คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #158 : CHAPTER134
เมื่อจัดการเรื่องของเฟิงอี๋ได้แล้ว
ทั้งสามก็ลงมากินอาหารเย็นข้างล่าง
ปล่อยให้คุณยายหลี่รับผิดชอบทำหน้าที่ดูแลเฟิงอี๋ต่อไป
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วคุณคริสก็ทำท่าจะออกไปที่โบสถ์อีกครั้ง
เขาจะไม่ขัดอะไรเลยถ้าไม่ติดว่าตั้งแต่เกิดเรื่องคุณคริสยังไม่ได้นอนหรือทำแม้แต่พักผ่อนเขาจะไม่ห้ามเลยสักนิด
เมื่อเขาเอ่ยเตือนว่าให้ไปพักผ่อน นอนหลับสักงีบก่อน รุ่งเช้าค่อยไปก็ไม่สาย
คุณคริสจึงเปลี่ยนเป็นขึ้นไปพักผ่อนบนห้องแทน
“คุณแม่จะไปพักผ่อนเลยมั้ยครับ
เดี๋ยวผมจะเดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ คริสขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวแม่จะไปพร้อมกับชานยอล”
หญิงสาวพูดพร้อมกับดึงมือของลูกชายที่กำลังทำหน้ามึนมาจับไว้
ชานยอลส่งยิ้มแหยๆให้ร่างสูงที่ยืนทำหน้างงอยู่ตรงหน้า
คริสครางชื่อคนรักออกมาเบาๆอย่างไม่เข้าใจ ชานยอลจะต้องนอนกับเขาไม่ใช่หรือ
“ชานยอล...”
“ผมจะนอนกับคุณแม่นะครับ”
ชานยอลพูดเอ่ยออกมาเสียงอ่อย
ความจริงเขาก็เป็นห่วงคุณคริสอยู่เหมือนกัน เพิ่งผ่านเรื่องเศร้ามาคงต้องการกำลังใจไม่ใช่น้อย
แต่เขาเป็นห่วงคุณแม่มากกว่า
“แม่ขอตัวชานยอลนะคริส
ถ้าทิ้งให้แม่นอนคนเดียวแม่คงนอนไม่หลับ”
“อ้อ ครับ”
ในเมื่อคุณแม่พูดออกมาขนาดนี้แล้ว
แล้วคริสจะทำอะไรได้ ชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มให้คนรัก
ดึงร่างนั้นเข้ามากอดต่อหน้าแม่ของเด็กหนุ่มอย่างไม่อาย
ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนเงียบๆปล่อยให้ชานยอลโดนคุณแม่ล้ออยู่อย่างนั้นคนเดียว
ดึกมากแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้ถึงแม้จะมีร่างของมารดานอนให้ความอบอุ่นอยู่ข้างๆแต่ในใจของเขาก็รู้สึกเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก
หลับตาลงครั้งใดก็มีแต่ภาพของคนที่เพิ่งจากไปปรากฏขึ้นในความมืด
ภาพเหตุการณ์ที่เขาเคยมีเพ่ยฟางคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน
ไปเที่ยวด้วยกัน ทำอาหารด้วยกัน หรือเมื่อตอนทะเลาะกันฉายซ้ำวนเวียนอยู่อย่างนั้น
รอยยิ้มของเธอ น้ำตาของเธอ เขายังจำมันได้ติดตา
และจะไม่มีวันลืมเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเขา คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล แล้วแสงไฟก็สว่างวาบขึ้นมาในความมืด
‘หลับหรือยัง ฝันดีนะ’
เมื่อชานยอลเอื้อมมือหยิบต้นตอแสงสว่างนั้นขึ้นมาดู
ข้อความจากโปรแกรมแชทก็ปรากฏสู่สายตา
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาจากขอบตา
มือเรียวกดตัวอักษรส่งข้อความตอบกลับไป
‘ยังครับ ผมนอนไม่หลับ’
‘ออกมาเจอกันหน่อยมั้ย?’
