ตอนที่ 18 :
My friend รักใสใสภายใน365วัน
My friend – 17
“เปิดเผย”
“แม่คะ...”
พอร่างของฉันปรากฏตัวต่อมารดาเท่านั้นแหละ...
“พัดชา!!! ลูกไปไหนมา แม่เป็นห่วงลูกนะรู้มั้ย!” คุณแม่ดีใจมากที่ได้เห็นฉันกลับมาอย่างปลอดภัย ท่านโผลเข้ากอดฉันจนร่างเซไถลไปนิดหน่อย ฉันเองก็ค่อยๆวางมือไว้บนหลังแล้วเอาคางเกยไว้ที่บ่าของท่าน
“แม่... หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่ง” แม่ลูบหัวฉันอย่างเบามือแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ “นอกจากแม่แล้ว พ่อเคยมีใครอีกไหมคะ” ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรง ข่มอารมณ์เมื่อถามคำถามนี้ออกไป แม่รีบดันร่างของฉันออกแล้วถลึงตาใส่
“บ้าน่า ลูกไปรู้อะไรมา ทำไมถึงถามแบบนี้”
“เปล่าค่ะ หนูแค่สงสัย สงสัยว่าเมื่อก่อนพ่อของหนูสาวคงติดตรึมจนไปไหนมาไหนมีแต่สาวๆทำขนมมาให้...” ฉันเลี่ยงตอบแล้วกอดแม่ให้แน่นขึ้นอีกครั้ง คราวนี้หยดน้ำใสๆมันไหลออกมาจากดวงตาของฉันเสียแล้ว ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากให้แม่ฉันเห็นเลย แล้วสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันก็ฟังดูงงๆยังไงไม่รู้ เพราะหัวมันตันแล้วไงล่ะ ตอนนี้ฉันแทบคิดอะไรไม่ออกนอกจากความจริงในอดีต
แล้วฉันก็รู้.. ว่าน้ำตาแม่ของฉันก็ไหลเหมือนกัน เพราะฉันรู้สึกเปียกๆตรงหัวไหล่ ตอนนี้พวกเราต่างคนต่างเสียใจกับเรื่องราวในอดีต
เรื่องในอดีตของแม่...แต่เป็นเรื่องที่ฉันเพิ่งรู้ในปัจจุบัน
โรงเรียน
“พัด...แกเป็นอะไร ไม่ร่าเริงเหมือนเดิมเลย ฉันเป็นห่วงนะ” ปุยฝ้ายถามขึ้นเมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของฉันเดินโซเซเข้ามาหา
“เฮ้อ..” พร้อมกับถอนหายใจออกไป
“เฮ้ยๆๆๆ วิญญาณออกจากร่างเธออีกแล้ว” ลดาทำตาโตอ้าปากค้างอย่างไม่น่าเชื่อ
“เราพาพัดชาไปหาหมอผีกันดีไหม” ปังปอนที่นั่งดูดน้ำหวานจากซองที่ขายซองละห้าบาทตามร้านค้าในโรงเรียนเสนอขึ้น
ถ้าพวกเธอพาฉันไปหาหมอผี ฉันจะกินตับพวกเธอเสียตรงนี้แหละ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่เครียดเรื่องเรียนน่ะ” ฉันแถไปเรื่อยเพื่อที่จะให้พวกเขาเชื่อ อ่า ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรฉันมากแล้ว
“แบบนี้นี่เอง เดี๋ยวนี้เขาเป็นสาวห้องสองแล้วแหละ เราก็เป็นได้แค่วิทย-คณิตห้องโหล่ฮือออ”
ฉันล่ะอยากให้พวกเธอมาเรียนแทนจริงๆ ฉันลอบถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“อย่ามาร้องไห้โฮแถวนี้เลยน่า ห้องไหนๆมันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“นั่นเวกัสนิ!” ห๊ะ!
ฉันรีบหลบหน้าทันทีเมื่อได้ยินยัยลดาเรียกชื่อของบุคคลที่ไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด ไอ้บ้าเวกัส นายก็รู้ว่าฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ แล้วนายยังจะเดินมาทางนี้อีก โธ่เอ๊ย ตาบอดรึไงนะ!
