ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #67 : CHAPTER 66 กลับบ้านเรา~ (สวัสดิภาพ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.39K
      10
      28 ม.ค. 55







                    สุดท้ายเย็นวันนั้นก็ตบด้วยส้มตำและเหล้าเบียร์มหาศาล...

     

                    พวกมันอ้างว่า..เพราะเป็นวันเกิดผมหรอกถึงดื่ม..แต่ถามว่า..!! ไม่ใช่วันเกิดกูแล้วมึงดื่มมั้ย!?! ก็แค่หาเรื่องสูบแอลกอฮอลล์เท่านั้นอ่ะดิไม่ว่า...!!

                    ส่วนผมน่ะไม่ค่อยอยากดื่มครับ  วันเกิดมันก็วันมงคลวันนึง..ไม่อยากให้มันเสียด้วยอบายมุข...รอเก็บศพพวกมันทีหลังดีกว่า..

                    ด้วยเหตุประการดังกล่าวผมเลยต้องทำตัวให้คลีนเหมือนคนข้างๆ..ด้วยการนั่งจิบเปปซี่แทนน้ำเมา..แต่ก็ยังนั่งสรวลเสเฮฮาอยู่ในวงเหล้าได้...ถามว่ามันดีมั้ย? ก็โอเคแหละ  สนุกอยู่แล้ว..เพียงแค่ไม่เมา..มันเลยไม่กล้าทำอะไรบ้าๆเท่านั้นเอง...

     

                    สุดท้ายมันก็อยู่กันเกือบตีห้า..ก่อนจะนอนตายบนแคร่กันเป็นทิวแถว..จะมีก็แต่ไอ้ไวน์น่ะแหละที่ไม่เมา  รายนี้เสือกคอแข็งจัด..แต่ง่วงนอนก่อน..ก็เลยนอนตามชาวบ้านแถวนั้น  อากาศมันเย็นๆยุงเลยไม่เยอะครับ  สบายล่ะ..

                    "ง่วงรึเปล่า?" เขาถามผมก่อน

                    ผมวางแก้วน้ำแข็ง  แล้วหันไปถามมัน "แล้วมึงง่วงป่ะละ?"

                    "ถ้าอยู่กับกานดา..ไม่นอนทั้งคืนก็ไหว~"

                    พูด..พร้อมรอยยิ้มแปลกๆ..

                    เล่นเอารู้กันเลยว่าแม่งหมายความว่าไง..!

                    ผมเลยจัดการตบกบาลมันไปทีนึง  แล้วยกขาขึ้นมาขัดสมาธินั่งพิงแขนมันอีกทอด  ครั้งนี้ไม่ใช่ทำเพราะเมานะ..แต่ทำเพราะเราอยู่กันสองคน..มันเลยไม่น่าจะเสียหายอะไรนี่..

                    มันเอนศีรษะมาพิงผมอีกต่อนึง  แล้วกดจมูกบนหัวผมเบาๆ

                    "…ถ้าทำได้ก็ไม่อยากนอนเลยนะ..."

                    "หืม?  ทำไมอ่ะ?"

     

                    "…กลัวว่าถ้าตื่นขึ้นมา...เรื่องทั้งหมดจะเป็นแค่ความฝันน่ะสิ..." หมอนั่นพูดเสียงเบามาก..เรียบมาก..แต่แฝงไปด้วยกระแสอะไรบางอย่างที่ผมสัมผัสได้.. "…เรื่องที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้...เรื่องที่ได้มาเชียงใหม่...เรื่องที่เจอกับคนมากมาย...หรือแม้กระทั่ง....เรื่องที่ได้รักกับกานดา...."

     

                    "..ไม่ใช่ฝันสักหน่อย.."

                    "…..ก็แค่กลัวน่ะ  ฮะๆ  ไม่เป็นไรหรอก..."

                    "สีคราม.."

                    "ครับ?"

                    "…เป็นอะไรรึเปล่า?"

                    ผมถามพร้อมดึงหัวตัวเองออกจากไหล่ของเขา  เลือกที่จะหันไปมองหน้าโดยตรง..

