คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #66 : CHAPTER 65 วันนี้วันเกิดผมละ! =]
คืนนั้นผมโดนยัดเยียดให้นอนกับสีครามครับ เพราะเราสองคนออกไปนั่งเล่นกันตรงชานบ้านด้านนอก..กลับเข้ามาพวกแม่งก็ขึ้นนอนกันหมดแล้ว -_- แล้วไวน์มันก็ลงไปนอนกกผัวมันข้างล่าง
ผมกับสีครามมองหน้ากัน ก่อนจะหันหน้าหนีด้วยกันทั้งคู่..ผมน่ะหน้าแดง...ส่วนเขาน่ะผมไม่รู้หรอก!
"….ได้รึเปล่า?" เขาถามเสียงค่อยเหมือนลองใจ ผมเลยเอาใจให้มันลองด้วยการปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นสองแบบไม่ถาม ไม่ค้าน และไม่อะไรทั้งนั้น..!
"..ถ้าจะ 'นอน' ก็ขึ้นมา....แต่ถ้าจะ 'ไม่'………ก็หาที่นอนเอาเอง!!"
พอจบประโยคปุ๊บ..ก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากวงแขนของคนที่ทิ้งตัวนอนข้างๆปั๊บ..เหอๆ..ของแบบนี้..หมอนี่ไม่ต้องรอให้พูดจบประโยคจริงๆครับ...
สุดท้ายเราก็นอนกอดกันเหมือนที่ทำเป็นปกติ เพียงแต่ครั้งนี้มันเงียบ..และนอนร่วมห้องกับไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายด้วย..ผมเลยรู้สึกกระสับกระส่ายนิดหน่อย...แถมหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นโครมๆราวกับกลัวว่าจะไม่ได้เต้นอีกอย่างงั้นแหละ!!
ทั้งที่มันก็เหมือนทุกที...
…สีครามก็อ่อนโยนเหมือนทุกที...
…….โรแมนติกเหมือนทุกที...
………..แต่ 'รัก' มากกว่าทุกที...
เคยมีคนบอกว่าบางครั้งความรักก็เริ่มจากศูนย์ขึ้นไป บางครั้งความรักก็เริ่มจากร้อยลงมา....ถ้าคิดเป็นคะแนนน่ะ...ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเต็มแค่ 'หนึ่งร้อย' …เพราะว่าความรู้สึกในตอนนี้น่ะมากกว่านั้นเป็นพันเป็นหมื่นเท่า...
ผมลืมตามองใบหน้าคมสวยนั้นในความมืดมิด ดวงตาที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นนั้นปิดสนิท เสียงลมหายใจดังแผ่วเบาและเป็นจังหวะจนผมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจมดิ่งสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย...
มือข้างซ้ายของเขากุมมือผมไว้หลวมๆ..มันชื้นจนเหงื่อออกก็จริงแต่ก็ไม่มีใครยอมปล่อย....
…ไม่รู้เพราอะไรผมจึงค่อยๆประคองมือของเขาขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง ทำให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าเขาจะตื่น...
…….บรรจงวางมันแนบแก้มผมเอง......
มือเขาอุ่นหรือแก้มผมเย็นผมไม่รู้หรอก
รู้แต่ว่า...อยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้นานๆ..
…..ถึงแม้โลกเราจะไม่มีคำว่า 'ตลอดไป' ……
………แต่ก็อยากให้อยู่กันนานๆ...........
……………….นานเท่าที่จะเป็นไปได้ก็พอ…………….
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
วันรุ่งขี้นผมตื่นแต่เช้าเหมือนปกติ...พอผมขยับตัวสีครามก็ตื่นแล้ว ผมบอกเขาว่าผมจะไปตักบาตร ให้เขานอนไปก่อนก็ได้...เขาก็ไม่ยอมครับ เวลามันไม่ยอมก็จะอ้อนๆแบบเข้ามาออเซาะ ผมเลยต้องดีดตัวออกห่างมันทุกทีไป...ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ...แต่เออะ...มึงจะหวานแต่เช้าเลยหรอ....กูเลี่ยนเองเป็นนะครับ...-_-''
"แม่ เดี๋ยวเดียร์ไปตลาดนะ"
ผมบอกแม่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินไปหยิบกุญแจมอไซค์ที่ที่แขวนกุญแจ
"เอานี่ไปสิไป น้านงค์เตรียมของทำบุญเอาไว้ให้แน่ะ...เดี๋ยวไปขอบคุณน้านงค์ด้วยล่ะ"
"ครับ แล้ว..น้านงค์อยู่ไหนอ่ะ?"
แม่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้วพยักเพยิดไปทางเรือนเล็ก ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้..พอจะหยิบข้าวสารอาหารแห้งที่ถูกจัดอยู่ในถุงผ้า ก็โดนมือดีฉวยไปก่อน
"ถือให้นะ~"
เอาอีกแล้ว...ผมว่าแม่มันต้องนอนอาบแสงอาทิตย์ตอนที่ท้องมันแน่ๆ...อะไรรอยยิ้มมันจะเปล่งประกายขนาดนั้นวะ...
