ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf/os] smiles and tears ; Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #4 : Regret

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.98K
      62
      4 เม.ย. 60

    ;เราเข้ามาแก้แท็กค่า;

    REGRET

      

    แบค..ไปไหนชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นถามขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นว่าแฟนของตนกำลังเตรียมตัวจะออกจากห้อง จะว่าไปเรียนก็ไม่ใช่ เพราะวันนี้เป็นวันหยุด

     

    เย็นๆกลับนะเหมือนว่าแฟนตัวเล็กไม่ได้สนใจคำถามเสียเท่าไหร่ พูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไป คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงก็ทำได้แค่งงก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ เช้าวันหยุดแบบนี้จะรีบตื่นทำไมกันล่ะ

     

     

     

                    ขาเรียวเล็กเดินไปมาหน้าหอของตัวเองมาสักพักแล้วหลังจากที่ออกจากห้องมาแล้วปล่อยแฟนของเขาให้นอนอยู่ในห้องโดยไม่คิดจะชวนหรือบอกอะไรเลย มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง หมายจะกดโทรตามคนที่ตนนัดวันนี้

     

                    บรืน..

     

                    แต่ยังไม่ทันจะได้กดโทร เจ้าตัวดีก็โผล่มาก่อนพร้อมรถยนต์คันหรูที่ดูคุ้นตา คนในรถเลื่อนกระจกออกมาแล้วยิ้มกว้างให้เขา แต่คนตัวเล็กกลับมีทีท่าที่ไม่พอใจนัก ก็มารอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ

     

    ทำไมมาช้าอ่ะ ไหนว่าออกมาตั้งนานแล้วไงทันทีที่ขึ้นรถ คนตัวเล็กก็บ่นกระปอดกระแปด ทำเอาคนข้างๆรีบขอโทษขอโพยทันที

     

    ขอโทษน้า อยากโกรธชานน้าคนข้างๆกระพริบตาโตๆนั่นปริบๆ ทำเอาคนที่โดนขอโทษอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

     

    อือ ไม่ได้โกรธ แบคไม่ได้โกรธสักหน่อยคนตัวโตกว่าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ก่อนจะออกรถไปยังที่หมายที่ได้ตกลงว่าจะไปกัน

     

                    ห้าง L

     

    แบคๆ มาดูนี่ชานยอลเพื่อนสนิทแบคฮยอนกวักมือเรียกคนตัวเล็กที่กำลังเดินดูของอยู่ แบคฮยอนพยักหน้ารับแล้วเดินไปหา

     

    เลือกได้แล้วเหรอแบคฮยอนเอ่ยถามแล้วมองสิ่งที่อยู่ในมือของเพื่อนตัวสูง

     

    อือ ฉันว่าซึงฮวานน่าจะชอบชานยอลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมมองสร้อยคอที่มีจี้รูปอินฟินิตี้ ที่หมายถึงไม่มีที่สิ้นสุด ในมือ

     

                    เหตุผลที่เขาสองคนออกมาวันนี้ก็ไม่พ้นว่า ชานยอลชวนแบคฮยอนออกมาซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนสาว ของเขา ซึ่งแบคฮยอนเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของชานยอล จึงถูกชวนให้มาด้วยวันนี้

     

    อื้อ เอาสิ ผู้หญิงน่าจะชอบของแบบนี้แหละแบคฮยอนยิ้มให้กับท่าทางที่มีความสุขของชานยอล ยามเอ่ยถึงแฟนของเขา

     

                    เพราะได้ของขวัญเร็วกว่าที่คิด จากที่แบคฮยอนกะว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นกับแฟนของเขา ก็ต้องเปลี่ยนแผนมากินกับเพื่อนสนิทเขาแทน

     

    บอกเซฮุนก่อนมั้ย ชานยอลเอ่ยถามถึงแฟนของคนตัวเล็ก แบคฮยอนยิ้มให้แล้วก้มลงกดโทรศัพท์ในมือ

     

    บอกแล้ว เซฮุนขอตามไปด้วย ชานว่าไงแบคฮยอนพูดไปพิมพ์ไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาขอคำตอบ

     

    เอาสิ แบคจะได้กลับกับเซฮุนเลย

     

    ขี้เกียจไปส่งแบคล่ะสิแบคฮยอนยิ้มขำ

     

    ว้า โดนจับได้ซะแล้วชานยอลหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะมาเป็นร้องโอดโอยเมื่อถูกมือเรียวของคนข้างๆบิดหูเข้าให้

     

    เดี๋ยวเถอะ

     

     

                    ไม่นานก็มาถึงร้านอาหารที่นัดเซฮุนไว้ แบคฮยอนเดินนำเข้าไปก่อนชานยอลที่นำรถไปจอดเพราะเซฮุนมาถึงได้สักพักแล้ว

     

    ขอนั่งด้วยนะครับแบคฮยอนเดินตรงไปยังโต๊ะที่เซฮุนนั่งอยู่ แต่เจ้าตัวกลับนั่งก้มกดโทรศัพท์อย่างเดียวไม่สนใจโลกรอบข้างเลยแม้แต่น้อย แบคฮยอนจึงเอ่ยหยอกๆ ทำให้เซฮุนเงยหน้าขึ้นมามอง

     

    นั่งเก้าอี้หรือนั่งในใจผมล่ะครับเซฮุนฉีกยิ้มตาหยี เรียกรอยยิ้มของคนตัวเล็กได้ดี

     

    น่ารักตลอดเลยแบคฮยอนเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวๆที่มีรอยแผลเป็นจางๆของแฟนหนุ่มเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

    “กับแฟนคนเดียวแหละหน่า” เซฮุนยิ้มตอบ แล้วกุมมือแบคฮยอนไว้ระดับหน้าของตน แต่แบคฮยอนก็รีบดึงมือของตัวเองกลับเมื่อมีอีกคนเดินตามมา

     

    “หวานอะไรแถวนี้” ชานยอลที่เพิ่งเดินตามเอ่ยแซว แบคฮยอนผลักเข้าที่ไหล่ของเพื่อนตัวสูงก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างแฟนของตนโดยมีชานยอลนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    “นิดหน่อยหน่า” แบคฮยอนยิ้มคิกคักแล้วดูเมนูอาหารกับเซฮุน

     

    “อยากกินไรสั่งเลย มื้อนี้ฉันเลี้ยงนายเอง ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่ออกมาช่วยเลือกของขวัญวันนี้” ชานยอลบอกกับแบคฮยอน ซึ่งมีสรรพนามที่แปลกไป

     

                    แต่ก็ไม่แปลกหรอก เป็นเพื่อนกันพูดอย่างนี้น่ะมันปกติ เขาจะแทนชื่อตัวเองตอนคุยกันก็แค่ตอนที่อยู่กันสองคนเท่านั้นแหละ ก็อย่างว่าแหละนะ คนมันเคยมีความรู้สึกดีๆให้กัน จะเรียกกันด้วยความเคยชินน่ะ มันไม่แปลกเลยสักนิด

     

    “ฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายเลยเหอะ”

     

    “เหอะหน่า นายด้วยเซฮุน ถือว่าเป็นคำขอบคุณที่ยอมให้แฟนนายมาเลือกของขวัญช่วยฉัน ฮ่าๆๆ” ชานยอลหันไปมองเซฮุนแล้วหัวเราะ

     

