ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย

    ลำดับตอนที่ #1 : Just another day - (1) a few days ago

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      31
      12 ม.ค. 59







    “วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ป๊ามาก่อน ยังไงก็คุ้ยเคยกันอ่ะเนอะ”

    “ไอ้เทา วัวเคยค้าม้าเคยขี่ ไม่ใช่ม้าเคยขี่ป๊าไอ้เจ๊ก”

    เสียงเพื่อนสนิทผมสองคนนั่งคุยกันในประเด็นของผมด้วยความเฮฮา ผมคาดมากที่ไอ้สองคนนี้เคยด่าคยองซูมาก่อน แต่กลับทำเหมือนเห็นด้วยที่ผมกลับไปอยู่กับเขา

    หลังจากที่เมื่อคืนผมถูกล่อลวงด้วยน้ำตาและความอ่อนไหว...คยองซูเพิ่งย้ายเข้ามาจริงๆตามที่เขาบอก หลังจากเห็นสภาพห้องเขาที่ยังมีกลิ่นสีทาภายในจางๆ และข้าวของที่ยังเก็บไม่เรียบร้อยส่วนใหญ่ก็อยู่ในลังทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก คยองซูเล่าคร่าวๆว่าเขาเพิ่งกลับมาเรียนต่อหลังจากหยุดเรียนไปปีนึงเพราะปัญหาที่บ้าน...

     

    ผมทำเหมือนไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดจนคยองซูต้องหยุดไปเองแล้วจัดการหาเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆมาให้ด้วยความอนุเคราะห์จากรุ่นพี่ข้างห้องของคยองซูที่ชื่อกวางซู

    เมื่อคืนผมหลับไปบนโซฟายาวในห้องนั่งเล่นและตื่นเช้ามาพบเสื้อผ้าชุดนักศึกษาที่ซักรีดไว้อย่างดี ผมไม่พูดขอบคุณหรือทักทายอะไรทั้งนั้น คว้ากระเป๋าสตางค์กับมือถือแบตฯหมดออกมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตื่น

     

    ผมใจไม่กล้าพอ...ที่จะเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ พอมาถึงมหาลัยผมก็เล่าให้ไอ้คริสกับไอ้เทาฟัง เพื่อนสนิทที่สุดของผมทั้งสองคนเคยเรียนมัธยมมาด้วยกันและพวกมันรู้จักคยองซูเป็นอย่างดี ดียิ่งกว่าดีก็คือไอ้คริสที่เคยจีบคยองซูมาก่อนหน้าผม วงเวียนชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ชายที่แม้ผมกับไอ้คริสจะตีกันแทบตายห่าตอนที่แย่งกันจีบคนที่ชอบ แต่ก็ยังสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกเมื่อมันทำใจยอมรับได้ว่าคยองซูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของมัน

    “แล้วมึงเยยังอ่ะ ทบทวนความจำยัง” สองมือประสานกันไว้ที่คางก่อนที่ถามผมด้วยหน้าตาแบบ “ขี้เสือกสุดทีน”

    “ไอ้เชี้ยเทา” ผมสบถก่อนจะปาถั่วใส่หน้ามัน เชี้ยนี่แม่งกามจนไม่รู้จะพูดยังไง แฟนมันออกจะเป็นเด็กน่ารักใสใส ไม่รู้น้องเขาคบคนอย่างมันได้ไง

    “กามอ่ะมึง เก็บไปพูดกับเมียมึงเลย ทุเรศหวะ” ไอ้คริสสมทบก่อนจะเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้เทารัวๆ

    “มันทนได้หรอวะ? แบบคนเคยเป็นแฟนกันนะ ไม่หวั่นไหวเลย?”

     

    คำพูดแทงใจดำทำเอาผมไปต่อไม่ถูก มันก็จริง หลังจากที่เลิกกับคยองซูผมไม่คบกับใครอีกเลย มันเป็นเรื่องแปลกที่ผมหมดความรู้สึกที่อยากจะเริ่มต้นใหม่กับใคร ไม่ใช่เพราะผมยังยึดติด แต่ผมเกลียดการเริ่มต้นใหม่จริงๆ มันยากนะครับหากเราต้องเริ่มนับหนึ่งกับคนที่ไม่เคยรู้จักเราเลย แล้วยังต้องใช้เวลาเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรมากมาย และไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าความสัมพันธ์มันจะยั่งยืนแค่ไหน

    ความคิดแบบนี้มันก็เหมือนปลง...เพราะผมมีแฟนคนแรกก็คือคยองซู เขาไม่เคยเป็นแฟนเก่าผม เพราะผมไม่เคยมีแฟนใหม่ ในขณะที่เขา มีผมอยู่ในสถานแฟนเก่าเพราะเขาทิ้งผมไปคบกับคนอื่น