เมื่อข้อความถูกเปิดอ่าน
ข้อความจากปลายทางก็ถูกส่งกลับมาแทบจะทันที ชานยอลตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด แล้วข้อความจากคุณคริสก็ทำให้เขาต้องลุกขึ้นจากเตียงทันที
‘พี่ยืนอยู่หน้าห้องชานยอลแล้ว’
ข้อความที่เขาได้อ่านเป็นจริงทุกอย่าง
เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เจอเข้ากับร่างของคุณคริสที่อยู่ในชุดนอนยืนรออยู่หน้าประตู
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“สักพักแล้ว พี่นอนไม่หลับน่ะ เลยออกมาเดินเล่น”
ชานยอลถามด้วยความแปลกใจ
ก่อนจะทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเมื่อได้ยินคำตอบ
เขาคงแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปจนคุณคริสต้องหัวเราะออกมา
“เรื่องนอนไม่หลับก็มีส่วน
แต่จริงๆแล้วพี่คิดถึงชานยอลน่ะ”
“อ่า...”
ชานยอลครางออกมาเมื่อได้ยินคำสารภาพชวนเขินของคนรัก
ถึงแม้คุณคริสจะชอบพูดกับเขาแบบนี้บ่ยอๆแต่เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี
ก็เวลาที่อยู่ด้วยกันมา1ปีเคยคุยกันดีๆซะทีไหน
จีบเขาคุณคริสก็เพิ่งมาจีบตอน3เดือนสุดท้ายของปีนี้แหละ
“หนาวมั้ย?”
“นิดหน่อยครับ”
คริสเอ่ยถามขึ้นเมื่อพวกเขาเดินฝ่าความมืดออกมาที่สวนหน้าบ้าน
โชคดีที่เขาหยิบเสื้อคลุมติดตัวมาด้วยจึงไม่ทรมานเพราะอากาศหนาวมากนัก
แต่คนถามเขานี้สิใส่แค่ชุดนอนตัวเดียวยังกล้ามาถามเขาอีก
“คุณหนาวมั้ย?”
“ไม่อ่ะ กอดชานยอลก็หายหนาวแล้ว”
ไม่พูดเปล่าคุณคริสยังดึงร่างของเขาเข้าไปกอดทันที
ชานยอลหัวเราะออกมาเบาๆ กุมมือร่างสูงที่โอบกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง
พวกเขายืนให้สายลมขับกล่อมอยู่อย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ชานยอล..”
“ครับ”
“เพ่ยฟางอยู่บนสวรรค์จริงๆใช่มั้ย”
เงียบอยู่นาน
คุณคริสจึงเป็นคนเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้น ชานยอลพรูลมหายใจออกทางจมูก
หมุนกายไปเผชิญหน้ากับร่างสูง
ดวงตาวูบไหวหวาดสะท้อนความกลัวของคุณคริสทำให้เขารู้ว่าหัวใจของคุณคริสมันเจ็บปวดมากเพียงใด
ก่อนที่สภาพจิตใจของอีกฝ่ายจะแย่ไปกว่านี้
“ครับ เพ่ยฟางอยู่บนสวรรค์
เธอกำลังเฝ้ามองคุณกับเฟิงอี๋อยู่ พี่อย่างห่วงนะครับ บนนั้นมีแต่ความสุข
ไม่มีเรื่องทุกข์ให้ร้อนใจ จะไม่มีใครทำอะไรเธอได้”
“เหรอ ดีจัง”
แล้วเขาก็ทำให้คุณคริสยิ้มออกมาได้อีกครั้ง
มือหนาดึงมือเรียวขึ้นมาจูบ รู้สึกดีใจที่แหวนของตนยังอยู่บนมือสวยนั้น ชายหนุ่มดึงร่างของคนรักเข้ามากอดหลับตาลงซุกหน้าลงบนไหล่บาง
เขากลัว กลัวว่าเพ่ยฟางจะได้อยู่ในภพภูมิที่ไม่ดี
ตอนมีชีวิตอยู่เพ่ยฟางต้องทุกข์เพราะเขามามากพอแล้ว
เมื่อตายไปเขาขอให้วิญญาณของเธอได้อยู่อย่างมีความสุขจริงๆด้วยเถอะ
“ครับ เธอไปสบายแล้ว
