ตอนที่ 33 : 32 : น้อยใจ
32
น้อยใจ
มันเป็นเรื่องจริงที่น่าอายเกินกว่าจะยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยามที่คนเรามีความรัก หัวใจของเราจะเปราะบางและสามารถหงุดหงิดไร้เหตุผลเพียงเพราะเรื่องที่เราคิดไปเอง...แต่ไม่กล้าถาม
"จอดหน้าคอนโดฯ ซ้ายมือข้างหน้าครับพี่"
ทันทีที่รถจอดสนิท มือหนาก็เอื้อมไปหวังจะจับมือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่มือเล็กๆ กลับหยิบกระเป๋าที่วางบนตักแล้วเปิดประตูลงอีกทาง
จอมพลยืนมองร่างเล็กที่เดินผ่านหน้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความรู้สึกอึดอัดบางอย่างทำให้เริ่มต้นเปิดประเด็นก่อน
"ทำไมลงรถฝั่งนั้น มันอันตรายนะ ถ้ามีรถขับสวนมาทำยังไง" บ่นไปก็เดินตามไปจนถึงหน้าลิฟต์
"มองดีแล้วถึงเปิดประตูลงสิ"
ฟังคำตอบก็รู้เลยว่าคนที่แกล้งตีหน้ามึนตอบกลับมากำลังมีปัญหากับเขา ร่างสูงใหญ่เหลือบมองประตูลิฟต์ที่เปิดก่อนจะเดินตามเข้าไป มือหนาคว้าต้นแขนของคนตัวเล็กกว่าแล้วดึงมาล็อกตัวไว้ในอ้อมกอด
จินตภัทรก้มหน้าหนีจมูกโด่งที่หมายจะหอมแก้มนุ่ม ลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายคลอเคลียอยู่ที่หน้าผาก แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ริมฝีปากหยักอมยิ้มนิดๆ เมื่อสัมผัสกับไออุ่นและกลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของร่างเล็ก ได้กลิ่นก็คิดว่าคงดื่มไปเยอะกว่าวันอื่นๆ และมันคงมากพอที่จะคาดหวังบางเรื่องได้จากปริมาณแอลกอฮอล์ในกายของอีกฝ่าย
"เป็ดน้อยงอนอะไรครับ"
เสียงทุ้มแกล้งแซวคนรักที่ชอบทำปากยื่นเวลาไม่พอใจ จนคนโดนแซวเงยหน้าขมวดคิ้วใส่
"อย่ามาเรียกแบบนี้นะ"
"อะไรนะ ก๊าบ ก๊าบ โอ๊ย!" แซวไม่ทันขาดคำก็โดนหยิกแขนจนสะดุ้ง แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระง่ายๆ เสียงลิฟต์เตือนเมื่อถึงชั้นยี่สิบสอง มือเล็กพยายามดันตัวอีกฝ่ายออกแต่ไม่ง่ายเลย
"ถอยไป เราจะไปนอนแล้ว"
ทันที่ถูกปล่อยตัวแล้วก้าวออกจากลิฟต์ คนขี้แกล้งก็เอื้อมไปกดปิดประตูลิฟต์ แต่ไม่ได้กะให้ร่างเล็กโดนประตูหนีบเพราะมือข้างที่ว่างก็กันลิฟต์ไว้ก่อนถึงตัวจินตภัทร แต่เสียงตอนที่ลิฟต์กระชากมันทำให้ตกใจจนร้องเสียงหลง พอได้ยินเสียงหัวเราะจากคนขี้แกล้ง ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ก็โกรธขึ้นมา...โกรธจนร้องไห้
"ฮึก ฮือออออออออ" มือเล็กทิ้งกระเป๋าในมือก่อนจะยกขึ้นปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้โฮออกมาเพราะโดนแกล้ง ทั้งๆ ที่ประตูลิฟต์ไม่โดนตัวเลยสักนิด
มือหนาหยิบกระเป๋าบนพื้นขึ้นมาก่อนจะโอบไหล่เด็กขี้แยแล้วพาเดินมาที่ห้องตัวเอง เปิดประตูแล้วดันหลังคนที่ร้องไห้ไม่เลิกไม่ราให้เข้าไปแบบเนียนๆ
เพราะความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ลดช่องว่างระหว่างกันและได้ใกล้ชิดกันในระดับหนึ่ง อีกทั้งจอมพลเป็นพวกที่เก็บรายละเอียดและจดจำได้เสมอว่าแฟนตัวเล็กเป็นพวกปากแข็งที่ต้องให้กดดัน ต้องแกล้งจนร้องไห้ถึงจะล้วงความลับได้ว่าคิดอะไรอยู่...
