คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : CHAPTER 11 ศุกร์ เศร้า เสาร์ อาทิตย์ (ภาคต้น)
CHAPTER 11
ศุกร์ เศร้า เสาร์ อาทิตย์ (ภาคต้น)
..บรรยากาศรอบตัวไม่ได้น่าอึดอัด แต่กลับน่าทึ่งเสียมากกว่า..
เหมือนกับที่ผมที่มัวแต่อึ้งอยู่กับคำพูดของตัวเอง อึ้งซะจนมองหน้าใครไม่ติด ได้แต่คว้ากระเป๋าเผ่นแนบออกนอกห้อง หลบเลี้ยวหลีกมือมากมายที่พยายามจะคว้าผมให้หยุดเพื่ออธิบาย ปฏิเสธเสียงทุ้มที่พยายามตะโกนเรียกผมด้วยชื่อจริง
หน้าร้อนผ่าว สมองสับสน ทุกสิ่งที่อย่างมันยากประมวลกว่าตอนสอบวัดระดับเลขโอลิมปิกซะอีก
ผมปัดมือจากกายที่ยื้อผมไว้เพราะมีนัดไปเกะกันต่อ ยกมือไหว้อาจารย์สมคิดที่เดินสวนกันตรงมุมบันไดแบบลวกๆ โกยแน่บออกจากประตูโรงเรียนโดยเร็วที่สุดเท่าที่เท้าทั้งคู่พอจะทำได้
…ผมหนีจากการสารภาพความรู้สึกที่ผมไม่คิดว่าจะยอมรับมัน...
และคืนนั้นสีครามก็ขับBMWมาเพื่อฝากเอ็กซ์ ไวน์ ดั๊ม กรัง ปิ๊ก เทล บูม และคนอื่นๆไว้ที่ห้องของผม เพราะกลิ่นเหล้าคละคลุ้งแบบนั้นทำให้ไม่กล้าเอาไปส่งที่บ้าน พวกมันเมามาก อ้วกเอิ้กเต็มห้องน้ำ กว่าจะจับพวกมันนอนได้ก็เกือบตีสาม เราสองคนแทบไม่มีเวลาคุยกันเลย.. และผมก็หวังให้มันเป็นเช่นนั้น
พรุ่งนี้พวกมันคงจะตื่นกันสักบ่ายๆ ส่วนผมต้องระเห็ดออกไปทำความสะอาดอพาร์ทเม้นท์ที่แยกถัดไปแต่เช้าตรู่ ไอ้พวกห่านี่ไม่เห็นใจกูเลย..
“เฮ้อออออออออ”
“หืมน้องเดียร์? เหนื่อยหรอจ๊ะ พักก่อนมั้ย?”
พี่แต้มถามผมพลางบิดผ้าเช็ดพื้นจากกะละมัง ผมได้สติรีบสั่นศีรษะ
“อ่อ ไม่หรอกฮะ อยากทำให้เสร็จเร็วๆมากกว่า..เผอิญวันจันทร์มีเทสต์น่ะครับ”
“หวาแย่หน่อยนะ..เรียนเกษรวิทยาใช่มั้ยเรา เรียนหนักน่าดูเลยล่ะสิ?”
“ครับ ก็พอสมควร..เดี๋ยวเดียร์ทำตรงนี้ต่อเองก็ได้ฮะ พี่แต้มไปซักผ้าก่อนเถอะ ถ้าจู่ๆลูกค้ารีบเอาไปใส่จะแย่เอานะฮะ”
“จ้าๆ ชอบห่วงโน่นห่วงนี่เรื่อยเลยนะน้องเดียร์ เอาเถอะ พี่ไปก่อนนะ”
หญิงสาวโบกมือลาผมน้อยๆ แล้วลุกเดินออกจากห้อง พี่แต้มเป็นพนักงานร้านซักรีดข้างล่างตึกครับ วันเสาร์อาทิตย์จะคอยมาช่วยผมทำความสะอาดตามห้องต่างๆเป็นเพื่อน บอกว่าเด็กอย่างผมทำงานในห้องคนอื่นคนเดียวมันอันตราย แต่อันที่จริงผมก็ไม่เห็นความอันตรายของมันตรงไหนนะ
ผมยกมือไหว้รับทิปจากเจ้าของห้องเล็กน้อย แกเป็นพนักงานธนาคารใจดีท่านหนึ่งที่ผมพบบ่อยๆ เขาอาศัยอยู่กับลูกสาวตัวเล็กในอพาร์ทเม้นท์ติดจะหรูแห่งนี้ ห้องนี้เป็นลูกค้าประจำของผมเชียวละ
“..1120…1120….”