พี่ก็อย่าทำหน้าเศร้าอีกได้มั้ย ผมใจคอไม่ดีเลย คุณยังมีผม มีเฟิงอี๋อยู่นะครับ
ยิ้มให้ผมบ่อยๆหน่อยสิ”
“พี่ก็ยิ้มให้ชานยอลตลอดไม่ใช่เหรอ”
ใช่ แต่แววตาของคุณมันไม่ได้ยิ้มตามเลยสักนิด
ชายหนุ่มคิดในใจ ถึงปากจะยิ้มกว้างแต่แววตากลับเศร้าจนคนมองอย่างเขาอยากร้องไห้
แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา เพ่ยฟางจากไปเขายังเสียใจ
คุณคริสที่ต้องเสียผู้หญิงที่รักไปย่อมเสียใจมากกว่า แต่เขาเชื่อว่าไม่นานคุณคริสต้องกลับมายิ้มได้ทั้งหัวใจอีกครั้ง
“ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ
เดี๋ยวคุณแม่ตื่นขึ้นมาไม่เจอชานยอลเข้าจะโกรธพี่อีก”
“พี่ก็ต้องนอนให้หลับเหมือนกันนะ”
“อื้อ พรุ่งนี้พี่ต้องไปโบสถ์แต่เช้า
ญาติของเพ่ยฟางจะทยอยมา พี่ต้องไปรับแขก”
“ครับ เดี๋ยวถ้าผมกับคุณแม่ทำธุระเสร็จแล้วจะรีบตามไปนะ”
ชานยอลพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินขึ้นบันไดมาตามทางเดิน
พรุ่งนี้เขาคงอยู่ช่วยที่งานศพทั้งวัน
พอพูดถึงงานศพชานยอลก็นึกขึ้นมาได้จึงถามคนรักออกไป
“อ้อ แล้วงานศพมีกี่วันเหรอครับ”
“3วัน”
“มะรืนนี้ก็ต้องฝังแล้วสินะครับ”
คริสพยักหน้าช้าๆ
ความจริงเขาอยากเก็บร่างของเพ่ยฟางไว้ให้นานกว่านี้
แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพิธีทางศาสนา
ไม่รู้ว่าถึงวันฝังจริงๆเขาจะทำใจได้หรือเปล่า
“เลิกคิดแล้วไปนอนให้หลับได้แล้วครับ”
“หึ ฝันดีนะชานยอล”
“ครับ ฝันดีครับ”
คุณคริสบอกลาเขาด้วยรสจูบผะแผ่วที่ริมฝีปาก
ก่อนจะยืนมองเขาเดินหายเข้าไปในห้องนอนจนประตูปิดลง
ชานยอลมองร่างของมารดาที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างโล่งใจ
คืนนี้ถ้าเขานอนหลับได้เหมือนคุณแม่ก็คงดี
เช้านี้เขาคิดว่าเขาตื่นแต่เช้ามากแล้วแต่ก็ยังช้ากว่าคุณคริสอยู่ดี
เมื่อเขากับคุณแม่เดินลงมาข้างล่างคุณคริสก็ไปถึงงานศพแล้ว
พวกเขาสองแม่ลูกจึงตกเป็นภาระของอี้ชิงที่ถูกเจ้านายสั่งให้คอยมาดูแลเขากับคุณแม่แต่เช้าเป็นคนพาไปที่โบสถ์
ตลอดเส้นทางการเดินทางรถยนต์ค่อนข้างติดขัด
กว่าจะมาถึงงานก็เกือบชั่วโมงแล้ว บริเวณรอบโบสถ์ไม่ได้เงียบเหงาเช่นวันแรก
รถยนต์หลายคันจอดอยู่ตามข้างทาง แขกคงเริ่มทยอยมากันแล้ว
“มาแล้วเหรอ”
“ครับ ง่วงมั้ยครับ เดี่ยวผมไปเอากาแฟให้”
“ไม่ต้องหรอก พาคุณแม่ไปนั่งเถอะ
เดี๋ยวพี่รับแขกก่อน”
“ครับ เดี๋ยวผมมาช่วยนะ”
หลังจากที่อี้ชิงจอดรถแล้วชานยอลกับคุณแม่ก็เดินตรงไปหาคริสที่หน้าโบสถ์
ใบหน้าของคุณคริสดูอิดโรยเล็กน้อยคล้ายคนไม่ได้นอน เมื่อพาแม่ไปนั่งเรียบร้อยแล้วร่างโปร่งจึงเดินไปช่วยสามีตอนรับแขกที่หน้างาน
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเพ่ยฟางหรือคริสที่รู้จักกันสมัยเรียนมหาลัย
ส่วนญาติผู้ใหญ่มีไม่มากเพราะเพ่ยฟางมีญาติพี่น้องที่ไหนจะมีแค่คนที่สนิทเท่านั้น
“คุณคริสครับ”
“หืม มีอะไรเหรอ”
