ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #66 : CHAPTER 65 วันนี้วันเกิดผมละ! =]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.61K
      14
      28 ม.ค. 55

     

                    คืนนั้นผมโดนยัดเยียดให้นอนกับสีครามครับ  เพราะเราสองคนออกไปนั่งเล่นกันตรงชานบ้านด้านนอก..กลับเข้ามาพวกแม่งก็ขึ้นนอนกันหมดแล้ว -_- แล้วไวน์มันก็ลงไปนอนกกผัวมันข้างล่าง

                    ผมกับสีครามมองหน้ากัน  ก่อนจะหันหน้าหนีด้วยกันทั้งคู่..ผมน่ะหน้าแดง...ส่วนเขาน่ะผมไม่รู้หรอก!

                    "….ได้รึเปล่า?" เขาถามเสียงค่อยเหมือนลองใจ  ผมเลยเอาใจให้มันลองด้วยการปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นสองแบบไม่ถาม ไม่ค้าน และไม่อะไรทั้งนั้น..!

     

                    "..ถ้าจะ 'นอน' ก็ขึ้นมา....แต่ถ้าจะ 'ไม่'………ก็หาที่นอนเอาเอง!!"

     

                    พอจบประโยคปุ๊บ..ก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากวงแขนของคนที่ทิ้งตัวนอนข้างๆปั๊บ..เหอๆ..ของแบบนี้..หมอนี่ไม่ต้องรอให้พูดจบประโยคจริงๆครับ...

                    สุดท้ายเราก็นอนกอดกันเหมือนที่ทำเป็นปกติ  เพียงแต่ครั้งนี้มันเงียบ..และนอนร่วมห้องกับไอ้พวกตัวแสบทั้งหลายด้วย..ผมเลยรู้สึกกระสับกระส่ายนิดหน่อย...แถมหัวใจเจ้ากรรมก็เต้นโครมๆราวกับกลัวว่าจะไม่ได้เต้นอีกอย่างงั้นแหละ!!

                    ทั้งที่มันก็เหมือนทุกที...

     

                    สีครามก็อ่อนโยนเหมือนทุกที...

                    …….โรแมนติกเหมือนทุกที...

     

     

                ………..แต่ 'รัก' มากกว่าทุกที...

     

     

                    เคยมีคนบอกว่าบางครั้งความรักก็เริ่มจากศูนย์ขึ้นไป  บางครั้งความรักก็เริ่มจากร้อยลงมา....ถ้าคิดเป็นคะแนนน่ะ...ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเต็มแค่ 'หนึ่งร้อย' …เพราะว่าความรู้สึกในตอนนี้น่ะมากกว่านั้นเป็นพันเป็นหมื่นเท่า...

     

                    ผมลืมตามองใบหน้าคมสวยนั้นในความมืดมิด  ดวงตาที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นนั้นปิดสนิท  เสียงลมหายใจดังแผ่วเบาและเป็นจังหวะจนผมรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจมดิ่งสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย...

                    มือข้างซ้ายของเขากุมมือผมไว้หลวมๆ..มันชื้นจนเหงื่อออกก็จริงแต่ก็ไม่มีใครยอมปล่อย....

     

                    ไม่รู้เพราอะไรผมจึงค่อยๆประคองมือของเขาขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง  ทำให้เบาที่สุดด้วยกลัวว่าเขาจะตื่น...

                    …….บรรจงวางมันแนบแก้มผมเอง......

     

                    มือเขาอุ่นหรือแก้มผมเย็นผมไม่รู้หรอก 

                    รู้แต่ว่า...อยากให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้นานๆ..

     

     

     

                    …..ถึงแม้โลกเราจะไม่มีคำว่า 'ตลอดไป' ……

     

                    ………แต่ก็อยากให้อยู่กันนานๆ...........

     

     

     

                    ……………….นานเท่าที่จะเป็นไปได้ก็พอ…………….

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    วันรุ่งขี้นผมตื่นแต่เช้าเหมือนปกติ...พอผมขยับตัวสีครามก็ตื่นแล้ว  ผมบอกเขาว่าผมจะไปตักบาตร  ให้เขานอนไปก่อนก็ได้...เขาก็ไม่ยอมครับ  เวลามันไม่ยอมก็จะอ้อนๆแบบเข้ามาออเซาะ  ผมเลยต้องดีดตัวออกห่างมันทุกทีไป...ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ...แต่เออะ...มึงจะหวานแต่เช้าเลยหรอ....กูเลี่ยนเองเป็นนะครับ...-_-''

                    "แม่  เดี๋ยวเดียร์ไปตลาดนะ"

                    ผมบอกแม่ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะกินข้าว  แล้วเดินไปหยิบกุญแจมอไซค์ที่ที่แขวนกุญแจ

                    "เอานี่ไปสิไป  น้านงค์เตรียมของทำบุญเอาไว้ให้แน่ะ...เดี๋ยวไปขอบคุณน้านงค์ด้วยล่ะ"

                    "ครับ  แล้ว..น้านงค์อยู่ไหนอ่ะ?"

