คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #157 : CHAPTER 133
ชานยอลนั่งหลับตาเอนกายพิงเบาะรถยนต์ที่กำลังแล่นไปตามถนน
โดยมีร่างของคุณแม่นั่งอยู่ข้างๆคอยมองเขาด้วยสายตาห่วงใย
ตอนนี้เขากำลังจะพาแม่กลับไปพักที่บ้านของคุณคริส โดยไร้ร่างของสามีกลับมาด้วย
ด้วยเหตุผลว่าอีกฝ่ายยังต้องให้การกับตำรวจที่มายืนรออยู่หน้าโบสถ์เขาจึงต้องกลับไปรับคุณแม่กับอี้ชิง
“เหนื่อยเหรอลูก”
“ครับเหนื่อย เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่
แต่เหนื่อยใจนี้สิ”
“ทำไมคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก”
ชานยอลเอนหัวซบไหล่มารดา
ดวงตากลมหวานเศร้าสร้อย ส่ายหน้าตอบปฏิเสธคำคาดการของมารดาไป
“ไม่มีครับ แต่ผมแค่เหนื่อยแทนคุณคริส
เหนื่อยกับเรื่องทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ผม..ผม”
“ไม่เอาน่าชานยอล
อย่ากลัวในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นสิจ๊ะ แค่นี้คุณคริสก็ยุ่งมากแล้ว
ไหนจะต้องจัดการเรื่องงานศพอีก อย่าทำให้พี่เขาเป็นห่วงสิลูก ตอนนี้พี่เขาต้องการกำลังใจ
หนูต้องเป้นกำลังใจให้เขาสิถึงจะถูก”
ซอนยอลกระชับร่างของลูกชายไว้แนบอก
พูดถึงลูกเขยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห้นใจเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
เรื่องที่คุณคริสกำลังเผชิญมันหนักหนาเกินกว่าที่หล่อนจะขุดเอาเรื่องเก่าๆมาทำให้อารมณ์ของลูกชายขุ่นมัวไปมากกว่านี้
“จริงสินะครับแม่ ผมนี้ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
ชานยอลพึมพำออกมาเบาๆกับอกมารดา
เขาต้องเป็นกำลังใจให้คุณคริส กำลังใจที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการมันหรือเปล่า
ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของมารดา
เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอลืมตาขึ้นรถก็จอดอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว
ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตา มองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
บ้านที่เขาพยายามหลบหนีมาตลอดกว่า1ปีแต่ตอนนี้เขากลับได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ด้วยความเต็มใจอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณชานยอล สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
เมื่อลงมาจากรถชายหนุ่มก็เจอกับเด็กรับใช้คนสนิทยืนรออยู่กับสาวใช้อีกคนที่เขาไม่คุ้นตา
หญิงสาวก้มหัวให้เขากับคุณแม่อย่างนอบน้อมก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางกับอี้ชิงไปถือไว้เอง
“สวัสดีเหวินฉี คุณยายหลี่ล่ะ”
“อยู่บนบ้านค่ะ กำลังจัดห้องให้คุณผู้หญิงอยู่”
ชานยอลจูงมือมารดาเข้ามาในบ้านพร้อมกับถามหาคุณยายที่กลับมาก่อนหน้าเขาแล้ว
“จัดห้องเดียวก็พอนะ ฉันนอนห้องเดียวกับคุณแม่ได้”
“จัดห้องเดียวค่ะ
เพราะคุณคริสให้เหวินฉีเอาของของคุณชานยอลไปเก็บไว้ที่ห้องของคุณคริสค่ะ”
“เอ่อ อย่าเลยเหวินฉีให้ฉันไปนอนกับคุณแม่ดีกว่า”
ชานยอลบอกความต้องการของตัวเองออกไปไม่อยากให้คุณยายต้องลำบาก
และอีกอย่างถ้าให้เขานอนคุณเดียวเขาต้องนอนไม่หลับแน่