ชานยอลสะกิดเรียกคนรักที่กำลังมองดูความเรียบร้อยรอบๆงานให้หันไปมองผู้หญิงรูปร่างสง่างามในชุดสีดำคุ้นตาที่เขามองปาดเดียวก็รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร
“คุณแม่มาแล้วครับ”
“คริส ชานยอล”
หญิงสาวร้องเรียกชื่อลูกชายกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ทันทีที่รู้ข่าวหล่อนก็รีบจองตั๋วเครื่องบิน บินกลับจีนทันที
แต่เนื่องจากรัสเซียโดนพายุเข้าทำให้หล่อนต้องเดินทางล่าช้าไปหนึ่งวัน
“สวัสดีครับคุณแม่”
“จ๊ะลูก คริสมันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง
เล่ามาให้หมดนะ”
เหม่ยหลิงหันไปส่งยิ้มให้ลูกสะใภ้
ก่อนจะหันไปซักถามเอารายละเอียดจากลูกชาย
คริสเล่าทุกอย่างให้มารดาฟังอย่างยากลำบากเพราะต้องคอยกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
จึงเป็นอู๋ เหม่ยหลิงเองที่ทำหน้าที่ร้องไห้แทนลูกชาย
“ฮึก ฮึก เพ่ยฟาง ไม่น่าเลย”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาสงสารเด็กสาวที่หล่อนรักเหมือนลูกจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
ชีวิตของเพ่ยฟางช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ทำไมเรื่องร้ายๆแบบนี้ต้องเกิดกับเพ่ยฟางด้วย อู๋ เหม่ยหลิงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ชานยอลส่งให้ขึ้นมาเช็ดน้ำตา
ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มทั้งสอง
“คริสลูกอย่าได้คิดโทษตัวเองเลยนะ
มันเป็นอุบัติเหตุ”
คริสพยักหน้ารับคำพูดปลอบใจของคุณแม่
หล่อนรู้ดีว่าหลังจากเกิดเรื่องลูกชายของหล่อนคงเอาแต่คิดโทษตัวเอง
โชคดีเหลือเกินที่คริสมีชานยอลอยู่ข้างๆ
หญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือลูกสะใภ้ขึ้นมากุมไว้ ก่อนจะพูดทุกอย่างออกมาจากใจ
“ชานยอล ขอบใจมากๆนะลูกที่อยู่ข้างคริส
ถ้าคริสไม่มีลูกอยู่ข้างๆอีกคน แม่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกชายของแม่จะเป็นยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณแม่
เพ่ยฟางก็เหมือนเพื่อนของผมคนหนึ่ง ผมจะอยู่นี้ไม่ไปไหนหรอกครับ”
“ขอบใจมากจ๊ะ แล้วนี้คุณซอนยอลอยู่ไหน
ได้มาที่งานด้วยหรือเปล่า พาแม่ไปหาแม่ของหนูที”
“ทางนี้ครับคุณแม่”
ถึงหล่อนจะมางานศพล่าช้าไป1วันแต่หล่อนก็ทราบทุกการเคลื่อนไหวของคนทางนี้
หญิงสาวถามหาแม่ของลูกสะใภ้ มีหลายเรื่องที่หล่อนต้องพูดกับคุณซอนยอล
“สวัสดีค่ะคุณซอนยอล”
“อ้าว สวัสดีค่ะคุณเหม่ยหลิง
มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ”
เมื่อชานยอลพาเหม่ยหลิงมาหาแม่ของตน
ทั้งสองก็เอ่ยทักทายกันเหมือนไม่เคยมีเรื่องผิดใจกันมาก่อน
และนั้นก็ทำให้เขาโล่งใจที่สุด
เขาคิดว่าแม่กับคุณเหม่ยหลิงคงได้คุยกันก่อนหน้านี้แล้ว ถึงคุณเหม่ยหลิงจะแข็งกร้าวแต่ก็ไม่ใช่คนแข็งกระด้าง