ผมท่องเลขห้องถัดไปได้ขึ้นใจ ห้องที่จะเรียกให้ทำความสะอาดจะต้องไปลงชื่อห้องที่สำนักงานชั้นล่างครับ หากไม่อยู่ห้องในวันดังกล่าวต้องฝากกุญแจเอาไว้ การทำงานเป็นระบบแบบนี้มีมาตรฐานที่ปลอดภัยพอสมควรทีเดียว
ก๊อกๆๆ
“ขอโทษครับ ทำความสะอาดครับ”
ผมพูดเป็นเสต็ปเดิมๆมาเกือบ10รอบแล้วของเช้าวันนี้ แต่กลับไม่มีเสียงตอบ
…ก๊อกๆๆ
……เงียบ……
อะไรวะ..ไม่อยู่ห้องก็น่าจะฝากกุญแจไว้สิฟะไอ้ห่า
ก๊อก…
แอดดด
“ครับๆ”
อพาร์ทเม้นท์สุดหรูใจกลางเมือง ตึกและแต่ละห้องถูกออกแบบโดยสถาปนิกชั้นนำของประเทศ มันทันสมัยและลงตัวในแบบของสังคมเมือง กะทัดรัดแต่สะดวกสบาย เรียบง่ายแต่สวยงาม
กับชายหนุ่มท่าทางมอซอตรงหน้า ดวงหน้ามีหนวดเคราครึ้มกับแว่นตากรอบบาง เรือนผมสีดำยุ่งเหยิงแทบไม่เป็นทรง เสื้อยืดเก่าๆขาดๆกับกางเกงเลสีอ่อนขาสามส่วน..เพียงแค่องค์ประกอบเหล่านั้นทำให้ผมสามารถคาดคะเนสภาพภายในห้องได้เป็นอย่างดี..และผมก็เตรียมใจมาแล้ว
“ทำความสะอาดใช่มั้ย ขอโทษนะแต่ว่าผมยังเคลียร์เอกสารไม่เสร็จ..ยังไงขัดห้องน้ำกับระเบียงก่อนก็แล้วกัน”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยน้ำเสียงและถ้อยคำก็ไม่ได้ไร้มารยาทจนเกินจะรับไหว เขาถอยเท้าออกจากประตูให้ผมก้าวเข้าไป มือทั้งสองข้างถืออุปกรณ์ทำความสะอาดพร้อม…
แต่ไอ้ห้องที่จะเข้าไปเนี่ยมันเกินเยียวยาจริงๆ…..
กระดาษเอกสารทั้งเก่าใหม่มากมายระอยู่กับพื้น เกลื่อนกลาดจนแทบหาทางเดินเข้าไปไม่ได้ แต่เขากลับใช้เท้าเปล่านั้นเหยียบย่ำกระดาษเข้าไปทิ้งตัวบนโซฟา โต๊ะข้างๆมีกองชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นตั้ง มีแก้วกาแฟวางประดับ และเถ้าในที่เขี่ยบุหรี่ปริมาณมหาศาล
กลิ่นบุหรี่ติดอยู่ในห้องนิดๆ ผมทำจมูกฟุดฟิด ก้มถอดรองเท้าแล้วก้าวขึ้นโถงห้อง
“โทษทีๆ ขอสูบบุหรี่หน่อยนะ ได้ใช่มั้ย?”