    “สบายมาก ก็พวกนายเป็นเพื่อนสนิทกันนี่ สนิทก่อนฉันจะคบกับแบคอีก” เซฮุนส่งสายตาที่อ่อนโยนไปให้แบคฮยอน คนตัวเล็กยิ้มตาหยีให้แล้วเอาหัวทุยๆซุกเข้าที่ไหล่ของแฟนตัวสูง

     

                    ชานยอลมองภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องยิ้มออกมา เห็นแบคฮยอนมีความสุข เขาก็ดีใจ แต่อย่างว่าแหละ ตลอดสองปีที่แบคฮยอนคบกับเซฮุน ก็ไม่ยักจะเห็นว่าคนตัวเล็กจะเสียใจหรือเสียน้ำตาเลยสักครั้ง ถ้าไม่นับตอนที่ถูกเซฮุนเซอร์ไพรซ์วันครบรอบน่ะนะ เอาเป็นว่า น้ำตาครั้งนั้นเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ชานยอลจะไม่สนใจก็แล้วกัน

     

     

                    หลังจากที่ทั้งสามทานข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาแยกย้าย ชานยอลก็ไปหาแฟน ส่วนแฟนที่อยู่ด้วยกันอยู่แล้วก็กลับหอตัวเอง จริงๆแล้วยิ่งเรียนสูง ทั้งแบคฮยอนกับเซฮุนก็ไม่ได้เจอกันเท่าไหร่นัก ยิ่งเทอมหน้าพวกเขาจะจบปริญญาตรีกันอยู่แล้ว

     

                    แบคฮยอนเลือกเรียนวิศวะ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับหน้าสวยๆ ตัวเล็กๆเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความที่ว่า ทั้งปู่ ทั้งพ่อ ก็ต่างจบวิศวะมา จึงทำให้แบคฮยอนรู้สึกสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เด็ก นับว่าดีสำหรับคนเป็นพ่อ ที่ดูลูกจะชอบในสิ่งที่พ่อทำ และแน่นอน กับชานยอล เพื่อนสนิทของแบคฮยอนก็เรียนคณะเดียวกันเช่นกัน ส่วนเซฮุน แฟนของคนตัวเล็กนั้น เรียนคณะนิเทศ พ่วงด้วยตำแหน่งเดือนคณะ มันอาจจะแปลกที่แบคฮยอนกับเซฮุนคบกันทั้งที่อยู่ต่างคณะ แต่เพราะ คิมจงอิน เพื่อนสมัยเด็กของแบคฮยอน ที่เป็นเพื่อนสนิทกับเซฮุน ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันและได้เป็นแฟนกันจนถึงทุกวันนี้

     

     

                    RRrr

     

                    เพราะแรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น แบคฮยอนจึงละสายตาจากชีทตรงหน้าแล้วเหลือบไปมองโทรศัพท์ของคนที่อยู่ในห้องน้ำ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เมื่อโทรศัพท์นั้นหยุดสั่น แต่ก็เป็นเวลาเพียงนิดเดียว มันก็กลับมาสั่นอีกครั้ง ความจริงแบคฮยอนก็ไม่ได้อยากจะยุ่งอะไรกับโทรศัพท์ของเซฮุน แต่เพราะมันสั่นถึงสองครั้งติดกันแบบนี้ จึงทำให้เจ้าตัวลุกขึ้นไปหมายจะรับโทรศัพท์นั้น

     

                    -ลู่หาน-

     

                    แบคฮยอนมองชื่อที่ขึ้นอยู่ตรงหน้าจอ ก่อนจะประมวลผลสักพักว่าเป็นใครก่อนจะกดรับ

     

    “ฮัลโหล”

     

    (อ่า แบคฮยอนหรอ)

     

    “อื้อ เซฮุนอาบน้ำอยู่ มีอะไรหรือเปล่า” คนตัวเล็กเอ่ยถามปลายสายด้วยท่าทีสบายๆ

     

    (อ๋อ แค่จะโทรมาถามเรื่องงานน่ะ ไว้เซฮุนอาบน้ำเสร็จบอกให้โทรกลับหาฉันทีนะ)

     

    “ได้สิ”

     

    (ขอบคุณนะ) แล้วปลายสายก็วางไป

     

                    แบคฮยอนเอาโทรศัพท์ออกจากหู สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นแจ้งเตือนไลน์ที่มาจากคนที่ตนเพิ่งวางสายไปเมื่อครู่

     

    [ฮุนนา งานที่อาจารย์สั่งเมื่อวานทำแล้วหรือยัง ขอดูหน่อยสิ]

     

                    สงสัยเพราะลู่หานไลน์มาถามแล้วไม่ตอบจึงโทรมา ที่จริงมันก็เป็นประโยคที่ธรรมดามากเลยสำหรับเพื่อน แต่เอาเข้าจริงๆก็มีจุดที่มันแปลกนิดหน่อย แต่แบคฮยอนก็จะทำเป็นไม่สนใจแล้วกัน

     

     

                    ลู่หาน เป็นเพื่อนคนจีนของเซฮุนที่เรียนคณะเดียวกัน พร้อมกับมีตำแหน่งเป็นรองเดือนคณะอีกด้วยจริงๆแบคฮยอนเองก็แอบแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมตำแหน่งรองเดือนคณะไม่เป็นจงอิน แต่ก็มารู้ทีหลังว่า วันที่เขาหาดาวเดือนคณะกัน จงอินไปแอบหลับอยู่ที่ไหนสักที่ พวกพี่ๆเลยไม่ได้เจอจงอิน ลู่หานจึงได้เป็นรองเดือนแทน แต่เอาเถอะ ลู่หานก็น่ารักดี ทั้งหน้าตา แล้วก็นิสัย

     

    “เมื่อกี้ลู่หานโทรมา เขาบอกให้นายโทรกลับ” แบคฮยอนที่กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือเตรียมอ่านหนังสือต่อเอ่ยบอกเซฮุนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ “ขอโทษนะที่รับโทรศัพท์ไม่บอก พอดีมันดังสองครั้งน่ะ นึกว่ามีเรื่องอะไร” แบคฮยอนรีบบอกเมื่อเห็นเซฮุนเริ่มคิ้วขมวด

     

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรหนิ ” เซฮุนส่ายหัวพร้อมยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาแฟนตัวเล็ก “ไหน อ่านอะไรอยู่” เซฮุนเท้าแขนกับโต๊ะ มืออีกข้างหนึ่งก็วางแหมะบนหัวแบคฮยอน พร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

     

                    น้ำเสียงที่ใช้คุยกับแบคฮยอน มันเป็นแบบนี้มาตลอดสองปี เขาไม่เคยแม้แต่จะตะคอก หรือตวาด คนตัวเล็กนี้เลยสักครั้ง แบคฮยอนก็เช่นกัน อย่างว่าล่ะ ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันเลย มันอาจดูเป็นเหมือนเรื่องที่ดี แต่การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่เคยทะเลาะกันนี่มันค่อนข้างแปลกนะ ว่าไหม

     

    “ควิซพรุ่งนี้น่ะ” แบคฮยอนเอ่ยยิ้มๆแล้วเงยหน้าไปมองแฟนตัวเอง “ไม่โทรหาลู่หานหรอ เขาบอกว่าจะถามเซฮุนเรื่องงาน” แบคฮยอนวกกลับข้ามาเรื่องของลู่หาน เพราะเขากลัวว่าเซฮุนจะลืม แล้วลู่หานต้องรอเก้อ และอาจจะไม่ได้ทำงาน