แล้วคำตอบของเหวินฉีก็ทำให้หน้าของเขาร้อนฉ่า ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มแหยๆให้มารดาที่หน้าตึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น
“ไม่ได้หรอกค่ะ เป็นคำสั่งของคุณคริส
ถ้าคุณคริสกลับมาไม่เห็นของของคุณอยู่ในห้องต้องด่าเหวินฉีแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันคุยกับเขาเอง
เอาของไปเก็บเถอะ”
ชานยอลบอกสาวใช้ให้คลายกังวลลง
เขาคิดว่าคุณคริสคงจะเข้าใจ ถึงจะคืนดีกันแล้วแต่เขาก็ยังเกรงใจมารดาอยู่
และอีกอย่างเขาจะปล่อยให้แม่ของเขานอนคนเดียวได้ยังไง
ร่างโปร่งดึงมือของมารดาให้เดินตามตนขึ้นไปบนบ้าน
เขาได้ยินเสียงของคุณยายสั่งสาวใช้ดังอยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มเดินไปตามเสียงนั้นแล้วเขาก็เจอร่างของคุณยายกำลังจัดห้องอยู่อีกฝั่งหนึ่งตรงข้ามกับห้องนอนเก่าของเขา
“คุณยาย ทำอะไรอยู่เหรอครับ”
“อ้าว คุณชานยอล คุณซอนยอล สวัสดีค่ะ”
หญิงชราหันไปตามเสียงเรีกยก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเห็นร่างของชานยอลเดินตรงเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มสดใส
คุณยายหลี่ทักทายสองแม่ลูกด้วยการก้มหัวให้
“เดินทางมาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนสิคะ
เดี๋ยวยายให้เด็กยกน้ำขึ้นมาให้ ยายยังจัดห้องไม่เสร็จเลยเดี๋ยวรอสักครู่นะคะ”
คุณยายจัดแจงพาภรรยาของคุณชายกับคุณแม่ไปนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง
ก่อนจะหันไปเอ็ดเหวินฉีที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา2ใย
ที่สั่งไว้แต่ต้นไม่เข้าใจหรือไง
“เอ๊ะ เหวินฉี ยายสั่งเธอว่ายังไง
ให้เอากระเป๋าเดินทางของคุณชานยอล...”
“ยายครับ อย่าดุเหวินฉีเลย ผมเป็นคนสั่งเองแหละครับ เดี๋ยวผมจะคุยกับคุณคริสเอง”
“อ้อ ถ้างั้นก็แล้วแต่คุณค่ะ”
ชานยอลส่งยิ้มให้คุณยาย
ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆมารดา
ตากลมมองสำรวจไปรอบห้องที่ถูกแต่งด้วยสีสันสดใสต่างจากห้องอื่นในบ้านหลังนี้
ห้องนี้เป็นห้องนอนของเขาก่อนที่คุณแม่จะมาพาเขาออกไปจากบ้านหลังนี้
แล้วอยู่ๆรอยยิ้มบนใบหน้าของชานยอลก็เลือนหายไป อะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาในจิตใจ
“ตอนแรกห้องนี้มีแต่สีดำกับขาวกลัวคุณซอนยอลจะเบื่อเลยให้ยาย....”
“ชานยอล จะไปไหนลูก...”
ปาร์ค
ซอนยอลวางแก้วน้ำในมือลงร้องตามหลังร่างของลูกชายที่อยู่ๆก็เดินออกจากห้องไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยความตกใจ
ชานยอลเดินออกจากห้องตรงไปยังฝั่งตรงข้าม
ซึ่งเป็นห้องนอนเก่าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
แม้คุณยายหลี่กับคุณแม่จะร้องเรียกชื่อเขาดังเท่าไหร่ก็ตาม
มือเรียวออกแรงผลักประตูไม้ให้เปิดออกห้องสีขาวหลังประตูบานนั้นคือห้องที่เขาอาศัยนอนมากกว่าครึ่งปี
ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่กลางห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำหลากหลาย
ชายหนุ่มหันไปมองทางด้านซ้ายมือ ประตูห้องน้ำสีขาว แล้วอยู่ๆน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา
เขารู้แล้วล่ะว่าทำไมคุณคริสถึงไม่อยากให้เขาอยู่ห้องนี้
“ชานยอล..”
