คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Chapter 16 : The Labyrinth
Chapter 16 : The Labyrinth
บนยอดสูงของปิรามิด โลกิ ปราดสายตากวาดมองพื้นบริเวณรอบฐานปิรามิด พลางให้สมองอันปราดเปรื่องแล่น
ไปอย่างเยือกเย็น และในที่สุด ปริศนาการหายตัวไปของเหล่าทหาร ได้เป็นที่ประจักษ์แก่ตัวเขาเอง
โลกิ เดินกลับลงมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปกระซิบกับ ทอล แล้วจึงหันมา
ออกคำสั่งกับเพื่อนๆ
“ ทุกคนถอยออกให้ห่างจากแนวของประตูบานนั้นซะ ”
โลกิ ชี้ไปยังบานประตูหนึ่งซึ่งเบื้องหน้าประตู มีแค่ ซาจิทาเรียสกับ ไนติงเกล ที่ยืนอยู่
ทั้งสองขยับเดินถอยออกมาตามที่สั่ง เมื่อภายในรัศมีที่โลกิ ต้องการไม่มีใครยืนอยู่อีก เขาจึงตั้งท่าร่ายมนตราทันที
“ กาเทสม่า แอสเทก้า มาเทสก้า! น้ำหนักของความผิดบาปเอ๋ยจงกลั่นตัวเป็นศิลาเตมโปลมายอร์
ค้ำจุนมหาวิหาร ศิลาเทพค้อนหินบด สโตนแฮมเมอร์!! ”
มานาในบรรยากาศกลั่นตัวกลายเป็นละอองแสงสว่างและรวมตัวบีบอัดเข้าด้วยกันจนขยายใหญ่กลายเป็นค้อนหิน
แต่ขนาดของมันกลับขยายได้ใหญ่ที่สุดแค่เพียงครึ่งเดียว กับหนที่เคยใช้โจมตีใส่ทอล
นั่นเป็นเพราะการร่ายมนตราในหนนี้ เป็นการลักจำเอาจากครั้งที่ได้ดื่มยาสูตรพิเศษของเซเอร์คามิโอ
ที่ช่วยให้สามารถใช้เวทมนต์สังกัดแห่งดินได้ เนื่องจากเป็นเวทมนต์ที่ เจ้าตัวได้มาโดยไม่ได้มาจากการฝึก
จนเกิดความชำนาญ จึงเรียกออกมาได้ไม่เท่ากับในสภาพที่กินยานั่นเอง
กระนั้นค้อนศิลาที่มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของขนาดเต็ม ก็ยังมีน้ำหนักมากพอจะสร้างความเสียหายได้
ค้อนศิลาหล่นลงจากอากาศกระทบเข้ากับพื้นปิรามิดอย่างเต็มแรง แรงกระแทกพัดเอาฝุ่นควันลอยขึ้น
ในอากาศ ท่ามกลางหมกฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย เงาขนาดใหญ่เคลื่อนตัวขึ้นมาจากพื้นด้านล่าง
และพุ่งผ่านไปต่อหน้าต่อตาเหล่าผู้กล้าอย่างรวดเร็ว
“ ตอนนี้แหละแทงลงไปเลย!! ” เสียงตะโกนของโลกิ ดังลั่นขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน
ทอล ซึ่งเตรียมตัวรอท่าไว้อยู่แล้ว จึงลากดาบคู่ใจทั้งสองเล่ม วิ่งไปดักหน้าเงาที่กำลังจะฟุบ
กลับลงไปในกลุ่มควัน เขายกดาบทั้งสองเล่มขึ้นแล้วแทงลงไปบนพื้น
แกร๊งงงง!!!!!