     

    “พี่คะ” ขณะที่ผมกำลังใจลอยคิดอะไรอยู่คนเดียว เสียงรุ่นน้องผู้หญิงตัวเล็กก็เดินมาสะกิด ไอ้คู่หูเจ๊กนั่งมองน้องเขาตาเป็นมันเลยขณะที่ผมหันไปตามมือที่น้องชี้

    “เพื่อนพี่เขารออยู่หน้าประตู เขาให้มาบอกว่าช่วยเรียกพี่ชานยอลให้ทีหนะค่ะ” น้องเขาบอกเสร็จก็จากไป ผมชะเง้อมองไปที่ประตูทางออกลานจอดรถหลังตึก ผมลุกจากโต๊ะม้าหินที่เป็นโต๊ะประจำของกลุ่มเราแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่รั้ว มองไปไม่เห็นเจอใคร....

    “ชานยอล” เสียงเรียกชื่อดังมาจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้ง คยองซูยืนขำหัวเราะจนตาหยี เขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วยื่นคีย์การ์ดให้

    “เราไปขอสำรองมาให้เผื่อชานยอลกลับก่อน เผื่อว่าเราจะ....”

    “ไม่ได้บอกเลยนะว่าจะกลับไป” ผมเอ่ยสวนไปอย่างใจ คยองซูดูชะงักและหน้าเสียใบหน้าที่เคยร่าเริงเมื่อครู่ดูเศร้าหมองจนผมเริ่มรู้สึกผิด...

    “คือ...หมายถึงไม่ได้บอกเลยนะว่าจะกลับไปก่อน เลิกกี่โมงหละ” ผมอยากจะตบกบาลตัวเองจริงๆเลย ทันทีที่พูดออกไปแบบนั้นคยองซูก็ยิ้มออกมา ริมฝีปากสวยแดงเรื่องเหมือนกุหลาบที่ค่อยๆแย้มกลีบบานออก

    “เราเลิกสามโมงแต่ว่าต้องไปทำงานต่อหนะชานยอลไปรอที่ห้องเถอะ”

    “อือ ก็ได้ แล้วนี่คิดยังไงถึงทำงานพิเศษ?”

    “เอ่อ...เราไปก่อนนะ ต้องรีบไปเรียนแล้ว บาย” คยองซูบอกก่อนจะเดินออกไป ผมมองร่างเล็กที่เดินสะพายกระเป๋าเป้ไปยืนรอรถอย่างห่วงๆ เขาอยู่มหาลัยเอกชนที่อยู่ห่างไปจากมหาลัยผมพอสมควร แต่กลับเอาคีย์การืดมาให้ถึงนี่...

    “ไม่เรียกกูวะ...จะได้กอดทักทายสักที น่ารักเหมือนเดิมเลยเนาะ” เสียงไอ้คริสดังมาจากข้างหลัง มันชะเง้อมองคยองซูอย่างเสียดาย ส่วนผมก็ได้แต่เงียบ มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงตบกบาลไอ้คริสจนหน้าทิ่มข้อหามองแฟนคนอื่น

    “ใจแข็งจังวะมึง” คริสถามขณะที่ผมเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมมันเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ผมไม่น่าโกหกเลย ผมน่าจะบอกคยองซูไปตรงๆว่าผมลำบากใจ เมื่อคืนมันก็แค่อารมณ์พาไป ผมแค่รู้สึกช็อคกับสร้อยของผมที่อยู่บนคอเขา แล้วก็นำพาให้ตัวเองหลงกลับไปสู้วังวนเดิมๆ...

    “กูก็ไม่ได้ใจอ่อนหนิ เมื่อคืนมันสถานการณ์บังคับ” ผมยักไหล่ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดที่คยองซูให้ไว้กระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ ช่างเป็นการกระทำที่ย้อนแย้งกับคำพูดเมื่อกี๊สิ้นดี...

    “งั้นมึงจะเอาไงเรื่องที่อยู่ กว่าจะเคลียร์กันได้แล้วจ่ายค่าเสียหายให้อีกนานป่าววะ?”

    “ยังไม่คิดก็...วันนี้คงค้างไปก่อน ให้ทำไงได้กว่าเงินฟรีแลนด์กูจะออกก็กลางเดือนเลย ได้เงินปั๊บกูก็หาที่อยู่ใหม่ แล้วเดี๋ยวของยืมแม็คบุ๊คมึงไปก่อน” ผมว่าไปเรื่อยขณะที่ไอ้คริสก็พยักหน้ารับรู้....แต่ไอ้เทาแม่งแอบอมยิ้มแล้วทำหน้าเยาะเย้ยผมแปลกๆ...เกลียดจริงๆเวลามันเดาสถานการณ์อะไร แม่งชอบถูกทุกทีเหมือนปากพระร่วง....

