ตอนที่ 10 :
My friend รักใสใสภายใน365วัน
My friend – 09
“คนเห็นแก่ตัว”
หลังจากที่พัดชารับสร้อยที่เวกัสซื้อมาให้ หล่อนก็เก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายแล้วปิดให้มิดชิดก่อนที่จะนำกระเป๋าวางบนหัวเตียง ใบหน้าหวานยังคงจ้องมองไปที่สิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าใบนั้นอย่างไม่ละสายตา
“ฉันใจร้ายกับนายเกินไปรึเปล่านะ...” ริมฝีปากสีชมพูเปล่งเสียงถามกับตัวเองโดยที่ไม่ต้องการคำตอบ เธอเม้มปากแล้วถอนหายใจออกมา “ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่...ถึงแม้ว่าตอนแรกๆฉันอยากจะรู้ก็เถอะ แต่ต่อไปนี้ ฉันคงไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตนายแล้วล่ะ” ร่างเล็กยิ้มเจื่อนๆตาเหม่อลอยอยู่นานสองนานกว่าจะเข้านอนได้ก็เกือบจะเที่ยงคืนได้...
วันพุธ...(8in365days)
“เสร็จรึยังไอ้พัด ตลอดเลยอ่ะ ให้รอตลอด” ปุยฝ้ายยืนเท้าสะเอวอยู่ที่ประตูพลางบ่นเป็นหญิงวัยทองเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวดีอย่างพัดชาที่มัวแต่นั่งคิดพิจารณากับกระเป๋าใบโต
“ฉันก็คิดอยู่ว่าลืมเอาอะไรไปรึเปล่า”
“นี่แหละผลของการไปเที่ยวเตร่ เลยไม่ได้มาจัดกระเป๋าพร้อมกับพวกฉันตอนเย็น” ปุยฝ้ายยังคงบ่นไม่หยุด หลังจากที่คนตัวเล็กนั่งคิดอยู่นานจนเห็นว่าไม่ลืมอะไรที่สำคัญไว้แล้วเลยจัดการแบกกระเป๋าใบโตของเธอออกมาพร้อมกับปุยฝ้ายที่เดินเคียงข้างมาด้วย
วันนี้พัดชาตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะมาจัดกระเป๋า เธอเพิ่งนึกได้ว่าเช้านี้จะต้องไปเข้าค่ายครู-ลูกศิษธ์ ตอนที่ปิดไฟเข้านอนแล้ว เช้านี้เลยดูวุ่นวายสำหรับพัดชากับปุยฝ้ายไปเลย
“ตื่นเต้นจัง ไม่รู้ว่าจะได้เข้าไปในสุสารกับใคร” จู่ๆปุยฝ้ายก็เป็นคนเปิดปากพูดก่อน พัดชาหันไปมองคนตัวเล็กกว่าด้วยสีหน้างงงวย
“ไม่ได้เข้าไปด้วยกันหรอกเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าครูจะให้จับฉลากด้วยอ่ะ ก่อนเข้าไปในสุสาร น่าตื่นเต้นดีน้าว่าไหมพัด><” ปุยฝ้ายทำท่ากระตือรือร้นจนออกหน้าออกตาแต่ที่แน่ๆพัดชาค้างไปเลย “เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมอ้าปากค้างแบบนั่นล่ะ”
“ทะ ทำไมต้องจับฉลากด้วยอ่ะ ฉันยังรู้จักคนในห้องไม่ทั่วถึงเลย” พัดชาเป็นกังวลใจ
“ก็รีบๆทำความรู้จักเข้าสิ ฉันนะมาวันแรกก็รู้จักเกือบจะทุกคนเลย^o^” พัดชาสังเกตุุเห็นปุยฝ้ายยิ้มจนแก้มปริแล้วมานึกมองย้อนกลับไปตัวเองแล้ว...ช่างต่างกันอะไรเช่นนี้
“เธอนี่ดีจังเนอะ เกิดมาเข้ากับคนได้ทุกคน”
“ก็ไม่ทุกคนหรอกนะพัด คนที่เห็นแก่ตัวฉันก็ไม่อยากคุยด้วยหรอก คนที่ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเราก็หวังว่าจะอยู่ในเซตเพื่อนบ้านที่ดีของฉันเลย” เพื่อนตัวเล็กพูดพลางเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ส่วนพัดชาก็ได้แต่มอง หูฟัง...แล้วนึกถึงตัวเองอยู่เสมอ
เห็นแก่ตัว...ใช่ ไม่มีใครชอบคนเห็นแก่ตัวหรอก แล้วเธอเกือบจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้วถ้า...เธอเกือบจะเห็นว่านเพื่อนในห้องเสียใจก็เพราะเธอแล้ว
“ดีแล้วล่ะ...” พัดชาพูดกับตัวเองเบาๆ ปุยฝ้ายชะโงกหน้าเข้ามาหาพัดชาเพื่อที่จะฟังให้ชัดกว่านี้ “เออ หมายถึงฉันก็เหมือนกัน”
“นั่นสินะ คนเห็นแก่ตัวน่ะ มักทำให้คนรอบข้างไม่สบายใจ...ซึ่งฉันไม่ชอบเอาซะเลย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ อยากได้อะไรก็จะได้...”
