คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 24
Distorted Daytime
ชานยอลเดินลงมาชั้นล่างของบ้านเมื่อกล่อมคนตัวโตให้เข้าไปอาบน้ำสำเร็จ กว่าจะยอมแก้มของเขาก็แทบช้ำ รวมถึงกลีบปากอิ่มที่โดนคุณคริสจูบซ้ำจนรู้สึกเจ็บ ยิ่งคิดแก้มแดงก็ยิ่งขึ้นสี ใบหน้าหวานอมยิ้มอย่างนึกเขิน
ชายหนุ่มเดินลงมาจากชั้นบนเพื่อพบกับความเงียบเหงาของคฤหาสน์ เขาตั้งใจว่าจะลงมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณคริสก่อนที่จะออกเดินทาง แต่ทำไมในบ้านถึงไม่มีใครอยู่สักคนไม่เห็นแม้แต่สาวใช้ที่ปกติต้องเดินไปมาในบริเวณบ้าน หรือว่าจะไปรวมตัวกันอยู่ในห้องครัวกันหมดนะ
“เอ๋..หายไปไหนกันหมดนะ”
แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องครัวก็ไม่พบร่างของใครอยู่ในนั้น แม้แต่คุณยายหลี่ที่มักจะขลุกตัวอยู่ในห้องครัวประจำก็ไม่เห็น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ ไปไหนกันหมดนะขาเรียวเดินไปประตูตู้เก็บของที่มีกาแฟยี่ห้อประจำของคุณคริสอยู่ในนั้น หยิบมันออกมาชงอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ตากลมเหลือบมองนาฬิกาที่ข้างฝา แอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเข็มนาฬิกาชี้ว่าพวกเขาสายมากแล้ว
“ป่านนี้คุณคริสคงอาบน้ำเสร็จแล้ว ยกขึ้นไปให้เลยดีกว่า”
พูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะหยิบเอาถาดที่มีแก้วกาแฟและแก้วนมสดไม่ลืมหยิบขนมปังติดมือมาด้วยเผื่อคุณคริสจะต้องการมัน คงมีเวลาไม่พอสำหรับที่จะนำมันเข้าเครื่องทำขนมปังแค่นี้ก็สายมากแล้ว
คริสมองดูร่างโปร่งที่เปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมถาดอาหารในมืออย่างทุลักทุเล จนเขาต้องเดินเข้าไปช่วยหยิบถาดอาหารที่มีกาแฟและนมสดนกับขนมปังอีกหนึ่งถุงโตๆมาถือไว้เอง เดินออกไปยังโต๊ะระเบียงด้านนอก
“ขอบคุณครับ”เอ่ยขอบคุณน้ำใจของอีกฝ่ายก่อนจะรีบฟ้องร่างสูงทันทีเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้สีขาว
“ผมลงไปข้างร่างไม่เจอใครสักคนเลยครับ ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด”
พูดพร้อมกับยกแก้วนมขึ้นดื่ม หยิบขนมปังออกมาจากถุงสองแผ่นส่งให้คนชอบกาแฟแผ่นหนึ่ง คริสรับมันมาถือไว้ในมือมองดูหน้าขาวที่ยังมีความสงสัยเจืออยู่ ก่อนจะอธิบายให้เด็กหนุ่มเข้าใจ
“ฉันบอกให้พวกเขาไปก่อนน่ะ เราจะตามไปทีหลัง จะได้ไม่ต้องรอ”
“อ่า อย่างนั้นเหรอครับเพ่ยฟางก็คงไปกับคุณยายหลี่ใช่มั้ยครับ?”
“อื้อ”
“แล้วเราจะไปกันยังไงเหรอครับ มันไกลมากมั้ย?”