“ฉันเรียกเขามาเองแหละ^^” ปุยฝ้ายบอกก่อนจะเดินอ้อมร่างฉันเพื่อไปหาเวกัส ส่วนฉันตอนนี้ขอสิงเสาต้นนี้ได้ไหมอ่ะ จะเรียกมาทำไมก็ไม่รู้ คนยิ่งมีอคติกับครอบครัวหมอนั่นอยู่
“เวกัส เย็นนี้นายว่างไหม พอดีแจนขอไปช่วยทำป้ายกีฬาสีน่ะ” อะไรนะ กีฬาสีอย่างนั้นเหรอ... เฮือก! ทำไมห้องของฉันไม่เห็นพูดถึงเรื่องนี้เลย รู้ไหมว่าเทศการกีฬาสีน่ะมันสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน ยิ่งตอนผลประกวดขบวนสีออกมานะสีไหนได้ที่หนึ่งนี่ถือว่าสุดยอดเลยล่ะ แล้วปีนี้ก็มอบหมายให้มอสี่เป็นคนจัดขบวนนี่นา... นี่มอสี่มันมีครั้งเดียวนะว้อย! ทำไมพวกห้องฉันมันไม่กระตือรือร้นกันเลยวะT[]T
“โทษที เย็นนี้ฉันมีนัด”
“ฮันแน่ นัดกับคุณหมอสาวสุดสวยเซ็กซี่คนนั้นใช่มั้ยล่า><” คนที่ยัยลดาว่ามานี่ใช่หมอเซร่ารึเปล่านะ ชิส์ แล้วฉันจะอารมณ์เสียทำไมเนี่ย โอ๊ย ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย!
“อืม บอกแจนด้วล่ะวันหลังฉันจะไปช่วย” อ้อ! งงกันใช่ไหมว่ายัยแจนนี่มาจากไหน ตอนที่ฉันอยู่ห้องห้าน่ะ ยัยแจนนี่แทบจะขึ้นตำแหน่งเป็นหัวหน้าแทนฉันได้เลยล่ะ ตอนนี้เลยได้เป็นสมใจ และข่าวว่าหัวหน้าห้องคนใหม่ของห้องห้าเอาคนในห้องอยู่ด้วย หึหึ
.........
ฮึก...ฉันอยากจะร้องไห้เป็นภาษานกพิราบเสียจริงๆ นี่ฉันคิดถูกรึคิดผิดกันนะที่ดันมาเลือกชมรมบาสเก็ตบอลแบบนี้ จะขอกลับไปทำการบ้านก่อนแล้วค่อยซ่อมชั่วโมงคืนก็ไม่ได้ นี่คือประเด็นรอง ส่วนประเด็นหลักคือฉันไม่อยากเจอเวกัสน่ะ คำพูดของเขามันแทงใจดำขนาดไหนก็รู้ๆกันอยู่ เหอะ จ้างให้ก็ไม่มีวันไปยุ่งกับครอบครัวนายหรอกน่า ชิส์!
“ปีเตอร์แพน สู้เข้าน้า><!” แล้วทำไมฉันต้องมานั่งร่วมอัฒจันท์เชียร์กับยัยซาวาโกะเคโรโระนี่ด้วยนะ(ได้ข่าวว่านางชื่อซาวากิ) กรี๊ดทุกวินาทีแบบนี้หูฉันก็แตกพอดี ไม่คิดถึงใจกันบ้างเล้ย
“กรี๊ดดด ปีเตอร์แพนของฉันชู๊ตเข้าห่วงแล้ว เก่งที่สุดเลย>O<” บอกได้คำเดียวว่าหมั่นไส้ ถึงเวลาฉันต้องให้กำลังใจแทตบ้างล่ะ เห็นตาบ้านั่นไม่เห็นชู๊ตเข้าห่วงสักที
“แทต! นายก็สู้เขานะ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด!!!” ฉันเอามือป้องปากตะโกนออกไปสุดเสียงจนกลายเป็นเป้าสายตา แทตหันขึ้นมาแล้วอมยิ้มพร้อมกับส่งจูบให้อย่างน่ารักน่าชัง
แหวะ ที่ฉันทำเพราะหมั่นไส้อีตาเวกัสหรอกน่า
“ชิ ยังไงแพนของฉันก็เก่งกว่า” ยัยซาวากิเบ้ปากใส่จนทำให้ฉันอยากเข้าไปบิดปากให้ยัยนั่นซะให้เข็ด
“ใครสนล่ะ” ฉันบอกเสียงเรียบพร้อมกับไหวไหล่เป็นเชิงกวนส้นเบื่องล่างของยัยนั่น