                    แม่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้วพยักเพยิดไปทางเรือนเล็ก  ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้..พอจะหยิบข้าวสารอาหารแห้งที่ถูกจัดอยู่ในถุงผ้า  ก็โดนมือดีฉวยไปก่อน

                    "ถือให้นะ~"

                    เอาอีกแล้ว...ผมว่าแม่มันต้องนอนอาบแสงอาทิตย์ตอนที่ท้องมันแน่ๆ...อะไรรอยยิ้มมันจะเปล่งประกายขนาดนั้นวะ...

                    "ไม่ต้องก็ได้  แค่นี้ถือเองได้  เดี๋ยวจะทำอะไรเองไม่เป็นกันพอดี"

                    หมอนั่นยักคิ้วจ๋า "ไม่เห็นเป็นไรนี่  ไงก็อยู่ทำให้อยู่แล้ว~"

                    โหย…มามุขนี้กูจะเถียงยังไงเนี่ย...

                    ในเมื่อจะปฏิเสธก็ทำไม่ลง  แถมยังมาหวานกันต่อหน้าแม่จนท่านแกล้งกระแอมกระไอซะงั้น  ผมเลยลากมันลงมาจากเรือนใหญ่(แล้วค่อยว่ากันต่อ?)

     

                    "น้านงค์!"

                    ผมเรียกทันทีที่เห็นหลังน้าไหวๆอยู่ริมตัวบ้าน  น้ารีบหันมายกนิ้วแตะปากตัวเองเป็นสัญญาณบอกว่าให้ผมเงียบ  เพราะน้องนาเดียอยู่ในอ้อมแขนน้าพอดี

                    "..กล่อมให้นอนอยู่น่ะ  ไม่รู้แกเป็นไร..ไม่ยอมนอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว" น้านงค์กระซิบ "นี่พี่น้อยแกก็เพิ่งได้นอนเมื่อกี้....น้องกำลังเคลิ้มๆอยู่นะ"

                    "อะ  ครับ"

                    ผมมองหน้าน้องที่กำลังปรือตาอยู่บนอกน้านงค์  ตระกูลผมผิวขาวทั้งบ้านก็จริง..แต่ป้าน้อยกับสามีแกผิวติดจะเข้มนิดหน่อย  ทั้งที่เป็นอย่างนั้นน้องกลับตัวขาวจั๊วะ! มันเป็นเรื่องของยีนส์เด่นยีนส์ด้อยน่ะ

                    "อ่ะ  น้านงค์ขอบคุณมากนะฮะ  เดี๋ยวเดียร์จะไปตลาด"

                    "โอเค~  จะกินไรตอนเช้ากันก็ซื้อเข้ามาได้เลยนะเดียร์"

                    "ค้าบ"

                    ผมพยักหน้าเรียบร้อยแล้วเดินไปทางโถงจอดรถข้างโอ่งน้ำใหญ่  พอผมขึ้นไปนั่งสตาร์ทมอไซค์อะไรเรียบร้อย..หันมาก็เจอมันเลิกคิ้วแบบงงๆ..

                    "..แค่มอไซค์กูก็ขับเป็นว้อย"

                    "ครับๆ…เอ่อ..ขับให้มั้ย?"

                    ผมส่ายหน้ากับคำถามนั้น  แล้วหยิบหมวกกระป๋องขึ้นมาสวมกันเหนียว(เผื่อเจอตำรวจน่ะ..ไกลบ้านอยู่)  หมอนั่นก็หัวเราะกับคำเถียงนิดหน่อย  แล้วยกถุงผ้าเปี่ยมไปด้วยของตักบาตรขึ้นมาวางหลังเบาะ  เหวี่ยงตัวเองตามขึ้นมาบ้าง

                    เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ(!)เรียบร้อย  ผมก็เปลี่ยนเกียร์มอไซค์แล้วบิดเบาๆเคลื่อนรถออกจากโถงใต้ถุน....

     

                    "เดี๋ยว!! เดี๋ยวๆเดียร์!!  พี่ไปด้วยๆๆ"

                    พี่ชัยก็วิ่งข้ามสะพานคูน้ำเล็กมาพร้อมตะโกนโบกไม้โบกมือเสร็จสรรพให้ผมจอด..ผมงี้กดเบรคจนหน้าแทบคว่ำ

                    "…ไปทำบุญใช่ป่ะ?  เดี๋ยวพี่ไปกาดด้วย"

                    ไม่ว่าเปล่าครับ..สะกิดให้สีครามกระเถิบให้ซ้อนสามซะงั้น

                    "จีบสาวหรอพี่?"

                    พอผมแซว  แกก็รีบปัดๆ "เปล่าๆ  ดูใจกันอยู่  ฮ่าๆๆๆ"

                    ครับ..พอพี่ชัยยืนยันพร้อมเหวี่ยงขาขึ้นซ้อนข้างหลัง..ผมก็เหลือบหางตามองไอ้คุณชายที่กำลังทำตาโตไม่เชื่อหูอยู่  ก่อนจะยักคิ้วให้มันนิดหน่อย..แล้วออกเกียร์อีกหน

     

                    ยังจำได้มั้ยครับ?  ไอ้สีครามคนนี้แหละที่แม่งหึงผมไม่เข้าท่ากับพี่ชัย  ไม่อยากจะsaidว่าเฮียแกกำลังติดลูกสาวร้านลอดช่องสิงคโปร์ที่ตลาดอยู่  ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลอื่นใดที่พี่แกจะสนใจผม..และ..พี่ชัยไม่ได้เป็นเกย์แน่นอน!

