงแล้วก็น่ากระโดนถีบขาคู่จริงๆใจหนึ่งก็โกรธใจหนึ่งก็ เออๆๆเป็นอดีตไปแล้วและให้โอกาสแล้วหวังว่าจะไม่มีอีก ถ้ามีอีกแกอย่าหวังว่าจะได้เป็นลูกเขยฉันอีกอิจอมพล จรัมวรั๊ยยยยย555555555555
คือน่ากลัวอ่ะ ทำง้อนิดเดียว น้องก็ยอมแล้วละ
หวังว่าจะคิดได้จริงๆนะ
ตอนเป็นหนี้ยังคิดม่ได้เลย ตั้งยี่สิบกว่าล้าน
เอินแจนนี่จะไปตีกันตอนทำงานใช่ป่ะ
ตอนเอินตอกหน้า นี่ก็หลุดขำไปกับพี่คนขับรถด้วย ตลกจริง555555555
และสุดท้าย ญดา แบบ...ไม่มีคำจะพูด ขอให้เลิกกับแบมๆเถอะ สงสารอีกฝ่าย