ตอนที่ 9 :
My friend รักใสใสภายใน365วัน
My friend – 08
“เมินเฉย”
[บันทึกของเวกัส]
ผมไม่รู้...ว่าทำไมจู่ๆผมถึงได้รับจูบของซาวากิเข้ามาทั้งๆที่ผมปฏิเสธได้...? ก่อนหน้านี้ซาวากิบอกว่ามีอะไรจะคุยด้วย และยังบอกอีกว่าให้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ หลังจากนั้นผมก็ถูกเธอจูบไปโดยไม่รู้ตัว
และด้วยความที่ผมถูกฝ่ายหญิงจูบโดยไม่ทันตั้งตัว ผมก็กลับจูบต่อเพราะความเคลิ้บเคลิ้ม เธอตัวแค่นี้แต่จูบเก่งกว่าผมอีกแฮะ...
“อะ” ผมค่อยๆลืมตาเพราะเห็นว่ามันนานเกินไปและเธอก็เริ่มที่จะทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่จูบแล้ว ผมผลักซาวากิออกไปจนร่างเธอเซถไล “ขอโทษครับ”
“มะ...ไม่เป็นไรหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษปีเตอร์แพน” ซาวากิยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองพลางทำท่าเขินอาย “แต่ว่า ที่เวนดี้ทำไปก็เพื่อเวนดี้รักปีเตอร์แพนนะคะ”
เธอทำให้ผมหนักใจอีกแล้ว...ในชีวิตของผมตอนนี้มีแต่ผู้หญิงเข้ามาพัวพัน ถ้าผมปฏิเสธเธอไป เธอคงจะเสียใจน่าดู แต่ผมไม่ได้รักเธอเลยนะ ผมเห็นเธอเป็นน้องสาวหรือเพื่อนคนหนึ่งเอง
“ครับ...ขอบคุณนะ^^” ผมยิ้มให้เธอเป็นเชิงว่าสบายใจได้เลย หรือประมาณให้ความหวัง ซาวากิที่เห็นผมยิ้มแล้ว เธอก็ลดมือที่ปิดปากออกแล้วยิ้มตาม
“ดีใจจังที่ได้บอกไปแล้ว ถึงเวนดี้จะรู้ว่าปีเตอร์แพนมีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไงเวนดี้ก็จะรอนะ”
เธอรู้ด้วยว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงยังทำแบบนี้...? มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมจูบช่วยพัดชาตอนนั้นเลย ผมก็แค่จูบช่วย...เฉยๆอ่ะ
“ครับ” ตอนนี้ผมไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากคำว่าครับ เธอคนนี้ค่อนข้างทำให้ผมเกรงๆ เพราะเป็นถึงรุ่นพี่รุ่นน้องของพี่เจมส์ ถ้าเกิดทำอะไรให้เสียใจนิดเดียวผมคงถูกปลดออกจากชมรมแน่
นั่น...พี่เจมส์ไม่ใช่เหรอ!
พี่เจมส์ยืนมองมาทางนี้ด้วยแววตาที่หมดหวัง พอผมเหลือบไปเห็น เขาก็กลับปั้นหน้ายิ้มให้แล้วรีบเดินลวกๆมาทางนี้
“ว่าไงซาวาจัง แอบหนีมาตรงนี้นี่เองปล่อยให้พี่ตามหาแทบแย่” พี่เจมส์พูดเหมือนเพิ่งจะเห็นหน้ากัน ทำเป็นปกติแถมยังยิ้มทักทายผมอีกด้วยนะ
“สวัสดีครับรุ่นพี่”
“หวัดดีๆ คือฉันต้องรีบพาซาวากิกลับบ้านก่อนนะดึกแล้ว เออแล้วนายก็อย่าลืมกลับบ้านไปพักผ่อนด้วยล่ะ พี่ไปก่อนนะ^^” พี่เจมส์โบกมือลาก่อนที่จะลากตัวซาวากิให้ตามไปด้วยทั้งๆที่เธอเหมือนจะยากอยู่ต่อ ทั้งจิกทั้งกัดมือพี่เจมส์สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายที่บอกเธอให้กลับเธอถึงจะยอมกลับแต่โดยดี...
แล้ว...พัดชาหายไปไหนนานเลยล่ะ?