     

    ใช่...ก็แค่ชั่วคราว ผมไม่อยู่นานหรอก หรือจริงๆ ผมคงแค่พูดปลอบใจตัวเอง

     

    มองนาฬิกาเป็นรอบที่สิบแล้วครับ...

    หลังจากกลับมาบ้าน ไม่สิ ห้องของคยองซูผมก็ได้แต่มองข้าวของที่วางกองไว้ พวกกล่องต่างๆ จนทนไม่ได้เลยถือวิสาสะแงะออกมาจัด เปิดมาก็เจอพวกหนังสือภาพมากมาย คยองซูยังคงชอบสะสมหนังสือพวกนี้อยู่เหมือนเคย ผมค่อยๆจัดวางมันลงที่ชั้นหนังสือ จนเสร็จไปสามกล่องคยองซูก็ยังไม่กลับมา เดินจัดข้าวของไปเรื่อยๆ สลับกับมองนาฬิกาทั้งที่ล่าสุดคยองซูส่งข้อความมาว่าจะกลับช้าหน่อยเพราะที่ร้านลูกค้าเยอะ

    ในบรรดากล่องทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นหนังสือและพวกรูปถ่ายครอบครัวของเขา คุณตาคุณยายของคยองซูและเจ้าหมาน้อยตัวโตที่แต่ก่อนมันตัวแค่ฝ่ามือผมเท่านั้น เป็นโชคดีของมันที่ต่อให้เราเลิกกันคยองซูก็ยังเลี้ยงมันอยู่ ผมแกะกล่องไปเรื่อย นั่งลงกับพื้นรื้อซีดีเพลงออกมาเรียง จัดตุ๊กตาเซรามิกไว้ที่โต๊ะ ที่ตู้และชั้นวางทีวีตามใจชอบ จนกล่องสุดท้ายที่ผมเห็นมันถูกยัดไว้ใต้เตียง สงสัยจะถูกยัดเข้าใต้เตียงตอนที่กล่องอื่นๆถูกดันเข้ามา แปลกดีที่กล้องนี้เบาผิดปกติ และดูเหมือนจะมีโฟมหรืออะไรบางอย่างอัดอยู่ๆรอบๆ สงสัยเป็นของแตกง่าย ผมค่อยๆใช้คัตเตอร์กรีดก่อนจะเปิดออกเห็นเม็ดโฟมจำนวนมากพร้อมกับบับเบิ้ลพลาสติดห่อของสิ่งนั้นไว้หลายชั้น ผมรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำหนักของมันอย่างแปลกๆ จนกระทั่งแกะมันออกมาจากสิ่งที่ห่อหุ้มไว้ และรู้ว่ามันคืออะไรน้ำตาผมก็ไหลออกมา...

    มันคือนาฬิกาปลุก นาฬิกาปลุกโง่ๆ ราคาถูกสีแดง มันไม่มีค่าอะไรเลยแต่กลับถูกห่อไว้อย่างดี สิ่งเดียวที่ทำให้มันแตกต่างจากนาฬิกาเรือนอื่นๆคือหน้าปัดที่เป็นรูปของเรา ผมจำได้ว่าตอนนั้นมันเป็นความคิดติงต๊องของผมเองที่เอารูปของเราไปให้ร้านทำ สมัยที่เราเรียนมัธยม ของแบบนี้ฮิตมาก นาฬิกาที่เป็นรูปของเราข้างใน รูปที่ถูกพิมพ์และเคลือบติดกับหน้าปัดบอกเวลาเป็นรูปเราสองคนที่กอดกันกลม ตอนนั้นไอ้เทาเป็นตากล้องให้ผมจำได้ดีว่ามันคือช่วงหลังสอบเสร็จตอนม.5เราพากันไปเที่ยวทะเล..และที่นั่นเองที่เราสองคนทำในสิ่งแปลกใหม่ที่เราต่างก็รู้สึกตื่นเต้นกับมันมาก เพราะเราเป็นแค่เด็กอายุ17กันทั้งคู่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กที่เคยศึกษาเรื่องเซ็กซ์มาแต่ทฤษฎี...