เงาใหญ่นั้นกระทบเข้ากับดาบ จนเกิดเสียงสะท้อนดังสนั่น แรงกระแทกนั้นกดลงอย่างรุนแรง
ลากเอาตัวหมาป่าดำผู้ถือดาบเสียหลักล้มหน้าฟุบพื้น แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับดาบไว้มั่น
เมื่อฝุ่นควันจางลง ภาพซึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของผู้กล้าทั้งแปด คือแผ่นหินที่เป็นพื้น
ซึ่งพวกเขาเพิ่งจะเหยียบอยู่เมื่อครู่ก่อนที่โลกิ จะไล่ ให้ถอยออกมา ได้เปิดอ้าออก
เหมือนประตูกล และที่ปลายของแผ่นหินถูกดาบของ ทอล ค้ำเอาไว้ทำให้มันไม่สามารถปิดกลับลงไปได้
ส่วนค้อนหินที่ทิ้งน้ำหนักลงไปยังปลายของแผ่นหินนั้นได้ตกลงไปในตอนที่ประตูกลพลิกตัวขึ้นมา
“ ม..มีประตูกลอยู่ตรงนี้หรอกหรือเนี่ย!! ”
ไนติงเกล กลืนน้ำลายเข้าไปเอือกใหญ่ หากเมื่อครู่มีใครในพวกเขาที่มีน้ำหนักตัวมากพอมายืนคู่กับเธอ
กลไกนี้คงจะได้กลืนทั้งเธอและเพื่อนอีกตัวที่มายืนด้วยกันลงไปแน่
“ หมายความว่าทุกคนตกลงไปในประตูกลนี่น่ะหรอ ” ไนติงเกลหันไปซักเอากับ โลกิ ที่เป็นเพียงคนเดียว
ที่ไม่มีสีหน้าตกใจกับเรื่องประตูกล
“ อืม ฉันนึกออกตอนที่ แชร์คาน บอกว่าเห็นเงาจากด้านบน พอลองมาคิดดู่ว่าที่นี่เป็นถิ่นของศัตรูด้วยแล้ว
ก็ไม่น่าแปลกที่จะมีกับดักอยู่ ”
คอยน์แมวหนุ่มหนึ่งเดียวในกลุ่ม เดินเข้ามาและมองลงไปในร่องของประตูที่เปิดอ้าอยู่แล้วพูดขึ้น
“ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะเนี่ยเท่าที่ดูแล้ว มันลึกน่าดูเลยนะ พวกข้างล่างคงไม่ได้ตกลงไปคอหักตายกันหมดแล้วหรอกนะ ”
“ ปากเสียน่า คอยน์ แค่นี้ทุกคนไม่ตายหรอก!! ” ทอล ตะคอก ขึ้นมา
“ อึ้ย~~~ แค่พูดเล่นเอง ไม่เห็นต้องโกร…ธ แอ้ก!! ”
คอยน์พูดยังไม่ทันจะขาดคำดี ทอ่นแขนเรียวยาวแต่แข็งปั้กราวกับแท่งเหล็ก ก็หวดเข้าใส่หน้า
เต็มๆจนหงายหลัง แชร์คาร์น พึ่งฟาดท่อนแขนของเธอใส่แมวหนุ่มด้วยความหมั่นไส้
ก่อนจะต่อว่าเขาทันที
“ เป็นแมวแท้ๆอย่าปากหมาจะได้มะ! ”
“ ขะ ขอโทษก้าบบบบ~~~~~~~~~ ” คอยน์ครางเสียงยานและกุมดั้งจมูกที่แดงเพราะถูกหวดด้วยท่อนแขนของเธอ
“ ใจเย็นน่าพี่ พวกคุณพ่อน่าจะยังปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ต้องรีบหาอะไรที่แข็งแรงแล้วก็ใหญ่พอจะงัดประตูให้
เปิดกว้างกว่านี้ก่อน แล้วค่อยลงไปช่วยทุกคนนะ ”
โลกิ อธิบายแผนการณ์ช่วยเหลือให้ฟังโดยหวังว่ามันจะช่วยทุเลาความโกรธของ ทอล ลงบ้าง
เพราะนับตั้งแต่ที่ โอดินหายตัวไป ทอลก็เริ่มมีท่าทีไม่สงบ ซึ่งตัวเขาเองก็เช่นกันที่ระสับระส่ายอยู่ไม่น้อย
กับเหตุการณ์ในขณะนี้ บรดาเพื่อนผู้กล้าคนอื่นๆก็ไม่ต่างกันนัก ทุกคนต่างรุ้สึกสับสนและตื่นกลัว