"ไม่ต้องก็ได้ แค่นี้ถือเองได้ เดี๋ยวจะทำอะไรเองไม่เป็นกันพอดี"
หมอนั่นยักคิ้วจ๋า "ไม่เห็นเป็นไรนี่ ไงก็อยู่ทำให้อยู่แล้ว~"
…โหย…มามุขนี้กูจะเถียงยังไงเนี่ย...
ในเมื่อจะปฏิเสธก็ทำไม่ลง แถมยังมาหวานกันต่อหน้าแม่จนท่านแกล้งกระแอมกระไอซะงั้น ผมเลยลากมันลงมาจากเรือนใหญ่(แล้วค่อยว่ากันต่อ?)
"น้านงค์!"
ผมเรียกทันทีที่เห็นหลังน้าไหวๆอยู่ริมตัวบ้าน น้ารีบหันมายกนิ้วแตะปากตัวเองเป็นสัญญาณบอกว่าให้ผมเงียบ เพราะน้องนาเดียอยู่ในอ้อมแขนน้าพอดี
"..กล่อมให้นอนอยู่น่ะ ไม่รู้แกเป็นไร..ไม่ยอมนอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" น้านงค์กระซิบ "นี่พี่น้อยแกก็เพิ่งได้นอนเมื่อกี้....น้องกำลังเคลิ้มๆอยู่นะ"
"อะ ครับ"
ผมมองหน้าน้องที่กำลังปรือตาอยู่บนอกน้านงค์ ตระกูลผมผิวขาวทั้งบ้านก็จริง..แต่ป้าน้อยกับสามีแกผิวติดจะเข้มนิดหน่อย ทั้งที่เป็นอย่างนั้นน้องกลับตัวขาวจั๊วะ! มันเป็นเรื่องของยีนส์เด่นยีนส์ด้อยน่ะ
"อ่ะ น้านงค์ขอบคุณมากนะฮะ เดี๋ยวเดียร์จะไปตลาด"
"โอเค~ จะกินไรตอนเช้ากันก็ซื้อเข้ามาได้เลยนะเดียร์"
"ค้าบ"
ผมพยักหน้าเรียบร้อยแล้วเดินไปทางโถงจอดรถข้างโอ่งน้ำใหญ่ พอผมขึ้นไปนั่งสตาร์ทมอไซค์อะไรเรียบร้อย..หันมาก็เจอมันเลิกคิ้วแบบงงๆ..
"..แค่มอไซค์กูก็ขับเป็นว้อย"
"ครับๆ…เอ่อ..ขับให้มั้ย?"
ผมส่ายหน้ากับคำถามนั้น แล้วหยิบหมวกกระป๋องขึ้นมาสวมกันเหนียว(เผื่อเจอตำรวจน่ะ..ไกลบ้านอยู่) หมอนั่นก็หัวเราะกับคำเถียงนิดหน่อย แล้วยกถุงผ้าเปี่ยมไปด้วยของตักบาตรขึ้นมาวางหลังเบาะ เหวี่ยงตัวเองตามขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ(!)เรียบร้อย ผมก็เปลี่ยนเกียร์มอไซค์แล้วบิดเบาๆเคลื่อนรถออกจากโถงใต้ถุน....
"เดี๋ยว!! เดี๋ยวๆเดียร์!! พี่ไปด้วยๆๆ"
พี่ชัยก็วิ่งข้ามสะพานคูน้ำเล็กมาพร้อมตะโกนโบกไม้โบกมือเสร็จสรรพให้ผมจอด..ผมงี้กดเบรคจนหน้าแทบคว่ำ
"…ไปทำบุญใช่ป่ะ? เดี๋ยวพี่ไปกาดด้วย"
ไม่ว่าเปล่าครับ..สะกิดให้สีครามกระเถิบให้ซ้อนสามซะงั้น
"จีบสาวหรอพี่?"
พอผมแซว แกก็รีบปัดๆ "เปล่าๆ ดูใจกันอยู่ ฮ่าๆๆๆ"
ครับ..พอพี่ชัยยืนยันพร้อมเหวี่ยงขาขึ้นซ้อนข้างหลัง..ผมก็เหลือบหางตามองไอ้คุณชายที่กำลังทำตาโตไม่เชื่อหูอยู่ ก่อนจะยักคิ้วให้มันนิดหน่อย..แล้วออกเกียร์อีกหน
ยังจำได้มั้ยครับ? ไอ้สีครามคนนี้แหละที่แม่งหึงผมไม่เข้าท่ากับพี่ชัย ไม่อยากจะsaidว่าเฮียแกกำลังติดลูกสาวร้านลอดช่องสิงคโปร์ที่ตลาดอยู่ ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่พี่แกจะสนใจผม..และ..พี่ชัยไม่ได้เป็นเกย์แน่นอน!