“เชียร์ใครกันบ้างจ๊ะเด็กๆ” พอฉันจะหันหน้าไปมองอีกทางเพราะเบื่อขี้หน้ายัยซาวากิ จู่ๆหมอเซร่าก็มาจากไหนไม่รู้นั่งอยู่ข้างๆ พลางยิ้มจนแก้มปริ
“ซาวาจังเชียร์ปีเตอร์แพนค่ะ^^” โอ๊ยยย ยัยเด็กบ้า นี่หล่อนไปอยู่หลืบไหนมาถึงไม่รู้ว่าคนข้างๆฉันนี่มันคู่หมั้นเวกัสของจริง ให้ตายเถอะ พี่หมอเซร่าหุบยิ้มทันที แต่ก็ยังคงความใจดีเอาไว้บนใบหน้า
“อ๋อ.. แล้วพัดชาล่ะจ๊ะ” นั่นไง สุดท้ายก็วกกลับมาถามฉันจนได้ ฉันส่ายหน้าแล้วตอบปัดๆ
“พัดมาดูเฉยๆค่ะ ขอตัวนะคะ^^” ฉันก้มหัวให้คนที่อายุเยอะกว่าแล้วกะว่าจะลงอัฒจันท์ แต่มือบางของหมอเซร่าก็คว้าข้อมือของฉันได้เสียก่อน
“อยากคุยกับพี่ไหม?” จู่ๆเธอก็ถามคำถามที่แปลกเอามากๆ ฉันคงไม่มีอะไรจะคุยกับพี่หรอก นอกเสียจากพี่จะคุยกับฉันมากกว่า...
..............
“พี่เอาของสำคัญมาให้เธอ” ร่างสูงหุ่นเพรียวกำลังล้วงกระเป๋าสะพายเพื่อที่จะเอาของบางอย่างมาให้ “นี่จ้ะ”
เธอยื่นมันมาให้ฉัน นี่เป็นรูป... รูปที่อยู่ในห้องคุณนายนิ รูปที่มีหน้าของพ่อฉันโผล่อยู่ข้างในนั้น ฉันจำได้ว่านั่นคือพ่อของฉัน ถึงแม้ว่ารูปใบนี้จะเก่าแล้วก็เถอะ
และนี่ยังเป็นคำถามที่ค้างคาใจตั้งแต่ตอนนั้นมา ว่าพ่อของฉันรู้จักกับคุณนายได้ยังไง แล้วเด็กที่พ่อของฉันอุ้มอยู่นั่นคือใคร... รึว่าจะเป็น
เวกัส!
“เอาไปทิ้งเถอะค่ะ พัดไม่ต้องการ” ฉันปฏิเสธที่จะรับมันมาเพื่อเป็นปริศนากับชีวิตของครอบครัว
“พี่เองก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านครอบครัวคนอื่นหรอก... แต่พัดชาไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมถึงมีคนที่พัดรู้จักอยู่ในรูปนี้ด้วยล่ะ?”
“หมอรู้ได้ไงคะว่ามีคนที่พัดรู้จักอยู่ในนั้น? หมอต้องรู้อะไรเกี่ยวกับรูปนั้นและครอบครัวของพัดใช่ไหมคะ!?” ฉันเขย่าแขนหมอเซร่าแรงๆเหมือนกับคนบ้าที่ตั้งสติไม่ได้ หมอเซร่ากุมมือฉันไว้แล้วบีบมันเบาๆ
“พี่ไม่รู้หรอกค่ะ พี่บอกแล้วไงว่าไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของครอบครัวคนอื่น แต่รูปนี้มีผลกระทบต่อจิตใจของคุณนายมาก พี่คิดว่าไม่ควรมีรูปนี้ในห้องของคุณนายเพราะจะทำให้จิตใจของท่านย่ำแย่ลงไปอีก” หมอเซร่าบอกพลางคลี่มือฉันแล้วเอารูปวางไว้บนฝ่ามือ “พี่ให้พัดชาแก้ปริศนาครั้งนี้...และไม่แน่ความจริงที่ปิดบังมาตั้งแต่เด็กก็จะคลี่คลาย รวมถึงเวกัสด้วย” ฉันเลิกคิ้วก่อนจะถามอย่างสงสัย
“เวกัสเกี่ยวอะไรด้วยคะ ถ้าแม่ของเขาเป็นภรรยาของพ่อพัด เขาเองก็เป็นลูก... จริงด้วยสิ?”