แถมด้วยการที่ผู้นำอย่าง โอดินหรือโบลดาสหายไปเช่นนี้ จึงสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องมีใครซัก
คนออกมาชี้นำแก่พวกเขา ซึ่งตอนนี้หน้าที่ดังกล่าว โลกิคงต้องยกให้ตัวเองเป็นคนแบกรับ
เพราะตัวแทน เซอร์คามิโอ ซึ่งเดิมจะต้องมาทำหน้าที่นำทัพหน่วยผู้กล้าก็ดันกลายเป็นแพนด้าแดง
ที่ดูจะพึ่งพาไม่ค่อยได้นัก
โอวววววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงคำรามดังก้องขึ้นมาจากใต้ฐานของปิรามิดที่พวกเขายืนอยู่ และตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือน
อันรุนแรงที่เขย่า ปิรามิดทั้งหลังให้สั่นไปมา ไม่มีใครจะทรงตัวอยู่ท่ามกลางแรง
สั่นสะเทือนราวแผ่นดินไหว นี้ได้
“ กะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย หวา!!!! ” แพนด้าแดง กรีดร้อง
“ ทุกคน! รีบหาที่ยึดจับไว้…. ”
โลกิ ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว ทว่าเสียงประหลาดที่ดังแทรกมากับเสียงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
ทำให้เขาต้องหยุดเงี่ยหูฟัง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงประหลาดนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
วินาทีต่อมา ฐานของปิรามิดได้แยกตัวออกจากกัน แล้วผู้กล้าทั้งเจ็ดรวมไปถึงแพนด้าแดง ทั้งหมด
ถูกกลืนลงไปในความมืดอันแสนลึกล้ำ ใต้ปิรามิด…………..
“ เหวอออออออออ!!!!!!!!! ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ช่วยด้วย!! ”
“ ว๊ากกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!! ”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก ลิงหนุ่มพยายามคว้ามือของ พี่ชายหมาป่าเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก
แต่ระยะห่างของทั้งคู่กลับยิ่งมากขึ้นเมื่อร่วงหล่นลึกลงมา
“ โลกิ!!!! ”
“ พี่!!!!!! ”
สัตว์หางทั้ง 8 ตัวต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
……………………………………
ภาพการร่วงหล่นของคณะผู้กล้า สะท้อนอยู่ในดวงตาของ แมวเฒ่ามาโอห์ผู้เป็นนายแห่งปิรามิดนี้และเป็น
แอกเกรเซอร์หรือผู้ถวายตนเป็นข้ารับใช้ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
มาโอห์ นั่งทอดหุ่ยอยู่ฝาโลงศพหินภายในห้องชั้นลึกที่สุดของ ปิรามิด พลางจับตามองทัพจากเมือง
แสงที่มาตามล่าตน ผ่านลูกแก้วอาคม
“ หึๆๆ แห่กันมาติดกับเหมือนหนูเลยนะพวกแก จงกลายเป็นอาหารของพวกผีดิบในทาง
วงกตมรณะเสียเถอะ ”
…………………………………………………………………………………
……………………………………………
……………………..