แต่ที่ผมคำนวนพลาดไปอย่างนึงก็คือ...การที่เราซ้อนสามแบบนี้มันกลายเป็นการยุยงส่งเสริมให้ 'ไอ้สีคราม' มันลวนลามผมได้ถนัดน่ะสิ!!
ตอนแรกแม่งก็นั่งนิ่งๆเหมือนมนุษย์ปถุชนธรรมดาทั่วไปล่ะ..สักพักก็มีการเลื่อนมือมาโอบเอวบ้าง..พอออกมาได้ครึ่งทางก็เอาคางมาวางบนไหล่..ผมงี้ยักยิกๆจนกระดูกไหล่กระทบกรามมัน 'กึกๆ'…แต่ไม่เลิกครับ! ไม่เข็ด!
จนกระทั่งลงมาติดสี่แยกน่ะแหละ...รถกระบะคันข้างๆท่าจะแอร์เสียเลยเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้...แถม...ชะโงกหน้าออกมามองแบบไม่รู้กาลเทศะสุดๆ!!
…ชนิดที่ว่าถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคงหันไปยักคิ้วกวนส้นตรีนถามว่า 'มองหาเตี่ยคุณหรอครับ?' แน่นอน…
"..เหี้ย คนมอง!!"
ผมยกมือปัดๆหน้ามันออก มันเลยยอมออกไปนิดหน่อย..โชคดีนะไม่มีตำรวจเนี่ย...
ได้ยินเสียงพี่ชัยหลุดหัวเราะออกมาจากข้างหลังด้วย..ขำอะไรหรือขอรับ =w=…
"เดียร์ๆ ส่งพี่แถวนี้แหละ"
"อ่ะฮะ"
ผมขอไฟชิดซ้ายให้พี่ชัยลงจากรถ ปลิงตัวโตข้างหลังผมเลยยอมกระเถิบให้เราห่างกันนิดนึง....ย้ำว่านิดนึงจริงๆนะ! เชรี้ยเอ้ย!!
"ฝากทักทายพี่หงส์ด้วยนะฮะ"
"..หนอยย ทำเป็นแซวนะเรา" มือกร้านยื่นมาดึงแก้มผมแรงๆทีนึง แล้วหันไปตบไหล่สีครามสื่อความหมายอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ...
…แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รับรู้..!!
"พี่ชัย!"
"โอ้ยย พี่ไม่ถือเรื่องพรรค์นี้หรอกเดียร์ ฮ่าๆๆ ซียูวววว"
ว่าแล้วร่างสันทัดของพี่แกก็ลิบหายไปในตัวตลาด ส่วนผมต้องเอารถมาจอดอีกข้างนึงแล้วไปตักบาตรอีกฝั่งครับ
ตอนนั้นเวลาเกือบๆเจ็ดโมงแล้ว ถือว่าสายนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีพระออกมาบิณฑบาต ทางตลาดจะจัดโต๊ะอะไรไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ..ผมแค่เอาของไปวางแล้วนิมนต์หลวงพี่หลวงพ่อหลวงตาเท่านั้นแหละ
ผมแวะซื้อดอกไม้ก่อนครับ ทำทั้งทีก็อยากทำให้ครบน่ะแหละ
สีครามก็เป็นลูกมือผมได้อย่างเต็มที่ คอยช่วยส่งโน่นส่งนี่ให้พร้อม..แต่ไม่ใส่บาตรเองให้ผมเป็นคนทำ ผมก็โอเคแหละ..วันนี้วันเกิดผมนี่
เราตักบาตรพระสงฆ์ทั้งหมด9รูปด้วยกัน อันที่จริงผมควรจะทำ18รูปนะครับ..แต่เห็นท่าจะไม่ไหว แค่ข้าวสารถุงเล็ก9ถุงและอื่นๆก็หนักพออยู่แล้ว...ขนมาไม่ไหวแน่ๆ..