“ขับรถไปเอง ตอนเย็นคงถึง อี้ชิงก็เดินทางไปก่อนแล้ว”
“อ่า คุณคริสจะเป็นคนขับเหรอครับ คงจะเหนื่อยแย่”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ดุหรือแสดงท่าทีว่ารำคาญกับคำถามของเขา ชานยอลก็เอ่ยถามต่อไปเรื่อยๆเป็นการชวนคุยไปในตัว พร้อมกับนมสดในแก้วของเขาที่หมดลง
“ถ้ากลัวฉันเหนื่อย นายมาขับให้ฉันนั่งดีมั้ย”
“ได้นะฮะ ผมขับได้ขอแค่คุณคริสบอกทางผมก็พอ จะขับให้นั่งจนถึงทะเลเลย”
เด็กหนุ่มขานรับอย่างกระตือรือร้นไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระอะไรดีเสียอีกเขาจะได้รู้จักเส้นทางในกรุงปักกิ่งจนถึงเมืองไหหนาน แถมคุณคริสจะได้ไม่เหนื่อยจนพาลมาโมโหเขาอีก
“ล้อเล่นน่ะ ฉันจะขับเอง นายนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้ฉันก็พอ”
“โอ้ย คุณคริสน่ะ ผมไม่ใช่ตุ๊กตาสักหน่อย”
ชานยอลร้องออกมามือจมูกเรียวของตนถูกมือหนาบีบโยกไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ปากอิ่มยู่เข้าหากันเมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาว่าตุ๊กตา ไม่ใช่เสียหน่อยคุณคริสอ่ะ
“ใช่สิ ตุ๊กตาหมาหน้ารถ ส่ายหัวดิกๆ ฮ่าๆๆๆ”
“คุณคริสอ่ะ ชอบแกล้งผม”
คริสหัวเราะออกมาเสียงดังยิ่งเห็นแก้มกลมพองลม ชายหนุ่มยิ่งปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จนคนโดนแกล้งต้องส่งค้อนให้เป็นรางวัล
“นายกินเสร็จแล้วใช่มั้ยจะได้ไปกัน สายมากแล้ว”
“”ครับ เสร็จแล้วครับ”
ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่ลืมเก็บแก้วสองใบที่ทานเสร็จแล้วลงไปเก็บด้วย ปล่อยให้คุณคริสเป็นคนจัดการถือกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบเดินลงมาชั้นล่าง ชายหนุ่มถือแก้วมาเก็บไว้ที่ห้องครัวล้างทำความสะอาดเรียบร้อยจึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อเจอกับร่างสูงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
รถปอร์เช่สีดำถูกคุณคริสเลือกเป็นพาหนะในการเดินทางสำหรับพวกเขาทั้งสองในวันนี้ ชานยอลก้าวขึ้นนั่งบนเบาะรถข้างกายคนขับ รถคันหรูทะยานออกไปข้างหน้าผ่านประตูหน้าบ้านที่มีคนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยของตระกูลอู๋ ยืนอยู่ ชายหนุ่มก้มหัวตอบกลับไปเมื่อชายหนุ่มในชุดรักษาความปลอดภัยที่ชานยอลรู้สึกคุ้นหน้าโค้งหัวให้เขา
“รถติดจังเลย ถ้าคุณคริสเหนื่อยเปลี่ยนให้ผมขับแทนนะครับ”
เด็กหนุ่มหันไปบอกคนข้างกายด้วยความหวังดี แต่ก็ถูกตอกกลับมาจนหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นอีก
“ขอบใจ แต่เก็บแรงไว้สำหรับคืนนี้เถอะ”
ปากอิ่มยู่เข้าหากันอมลมไว้ในแก้มทั้งสองข้าง ทำไมคุณคริสถึงชอบวกเข้าหาเรื่องบนเตียงอยู่เรื่อย คิดเรื่องอื่นไม่ได้หรือไงตาหื่นเอ้ย
“นายกำลังด่าฉันในใจอยู่ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่นะครับ!”
คริสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนข้างกายทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังบ่นอะไรคนเดียว แต่คนถูกจับได้ก็ปฏิเสธลั่นส่ายหัวจนเส้นผมกระจาย ร่างโปร่งหัวเราะออกมาอดขำกับท่าทางเหมือนลูกหมาโกเด้นสั่นขนไม่ได้ อยู่กับเด็กคนนี้ทำให้เขาต้องใช้พลังงานในการหัวเราะมากพอดู
เมื่อคนรู้ทันหันไปตั้งใจกับการขับรถเด็กหนุ่มก็แล่บลิ้นใส่อีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ คนอะไรรู้ดีไปเสียหมด ก่อนจะละความสนใจจากคนนั่งข้างๆหันไปมองบรรยากาศนอกรถ พวกเขาออกมาถึงชานเมืองของกรุงปักกิ่งแล้ว
คริสรู้สึกว่าตลอดเส้นทางของการเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนของทั้งคู่เหมือนเขามีวิทยุส่วนตัวติดมาด้วย เมื่อคนนั่งข้างๆเอาแต่พูดไม่หยุด ไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องคุยมาจากไหน ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงเรื่องสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไป ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่อีกฝ่ายพูดไม่หยุดแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยที่มีอีกฝ่ายเป็นเพื่อนข้างกาย
“ชานยอล”
“ครับ?”
“ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
“เอ๋…?”
“พูดไม่หยุดเลยนะ”
“อ่ะ คุณคริสรำคาญเหรอครับ ขอโทษนะครับ ผมหยุดพูดก็ได้”
ชานยอลระล่ำระลักออกมาเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่พอใจที่เขาพูดไม่หยุด อยากจะใช้มือตบปากตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้อีกฝ่ายมาพอใจ บรรยากาศของเขากับคุณคริสกำลังเป็นไปด้วยดีแท้ๆ ไม่น่าหาเรื่องให้ตัวเองเลยนะชานยอล
“หึ ฉันแค่ถามกลัวนายเหนื่อย พูดต่อสิ ฉันอยากรู้ว่าปากสวยๆของนายจะมีเรื่องอะไรมาพูดให้ฉันฟังอีก”
พูดพร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งไปบีบริมฝีปากล่างของคนช่างพูดไม่เบานัก ชานยอลยกมือขึ้นจับข้อมือหนาไว้พร้อมร้องโอ้ยออกมา คุณคริสอ่ะ ชอบเล่นอะไรแรงๆอยู่เรื่อยเลย
“ไม่มีแล้วครับ”
หน้าหวานงอง้ำหันไปมองนอกหน้าต่าง เมินหน้าหนีใบหน้าหล่อร้ายกาจนั้นตอบเสียงห้วนเป็นอาการของคนขี้งอนจนคนโดนงอนต้องถามออกมา
“เป็นอะไร? งอนเหรอ”
“……”
“ไม่ง้อนะชานยอล”
‘รู้อยู่แล้วว่าไม่ง้อ ไม่ต้องมาย้ำ’ ชานยอลรู้สึกเหมือนว่าน้ำตาของเขากำลังจะไหลขอบตาเรียวร้อนผ่าวเหมือนคนเป็นไข้ พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาจนต้องโดนคนขี้รำคาญดุอีก ถ้าไม่อยากฟังเขาพูดทำไมไม่บอกเขาแต่แรกล่ะ ปล่อยให้เขาพูดทำไม
“โอ้ย คุณคริสครับ”
ภายในรถตกอยู่ในความเงียบอยู่นานแล้วร่างโปร่งก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อต้นคอของเขาถูกคนขี้รำคาญใช้แขนเกี่ยวให้ขยับเข้ามาใกล้ตัว ก่อนจะโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูกางๆนั่น
“ถ้าไม่หายงอนฉันจะจอดรถปล้ำนายตรงนี้แหละ”
“คุณคริส! ขับรถไปเลยนะครับ มันอันตราย”