“ แม่! แม่! ลืมตาสิ ลืมตาสิครับแม่!!! ”
ลูกหมาป่าสีดำเปล่งเสียงปลุกนางหมาป่าผู้เป็นมารดาเสียงร้องของเขาปลิ่มจะขาดใจ เมื่อสัมผัสจากมือที่
กำลังเขย่าร่างของมารดานั้น เย็นเฉียบนางสิ้นใจไปเสียแล้ว ร่างของนางเต็มไปด้วยแผลไฟไหม้
ทั่วทุกจุกเหมือนพึ่งกระโจมผ่านกองเพลิงมา เบื้องหน้าครอบครัวหมาป่า คือฝูงแมลงสิงโต
กว่า 40 ตัว และตัวจ่าฝูงที่อยู่แถวหน้าสุดยังมีไฟสีดำลุกไหม้บนแผงคอของมัน
“ ร้องจะเป็นจะตายเชียวนะ ถ้ายอมส่งตัวแกมาแต่แรกก็ไม่ต้องทรมานแบบนี้แท้ๆ ”
จ่าฝูงแมลงสิงโต พูด น้ำเสียงของมันเหี้ ยมเกรียมและดุดัน มันคือผู้สังหารนางหมาป่า
โดยมีเป้าหมายจะช่วงชิงตัวลูกของนางมา
“ แม่!!!แม่!!! ” ลูกหมาป่ายังคงร้องเรียกอย่างตือเนื่องโดยหวังว่าจะมีปาติหารย์ทำให้มารดาของตนฟื้นขึ้นมา
“ ทีนี้ก็ตาแกแล้วเฟนเลอร์ เตรียมใจเอาไว้แล้วรึยัง ”
จ่าฝูงแมลงสิงโต กล่าวพร้อมกันนั้นก็ย่างเท้าเดินเข้าไปใกล้ลูกหมาป่า
“ ถ้าจะโทษก็โทษที่ตัวแกเกิดมาเถอะ” จ่าฝูลแมลงสิงโตหันกลับไปพร้อมกับสั่งบรรดาลูกน้องของมัน
เสียงห้าว “ ฆ่ามันซะ!! ”
แมลงสิงโตนับสิบๆตัวแห่กรูกันพุ่งเข้าหาลูกหมาป่าที่ได้แต่นั่งตัวสั่นด้วยความกลัวและความโศก
อยู่ข้างๆศพของมารดา เฟนเลอร์นามของลูกหมาป่าสีดำ ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นอาหารอันโอชะ
ของเหล่าแมลงสิงโต
หนึ่งวินาที….. สองวินาที…… สามวินาที เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เสี้ยววินาทีของความเป็นความตาย
บางสิ่งในตัวของเฟนเลอร์ ก็ได้ตื่นขึ้นมา…………………….สีดำ……….
ความมืดสีดำสนิทแผ่ขึ้นมาซ้อนทับภาพซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตาของลูกหมาป่า ทุกอย่างมืดสนิทลง
เมื่อความมืดนั้นอาบดวงตาของเขาจนดำสนิทหัวใจของลูกหมาป่ารับรู้ถึงความมืดนี้ว่ามัน
อาจจะเป็นความตาย และได้ทำใจยอมรับอย่างเงียบสงบ เขาคงจได้พบกับแม่ของเขาในอีกไม่ช้า
“ บ้าน่า!!!! ” น้ำเสียงเหี้ ยมเกรียมซึ่งสบถออกจากปากของจ่าฝูงมลงสิงโต ดึงให้ลูกหมาป่ากลับมาจากผวัง
ความมืดที่เคยปกคลุมทุกสิ่งได้หายไปแล้ว และฝูงแมลงสิงโตที่ได้กรูกันเข้ามาเมื่อซักครู่ กลับเหลือแต่
ซากร่างที่ดำไหม้ราวกับถูกย่างสดด้วยไฟแรงๆ มีเพียงจ่าฝูงแมลงสิงโต ที่ยังเหลือรอดอยู่
ดวงตาของมันฉสยแววของความหวาดกลัว มันกำลังหวาดกลัวอะไรซักอย่าง
…………………..ฉันเองเหรือที่มันหวาดกลัว……………………..
…………………………….มันกลัวอะไรกันล่ะ…………………….