                    ..เวลามันดึกแล้ว..มีเพียงไฟหลอดเล็กราคาถูกห้อยอยู่บนกิ่งไม้เท่านั้นที่เป็นแสงสว่าง  และก็พวกเพื่อนๆที่นอนเรียงรายอยู่บนแคร่ถัดไป..

                    ผมมองหน้ามัน..

                    ..ดวงตาคู่สวยคู่นั้นก็มองมาทางผม  ก่อนมันจะหลุบเอาดื้อๆ..

     

                    "พูดมา!"

     

                "เดี๋ยวต้องไปผ่าตัดอีกรอบ"

     

                    มันตอบกลับมาแทบจะในทันทีที่ผมสั่ง  หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมอีกรอบนึงแล้วหลบวูบไป  คงจะกลัวเรื่องที่ผมจะมอง 'ตา' ข้างนั้นโดยตรงกระมัง..

                    "ทำไมล่ะ? เป็นอะไร?"

                    "เปล่า..มันเป็นกำหนดการน่ะ  นี่มันก็สองเดือนหลังผ่าครั้งแรกแล้วไง...บอกไว้ก่อน....เพราะงั้น...."

                    "ไม่เป็นไรใช่มั้ย?"

                    "ก็ต้องไม่เป็นไรอยู่แล้วล่ะ  ฮะๆ"

                    เขายื่นหน้ามาจูบผมเบาๆ  แล้วละออกไปพร้อมเสียงหัวเราะ

                    ..ส่วนผมน่ะช็อคไปแปปนึง  ก่อนจะก้มหน้างุด

                    "…เดี๋ยวพ่อก็เห็นหรอก.."

                    "ไม่เห็นหรอก  เชื่อสิ"

                    "…..ทำมาเป็นพูดดี  เดี๋ยะๆ" ผมชี้หน้าขู่ทั้งหน้าแดงก่ำ "แล้วนี่จะไปวันไหน? ต้องรีบกลับรึเปล่า?"

                    "ไปวันที่14จ้ะ"

                    "..ทำไมไม่รีบบอก"

                    "ก็บอกอยู่นี่ไงคนเก่ง  อย่าโกรธนะครับ" ไม่ว่าเปล่า  ยื่นแขนมาดึงผมไปซบอกมันด้วยซะงั้น

                    ตอนแรกก็โกรธ..แต่ผมก็เข้าใจแหละว่ามันพยายามทำเต็มที่แล้ว..คือเรื่องแบบนี้มันก็ทำใจลำบากล่ะ  แต่เนื่องจากดูเหมือนจะไม่เป็นไรมากผมเลยไม่ใส่ใจอะไรเท่าไหร่  เหมือนที่มันต้องการ..

     

                    เนื่องจากมันได้เช้ามืดแล้ว  เราเลยตัดสินใจเดี๋ยวค่อยนอนตอนกลางวันแบบจริงๆจังๆ..รอดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า  แล้วก็แวะไปสวนโน่นนี่  จัดการช่วยพ่อทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมานอน  โปรแกรมอะไรตอนนี้ติดจะชิวไปนิดเพราะพวกมันตื่นมาคงจะเมาค้างกันล่ะ

                    พอตะวันขึ้นได้ไม่กี่อึดใจ  พวกมันก็ร้อนๆแล้วก็ย้ายกันขึ้นไปนอนบนตัวบ้านแบบมึนๆ  โชคยังดีที่ตั๊มไม่อ้วกเรี่ยราด..ไม่งั้นคงทำความสะอาดกันตาย...

     

                    หลังจากช่วยงานในสวนเล็กๆน้อยๆช่วงเช้าเรียบร้อย  พ่อบอกว่าพายุผ่านไปแล้ว  อากาศจะแจ่มใสเตรียมรับลมหนาวกันสักที  ช่วงนี้ดอกไม้ประจำฤดูจะขายดีเป็นพิเศษ..และนักท่องเที่ยวจะแห่กันมาเที่ยวในปลายปีเยอะมาก  เป็นโอกาสทำเงินเลยละ  เพียงแค่ว่าผมติดเรียนจนไม่ได้มีโอกาสช่วยท่านเท่านั้นเอง