     

                    จุ๊บ

     

    “เดี๋ยวโทรแล้ว” เซฮุนจูบหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนของตน

     

                    เซฮุนหันมายิ้มให้แบคฮยอนก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ทันทีที่ปลายสายรับ แล้วเดินออกไปยังระเบียง สงสัยจะไม่อยากรบกวนการอ่านหนังสือของแบคฮยอน

     

                    แบคฮยอนจะพยายามทำเป็นมองไม่เห็นแล้วกัน รอยยิ้มที่เซฮุนมียามที่คุยกับลู่หาน เพื่อนตัวเล็กของเขา แบคฮยอนเบี่ยงสายตาจากเซฮุนตรงระเบียงมายังโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมา รอยยิ้มก็ปรากฏบนหน้า พร้อมกับมือที่วางปากกาลง

     

    “ว่าไง” แบคฮยอนกรอกเสียงลงไปเมื่อรับโทรศัพท์ เขาพาร่างของตัวเองไปยังเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนแผ่

     

    (ทำอะไรอยู่)

     

    “อ่านที่จะควิซพรุ่งนี้น่ะ ชานล่ะ”

     

    (หืม? เซฮุนไม่อยู่หรอ) ปลายสายถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยินสรรพนามที่แบคฮยอนเรียกตน

     

    “อยู่ แต่คุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง”

     

    (อืม อ่านควิซอยู่เหมือนกัน)

     

    “แล้ว..โทรมามีไรเปล่า”

     

    (แค่คิดถึง..) ทันทีที่ปลายสายเอ่ยจบ แบคฮยอนก็อมยิ้มหน่อยๆก่อนจะหัวเราะออกมา

     

    “ฮ่าๆๆ จะเอาอะไรว่ามา อย่ามาหยอดซะให้ยาก”

     

    (โธ่ ไม่หลงหน่อยหรอ)

     

    “ไม่อ่ะ คิคิ” แบคฮยอนส่ายหัว ทั้งที่รู้ว่าปลายสายก็ไม่ได้เห็น

     

    (ฮะๆ แค่จะขอผลแล็ปที่ทำครั้งล่าสุดหน่อย ชานทำหายไปไหนก็ไม่รู้)

     

    “ได้สิ เดี๋ยวบะ..เดี๋ยวฉันถ่ายไปให้นะ” สรรพนามแทนตัวเองของแบคฮยอนเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นว่าเซฮุนเดินเข้ามาในห้องแล้ว

     

    (เซฮุนคุยเสร็จแล้วหรอ)

     

    “อื้อ ไว้เดี๋ยวถ่ายไปให้นะ”

     

    (อ่า..คุยไม่ได้แล้วสินะ)

     

    “หือ จะคุยไรอ่ะ”

     

    (เปล่าหรอก งั้นแค่นี้นะ ไปอ่านต่อแล้ว อย่าลืมถ่ายผลแล็ปส่งมาให้ชานล่ะ)

     

    “ไม่ลืมหน่า แค่นี้แหละ”

     

    (ฝันดีนะ)

     

    “เหมือนกัน” แบคฮยอนกดวางสายแล้วเดินกลับไปยังโต๊ะ แล้วเปิดชีทหาผลแล็ปที่จะถ่ายให้ชานยอล

     

    “ชานยอลหรอ” เซฮุนเดินมานั่งบนเตียงเอ่ยถามแบคฮยอนขึ้น

     

    “อื้อ เขาโทรมาให้ถ่ายผลแล็ปให้หน่อยน่ะ” แบคฮยอนพูดไป ถ่ายรูปไป

     

    [ตั้งใจอ่านนะชาน พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีครับ] แบคฮยอนพิมพ์ส่งไปก่อนจะส่งรูปภาพตาม

     

    “อ่านจะเสร็จยังอ่า” เซฮุนเริ่มเอ่ยถามด้วยเสียงออดอ้อน แบคฮยอนได้แต่ยิ้มกับท่าทางที่น่ารักนั่น ก่อนจะเดินไปหาเซฮุนที่เตียง

     

    “อีกสองหน้าจบแล้ว ง่วงล่ะสิ” คนตัวเล็กเดินไปข้างเตียง พร้อมกับเอาแขนเล็กๆคล้องคอแฟนหนุ่ม

     

    “อ่านเสร็จแล้วรีบมานอนนะ อยากกอดจะแย่” เซฮุนโอบเอวคนตัวเล็กไว้หลวมๆ หัวก็ซุกเข้าที่หน้าท้องของอีกคน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกเช่นเคย

     

    “รู้แล้วครับ แต่ถ้าง่วงก็นอนก่อนเลย”

     

    “อยากนอนกอดแฟน”

     

    “งั้นรอแป๊ปนึงนะ” แบคฮยอนระบายยิ้มให้กับแฟนตัวสูงแล้วอ่านหนังสือต่อ

     

     

     

     

    “ซึงฮวานเลิกหรือยังอ่า” แบคฮยอนเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

                    การควิซผ่านไปด้วยดี ถือว่าอาจารย์ยังปราณีอยู่ที่ข้อสอบมันไม่ยากนัก และตอนนี้เพื่อนสนิททั้งสองก็ย้ายตัวเองจากตึกคณะมายังร้านอาหารประจำใกล้มหาลัย ส่วนเซฮุนน่ะเห็นว่าอยู่ทำงาน เผลอๆไม่ได้กลับห้องด้วยซ้ำมั้ง แต่ไม่เป็นไรหรอก ชินแล้วล่ะ

     

    “อีกครึ่งชั่วโมงน่ะ แบครีบไปไหนหรือเปล่า” คนตัวสูงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนมีสีหน้าดูกังวล

     

    “หึ ไม่อ่ะ แค่..กำลังคิดอะไรนิดหน่อย”

     

    “หืม? คิดไรอยู่”

     

    “ก็..แบคกำลังคิดว่าซึงฮวานจะว่าอะไรแบคหรือเปล่า ที่แบคทำตัวติดชานแบบนี้อ่า” หลังจากที่ได้ฟังความคิดของแบคฮยอน ชานยอลก็ยิ้มขำออกมา

     

    “คิดอะไรหืม ไม่หรอกหน่า ซึงฮวานไม่ใช่คนแบบนั้น” มือหนายีหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือพร้อมส่งยิ้มเพื่อคนตัวเล็กไม่ต้องกังวล

     

    “รู้จักซึงฮวานดีจังน้า แต่ก็อย่างว่าแหละ คบกันมาปีนึงแล้วนี่เนอะ”

     

    “อือ ชานเป็นคนใส่ใจไง”

     

    “อ่า..นั่นสินะ ขนาดตอนเราคุยกัน ชานยังจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของแบคได้เลย”

     

    “...”