คำถามต่างๆก้องอยู่ภายในจิตใจของลูกหมาป่า ความรู้สึกแรกที่รับรู้ได้หลังกลับมาจากความมืดมิด
คือความเหนื่อยล้าและความหิวโหย ราวกับพลังงานภายในร่างถูกปลดปล่อยออกไปจนหมด
“ เจ้า!!! ทำไมถึงปล่อยไฟสีดำออกมาได้!! เจ้ามีความเกี่ยวข้องอันใดกับข้า!!ตอบมา ”
คำตอบของคำถามที่จ่าฝูงแมลงสิงโต ถามมานั้น คือความฉงนอันเงียบงันของลูกหมาป่า
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดลงในทันที มีเพียงเสียงปะทุของไฟสีดำที่ลุกไหม้ซากแมลงสิงโต
เท่านั้นที่ยังคงดังปะทุอยู่
โฮกกกกก!!
จ่าฝูงสิงโตคำราม และเป็นผู้บุกเข้าทำลายความเงียบนี้ มันถลาตัวพุ่งเข้าหาลูกหมาป่า พร้อมกับอ้าปากกว้าง
เผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม ซึ่งหมายจะขย้ำให้สิ้นใจในครั้งเดียวโดยไม่ให้ตั้งตัว
…………………………………………………..
…………………….
“ ทอล!! ”
“ หา? ”
บรึมมมมม!!!!!!!!!
เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทราวฟ้าร้องกระหึ่มขึ้นพร้อมๆกับแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์แผ่พุ่งขึ้นมา
จากรอยแยกรูปกา กบาทบนพื้น เวทมนต์พิฆาตของพาลาดิน แกรนครอส กระหน่ำเผาใส่ร่างซอมบี้
กลุ่มสำรวจวิจัย ที่ติดอยู่ในปิรามิดเมื่อตอนลงมาสำรวจ
“ ยังจะมาหาอีก! นายจะรีบไปตายรึไงกัน ถึงได้วิ่งนำออกมาไม่รอพวกฉันบ้างล่ะยะ! ”
ไนติงเกล กระต่ายสาวผู้วิ่งตามหลัง ทอล มาอย่างฉุนเฉียว โดยมี คากามิเลขาหมาป่าสีฟ้าวิ่งตามมาติดๆ
“ ซอมบี้พวกนี้ต้องเป็นกลุ่มสำรวจที่เคยเข้ามาตามที่บอกไว้ในบันทึกที่เราเจอที่ค่ายแน่ๆเลย ถ้าเข้าไปลึกกว่านี้อาจจะเจอตัวการที่ทำให้พวกเขากลายเป็นซอมบี้ก็ได้นะครับ ”
คากามิ พูดขึ้นหลังจากเห็นซากของเหล่าซอมบี้ที่ถูกทอลจัดการ เกลื่อนกระจายเต็มทางเดิน
พวกเขาทั้งสามตัว พลัดตกลงมายังทางวงกตใต้ปิรามิด โชคดีที่ได้ ไนติงเกลใช้หมากฝรั่งเคมีที่เธอ
ผสมขึ้นเองปาใส่พื้นให้มันขยายตัวกลายเป็นเบาะรองกระแทกให้กับ เธอและหมาป่าอีกสองตัว
==========Sticky Gum==========
หลังจากนั้น พวกเขาก็วุ่นวายกับการดึงตัวเองออกจากหมากปรั่งเหนียวหนืดกันอยู่พักใหญ่
แต่แล้ว ทอล กลับวิ่งออกมาเสียก่อนทำให้ทั้งเธอและ คากามิ ต้องรีบตามออกมาด้วย
โดยที่ยังไม่ทันได้พักให้หายเหนื่อยจากเหตุการณ์ชุลมุน ที่พึ่งผ่านมาหมาดๆ
“ ถ้าอยากพักก็พักไปสิ แต่ฉันรอไม่ได้แล้ว! ”
ทอล ตะคอกกลับมาก่อนจะเหลียวหลัง วิ่งออกไปโดยไม่สนใจต่อปฏิกิริยา ของเธอเลยแม้แต่นิด
“ หนอยตาบ้าทอล!! คากามิ รีบตามไปเร็วขืนปล่อยไว้มีหวังMp หมดได้กลายเป็นหมาเน่าคาปิรามิดแน่!! ”
“ คร้าบ~~~ๆ รับทราบคร้าบ~~~~~~~ ”
ไนติงเกล และคากามิจึงเร่งฝีเท้าของตนเพื่อตามทอล ที่วิ่งไปไกลแล้วให้ทันพวกเขาไม่อาจรับรู้ได้ถึงความกังวลที่กำลังปะทุระเบิดอยู่ในจิตใจของ ทอล
…………………….ฉันจะไม่ยอมเสียไปอีกแล้ว……………………
…………………………..นี่คือครอบครัวของฉัน……………………
……………………………พ่อ………โลกิ……….จะต้องช่วยเอาไว้ให้ได้………….