ชายหนุ่มรู้สึกทั้งโกธรทั้งอายที่ถูกอีกฝ่ายแกล้งโดยไม่รู้จักเวล่ำเวลา ถึงแม้ว่าถนนแถบชานเมืองยามค่ำคืน
จะมีรถสัญจรไปมาไม่มากนัก แต่มันก็อันตรายอยู่ดี
“บอกมาก่อนสิ ไม่งั้นฉันจะจอดรถจริงๆด้วย”
แค่คริสก็ยังไม่ยอมแพ้เดินหน้าแกล้งคนน่ารักต่อไป โดยใช้มือข้างเดียวบังคับพวงมาลัยให้รถเคลื่อนตัวต่อไปข้างหน้า เขาไม่ใช่คนขับรถช้าด้วยสิ
“ครับๆ ไม่โกธรแล้วครับ”
ปากอิ่มตอบรัว มองดูเส้นทางยามค่ำคืนผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วบ่งบอกความเร็วของรถ ช้อนตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนขี้แกล้งใบหน้าหวานยังคงยับยู่ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอของอีกฝ่ายยิ่งทำให้หน้าหวานบูดบึ้ง
ก่อนที่จะปล่อยคนขี้งอนให้เป็นอินสระคริสก็อดใจที่จะหอมแก้มกลมๆนั้นไม่ได้ ปลายจมูกกดย้ำอยู่ซ้ำๆหลายครั้ง เรียกค้อนวงใหญ่จากเจ้าของแก้ม
“ขับรถไปเลยนะครับ เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”
เสียงทุ้มเอ่ยเตือนเมื่อร่างของตนเป็นอิสระจากอ้อมแขนแกร่ง มือเรียวถูกเกาะกุมด้วยฝ่ามือหนาของคนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถ ชานยอลซบหน้าลงกับท่อนแขนด้านซ้ายของคุณคริส พึมพำประโยคบางอย่างออกมาเบาๆคลายพูดกับตัวเอง
“เป็นแบบนี้ ดีจังเลยนะครับ”
“หืมม ว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับ คิๆ”
ตลอดเส้นทางจากกรุงปักกิงถึงเมืองไหหนานเป็นช่วงเวลาที่ชานยอลคิดว่าดีที่สุดที่เขาเคยมีร่วมกันกับคุณคริส ร่างสูงไม่ได้โมโหหรือใช้อารมณ์กับเขาอย่างที่มักจะทำเป็นประจำ
จนในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงอ่าวซันย่า ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแต่ความสวยงามของทะเลสีครามก็ยังงดงามแม้ไร้แสงอาทิตย์ ชานยอลดูตื่นเต้นกับทุกอย่างที่ได้เห็น จนคนข้างกายต้องเอ่ยปรามไม่จริงจังนักให้หยุดพูดบ้าง
“ขอโทษครับ ก็มันสวยมากจริงๆนี้นา”
“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ฉันเป็นคนเลือกนิ”
“จริงเหรอครับ! โห อะ มาครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ” ร่างโปร่งปรี่เข้าไปหาคนตัวสูงที่ถือกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไว้ในมือ แต่ก็ต้องถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายชักมือกลับ
“ไม่ต้อง รีบเดินเถอะ เย็นมากแล้วเดี๋ยวคุณแม่จะรอ”
สถานที่พักของตระกูลอู๋คือบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่สีขาวหันหน้าสู่ทะเลกว้าง กินเนื้อที่ของชายหาดมากพอดู พวกเขาเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังจากที่เช็คดูความเรียบร้อยของรถสีดำ เพื่อพบกับคุณเหม่ยหลิงที่นั่งรออยู่ในบ้านก่อนแล้ว
“มาถึงแล้วเหรอคะ คุณอู๋ฟาน คุณชานยอล”
“ครับคุณยาย”
คุณยายหลี่เอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงสองคนก้าวเข้ามาในตัวบ้าน มีแก้วชาใบสวยบรรจุน้ำชาอยู่ในมือ เดินเอามันไปวางไว้ข้างตัวคุณเหม่ยหลิงที่พับหนังสือพิมพ์รายวันเก็บไว้เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณแม่”