                    "ไม่เป็นไรหรอก  หน้าที่ตอนนี้ของเดียร์คือเรียนนะลูก" แม่ว่า "ถ้าเลือกที่จะทำอย่างหนึ่งให้สำเร็จแล้ว..ก็ไม่มีเวลามาพะวงสิ่งที่อยู่ข้างหลังหรอก  ทำให้เต็มที่เถอะ"

     

                    ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าผมโชคดีมาก  ที่ได้เกิดมามีครอบครัวที่แสนวิเศษขนาดนี้..เรื่องเพื่อนหรือเรื่อง...แฟน...มันเป็นเรื่องของตัวผมเอง  นิยัสยของผม  สันดานของผม  การกระทำของผม..ทำให้ได้เพื่อนแบบนี้มา....แต่ถ้าเป็นครอบครัวน่ะ  ผมไม่ต้องทำอะไร  เกิดมาก็เจอครอบครัวดีๆแบบนี้แล้ว..นี่คงจะเป็นเรื่องของบุญกรรมชาติที่แล้วครับ

     

                    ผมเดินเข้าห้องตัวเองโดยมีสีครามเดินตามมาด้วย  ห้องร้อนนิดหน่อยเพราะเป็นตอนกลางวัน  ผมเลยเดินไปปิดม่านแล้วยกพัดลมมาเปิดเพิ่ม..ไอ้เอ็กซ์งี้นอนเปิดพุงเหงื่อซกเชียวตามประสาคนขี้ร้อน  เห็นแล้วก็สงสารมันแหละ  แต่แม่งไม่ตื่นเองนี่หว่า..

                    สีครามเลยบอกให้ผมไปอาบน้ำก่อน  แล้วเขาค่อยอาบ  (อนึ่ง..เพราะป้าน้อยอยู่ชั้นล่างน่ะฮะ...ไม่งั้นคงตามเข้าไปอาบด้วยแล้ว...) แล้วค่อยมานอนกันจริงๆจังๆสักหนหนึ่ง...

                    เพราะอากาศมันร้อน..เราเลยไม่ได้นอนกอดซุกกันเหมือนเคย (อีกอย่าง...พ่อจะตามเข้ามาดูเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้ฮะ =_='')  จะตื่นโน่นก็เกือบบ่ายสี่โมง  เรียกว่านอนกินพระอาทิตย์กันเลยทีเดียว..

                    วันนี้แปลกที่เราตื่นใกล้เคียงกันหมด  เลยอาบน้ำอีกรอบแล้วลงมาหาไรกินกัน

     

     

                    "ตื่นช้าว่ะพวกมึง  กูตื่นตั้งกะบ่ายสอง"

     

                    จิ๊บนั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวพอดีตอนที่เราลงไป  ไอ้ตั๊มเลยฉกแซนวิชจากมือมันมากินต่อหน้าตายพร้อมเดินไปเปิดทีวี

                    "นอนแบบนี้เวลารวนกันหมด  ซวยแย่"

                    "แล้วคุ้มมั้ยเนี่ย? มาเที่ยว..เอาแต่แดกเหล้า" ผมว่าแล้วนั่งลงข้างๆไอ้ไวน์

                    "ไม่ได้มาแค่เที่ยว  แต่มาพักผ่อนด้วยว้อย..เปิดเทอมเรียนหนักจะตายชัก"

                    "เออ เอาเข้าไป  ข้ออ้างว้อย  ข้ออ้าง..."

                    "แล้วนั่นกล่องอะไรวะไอ้เดียร์"

                    ผมเหลือบตามองกล่องพัสดุสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะอีกตัวนึงถัดไปตอนที่ทาแยมบนขนมปังปิ้ง  แล้วตอบ

                    "กล่องพัสดุจากไอ้ล่าไง"

                    "ไอ้ล่าหรอ!?!"

                    เหมือนที่ผมคาด..แต่ผมลืมครับ!  ว่าพวกมันต้องกระโดดตะครุบกล่องพัสดุนั้นแล้วฉีกทึ้งแบบไม่มีชิ้นดีแน่นอน....และเพื่อสวัสดิภาพของกล่องใบน้อย..ผมเลยเดินไปหยิบกรรไกรมาตัดเชือกห่อของให้มันครับ (อ่าว!)