     

                    แล้วก็กลายเป็นความเงียบเมื่อแบคฮยอนเอ่ยถึงเรื่องในอดีต จริงๆก็ไม่ได้อยากจะพูดหรอก แต่ในบางเรื่องที่เราเคยได้รับมัน แต่ตอนนี้ มันกลายเป็นอีกคนที่รับ มันก็ต้องรู้สึกหวิวๆที่ใจเป็นธรรมดา ผ่านมาก็หลายปี แต่บางครั้งแบคฮยอนก็ยังคงไม่ชอบที่มีคนมาแทนที่เขา ทั้งๆที่เขาก็มีคนมาแทนที่ชานยอลมาสองปีแล้ว จะว่าไม่แฟร์มันก็ไม่แฟร์แหละ จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ลึกๆแล้ว แบคฮยอนก็ไม่อยากให้ชานยอลมีแฟน หรือแม้กระทั่งดูใจกับใคร แบคฮยอนไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่พอเมื่อชานยอลมีคนเป็นของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะงี่เง่าใส่ หรือหยิบยกเรื่องในอดีตมาพูด แต่ก็นะ ชานยอลก็ยังคงเป็นชานยอล ไม่เคยว่าอะไรแบคฮยอนเลย

     

    “ขอโทษนะ” และก็เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเอ่ยขอโทษ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเมื่อคนตัวเล็กพูดถึงเรื่องในอดีต

     

                    จริงๆแล้วถ้าไม่ใช่เพราะแบคฮยอนแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง ตอนนี้คนที่อยู่ข้างแบคฮยอน ก็คงเป็นชานยอล ไม่ใช่เซฮุน

     

    “อื้อ ไม่เป็นไร” ชานยอลส่ายหัว แล้วก็เกิดความเงียบอีกครั้ง

     

                    ยิ่งตอนนี้แบคฮยอนกับเซฮุนห่างกันมากเท่าไหร่ ความใกล้ของแบคฮยอนและชานยอลก็มีมากขึ้น ไม่แปลกหรอก เพราะชานยอลกับแบคฮยอนอยู่คณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ผิดกับเซฮุนที่ถึงแม้จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ก็น้อยมากที่จะได้คุยกัน อาจเป็นเพราะหน้าที่และงานที่มีมากขึ้น ทำให้ต้องอยู่ห่างกัน และแน่นอน การที่ได้ใช้เวลาร่วมกันคนที่เคยมีความรู้สึกดีๆต่อกันเป็นเวลานาน ไม่แปลกที่ความรู้สึกเดิมๆมันจะกลับมา

     

    “ชานยอลอ่า รอนานมั้ย” และเสียงที่ทำลายความเงียบระหว่างสองคนก็ดังขึ้น พร้อมกับหญิงสาวตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มปรากฏขึ้น

     

                    ซึงฮวานที่อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีขาวและกางเกงยีนส์สีเข้ม พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ และชีทที่อยู่ในอ้อมแขน เดินมาหาชานยอลแล้วฉีกยิ้มกว้าง

     

    “ไม่เลย..มา ชานช่วย” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบชีทกับกระเป๋า

     

    “แบคฮยอนมารอเราเป็นเพื่อนชานยอลหรอ ขอบคุณนะ” ซึงฮวานที่เห็นว่าเพื่อนสนิทของแฟนเธอนั่งอยู่ข้างๆเลยเอ่ยทักขึ้น

     

    “อ่ะ..อื้อ” แบคฮยอนคลายมือที่ไม่รู้กำเข้าหากันเมื่อไหร่ออก แล้วส่งยิ้มไปให้ซึงฮวานที่นั่งอยู่ตรงข้าม

     

                    เขาจะรู้สึกเป็นส่วนเกินทุกทีที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันและมีเขาร่วมด้วย และแบคฮยอนจะเจ็บทุกครั้ง เมื่อได้ยินชานยอลเรียกแทนตัวเองว่า ชานซึ่งชานยอลก็แทนแบบนี้กับเขาเหมือนกัน และก็อดคิดไม่ได้เช่นกัน ว่าถ้าเขาตัดสินใจคบกับชานยอล ก็จะไม่มีใครที่ได้รับในสิ่งต่างๆที่เขาควรได้รับ มันอาจเป็นการเสียดาย หรืออาจเสียใจก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก

     

    “ไปไหนน่ะ” ชานยอลเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนลุกขึ้นยืน

     

    “จะไปนั่งตรงโน้นน่ะ” แบคฮยอนชี้ไปยังที่ที่ซึงฮวานนั่งอยู่ “ซึงฮวานไปนั่งนู่นสิ เดี๋ยวเรานั่งนี่เอง” ซึงฮวานได้แต่พยักหน้าหงึกหงักแล้วย้ายไปนั่งข้างแฟนหนุ่มของตน

     

                    หลังจากนั่งคุยได้ไม่นาน ทั้งสามก็สั่งอาหารมา ระหว่างรอ แบคฮยอนก็ได้แต่นั่งมองนู่นมองนี่ เพราะตรงหน้ามีคู่รักที่เขาไม่ค่อยอยากจะมองเท่าไหร่

     

                    จริงๆแล้ว เรื่องของเขากับชานยอลไม่ค่อยมีคนรู้ ส่วนมากจะเป็นคนในสาขาเท่านั้น ที่จะมีคนเห็นบ้างว่ามีโมเม้นงุ้งงิ้งกันสองคน แต่พอเลิกคุยกันไป เพื่อนก็ไม่มีใครพูดถึง ฉะนั้น ทั้งซึงฮวานและเซฮุน ก็ไม่มีใครรู้ถึงอดีตของทั้งคู่ ไม่อย่างนั้นได้มีนั่งเครียดกันเลยล่ะ เพราะสองคนนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าอะไร

     

    “อ่า..ฉันลืมไปว่าต้องกลับไปเก็บของให้เซฮุน เพราะเขาไปนอนหอเพื่อน ฉันกลับก่อนนะชานยอล เรากลับก่อนนะซึงฮวาน” แบคฮยอนหยิบยกเรื่องที่เซฮุนวานเขาขึ้นมาอ้าง ทั้งที่จริงแล้วไม่ต้องรีบก็ได้

     

                    แต่ในเมื่อภาพตรงหน้าที่แบคฮยอนเห็น มันมีภาพของแบคฮยอนแทนที่ซึงฮวาน ซึ่งมันทำให้เขาไม่อยากอยู่ตรงนั้นเท่าไหร่นัก

     

    อ่า ทำไมนะ ทำไมความรู้สึกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมันเพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ หรือจริงๆแล้ว ความรู้สึกที่มีให้ชานยอลมันไม่เคยหายไปเลย

     

     

     

    “เรา..เลิกคุยกันดีมั้ยชาน กลับไปเป็นเพื่อนกันเถอะ” คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาพูด ทำให้ไม่เห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้ายังไง

    “ทำไมหรอ..ขอเหตุผลให้ชานได้มั้ย”

    “แบค..แบคว่าความรู้สึกที่มีให้ชานมัน--”

    “รู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย” ไม่ทันที่แบคฮยอนจะพูดจบ ชานยอลก็พูดขึ้นมาเหมือนรู้อยู่แล้ว

    “อื้อ..ขอโทษ เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” แบคฮยอนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาถาม

    “แน่นอนสิ อ่า..จริงๆก็ทำใจมาสักพักแล้วล่ะ เพราะหลังๆมานี้ แบคดูเปลี่ยนไป”

    “เพราะแบคไม่ได้ใส่ใจชานเหมือนเดิมใช่หรือเปล่า”

    “ก็..คงงั้นแหละ”

    “ขอโทษ”

    “เฮ้ยไม่เป็นไร แค่เลิกคุยกันเอง ไม่ได้เลิกกันหรือเลิกเป็นเพื่อนสักหน่อย”

     

     

