คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER 19
Distorted Daytime
ชายหนุ่มหัวเราะคิกขำกับท่าทางตกใจของหญิงสาว ก่อนจะก้มหน้าทานอาหารที่อยู่ในจานของตนปากก็ยังพูดเจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุดไม่รู้เลยสักนิดว่าคำถามนั้นสร้างความลำบากใจให้คนถูกถาม
“ฉันเห็นเพ่ยฟางน่ารักดี เอ๋ แต่บางทีก็ดูสวยมากกว่า คงจะมีหนุ่มๆมารุมล้อมเยอะ คงจะมีแฟนแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เอ้อ..”
“ถ้าลำบากใจไม่ต้องตอบก็ได้นะ ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ทานข้าวเถอะ”
เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนก็ทำให้คนถามไม่อยากรู้คำตอบ เขาถามคำถามที่ไม่สมควรไปหรือเปล่า ชายหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะตักอาหารว่างใส่จานที่ว่างเปล่าของคนข้างหน้า
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้ลำบากใจอะไร”
“งั้นเหรอ”
“มีแล้วค่ะ มีคนที่คุยๆกันอยู่”
“ว่าแล้ว”
มือเรียวยกแก็วน้ำขึ้นดื่มดับความเผ็ดร้อนของอาหาร ใบหน้าอิ่มยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ไม่จางหายแตกต่างจากอีกคน
“คงจะหล่อน่าดูเลยนะ คนรักของเพ่ยฟางน่ะ”
การทานอาหารดำเนินต่อไปเงียบๆเพราะเห็นว่าอีกคนเอาแต่ก้มหน้าทานข้าว ชานยอลเองเลยต้องหุบปากไม่กล้าซักอะไรต่อ พวกเขาเดินทางกลับบ้านทันทีหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ
ชานยอลแวะส่งหญิงสาวที่เคยบอกว่าจะค้างที่บ้านตรงป้ายรถเมล์เพราะได้รับโทรศัพท์จากใครบางคนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่เคยเห็นเพ่ยฟางยกโทรศัพท์ขึ้นคุยสักครั้งเลยจำเป็นต้องกลับโดยที่ไม่ยอมให้เขาไปส่ง เมื่อเห็นว่าร่างของหญิงสาวขึ้นไปบนรถแท็กซี่แล้ว ชายหนุ่มจึงเคลื่อนรถเพื่อเดินทางกลับบ้านเพียงลำพัง
วันนี้เป็นวันที่เขาต้องออกงานกับคุณคริสอย่างเป็นทางการครั้งแรก ชานยอลอดจะตื่นเต้นไม่ได้ไม่รู้ว่าเขาจะเจอกับอะไรในงานเลี้ยงวันเกิดลูกค้าของบริษัท เขากลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาดไปจนทำให้คุณคริสและบริษัทต้องเสียชื่อเสียง
ร่างโปร่งในชุดสูทสีดำที่เจ้าตัวเลือกแล้วเลือกอีกว่าเหมาะกับตนที่สุดยืนส่องกระจกอยู่อย่างไม่มั่นใจ อี้ชิงเพิ่งโทรมาหาเขาเมื่อครู่ว่าคุณคริสกำลังจะเดินทางมาถึง เหลืออีกเพียงแค่1ชั่วโมงเท่านั้น นั้นคือเวลาที่เขาต้องไปถึงที่งานแล้ว
“คุณชานยอลคะ เสร็จหรือยังคะ”
“เสร็จแล้ว เพ่ยฟางเหรอ”
พูดพรางเคลื่อนเท้าไปยังประตูหน้าห้องเปิดมันออกกว้างจนเห้นว่าเป็นคนที่เขาคิด ใบหน้าขาวซีดของเพ่ยฟางมีรอยยิ้มประดับอยู่ วันนี้หญิงสาวขอเป็นคนรับหน้าที่ดูแลบ้านที่ไม่มีใครอยู่เองจนกว่าเขาจะกลับมาจากงานเลี้ยง
“คุณชานยอลน่ารักจังเลยค่ะ”
“ไม่หรอก แหะ อย่าชมกันอย่างนี้สิ”
มือเรียวเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน พวงแก้มอิ่มเจือสีชมพูระเรื่อ เพ่ยฟางมองภรรยาของคนที่ตัวเองเรียกว่าพี่อย่างเอ็นดู
‘พี่อี้ฟานกับคุณชานยอลเหมาะสมกันจริงๆ’
“ลงไปข้างล่างเถอะคะ พี่อี้ฟานมารอแล้ว”
ชานยอลอ่าปากหวอ เมื่อได้ยินประโยคนั้น คุณคริสมาถึงแล้วงั้นเหรอ มือเรียวกำเข้าหากันมันสั่นน้อยๆจนตัวเองรู้สึกได้ ประหม่า กลัว ความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด
“ไม่ต้องกลัวนะคะ วันนี้คุณชานยอลน่ารักมากเลย พี่อี้ฟานต้องพอใจมากๆแน่”
“อื้ออ”
ถึงแม้ว่าเพ่ยฟางจะปลอบโยนอย่างไรเขาก็ยังอดรู้สึกกลัวไม่ได้ คุณคริสเอาใจง่ายเสียที่ไหน เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันจนขาทั้งสองข้างก็าวถึงบันไดขั้นสุดท้าย
“คุณชานยอลมาแล้วค่ะ”
เพ่ยฟางพูดด้วยเสียงเจือหัวเราะ ใบหน้าหวานหันกลับมามองคนที่เอาแต่ยืนก็มหน้าทางด้านหลัง มือเล็กดันแผ่นหลังโปร่งให้ออกมายืนด้านหน้าแทนตนโดยที่เจ้าของร่างไม่ทันตั้งตัว
“น่ารักมั้ยคะ พี่อี้ฟาน ชุดนี้เพ่ยฟางเป็นคนเลือกให้เองเลยนะ”
ชานยอลส่งเสียงทักท้วงในลำคอ ก่อนจะต้องก็มหน้าลงหลบซ่อนสายตาจากหน่วยตาสีดำที่มองร่างเขาอย่างสำรวจ รอฟังคำตอบด้วยใจสั่นไหว
“อื้อ ก็ดี”
“………..”
“ไปกันได้หรือยัง ใกล้จะถึงเวลาเริ่มงานแล้ว”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที ชานยอลมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยความน้อยใจ อาทิตย์ก่อนยังดีอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ กลมถูกกลบด้วยน้ำตาที่พร้อมจะไหลลงมาทุกเมื่อ
“คุณชานยอลคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปก่อนนะ”
ชายหนุ่มแกะมือเล็กออกจากแขนของตน ส่งยิ้มเพื่อแสดงความเข้มแข็งของตนก่อนจะรีบวิ่งตามร่างสูงขึ้นไปบนรถด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาต้องนั่งอยู่บนรถด้วยกัน คุณคริสเอาแต่เงียบไม่ยอมพูดยอมจา จนเขาต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นอย่างร้อนใจ ไม่พอใจอะไรเขาหรือเปล่า
“คุณคริสไม่ชอบชุดนี้เหรอครับ?”
“หือ”
คริสหันไปมองใบหน้าของคนที่กำลังจะร้องไห้ ตามคมกวามองชุดที่อยู่บนร่างนั้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ภรรยาของเขาช่างเจ้าปัญหาเสียจริง
“ถ้าคุณคริสไม่ชอบ ผมกลับไปเปลี่ยนก็ได้นะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป”
“วุ่นวาย”
“……”
“มานี่มา”
แขนเรียวเอื้อมไปคว้าร่างของคนเจ้าปัญหามาไว้ในอก ชานยอลที่กำลังตกใจกับกับคำพูดไม่คุ้นหูได้แต่นั่งนิ่งยอมให้คนปากร้ายใช้กำลังดึงร่างเขามากอดไว้ ดวงตากลมเริ่มแดงขึ้นเพราะฤทธิของน้ำตา
“ทำไมพูดมากจัง”
คริสยังคงเอ่ยไปตามความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนที่โดนพูดให้จะเสียใจมาแค่ไหน
“คุณคริสครับ ผม..”