“เขาเป็นลูกใครล่ะ? เขาเป็นลูกคุณลุง รึเป็นลูกพ่อของพัชา หรือว่า... เวกัสไม่ได้เป็นลูกของใครเลย” นั่นยิ่งทำให้ฉันสงสัยเข้าไปใหญ่
ใช่! เด็กในรูปนั้นเป็นผู้หญิง ไม่มีทางที่เมื่อก่อนเวกัสจะถูกจับแต่งตัวให้เป็นผู้หญิงหรอกนะ และอีกอย่าง.. ฉันเคยได้ยินคุณนายบอกว่า ลูก ท่านตายไปแล้ว!!!
นี่มันอะไรกัน! แล้วเวกัสเป็นลูกของใคร ถ้าเวกัสเป็นลูกของคุณนายจริงๆ ทำไมในห้องนอนของคุณนายไม่แม้แต่จะติดรูปของเวกัสเลยล่ะ แต่มีรูปใบนี้คว่ำไว้อยู่บนโต๊ะงั้นรึ!?
“ไม่ว่ายังไง พัดชาต้องผ่านมันไปให้ได้นะ และอย่าลืม... พาเวกัสไปด้วย อย่าทิ้งเขาให้อยู่เพียงลำพัง.. พี่ไปก่อนนะคะ^^” ฉันโค้งให้หมอเซร่าก่อนที่จะก้มมองดูรูปใบนี้
ใครจะให้คำตอบฉันได้บ้าง ว่าเรื่องในอดีตมันเป็นยังไง
“พัดชา!” จู่ๆก็มีคนเรียกชื่อฉันดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปหาต้นเสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ว่าน มีอะไรเหรอ” คิ้วของฉันขมวดขึ้นเมื่อเห็นว่านหอบพร่าอย่างกับคนหนีอะไรมาสักอย่าง
“ใครๆก็รู้ ว่าฉันปิดบังความลับไม่เก่ง เพราะฉะนั้นวันนี้...” เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพูดต่อ “ฉันจะบอกเธอทุกอย่าง และมันต้องเกี่ยวกับรูปใบนั้นแน่ๆ”
เกี่ยวเหรอ! แล้วว่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย!?
“ก่อนอื่นขอย้อนไปตั้งแต่วันเปิดเทอม เธอยังจำได้อยู่มั้ย?” จำได้สิ ตอนนั้นฉันเกือบจะเป็นบ้าตายเพราะหลงคารมของผู้ชายอย่างเวกัสแทบจะทุกวัน และเธอก็เป็นแฟนของหมอนั่นด้วย
ฉันไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
“อา~ ฉันรู้สึกผิดต่อเวกัสมากๆเลยแฮะ แต่มันต้องมีสักวันแหละที่ความจริงจะต้องเปิดเผย เธอ... ตั้งใจฟังฉันนะ”
ฉันพยักหน้ารับเป็นครั้งที่สอง และตั้งใจฟังตามที่เธอบอก
“ฉันคิดว่าพ่อของเธอเข้ามาเกี่ยวพันกับแม่ของเวกัสมากกว่า... เวกัสบอกว่าระหว่างที่เขาอยู่ที่ญี่ปุ่น ทุกวันเขาได้ยินแม่คุยโทรศัพท์กับพ่อเธอ ถามถึงสารทุกข์สุขดิบ ต่างๆนาๆ เขารู้สึกว่าแม่ของเขาไม่ชอบในตัวของเวกัสเลย...แต่ชอบเธอ”
“ชอบฉัน? เธอพูดเรื่องอะไรกันว่าน เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบคนกุเรื่องขึ้นมา”
“ฟังให้จบก่อนสิ! แล้วจะรู้ว่าฉันกุขึ้นมาหรือมันเป็นเรื่องจริง” สีหน้าของว่านตอนนี้ดูจริงจังมาก ต่างจากที่ฉันเคยเห็นทุกวัน ฉันก้มหน้าทนรับฟังเรื่องที่เธอเล่าต่ออย่างตั้งใจ
“เวกัสบอกว่าแม่ของเขา... ”