     

                    พวกเราทั้ง9(ยกเว้นสีครามนะ..รายนั้นพยายามห้ามแล้วล่ะ..)ชะโงกหน้ามุงดูการขยับของปากกล่อง  ส่วนที่อ้าออกเผยให้เป็นถึงสิ่งของจำนวนมากมายในนั้น..

                    และจดหมายสีขาวปิดผนึกอย่างดีสมเป็นมันนอนนิ่งอยู่ด้านบนสุด...

     

                    สายตาของพวกเราทั้งหมดจับจ้องสิ่งของกันคนละชิ้นสองชิ้น..

                    ..ไม่มีความละอายแก่ใจที่แอบรื้อของชาวบ้านดูเลยแม้แต่น้อย..

     

     

                    ......ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาแทบจะพร้อมๆกัน = ]

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    "สิบปีจะนัดเจอกันยังไง?"

                    วุ่นเป็นคนเปิดประเด็นนั้นตอนใช้เท้าเขี่ยๆกลบดินบนหีบใบโตด้วยกัน

                    "..ตอนนั้นกูอาจจะเป็นผู้จัดการบริษัทอะไรสักอย่าง" จิ๊บต่อ

                    "อ่าว?  ไม่ใช่คนหมักเหล้าเถื่อนหรอ?"

                    โป๊ก!

                    "งั้นมึงคงเป็นเจ้าพ่อซ่องแล้วล่ะ  ห่านเอ้ย!"

                    "ไอ้ล่าคงเปิดคลินิคที่ไหนสักแห่ง.."

                    "มันจะเป็นหมอหรอ?" ตั๊มสวนขึ้นมาทันที

                    "หมอรักษาหมาในปากมึงอ่ะ" บูมตอกกลับพร้อมหัวเราะไปด้วย "กูจะเอาธงปิกะจูปักไว้  จะได้รู้ว่าฝังไว้ตรงไหน"

                    "โหว  ปัญญา.."

                    "..กูอาจจะได้มาทำงานโรง'บาลแถวนี้ก็ได้นะเว้ย  บรรยากาศดีออก" วุ่นว่า

                    "งั้นกูอาจจะได้มาทำกับมึงนะ" บูมต่อคำ

                    "นี่มึงคุยเรื่องอนาคตกันขนาดนี้เลยหรอวะ?"

                    "แล้วมึงจะเรียนไรวะตั๊ม?  เพื่อนเค้ามีอนาคตกันหมดละ.."

                    "โหวสัส  คำถามกวนส้นตรีน" มันว่า "เรื่องนั้นกูยังไม่ได้คิด...เดี๋ยวค่อยดูอีกทีว่ะ  ก็คิดเหมือนกันนะว่าอาจจะไม่ติดถ้าไม่ล็อคเป้าหมายความพยายามไว้ก่อน"

                    "ดูมึงพูดจามีสาระก็วันนี้แหละ.."

                    "ฟาย!"

     

                    "พวกมึงน่ะว่าไปอย่าง...อย่างกูน่ะ  ห้องเด็กความสามารถพิเศษ...มีงานทำก็จริงแต่ไม่มีที่เรียน"

                    กลอนเปิดประเด็นต่อ  พร้อมทิ้งตัวนั่งลงบนเสื่อ

                    "เพื่อนกูก็ชอบทำงานมากกว่า  ความรู้งี้เกือบไม่มีติดหัว..นี่ถ้าไม่มีเกษรวิทยาคงไม่ได้ทำตามฝันกันมาถึงขนาดนี้ว่ะ...จะโชคดีต่อไปถ้าเกษรวิทยาทำวิทยาลัยสักที..."

     

                    "เฮ้ยเจ๋งว่ะ! เอาไปเสนอกับผอ.ดิ  กูจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสอบเข้ามหา'ลัย"

                    "กูว่าไม่เวิร์คๆ!" บูมแย้งขึ้น "สมมติว่าโรงเรียนเราเปลี่ยนเป็นวิทยาลัยจริง....จะชื่อว่าวิทยาลัยเกษร...ส่วนพวกเราก็จะเรียกย่อๆเป็นนักเรียนสาธิตม.เกย์......ผู้ชายที่จบจากที่นี่กลายเป็นเกย์หมดพอดี"

                    "นี่มึงตั้งใจจะกัดพวกกูอ่ะป่ะ?" ไวน์ร้องอย่างขัดใจ

                    "รึว่าไม่จริงวะ!"