“นายใส่ชุดไหนฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ”
ร่างโปร่งดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พยายามจะออกมาให้พ้นท่อนแขนแกร่ง น้ำตาไหลลงมาจากขอบตา เขาดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง
“เพราะฉันชอบตอนที่นายไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า”
คนที่กำลังดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมกอดหยุดชะงัก สมองกำลังประมวลคำพูดที่เพิ่งได้ยิน แล้วก็ต้องรู้สึกร้อนผ่าวที่แก็มทั้งสองข้าง ตากลมช้อนมองปลายคางแหลมของคนสูงกว่า ก่อนจะรีบก็มหน้าซุกลงบนแผ่นอกกว้าง ครางชื่อคนพูดออกมาเสียงแผ่ว
“คุณคริส”
“ทำไมถึงชอบเรียกชื่อฉันจัง”
คริสจัดการปิดปากนิ่มที่กำลังจะพูดทันที ดวงตาที่โตอยู่แล้วของชานยอลยิ่งเบิกกว้างกว่าเดิมเมื่อโดนจู่โจมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว มือเรียวผลักแผ่นอกที่กำลังทาบทับลงมาออกไม่แรงนัก แต่คนเหนือกว่าก็ไม่ได้สนใจมัน คริสดื่มด่ำกับรสจูบจนพอใจจริงยอมปล่อยให้ปากอิ่มเป็นอิสระ
ชานยอลหอบหายใจหนักดวงตาปรือช้ำเพราะหยาดน้ำตา จดจ้องใบหน้าหล่อเหลาแสนร้ายกาจที่กำลังจะโน้มตัวลงมารังแกเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงรีบใช้ฝ่ามือของตัวเองหยุดการกระทำนั้น
“จะถึงงานแล้ว เดี๋ยวชุดจะยับนะครับ”
“ช่างมันสิ”
เอ่ยอย่างไม่แยแส พร้อมกับโน้มกายลงไปหาคนในอ้อมแขน แต่ก็ต้องถูกหยุดไว้ด้วยมือเรียวของเจ้าของร่าง ชายหนุ่มชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“คุณคริส …มันไม่ดีนะครับ อี้ชิงก็อยู่”
ประโยคสุดท้ายถูกกระซิบข้างใบหู พร้อมกับใบหน้าหวานซุกลงกับซอกคออุ่นของเขา คริสเหลือบมองลูกน้องที่กำลังทำหน้าที่ขับรถ ตาทั้งสองข้างมองตรงไปยังข้างหน้าแต่ว่าหูคงได้ยินอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้ว
คริสยอมทำตามคำขอนั้นอย่างเสียไม่ได้ ตาแขนเรียวก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ร่างโปร่งเป็นอิสระ เขายังคงตะกองกอดชานยอลไว้พร้อมกับดอมดมกินหอมจากแก้มทั้งสองข้างไม่ยอมหยุด แม้ในใจอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นริมฝีปากนิ่มมากเหลือเกินก็ตาม
“จุ๊ฟ”
“หื้ม ทำอะไร”
คริสร้องครางออกมาเมื่อปลายคางขอตนถูกปากอิ่มขโมยจูบ รอยยิ้มถูกประดับบนมุมปากด้านขวา ตาคมพราวระยับเมื่อมองแก้มนิ่มที่กำลังขึ้นสีซุกซ่อนความเขินอายอยู่ในแผ่นอก
“เปล่าครับ”
“ขโมยจูบฉันเหรอ”
“ไม่ได้เหรอครับ?”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เขากล้าทำแบบนั้นกับคุณคริส รู้เพียงว่าเขาแค่อยากทำ คงเป็นเพราะความอิ่มเอิบในใจที่ถูกคุณคริสแสดงภาษากายกับเขาหลังจากที่เพิ่งได้เจอหน้ากัน มันทำให้เขาลืมเรื่องที่ถูกเมินเมื่อครู่ไปเสียหมด
“หึ ได้สิ มากกว่านี้ก็ยังได้”
พูดจบก็ก็มจูบลงไปบนกลุ่มผมสีน้ำตาลของคนขี้อาย คริสอยากจะทำมากกว่านี้แต่เสียงของอี้ชิงกับรถที่หยุดเคลื่อนก็ขัดเขาขึ้นมาเสียก่อน