     

                    แต่ที่ผมคำนวนพลาดไปอย่างนึงก็คือ...การที่เราซ้อนสามแบบนี้มันกลายเป็นการยุยงส่งเสริมให้ 'ไอ้สีคราม' มันลวนลามผมได้ถนัดน่ะสิ!!

                    ตอนแรกแม่งก็นั่งนิ่งๆเหมือนมนุษย์ปถุชนธรรมดาทั่วไปล่ะ..สักพักก็มีการเลื่อนมือมาโอบเอวบ้าง..พอออกมาได้ครึ่งทางก็เอาคางมาวางบนไหล่..ผมงี้ยักยิกๆจนกระดูกไหล่กระทบกรามมัน 'กึกๆ'…แต่ไม่เลิกครับ! ไม่เข็ด!

                    จนกระทั่งลงมาติดสี่แยกน่ะแหละ...รถกระบะคันข้างๆท่าจะแอร์เสียเลยเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้...แถม...ชะโงกหน้าออกมามองแบบไม่รู้กาลเทศะสุดๆ!!

                    ชนิดที่ว่าถ้าเป็นผมเมื่อก่อนคงหันไปยักคิ้วกวนส้นตรีนถามว่า 'มองหาเตี่ยคุณหรอครับ?' แน่นอน…

                    "..เหี้ย  คนมอง!!"

                    ผมยกมือปัดๆหน้ามันออก  มันเลยยอมออกไปนิดหน่อย..โชคดีนะไม่มีตำรวจเนี่ย...

     

                    ได้ยินเสียงพี่ชัยหลุดหัวเราะออกมาจากข้างหลังด้วย..ขำอะไรหรือขอรับ =w=…

     

                    "เดียร์ๆ  ส่งพี่แถวนี้แหละ"

                    "อ่ะฮะ"

                    ผมขอไฟชิดซ้ายให้พี่ชัยลงจากรถ  ปลิงตัวโตข้างหลังผมเลยยอมกระเถิบให้เราห่างกันนิดนึง....ย้ำว่านิดนึงจริงๆนะ! เชรี้ยเอ้ย!!

                    "ฝากทักทายพี่หงส์ด้วยนะฮะ"

                    "..หนอยย  ทำเป็นแซวนะเรา" มือกร้านยื่นมาดึงแก้มผมแรงๆทีนึง  แล้วหันไปตบไหล่สีครามสื่อความหมายอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจ...

                    แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รับรู้..!!

                    "พี่ชัย!"

                    "โอ้ยย  พี่ไม่ถือเรื่องพรรค์นี้หรอกเดียร์  ฮ่าๆๆ  ซียูวววว"

                    ว่าแล้วร่างสันทัดของพี่แกก็ลิบหายไปในตัวตลาด  ส่วนผมต้องเอารถมาจอดอีกข้างนึงแล้วไปตักบาตรอีกฝั่งครับ

     

                    ตอนนั้นเวลาเกือบๆเจ็ดโมงแล้ว  ถือว่าสายนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีพระออกมาบิณฑบาต  ทางตลาดจะจัดโต๊ะอะไรไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ..ผมแค่เอาของไปวางแล้วนิมนต์หลวงพี่หลวงพ่อหลวงตาเท่านั้นแหละ

                    ผมแวะซื้อดอกไม้ก่อนครับ  ทำทั้งทีก็อยากทำให้ครบน่ะแหละ

                    สีครามก็เป็นลูกมือผมได้อย่างเต็มที่  คอยช่วยส่งโน่นส่งนี่ให้พร้อม..แต่ไม่ใส่บาตรเองให้ผมเป็นคนทำ  ผมก็โอเคแหละ..วันนี้วันเกิดผมนี่

                    เราตักบาตรพระสงฆ์ทั้งหมด9รูปด้วยกัน  อันที่จริงผมควรจะทำ18รูปนะครับ..แต่เห็นท่าจะไม่ไหว  แค่ข้าวสารถุงเล็ก9ถุงและอื่นๆก็หนักพออยู่แล้ว...ขนมาไม่ไหวแน่ๆ..