                    อย่างที่เขาว่าแหละนะ พอเสียไป ถึงได้รู้ว่ามันสำคัญขนาดไหน

     

     

     

    หลังจากที่แบคฮยอนเอาของไปให้เซฮุนที่หอลู่หาน เขาก็กลับมาอยู่ที่ห้องตัวเอง นอนแผ่แบบคนหมดแรง รู้สึกเหนื่อย ทั้งกาย และใจ ห้องที่ดูโล่งๆเพราะไม่มีเซฮุน มันดูแปลกๆ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เหงา มันเป็นเพราะอะไรกันนะ แทนที่จะรู้สึกกระวนกระวายที่เซฮุนไปนอนห้องลู่หาน ที่แบคฮยอนแน่ใจว่าคงไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทธรรมดาอะไรแบบนั้น แต่ในหัวมีแต่เรื่องของคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาทั้งนั้น

     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่เหลือบตาไปมองที่ประตู ทั้งๆที่ก็ไม่เห็นอะไร แต่ตอนนี้แบคฮยอนรู้สึกเหนื่อย เหนื่อยเกินจะขยับไปไหน

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    และเสียงเคาะก็ดังอีกรอบ แบคฮยอนถอนหายใจยาวๆก่อนจะค่อยๆลุกแล้วเดินช้าๆไปเปิดประตู

     

     

    “นึกว่านอนไปแล้วซะอีก เปิดช้าจัง ทำไรอยู่หรอ” ทันทีที่เปิดประตู คนที่คุ้นเคยที่สุดของแบคฮยอนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ในมือมีถุงขนมจากซุปเปอร์ถุงใหญ่ ที่หลังมีเป้ใบเล็กๆอยู่ แบคฮยอนไม่ได้ตอบ และก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่เบี่ยงตัวหลบให้อีกคนได้เข้ามา

     

    “อ่า..เมื่อกี้กำลังจะเคลิ้มๆหลับน่ะ เลยไม่ได้ยิน” แบคฮยอนแก้ตัวแล้วเดินตามชานยอลไป

     

    “จะนอนทั้งแบบนี้น่ะเหรอ ไปอาบน้ำก่อนสิ เดี๋ยวชงนมไว้ให้” ชานยอลวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะกินข้าว รวมถึงกระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวถือมาด้วย

     

    “มาทำอะไรเหรอ” แบคฮยอนดูไม่ได้สนใจกับคำพูดของชานยอลมากนัก แต่กลับถามในสิ่งที่ตนอยากรู้แทน             

     

    “มานอนด้วยไง เห็นว่าเซฮุนไม่อยู่ กลัวว่าจะเหงา” คำพูดของชานยอลทำให้แบคฮยอนอมยิ้มเล็กๆ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป

     

     

     

     

     

    “ซึงฮวานล่ะ” แบคฮยอนเอ่ยถามท่ามกลางความมืด สายตาจับจ้องไปยังเพดานสีขาว ชานยอลที่อยู่ข้างๆก็พลิกตัวหันมาหาคนถาม

     

    “ก็อยู่หอน่ะสิ เขามีงานต้องทำน่ะ”

     

    “เหรอ..ดีจังเนอะ ซึงฮวานเนี่ย” แบคฮยอนล่ะอยากที่จะตบปากตัวเองจริงๆที่เผลอพูดอะไรออกไป ซึ่งคำพูดมันดูเหมือนเขาอิจฉาซึงฮวานยังไงยังงั้น

     

    “หือ?” ชานยอลส่งเสียงเหมือนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่แบคฮยอนก็ได้แต่ส่ายหน้า แล้วพลิกตัวหันมาหาชานยอล ตอนนี้ทั้งคู่เลยกลายเป็นมองหน้า ประสานสายตากันอยู่

     

    “ขอบคุณที่ยังยอมเป็นเพื่อนกันนะ” พูดจบ แบคฮยอนก็หันหลังให้ชานยอลทันที

     

    ไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีเสียงพูดคุยหลังจากประโยคนั้น มีเพียงอ้อมกอดของคนตัวโตกว่าเท่านั้น แบคฮยอนพยายามทำตัวให้นิ่ง บังคับให้ลมหายใจสม่ำเสมอ แสร้งว่าหลับแล้ว เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ชานยอลกอดเขาไว้แบบนี้

     

     

    บางที..ความรู้สึกที่มีให้ชานยอลตอนนี้ อาจไม่ใช่แค่รู้สึกดีเหมือนตอนแรกแล้ว

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองตื่นมาแล้วทานข้าวเช้าปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะแปลกก็แค่ว่าแบคฮยอนไม่กล้ามองหน้าชานยอล ไม่ใช่เพราะเขิน แต่เป็นเพราะกำลังบังคับความรู้สึกตัวเอง ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งถลำลึกมากเท่าไหร่  ก็จะยิ่งรู้สึกผิดต่อเซฮุนมากขึ้นเท่านั้น

     

    เพราะวันนี้มีเรียนตัวเดียว และอาจารย์ยกคลาส กลายเป็นว่าทั้งคู่นั้นว่าง แต่ชานยอลก็ขอตัวกลับก่อน และเหตุผลจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากซึงฮวาน เพียงแค่การกระทำไม่กี่อย่าง ถึงชานยอลไม่ได้แสดงออกมาให้คนภายนอกเห็น แต่แบคฮยอนรับรู้ได้ ว่าความรักที่ชานยอลมีให้ซึงฮวาน มันมากแค่ไหน

     

    และมันเป็นอีกครั้ง ที่แบคฮยอนรู้สึกอิจฉาซึงฮวาน อิจฉาที่เธอได้ชานยอลไปเป็นคนรัก อิจฉาที่เธอได้รับความรักจากชานยอลไป

     

    แต่เชื่อเถอะ ความรู้สึกทั้งหมดนี้ จะไม่มีใครได้รู้ จะไม่มีใครรู้ได้ว่า จริงๆแล้ว ตอนนี้แบคฮยอนรู้สึกยังไงกับชานยอล

     

     

    สองอาทิตย์ผ่านไป งานของเซฮุนก็หมดลงไปแล้ว ทำให้เขาว่าง ถ้าไม่นับโปรเจกต์ที่อาจารย์กำลังจะสั่งในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าล่ะก็นะ

     

    “แบคฮยอน..” เซฮุนเอ่ยเรียกแฟนตัวเล็กที่นั่งจ้องไอแพดในมือ แต่เซฮุนก็รู้ได้ว่าแบคฮยอนไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในนั้นเลย ก็แหงล่ะ แบคฮยอนเล่นเกมอยู่ แต่มันเกมโอเวอร์ไปนานแล้ว และแบคฮยอนก็ยังคงจ้องอยู่แบบนั้น

     

    “หือ” แบคฮยอนละสายตาจากหน้าจอแล้วหันไปมองเซฮุน

     

    “ช่วงนี้ไม่เจอชานยอลเลยแฮะ เขาไปไหนเหรอ”

     

    “ไปบ้านซึงฮวานที่ต่างจังหวัดน่ะ เห็นว่าแม่ซึงฮวานไม่สบาย ส่วนพ่อของเธอยังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ เลยไปอยู่ดูแลก่อน” แบคฮยอนตอบเซฮุน แต่สายตาก็มองไปยังหน้าจอไอแพด เขาออกจากเกมแล้วเข้าทวิตเตอร์ที่เจ้าตัวชอบเล่น