ผมกับสีครามนั่งยองๆรับพรพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นช่วยกันเก็บของแล้วยกโต๊ะไปเก็บให้หน่อยเพราะเป็นผู้ชายน่ะ คนที่มาทำบุญส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงแก่ๆทั้งนั้นเลย..คงยกโต๊ะเก็บให้ตลาดไม่ไหวแน่ๆครับ
"ผมช่วยนะครับ"
สีครามยิ้มด้วยความยินดีพร้อมดึงถุงส้มในมือของสาววัยกลาง(ค่อนไปทางปลาย)ท่านหนึ่งขึ้นมาช่วยถือ
"อะ ขอบใจมากนะจ๊ะ" เจ้าหล่อนตอบกลับด้วยเสียงแหลมเล็ก
พวกเราพากันเดินข้ามถนนเข้าตลาดกันอีกรอบ แล้วแยกกับผู้หญิงคนนั้นที่วินมอไซค์รับจ้าง หล่อนขอบอกขอบใจพ่อเทพบุตรสีครามอย่างเกินพอดีไปนิด..ทำหน้าทำตาประมาณ 'คนอะไร..หน้าตาก็ดี กิริยามารยาทก็งาม..นี่ถ้าลูกสาวยังไม่แต่งงานนะจะ.....บลาๆๆ' เรียบร้อยโรงเรียนจีน แต่แกก็ดีครับ หันมาขอบคุณผมด้วย..ทั้งๆที่ผมไม่ได้แตะต้องส้มสักผล...-_-''
ตลาดในตอนเช้าก็คนเยอะเหมือนเช่นเป็นดั่งปกติ พอสีครามจะเอื้อมมือมาจับผม..ผมก็บอกเขาว่า "เฮ้ยไม่เอา..คนเยอะ"
..ที่ผมพูดไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าอายที่เป็น..อะไร..กับเขาหรอกนะ...แต่เรื่องบางอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนมากจะรับได้ ผมกังวลแค่นั้นแหละ..
หมอนั่นไม่ได้ถามอะไรที่ผมไม่ได้อธิบาย เพียงแค่ยักคิ้ว..ยิ้ม..แล้วว่า
"งั้นช่วยกันถือถุงผ้านะ จะได้ไม่หลง"
เราเลยทำตามข้อเสนอนั้นง่ายๆไม่ค้านอะไรต่อ ทำท่าเหมือนกับว่าถุงนั้นหนักนักหนาต้องช่วยกันถือสองคน! สันมือเราทั้งคู่ก็ชิดกันจนไม่ต่างกับกุมมืออะไรด้วย!...แต่....เพราะเป็นแค่ 'ช่วยกันถือ' ผมเลยไม่ได้รู้สึกเขินอะไรมากมายนัก...
"กินไรมั้ย?" ผมถาม
"…อืม…..กานดาอยากทานอะไรล่ะ?"
"!! ถ้าตอบแบบนี้อีกครั้งคราวหน้าจะโกรธ!!! เอาเร็วๆ~ วันนี้กูเลี้ยงนะ ช้าหมดอดไม่รู้ด้วย!"
ผมว่าแล้วชูกระเป๋าตังค์ให้ดู มันหัวเราะ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ร้านขายขนมครกด้านหน้าพอดี..เห็นท่าทางจะเล็งอยู่นานแล้วแต่ไม่กล้าพูด
"อร่อยรึเปล่าอ่ะ?" เขาถามผมก่อนเราจะเดินไปถึงร้าน
"ไม่รู้เหมือนกัน เคยกินแต่มุมโน้นที่เค้าปิดไปแล้วอ่ะ" ผมตอบ พลางมองไปที่หนมครกสีขาวที่นอนแผ่อยู่บนเตาเป็นจุดๆๆ อืมมม กลิ่นกะทิหอมดีจัง~...
"อะหยังคะเจ้า?" ป้าคนขายถามพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง
"ถาดเท่าไหร่ครับป้า?"
"ยี่สิบเจ้า..สามถาดห้าสิบ" แกว่า..แต่ราคามันทำเอาผมต้องเอียงคอสงสัย ก่อนแกจะต่อด้วยสำเนียงชาวเหนือแต้ๆ ผมฟังออกแค่ว่าแกพล่ามเรื่องข้าวของราคาขึ้นเท่านั้นแหละครับ ถึงผมจะคนเหนือ..แต่ก็พูดไม่เป็นหรอกฮะ แค่พอฟังออกน่ะ ก็บ้านผมเค้าคนภาคกลางนี่...
สีครามมันก็มองผมงงๆ ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง..กระเป๋าตังค์มีเงินอยู่ร้อยกว่าๆ...ว่าจะเลี้ยง...ก็เลี้ยงดิ ใจป้ำเข้าสู้วะ!
"..มึงเอาเท่าไหร่อ่ะ?"
"สามถาดครับ ขอข้าวโพดสอง"
..นั่น..หันไปสั่งแม่งไม่ถามกูเลย...
"..ชิมได้มั้ยครับ?" ผมเลยยื่นข้อเสนออีกข้อ แกก็พยักหน้ายิ้มๆแล้วชี้ๆให้ดูพวกที่นอนแอ้งอยู่นอกถาด ผมเลยใช้มือเปล่าจวกมันขึ้นมาชิมไปครึ่งชิ้น แล้วหันไปยัดใส่ปากคนข้างๆอีกครึ่งชิ้น
"อุ! ร้อน..!"
…โดยลืมไปสนิทว่าคุณชายคนเนี้ย..เห็นดูจะอะไรง่ายๆนะ..เรื่องมากกว่าที่ทุกคนคิดเยอะครับ..กินเผ็ดไม่ได้..อย่าประสาอะไรกับของร้อนเลย..พิโธ่พิถัง!