                    ผมกับสีครามนั่งยองๆรับพรพร้อมกัน  หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นช่วยกันเก็บของแล้วยกโต๊ะไปเก็บให้หน่อยเพราะเป็นผู้ชายน่ะ  คนที่มาทำบุญส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงแก่ๆทั้งนั้นเลย..คงยกโต๊ะเก็บให้ตลาดไม่ไหวแน่ๆครับ

     

                    "ผมช่วยนะครับ"

                    สีครามยิ้มด้วยความยินดีพร้อมดึงถุงส้มในมือของสาววัยกลาง(ค่อนไปทางปลาย)ท่านหนึ่งขึ้นมาช่วยถือ

                    "อะ  ขอบใจมากนะจ๊ะ" เจ้าหล่อนตอบกลับด้วยเสียงแหลมเล็ก

                    พวกเราพากันเดินข้ามถนนเข้าตลาดกันอีกรอบ  แล้วแยกกับผู้หญิงคนนั้นที่วินมอไซค์รับจ้าง  หล่อนขอบอกขอบใจพ่อเทพบุตรสีครามอย่างเกินพอดีไปนิด..ทำหน้าทำตาประมาณ 'คนอะไร..หน้าตาก็ดี  กิริยามารยาทก็งาม..นี่ถ้าลูกสาวยังไม่แต่งงานนะจะ.....บลาๆๆ' เรียบร้อยโรงเรียนจีน  แต่แกก็ดีครับ  หันมาขอบคุณผมด้วย..ทั้งๆที่ผมไม่ได้แตะต้องส้มสักผล...-_-''

     

                    ตลาดในตอนเช้าก็คนเยอะเหมือนเช่นเป็นดั่งปกติ  พอสีครามจะเอื้อมมือมาจับผม..ผมก็บอกเขาว่า "เฮ้ยไม่เอา..คนเยอะ"

                    ..ที่ผมพูดไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าอายที่เป็น..อะไร..กับเขาหรอกนะ...แต่เรื่องบางอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนมากจะรับได้  ผมกังวลแค่นั้นแหละ..

                    หมอนั่นไม่ได้ถามอะไรที่ผมไม่ได้อธิบาย  เพียงแค่ยักคิ้ว..ยิ้ม..แล้วว่า

                    "งั้นช่วยกันถือถุงผ้านะ  จะได้ไม่หลง"

                    เราเลยทำตามข้อเสนอนั้นง่ายๆไม่ค้านอะไรต่อ  ทำท่าเหมือนกับว่าถุงนั้นหนักนักหนาต้องช่วยกันถือสองคน!  สันมือเราทั้งคู่ก็ชิดกันจนไม่ต่างกับกุมมืออะไรด้วย!...แต่....เพราะเป็นแค่ 'ช่วยกันถือ' ผมเลยไม่ได้รู้สึกเขินอะไรมากมายนัก...

     

                    "กินไรมั้ย?" ผมถาม

                    "…อืม…..กานดาอยากทานอะไรล่ะ?"

                    "!!  ถ้าตอบแบบนี้อีกครั้งคราวหน้าจะโกรธ!!!  เอาเร็วๆ~ วันนี้กูเลี้ยงนะ  ช้าหมดอดไม่รู้ด้วย!"

                    ผมว่าแล้วชูกระเป๋าตังค์ให้ดู  มันหัวเราะ  ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ร้านขายขนมครกด้านหน้าพอดี..เห็นท่าทางจะเล็งอยู่นานแล้วแต่ไม่กล้าพูด

                    "อร่อยรึเปล่าอ่ะ?" เขาถามผมก่อนเราจะเดินไปถึงร้าน

                    "ไม่รู้เหมือนกัน  เคยกินแต่มุมโน้นที่เค้าปิดไปแล้วอ่ะ" ผมตอบ  พลางมองไปที่หนมครกสีขาวที่นอนแผ่อยู่บนเตาเป็นจุดๆๆ  อืมมม  กลิ่นกะทิหอมดีจัง~...

                    "อะหยังคะเจ้า?" ป้าคนขายถามพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง

                    "ถาดเท่าไหร่ครับป้า?"

                    "ยี่สิบเจ้า..สามถาดห้าสิบ" แกว่า..แต่ราคามันทำเอาผมต้องเอียงคอสงสัย  ก่อนแกจะต่อด้วยสำเนียงชาวเหนือแต้ๆ  ผมฟังออกแค่ว่าแกพล่ามเรื่องข้าวของราคาขึ้นเท่านั้นแหละครับ  ถึงผมจะคนเหนือ..แต่ก็พูดไม่เป็นหรอกฮะ  แค่พอฟังออกน่ะ  ก็บ้านผมเค้าคนภาคกลางนี่...

                    สีครามมันก็มองผมงงๆ  ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง..กระเป๋าตังค์มีเงินอยู่ร้อยกว่าๆ...ว่าจะเลี้ยง...ก็เลี้ยงดิ  ใจป้ำเข้าสู้วะ!

                    "..มึงเอาเท่าไหร่อ่ะ?"

                    "สามถาดครับ  ขอข้าวโพดสอง"

                    ..นั่น..หันไปสั่งแม่งไม่ถามกูเลย...

                    "..ชิมได้มั้ยครับ?" ผมเลยยื่นข้อเสนออีกข้อ  แกก็พยักหน้ายิ้มๆแล้วชี้ๆให้ดูพวกที่นอนแอ้งอยู่นอกถาด  ผมเลยใช้มือเปล่าจวกมันขึ้นมาชิมไปครึ่งชิ้น  แล้วหันไปยัดใส่ปากคนข้างๆอีกครึ่งชิ้น

                    "อุ! ร้อน..!"

                    โดยลืมไปสนิทว่าคุณชายคนเนี้ย..เห็นดูจะอะไรง่ายๆนะ..เรื่องมากกว่าที่ทุกคนคิดเยอะครับ..กินเผ็ดไม่ได้..อย่าประสาอะไรกับของร้อนเลย..พิโธ่พิถัง!