ชานยอลถึงกับสะดุ้งเมื่อมืออุ่นของมรดาแตะลงที่ไหล่บาง
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตาละสายตาจากประตูบานนั้น
หันไปส่งยิ้มให้คุณแม่กับคุณยายที่กำลังใช่สายตาเป็นห่วงจ้องมองเขาอยู่
แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง
ก้อนสีเหลืองกลมใหญ่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวชายหนุ่มรีบก้าวเดินไปคว้ามันขึ้นมากอดไว้แนบอก
“แม่ครับ ตุ๊กตาของผม!”
“โถ่ แม่นึกว่าอะไร”
“มันยังอยู่อีกเหรอ ฮื่ออ คิดถึงจัง”
ซอนยอลส่ายหน้ากับอาการเด็กติดตุ๊กตาที่ยังแก้ไม่หายของลูกชาย
ชานยอลซุกหน้าลงบนตุ๊กตามันฝรั่งถูไถใบหน้ากับพุงป่องๆนั้นด้วยความคิดถึง
ภาค3กำลังจะมาแล้ว นานเหลือเกินเขานึกว่ามันจะปลิวออกไปจากบ้านหลังนี้เสียแล้ว
“ยังอยู่สิคะ
ของของคุณในห้องนี้ยังอยู่ครบทุกอย่าง คุณคริสเก็บมันไว้อย่างดี
คุณคริสชอบมานอนในห้องนี้บ่อยๆ”
“เขามานานห้องนี้เหรอครับ?”
“ค่ะ โดยเฉพาะเวลาคิดถึงคุณ”
จากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
ชานยอลต้องซ่อนอาการเขินอายนั้นไว้ด้วยการซุกหน้าลงบนตุ๊กตาตัวนิ่มอีกครั้ง
เดินผ่านร่างของคุณยายหลี่กับคุณแม่ที่กำลังหันไปหัวเราะด้วยกันออกจากห้องไป
จนเขาต้องส่งค้อนไปให้เสียงหัวเราะนั้นจึงหยุดลง
“คุณยายครับ”
“คะ”
“เฟิงอี๋อยู่ไหนครับ ผมอยากเจอเค้า”
หลังจากออกมาจากห้องนั้นโดยที่ร่างโปร่งถือตุ๊กตาติดมือมาด้วย
ชานยอลก็หันไปถามถึงเด็กที่เขาคิดถึงมาตลอดทาง
คุณยายส่งยิ้มละมุนไปให้อาป๊าของเฟิงอี๋ก่อนจะพาสองแม่ลูกเดินตรงไปยังห้องๆหนึ่ง
“ตอนยายออกมาคุณหนูยังหลับอยู่
ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง”
“ยังไม่ตื่นก็ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากเจอหน้าเค้า”
เพราะครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกันคือตอนที่เฟิงอี๋เพิ่งเกิดและเขาก้ยังนอนอยู่ในดรงพยาบาลอยู่เลย
เขาอยากอุ้มเฟิงอี๋เด็กน้อยที่คุณคริสมอบหมายหน้าที่อาป๊าให้เขาอีกครั้ง
“อ่า ยังไม่ตื่นจริงๆด้วย”
คุณยายหลี่พูดออกมาเมื่อเดินเข้ามาถึงในห้อง
ชานยอลเดินตามแผ่นหลังคุณยายไปที่เตียงนอนช้าๆ
หญิงชราก้มลงช้อนตัวคุณหนูตัวน้อยขึ้นมาไว้แนบอก
ชานยอลมองใบหน้ากลมยุ้ยที่กำลังนอนหลับสนิทในอ้อมแขนของคุณยายด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย
“คุณชานยอลคะ คุณหนูอู๋ เฟิงอี๋ค่ะ”
เมื่อคุณยายหลี่ยื่นร่างของเด็กชายวัย3เดือนเศษมาตรงหน้า
ชานยอลก็ยื่นมืออันสั่นเทาของตัวเองไปรับร่างของฟลินท์มากอดไว้ จริงอยู่ที่เขาเคยเห็นฟลินท์ผ่านโทรศัพท์ของคุณคริสมาก่อน
แต่ความรู้สึกมันเทียบกันไม่ได้เลย
“หลับปุ๋ยเลย ฝันดีฝันดีใช่มั้ยครับ”