"เอ้าๆ น้ำๆๆ" ผมรีบๆล้วงหยิบขวดน้ำในถุงผ้า แล้วยื่นหลอดให้มันทันที
มันยื่นหน้ามาดูดน้ำจากหลอดที่ผมถือ..งับเข้ามาซะมือผมเกือบชนปากมันแล้วมั้ยล่ะ
"เป็นไงๆ หายยัง.."
สีครามยกมือแตะปากตัวเองนิดหน่อยตอนที่ละออกไป ท่าทางไม่ได้เจ็บปวดอะไรนักแต่โอดครวญไปงั้นแหละ..อ้ายเวรรรรร......
ผมเห็นดังนั้นเลยรีบๆหันไปจ่ายเงินป้าแกแล้วแจ้นออกมาทันที อันที่จริงเค้าเรียกเหตุการณ์ทำนองนี้ว่า 'ร้อนตัว' ครับ..คนปกติมองไม่ได้จะเห็นบรรยากาศสีชมพูออร่าวิ๊งๆแบบที่ผมเห็นสักหน่อย..!!
แล้วเราก็แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งกันอีกหน่อย แล้วค่อยเข้าบ้าน..พอเห็นร้านกาแฟโบราณแล้วอยากกินกาแฟขึ้นมาดื้อๆ.....โหยยย กลับไปทำกินเองที่บ้านก็ได้วะ ประหยัด..
พอทำธุระต่างๆนานาเสร็จผมกับสีครามก็แวะที่ไปรษณีย์ก่อนหน่อยนึงครับ เพราะลาล่าส่งพัสดุที่จะเอาลงไทม์แมชชีนมาให้แล้ว ทีนี้บ้านผมเป็นสวนไร่..จะส่งไปให้ถึงมันก็ลำบาก..ถ้าเป็นซองจดหมายก็ว่าไปอย่าง..เลยต้องลงมาเอาเองเนี่ยแหละครับ
พัสดุของไอ้ล่าก็เป็นกล่องขนาดกลาง แต่ไม่ใช่กล่องแดงขาวแบบที่เค้ามีให้นะครับ เป็นกล่องขาวปิดสนิทเรียบร้อยทำเองกับมือตามประสาไอ้ล่า มันเขียนแนบมาด้วยว่า 'ฝังลงไปแบบนั้นเลยนะครับ ห้ามเปิดก่อน!' มาด้วยลายมือเป็นระเบียบของมัน..
แต่แหม..ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ผมน่ะไม่เท่าไหร่....แต่ถ้าพวกที่บ้านเห็นแม่งต้องอยากเปิดก่อนชาวบ้านแน่นอน.....ไม่อาจรับประกันสวัสดิภาพของกล่องใบน้อยได้เท่าไหร่นัก....
"ไอ้-พวก-ชั่ววววว-!!!!!!!"
ตั๊มแหกปากลั่นสวนตอนที่มอไซค์เราวิ่งเข้าเขตสวนมา มันรีบสาวเท้าจ้ำเอาๆลงมาจากชานบ้านด้วยเท้าเปล่าๆของมันนั่นแหละ
หนำซ้ำยังมีอาการเสริม..อาทิ..การกระโดดเหยงๆชี้นิ้วกราดด่าพวกผมยับตอนที่ลงจากมอไซค์เชียวล่ะ
"ไปเที่ยวนัด! ไม่บอกกู!"
"ก็มึงนอนอืดอยู่ สัส..วันนี้ตื่นเช้านะเนี่ย" ผมเลยยัดๆหมูปิ้งที่ซื้อมาล่อหมา(!)ไปไกลๆ มันทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ด คว้าถุงหมูปิ้งแล้วสะบัดก้นเข้าบ้าน ส่วนผมต้องเอารถไปเก็บต่อ
พวกมันกำลังนั่งสนุกสนานกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว พอเข้าไปดูก็เลยถึงบางอ้อว่าพวกแม่งหัวเราะอะไรกันนักหนา มันเอาโต๊ะไม้ดีๆไปทำเป็นกระดานดำ....แล้วเสือกเอากาแฟมาแทนช็อค...วาดรูปเล่นกันซะงั้น! สร้างสรรค์จริงนะพวกมึง!!
"เหี้ยไรเนี่ย เดี๋ยวเหนียวหมด!"
"เฮ้ยๆ!! อย่าเพิ่งเช็ดดิ! ศิลปะกาแฟอ่ะ..มึงไม่เคยได้ยินอ่ะไง?"
ผมขมวดคิ้วมองพวกมันดุๆ แล้วจัดการเอาผ้าเช็ดโต๊ะชุบน้ำปาด 'ชึบ!' ทำลายศิลปะที่ไม่ได้รับเชิญบนโต๊ะกินข้าวตัวเองเรียบ...