เขาหันมาถามพลางขยับแว่น ทำให้ผมเห็นดั้งจมูกโด่งสูงนั่นชัดๆ ตุตะเอาเองว่าชายคนนี้เป็นหนุ่มหน้าตาดีพอสมควร..ถ้าไม่ติดว่าซกมกไปนิดละก็นะ
ผมพยักหน้า อันที่จริงเขาไม่ต้องถาม เพราะผมเป็นเพียงแค่ลูกจ้างนั่นแหละ
แล้วแหวกหาทางเดินตรงไปยังห้องน้ำ โอเค นอกจากห้องโถงทางเข้าแล้วห้องอื่นๆก็สะอาดสะอ้านดีอยู่ ดูอย่างเตียงนอนที่อยู่ห้องลึกเข้าไปยังไม่มีรอยยับสักกะพีก ข้อสันนิษฐานต่อมาคือเขาใช้ชีวิตอยู่บนโซฟาตัวนั้นมาทั้งอาทิตย์
ขนาดพื้นห้องน้ำยังแห้งซะ…ไม่ได้อาบน้ำกี่วันแล้วเนี่ย…
ผมใช้เวลาไม่นานในการขัดห้องน้ำที่ไม่มีคราบสกปรกนั่นซะเอี่ยม ชะโงกหน้าออกมามองชายหนุ่มคนนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม แล้วพ่นควันขโมง
“’โทษที เอาแค่นี้ก็แล้วกัน พอดียังเคลียร์ไม่เสร็จจริงๆน่ะ เดี๋ยวจ่ายเงินให้แน่ๆ”
ผมนิ่ง “งั้นผมล้างจานให้ก็แล้วกันฮะ”
“หะ? อ..เอ่อ อื้ม!”
เขาเขยิบตัวออกห่างจากโต๊ะตัวนั้นให้ผมสาวเท้าเข้าไปได้ถนัดถนี่ คว้าถ้วยชามที่กองพะเนินนั่นกลับมาในครั้งเดียว ตรงไปยังซิ้งค์ล้างจาน
“ยังเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่น่ะเรา?”
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนถามแบบนี้หรอกครับ ทุกคนที่เคยพบหน้าผมก็ถามแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น
“เกือบสิบเจ็ดแล้วครับ”
“หืม? เรียนอยู่รึเปล่า?”
“ครับ ม.5”
เขาตบโต๊ะดัง ‘ผัวะ!’ “เด็กอายุต่ำกว่า18ทำงานที่มีความเสี่ยงสูงแบบนี้ได้ยังไงฟะ! ทำงานในที่เปลี่ยวกับคนแปลกหน้าสองต่อสอง..หนำซ้ำยังไม่มีผู้ใหญ่มาดูแล เดินเรื่องทางกฏหมายได้เลยนะเนี่ย!”
“ห๊า!!” ผมชะงัก เผลออุทานกลับไปเสียงลั่น
เขามองตรงมาที่ผม พลางขยับถอดแว่น ใบหน้ากร้านโลกนั้นกลับมาแววตาเอาจริงเอาจังผิดคาด
“..จะเอายังไง?”
“..!!! หมายความว่าไง? คุณจะแจ้งความหรอ? ผมทำงานถูกกฏหมายนะครับ!!”
“ผิดกฏหมายว้อย! ‘ทำความสะอาดตามห้อง’ ในที่ลับสายตาคนมันเป็น ‘งานอันตราย’ ที่เด็กอายุต่ำกว่า18ปีห้ามทำ ไม่ต่างกับขายตัวหรอก”
“ขายตัว!!!!!” ผมแทบปรี๊ดปรอทแตก ไอ้คุณลูกค้าห่าสันดานเลวนี่มันเอาเรื่องเชรี้ยๆอะไรมาพูดเนี่ย!? “ผมไม่ได้ขาย ผมทำงานเหมือนคนทำความสะอาดทั่วๆไปแหละครับ เอาเรื่องอะไรมาพูดเนี่ย”
“ผมเป็น ‘ทนาย’”
มันเป็นคำเดียวที่หยุดทุกลมหายใจ
……หน้าอย่างเงี้ยอ่ะหรอ?
ดูเหมือนเขาจะอ่านความคิดของผมได้ จึงพ่นลมหัวเราะพรืดออกมาทีหนึ่ง
“พูดเล่นน่ะ มีความจำเป็นใช่มั้ยละ? พ่อแม่ทำงานไรน่ะเรา?”