ผมเห็นแล้ว ผมเห็นแค่แผ่นหลังของเธอที่ตอนนี้กำลังเดินก้มหน้าไปไหนไม่รู้ นี่คิดจะทิ้งผมเหรอเนี่ย เอาแต่ใจจริงๆเธอคนนี้
“พัดชา รอฉันด้วยสิพัด!” ผมตะโกนเรียกชื่อเธอไล่หลัง แต่เจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าที่จะหันมาเอาแต่รวบรวมกำลังแล้วเดินหนีไปเร็วกว่าเดิม
เธอเห็นผมจูบกับซาวากิอีกรึเปล่า...
“พัดชา เป็นอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย” ผมแกล้งถามทั้งๆที่น่าจะรู้คำตอบดี ไม่รู้ว่าผมเดินเร็วหรือเธอเดินช้า มือของผมดันไปคว้าข้อมือของยัยตัวเล็กไว้จึงทำให้เธอหยุดเดิน ใบหน้าหวานหันมาพลางขมวดคิ้วแล้วกัดริมฝีปากเหมือนคนกำลังโกรธ
“อะไรของนายล่ะ ฉันก็จะกลับบ้านไง” เรียวปากสีชมพูเปล่งเสียงเรียบๆออกมา ผมเดาไม่ถูกเลยว่าเธอคนนี้กำลังรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ ก็...เมื่อกี้เธอไม่ได้เห็นผมกับซาวากิจูบกันหรอกเหรอ
“ให้ฉันไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอกฉันกลับเองได้” ผมนิ่งไปสักครู่หลังจากที่เธอปฏิเสธและหลุบตาต่ำเหมือนปิดบังอะไรบางอย่าง “ดึกแล้วนี่ ฉันไปก่อนนะ”
น้ำเสียงเธอดูไม่กระตือรือร้น...
“อืม...โชคดีนะ” ผมบอกก่อนที่พัดชาจะเดินหันหลังจากไปช้าๆในใจผมตอนนี้รู้สึกไม่ดีเลย “ขอโทษนะ!”
ถ้าพัดชาเห็นผมจูบกับซาวากิจริงๆแล้วเสียใจแสดงว่ายัยตัวเล็กหลงรักผมเข้าแล้ว...
ผมมีความจริงอะไรจะบอก...ระหว่างนี้ผมจะเดินเที่ยวไปรอบๆเมืองชมแสงสีเสียงบรรยากาศตอนกลางคืนไปด้วย
อ่า...ผมชื่อเวกัส ครอบครัวของผมมันช่างซับซ้อนวุ่นวายเพราะฉะนั้นผมจะตัดออกไปก่อนละกันนะครับ ผมตัดสินใจมาที่เมืองไทยบ้านเกิดตัวเองก็เพื่ออะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ขอเก็บเป็นความลับ และมันก็คงจะเฉลยในเร็วๆนี้ถ้าผมทำสำเร็จ ผมมีเพื่อนที่เมืองไทยชื่อว่าไอ้แทตไอ้คนนี้มันทั้งหล่อทั้งรวยและโสดเสียด้วย ก็เหมือนผมนั่นแหละจีบหญิงไปทั่วเอาเข้าจริงๆก็ไม่มีคู่ตลอด ส่วนว่าน...จะบอกว่าว่านเป็นแฟนผมก็ใช่นะ แต่ผมกลับเห็นว่าเธอเป็นแค่เพื่อนผมมากกว่า ผมแทบจะไม่หวั่นไหวกับว่านเลย
ผมรู้สึกว่าผมเข้ากับว่านเข้ากันไม่ได้...แต่ ถ้าผมบอกกับเธอว่าคิดแค่เพื่อนผลที่ได้คืออะไรถ้าไม่ใช่น้ำตาของผู้หญิง
ผมเกลียดที่สุดเลย น้ำตาของผู้หญิงเนี่ย...
“ฮึ?”