    ผมจำได้ว่าคยองซูร้องไห้หนักมากเพราะเขาเจ็บ ในขณะที่ผมเหมือนโดนผีร้ายเข้าสิง จนทำเรื่องแย่ๆลงไป ผมคิดแค่ว่าถ้าฝืนทำต่อคยองซูอาจจะคลายเจ็บเหมือนที่ผมอ่านๆประสบการณ์เสียวในเน็ตมา แต่ทุกอย่างก็ผิดไปหมด คยองซูเจ็บและเป็นไข้อยู่สองวันเต็มๆ การไปเที่ยวทะเลของเราพังหมด จนกระทั่งแฟนไอ้เทามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นผมถึงยอมบอกความจริงไป....ทั้งที่น้องจงอินอายุน้อยกว่าผมสามปี แต่น้องเขาดูช่ำชองมาก สงสัยเพื่อนผมสอนมาดี

    สรุปคือที่คยองซูเป็นไข้เพราะของแปลกปลอมที่อยู่ข้างในที่ผมปลดปล่อยไว้ กับรอยฉีกขาดที่ช่องทาง ที่ไม่ได้รับการรักษาหลังจากมีอะไรกัน พอจงอินมาก็เหมือนนางฟ้ามาโปรดมีทั้งยา มีทั้งวิธีเอาของแปลกปลอมออก... พอไอ้เทารู้ แม่งขำพวกผมจนจะลงไปนอนกลิ้ง ขณะที่คยองซูทั้งอายแล้วก็โกรธผมมากที่ไม่ศึกษามาดีๆ ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นที่นั่น...และบ้าบอที่สุด

     

    “ดูอะไรอยู่หรอ?” เสียงเรียกสติของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลทำเอาผมสะดุ้ง ไม่รู้คยองซูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขานั่งลงข้างๆผมก่อนจะกลวดตามองไปรอบๆ จนมาหยุดอยู่ที่นาฬิกาปลุกในมือผม

    “นาฬิกามันยังใช้ได้หรอ?”

    “ใช้ได้สิ เราเพิ่งเอาไปซ่อมมา” ว่าพลางหยิบไปจากมือผมแล้วไขลานตั้งเวลา

    “ใช้มาตลอดเลยหรอ?”

    “อืม...”

    “แล้วพี่เขาไม่ว่ารึไง....”

    “ไม่หรอก เราจบกับเขาเร็วกว่าที่คิด หลังจากเราเอ็นฯไม่ติดเราก็เลิกกับเขา”

    “ทำไมหละ”

    “กรรมตามสนองมั้ง ก็ทำคนอื่นเขาไว้ ก็เลยโดยเองบ้าง..” เสียงคยองซูแหบพร่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ ผมเบือนหน้าหนีไปมองอย่างอื่น

    ถ้าคยองซูบอกว่าเลิกกับคนนั้นตั้งแต่หลังสอบเอ็นก็แสดงว่าคบกันไม่ถึงครึ่งปี...

    “จื่อเทายังคบกับน้องจงอินอยู่เลยนี่นะ เราเจอตอนขากลับจากร้าน เห็นน้องจงอินกำลังป้อนต๊อกให้จื่อเทาอยู่ข้างทาง...หวานกันไม่อายคนอื่นเลย” คยองซูใช้เรื่องชาวบ้านเข้ามาเปลี่ยนบรรยากาศผมขำแล้วก็คิดตาม

    ใช่ จื่อเทามันคบแฟนมันนานมาก 5 ปีแล้วตั้งแต่มันจีบน้องตอนน้องอยู่ม.3 แล้วมันอยู่ม.5 สองคนนั้นอายุห่างกันสองปี แต่จื่อเทามันเกรงใจน้องไม่ต่างจากเกรงใจแม่ เอาจริงๆคู่นี้แปลกมาก ในขณะที่ไอ้คริสคบๆเลิกๆเป็นสิบ แต่ไอ้เทามีน้องจงอินคนเดียวแบบที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย และหวานกันอยู่ได้ทุกวัน ถ้าวันไหนไอ้เทาไปเที่ยวด้วยพวกผมก็จะเซงนิดๆ หนักกว่าคือวันไหนไอ้คริสเสือกหิ้วเด็กมาด้วยผมก็เซงคูณสอง เคยถามไอ้เจ๊กเทาเหมือนกันว่าทำยังไงชีวิตมันถึงดีขนาดนี้ มันบอก

    “กราบตีนเมียไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีนะมึง กว่าจะได้เขามาเป็นคู่ชีวิตมึงว่ามันหาง่ายหรอกูต้องฝ่าฟันแย่งคนอื่นมาตั้งเท่าไหร่กว่าน้องเขาจะยอมคบกู รักใครกูก็อยากอยู่กะเขาไปนานๆ ก็ต้องหัดมือไม้อ่อนมั่ง มีไรก็ไหว้ อยากได้ไรก็ไหว้ กราบตีนได้กราบเลย เมียกูน่ารักนิสัยดีอย่างกับนางฟ้า ไหนจะลีลาบนเตียงที่นางเอกเอวีกี่ประเทศก็สู้ไม่ได้ กูไม่อยากได้คนอื่นแล้ว...กูพอรักคนเดียวพอ”