ณ ส่วนลึกของวังวนแห่งความว้าวุ่นในจิตใจของพาลาดินทอล มโนภาพในความทรงจำ
ของเขา ลูกหมาป่าดำ ที่กำลังจะถูกฆ่าโดยแมลงสิงโตที่แผงคอลุกโชนด้วยไฟสีดำ
นับตั้งแต่วันที่หมดสติไปในการจลาจลของ อาร์ไมม่อน กับ มาโอห์ ภาพเหล่านี้
ก็กลับมาวนเวียนอยู่ในหัวทั้งยามหลับหรือยามตื่น มันคือความทรงจำในส่วนลึกสุดที่เขาเคยลืมเลือน
ไปเมื่อนานมากแล้ว ลูกหมาป่าสีดำในวันนั้นคือตัวของเขา ที่รอดมาจนถึงบัดนี้…..
………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………….
……………………………………
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งของทางวงกตใต้ปิรามิด
“ เกนลูเบนิล ดิ นิลเบลูเกน!! ยูวห์ ซีเกล อันซูส!! ” (วงจรสุริยะเอ๋ยจงตอบรับข้า) ”
====================Flash Fire====================
โลกิ ร่ายคาถาด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะประทับฝ่ามือขวาลงบนพื้น บังเกิดเป็นวงแหวน
ไฟแผ่ตัวขยายออกเป็นวง ร่างซอมบี้ของคณะสำรวจ ซึ่งล้อมกรอบตัวเขาไว้ เมื่อสัมผัส
ถูกไฟจากวงแหวนที่แผ่ออกมาตามพื้นก็เกิดลุกไหม้ติดไฟขึ้น จนไหม้ตายไปเองในที่สุด
และเหลือทิ้งไว้เพียงซากไหม้ที่แห้งและดำสนิท ส่งกลิ่นไหม้ฉุนและปล่อยควันร้อนจาก
การถูกเผาหลังจากไฟมอดลง
เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่า พวกมทันทั้งหมดตายสนิทดีแล้ว ลิงหนุ่มจึงกลับหลังหันและ
ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดัง
“ เร่งฝีเท้าหน่อยเถอะคุณแพนด้าแดง ต้องรีบไปสมทบกับพวกพี่ให้เร็วที่สุด!! ”
แพนด้าแดงตัวน้อย พยายามขยับขาสั้นๆของตนวิ่งต้วมเตี้ยมตามมาอย่างทุลักทุเล ด้วยความที่เป็น
เจ้าหน้าที่เอกสารทำให้แทบไม่เคยฝึกฝนหรือออกกำลังเท่าไรห่นัก ยิ่งการจะวิ่งตามโลกิ
ที่เป็นผู้กล้าซ้ำยังขายาวกว่า มันเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการ โลกิ ทราบดีถึงข้อแตกต่างนี้
แต่กลุ่มของพวกเขาก็มีกันแค่สองคน มันไม่ปลอดภัยซักเท่าไหร่ ที่จะเอ้อระเหยอยู่กับที่นานๆ
ยิ่งคนที่ต่อสู้ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งหาก Mp ของเขาหมดลงเมื่อไหร่นักเวทอย่างเขา
ก็คงไม่ต่างอะไรกับแพนด้าแดงในตอนนี้
………………………………………………………………………
………………………………….