แม่ของคุณคริสพร้อมจะขอโทษเสมอเมื่อรู้ว่าตนเป็นคนผิด
ร่างโปร่งเดินออกมาจากบริเวณนั้นปล่อยให้คุณแม่ทั้งสองได้คุยกันตามประสาผู้ใหญ่
กำลังจะเดินกลับไปหาคุณคริสแต่แขกผู้ชายสูงวัยท่าหนึ่งก็เดินเข้าไปหาคุณคริสเสียก่อน
ดูท่าแล้วคงเป็นแขกผู้ใหญ่ของทางเพ่ยฟาง ชานยอลไม่อยากรบกวน ร่างโปร่งจึงเลือกที่จะยืนอยู่เงียบๆคนเดียวในมุมหนึ่งของงาน
แขกที่มาร่วมงานทยอยกลับไปทีละคนสองคน
เหลือแต่คนที่สนิทจริงๆเท่านั้น เพื่อนของเพ่ยฟางและคุณคริสยืนจับกลุ่มคุยกันที่มุมหนึ่ง
มองมาทางเขาบ้างเป็นระยะ ชานยอลก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้
เขาไม่รู้ว่าในสายตาของเพื่อนๆของสามีจะคิดกับเขายังไง จะคิดว่าเขาเป็นคนมาแย่งคุณคริสจากเพ่ยฟางหรือเปล่านะ
ชายหนุ่มเค้นยิ้มให้ตัวเองนึกขำกับความเหลวไหลที่วนเวียนอยู่ในสมอง
“อ่ะ จริงด้วยสินะ”
ภาพเพื่อนๆที่มาร่วมงานศพทั้งชายและหญิงทำให้ชานยอลคิดถึงผู้ชายคนหนึ่ง
คนที่เคยมีความทรงจำร่วมกันมากว่าครึ่งชีวิตของเพ่ยฟาง คนๆนั้นที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณคริส
หวัง หลี่ฟง
ป่านนี้พี่หลี่ฟงจะรู้หรือยังว่าเกิดอะไรกับผู้หญิงที่ตนเคยรักจนต้องผิดใจกับเพื่อนรักอย่างคุณคริส ถ้าเขาโทรบอกพี่หลี่ฟงให้มาส่งเพ่ยฟางเป็นครั้งสุดท้ายคุณคริสจะโกรธเขาหรือเปล่า
ชานยอลควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ามองมันอย่างชั่งใจ
เบอร์ที่ถูกเมมชื่อว่าพี่หลี่ฟงอยู่แค่ปลายนิ้ว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอด
ตัดสินใจกดโทรออกไป ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาก็จะเป็นคนรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำเอง
“พี่หลี่ฟง นี้ชานยอลเองนะครับ”
หลี่ฟงคิดว่าทั้งชีวิตของตัวเองเขาไม่เคยขับรถเร็วขนาดนี้มาก่อน
ทันทีที่ได้ฟังข่าวร้ายจากปากชานยอลเขาก็รีบบึ่งรถมาตามเส้นทางของสถานที่จัดงานศพตามคำบอกเล่าทันที
มือที่กำพวงมาลัยชื้นไปด้วยเหงื่อ เช่นเดียวกันกับใบหน้า
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่เขาได้ฟังจากชานยอลจะเป็นเรื่องจริง
แม้จะรู้ว่าชานยอลไม่มีทางเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นก็ตาม คิดถึงข้อนี้แล้วน้ำตาของชายหนุ่มก็ไหลออกมาจากหางตา
ภาพของเพ่ยฟางวนเวียนอยู่ในสมองเธอจากไปแล้วจริงๆเหรอเพ่ยฟาง ทิ้งพี่ไปอีกแล้วเหรอ..
แล้วภาพตรงหน้าก็ยืนยันคำพูดของชานยอลทั้งหมด
หลี่ฟงอ้าปากค้างกับภาพที่ได้เห็น ผู้คนมากมายเดินผ่านร่างของเขาตรงไปยังบริเวณที่มีโลงศพตั้งอยู่
ภาพถ่ายของเพ่ยฟางวางอยู่ตรงนั้น ข้างๆโลงศพมีผู้ชายสองคนยืนอยู่
ขายาวก้าวไปข้างหน้าช้าๆน้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตา ไม่มีอีกแล้ว ไม่ได้เจออีกแล้ว
รักแรกของเขาเธอจากไปแล้วตลอดกาล...