     

    “ดูท่าทางชานยอลจะรักซึงฮวานมากเลยนะ” แบคฮยอนชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ฟังประโยคที่ออกมาจากปากเซฮุน

     

    “อือ หมอนั่นน่ะ..รักใครรักจริง”

     

                    รวมถึงตัวเขาด้วย แบคฮยอนคิดในใจ เขาก็เพิ่งรู้เมื่อตอนที่เลิกคุยกันไปได้ประมาณสองเดือน ว่าชานยอลน่ะ ไม่ใช่แค่ชอบเขา แต่รักเลยต่างหาก รุ่นพี่ที่เขาสนิทด้วย ก็สนิทกับชานยอลเหมือนกัน พี่จุนมยอนน่ะเขามักจะให้คำปรึกษากับชานยอลเรื่องแบคฮยอนบ่อยๆ และเขาก็ได้รู้มาจากพี่จุนมยอนนี่ล่ะ ว่าชานยอลน่ะรักเขา และรักจนอยากจะขอเป็นแฟนแล้วพาไปให้ครอบครัวรู้จัก แต่ไม่ทันที่จะถึงขั้นนั้น ความสัมพันธ์ก็หยุดลงเสียก่อน

     

                    จะว่าเสียใจมั้ยที่รู้แบบนี้ ก็เสียใจแหละ แต่ถ้าเป็นตอนนั้นมันเสียดายมากกว่า เพราะชานยอลน่ะเป็นคนดี ดีมากๆ จริงๆความรักของชานยอลคู่ควรกับคนที่สมควรจะได้รับมัน ไม่ใช่กับแบคฮยอน ที่ไม่เคยเห็นค่าของที่อยู่ใกล้ตัว จนได้เสียมันไป จนวันนี้ถึงได้รู้ว่า แบคฮยอนเสียใจจริงๆที่ปล่อยชานยอลไป

     

    “เดี๋ยวนี้แบคดูแปลกไปนะ เครียดอะไรหรือเปล่า” เซฮุนเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมา แบคฮยอนดูมีเรื่องอะไรในใจมาตลอด และจะมาเป็นหนักๆก็ช่วงอาทิตย์หลัง ที่ไม่เจอชานยอลเลย

                   

    หรือเขามีเรื่องไม่สบายใจแล้วชานยอลเพื่อนสนิทไม่อยู่ให้ระบายกันนะ

     

    “เฮ้อ..” แบคฮยอนถอนหายใจยาวแทนที่จะตอบคำถามเซฮุน

     

    “...”

     

    “เซฮุนนา”

     

    “ครับ?”

     

    “เรา..ลองห่างกันดูมั้ย” และคำพูดของแบคฮยอนหลังจากถอนหายใจ มันทำให้เซฮุนนิ่งไป ในใจเขาก็นึก ว่าเขาทำอะไรผิด หรือว่า..

     

    “...”

     

    “ไม่สิ..เราเลิกกันดีมั้ย” ประโยคถัดมาของแบคฮยอน ทำเอาเซฮุนต้องหยุดคิดว่าเขาทำอะไรผิด และมาจ้องหน้าแฟนตัวเล็กของตัวเองแทน

     

    “หมายความว่าไง”

     

    “อย่าให้ต้องพูดย้ำอีกรอบเลยนะ”

     

    “ทำไมล่ะแบคฮยอน” เสียงตัดพ้อของเซฮุนเกือบทำให้แบคฮยอนพูดอะไรไม่ออก แต่สีหน้าของเซฮุน มันทำให้รู้สึกว่า เซฮุนสงสัยในคำบอกเลิก มากกว่าจะเป็นเสียใจในคำนั้น

     

    “เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” แบคฮยอนเอ่ยถาม เพราะเขาก็ไม่อยากเสียเซฮุนไปเหมือนกัน

     

    “นายจะเลือกให้มันเป็นแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ ทั้งๆที่เราก็รักกันน่ะนะ”

     

    “เปล่าเลยเซฮุน เราไม่ได้รักกันแล้ว” แบคฮยอนส่ายหัว แล้วยิ้มบางๆไปให้เซฮุน

     

    “อย่าพูดว่าเราไม่ได้รักกัน อย่าเอาความรู้สึกนายมาตัดสินทั้งหมด”เซฮุนขมวดคิ้วพูดกับแบคฮยอน

     

    “แล้วนายจะบอกว่านายรักฉันเหรอเซฮุน”

     

    “ฉันรัก..”

     

    “แบคฮยอนหรือลู่หานที่นายรัก คิดให้ดี” ทันทีที่แบคฮยอนเอ่ยชื่อบุคคลที่สามขึ้น เซฮุนก็ชะงัก มองคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจนัก

     

    “แบค..”

     

    “เราหมดรักกันมานานแล้วเซฮุน ลองคิดนะ ว่าทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน มันเป็นเพราะรักหรือความเคยชิน”

     

    “ถ้าฉันหมดรักนายเพราะฉันรักลู่หาน แล้วนายล่ะ หมดรักฉันเพราะนายรักใคร” ในที่สุดเซฮุนก็ยอมรับ จริงๆแบคฮยอนก็พอจะรู้แหละ เพราะสายตาที่เซฮุนมองไปยังลู่หาน มันเหมือนสายตาที่ชานยอลเคยมองมาที่เขา

     

    “....” แบคฮยอนอมยิ้มน้อยๆพลางส่ายหัว

     

    “คิมแทฮยองเหรอ” เซฮุนเอ่ยชื่อน้องรหัสของแบคฮยอนที่สนิทมากๆขึ้นมา แต่เขาก็ได้ส่ายหัวอีกครั้ง

     

    “เปล่าเลย เขาเป็นรุ่นน้องที่สนิทเท่านั้น”

     

    “แล้วใคร..”

     

    “ชานยอล ปาร์คชานยอล เขาคือคนที่ฉันรัก” สุดท้ายแบคฮยอนก็ยอมที่จะบอกเซฮุนไป เพราะยังไง สักวันหนึ่งเขาก็ต้องได้รู้

     

    “แต่มันมีแฟน..” ยิ่งเป็นปาร์คชานยอล เซฮุนยิ่งไม่เข้าใจ ในเมื่อเป็นเพื่อนสนิทกับคนตัวเล็กนี่ แล้วยิ่งมีแฟนแล้วด้วย

     

    “แล้ว? ฉันไม่ได้เลิกกับนายเพราะจะไปคบกับเขาสักหน่อย”

     

    “ฉันงงไปหมดแล้วแบคฮยอน” เซฮุนกรอกตามองไปรอบๆ เขาไม่ค่อยจะเข้าใจสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่

     

    “ฉันแค่รู้สึกว่าความรู้สึกที่ฉันเคยมี ให้นาย ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าฉันไปมีให้ชานยอลแทน ถึงแม้เขาจะมีแฟนแล้วก็เถอะ แต่จะให้ฉันคบกับนายในขณะที่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อชานยอลมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆน่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก” แบคฮยอนพูดเสียงเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ความเสียใจ หรืออะไรก็ตามที่ไม่มีส่วนผสมของความสุขอยู่

     

    “นาย..โอเคนะ” เซฮุนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “อื้อ ขอแค่นายยังเป็นเพื่อนฉันอยู่”

     