     

    นิยามความรักของหวงจื่อเทาฟังแรกๆก็เหมือนเป็นเรื่องตลกขำขัน แต่พอนานๆไปผมก็รู้ว่าจื่อเทามันรักจงอินมากจริงๆ แต่ก่อนตอนมัธยมมันเคยนั่งเขี่ยการ์ดเล่นเกมส์ตู้กับพวกผม พอหลังจากมีน้องจงอินเข้ามาในชีวิต มันก็กลายเป็นเทพเจ้าแห่งบาสเก็ตบอล แม่งเล่นเก่งชิบหาย แถมลากไอ้คริสไปด้วยอีกเพราะเชี้ยนี่ก็ชอบโชว์ออฟให้สาวกรี๊ดพอกัน แต่เหตุผลของมันทั้งคู่ต่างกัน จื่อเทายอมไปเป็นนักกีฬาบาสเพราะจงอินเป็นผู้จัดการทีม อยากอยู่ใกล้คนที่ชอบก็ต้องเสนอหน้าเข้าไปเองไม่ว่าด้วยวิธีไหน ขณะที่ไอ้คริสมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นักกีฬาบาสและเชียร์ลีดเดอร์...ไม่อยากนินทาเพื่อน แต่ความหล่อไอ้คริสนี่แม่งเป็นใบเบิกทางสู่การเป็นไบที่แท้จริง ชายได้หญิงได้ไม่เกี่ยงไม่งอน ดีเท่าไหร่แล้วไม่เป็นเอดส์ตายห่าตั้งแต่ยังเยาว์วัย

     

    “อืม...มันรักของมัน” ผมตอบคยองซูสั้นๆก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว หาอะไรทำเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันน่าอึดอัด

    “ชานยอลทำแบบนี้เราก็แย่สิ...”

    “หืม?” ผมหันกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงคยองซูบ่นออกมา เขายืนมองห้องที่ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยแววตาที่อ่านยาก ...

    “ก็ชานยอลเล่นจัดเองหมดเลย แล้วแบบนี้ถ้าวันนึงชานยอลไม่อยู่แล้ว เราจะทำยังไง” เขาเอ่ยขึ้นขณะที่ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ

    “เออก็เดี๋ยวจับยัดลงกล่องใหม่แล้วกัน อยากจัดแบบไหนก็จัดเอาเอง” ผมพูดออกไปกวนๆเพราะรู้ว่าเดี๋ยวคยองซูต้องหลุดขำ แล้วมันก็จริง มุกเดิมๆยังใช้ได้เสมอเพราะคยองซูเป็นพวกเส้นตื้น อารมณ์แปรปรวนได้ง่ายไปตามการชักนำของคนอื่น โดยเฉพาะผม....เขายังเหมือนเดิม เหมือนกับสี่ปีที่แล้วเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน

    “ไม่เป็นไร ถ้าชานยอลไปแล้วเราจะอดทนอยู่ให้ได้เหมือนที่ผ่านมา” เขาพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง แต่ผมรู้ส่าเขากำลังจะร้องไห้

    “ทำไมถึงไม่เริ่มต้นใหม่ อดทนทำไม ในเมื่อ...ก็เป็นฝ่ายทิ้งเราไปเอง” ผมถามสิ่งที่ตัวยังคิดว่ามันขวานผ่าซากสิ้นดี ผมไม่มีอารมณ์จะอ่อนไหวหรอก ในเมื่อคนถูกทิ้งอย่างไร้เยื่อใยมันคือผม

    คยองซูเม้มปากแน่นเหมือนกำลังข่มอารมณ์ เขาเป็นแบบนี้เสมอ ทำเหมือนไม่เป็นไรแล้วสุดท้ายก็ระเบิดออกมา ผมรอรับคำด่าอยู่ อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดอะไร จะโดนด่าว่าเป็นไอ้เฮงซวยซ้ำซ้อนไหม?

     

    “สี่ปีที่ผ่านมา ชานยอลเคยคิดถึงเราบ้างไหม?”

     



     

    TBC……. #ChanSooแฟนเก่า

    เจอกันตอนหน้า วันศุกร์ค่ะ
    อย่าลืมคอมเม้นท์+โหวตเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ


    © themy  butter

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×