                    "สัสหมี่นี่  เดี๋ยวปั๊ดๆ"

                    "พอเหอะน่า  ต่อให้ทำจริงก็คงไม่ใช่เร็วๆนี้ว่ะ  ยังไงก็ต้องคิดเรื่องสอบเข้าไว้ก่อน...มึงจะเอาทุนต่อป่ะเดียร์?"

                    "ของตาย" ผมแบะปาก "แค่ขยันนิดหน่อยก็ได้เรียนจบฟรีๆ  ไม่คุ้มหรอ?"

                    "มันคุ้มสำหรับมึงน่ะ  แต่ไม่ใช่พวกกู!"

     

                    "เลิกพูดเรื่องเครียดๆแล้วมานี่มามะ!!"

                    จิ๊บโบกมือเรียกตอนเอาถุงมะนาวออกมา

                    "ห่านจิกนี่  ตะวันยังไม่ตกดินจะเอาแล้วเรอะ!"

                    "…กูได้เป็นตับแข็งก่อนเรียนจบแน่ไอ้ห่า"

                    "พ่วงด้วยโรคต่างๆอีกมากมายจากการติดสุราเมรัย..-_-''"

                    "มึงไม่ติดหรอกน่า  นี่ก็กินขำๆ...ตอบกูมาคำเดียว  จะแดกไม่แดก?"

                    "แดก!!"

                    ..แล้วมึงจะค้านกันทำเพรื่ออ??..

     

                    สรุปสุดท้ายคืนนั้นเกือบทั้งคืนเราก็ปาร์ตี้กันอีกรอบ  ปาร์ตี้แบบถี่ๆซะขนาดนี้ทำเอาทั้งรำคาญทั้งสนุกในรวดเดียวครับ  หวังว่าทริปต่อๆไปคงไม่ได้มีแค่เหล้านะ......มันเฮฮาและก็เปลืองพอดูละ....

     

                    แล้วพอดื่มเสร็จนอน  ตื่นขึ้นมา..มันจะเป็นอารมณ์ประมาณว่า...ยังค้างๆคาๆกับแอลกอฮอลล์ในหัวอยู่  แล้วก็เลยเดินทางกลับแบบมึนๆอึนๆกันต่อ....มีแวะซื้อของฝากจังหวัดโน้นนี้นั้น..เยอะจนเต็มเบาะหลังไปหมด  เกือบจำไม่ได้แล้วว่าไอ้ตอนซื้อน่ะ.....กูคิดจะเอาไปฝากใครวะ?  เพราะภาพที่เห็นในคลองสายตามันจะเบลอๆ  ไม่รู้ว่านี่ฝันหรือทำไปแล้วจริงๆกันแน่....สรุปอาการแบบนี้ได้ว่า 'เมาค้าง' ขั้นที่หนึ่ง...

                    สรุปคร่าวๆของการไปเที่ยวครั้งนี้คือการพักผ่อนบวกเข้าไปด้วย  ผมว่ามันก็โอเคนะ..ถึงแม้จะหาสาระอะไรไม่ได้เลยก็เหอะ  ได้นอนเต็มอิ่ม  กินเต็มที่  ทำอะไรได้อย่างเต็มเหนี่ยว(จนบางครั้งออกจะเว่อร์เกินไปหน่อย..) อยากไปก็ไป  อยากเที่ยวไหนก็ออก  นอนเล่นอยู่บ้านซะส่วนใหญ่..กินเหล้าเมายาเป็นส่วนมาก..แต่ก็สนุกสุดๆ  ติดที่ว่าลาล่ามาไม่ได้เนี่ยแหละ..

                    ตั๊มกับกรังโอดครวญใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะประกาศผลสอบแล้ว..สำหรับพวกมันน่ะแค่ให้ได้อยู่ในห้องเด็กทุนก็เก่งแล้ว  แต่พ่อแม่มันเนี่ยสิ..มีหวังโดนตัดค่าขนม บลาๆๆ แน่นอนสำหรับคะแนนเทอมนี้...

     

                    พวกผมเดินทางเข้ากรุงเทพในเวลาเกือบๆสองทุ่มครับ  เป็นกะที่สีครามขับพอดี..เราเลยต้องเอารถไปส่งที่อู่ของเล้ง(เพื่อนสีคราม)  แล้วค่อยแยกย้ายโบกแท๊กซี่กลับกัน

     

                    "กูไปแล้วน๊า บายๆๆ"

                    "เออบายๆ  เฮ้ยๆ! บอร์ดติดประกาศกี่โมงวะ?"

                    ตั๊มหันมามองค้อนบูม "มึงกับไอ้เดียร์ต้องกังวลห่านอะไรอีกวะ  ไอ้พวกทุนร้อยเปอร์!!"

                    ..นั่น..เลยกลายเป็นว่าโดนมันตอกกลับอีกรอบ..

                    แต่ก็รู้กันละว่าตั๊มมันพูดไปงั้นแหละ..มันยังหันมายิงฟันจ๋าโบกไม้โบกมือลาพวกผมขึ้นแท๊กซี่ไปกับจิ๊บกับกรัง (บ้านใกล้กัน) ส่วนกลอนกับวุ่นมันขึ้นไปอีกคันแล้ว(นี่ก็ใกล้กันอีก)  เอ็กซ์กับไวน์ก็โบกอีกคันอยู่  แล้วค่อยถึงคิวพวกผมกลับหอ..

     

                    "เฮ้ยมึงขึ้นไปก่อน  เดี๋ยวกูซื้อโจ๊กฝากไอ้เท่าฟ้าแปป.."

                    "เออๆ" ผมตอบรับไอ้บูมไปส่งๆ

                    ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่รอเป็นเพื่อนมันละ  แต่เห็นสีครามเหนื่อยๆ(ถึงมันไม่ได้พูดก็เหอะ..)  ก็เลยขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีกว่า

     

                    พอไขประตูเข้าห้อง  ผมก็ยกของต่างๆมาวางไว้บนโต๊ะน้ำชา..แล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงให้ลมพัดเข้ามาหน่อย  ไม่อยู่ตั้งหลายวันห้องเหม็นอับแย่...

                    "ทานไรมั้ย?" ผมถามสีคราม

                    มันไม่ตอบ  แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งอย่างนั้นพร้อมหันมามองผม

                    ผมเข้าใจว่ามันคงเหนื่อย..ทั้งขับรถและคอยบริการโน่นนี่นั่นให้ตามปกติของไอ้สุภาพบุรุษ  ส่วนผมน่ะนิ่งเป็นหลับ ขยับตื่นเป็นหัวเราะ..เลยไม่กล้าดุมันเรื่องขึ้นไปบนเตียงทั้งชุดเลอะๆนั่น..

                    "กานดาๆ~"

                    แต่มันก็ยังหันมายิ้มให้ผมแล้วโบกมือไหวๆ

                    เลยต้องสนองพระเดชพระคุณด้วยการเดินเข้าไปนั่งด้วยซะหน่อย..

                    มันเอี้ยวตัวมากอดเอวผมไว้หลวมๆ  แล้วซุกหน้าลงกับหน้าตักผมเหมือนอ้อน..ซึ่ง..อื้ม..ผมก็ให้มันอ้อนแหละ...

                    "คืนนี้ต้องทำอะไรรึเปล่า?"

                    มันถามเสียงเบาๆแล้วก็อู้อี้ๆ  ผมเลิกคิ้ว..แล้วใช้มือเกลี่ยผมสีขนกาของมันเบาๆ

                    "เปล่านี่...ทำไมอ่ะ?"

     

                    …..มันผลักผมลงนอนแทนคำตอบ.....

     

     

                    ..หลังจากนั้นผมก็เฝ้าคิดทบทวนอยู่หลายตลบทีเดียวว่า..

     

     

     

                    …..นี่กูยอมมันง่ายไปมั้ยวะ!?!?......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×