ร่างโปร่งพูดกับเด็กน้อยที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หัวใจของเขาชาวาบ ใบหน้าของเพ่ยฟางโผล่ขึ้นมาในสมอง สงสารเด็กในอ้อมแขนนี้สุดใจ เฟิงอี๋คงกำลังฝันหวาน
โชคดีเหลือเกินที่เขายังเด็กเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวโหดร้ายที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“ฮึก ฮึก”
“ยายครับ”
แล้วอยู่ๆเสียงสะอื้นก็ดังขึ้น
ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาจากเด็กในอ้อมแขน คุณยายหลี่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจอยู่ออกมาจนหมด
“น่าสงสารเหลือเกิน
เกิดมาได้แค่3เดือนก็ต้องกำพร้าแม่แล้ว คุณหนูยังจำหน้าแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮื่ออ”
“ฮึก ฮึก”
“คุณชานยอลขา ฝากด้วยนะคะ
ช่วยรักคุณหนูเหมือนลูกคนหนึ่งด้วยนะคะ”
ภาพที่คุณชานยอลอุ้มคุณหนูเฟิงอี๋ไว้แนบอกมองใบหน้าไร้เดียงสาของคุณหนูด้วยสายตาอาทรก็ทำให้ความกังวลของหล่อนมลายไปสิ้น
หล่อนไม่เคยคิดว่าคุณชานยอลจะเป็นคนใจร้ายอยู่แล้ว
ยิ่งมาได้เห็นกับตายิ่งตอกย้ำความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง คุณคริสเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“ยายไม่ต้องบอก ผมก็จะทำอยู่แล้ว ฮึก
อย่าห่วงนะครับ ”
“แม่ครับ”
“จ๊ะ ลูก”
“นี้อู๋ เฟิงอี๋ หรือฟลินท์ครับ
เขาเป็นลูกชายของคุณคริสกับเพ่ยฟาง”
ชานยอลพูดกับคุณยายก่อนจะหันไปมองหน้าของมารดาด้วยน้ำตาคลอ
ยื่นเด็กในอ้อมแขนไปตรงหน้า ให้มารดาของเขาได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้ได้ชัดเจน
ซอนยอลเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กขึ้นมากุมไว้ เด็กน้อยช่างน่ารักน่าชัง
เห็นทีหล่อนตาหาของมารับขวัญหลานตัวน้อยเสียแล้ว หญิงสาวส่งยิ้มให้ลูกชายพยักหน้าออกมาแสดงอาการรับรู้และเข้าใจ
“แม่คิดว่าผมจะเป็นอาป๊าที่ดีของเขาได้มั้ยครับ”
“ได้อยู่แล้ว
หนูต้องเป็นอาป๊าที่ดีของเฟิงอี๋แน่ๆจ๊ะ”
ซอนยอลวางมือลงบนศีรษะของลูกชาย
เพียงได้ยินคำพูดที่เปรียบเสมือนกำลังใจชั้นดีจากมารดา
น้ำตาของชานยอลก็ไหลลงมาอย่างตื้นตัน
ในตอนนั้นเองชานยอลก้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะดูแลเด็กในอ้อมกอดคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่อาป๊าคนหนึ่งจะรักลูกของตัวเองได้
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้คนที่เพิ่งกลับมาจากงานศพต้องหลั่งน้ำตา
คริสมองภาพชานยอลอุ้มเฟิงอี๋ไว้ในอ้อมแขนนิ่งเหมือนอยากจะหยุดเวลานี้ไว้
เขาเคยรักชานยอลมากเท่าไหร่วันนี้เขายิ่งรักเด็กผู้ชายที่เขาจำใจแต่งงานด้วยมากขึ้นหลายเท่า
จิตใจของชานยอลช่างบริสุทธิ์เหลือเกิน
ตลอเวลาเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเขาทำร้ายเด็กผุ้ชายคนนี้มามากเหลือเกิน
ทั้งที่ชานยอลไม่ผิดอะไรแต่เขากลับเอาความผิดหวังเสียใจสาดใส่ชานยอลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างเห็นแก่ตัว
แล้วคนอย่างเขาสมควรจะได้รับหัวใจบริสุทธิ์ดวงนี้อีกหรือ ไม่เลย
ไม่คู่ควรเลยสักนิด
“คุณคริส”
“คุณคริส กลับมาแล้วเหรอครับ”
ชานยอลเงยหน้าขึ้นจากเด็กในอ้อมแขน
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างไปให้ร่างสูงที่ยืนตาแดงกล่ำอยู่หน้าประตูแล้วเขาก็ได้รอยยิ้มตอบกลับมา
แม้มันจะดูเหนื่อยล้าแต่เขาก็ดีใจที่ได้เห็นมันอยู่บนใบหน้าของคุณคริส
“อื้ม สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีจ๊ะ”
“ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้ไปรับด้วยตัวเอง
ไม่ทราบจริงๆว่าคุณแม่จะมา”
คริสโค้งหัวให้คุณนายปาร์ค
ก่อนจะเอ่ยขอโทษออกมาด้วยใบหน้ารู้สึกผิด คุณแม่กับชานยอลมาที่นี้เขาที่เป็นลูกเขยควรจะทำหน้าที่ดูแลสมควรที่จะโดนตำหนิจริงๆ
โชคดีที่คุณแม่เข้าใจ หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนโยนให้ลูกเขยได้ใจชื่น
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ มันฉุกละหุก
พอชานยอลรู้ข่าวก็รีบมาทันที แม่เองก็เกือบจะเตรียมตัวไม่ทัน”
“งานศพเป็นยังไงบ้างครับ?”
“เรียบร้อยดี พรุ่งนี้แขกคงจะทยอยมาเรื่อยๆ”
คริสตอบคำถามคนรักก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาร่างโปร่ง
ชายหนุ่มวางมือบนศีรษะทุย โน้มตัวลงกดปลายจมูกลงบนแก้มยุ้ยของลูกชาย
มองดูใบหน้าที่กำลังหลับใหลของลูกชายด้วยแววตาที่สะท้อนความรักออกมาอย่างชัดเจน
“ฝากเฟิงอี๋ไว้กับคุณยายแล้วเราลงไปทานข้าวกันเถอะ พี่ซื้ออาหารมาจากข้างนอกมีแต่ของที่ชานยอลชอบทั้งนั้น เชิญครับคุณแม่”
คริสพูดกับชานยอลแล้วจึงหันไปพูดกับคุณแม่ที่ยืนอยู่กับคุณยายหลี่
ทั้งสองพยักหน้าตกลง
เพราะตั้งแต่ลงจากเครื่องชานยอลกับคุณแม่ก้ยังไม่ได้ทานอะไรเลย
ร่างโปร่งกำลังจะส่งต่อเฟิงอี๋ให้คุณยายแต่เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“อ่ะ ฮึก ฮึก แง๊ง~~~~”
“อ๊ะ เฟิงอี๋ร้อง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก
เฟิงอี๋เป็นเด็กเลี้ยงง่ายจะร้องไห้ก็เมื่อง่วงกับหิวเท่านั้น
ตอนนี้ก็คงจะหิวแล้วสิ”
ชานยอลร้องออกมาด้วยความตกใจ
มองเด็กที่กำลังร้องไห้จ้าในอ้อมแขนอย่างทำตัวไม่ถูก
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งได้อุ้มเด็กทารกจริงๆจังๆก้วันนี้แหละ
คริสหัวเราะออกมากับท่าทางตกใจของร่างโปร่ง
ตากลมเบิกกว้างเงยหน้ามองเขาสลับกับเฟิงอี๋อย่างลุกลี้ลุกลนทำตัวไม่ถูก
“ถึงเวลาหม่ำหม่ำแล้วค่ะ”