                    "เอ้าๆ  น้ำๆๆ" ผมรีบๆล้วงหยิบขวดน้ำในถุงผ้า  แล้วยื่นหลอดให้มันทันที

                    มันยื่นหน้ามาดูดน้ำจากหลอดที่ผมถือ..งับเข้ามาซะมือผมเกือบชนปากมันแล้วมั้ยล่ะ

                    "เป็นไงๆ  หายยัง.."

                    สีครามยกมือแตะปากตัวเองนิดหน่อยตอนที่ละออกไป  ท่าทางไม่ได้เจ็บปวดอะไรนักแต่โอดครวญไปงั้นแหละ..อ้ายเวรรรรร......

     

                    ผมเห็นดังนั้นเลยรีบๆหันไปจ่ายเงินป้าแกแล้วแจ้นออกมาทันที  อันที่จริงเค้าเรียกเหตุการณ์ทำนองนี้ว่า 'ร้อนตัว' ครับ..คนปกติมองไม่ได้จะเห็นบรรยากาศสีชมพูออร่าวิ๊งๆแบบที่ผมเห็นสักหน่อย..!!

     

                    แล้วเราก็แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งกันอีกหน่อย  แล้วค่อยเข้าบ้าน..พอเห็นร้านกาแฟโบราณแล้วอยากกินกาแฟขึ้นมาดื้อๆ.....โหยยย  กลับไปทำกินเองที่บ้านก็ได้วะ  ประหยัด..

     

                    พอทำธุระต่างๆนานาเสร็จผมกับสีครามก็แวะที่ไปรษณีย์ก่อนหน่อยนึงครับ  เพราะลาล่าส่งพัสดุที่จะเอาลงไทม์แมชชีนมาให้แล้ว  ทีนี้บ้านผมเป็นสวนไร่..จะส่งไปให้ถึงมันก็ลำบาก..ถ้าเป็นซองจดหมายก็ว่าไปอย่าง..เลยต้องลงมาเอาเองเนี่ยแหละครับ

                    พัสดุของไอ้ล่าก็เป็นกล่องขนาดกลาง  แต่ไม่ใช่กล่องแดงขาวแบบที่เค้ามีให้นะครับ  เป็นกล่องขาวปิดสนิทเรียบร้อยทำเองกับมือตามประสาไอ้ล่า  มันเขียนแนบมาด้วยว่า 'ฝังลงไปแบบนั้นเลยนะครับ  ห้ามเปิดก่อน!' มาด้วยลายมือเป็นระเบียบของมัน..

                    แต่แหม..ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ  ผมน่ะไม่เท่าไหร่....แต่ถ้าพวกที่บ้านเห็นแม่งต้องอยากเปิดก่อนชาวบ้านแน่นอน.....ไม่อาจรับประกันสวัสดิภาพของกล่องใบน้อยได้เท่าไหร่นัก....

     

                    "ไอ้-พวก-ชั่ววววว-!!!!!!!"

     

                    ตั๊มแหกปากลั่นสวนตอนที่มอไซค์เราวิ่งเข้าเขตสวนมา  มันรีบสาวเท้าจ้ำเอาๆลงมาจากชานบ้านด้วยเท้าเปล่าๆของมันนั่นแหละ

                    หนำซ้ำยังมีอาการเสริม..อาทิ..การกระโดดเหยงๆชี้นิ้วกราดด่าพวกผมยับตอนที่ลงจากมอไซค์เชียวล่ะ

     

                    "ไปเที่ยวนัด! ไม่บอกกู!"

                    "ก็มึงนอนอืดอยู่  สัส..วันนี้ตื่นเช้านะเนี่ย" ผมเลยยัดๆหมูปิ้งที่ซื้อมาล่อหมา(!)ไปไกลๆ  มันทำหน้าบูดเป็นตูดเป็ด  คว้าถุงหมูปิ้งแล้วสะบัดก้นเข้าบ้าน  ส่วนผมต้องเอารถไปเก็บต่อ

     

                    พวกมันกำลังนั่งสนุกสนานกันอยู่บนโต๊ะกินข้าว  พอเข้าไปดูก็เลยถึงบางอ้อว่าพวกแม่งหัวเราะอะไรกันนักหนา  มันเอาโต๊ะไม้ดีๆไปทำเป็นกระดานดำ....แล้วเสือกเอากาแฟมาแทนช็อค...วาดรูปเล่นกันซะงั้น! สร้างสรรค์จริงนะพวกมึง!!

                    "เหี้ยไรเนี่ย  เดี๋ยวเหนียวหมด!"

                    "เฮ้ยๆ!! อย่าเพิ่งเช็ดดิ! ศิลปะกาแฟอ่ะ..มึงไม่เคยได้ยินอ่ะไง?"

                    ผมขมวดคิ้วมองพวกมันดุๆ  แล้วจัดการเอาผ้าเช็ดโต๊ะชุบน้ำปาด 'ชึบ!' ทำลายศิลปะที่ไม่ได้รับเชิญบนโต๊ะกินข้าวตัวเองเรียบ...