“กำไลข้อมือสวยๆ สร้อยงามๆ แหวนต่างหูก็มีนะคะ เชิญเข้ามาเลือกในร้านได้เลยค่ะ^^” จู่ๆผมก็เหลือบไปเห็นร้านขายของกิบช้อป ซึ่งผมสะดุดของอยู่อย่างหนึ่ง มันเป็นสร้อยจี้รูปหัวใจ ฮะๆ...ผมก็ว่าเข้ากับพัดชาดีนะ
ผมเดินเข้าไปเลือกโดยไม่ลังเลแล้วก็จ่ายเงินเป็นอันเสร็จสรรพเรียบร้อย...ผมเดินออกจากร้านพลางยิ้มบางๆ หวังว่าวันจันทร์มันคงจะไปอยู่ที่พัดชา ผมจะถือโอกาสขอคืนดีกับเธอเลย^^
วันจันทร์...(6in365day)
เช้าวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ มักจะเป็นวันที่วุ่นวายที่สุด...ภายในรั้วโรงเรียนกินนอนเฉพาะมัถยมปลาย นักเรียนทุกคนต่างพากกันขนข้าวของกลับไปที่ห้องของตนเหมือนเดิม รวมทั้งพัดชาและเพื่อนๆของเธอด้วย
“จะวางละนะ ย้ากกกกกก!” ปุยฝ้ายลดาและปังปอนจำเป็นต้องหลีกทางให้พัดชาที่กำลังจะวางกระเป๋าผ้าที่เธอแบกมาซึ่งมันดูเหมือนจะหนักเอามากๆจนเจ้าตัวหน้าซีดเผือด
ตุ้ม!
พอวางลง ใบหน้าที่ซีดเซียวก็ดีขึ้น เธอนั่งหอบแหกๆพลางยกขวดน้ำที่ถือมาด้วยขึ้นดื่มอึกๆ
“ของอะไรเยอะแยะอ่ะพัด นี่กะจะย้ายมานอนโรงเรียนเลยรึไง-_-” ปุยฝ้ายเพื่อนตัวเล็กที่กำลังจัดเรียงของให้เป็นระเบียบบ่นขึ้น
“อือ ว่าจะไม่กลับไปแล้วแหละ” พัดชาโยนขวดน้ำทิ้งลงถังก่อนแล้วพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างเอื่อมระอา
“เป็นไรเหรอพัด ปุยฝ้ายมันก็แค่พูดเล่นเอง” ลดาถาม
“ก็...เบื่อๆ...เซ็งๆ...อยู่โรงเรียนยังมีอะไรทำเยอะกว่าอีก”
“พัดชาจะทำอะไรล่ะ เค้าก็กลับบ้านกันหมด” ปังปอนเดินอ้อมมาด้านหลังพัดชาแล้วนวดไหล่ให้เบาๆ พัดชาเลยหันไปหยิกแก้มพองๆขอเพื่อนชายครึ่งหญิงที่แสนน่ารักอย่างหมั่นเขี้ยว
“ก็ปังปอนอยู่ที่โรงเรียนไม่ใช่เหรอ เราก็จะอยู่กับปอนไง^^” ปังปอนหัวเราะคิกๆหลังจากฟังที่พัดชาพูด
“เราทำการบ้านกับเพื่อนห้องอื่นอ่ะ พัดชาไม่รู้จักหรอก จะอึดอัดไหมล่ะ”
“ไม่ๆๆๆ เราน่ะเข้าคนง่ายจะตาย โอเค! อาทิตย์นี้เราจะตั้งใจเรียน” พัดชากำมือแน่นแล้วยืดออกไปสุดแขน ลดากับปุยฝ้ายเห็นเพื่อนสาวตัวเองที่จู่ๆก็เกิดอยากตั้งใจเรียนขึ้นมาก็กลอกตายักคิ้วขึ้นพร้อมกับถอนหายใจใส่แล้วหันไปจัดของต่อ
พัดชาแอบไหวไหล่ใส่สองเพื่อนสาวก่อนที่จะมาสนใจกระเป๋าใบโตของตัวเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
หลังจากที่เห็นภาพในวันนั้น...ใจเธอก็ด้านชาขึ้นเยอะกว่าเดิม และในตอนนี้...ไม่มีอะไรที่ทำให้เธอเสียใจอีกแล้ว
ชมรมบาสเก็ตบอล...