“…ผมต้องเรียนหนังสือ..”
ผมเลือกที่จะตอบกลับไปด้วยคำพูดเรียบๆ ดีกว่าบรรยายให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ทางครอบครัวเป็นไหนๆ ยิ่งกว่านั้นคนๆนี้เป็นทนาย…อาชีพที่ไว้ใจไม่ค่อยได้ในสังคม..
เขาผิวปาก “จริงสิ เจอกันครั้งแรกคงไม่ไว้ใจกันใช่มั้ยละ?”
มันคงเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่ความเงียบของผมก็จัดเป็นคำตอบเรียบร้อยแล้ว
“ผมชื่อ ‘ปีใหม่’ ‘ปีใหม่ เรียงศิลา’ สังกัดสำนักงานทนายเขตนี้พอดี เธอล่ะ?”
แว่บหนึ่งที่ผมไม่อยากพูดชื่อตัวเองออกไป แต่พอหันไปมองดวงหน้าจริงจังของเขาแล้วก็จำต้องพูด
“เดียร์ครับ กานดา กาลโพธิ์”
“กาลโพธิ์?” เขาทวนคำ “…ฟาร์มเพาะพันธ์กล้วยไม้และผีเสื้อที่เชียงใหม่ล่ะสิ.. ธุรกิจท่าทางจะไปได้สวยแต่มีหนี้สินที่โผล่เต็มกระบุงใช่มั้ย..”
อึ้งครับ ตอนนี้ผมกำลังอึ้งอยู่
“คุณรู้ได้ยังไง?”
เขาหัวเราะ “ผมเองก็กว้างขวางพอสมควรนะ หัวหน้าเก่าของผมเคยเป็นทนายให้พ่อแม่ของเธอน่ะครับ จนกระทั่งท่านต้องจบชีวิตลงเพราะอำนาจของอีกฝ่ายนั่นแหละ ท่านเคยเล่าให้ผมฟังเรื่องลูกชายสองคนเหมือนกัน เธอคงเป็นคนเล็กสินะ..?”
…ทนายคนเดียวในชีวิตของพ่อกับแม่ที่เคยไว้ใจ..
คุณลุงหน้าตาแข็งกร้าวแต่มีแววตาใจดีคนนั้น..เสียแล้วงั้นหรอ?
ผมเพิ่งรู้จักคำว่า ‘โลกมันกลม’ ก็วันนี้เองแหละครับ…
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
โครม....!!!!!!!
นั่นคือเสียงแรกที่ผมได้ยินในตอนเย็นทันทีที่เปิดประตูบ้าน และผมก็พบว่ามันคือเสียงเก้าอี้อ่านหนังสือตัวโปรดของผมกระแทกลงกับพื้นดังสนั่น
“เฮ้ยไอ้เหี้ย..มึงทำไรกัน……..”
“ปล่อยกูนะไอ้เอ็กซ์!! ปล่อย!!!!”
“ไม่!”
นิ่ง..สงบ..แต่ทรงพลังแรงกล้า
..ร่างสูงผลักร่างบางชิดกำแพง มือใหญ่บีบกรามอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นรับรสจูบดุดันและรุนแรง แขนเล็กพยายามขืนร่างกายออกผลักไส แต่กำแพงหินยังคงตั้งตระหง่านซ้ำร้ายยังเบียดตัวเข้าหา อารมณ์โกรธาฉายชัดจนรู้สึกหนาวสันหลังวูบ..
…นั่นคือภาพที่ผมเห็น…
ผมคงจะปิดประตูแล้วพูดทำนอง ‘ขอโทษที่รบกวนนะ’ หรืออะไรก็ตามไปแล้ว ถ้าไม่เห็นว่าดวงหน้าสวยของไอ้ไวน์มีหยาดน้ำตาไหลลงมา..
พลั่ก!
“เฮ้ยสัส!! ทำเหี้ยไรเนี่ย!!”