                    กรังกะจิ๊บกรีดร้องยังกะกระบือออกลูก  ตั๊ม(ที่อารมณ์ดีขึ้นเพราะหมูปิ้ง..) จัดการเอาห่อข้าวเหนียวมาวางกลางโต๊ะ  แล้วรุมทึ้งกันแทบเป็นแทบตาย

                    "มีหนมครกด้วยนะว้อย"

                    "บอกช้าว่ะสัส! เอามานี่มา..!"

                    "แล้วนี่คนอื่นไปไหน?"

                    วุ่นตอบทั้งหมูปิ้งคาปาก "คุณแม่กะคุณพ่อออกไปสวนน่ะ  ฝากบอกเดียร์ไว้แค่นั้น"

     

                    ผมเลิกคิ้ว "แล้วเอ็กซ์กะไวน์ล่ะ?"

     

                    เท่านั้นแหละทุกคนมองหน้ากันควับประหนึ่งต้องการจะประชุมพลังจิตอะไรมิทราบ  แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อไม่ยอมพูด..

                    มีเลศนัยเว้ยเฮ้ย...

                    "…ยังไม่ตื่นกันหรอ?" ผมถาม

                    "………ตื่นแล้ว...."

                    "…แล้วมันอยู่ไหน  ไม่กินหมูปิ้งรึไงวะ?"

                    ไม่มีคนตอบ..

                    ผมเลยตวัดสายตาไปมองไอ้บูมปากมาก..ที่เสือกสงบเสงี่ยมผิดปกติก็วันนี้แหละ..

                    มันสะดุ้งเฮือกหันไปหาพวก  แต่เสือกไม่มีใครสบตามันครับ..เคราะห์ซัดล่ะมึง...

                    "…อยู่ข้างบน?" ผมซักต่อ

                    "อือ"

                    "สองคนหรอ?"

                    "อือ"

                    ผมขมวดคิ้ว  แล้วหันไปมองหน้าสีคราม

                    "งั้นเดี๋ยวกูขึ้นไปตาม............"

                    "เดี๋ยวมึง! ไม่ได้นะ!!!" ตั๊มตะครุบผมไว้ได้ก่อน "เดี๋ยวก็โดนเชรี้ยเอ็กซ์ต่อยเอาหรอก!!"

                    "ต่อย?  เชรี้ยเอ็กซ์เนี่ยนะจะต่อยกู?"

                    พอผมถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อสุดฤทธิ์  กรังเลยต้องสาธยายความต่อ

                    "..ตอนนี้เอ็กซ์มันสวมวิญญาณหมาบ้าอยู่  มึงอย่าหือเลย...."

     

                    "ใครเป็นหมาบ้า?"

     

                    "เชรี้ย!!!!!!"

                    ผมไม่ได้คิดไปเองหรอกครับว่าพวกมันสะดุ้งกับคำถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาทนั้นพร้อมกัน  แล้วพอหันไปเจอไอ้เอ็กซ์ยืนหน้ายักษ์อยู่ตรงหัวบันไดก็พากันกรูกันมากองอยู่กันอีกฝาก

                    มันปลายตามามองผม..ตามันแดงๆเหมือนกำลังจะร้องไห้..แต่หน้ามันงี้มีทั้งรอยข่วนรอยตบรอยต่อย..อื้อ...อื้ม.....-*-'' เล่นเอาผมเดาเหตุการณ์คร่าวๆออกเลยล่ะครับ...

                    "ยา.."

                    มันบอกผมสั้นๆด้วยเสียงกวนประสาทเหมือนเดิม  ผมที่อ้าปากจะถามมันก็เลยต้องเดินไปเปิดๆตู้ยาหยิบเบตาดีนออกมาให้  มันก็รับกึ่งแย่งไปแล้วผลุนผลันกระโดดขึ้นบันไดไปอีกรอบ

                    ไม่ต้องสงสัยครับ..เชรี้ยไวน์เจ็บหนักกว่ามันแน่...

     

     

                    "อย่าเข้ามานะ.....!!!!"

     

                    นั่นประไร..เสียงไอ้ไวน์ดังขึ้นมาจากบนบ้านพร้อมเสียงวิวาทหนักโครมครามอีก

                    ไอ้กลอนรีบๆสาวเท้ามาที่ตู้ยา  รื้อหายาแก้อักเสบ  ยาแก้ปวด  แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเอาถุงประคบเย็นออกมาด้วย

                    มันหยุดที่หัวบันไดด้วยท่าทีชั่งใจนิดหน่อย  ก่อนจะหันมายัดเยียดอุปกรณ์ทั้งหมดนั่นให้ผม

                    "มึงขึ้นไปล่ะกัน"

                    ..อ้าวเวร..เป็นงั้นไป..

                    "เออ…พวกมึงรออยู่ข้างล่างนะ.."

                    "จ้ะ  จ้างให้กูก็ไม่ขึ้นไปหรอกจ้ะ.."

                    ผมหันไปพยักหน้าให้สีครามก่อนจะรีบสาวเท้าตามพวกมันขึ้นไปชั้นบน  แรกเริ่มก็โกรธที่พวกมันมาทะเลาะกันในบ้านคนอื่นเหมือนกันแหละครับ..แต่คือแม่งก็เป็นของมันแบบนี้มาตั้งแต่แรกละ..