"ร้องไห้ทำไม นั่งลงก่อน อะ น้ำ เมาแล้วร้องไห้งอแงไม่ได้นะ" พูดพลางลูบหัวกลมอย่างเอ็นดู
"ไม่ได้ ฮึก ฮืออ ไม่ได้เมา" มือเล็กรับแก้วน้ำมาถือไว้แล้วถีบอีกฝ่ายเหมือนเด็ก
"แล้วร้องไห้ทำไมอะครับ หืม" ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งยองๆ มองคนที่นั่งอยู่บนเตียงทำปากเป็ดใส่ไม่เลิก
"ก็บีอะ โกหก ฮึก โกหกคนอื่นว่าจีนไม่ได้มา ฮึก ฮืออออออ ไม่อยากบอกคนอื่นว่ามีเราเป็นแฟนใช่ป้ะ"
นั่นไง...กูก็อุตส่าห์เตรียมแถเรื่องไปจูบเพื่อนเขา ดีนะไม่พูดออกไปก่อน
จอมพลแอบคิดในใจพลางยิ้มมุมปากเมื่อคิดถึงตอนที่เขาคุยกับรุ่นพี่ในวง ก็ไม่คิดว่าแฟนเขาจะเดินไปได้ยินตอนคุยกันพอดี แต่เรื่องมันไม่ใช่แบบที่จินตภัทรตัดพ้อออกมาสักนิด
"แล้วถ้าบีพาจีนไปคุยกับพวกนั้นทั้งๆ ที่ไม่รู้จักใครแล้วจีนจะคุยอะไรกับเขาล่ะครับ แค่แนะนำแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะเหรอ สังคมนักดนตรีมันไม่ง่ายเลยนะที่จะเฟดตัวออกมาหลังจากแนะนำตัวเสร็จ บีถึงไม่อยากพาจีนไปที่โต๊ะนั้นด้วย ไม่อยากให้จีนต้องเจอคำถามที่อึดอัดหรือคำพูดที่ไม่เข้าหู ถ้าบีไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน บีจะพาจีนไปหาแจนทำไม จริงไหม"
พูดไปก็กุมมือเล็กๆ เอาไว้ ก่อนจะจบประโยคพร้อมกดจูบหลังมือของคนรักอย่างปลอบโยน เขารู้ว่าความรักมันก็ทำให้คนที่เคยมีเหตุผลมาตลอดกลายเป็นคนไร้เหตุผลไป เพราะใครๆ ก็อยากมีตัวตนอยู่ในโลกของคนรักตลอดเวลา
พอถูกถาม ร่างเล็กก็คิดตามคำพูดของอีกฝ่าย พอทบทวนดูดีๆ ก็ทำให้ใจเย็นลง
เพราะถ้านึกถึงความเป็นจริง จอมพลก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีแฟน แค่บอกว่าไม่มา และไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าแฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ก็แค่...ความน้อยใจ ที่ทำให้ตีโพยตีพายไปก่อน คิดแล้วก็น่าอาย ทั้งที่เรื่องมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ
"ถ้าโกรธเรื่องที่ไม่พาไปแนะนำให้พวกพี่เขารู้จัก วันหลังบีจะ..."