“เอ่อ...ฉันว่าเรารีบเดินดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันรถ” พัดชารีบตัดบทเพราะทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว เหมือนมีใครมายืนประจานนิสัยเธอ สิ่งที่ปุยฝ้ายพูดออกมานั้น...พัดชาเกรงว่าสักวันหนึ่งเธอจะทำให้ปุยฝ้ายเสียใจ เสียความรู้สึก ดูเหมือนยังมีเรื่องอะไรหลายๆเรื่องที่พัดชากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เพียงแค่...มันยังไม่ถึงเวลา
ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอจะมองคนรอบข้างให้ลึกซึ้งกว่านี้
.
.
“สุสารที่จะไปกันนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ครูจะยังไม่พาเธอไปหึหึ...” เสียงครูแก่ผมหงอกตะโกนดังก้องในรถเมล์ เด็กๆมองครูตาแป๋วอย่างตั้งใจ “เพราะครูจะพาพวกเธอไปเที่ยวก่อน”
“เย้!!!” เด็กทุกคนต่างพากันเฮลั่นสะนั่น รวมถึงพัดชาด้วย นานๆทีได้ออกมาเที่ยวนอกโรงเรียน จะมีกีครั้งที่จะได้มาเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งห้องแบบนี้
“พอรถจอดแล้วก็แยกเที่ยวกันเลยนะ อีกสองชั่วโมงมาเจอกันที่จุดนัดพบ โอเค๊?” ครูแก่รู้สึกดีที่เห็นนักเรียนร่าเริงมีความสุขทั้งๆที่ก่อนหน้าหน้าดำคร่ำเครียดทุกคน เพราะคืนนี้นักเรียนต้องเจอศึกหนักกับสถานที่ที่จะใช้วัดความกล้าหาญ แกเลยให้นักเรียนผ่อนคลายในช่วงเช้าซะให้หายกลัวหายเครียดก่อน
“โอเค!!!”