     

                    พอขึ้นไปก็เห็นเอ็กซ์นั่งนิ่งอยู่หน้าห้อง  ในมือมีขวดแอลกอฮอลล์กับเบตาดีนครบแถมยังไม่ได้เปิด  เลือดแดงๆแปะอยู่ตรงมุมปากนิดหน่อยด้วย..

     

                    ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่าไวน์อยู่ข้างใน..เลยเคาะประตูเรียก

                    "ไวน์..กูเองนะ.."

                    "….เดียร์หรอ?"

                    "……เปิดประตูให้กูหน่อย..."

                    มันเงียบไปแปปนึง "ประตูไม่ได้ล็อค.."

                    คำตอบที่ทำเอาผมอึ้ง  มือที่จับลูกบิดคาอยู่หมุนเบาๆประตูบานน้อยก็เปิด..ผมหันไปมองไอ้เอ็กซ์ที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น..ไม่ค่อยเข้าใจพวกมันเท่าไหร่..แต่..ผมขอดูเชรี้ยไวน์ก่อนครับ..

                    ร่างแบบบางของไอ้ไวน์นอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม  โผล่เพียงปอยผมสีชาที่แปะอยู่บนหมอนเท่านั้น  พอผมเดินเข้าไปใกล้..มันก็พลิกหน้ามาหา..เป็นอันรู้กันว่าแม่งนอนคว่ำอยู๋

                    "..เป็นไงมั่ง?"

                    ดูจากหน้าซีดๆของมันท่าทางจะไม่ได้โดนซ้อมอย่างที่ผมคิด (มึงเห็นกูเป็นพวกซ้อมเมียตั้งแต่เมื่อไหร่วะเหี้ยเดียร์! : เอ็กซ์)

                    มันพยักหน้าทั้งคราบน้ำตา  แล้วถามผมเสียงเบามาก

                    "…เอ็กซ์ล่ะ?"

                    ผมยักไหล่  แล้วนั่งลงข้างตัวมัน "นั่งอยู่ข้างนอก"

                    มันกัดปากตัวเองอย่างครุ่นคิด..แล้วบอกผมต่อ "ไปทำแผลให้มันทีดิ..โดนกูตบไปหลายยก..."

                    "..แล้วมึงไม่ทำเองวะ?"

                    "…..กูโกรธมันอยู่....."

                    ครับ..เอาเข้าไปสิ..!

                    "มึงเจ็บตรงไหนเปล่า?"

                    "..กู..เอ่อ…" มันเงียบไปแปปนึง..แล้วซุกหน้าลงกับหมอน

                    "ทะเลาะกับมันรึไง?"

                    "อือ"

                    "…โดนมันต่อยบ้างมั้ย?"

                    "ไม่.."

                    "แล้วมันทำไรมึงวะ?"

                    "เอา"

                    "….เอ๊ะ?"

     

                    "…….มันแค่เอากู  ไม่มีอะไร..."

     

                    คำตอบอู้อี้พร้อมหูแดงๆของมันทำเอาผมอ้าปากค้าง  หันไปมองสีคราม..อีกฝ่ายก็ทำหน้าตะลึงไม่แพ้กัน..ก่อนเราสองคนจะหลบตากันวูบ

                    "…………เจ็บ……….รึเปล่า............?"

                    มันพยักหน้างุดๆกับหมอน  ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสักที

                    "..เอาละ…งั้น…กูจะไม่ยุ่ง...มึงจะเอาไรมั่ง...ยาแก้ปวด..ยาแก้อักเสบ..."

                    ผมรีบวางสารพัดยาที่ไอ้กลอนสรรหามาให้บนเตียง  แล้วเดินไปหยิบน้ำเปล่าบนโต๊ะมาขวดนึง

                    "…อยากได้อะไรเย็นๆมาวางบนสะโพก.."

                    มันต่อความ  ผมเลยรู้ประโยชน์ที่ไอ้กลอนหยิบถุงประคบเย็นมาให้..แต่เดี๋ยว! ไอ้กลอนรู้ได้ไงวะ!?

                    "อืม..แล้วเอาอะไรอีกมั้ย?"

                    "…..อีกอย่างนึง...."

                    มันกวักมือเรียกให้ผมก้มหน้าลงไปใกล้ๆ  พอผมเอียงหูตาม...มันก็พูดซะเบากว่าเมื่อครู่อีก..

     

     

                    "….....แม่มึงมีผ้าอนามัยแบบสอดมั้ยวะ...?"

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    ..เอ็กซ์กับไวน์มันทะเลาะกันครั้งนี้ไม่นานหรอกครับ..นั่นก็ทำให้ผมโล่งใจเอามากๆ..แต่ว่าความอับอายมันก่อเกิดเมื่อเราต้องไปไหว้วานวุ่นให้ไปขอแม่ให้หน่อย(ก็ยังดีกว่าวานไอ้จิ๊บล่ะครับ..)  ตอนแรกวุ่นมันก็งงๆอยู่หรอก  แต่ผมขอร้องมันว่าอย่าถามมาก..สักพัก..มันก็เก็ท.....หน้าแดงแล้ววิ่งไปเลย.....เห็นใจพวกIQเด็กทุนจริงๆ.....