    “แน่นอน เราอยู่กันมากี่ปีแล้วล่ะ” เซฮุนยิ้ม มือหนาวางบนกลุ่มผมนุ่มด้วยความเคยชิน แบคฮยอนยิ้มกลับไปเหมือนทุกครั้ง

     

    “แล้วเรื่องลู่หาน นายจะเอายังไง จะบอกเขามั้ย”

     

    “บอก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”

     

    “แล้วถ้าเขา หนีไปมีแฟนล่ะ”

     

    “ฉันไม่ได้ยอมเลิกกับนายเพราะจะไปคบกับลู่หานหรอกนะ”

     

    “เฮ้ อย่ามาเลียนแบบกันสิ” แบคฮยอนโวยวายนิดหน่อยที่เซฮุนลอกเลียนคำพูดของเขา

     

    “ฮ่ะๆ ก็จริงนี่นา จริงๆแล้วฉันยังไม่ได้รักลู่หาน ฉันแค่ชอบเขา แล้วก็ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ชอบฉัน ตอนนี้ฉันขออยู่ข้างนายดีกว่า” อ่า..ผิดคาดไปนิดแฮะ จริงๆแบคฮยอนคิดว่าทั้งสองน่ะใจตรงกัน บางทีเซฮุนอาจต้องพยายามหน่อยแล้วล่ะ

     

    “อ่า นายนี่น่ารักจริงๆเลย”

     

    “งั้นกลับมาคบกันมั้ย” เซฮุนพูดหยอก นั่นเรียกหมัดเล็กๆได้ดี กำปั้นแบคฮยอนต่อยเข้าที่ต้นแขนเซฮุนเบาๆ ก่อนจะขำออกมา

     

    “เพ้อเจ้อหน่า แต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่อยู่ด้วยกัน”

     

    “ฉันรักนายนะแบคฮยอน ถึงตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่รักเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม”

     

    “อื้อ ขอบคุณ ฉันก็รักนาย”

     

    “แล้วเรื่องชานยอล?

     

    “ไม่ได้วางแผนไว้น่ะ แต่ก็อย่างที่บอก ที่เลิกกับนาย ไม่ใช่ว่าจะไปคบเขา หรือทำให้เขาชอบฉัน เป็นมือที่สามน่ะ มันไม่เวิร์คหรอก”

     

    “แล้ว..”

     

    “อย่าห่วงเลย ฉันไม่ได้อยากคบเขา ปล่อยไว้สักระยะ เดี๋ยวฉันก็จัดการกับความรู้สึกตัวเองได้”

     

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมไม่คบกันต่อล่ะ”

     

    “รู้สึกผิดน่ะ ให้คบกับนายทั้งๆที่ความรักที่มีต่อนายมันลดลง ในขณะที่ความรักที่มีต่อคนอื่นเพิ่มขึ้นน่ะ ทำไม่ได้หรอก”

     

    “ไหนมากอดทีซิเพื่อนรัก”

     

    “เราเป็นเพื่อนกันได้จริงๆน่ะเหรอ" แบคฮยอนถามย้ำด้วยความมั่นใจ แต่ก็อ้าแขนกอดตอบคนตัวสูงอย่างเคย

     

    “เป็นมากกว่านั้นก็ได้นะ”

     

    “หือ?

     

    “คนสำคัญไง มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน”

     

    “ก็แปลกดี”

     

    “แหงสิ เราไม่ได้จบกันไม่ดีสักหน่อย เราจบกันด้วยดี ไม่ได้ทะเลาะ ไม่มีความขุ่นเคืองในใจ”

     

    “อื้อ ขอบคุณนะ คนสำคัญของฉัน”

     

    “แล้วไว้ต่างคนต่างมีคนของตัวเอง สถานะนี้ค่อยมาจัดการทีหลังเนาะ”

     

    “รู้แล้วหน่า ยังไงซะเทอมนี้ก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่ดี ช่วยกันหารค่าน้ำค่าไฟเหมือนเดิมนะ ห้ามเบี้ยว”

     

    “รู้หน่า เห็นฉันเป็นคนยังไงกัน”

     

    “ล้อเล่นน่ะ โอเซฮุน”

     

                    แล้วความสัมพันธ์ที่ยาวนานมาถึงสองปีกับอีกสามเดือนก็จบลงได้ด้วยดี และแน่นอน ว่าถ้าจบด้วยดีแบบนี้ คงเป็นเพื่อนกันได้อย่างสบายใจ มันจะลงเอยด้วยดีเสมอถ้าคุยกันด้วยเหตุผล และพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา

     

     

                    หลายๆวันต่อมา ทั้งสองก็ยังคงทำตัวแบบเดิม ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองเลิกกันแล้ว เว้นก็แต่ลู่หาน ที่แบคฮยอนเป็นคนบอกด้วยตัวเอง เขาไม่อยากให้เซฮุนเพื่อนรักต้องมาอกหักกับรักข้างเดียว ดูก็รู้ ว่าลู่หานน่ะ ก็คงมีความรู้สึกดีๆให้เซฮุนเหมือนกัน

     

                    แต่กับชานยอล แบคฮยอนน่ะ ไม่บอกหรอก มันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรขนาดนั้น อีกอย่าง ถ้าบอกไปตอนนี้ คงได้โดนคนตัวโตซักไซ้ ถามนู่นถามนี่แน่ๆ และคงไม่พ้นที่ว่าแบคฮยอนจะสารภาพความรู้สึกออกไป แต่เชื่อเถอะ ว่าแบคฮยอนจะไม่มีทางเผลอพลั้งปากพูดเรื่องนี้กับใครแน่นอน เขาไม่อยากจะให้ชานยอลมาคิดมากกับเรื่องความรู้สึกของเขาหรอกนะ ก็เป็นแบคฮยอนเองไม่ใช่หรือไง ที่ขอให้ลดเหลือแค่สถานะเพื่อนน่ะ

     

    “นั่นเซฮุนหรือเปล่าแบค” วันนี้ชานยอลชวนแบคฮยอนออกมาทานข้าว ชดเชยที่ไม่ได้มาให้เจอเลยตลอดอาทิตย์เพราะไปบ้านของซึงฮวานที่ต่างจังหวัดมา

     

    “อื้อ” แบคฮยอนมองตามที่ชานยอลชี้ไป ก็เห็นว่าเป็นเซฮุนกับลู่หาน กำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารฝั่งตรงข้าม

     

                    จริงๆแบคฮยอนก็รู้แหละว่าทั้งสองจะมาทานร้านนั้น ก็แบคฮยอนแนะนำเองนี่นา มันเป็นร้านอาหารที่ชานยอลพาไปทานหลังจากที่ตกลงดูใจกัน อ่า...มองไปทางไหนก็เห็นแต่อดีตที่มีความสุขไปหมดเลย

     

    “ทำไมช่วงนี้เซฮุนตัวติดลู่หานจัง ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” ชานยอลเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่สองสามวันมานี้เซฮุนไม่ค่อยอยู่กับแบคฮยอนนัก จะเห็นก็แต่ไปกับลู่หาน เขาเองก็กลัวว่าทั้งสองอาจจะมีปัญหากัน และแบคฮยอนไม่เล่าให้เขาฟัง

     

    “เปล่าหรอก..”