“ เดี่ยวก่อนทอล รอหน่อยสิ ! ” ไนติงเกล ตะโกนเสียงแหบๆ เธอแทบจะไม่มีเสียงแล้วหลังจากตะโกนมาร่วมชั่วโมง โดยหวังจะหยุดความมุทะลุของ ทอล ที่วิ่งดะไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม
“ แฮ่กๆ ให้ตายสิเจ้าหมอนี่ อยุ่เป็นบ้าอะไรของเค้ากันนะ คากามิ นายไปจับตัวมาที
ฉันเริ่มจะวิ่งไม่ไหวแล้ว เฮ้อ~~~~~ ”
“ ให้ลากกลับมาเลยหรือครับ? ”เลขาหมาป่า ถามด้วยสีหน้าฉงน
“ เออสิยะ ไปลากตัวตานั่นมาเดี๋ยวนี้เลยไม่งั้นวันนี้เราไม่ได้ออกจากที่นี่แน่ ”
“ หมายความว่าไงเหรอครับ? ”
“ ก็เรากำลังวิ่งเป็นวงกลมอยู่น่ะสิยะ นี่ไม่คุ้นทางมั่งเลยรึไง!? เราวิ่งวนกลับมาห้องเดิมเป็นชั่วโมงๆแล้วย่ะ ”
“ อ้าวถ้างั้นแล้วหัวหน้าจะวิ่งตามรุ่นพี่ทอลต่อทำไมล่ะครับ? ”
“ ……………….. ”
กระต่ายสาวนิ่งเงียบไปซักครู่ ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ถูกอย่างที่ เลขาของเธอบอก ถ้าหากวิ่งเป็นวงกลม เธอก็ไม่ควรจะวิ่งตามให้ไล่กันเป็นงูกินหางอยู่แบบนี้
เสียแต่แรก
“ เออจริงของนายงั้นก็ หยุด!!!! ” ไนติงเกล พูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก ทั้งสองชะงักฝีเท้าที่ควบห้อ
มาร่วมชั่วโมงเต็มๆ ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ สายตาทั้งคู่
มองเห็นแผ่นหลังของหมาป่าดำ ค่อยๆหายลับไป พวกเขานั่งรออยู่ประมาณ 5นาที
ก็มีเสียงสะท้อนดังใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าของสัตว์หางตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งย้อนกลับมา
อย่างขาดสติ ทอล วิ่งทะยานผ่านทั้งคู่ไปโดยไม่ทันได้มองเสียด้วยซ้ำ แล้วเขาก็หายลับไปอีกเป็นครั้งที่สอง
แล้วก็วนกลับมาอีกแล้วก็ผ่านไปอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยู่เป็นชั่วโมง จนในที่สุดเธอก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ช่วงที่รออยู่นี้เธอก็ได้ให้ เลขาหมาป่าคากามิ ช่วยชงชาด้วยชุดน้ำชาที่เธอพกมาด้วยต้มด้วย
ตะเกียงแอลกอฮอลล์ เมื่อชาได้ที่แล้วทั้งสองก็นั่งดื่มกันโดย มองดูทอลที่วิ่งห้อเป็นหมาบ้า
วนผ่านไปผ่านมา จนในที่สุดเวลาที่เธอรออยู่นานก็มาถึง เมื่อครบสองชั่วโมงหลังจากวิ่งสุดฝีเท้า
โดยไม่หยุด หมาป่าดำย้อนกลับมาในสภาพโทรมสุดขีด ก่อนจะล้มลงต่อหน้าเธอ
สายตาสมเพชมองดูร่างสีดำซึ่งกำลังหายใจอย่างกระหืดกระหอบ จมกองเหงื่อที่ไหลเจิงนอง
เต็มพื้น เธอยกถ้วยชาขึ้นซดเบาๆจนหมดแล้วจึงส่งแกวให้ คากามิรับไปเก็บ