“พี่หลี่ฟง”
“ไอ้เหี้ยคริส!”
ป็นชานยอลที่เห็นเขาก่อน
ร่างโปร่งเรียกชื่อของคนที่ตนแอบโทรหาออกมาเบาๆ คริสหันไปตามสายตาของคนรัก
แล้วคอเสื้อเขาก็ถูกกระชากอย่างแรงก่อนที่หวัง
หลี่ฟงจะประเคนหมัดใส่หน้าเขาอย่างไม่ออมแรง
“โครม!!”
“พี่คริส! พี่หลี่ฟงอย่า! อย่าครับ”
ชานยอลร้องเรียกชื่อคนรักสลับกับผู้มาเยือนออกมาเสียงดัง
ร่างสูงของคริสกระแทกเข้ากับเก้าอี้ในงาน หลี่ฟงรัวหมัดใส่ใบหน้าอดีตเพื่อนรักไม่ยั้งแม้จะมีชานยอลคอยดึงตัวเขาไว้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งอารมณ์โกรธของเขาได้
“คุณหลี่ฟง พอแล้วครับ”
“ไอ้เหี้ยคริส มึงทำให้เพ่ยฟางต้องตาย ไอ้ชั่ว
อย่าอยู่เลยมึง”
อี้ชิงที่เพิ่งวิ่งฝ่าบรรดาแขกที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ไว้ได้
ดึงร่างของอดีตเพื่อนสนิทเจ้านายไว้
แม้จะเป็นคนทำร้ายร่างกายของคริสแต่น้ำตาของหลี่ฟงก็ไหลออกมาเป็นสาย มองชานยอลที่กำลังร้องไห้อย่างขวัญเสียกอดร่างของคริสไว้ด้วยความเจ็บปวด
“อย่าพี่ อย่า อย่าทำคุณคริส ฮื่อ”
“เพ่ยฟางรักมึง เลือกมึง แต่มึงทำให้เขาต้องตาย
ชานยอลที่เป็นเมียมึง มึงก็ทำร้ายเขาสารพัด มึงมันเลว มึงต้องทำร้ายคนที่รักมึงกี่คนมึงถึงจะพอใจ
ห๊ะ! ไอ้เหี้ย!”
หลี่ฟงระบายความเจ็บปวดในใจออกมาทั้งน้ำตา
มองดูคริสที่ไม่ได้ตอบโต้เขาหรือแม้กระทั้งการป้องกันตัวด้วยสายตาเครียดแค้น ระบายความเจ็บปวดเป็นหมัดใส่หน้าของคริสอีกครั้ง
ร่างสูงปล่อยให้หลี่ฟงประเคนหมัดใส่หน้าตนจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ
“พี่อย่า พอแล้ว พอแล้ว อื่ออ”
“หยุดนะหลี่ฟง แม่บอกให้หยุด!”
ชานยอลลุกขึ้นยืนช่วยอี้ชิงดึงร่างของคนที่กำลังทำร้ายคนที่เขารักออกมาทั้งน้ำตา
คริสมองภาพนั้นตาขวาง สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก แล้วอู๋
เหม่ยหลิงก็หยุดอารมณ์ของหลี่ฟงไว้ ถึงจะเกลียดคริสมากแค่ไหนแต่ความเคารพต่อคุณแม่ก็ยังมีอยู่
“พี่ครับ
กลับไปก่อนนะครับ ฮื่อ ผมขอ กลับไปก่อน”
เมื่อพายุอารมณ์สงบลงชานยอลก็เอ่ยขอร้องหลี่ฟงทั้งน้ำตา
ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาร้าวร้าน ก่อนจะพูดบางอย่างออกมาสร้างแผลเป็นในใจของคริสให้ใหญ่กว่าเดิม
“จำไว้ไอ้คริส คนอย่างมึงมันไม่สมควรให้ใครมารัก
คนเห็นแก่ตัวอย่างมึงไม่สมควรได้รับความรักจากใคร”
TBC.........
ความคิดเห็น