"ไม่เป็นไร เข้าใจแล้ว"
ตาคมมองสบตาร่างเล็กที่ขอบตาแดงช้ำน่าสงสาร ปลายจมูกโด่งรั้นก็แดงพอๆ กับกลีบปากอิ่มที่เจ้าตัวชอบทำปากยื่นใส่
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเหมือนกำลังจ้องมองเด็กเล็กๆ ที่งอแงเอาแต่ใจ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นและขยับกายขึ้นมาบนเตียง ขณะที่จินตภัทรเองก็ขยับถอยขึ้นมานั่งกลางเตียงก่อนจะยกสองแขนขึ้นกอดคออีกฝ่ายที่โน้มกายลงมาคร่อมอยู่ด้านบน ต่างฝ่ายสบตากันพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวราวกับรอคอยคำตอบด้วยความลุ้นระทึก
คำตอบของความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ ว่ารักกันมากพอที่จะเป็นของกันและกันรึยัง...
เพราะสำหรับจอมพล เป็นครั้งแรกที่ได้สิ่งนี้มาเพราะความรัก ความรู้สึกมันแตกต่างจากการมีเซ็กซ์เพราะความใคร่
เหมือนกับทำสิ่งที่รู้อยู่แล้วอย่างเงอะงะและเคอะเขินเพียงเพราะคนที่อยู่ด้วยกันคือคนที่สำคัญต่อหัวใจ
ราวกับอีกฝ่ายช่างเปราะบางจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน ควรจะทำยังไงถึงจะดีพอสำหรับอีกฝ่าย
ยามที่ริมฝีปากบดคลึงลงไปบนกลีบปากอิ่มมันไม่เหมือนกับครั้งไหนๆ เพียงเพราะ รู้สึกได้"ว่าได้รับอนุญาตแล้วผ่านสายตาของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง ไม่รู้ทำไมร่างกายที่เคยผ่านประสบการณ์มานับครั้งไม่ถ้วนมันกลับสั่นไปหมด หัวใจเต้นแรงมากจนคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยินแม้กระทั่งเสียงเต้นตุบๆ อยู่ข้างใน
มือหนาที่ค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ทีละชิ้นสั่นราวกับคนขาดยา ไม่ใช่แค่ความรู้สึกประหม่าเกร็ง แต่มันมาจากการกดดันตัวเองที่พยายามไม่ทำอะไรตามสันดานเดิมที่เคยทำ เพียงอยากจะได้ใจอีกฝ่าย จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ปฏิกิริยาของจอมพลส่งผ่านความรู้สึกไปถึงคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง เมื่อถอนจูบออกมา มือเล็กลูบแก้มสากของอีกฝ่ายอย่างปลอบโยนราวกับเข้าใจความรู้สึกโดยไม่ต้องอธิบาย ก่อนจะพลิกกายขึ้นมาอยู่ด้านบนเองพร้อมกับฝ่ามือที่ทาบลงเหนือหัวใจที่เต้นรัวของคนรักที่ดูน่าสงสารราวกับเด็กที่ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
เมื่อแผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผ้าปูที่นอน และได้แต่มองดูร่างเล็กที่ชันเข่าขึ้นขณะที่ปลดกระดุมสกินนี่ยีนส์สีเข้มพร้อมกับซิปที่รูดลงมา ท่าทางยามที่ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นของร่างบางราวผีเสื้อที่เริงระบำอยู่ในสวนดอกไม้ เอวบางคอดกิ่วขยับย้ายสะโพกกลมกลึงตอนที่ถอดกางเกงออกช้าๆ พร้อมกับชั้นในสีขาวที่ชวนให้คนที่มองอยู่หายใจแรงขึ้นและกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้น
ทุกๆ อิริยาบถของจินตภัทรถูกจับตามองอยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่ใช่ท่าทางยั่วยวนอย่างตั้งใจเหมือนพวกมากประสบการณ์ที่เคยสอยมาจากผับ แต่กลับดึงดูดให้มองและใจเต้นแรงทุกขณะที่ผิวกายเนียนนุ่มสัมผัสกับร่างกายของเขา มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างเล็กอย่างเผลอไผลและอดใจไม่อยู่
ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นมาแล้วจู่โจมแผ่นอกเปลือยเปล่าของตัวเองราวกับหิวโหย ริมฝีปากหยักดูดดึงและขบเม้มลงมาบนยอดอก สลับกับเรียวลิ้นที่ทำให้เสียวซ่านจนเผลอครางออกมาอย่างน่าอาย สัมผัสของฝ่ามือร้อนลูบไล้ลงมาที่บั้นท้ายนุ่มฟอนเฟ้นจนรู้สึกเจ็บนิดๆ เพราะเนื้อนิ่มที่ถูกบีบเคล้นไปตามแรงมือของอีกฝ่าย
แม้จะไม่ใช่ประสบการณ์ครั้งแรก แค่มันก็นานมาก จากครั้งล่าสุดก็เกือบสี่ปีแล้ว เพราะจินตภัทรไม่ได้มีอะไรกับคนรักเก่าบ่อยครั้ง แถมระยะหลังๆ ก็ห่างกันจนแทบจะแค่กินข้าวแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านไป ร่างกายที่ห่างหายจากสัมผัสและการปลุกเร้ามานานเมื่อถูกกระตุ้นอีกครั้งกลับไวสัมผัสจนรู้สึกอับอายเพียงแค่ถูกมือหนากอบกุมและรูดรั้งเป็นจังหวะ อารมณ์ก็พุ่งทะยานไปตามการชักพาของอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่แตะจุดหมายอย่างรวดเร็วและหมดแรงลงบนไหล่หนา
เสียงครางกระเส่าอย่างน่าสงสารข้างหูและของเหลวที่เปียกชุ่มไปทั้งฝ่ามือ ทำให้คนที่เคยประหม่ารู้สึกราวกับผู้ชนะ ร่างหนาค่อยๆ เอนกายโน้มไปข้างหน้าและวางร่างบางลงบนเตียงและก้มลงจูบต้นขาด้านในพร้อมแต่งแต้มรอยแดงจางๆ เอาไว้
จินตภัทรสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของเรียวลิ้นที่ซุกไซ้ที่อยู่เบื้องล่าง มือเล็กพยายามคว้าไหล่อีกฝ่ายไว้ เสียงที่พยายามเอ่ยปากห้ามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหอบครางอย่างน่าอาย มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนสีเข้มเอาไว้ระบายความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ หัวสมองว่างเปล่าและมีเพียงความต้องการที่อายเกินกว่าจะเอ่ยขอให้อีกฝ่าย ทำ มันเสียที
ก่อนที่จะหลุดปากออกไป ราวกับอีกฝ่ายอ่านใจออก ใบหน้าหล่อเหลาผละออกและดึงข้อมือบางดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้นมากะทันหันจนผวากอดคออีกฝ่ายไว้เพราะกลัวหงายหลัง
มือหนาขยับยกเอวบางขึ้นเหนือหน้าตัก สะโพกกลมกลึงค่อยๆ กดลงไปช้าๆ ให้อีกฝ่ายแทรกกายเข้ามาก่อนจะขยับย้ายสะโพกขึ้นลงช้าๆ และเร่งจังหวะเร็วขึ้น ตามแรงอารมณ์
ราวกับช่องว่างบางอย่างระหว่างกันได้ถูกเติมเต็ม ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเซ็กซ์เป็นหนึ่งปัจจัยในความสัมพันธ์ของคนสองคน
ในทุกๆ ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน มันคือการเปิดใจและเรียนรู้ความต้องการของอีกฝ่ายโดยไม่ต้องเอ่ยถาม
เพราะทุกอย่างดำเนินไปโดยปราศจากคำถามและคำตอบที่ตายตัว เมื่อต่างฝ่ายพยายามโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของคนรักอย่างเข้าอกเข้าใจ...
.................TBC.................
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ได้กันแล้ววววววววว
ชอบการบรรยายอะ แบบ ดูพี่บีโคตรรักอะ ฮือออ ดีย์