ชานยอลโค้งตัวกล่าวทักทายนายหญิงของบ้านที่เขาไม่ได้เห็นหน้านานเกือบเดือน ใบหน้าสวยคมส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับเรียกให้เข้าไปนั่งใกล้ๆ
“มานั่งนี้สิชานยอล อู๋ฟาน มาเหนื่อยๆจะทานข้าวกันเลยมั้ย แม่จะได้ให้เขาจัดอาหารไว้เลย”
“ยังดีกว่าครับคุณแม่ ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จัดตามเวลาปกตินั้นแหละครับ เดี๋ยวผมลงมา”
“อื้อ งั้นก็ไปสิ ชานยอลจะตามพี่เขาไปเลยมั้ย หรือจะอยู่คุยกับแม่ก่อน”
“เอ้อ”
คำถามที่ทำให้คนถูกถามลำบากใจไม่น้อย ใจหนึ่งเขาก็อยากอยู่คุยกับคุณแม่ที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมานาน แต่อีกใจก็กลัวว่าคุณคริสจะต้องจัดการทุกอย่างเอง ถ้าเขาไม่ขึ้นไปด้วยเสื้อผ้าใครจะจัด ไหนจะเรื่องเตรียมน้ำสำหรับร่างสูงนั้นอีก
“ขึ้นไปอาบน้ำก่อนสิ ค่อยลงมาคุยกับคุณแม่ มีเวลาคุยกันอีกตั้งสองวันไม่ใช่เหรอ”
“ไปสิชานยอล จะได้มาทานข้าวสบายๆ”
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของชานยอลคริสก็เป็นฝ่ายตัดสินใจให้แทน เด็กหนุ่มก้มหัวให้คนสูงวัยก่อนจะลุกขึ้นเดินตามร่างสุงขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านพัก
ภายในห้องนอนตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาวน้ำตาลดูสบายตา เตียงนอนหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง มีมุ้งสีขาวแขวนอยู่บนเพดาน ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ชิดกำแพงข้างห้องน้ำ มีชั้นวางเล็กๆอยู่ข้างเตียงนอน และยังมีโต๊ะทำงานสีน้ำตาลตั้งอยู่ข้างระเบียง
ชานยอลเดินตามร่างสูงเข้าไปในห้องนอน เมื่อเห็นว่าคุณคริสกำลังถอนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะอาบน้ำ ขาเรียวจึงก้าวเข้าไปในห้องน้ำกว้างเพื่อทำหน้าที่อย่างเช่นทุกวัน เปิดน้ำให้ไหลลงสู่อ่างอาบน้ำสีขาวจนเต็มใช้มือวัดอุณหภูมิให้พอเหมาะเมื่อทุกอย่างลงตัวจึงเดินออก
“น้ำเสร็จแล้วครับ คุณคริสไปอาบได้เลย”
“อื้อ นายตามมาขัดหลังให้ฉันหน่อยสิ”
พูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยมีร่างโปร่งเดินตามเข้ามาติดๆ ขัดหลังให้คุณคริสใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำ ช่วงแรกๆอาจจะกระดากอายบ้าง แต่นานวันเข้าเขาก็เริ่มชินกับหน้าที่นี้
คริสถอดชุดคลุมสีขาวออกจากร่าง พาร่างเปลือยเปล่าจมลงกับสายน้ำวนในอ่างสีขาว โดยมีร่างโปร่งของชานยอลนั่งลงข้างๆขอบอ่าง ในมือมีผ้าขนหนูผืนเล็กกำลังใช้มันเช็ดแผ่นหลังกว้างของคนที่นอนหลับตาพริ้มอย่างอ่อนโยน
ภายในห้องน้ำเงียบสนิทมีเพียงเสียงน้ำและกลิ่นของเทียนหอมทำให้ความรู้สึกเหนื่อยล้าของชายหนุ่มทั้งสองคนที่ต้องเดินทางไกลมาทั้งวันจางลง ชานยอลมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาดื่มด่ำกับบรรยากาศผ่อนคลายของการพักผ่อน
“สบายตัวไหมครับ?”