“ถึงงานแล้วครับ คุณคริส คุณชานยอล”
“อื้อ…”
ร่างบางผละออกจากอ้อมแขนอบอุ่น จัดระเบียบชุดของตนให้เขาที่ เขาอยากทำตัวเองให้ดูดีที่สุดในงานวันนี้
คริสเปิดประตูลงไป ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูอีกฝั่ง จูงมือร่างโปร่งให้เดินเข้าไปในงานพร้อมกันท่ามกลางแสงเฟชและผู้คนมากมายที่มางานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าสั่วฮั่วเชียง มหาเศรษฐีระดับประเทศของจีน
ชานยอลเดินเข้ามาในงานอย่างประหม่าแม้จะมีคุณคริสยืนอยู่ข้างกายก็ตาม สายตาหลายคู่ที่มองมายังเขาสองคนมันทำให้เขารู้สึกเขินอาย เขายังไม่ชินกับการที่ต้องออกงานในฐานะภรรยาของคุณคริส
ชายหนุ่มได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆร่างสูงเมื่อมีแขกคนสำคัญเข้ามาทักหรือมีลูกค้าของบริษัทที่คุณคริสให้ความสำคัญเข้ามาพูดคุย ตากลมก็เฝ้ามองบรรดาสาวๆในงานที่คอยส่งสายตาชวนเชิญอย่างไม่ปิดบังมาให้สามีของตนแม้ว่าเขาจะยืนอยู่ข้างๆก็ตาม
มันทำให้ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเขา ก่อนที่จะแต่งงานกันคุณคริสคงมีสาวๆเข้ามารุมล้อมมากมาย อย่างที่เพื่อนสนิทของเขาพูดให้ฟัง ไม่ว่าจะไฮโซ ดารา คุณคริสก็คงเคยควงมาหมดแล้ว ใช่สิ ใครจะไม่อยากควงกับผู้ชายที่รูปหล่อ บ้านรวย แถมเก่งกาจอย่างคุณคริส
และในงานนี้ก็เป็นศูนย์รวมของบรรดาสาวไฮโซและเขาก็ยังเห็นดาราบางคนเดินเข้ามาในงานนี้ด้วย ทุกคนต่างดูเฉิดฉายในชุดราตรีราคาแพงบางคนสวยจนเขาต้องมาตาม ในงานนี้คงมีผู้หญิงไม่น้อยที่เคยมีความสัมพันธ์กับคุณคริส
คิดมาถึงข้อนี้แล้วชานยอลก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ ไม่รู้ตัวว่าคนในความคิดของตนกำลังจ้องการกระทำของเขาอยู่อย่างเงียบๆ
“เป็นอะไรชานยอล เบื่อหรือไง?”
“อ่ะ ปะ…เปล่าครับ”
ร่างโปร่งสะดุ้งรีบปฏิเสธพัลวัล ลิ้นเล็กเลียรอบริมฝีปากช้ำของตัวเองยิ้มออกมาให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาไม่เป็นอะไร เพราะกลัวว่าร่างสุงจะไม่พอใจที่เขาเอาแต่ใจลอยไม่สนใจทำหน้าที่ของตน
“เบื่อก็ต้องอดทน เข้าใจมั้ย? อย่าแสดงออกให้มากนัก”
“ขอโทษครับ”
ถูกดุจนได้ ชายหนุ่มคิดในใจ ใบหน้าหวานยับยู่เมื่อถูกดุ มือเรียวเอื้อมไปรับแก็วน้ำทรงยาวที่สามีส่งมาให้ถือไว้ในมือยกมันขึ้นจิบพอให้ความหวานของมันทำให้เขาสดชื่นขึ้น ยืนมองคุณคริสคุยกับลูกค้าของบริษัที่เดินเข้ามาทักสองสามรายก่อนที่เขาจะทนกับความอึดอัดนี้ไม่ไหวจนต้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อเดินแยกออกไป
“คุณคริสครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
คริสหันมามองคนที่เอาแต่ยืนยิ้มไม่ยอมพูดอะไรอยู่ข้างตนตั้งแต่เดินเข้างาน ก่อนจะพยักหน้าให้ส่งๆแต่ก็ยังมีน้ำใจถามออกไถ่ว่ารู้จักทางไปหรือเปล่าจะให้อี้ชิงไปเป็นเพื่อน
“ไม่เป็นไรครับผมไปเองได้”