กรังกะจิ๊บกรีดร้องยังกะกระบือออกลูก ตั๊ม(ที่อารมณ์ดีขึ้นเพราะหมูปิ้ง..) จัดการเอาห่อข้าวเหนียวมาวางกลางโต๊ะ แล้วรุมทึ้งกันแทบเป็นแทบตาย
"มีหนมครกด้วยนะว้อย"
"บอกช้าว่ะสัส! เอามานี่มา..!"
"แล้วนี่คนอื่นไปไหน?"
วุ่นตอบทั้งหมูปิ้งคาปาก "คุณแม่กะคุณพ่อออกไปสวนน่ะ ฝากบอกเดียร์ไว้แค่นั้น"
ผมเลิกคิ้ว "แล้วเอ็กซ์กะไวน์ล่ะ?"
เท่านั้นแหละทุกคนมองหน้ากันควับประหนึ่งต้องการจะประชุมพลังจิตอะไรมิทราบ แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไม่ยอมพูด..
…มีเลศนัยเว้ยเฮ้ย...
"…ยังไม่ตื่นกันหรอ?" ผมถาม
"………ตื่นแล้ว...."
"…แล้วมันอยู่ไหน ไม่กินหมูปิ้งรึไงวะ?"
ไม่มีคนตอบ..
ผมเลยตวัดสายตาไปมองไอ้บูมปากมาก..ที่เสือกสงบเสงี่ยมผิดปกติก็วันนี้แหละ..
มันสะดุ้งเฮือกหันไปหาพวก แต่เสือกไม่มีใครสบตามันครับ..เคราะห์ซัดล่ะมึง...
"…อยู่ข้างบน?" ผมซักต่อ
"อือ"
"สองคนหรอ?"
"อือ"
ผมขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองหน้าสีคราม
"งั้นเดี๋ยวกูขึ้นไปตาม............"
"เดี๋ยวมึง! ไม่ได้นะ!!!" ตั๊มตะครุบผมไว้ได้ก่อน "เดี๋ยวก็โดนเชรี้ยเอ็กซ์ต่อยเอาหรอก!!"
"ต่อย? เชรี้ยเอ็กซ์เนี่ยนะจะต่อยกู?"
พอผมถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อสุดฤทธิ์ กรังเลยต้องสาธยายความต่อ
"..ตอนนี้เอ็กซ์มันสวมวิญญาณหมาบ้าอยู่ มึงอย่าหือเลย...."
"ใครเป็นหมาบ้า?"
"เชรี้ย!!!!!!"
ผมไม่ได้คิดไปเองหรอกครับว่าพวกมันสะดุ้งกับคำถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาทนั้นพร้อมกัน แล้วพอหันไปเจอไอ้เอ็กซ์ยืนหน้ายักษ์อยู่ตรงหัวบันไดก็พากันกรูกันมากองอยู่กันอีกฝาก
มันปลายตามามองผม..ตามันแดงๆเหมือนกำลังจะร้องไห้..แต่หน้ามันงี้มีทั้งรอยข่วนรอยตบรอยต่อย..อื้อ...อื้ม.....-*-'' เล่นเอาผมเดาเหตุการณ์คร่าวๆออกเลยล่ะครับ...
"ยา.."
มันบอกผมสั้นๆด้วยเสียงกวนประสาทเหมือนเดิม ผมที่อ้าปากจะถามมันก็เลยต้องเดินไปเปิดๆตู้ยาหยิบเบตาดีนออกมาให้ มันก็รับกึ่งแย่งไปแล้วผลุนผลันกระโดดขึ้นบันไดไปอีกรอบ
ไม่ต้องสงสัยครับ..เชรี้ยไวน์เจ็บหนักกว่ามันแน่...
"อย่าเข้ามานะ.....!!!!"
นั่นประไร..เสียงไอ้ไวน์ดังขึ้นมาจากบนบ้านพร้อมเสียงวิวาทหนักโครมครามอีก
ไอ้กลอนรีบๆสาวเท้ามาที่ตู้ยา รื้อหายาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเอาถุงประคบเย็นออกมาด้วย
มันหยุดที่หัวบันไดด้วยท่าทีชั่งใจนิดหน่อย ก่อนจะหันมายัดเยียดอุปกรณ์ทั้งหมดนั่นให้ผม
"มึงขึ้นไปล่ะกัน"
..อ้าวเวร..เป็นงั้นไป..
"เออ…พวกมึงรออยู่ข้างล่างนะ.."
"จ้ะ จ้างให้กูก็ไม่ขึ้นไปหรอกจ้ะ.."
ผมหันไปพยักหน้าให้สีครามก่อนจะรีบสาวเท้าตามพวกมันขึ้นไปชั้นบน แรกเริ่มก็โกรธที่พวกมันมาทะเลาะกันในบ้านคนอื่นเหมือนกันแหละครับ..แต่คือแม่งก็เป็นของมันแบบนี้มาตั้งแต่แรกละ..