พอรถจอดสนิท แต่ละคนก็เริ่มถยอยลงจากรถ ปุยฝ้ายและลดาได้วิ่งลงรถเพราะความตื่นเต้นไปก่อนแล้ว ส่วนพัดชาค่อยๆลงมากับปังปอนผู้อืดอาดทีหลัง
“พัดชา ไปดูร้านขายของน่ารักๆไหม เค้าอยากไปดู” ปังปอนกระตุกแขนพัดชาให้เดินตามตัวเองไป ใบหน้ายิ้มตาหยีของหนุ่มน้อยคนนี้ทำให้พัดชาพลอยยิ้มตามไปด้วยพร้อมกับเลื่อนฝีเท้าเดินไปกับปังปอน
“ปังปอน ถามจริงๆนะ นายเคยมีผู้หญิงมาจีบบ้างมั้ย?” ในขณะที่เดินไปร้านขายของฝากพัดชาก็เอ่ยถามปังปอน หนุ่มน้อยส่ายหน้าดิกแล้วตอบพัดชาไป
“ไม่อ่ะ ปังปอนไม่ชอบผู้หญิง” คำตอบจากปากหนุ่มน้อยข้างๆทำให้พัดชาหัวเราะออกมาจนกลั้นไม่อยู่
“ตรงจังเลยนะฮ่าๆ” เด็กสาวพยายามหยุดขำกับความซื่อๆของปังปอนแล้วถามต่อ “แล้วมีผู้ชายมาจีบไหม”
“ก็ไม่มีเหมือนกันนั่นแหละ เค้าหน้าตาไม่สวย อ้วนก็อ้วนเตี้ยก็เตี้ย” หนุ่มน้อยก้มหน้าเหมือนไม่หมั่นใจในตัวเอง พัดชาค่อยๆตบบ่าของปังปอนแล้วพูดให้กำลังใจ
“ชีวิตเราไม่แน่นอนหรอก จะมีสักกี่คนที่มองคนจากข้างใน แต่ถึงยังไงมันก็คงมีใช้ไหมล่ะ ฉันเชื่อนะว่าฟ้ามีตา เรายังเด็กอยู่มันคงไม่ถึงเวลา...ไม่แน่ในอนาคตปังปอนอาจจะมีแฟนที่หล่อล้ำบึกกว่าพวกฉันก็ได้ใครจะไปรู้ ฮ่าๆ ^^” ปังปอนนิ่งฟังเพื่อนสาวของตัวเองอย่างตั้งใจจู่ๆก็เหมือนมีพลังขึ้นมาหลังจากที่ฟังจบ
“แต่ถ้าโตขึ้นปังปอนก็คงเป็นผู้ชายเต็มตัวเองแหละนะฮ่ะๆ^o^” พัดชามองใบหน้าหวานของหนุ่มน้อยอย่างน่าเอ็นดู ถ้าแลกกันได้ พัดชาก็อยากจะเป็นผู้ชายแทนปังปอน เพราะเธอคิดว่าเพศชายเป็นเพศที่ได้เปรียบที่สุดแล้ว
“ถ้านายเป็นผู้ชาย ฉันจะจีบนายคนแรกเลยปังปอนอิอิ”
“ไม่เอาๆๆ พัดชาคิดอะไรรึเปล่าเนี่ย ยังไงตอนนี้เราก็เหมือนเป็นเพศเดียวกันนะ” หนุ่มน้อยดูท่าจะกลัวขึ้นมาทันใด สะบัดตัวให้มือของพัดชาที่กำลังเกาะไหล่ให้หลุดออกอย่างน่าขนลุก
“เฮ้ยเราพูดเล่นฮ่าๆๆๆ รอด้วยสิปังปอนนน><”
แล้วพัดชาก็วิ่งตามร่างอวบๆของปังปอนไปจนถึงในร้านขายของฝาก ร้านนี้ดูธรรมชาติไปหมด ขนาดในร้านยังมีแต่พืชพรรณไม้สีเขียว ร้านแห่งนี้ขายเกี่ยวกับของฝากของอำเภอ ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างถิ่นมากกว่าที่เข้ามาเดินจับจ่ายซื้อของ
พัดชาหยิบปอกคอสุนัขสีน้ำตาลเส้นเล็กมีกระดิ่งห้อยอยู่ขึ้นมาดูแล้วอดยิ้มให้ไม่ได้ ไอเดียของคนในหมู่บ่านช่างดีจริงๆ เธอจับมันผลิกหน้าผลิกหลังจนเห็นคำว่า ‘Please trust me. ‘
“โปรดเชื่อใจฉัน...ฉันแปลถูกไหมนะ” พัดชาพยายามแปลมันออกมาเป็นภาษาไทย ดวงหน้าหวานดูสนอกสนใจกับสิ่งนี้มาก
“ก็...นะ บางครั้ง เจ้านายมันก็ไม่เชื่อใจหมาตัวเอง เหมือนนิทานเรื่องชาวนากับสุนัข ชาวนาฆ่าหมาแสนรู้ของตัวเองทั้งๆที่มันปกป้องลูกน้อยให้รอดพ้นจากอันตราย” จู่ๆเสียงทุ้มก็ดังขึ้นใกล้ๆ พัดชาเงยหนาจากปอกคอสุนัขสีรุ้งนั้น แล้วเหลือบไปเห็นเวกัสยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า
ใจของเธอเต้นเร็วเกินจะต้านทานไหว...