     

    “อ่าดีแล้วล่ะ ชาน--”

     

    “แต่เลิกกันแล้ว” แบคฮยอนหันมาสบตากับชานยอลแล้วฉีกยิ้มกว้าง ยิ้มที่ไม่ได้มีความเศร้าปะปนอยู่เลย

     

    “บะ..แบคฮยอน..” ชานยอลดูตกใจกับสิ่งที่แบคฮยอนพูด สีหน้าดูเป็นห่วงและกังวลได้ชัดเจน

     

    “อย่าทำหน้างั้นสิ เราจบกันด้วยดี อย่าห่วงเลย”

     

    “ทำไมล่ะ..พวกนายก็ไม่เคยทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ”

     

    “คนรักกันแล้วไม่ทะเลาะกันน่ะ ไม่มีหรอก ถ้าไม่ทะเลาะน่ะ อาจไม่ได้รักกันจริงๆก็ได้นะ”

     

    “...”

     

    “แค่รู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ตอนนี้แบคก็ยังอยู่ห้องเดียวกับเขานะ อ่า..นี่ยังจะช่วยเซฮุนจีบลู่หานเลย”

     

    “...”

     

    “อย่าคิ้วขมวดสิชานยอลอ่า” แบคฮยอนเอื้อมมือ เอานิ้วชี้ไปจิ้มหว่างคิ้วคนตัวสูง

     

    “เป็นห่วงน่ะ”

     

    “...” แบคฮยอนยิ้มให้กับคำพูดของชานยอล บางทีการได้รับความห่วงใยจากเพื่อนคนนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ

     

    “พรุ่งนี้..ชานว่าจะพาซึงฮวานไปหาแม่แหละ แม่อยากเจอ” จู่ๆชานยอลก็พูดเรื่องที่ทำให้ใจแบคฮยอนตกไปอยู่ตาตุ่ม

     

                    บางทีเรื่องที่แบคฮยอนไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็มาถึงเร็วเกินไป

     

    “จริงจังสินะ..เรื่องคนนี้”

     

    “อื้อ รู้ตัวอีกทีแม่ก็บอกให้พาไปเจอแล้ว แม่บอกว่าชานพูดถึงเขาทุกวันเลย” ชานยอลพูดไปก็ยิ้มไป

     

                    อ่า..น่าอิจฉาจริงๆแหละผู้หญิงคนนั้น ทำไมนะแบคฮยอน ทำไมนายถึงได้รู้ตัวช้าขนาดนี้ ทำไมถึงรู้ความรู้สึกของตัวเองช้าขนาดนี้

     

    “ดีแล้ว ซึงฮวานเป็นผู้หญิงที่น่ารัก แม่ชานคงชอบ”

     

    “อื้อ ชานก็ว่างั้นแหละ..”

     

                    แล้วบทสนทนาตลอดการทานอาหารมื้อนั้น เป็นการพูดถึงเรื่องของชานยอลกับซึงฮวานซะส่วนใหญ่ บางทีหลังจากวันนี้ หัวใจแบคฮยอนอาจชินชาไปแล้วก็ได้ เพียงแค่ฟังไม่กี่ชั่วโมง ก็รู้สึกอิจฉาซึงฮวานขึ้นอีกเป็นพันเท่า ความรักที่ชานยอลมีให้ซึงฮวานน่ะ มันมากกว่าที่ชานยอลเคยมีให้แบคฮยอนอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ

     

     

     

    หลังจากที่ชานยอลพาซึงฮวานไปหาแม่ นี่ก็ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว และเป็นสองอาทิตย์ที่แบคฮยอนอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะเซฮุนก็อยู่กับลู่หาน ชานยอลก็อยู่กับซึงฮวาน ส่วนเขาเอง คนไม่มีคู่ก็อยู่คนเดียว เอาเถอะ มันเป็นทางที่เขาเลือกเอง จะมาโอดครวญอะไรก็ไม่ได้

     

                    แต่ถึงแม้กับชานยอลเขาจะไม่ได้เจอ แต่ชานยอลก็ทักมาเล่าเรื่องที่พาซึงฮวานไปหาแม่ เขาเล่า ว่าแม่ชอบซึงฮวานมากแค่ไหน แม่เขาอยากได้ซึงฮวานมาเป็นลูกสาวอีกคน พี่สาวและพ่อก็ให้สามผ่าน ไฟเขียวให้กับคนนี้ ซึ่งตอนนี้ความรู้สึกที่แบคฮยอนมีต่อซึงฮวาน มันเกินคำว่าอิจฉาไปไกลมากแล้ว แบคฮยอนรู้สึกว่าซึงฮวานนั้นโชคดีจริงๆ หรืออาจจะเป็นเขาที่โชคร้ายเองกันนะ

     

                    “แม่ชอบเธอมากเลย”

                “ดีแล้วชานยอล..มันดีมากเลยล่ะ”

                “ฉันว่าคนนี้แหละ คือคนที่ใช่เลย” อือ ชานยอลเคยบอกกับพี่จุนมยอนเหมือนกัน ว่าแบคฮยอนคือคนที่ใช่

                “อ่าฮะ”

                “เธอคนนี้แหละ ที่จะทำให้ฉันไปรักใครไม่ได้อีกแล้ว” อือ ชานยอลก็เคยพูดกับพี่จุนมยอนเหมือนกัน ว่าใช้สิทธิ์ในการรักกับแบคฮยอนไปแล้ว ไม่เหลือให้ใครแล้ว

    “อื้อ ชาน..ว่างๆแบคขอไปหาแม่ชานบ้างได้มั้ย” จะว่าไป หกเดือนที่คุยกันมา และอีกเกือบสี่ปีที่เป็นเพื่อนกัน แบคฮยอนยังไม่เคยเจอครอบครัวชานยอลแม้แต่ครั้งเดียว

                “ได้สิ ชานต้องพาเพื่อนสนิทไปให้แม่เจออยู่แล้ว”

                “อืม...”

                “แล้วเรื่องเซฮุนล่ะ..”

                “หือ?”

                “แน่ใจนะ ว่าไม่เสียใจที่เลือกให้เป็นอย่างนี้”

                “ฮะฮะฮะ”

     

                เชื่อเถอะว่าชานยอลจะเป็นคนสุดท้ายที่แบคฮยอนจะเสียใจที่เลือกที่จะลดความสัมพันธ์ให้เหลือแค่คำว่า เพื่อนกัน

     

                “แบคฮยอน”

                “อื้อ เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว”

     

                เพราะถ้าไม่ใช่นาย ฉันก็ไม่รู้จะไปรักใครแล้วล่ะ ปาร์คชานยอล

     

               

                “งั้น...งานแต่งงานของฉัน นายต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ”

                “คิดถึงขั้นแล้วเหรอ ฮะๆ ได้สิ ได้แน่นอนอยู่แล้ว”

     

                ไม่ว่าจะให้เป็นอะไร ถ้านั่นมันทำให้ฉันได้อยู่ข้างนาย ฉันยอม

     

                “นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย”

                “นายก็เหมือนกัน”

     

                แต่บางทีฉันก็อยากรู้ ว่าถ้าให้ฉันทำหน้าที่คนรัก ฉันจะทำได้ดีเหมือนทำหน้าที่เพื่อนหรือเปล่า

     

     

                ไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวังในความรัก

    ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รักกับคนที่ตัวเองรัก

    และไม่ใช่ทุกคน ที่ไม่เสียใจกับทางที่ตัวเองเลือก

     

     

     

    สุดท้ายก็ต้องยอมรับในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นแหละนะ

    ฝากด้วยนะคะ #smatCB

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×