ชานยอลปฏิเสธความหวังดีของคุณคริสอย่างเกรงใจ ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลนักและเขาก็ดูแลตัวเองได้ ร่างโปร่งหมุนกายเดินออกไปจากห้องจัดงาน เดินไปตามทางเดินปูพรมแดงของโรงแรมห้าดาวในกรุงปักกิ่งพรางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
งานเลี้ยงช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ไม่รู้ว่าคุณแม่กับพี่ซูโฮจะอึดอัดเวลาต้องมาออกงานแบบนี้หรือเปล่านะ ป้ายห้องน้ำปรากฏให้เห็นในสายตา ขายาวเลี้ยวไปตามทางที่ป้ายชี้บอก ผลักประตูเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวของตนเองจนเรียบร้อย
ร่างโปร่งยืนมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกใช้มือจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินเปิดประตูห้องน้ำออกมา พร้อมกับดึงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อดูเวลา
เพราะมัวแต่สนใจกับข้อความในโทรศัพท์และเวลาที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอทำให้เขาลืมที่จะระวังตัวเมื่อถึงทางเลี้ยวรู้ตัวอีกทีก็เมื่อรุ้สึกถึงแรงกระแทกประทะกับร่างของตน
“โอ้ย! ขอโทษครับ/ขอโทษครับ”
ชายหนุ่มสองคนเอ่ยคำขอโทษออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ ชานยอลเงยหน้าขึ้นเพื่อจะเจอกับใบหน้าที่เขารู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาดแล้วก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดทักทายของอีกฝ่าย
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“คุณ…เราเคยเจอกันใช่มั้ยครับ?”
ชานยอลส่งยิ้มแผล่ไปให้พร้อมกับเอียงคออย่างสงสัย มันดูน่ารักมากในสายตาของชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังหัวเราะคิกกับท่าทางและคำถามของเด็กหนุ่ม
“ผมหลี่ฟงครับ หวัง หลี่ฟง”
“อ่ะ..ครับ ผมชานยอล ปาร์ค ชานยอลครับ”
“ไม่ใช่คนจีนเหรอครับ?”
“ไม่ครับ ผมเป็นคนเกาหลี”
แม้จะยังจำไม่ได้นักว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ชานยอลก็พูดคุยด้วยอย่างคนอัธยาศัยดีและอีกฝ่ายก็ดูไม่ใช่คนร้ายกาจหรือน่ากลัวแต่อย่างไร
“อ้อ ไม่รู้ว่าคุณจะจำผมได้หรือเปล่า”
หลี่ฟงไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกเก้อเขินขนาดนี้เวลาพูดคำนั้นออกมา ก็ผู้ชายเหมือนกัน แค่น่ารักมากเท่านั้นเอง
“ผมคุ้นหน้าคุณจัง? เราต้องเคยเจอหน้ากันแน่ๆ”
ชานยอลพูดอย่างมั่นใจเอียงคอทำหน้าเหมือนกำลังเท้าความหลังที่เคยเกิดขึ้น พยายามจะคิดว่าตัวเองเคยเจอกับคนตรงหน้าที่ไหน แต่หลี่ฟงก็ไม่ปล่อยให้อีกคนต้องใช้ความคิดนาน
“เราเคยเจอกันที่ห้าง …ครับ คุณทำกุญแจหล่น”
“อ้อ ใช่แล้ว จำได้แล้ว ขอบคุณนะครับ”
ชานยอลยิ้มร่าพร้อมทำหน้าเหมือนดีใจนักหนาที่สามารถจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ และหลี่ฟงก็ต้องขำอีกครั้ง ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้นะ ปาร์ค ชานยอล
“คุณมางานเลี้ยงเหรอครับ?”