“อื้อ กำลังดีเลย”
เสียงทุ้มเอ่ยทำลายความเงียบ วันนี้เขารู้สึกว่าคุณคริสอารมณ์เป็นพิเศษ สังเกตจากการที่วันนี้เขาไม่โดนร่างสูงดุจริงจังเลยสักครั้ง คิดแล้วก็อดที่จะถามมันออกมาไม่ได้
“ทำไมวันนี้คุณคริสใจดีจัง”
“หืม หมายความว่าไง” พูดทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา ริมฝีปากหยักมีรอยยิ้มติดอยู่บางๆ
“ก็วันนี้ ผมยังไม่ถูกคุณคริสดุเลยสักครั้งนิครับ”
“อยากโดนฉันดุเหรอ” คริสเอ่ยถามทีเล่นทีจริง ลืมตาขึ้นหันไปมองใบหน้าหวานที่ด้านหลัง หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้ากลัวๆของอีกฝ่าย
“ไม่ครับ ไม่อยาก เวลาคุณคริสโมโหน่ากลัวจะตาย”
“ก็อย่าดื้อ อย่าขัดใจฉัน อย่าทำให้ฉันโมโห ถ้านายว่าง่ายฉันก็ไม่ดุนาย เหมือนวันนี้งี้”
ได้ฟังเหตุผลของอีกฝ่ายแล้ว เด็กหนุ่มก็ทำปากยู่อย่างที่ชอบทำเวลาที่ไม่พอใจอะไร คุณคริสชอบทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กดื้อยังไงไม่รู้ ทั้งที่เขาไม่ได้ดื้อสักหน่อย แล้วเรื่องขัดใจ ใครจะไปกล้าขัดใจคนขี้โมโหอย่างคุณคริสกันล่ะ และบางทีเขาก็โดนอีกฝ่ายดุโดยไม่มีด้วยซ้ำ
“เข้าใจมั้ย?”
“เข้าใจครับ”
ตอบกลับไปทันทีทั้งที่อยากจะเถียงว่าเขาไม่ได้ดื้อสักหน่อย แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับอีกฝ่ายจนต้องทะเลาะกันอีก ใช้เวลากว่าสามสิบนาทีคุณคริสจึงยอมลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เดินออกไปข้างนอกห้องน้ำเพื่อให้เขาได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเอง
“คุณคริสจะลงไปเลยมั้ยครับ หรือว่าจะให้ผมลงไปก่อน”
ร่างโปร่งถามออกมาเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย คุณคริสเองก็เช่นกัน ร่างสูงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะทำงานข้างระเบียงห้อง ได้กลิ่นน้ำทะเลพัดผ่านเข้ามาพร้อมสายลมเสียงคลื่นสาดกระทบฝั่งช่างน่าฟังนัก
“นายลงไปก่อนเลย ถ้าถึงเวลาอาหารค่อยขึ้นมาตามฉัน”
“ครับ”
คริสมองตามแผ่นหลังบางที่กำลังเดินออกไปจากห้องจนลับตา มือหนาวางหนังสือไว้บนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยกมันขึ้นแนบกับใบหูรอฟังเสียงสัญญาณสักพักก่อนที่ปลายสายจะกดรับ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มยินดีปรากฏอย่างที่คนที่เพิ่งเดินออกไปยากจะได้เห็น
TBC....
หวานจัง หวานจังเลย ฮ่าๆๆๆ มีความสุขในการอ่านนะคะ วันอังคารหน้าเจอกันใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ
ความคิดเห็น