“นั่นสิ ฉันเคยอ่านนิทานเรื่องนี้อยู่” เด็กสาวแกล้งเขยิบออกห่างจากชายหนุ่มที่ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
“ซื้อมันให้ฉันได้ไหม...” สีหน้าของเวกัสดูไม่สบาย ใบหน้าเริ่มซีดเผือด หางตาตก ได้แต่ฝืนยิ้มบางๆ
“นะ นายก็ซื้อไปเองดิ อ่ะ” พัดชายื่นปอกคอให้เวกัสอย่างงงๆ
“ฉันเชื่อใจตัวเองอยู่แล้ว...หมายถึงเธอต่างหาก” ยิ่งพูดคนตัวเล็กยิ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจใหญ่
“นายไม่สบายรึเปล่า เหมือนคนละเมอเลยแฮะ” ร่างเล็กยื่นมือไปแตะหน้าผากของคนตัวสูงแล้วรีบเด้งมือกลับมา เธอยังไม่ทันได้คิดเลยว่าตัวเขาร้อนรึเปล่า เพราะกลัวว่าเวกัสจะคว้ามือเธอไป
“เปล่าหรอก ฉันสบายดี”
“แล้วทำไม...นาย...ดูเหมือนร่างไร้วิญญาณแบบนั้นล่ะ”
“ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำผิด...” ชายหนุ่มก้มหน้าหลุบตาลงต่ำ และพูดเสียงแผ่วเบา “ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังสับสน เดินไปทางไหนก็มีแต่จะทำให้คนรอบข้างเจ็บปวด”
เขาสำนึกแล้วสินะ...
“ฉันเลิกกับว่านแล้ว” เมื่อเวกัสพูดประโยคนี้จบ...สิ่งของที่พัดชากำไว้มันหล่นลงมากระทบกับพื้น จนทำให้คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว
“นาย...ว่าไงนะ!” ร่างเล็กตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของคนตรงหน้า
“ฉันเลิกกับว่านแล้ว...”
.
.
.
.
.
สวัสดีค่ะลีดเดอร์ผู้น่าฮัก><
บทนี้เขียนจบไวมาก ไรท์นั่งฟังเพลงไปสบายๆ เปิดเพลงที่มันเข้ากับฉากแล้วมันก็ค่อยๆคิดบทได้เอง แต่ก็คงไม่สมบูณร์อ่ะ ดูเหมือนยังบรรยายกระด้างอยู่ ฮือTT (ไม่เคยบรรยายเองทั้งเรื่อง ส่วนมากจะเขียนแนวความคิดนางเอก) วอยยยส์ คิดเสียว่าอ่านนิยายเด็กเล็กๆแต่งละกันนะคะฮ่าๆๆๆ
หลังจากที่ไรท์เตอร์ไปเก็บรายละเอียดด้วยตัวเองโดยการดูซีรีย์เกาหลี การ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว ก็เกิดแรงบันดาลใจอันเล็กๆขึ้นมาค่ะ ไรท์เตอร์เลยกลับมาแต่งนิยายเรื่องนี้ต่อ ฮ่าๆT[]T
และยังมีเรื่องหนึ่งยังดองเอาไว้ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ ไรท์แต่งแบบความคิดนางเอก
กดแล้วสวยฟรุ้งฟริ้ง!
เฮียของเราเริ่มหื่นนิดๆแล้วนะเออ! ><
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายของมายนะคะ แฮ่ๆ แม้ว่ามายจะไม่ค่อยได้เข้ามาลงให้เพราะช่วงนี้ไรท์ต้องตั้งใจเรียนค่ะ!!! มอปลายแล้ว อดทนอีกนิดรอปิดเทอมละว่างสบายเล้ย!!! ><
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุยกันซักที 5555
ไม่เจอกันนาน คำผิดเยอะเหมือนกันนะคะ ไรท์
สังเกตุ ที่ถูกคือ สังเกต
แล้วมานึกมองย้อนกลับไปตัวเองแล้ว >> พิมพ์ตกเปล่าเอ่ย
แต่ก็สงสารนิดๆนะ