พอขึ้นไปก็เห็นเอ็กซ์นั่งนิ่งอยู่หน้าห้อง ในมือมีขวดแอลกอฮอลล์กับเบตาดีนครบแถมยังไม่ได้เปิด เลือดแดงๆแปะอยู่ตรงมุมปากนิดหน่อยด้วย..
ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่าไวน์อยู่ข้างใน..เลยเคาะประตูเรียก
"ไวน์..กูเองนะ.."
"….เดียร์หรอ?"
"……เปิดประตูให้กูหน่อย..."
มันเงียบไปแปปนึง "ประตูไม่ได้ล็อค.."
คำตอบที่ทำเอาผมอึ้ง มือที่จับลูกบิดคาอยู่หมุนเบาๆประตูบานน้อยก็เปิด..ผมหันไปมองไอ้เอ็กซ์ที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น..ไม่ค่อยเข้าใจพวกมันเท่าไหร่..แต่..ผมขอดูเชรี้ยไวน์ก่อนครับ..
ร่างแบบบางของไอ้ไวน์นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม โผล่เพียงปอยผมสีชาที่แปะอยู่บนหมอนเท่านั้น พอผมเดินเข้าไปใกล้..มันก็พลิกหน้ามาหา..เป็นอันรู้กันว่าแม่งนอนคว่ำอยู๋
"..เป็นไงมั่ง?"
ดูจากหน้าซีดๆของมันท่าทางจะไม่ได้โดนซ้อมอย่างที่ผมคิด (มึงเห็นกูเป็นพวกซ้อมเมียตั้งแต่เมื่อไหร่วะเหี้ยเดียร์! : เอ็กซ์)
มันพยักหน้าทั้งคราบน้ำตา แล้วถามผมเสียงเบามาก
"…เอ็กซ์ล่ะ?"
ผมยักไหล่ แล้วนั่งลงข้างตัวมัน "นั่งอยู่ข้างนอก"
มันกัดปากตัวเองอย่างครุ่นคิด..แล้วบอกผมต่อ "ไปทำแผลให้มันทีดิ..โดนกูตบไปหลายยก..."
"..แล้วมึงไม่ทำเองวะ?"
"…..กูโกรธมันอยู่....."
…ครับ..เอาเข้าไปสิ..!
"มึงเจ็บตรงไหนเปล่า?"
"..กู..เอ่อ…" มันเงียบไปแปปนึง..แล้วซุกหน้าลงกับหมอน
"ทะเลาะกับมันรึไง?"
"อือ"
"…โดนมันต่อยบ้างมั้ย?"
"ไม่.."
"แล้วมันทำไรมึงวะ?"
"เอา"
"….เอ๊ะ?"
"…….มันแค่เอากู ไม่มีอะไร..."
คำตอบอู้อี้พร้อมหูแดงๆของมันทำเอาผมอ้าปากค้าง หันไปมองสีคราม..อีกฝ่ายก็ทำหน้าตะลึงไม่แพ้กัน..ก่อนเราสองคนจะหลบตากันวูบ
"…………เจ็บ……….รึเปล่า............?"
มันพยักหน้างุดๆกับหมอน ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสักที
"..เอาละ…งั้น…กูจะไม่ยุ่ง...มึงจะเอาไรมั่ง...ยาแก้ปวด..ยาแก้อักเสบ..."
ผมรีบวางสารพัดยาที่ไอ้กลอนสรรหามาให้บนเตียง แล้วเดินไปหยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะมาขวดนึง
"…อยากได้อะไรเย็นๆมาวางบนสะโพก.."
มันต่อความ ผมเลยรู้ประโยชน์ที่ไอ้กลอนหยิบถุงประคบเย็นมาให้..แต่เดี๋ยว! ไอ้กลอนรู้ได้ไงวะ!?
"อืม..แล้วเอาอะไรอีกมั้ย?"
"…..อีกอย่างนึง...."
มันกวักมือเรียกให้ผมก้มหน้าลงไปใกล้ๆ พอผมเอียงหูตาม...มันก็พูดซะเบากว่าเมื่อครู่อีก..
"….....แม่มึงมีผ้าอนามัยแบบสอดมั้ยวะ...?"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
..เอ็กซ์กับไวน์มันทะเลาะกันครั้งนี้ไม่นานหรอกครับ..นั่นก็ทำให้ผมโล่งใจเอามากๆ..แต่ว่าความอับอายมันก่อเกิดเมื่อเราต้องไปไหว้วานวุ่นให้ไปขอแม่ให้หน่อย(ก็ยังดีกว่าวานไอ้จิ๊บล่ะครับ..) ตอนแรกวุ่นมันก็งงๆอยู่หรอก แต่ผมขอร้องมันว่าอย่าถามมาก..สักพัก..มันก็เก็ท.....หน้าแดงแล้ววิ่งไปเลย.....เห็นใจพวกIQเด็กทุนจริงๆ.....