คุณยายหลี่พูดกับคุณหนูน้อยก่อนจะรับร่างนั้นมาจากชานยอลที่มองตามคุณยายหลี่ไปไม่ยอมละสายตา
สนใจทุกการกระทำอย่างต้องการเรียนรู้
เมื่อจุกนมถูกยัดเข้าไปในปากเล็กที่อ้ารออยู่อย่างรู้งานคำถามหนึ่งก็เกิดขึ้นมาในสมอง
“คุณคริสครับ เพ่ยฟางมาด่วนจากไปแบบนี้
แล้วต่อไปเฟิงอี๋จะกินนมจากที่ไหน”
“..........คงต้องกินนมผงไปก่อน”
คำถามของชานยอลทำให้คริสถึงกับชะงักไป
ใบหน้าหล่อคมที่มีรอยยิ้มประดับอยู่เมื่อครู่เรียบสนิท
ความวิตกกังวลแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน
คำแนะนำของคุณแม่จากต่างแดนและคุณยายหลี่ดังขึ้นในสมอง
“แต่เด็กต้องกินนมแม่นะคริส ลูกจะได้แข็งแรง”
แล้วคุณแม่ก็พูดสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกมา
ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณแม่พูด
ถึงเขาจะไม่เคยเลี้ยงเด็กแต่ความรู้นี้เป็นความรู้พื้นฐานที่ใครๆก็รู้
อย่างน้อยเด็กต้องได้กินนมมารดาอย่างน้อย6เดือน หรือนานเท่าไหร่ยิ่งดี
แต่ตอนนี้เฟิงอี๋เพิ่งอายุได้3เดือนเท่านั้นจะให้กินนมผงเลยมันคงไม่ดีเท่าไหร่
“คุณแม่กับคุณยายแนะนำให้ผมหาแม่นม
แค่ผมยังไม่มีเวลาได้คิดเรื่องนั้นเลย”
“อะไรนะครับ แม่นม! แม่นมลูกก็ต้องกินนมจากอกผู้หญิงคนอื่นสิครับ”
“ใช่จ๊ะ เราจะหาผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก
แข็งแรงสมบูรณ์พอจะให้นมเฟิงอี๋ได้”
“แต่ว่า แต่ว่า...”
เมื่อได้ยินคุณแม่ตอบอย่านั้นชานยอลก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
ทำไมก็ไม่รู้เขารู้สึกหวงเฟิงอี๋อย่างบอกไม่ถูก
ไม่อยากให้เด็กคนนี้กินนมจากอกผู้หญิงคนอื่นเลย
ท่าทางของคนรักทำให้คริสต้องยิ้มออกมา เขาเข้าใจความรู้สึกของชานยอลดี
เพราะเขาก้อยากจะร้องไห้แบบนี้เหมือนกันตอนได้ยินที่คุณแม่แนะนำ
ความรู้สึกหวงลูกของคนเป็นพ่อ
“มันจำเป็นชานยอล แต่อย่างห่วงเลย
เฟิงอี๋จะได้กินนมแม่นมจากขวด ไม่ใช่จากอกของผู้หญิงอื่น”
“มีวิธีตั้งมาก อย่างห่วงเลยค่ะคุณชานยอล
เราปั๊มนมจากเต้าใส่ขวดเก็บไว้ได้ เหมือนนมของเพ่ยฟางขวดนี้ที่คุณหนูเฟิงอี๋กำลังกินอยู่ยังไงล่ะคะ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายจากคุณยายหลี่ชานยอลก็ร้องอ๋อ
ชายหนุ่มหันไปมองคริสก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ได้กินนมจากแม่นม ได้รับความรัก
การเลี้ยงดูเอาใจใส่ที่ดีของคุณคริสและเขาแค่นี้เฟิงอี๋ก็จะเป็นเด็กที่แข็งแรงน่ารักพร้อมจะเติบใหญ่ในวันข้างหน้าแล้ว
TBC...........
สวัสดีค่ะ
พรุ่งนี้ #DDT จะปิดจองแล้วน้าา ใครต้องการสั่งจองยังทันนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวน #DDT ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น