ร่างเล็กเดินถือผ้าขนหนูเข้ามาในโรงยิมแล้วแจกจ่ายให้กับนักกีฬาทุกคนรวมถึงเวกัสตามคำสั่งของรุ่นพี่ วันนี้ไม่มียัยตัวร้ายเข้ามาจุ่นจ้านวุ่นวายจึงทำให้เป็นวันที่ดีที่สุดของพัดชา
“ขอบคุณครับ^^” ร่างสูงวิ่งฝ่าผู้คนจากอีกด้านหนึ่งมายังอีกด้านหนึ่งเพื่อที่จะรับผ้าขนหนูจากพัดชา เธอยื่นให้แล้วได้รับคำขอบคุณกลับมา แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอดูเปลี่ยนไปนั่นก็คือ จิตใจที่ด้านชา เพราะฉะนั้น...เธอจึงไม่หวั่นไหวกับอะไรง่ายๆอีกต่อไปแล้ว
“อื้อๆไม่เป็นไร^^” ยัยตัวเล็กส่ายหน้าให้ก่อนที่จะใช้มือป้องปากตะโกนถามน้ำเสียงสดใส “ใครจะรับผ้าเย็นเชิญทางนี้นะคะ เหลือเยอะเลยค่า!”
“...” เวกัสเช็ดเหงื่อตามเนื้อตามตัวและยังไม่วายหันมามองใบหน้าสวยใสของหล่อน จู่ๆเขาก็นึกสนใจในตัวพัดชาขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน เวกัสเฝ้ารอพัดชาหันมาสบตา...แต่...เนิ่นนานที่เวกัสยืนเพ่งสายตามองไปที่ร่างเล็ก ก็ไม่เห็นมีวี่แววที่ยัยตัวเล็กจะหันมาเลย
“พัดชา ขอให้ฉันผืนหนึ่งสิ”
พัดชาส่งผ้าขนหนูให้แทตเพื่อนสนิทของเวกัส
“อ่ะ ผืนสุดท้ายพอดี^^” เด็กสาวพาดมันไว้บนบ่าของแทต
“จริงเหรอ แสดงว่าแฟนฉันต้องสวยแน่ๆเลย ใครน้า~” แทตพูดพลางเสสายตามองเวกัสแล้วยิ้มเยาะเย้ย
“หือ? อะไร...หน้าฉันมีอะไรติดเหรอนายถึงได้มองแบบนั้น” แทตจ้องหน้าพัดชาแล้วคลี่ยิ้มให้
“รึแฟนของฉันจะเป็นเธอ”
“มันไม่มีวันนั้นหรอก ฉันก็คน...มีสมองนะ^^” ยัยตัวเล็กทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำเอาสองหนุ่มถึงกับอยากจะหยุดหายใจไปสักหนึ่งวินาทีแล้วเดินจากไป แทตส่ายหน้าให้กับตัวเองหน่ายๆ เวกัสก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เมินแค่เขาคนเดียว...
[บันทึกของพัดชา]
ทำไมยิ่งดึก...ก็เหมือนยิ่งเหงา เหมือนอยู่คนเดียวตามลำพัง...
เฮ้อ...มองไปทางไหนก็กลับกลายเป็นน่าเบื่อไปหมด งานก็ไม่คิดจะแตะ หนังสือก็ไม่อยากจะอ่านอีกต่อไปแล้ว บางที การปล่อยวางอะไรบางอย่างก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉันนะ คิดไปคิดมาตัวเองก็โง่ดีนะ...เฮอะๆ
ทั้งๆที่ห้ามใจตัวเองไว้แล้ว แต่ทำไมมันไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่งบ้างนะ ฉันรู้สึกสับสนตัวเองมาก เหมือนมีทั้งภูติและนางฟ้าตัวน้อยคอยเป่าหูฉันเล่น ถ้าฉันไม่ฆ่าภูติให้สลายไปป่านนี้คงจะร้องไห้ทำตัวงี่เง้าแล้วมั้ง
แว่น...เพื่อนสมัยประถม บอกฉันมาเสมอว่า ‘ให้เข็มแขง อดทน และอย่าร้องไห้เป็นครั้งที่สอง ที่สาม ที่สี่ และครั้งต่อๆไป เมื่อทำพลาดแล้วก็ห้ามทำซ้ำ’ ฉันจำคำที่เธอบอกไว้เสมอนะ และฉันก็จะไม่ร้องไห้อีกเป็นครั้งต่อไป แม้ว่าเรื่องที่พบเจอมันจะร้ายแรงสักแค่ไหน
โอม...น้ำตาจงเหือดแห้งไป เพี้ยง~
“แว่น...ถ้าเธอไม่จากไป ป่านนี้เราคงได้อยู่เรียนร่วมกัน อยู่ฟังความคิดเห็นของกันและกัน...ว่าไหม” ฉันยืนเกาะราวระเบียงชั้นสามแล้วมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดมิดไร้ดวงดาวส่องประกาย แต่ยังมีดวงหนึ่งที่พยายามส่องแสง นั่นเพื่อนของฉันรึเปล่านะ...
“ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอนะแว่น แม้เธอจะจากฉันไปนานแล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเธอยังอยู่ข้างๆ คอยมองฉันอยู่ ใช่ไหม” ดวงดาวดวงนั้นมันสั่นไหว เหมือนกลับดวงตาของนางฟ้าที่กลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างนั้นแหละ
“แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก หลับให้สบายเถอะ” ฉันห่อไหล่ด้วยความหนาวเพราะลมมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นคืนที่น่านอนที่สุดสำหรับทุกคน แต่สำหรับฉัน...อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ก่อน หรือไม่ก็ย้อนไปตอนเปิดเรียนใหม่ๆ ฉันจะทำเป็นเข็มแขง ฉันจะไม่ร้องไห้เลย...ขอให้เวลามันผ่านไปช้าๆ...
วันอังคาร...(7in365day)
คาบสุดท้ายของวันนี้ที่อาจารย์ปรึกษาประจำห้องขอคาบไปจนได้ จึงทำให้คาบว่างสุดท้ายของวันนี้ไม่เป็นอิสระเอาซะเลย
“นี่ๆ พวกเธอ! เล่นอะไรกันนักหนา เสียงดังเกินไปแล้ว ฟังที่ครูพูดบางสิพรุ่งนี้จะไปเข้าค่ายแล้วยังเลือกสถานที่ไม่ได้เลย งบประมาณก็ไม่มี ไม่อย่างนั้นครูจะให้พวกเธอไปทำความสะอาดวัดนะ เอามั้ย?” เสียงโหวกเหวกโวยวายเงียบลงเมื่อมีเสียงหนักแน่นของครูที่ปรึกษาดังสวนขึ้น ในขณะเดียวกันพัดชาฟังรายละเอียดอย่างตั้งใจ
“การเข้าค่ายมันเป็นวัฒนธรรมรับลูกศิษย์ของทุกปี ต้องไปตอนกลางคืนด้วย ซึ่งที่ที่ครูจะพาไปคือในป่า” เสียงของครูค่อยๆแผ่วเบาลงพร้อมกับเบิกตาให้กว้างโตขึ้นทำเด็กๆในห้องขวัญเสีย “ช้า”
“อะไรนะคะครู!”
“ครูจะพาพวกเธอไปฝึกความกล้าหาญในสุสารก่อน แล้วอีกวันค่อยเดินขึ้นภูเขา หึหึ...ปีนี้อาจจะหนักกว่าปีผ่านๆมาหน่อยนะ”
“แล้วเราจะนอนกันที่ไหนคะ” พัดชายกมือถาม
“เราจะกลับมานอนกันที่โรงเรียน^^”
“อ๊าย หนูไม่ไปได้ไหมคะT[]T” ลดาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เพราะหล่อนเป็นคนกลัวผี แต่พัดชากลับดูเหมือนว่าเป็นเรื่องสนุก คราวนี้แหละ เธอต้องฝึกความกล้าหาญกับตัวเองให้ได้
“ไม่ได้ นี่ถือว่าเป็นการรับลูกศิษย์โดยครูต้องไปทุกคน”
“น่าสนุกดีนะครับครู^^” เวกัสพูดพลางชำเลืองหางตาไปที่พัดชา “แล้วครูมีเกมอะไรให้เล่นระหว่างที่เข้าค่ายไหมครับ”
“เป็นคำถามที่ดีมากเวกัส ไปถึงก็จะรู้เอง วันนี้ครูก็มาบอกเพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแค่นี้ก่อน หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ” หลังจากที่ครูชี้แจงรายละเอียด พัดชาซึ่งเป็นหัวหน้าห้องต้องบอกทำความเคารพทุกครั้งเมื่ออาจารย์จะเดินออกจากห้อง เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเปล่งเสียงใสออกมา
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”
“ขอบคุณค่ะ/ครับ”