ร่างเล็กยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมไปด้านหน้าของหมาป่าดำ ก่อนจะย่อตัวลงแล้วพูด
ด้วยเสียงเฉยชา
“ พร้อมจะไปกันต่อรึยัง? ”
“ …………………… ”
ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆจาก ทอล มีเพียงเสียงหอบหายใจดังฟืดฟาด เท่านั้น
“ นายจะห่วงโลกิ หรือ โอดิน มากขนาดไหนฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะแต่ช่วยมีสติหน่อยได้ไหม ”
“ …………………….. ” ร่างสีดำนั้นจ้องตอบเธอด้วยสายตาขุ่นเคืองก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียง
แหบแห้ง “ ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันว่าเราวิ่งวนเป็นวงกลม ”
“ แล้วนายฟังไหมล่ะ ”
“ …………………… ”
ทอล ได้เพียงแต่เงียบและหอบหายใจต่อไป ตอนนี้เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ
“ ฉันว่าตาบื้อโลกิ รั้นเกินใครแล้วนะ แต่นายนี่มันเข้าขั้นบ้าเลยล่ะ แล้วตอนนี้หายบ้ารึยังพ่อหนุ่มไฟแรง? ”
ไนติงเกล เย้ยถาม ร่างสีดำนั้นทำได้เพียงผงกหัวเบาๆเป็นสัญญาญ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายขึ้นบนใบหน้าของ
กระต่ายสาว เธอสั่งในคากามิ ยกกระเป๋าเป้ของเธอมา
“ ถ้างั้นทนเจ็บนิดนึงนะ ฮิๆๆๆ ” ร่างเล็กหัวเราะคิกคักด้วยความสนุก เธออดใจรอไม่ไหวแล้ว
ที่จะได้เห็นสีหน้าอันพิศวงของพาลาดินขี้เก๊ก ตัวนี้เมื่อไนติงเกล หยิบเอากระบอกเข็มฉีดยาและ
เข็มขนาดมหึมาออกมาจากกระเป๋า หน้าของทอลซีดเผือดเหมือนคนตายขึ้นมาทันที
“ Boot Shot Heat Shot Life Shot ฉีดอย่างละ4 เข็ม รวม12ครั้ง รับรองว่า
นายจะกลับมากระปรี้กระเปร่าเลยทีเดียว พร้อมแล้วใช่มะ ”
หลังจากนั้นมีเพียงเสียงร้อนโหยหวนอันเกินจะบรรยายเท่านั้นที่ดังก้องทั้งทางวงกตใต้ปิรามิด
……………………………………………………………
………………………………….
ขณะเดียวกัน กลุ่มของ ซาจิทาเรียส แชร์คาน และ คอยน์ ที่อีกฟากของทางวงกต
“ อื๋อ ยังก๊ะได้ยินเสียง ทอมมี่ ร้องเลยแหะ? ” ซาจิทาเรียส เปรยด้วยความฉงนก่อนจะถูกคอยน์เรียก
“ เหม่ออะไรของนายอยู่วะซาจิ รีบตามมาเร็วเด้ ”
*********************โปรดติดตามตอนต่อไป********************
Open You Eye for The Next Tails!!!
เงาดำซึ่งแฝงตัวอยู่ในทางวงกต………………………
……………………………..ชะตากรรมอันดำมืด………………
“ ทำไมน่ะหรือ……ก็เพราะว่าผมทั้งรักแล้วก็หลงใหลในตัวรุ่นพี่เป็นที่สุดยังไงล่ะ ”
ตอนต่อไป Darkness Wolfs
~~~~~~~~~~~วันแห่งอาโพคาลิปส์ใกล้เข้ามาแล้ว~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ความคิดเห็น