“ใช่ครับ แล้วคุณชานยอลมาคนเดียวเหรอครับ”
“เปล่าครับ ผมมากับคุณคริส”
ชื่อบุคลที่สามทำให้รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของหลี่ฟงค่อยๆจางหายไป คริส คงเป็นคริสนั้นคริสเดียวเท่านั้นแหละที่จะมางานเลี้ยงใหญ่ของเจ้าสัวนี้ได้
“คุณคริส อู๋ อี้ ฟาน น่ะครับ คุณหลี่ฟงคงรู้จัก”
เพราะมั่นใจว่าอาณาจักรธุรกิจตระกูลอู๋ที่ครอบคลุมหลายอย่าง ยิ่งใหญ่พอจะทำให้ชายหนุ่มนักธุรกิจรุ้จัก มันเป็นอย่างที่ชานยอลคิดหลี่ฟงรู้จักคุณคริส หรือ อู๋ อี้ ฟาน รู้จักดีเลยล่ะ
“อ้อ ครับ คุณเป็นเพื่อนคุณคริสเหรอครับ”
หลี่ฟงถามหยังเชิง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่ทายาทคนเดียวของตระกูลอู๋เข้าพิธีแต่งงานกับชายหนุ่มลูกนักธุรกิจจากประเทศเกาหลี งานแต่งคนดังที่ห้ามสื่อทุกสำนักเข้าทำข่าว มีนักธุรกิจในจีนรายใหญ่ทุกคนได้เข้าร่วมงาน ยกเว้นเขา
หวังว่าคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ได้โปรดเถอะพระเจ้า อย่าให้เป็นอย่างที่ลูกคิดเลย และแล้วหลี่ฟงก็ได้รุ้ว่า พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างเขา เมื่อได้ฟังคำตอบ
“เปล่าครับ ผมเป็น…เอ้อ ภรรยาคุณคริส”
หลี่ฟงรุ้สึกเหมือนหัวใจที่ฟองฟูเมื่อครู่แฟบเหี่ยวลงเหมือนลูกโป่งไร้ลม ชายหนุ่มค่อยๆยิ้มออกมาอย่างฝืดฝืน
“’งานแต่งงานของคุณผมได้ยินข่าวมาบ้าง แต่ไม่ได้ไปร่วม ยังไงก็แสดงความยินดีด้วยนะครับ หวังว่าคงไม่สายเกินไป”
“ขอบคะ…”
“ปาร์ค ชานยอล !”
“คุณคริส”
คำขอบคุณถูกแทนด้วยเสียงเรียกชื่อก้องทางเดิน ร่างของคุณคริสเดินตรงมาทางเขาที่ยืนอยู่กับคุณหลี่ฟง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงจนชานยอลนึกใจหาย รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าแทนที่ด้วยความตกใจเมื่อแขนของตนถูกกระชากให้ถอยห่างจากคนเพิ่งรู้จัก
“มายืนทำอะไรต้องนี้ ทำไมไม่เข้าไปในงาน!”
“ผมกำลังจะเข้าไปครับ”
ชานยอลตอบคำถามเสียงสั่น ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าคุณคริสกำลังโมโหเรื่องอะไร หรือว่าเขาออกมาข้างนอกนานเกินไปจนคุณคริสต้องออกมาตาม
“ไม่ต้อง ! กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า งานยังไม่เลิกเลยนะครับ”
“กลับเดี๋ยวนี้!”
คริสตวาดเสียงก้อง พร้อมลงน้ำหนักที่มืออย่างแรง ไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกยังไง ความโกรธเกรี้ยวแล่นขึ้นเป็นริ้วในอก ความโกธรที่ชานยอลไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“คริส คุณชานยอลเจ็บ นายไม่เห็นเหรอ”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ไม่พูดเปล่า คริสออกแรงกระชากร่างโปร่งให้เดินตามตัวเองออกไป ชานยอลได้แต่เดินไปตามแรงกระชากนั้น ตากลมหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเข้มพร้อมก็มหัวให้ ออกแรงพยายามบิดมือให้หลุดจากการจับกุม แต่ไม่สำเร็จกลับทำให้อีกคนออกแรงมากยิ่งขึ้น
เขาทำผิดอะไร ทำไมคุณคริสถึงโกรธขนาดนี้
TBC....
มีคนถามว่าสงสัยจังทำไมพี่คริสเดี๋ยวดีเดี่ยวร้าย
ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวของมันจะค่อยๆเฉลยออกมาเองนะคะ
อดทนรอนี๊สสส หนึ่ง ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น