พัดชาและปุยฝ้ายต่างเก็บหนังสือหนังหาเข้าใส่กระเป๋านักเรียนให้เรียบร้อยพร้อมที่จะกลับหอพักและเตรียมตัวเข้าชมรม จู่ๆเวกัสก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กสาว แววตาของเขามองเธออย่างเคลือบแคลงยิ่งนัก
“พัด เย็นนี้คุยกันก่อนได้ไหม”
“คุย? คุยอะไรอ่ะ” พัดชาเลิกคิ้ว
“พอดีมีอะไรจะให้น่ะ” เวกัสพูดพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย ยิ่งทำให้เด็กสาวแปลกปะหลาดใจ
“ให้ตรงนี้เลยก็ได้นิ เอามาสิ จะให้อะไรล่ะ” ไม่ว่าจะใช้สายตามองยังไง เด็กสาวคนนี้ก็ไม่มีทีท่าจะหวั่นไหวเลยสักนิด เมื่อก่อนเธอขี้กลัวกว่านี้ ไม่รู้อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปขนาดนี้นะ
เวกัสค่อยๆหยิบสร้อยที่แวะซื้อในขณะที่จะกลับบ้านในกระเป๋ากางเกงนักเรียนขึ้นมาแล้วคลี่ให้คนตรงหน้าดู เธอมองจี้สร้อยเส้นนี้ตาเป็นประกายก่อนจะกล่าวขอบคุณ
“โอ้โห สวยมากเลยเวกัส ขอบใจนะ^^” การที่เธอทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ รู้ไหม...มันยิ่งทำให้อีกฝ่ายหัวเสียมากเลยนะ
“สวยเหรอ สวยมากไหมอ่ะ” เวกัสถามย้ำออกไปเพื่อที่จะให้คนตรงหน้าสนใจบ้าง
“ปุยฝ้าย เย็นนี้เรามาตั้งวงกินข้าวในหอพักลดามั้ย น่าสนุกดีน้า”
แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ...สักนิดเลย แต่ทำไมมันกลับตาลปัตรไปหมด เป็นเวกัสที่ต้องอ่อนแอลงทุกที ‘หรือนี่เป็นเพียงการแก้แค้นของพระเจ้า...’
กรี๊ดกร๊าดดดดด จบแล้วเว้ยบทนี้! T[]T ช่วงนี้ทำไมไรท์ไม่มีแรงบัลดาลใจเลยนะ ฮรือออ
ไม่มีหนุ่มคนไหนให้แอบมองเลย(ถุย5555)เป็นความจริงค่ะ เวลาเขียนเรื่องรักๆใคร่ๆถ้าไม่ได้ชอบใครก็เขียนไม่ออก ต้องหาซีรีย์เกาหลีดู ให้มันหลงรักพระเอกซีรีย์ไปซะ=_=* (ปยอมาก5555)
ไรท์ขอสัญญาว่า บทต่อไปจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ! ขอไปเก็บรายละเอียดจากโลกส่วนตัวของไรท์ก่อนน้า5555 ฟิ้ววววววว~~~
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โธ่เอ๊ยเวกัส อยากจะบอกอะไรก็รีบๆบอกไปเซ่...
ขอโทษทีค่ะ ช่วงนี้ยุ่งมากกกกก เลยมาติดตามช้าไป (มาก) แล้วก็ขอบคุณมากนะคะสำหรับการติดตามเรื่อง Love organization จนจบ
ปริ่มมมม
**สาร เขียนผิดนะจ๊ะ ต้องเขียนว่า สุสาน
**ตอนเวกัสเดินมาหาอะค่ะ อ่านแล้วแหม่ง ๆ ไรท์ลองอ่านดูนะ
[จู่ ๆ เวกัสก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวพลางแววตาของเขาช่างเคลือบแคลงสงสัยยิ่งนัก]
ลองเปลี่ยนเป็น
[จู่ ๆ เวกัสก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเด็กสาว แววตาของเขามองเธออย่างเคลือบแคลงยิ่งนัก]
ส่วนเวกัสก็ไปจูบกับคนอื่นทำไมมมรู้ไหมว่าทำให้พัดชาคิดมากก
ขอให้เวกัสง้อพัดชาได้สำเร็จเถอะ เพี้ยงๆ