สิ่งที่ผมทำคือตรงเข้าไปกระชากไอ้เอ็กซ์ออกมา ซึ่งก็ลำบากพอสมควรเพราะมันตัวหนักกว่าผมมาก แต่พอเห็นว่าเป็นผมมันก็เลยยอมถอยออกมาโดยดีกระมัง
มันสองคนมองหน้าผม โดยที่ไวน์ยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
ผมที่แยกตาไม่ได้เลยต้องมองมันสองคนสลับกันไปมา คิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้วเชียว
“…ชิ!”
เอ็กซ์พูดไม่ออกจึงได้แต่พ่นลมออกมาทางจมูก แล้วเดินออกนอกห้อง ผมมั่นใจว่าร้อยทั้งร้อยแม่งต้องไปห้องไอ้บูมแหงๆ ส่วนไวน์ก็มองตาม แล้วปล่อยเสียงร้องโฮออกมา
“ฮึก…”
“..ไม่ต้องกลั้น..ปล่อยมันออกมา..”
ผมบอกสิ่งที่เขาควรกระทำแทนที่จะสั่งให้พูดอธิบายเรื่องเมื่อครู่
ในทีแรกก็คิดว่าจะหันไปด่าแม่งสักหน่อยว่าเสือกทำอะไรผิดผีในห้องกู (ซึ่งไม่ใช่ห้องพวกมึง!!) สร่างเมาจากแดกเหล้าเมื่อคืนแล้วเกิดเงี่ยนจัดปลุกปล้ำกันหรืออย่างไร ไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเลยนะเฟ้ยไอ้ควาย..
ผมไม่ได้ตกใจกับบทปล้นจูบเมื่อครู่ อันที่จริงฉากอย่างว่ามันไม่ได้เกินกว่าการคาดเดา เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าเห็นตรงๆคงจะช็อค..แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่รู้สึกแบบนั้น มันกลายเป็นเรื่องธรรมชาติตั้งแต่ที่ผมประสบพบกับตัวเองเนี่ยแหละ
…กูกับไอ้เอ็กซ์…เราเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็ก…
เสียงไวน์ยังสะท้อนก้องอยู่ในหู
‘เฮ้ยหวัดดี! เราเป็นเด็กใหม่ นายชื่อไร เราไวน์นะ’
‘ไงเพื่อน ชื่อเดียร์ใช่มั้ย? กูเอ็กซ์ ฝากดูแลเมียกูด้วยล่ะ ฮะๆๆ’
ผมได้เจอมันสองคนครั้งแรกตอนม.4 เพราะพวกมันมาเข้าเกษรวิทยาเอาตอนชั้นม.ปลาย ข่าวว่ามากันจากโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่งแถวหาดใหญ่ พอเข้ามาได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็ดังเป็นพลุแตก เขี่ยไอ้บูมกับไอ้เท่าฟ้า (อดีตรักร้ายตั้งกะม.1) ลงขอบไปอย่างรวดเร็ว
ดึงดูดผู้คนด้วยหน้าตา ความยิ้มแย้มแจ่มใส
และก็กีดกันผู้คนด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่เคยบอกใครของพวกมันทั้งคู่
พวกมันตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋
ยังจำพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์โรงเรียนสมัยขึ้นม.4ใหม่ๆ มีแข่งกีฬากระชับมิตรระหว่างเขต ไอ้เอ็กซ์วิ่งมาจากมุมนักกีฬาเพื่อกอดไวน์ฉลองชัยชนะ เล่นเอาตากล้องสาวน้อยใหญ่กดชัตเตอร์แทบไม่ทัน
ทุกครั้งที่หันไปมองนอกจากในห้องเรียน พวกมันจะอยู่ด้วยกันเสมอ
คอยประคับประคองกันมาตลอด..
จนไม่เคยกังวลเลยว่าพวกมันจะทะเลาะกัน ไม่เคยกังวลเลยว่าความสัมพันธ์มันจะแตกหักลง..
ในตอนนั้น..
ผมทำได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆไอ้ไวน์ แล้วตบบ่ามันจนกว่าจะสิ้นเสียงสะอื้นไห้เท่านั้นเอง..
ความคิดเห็น