เนื่องจากเอ็กซ์กับไวน์ขอสละสิทธิการไปเที่ยวของวันนี้อย่างสิ้นเชิง..พวกเราก็เป็นห่วงมัน(แบบอ้อมๆ..เลยพยายามไม่พูดถึงล่ะกัน) แถมวันนี้วันเกิดผม..อันที่จริงผมไม่อยากให้มันวอร์รี่อะไรเรื่องนั้นมากนะ อยากให้เที่ยวกันสนุกๆไปมากกว่าน่ะ (ยังไงวันมะรืนก็จะกลับกันแล้ว..)
ลงท้ายเราก็เลยเดินทางข้ามเขาเพื่อไปไร่สตรอเบอร์รี่ครับ..แต่เนื่องจากมันเพิ่งเดือนตุลา! ยังไม่ใช่หน้ามัน! (ถือว่ามาผิดฤดู...) ก็เลยมีการบ่นโอดครวญกันไป...
วันนี้แดดไม่ร้อน..และยังอยู่ในช่วงพายุเข้าอยู่..พยากรณ์อากาศเลยว่าจะมีฝนตกตอนบ่ายๆเย็นๆ..ฟ้าเลยครึ้มๆตั้งแต่ยังไม่เที่ยง เราก็อาสานั่งท้ายรถกระบะร้องรำทำเพลงกันไปตลอดทาง บนเขานอกจากอากาศจะดีแล้ววิวยังดีด้วยครับ ผมที่นั่งข้างคนขับเลยเปิดกระจกรับลมธรรมชาติเต็มที่
สรุปแล้วทริปวันนี้เหมือนไม่นั่งรถเล่นเสียมากกว่า..พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไร คือจะว่าไงดีล่ะ ไม่ต้องทำอะไรมากแต่อยู่ด้วยกันก็สนุกพออยู่แล้ว..
วันเกิดผมทุกปีผมจะโมโหทุกครั้งที่มีคนซื้อของขวัญแพงๆมาให้ เพราะบ้านผมมันจน..และไม่ชอบเลยที่พ่อกับแม่จะให้ความสำคัญกับวันนี้..เท่าที่ผมเรียนมา..วันที่เราเกิดเหมือนวันตายของแม่..แม่ผมมีลูกสองคน..ก็เหมือนแม่ตายไปแล้วสองครั้ง ผมอยากให้แม่ลืมวันที่แม่เจ็บแบบนั้นไปก็เลยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยนับแต่นั้นมา..
…เพราะงั้นเลยอยากจะทำให้แม่มีความสุขที่ให้ผมได้เกิดมาบ้าง...เลยทำตัวเป็น 'เด็กดี' มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ...
ผมบอกให้สีครามจอดข้างทางแปปนึงเพื่อซื้อพวงมาลัย กลายเป็นได้เดินหาอะไรทานตอนเที่ยงกันไปฉิบ(มันก็บ่ายกว่าแล้วล่ะฮะ)
"..อันนี้สิ สวยนะ"
มันชี้ให้ดูพวงมาลัยปอมๆพูนๆให้ผมดู ที่นี่เอาดอกไม้สดมาทำครับ..ไม่ได้แห้งเหี่ยวเหมือนที่เห็นในกรุงเทพ แล้วก็จะใส่ถุงครอบแขวนขายเพื่อเก็บกลิ่นจำปีไว้อีกด้วย
"….อืม…งั้นแบบอันนี้สองครับ"
"สี่เลยครับ"
"หา?"
มันยักคิ้วให้ผม "..ก็จะไหว้ด้วย"
"ไหว้ทำไม แม่กู!"
"..แม่ยายผม"
มันเถียงเหมือนคิดมาแล้วทำเอาผมอึ้งๆ ส่วนป้าแม่ค้าก็อึ้งไปพอกัน ผมเลยยกมือปัดๆเหมือนไม่ได้ยินแล้วรีบๆจ่ายเงินออกมา
"…กูเอาไปขอบคุณแม่"
"ก็จะขอบคุณด้วย~"
"ขอบคุณเรื่องอะไร?"
ผมถามมันทันที ดูดิแม่งจะตอบยังไง..
สีครามยิ้มหวานๆสาดใส่ผมอีกหนึ่งดอก พร้อมก้มหน้าลงมากระซิบที่ริมหู
"..ก็ขอบคุณที่ทำให้ 'ที่รัก' ได้เกิดมาเจอผมไงครับ.."
ให้ตาย....
…นี่ผมบอกพวกคุณไปรึยัง..ว่าหมอเนี่ยทำให้ผมใจเต้นรอบที่ล้านแล้วล่ะ...
ความคิดเห็น