                    เนื่องจากเอ็กซ์กับไวน์ขอสละสิทธิการไปเที่ยวของวันนี้อย่างสิ้นเชิง..พวกเราก็เป็นห่วงมัน(แบบอ้อมๆ..เลยพยายามไม่พูดถึงล่ะกัน) แถมวันนี้วันเกิดผม..อันที่จริงผมไม่อยากให้มันวอร์รี่อะไรเรื่องนั้นมากนะ  อยากให้เที่ยวกันสนุกๆไปมากกว่าน่ะ (ยังไงวันมะรืนก็จะกลับกันแล้ว..)

     

                    ลงท้ายเราก็เลยเดินทางข้ามเขาเพื่อไปไร่สตรอเบอร์รี่ครับ..แต่เนื่องจากมันเพิ่งเดือนตุลา! ยังไม่ใช่หน้ามัน! (ถือว่ามาผิดฤดู...) ก็เลยมีการบ่นโอดครวญกันไป...

     

                    วันนี้แดดไม่ร้อน..และยังอยู่ในช่วงพายุเข้าอยู่..พยากรณ์อากาศเลยว่าจะมีฝนตกตอนบ่ายๆเย็นๆ..ฟ้าเลยครึ้มๆตั้งแต่ยังไม่เที่ยง  เราก็อาสานั่งท้ายรถกระบะร้องรำทำเพลงกันไปตลอดทาง  บนเขานอกจากอากาศจะดีแล้ววิวยังดีด้วยครับ  ผมที่นั่งข้างคนขับเลยเปิดกระจกรับลมธรรมชาติเต็มที่

     

                    สรุปแล้วทริปวันนี้เหมือนไม่นั่งรถเล่นเสียมากกว่า..พวกเราก็ไม่ได้ว่าอะไร  คือจะว่าไงดีล่ะ  ไม่ต้องทำอะไรมากแต่อยู่ด้วยกันก็สนุกพออยู่แล้ว..

     

                    วันเกิดผมทุกปีผมจะโมโหทุกครั้งที่มีคนซื้อของขวัญแพงๆมาให้  เพราะบ้านผมมันจน..และไม่ชอบเลยที่พ่อกับแม่จะให้ความสำคัญกับวันนี้..เท่าที่ผมเรียนมา..วันที่เราเกิดเหมือนวันตายของแม่..แม่ผมมีลูกสองคน..ก็เหมือนแม่ตายไปแล้วสองครั้ง  ผมอยากให้แม่ลืมวันที่แม่เจ็บแบบนั้นไปก็เลยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยนับแต่นั้นมา..

                    เพราะงั้นเลยอยากจะทำให้แม่มีความสุขที่ให้ผมได้เกิดมาบ้าง...เลยทำตัวเป็น 'เด็กดี' มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ยังไงล่ะ...

     

                    ผมบอกให้สีครามจอดข้างทางแปปนึงเพื่อซื้อพวงมาลัย  กลายเป็นได้เดินหาอะไรทานตอนเที่ยงกันไปฉิบ(มันก็บ่ายกว่าแล้วล่ะฮะ)

     

                    "..อันนี้สิ  สวยนะ"

                    มันชี้ให้ดูพวงมาลัยปอมๆพูนๆให้ผมดู  ที่นี่เอาดอกไม้สดมาทำครับ..ไม่ได้แห้งเหี่ยวเหมือนที่เห็นในกรุงเทพ  แล้วก็จะใส่ถุงครอบแขวนขายเพื่อเก็บกลิ่นจำปีไว้อีกด้วย

                    "….อืม…งั้นแบบอันนี้สองครับ"

                    "สี่เลยครับ"

                    "หา?"

                    มันยักคิ้วให้ผม "..ก็จะไหว้ด้วย"

                    "ไหว้ทำไม  แม่กู!"

                    "..แม่ยายผม"

                    มันเถียงเหมือนคิดมาแล้วทำเอาผมอึ้งๆ  ส่วนป้าแม่ค้าก็อึ้งไปพอกัน  ผมเลยยกมือปัดๆเหมือนไม่ได้ยินแล้วรีบๆจ่ายเงินออกมา

                    "…กูเอาไปขอบคุณแม่"

                    "ก็จะขอบคุณด้วย~"

                    "ขอบคุณเรื่องอะไร?"

                    ผมถามมันทันที  ดูดิแม่งจะตอบยังไง..

     

                    สีครามยิ้มหวานๆสาดใส่ผมอีกหนึ่งดอก  พร้อมก้มหน้าลงมากระซิบที่ริมหู

     

     

                    "..ก็ขอบคุณที่ทำให้ 'ที่รัก' ได้เกิดมาเจอผมไงครับ.."

     

     

                    ให้ตาย....

     

                    นี่ผมบอกพวกคุณไปรึยัง..ว่าหมอเนี่ยทำให้ผมใจเต้นรอบที่ล้านแล้วล่ะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×