‘ครอบครัวคุณสบายดีรึเปล่าคะ แล้วลูกของคุณล่ะ? เธอคงสวยเหมือนภรรยาคุณเลยสิ’
“จนแล้วจนรอดที่เขาทนได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากผู้เป็นแม่ ตั้งแต่วันนั้นมาเหมือนเขาจะกลายเป็นลูกไม่มีแม่ไปเลยล่ะ เพราะเวลามีงานโรงเรียน ครูจะเชิญแม่ของนักเรียนมาร่วมงานด้วย แต่เวกัสต้องไปตัวคนเดียวทุกครั้ง พ่อก็ติดธุระ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาโดนเพื่อนล้อว่า ‘ลูกไม่มีแม่’ ฉันเองก็เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่เด็กแต่ฉันอยู่เมืองไทย เขาเลยโทรหาฉันบ่อยๆ แล้วขอให้ร่วมแผนการบ้าๆ ที่เขาใช้เวลาคิดเพียงวันเดียว...”
“...”
“เธอคงอยากจะร้องไห้ใช่มั้ย? ถ้าเธอไม่ไหวก็ร้องออกมาเลยนะ แต่ช่วยฟังเรื่องนี้ให้จบ..หลังจากที่เขาทนไม่ไหวกับการที่มีแม่ก็เหมือนไม่มี เขาจึงจัดการสืบหาประวัติพ่อของเธอทันที และรู้มาว่ามีภรรยาและลูกสาวหนึ่งคน สวย... และท่าทางอ่อนต่อโลก”
เหมือนฉันจะรู้อะไรไปล่วงหน้าแล้วล่ะ... น้ำตาที่กลั้นไว้มันทะลักออกจากขอบตา ฉันหมดแรงที่จะยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองแล้ว... ฉันหมดแรงทุกอย่าง
“เขาจึงขอให้ฉันร่วมมือปั่นหัวเธอเล่น โดยให้เขานั้นเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ ที่เขาตามตื้อ ตามง้อ ตามจีบเธอนั้น ลวนแต่เป็นเรื่องลอกลวง...”
“...”
“ที่จริงแล้วเขาทำไปเพื่อได้รับความสะใจให้กับตัวเองยังไงล่ะเขาแทบไม่ได้รักเธอเลยนะพัดชา เธอเป็นอยู่ใช่ไหม..? เวลาที่เขาอยู่ใกล้ใครแล้วหัวใจของเธอเต้นผิดปกติ”
ที่ว่านพูดมา... ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย? ทำไมมันเป็นไปตามที่ฉันคาดเดาไว้ล่ะ... เธอช่วยบอกว่ามันเป็นแค่เพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาจะได้ไหม!!!
“นั่นแหละ แผนการของเขา เขาทำสำเร็จแล้ว เธอเตรียมตัวได้เลยนะพัดชา ฉันมาบอกเธอเพียงเท่านี้แหละ... และฉันก็ขอโทษที่ไปร่วมมือกับหมอนั้นด้วย เขาเป็นเพื่อนรักฉันนี่” ว่านฝืนยิ้มออกมา เข้ามาบีบหัวไหล่ฉันเบาๆ ราวกับว่าเธอปฏิเสธคำขอของเพื่อนรักอย่างเวกัสไม่ได้
“แล้วเธอกับเขาไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”
“ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะว่าตอนนี้เธอตกหลุมรักหมอนั้นแล้วรึยัง” ฉันเริ่มหายใจติดขัดกับคำถามของว่าน “ถ้ายังนับว่าเธอโชคดี แต่ถ้าเธอรักไปแล้ว ขอให้เธอทำเหมือนว่าเธอยังไม่ได้รักเขา” ฉันตกหลุมรักเขาตั้งนานแล้วล่ะ...
“เขา..” แต่ฉันบอกได้เลยว่าตัดใจจากเขาไม่ได้จริงๆ ฉันรับไม่ได้กับเรื่องที่ว่านเล่ามาทั้งหมด ที่จริงก็เป็นแบบนี้นี่เอง มันจะจบแบบนี้จริงๆเหรอ เขาได้ชัยชนะไป ส่วนฉันแพ้ราบคาบแบบนี้งั้นเหรอ...
“เขาไม่เปลี่ยนใจรักเธอแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาเองที่เป็นคนแพ้”
“เขา..” จะทำยังไงดี ตอนนี้ฉันรู้สึกถึงก้อนหนืดๆกำลังถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบาก เริ่มหายใจไม่ทั้วท้อง มือไม้สั้นไปหมด “เขาหลอกฉันให้รักข้างเดียวอยู่อย่างนั้นเหรอ” ดวงตาที่สุกใสอยู่ตลอดเวลาของฉันตอนนี้แทบพร่ามัว เพราะน้ำตามันคลออยู่เต็มเบ้าจวนจะไหลออกมาอีกครั้ง
“ใช่! เธอเข้าใจถูกแล้ว” แต่ทว่ามีเสียงทุ้มดังขัดขึ้น ว่านไม่ได้ตอบคำถามเขารีบวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเพราะเห็นหน้าเพื่อนสนิทที่ชื่อเวกัสเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา เขายิ้มพรายให้ฉันก่อนที่จะแค่นหัวเราะ หึหึ ออกมาดังๆ
“เป็นแบบนี้นี่เองสินะ... นี่ฉันโง่จนหลงเข้าไปในละครที่นายเล่นเชียวเหรอ” ดวงตาแดงก่ำที่น้ำตาพร้อมจะไหลของฉันมันยิ่งทำให้คนตรงหน้าหัวเราะสมเพชตัวฉัน
“อ้า~ ช่วยไม่ได้นะ เธอชอบฉันเอง ฉันแทบไม่ได้ออกแรงอะไรเลย ใจง่ายซะไม่มี” ฉันตรงเข้าไปตบหน้าเวกัสเต็มมือ พร้อมกับกระชากคอเสื้ออย่างหาเรื่อง
“สนุกมากสินะที่ทำกับฉันแบบนี้! เป็นไงล่ะ วันนี้จะฉลองรึเปล่า นายชนะแล้วนี่?”
“ก็ไม่แน่นะ เธอจะมาฉลองด้วยกันรึเปล่าล่ะ?”
“ไอ้คนสารเลว! ทุเรศสิ้นดี! ฉันจะเกลียดนายไปตลอดชีวิต...” ฉันสูดหายใจเข้าให้ทั่วท้องก่อนจะบอกเสียงเด็ดขาดจนทำให้อีกฝ่ายเบิกตาโต “ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาให้นายเห็นหน้า และจะไม่มีวันยกโทษให้นายอีกเด็ดขาด!!!”
พูดจบก็ผลักร่างสูงให้ออกห่างจากตัวทันทีแล้วเดินออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่มีวันหันกลับไปมอง ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน บทเรียนที่ร้ายแรงสำหรับหัวใจของฉัน!
....
กราบสวัสดีท่านนักอ่านทุกๆท่าน... กรี๊ดดด คิดถึงข้าน้อยไหมคะ! เค้าคิดถึงทุกคนเลยน้าาา วันนี้เลยมาอัพต่อให้ แง้T[]T ช่วงนี้มีปัญหาให้ต้องช้ำใจเยอะมากเลยค่ะ รวมกับเรื่องวุ่นวายในชีวิตด้วย จึงทำให้ไรท์ไม่ค่อยได้ติดตามสักเท่าไหร่ หวังว่านักอ่านทุกคนคงไม่โกรธไรท์คนนี้นะคะ ถึงแม้จะลงช้าแต่ก็ลงให้แล้ว อิอิ ยังไงฝากติดตามไปตอนจบด้วยนะเจ้าคะ ขอบคุณค่าาา >/\<!!!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากถีบมากเลยยยยย แงๆทำร้ายพัชชาเกินไปแล้วนะะ
หากข้อสรุปยังไม่ชัดเจนพอ ข้าจะไม่ขอเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง -_-;
เป็นไปไม่ได้!!! พระเอกจะเลวบรมอย่างนี้ได้ยังงายยยยยยย