ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    12Tails: Tails Apocalypse Ⓣ (Turn Bringer Invasion)

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter17: Darkness Wolfs

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 92
      0
      2 มิ.ย. 59

     

     Chapter17: Darkness Wolfs

     

     

     

    หน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งประกอบด้วยทหารฝีมือดีและกลุ่มผู้กล้านำทัพโดย แม่ทัพ โอดิน

     และโบลดาส ทั้งหมดตกหลุมพรางกับดักของ มาโอห์ จนกระจัดกระจายกัน

    อยู่ในทางวงกตที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ของสัตว์หางคณะสำรวจ ขณะเดียวกัน นครแห่งแสง

    ก็ถูกโจมตีโดยฝูงซอมบี้ไม่ทราบฝ่าย และ เซเวอร์ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับชายปริศนา ผู้มีนามว่า เกร

    ความลับของโลกใบนี้ใกล้จะถูกไขออกมาแล้ว

    ...................................................

    ...........................................................................................

     

    ภายในทางวงกตใต้พีรามิด

     

    อูย~~~~~~~~~~~เจ็บชะมัด

    เสียงครางของ หมาป่าดำสะท้อนก้องไปทั่วทางเดินวงกต ทอล ผู้ตกเป็นเหยื่อเข็มฉีดยาของไนติงเกล

    ถึง 12เข็ม นั่นทำให้ช่วงล่างของเขาระบมไปหมด

     

    เป็น ผู้ชายก็อดทนหน่อยสิยะแค่ฉีดยา ร้องซะยังกะจะเป็นจะตาย

    ไนติงเกล สวนกลับพลางเก็บกระบอกฉีดยาลงกระเป๋า

     

    ลองมาโดนเองไหมล่ะอูย ~~~~~~~~ก้นฉันระบมไปหมดแล้ว”(T_T)

    แม้จะตัดพ้อด้วยน้ำเสียงอ่อนปลี้ยนจนน่าเห็นใจก็ตามที แต่ก็หาได้กระทบกระเทือนต่อแม่สาวกระต่าย

    ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอกลับทำหูทวนลมไม่ได้ยินที่ทอล พูดแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บสัมภาระต่อไป

    ก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมาจากเป้แล้วส่งให้ เลขาหมาป่าสีฟ้าคากามิ รับไป

    เอานี่ไปเช็ดตัวตานั่นให้ทีเหงื่อท่วมตัวแบบนั้นเดี๋ยวขนจะเหม็นซะก่อน

     

    คากามิ รับผ้าขนหนูแล้วเดินอ้อมไปเช็ดตัว ทอล ที่นั่งรอเขาอยู่

    ที่จริงถ้ารุ่นพี่ฟังพวกเราซะหน่อยก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้วแท้ๆ

    อะไรกันนี่นายเองก็จะมาเทศน์ฉันด้วยเหรอ

    ทอล ตีหน้างอล ที่ถูกรุ่นน้อง มาสั่งสอนแบบนี้มันชวนให้เซ็งจิตอยู่ไม่น้อย

     

    รุ่นพี่ยังจำเรื่องตอนที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม

    คากามิถามขึ้นมาอย่างกระทันหัน สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับ ทอล สายตาเบี่ยงไปหา รุ่นน้อง

    ที่กำลังเช็ดตัวเขาด้วยความฉงน ราวกับจะถามเหตุผลที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมา

     

    เอ้าจะไปกันรึยัง!!!จะเช็ดตัวกันอีกนานแค่ไหนกันยะ

    เสียงของ ไนติงเกล แทรกเข้ามาขัดจังหวะ และเธอไม่รีรอที่จะให้พวกเขาตอบก็ชิงออกตัวไปก่อนแล้ว

    หมาป่าหนุ่มทั้งสองจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของแล้วรีบตามเธอไปให้ทัน

     

    เฮ้ไนติงเกลวันนี้เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ?ยังโ มโหที่ฉันวิ่งวนเป็นวงกลมนั่นอยู่อีกเหรอ

    ฉันไม่ได้โกรธแล้วก็ไม่ได้สนใจด้วยว่านายจะวิ่งเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมแต่ที่ฉันต้องการมากที่สุด

    ตอนนี้คือรีบออกไปให้พ้นๆจากแถวนี้ซะ”

    พูดจบไนติงเกลก็เพิ่มความเร็วของฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จนเขาต้องรีบจ้ำเพื่อตามเธอไปติดๆ

    ทำไมล่ะ? ”

     

    นี่สัญชาตญาณนายมันหายไปกับยาชูกำลังที่ฉันฉีดให้รึไงเนี่ยเราวนรอบทางวงกตนี่มาซักพัก

    แล้วแต่ยังไม่เจออะไรเลยนะยะ”

    ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่ไม่เจอน่ะ

    คำตอบของทอล ดึงให้เธอต้องหันมามองเขาโดยที่มีความขุ่นเคืองค้างอยู่ในดวงตา แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม

    นั่นหมายความว่าคนอื่นๆกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายแทนเราอยู่ไม่ใช่รึไง

    “ …………”

    ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆจากหมาป่าขี้สงสัย คำตอบของเธอทำเอาเขานิ่งอึ้งไปพักนึง

    ในช่วงนั้นทอล เกื อบจะตกห้วงกลับไปพะวงเรื่องของโลกิ และพ่ออีกครั้งและเกือบจะ

    กลับไปวิ่งห้ออย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่เขาก็หักห้ามมันเอาไว้ ด้วยเหตุผลว่าหากเขาหมดแรงไปตอนนี้

    แล้วจะไปช่วยใครได้ หมาป่าดำ ปรับน้ำเสียงของตนก่อนจะพูดกับ ไนติงเกล ด้วยน้ำเสียงที่สุขุมขึ้น

     

    ตอนนี้เธอมีแผนอะไรบ้างรึเปล่า?”

    หลังจากได้ยินคำถามของทอล รอยยิ้มปริ่มขึ้นมาบนหน้าของไนติงเกลก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว และฉายแววจริงจังขึ้นบนสีหน้าขึ้นมา  นี่เป็นสัญญาณว่า พาลาดินหนุ่มผู้สุขุมได้กลับมาแล้ว

     

    งั้นก่อนอื่นเลยนายกับ คากามิ ดมกลิ่นเหงื่อของนายแล้วบอกมาทีว่ามันวิ่งไปทางไหนบ้าง

    อ๋า!!ทำไมต้องดมด้วยอ่ะ ?!” ทอลถึงกับสะดุ้งกับคำตอบของเธอ

    จะให้ดมกลิ่นเหงื่อของร..รุ่น..รุ่นพี่ ร..เหรอ” (- /////// -)

    สีหน้าของคากามิ แสดงออกว่าตกใจสุดขีด อีกทั้งคำพูดยังตะกุกตะกักและ

    รอยแดงจางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหมาป่าสีฟ้า

     

    เอ้าก็เช็คทางที่นายวิ่งไปแล้วไงจะได้ไม่เดินซ้ำที่เดิมคิดไปถึงไหนกันเนี่ย ?”

    อ๋องั้นเองเหรอ

    ทอล ตอบอย่างโล่งใจขณะเดียวกัน  สีหน้าของ คากามิ ก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม

    พร้อมทั้งนึกในใจ /นี่เราคิดอะไรของเราเนี่ย ทำไมต้องหน้าแดงด้วยหว่า/

     

    งั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะดมเลยสิ!ไนติงเกล สั่งเสียงดัง สองหนุ่มหมาป่าก้มตัวลงเอาจมูกแนบพื้น

    แล้วสูดดมหากลิ่นอย่างขะมักเขม้น ทว่า

     

    แค่กๆ

    ฮาดดดดดดดดดดดดดดชิ้ว~~~~~~~~~~~”

    ทอล กับ คากามิ ทั้งคู่พากันสำลักและจาม อย่างรุนแรง จากการสูดเอาฝุ่นบนพื้นเข้าไป เต็มๆ

    จมูกของทั้งสองกลายเป็นสีแดงและมีอาการแสบคัน พวกเขาพยามสั่งน้ำมูกเพื่อเอาฝุ่นออกมา

     

    แค่กๆ ฟื้ด~~~~ไม่ไหวที่นี่ฝุ่นจับเต็มไปหมดเลยครับขืนดมต่อไปมีหวัง ฮะ ฮะ ฮาดดดดชิ้ววววว

    คากามิ จามเสียงดังลั่นจนสะท้อนก้องไปทั้งทางวงกต “ ตะหมูกพังก่อนแหง” (TwT)

     

    ให้ตายสิทำไมปัญหามันถึงได้เยอะนักนะกระต่ายสาวเปรยอย่างเซ็งๆ

     

    ซ่า~~~

     

    หูยาวๆของไนติงเกล กระดิกอย่างมีนัยยะ สายตาของเธอควานหาต้นตอของเสียงโดยอัตโนมัติ

    นี่! ได้ยินเสียงอะไรไหม?” เธอถามในตอนแรก หมาป่าหนุ่มทั้งสองยังคงไม่ได้ยินอะไร

    แต่แล้วเสียงก็ดังขึ้น

     

    หยั่งกับเสียงอะไรกำลังไหลบ่ามางั้นแหละ

    คากามิ พูด ระหว่างนี้เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนได้ยินอย่างชัดเจนว่ามาจากทางด้านหลังของพวกเขา

    ทั้งสามหันกลับไปเพื่อดูว่าเสียงนั้นเกิดจากอะไร และแล้วตาของพวกเขาก็เบิกโผลง

     

    ซ่า~~~~~~~~~~~~~~~ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

     

    เม็ดทรายจำนวนมหาศาลไหลบ่าราวกับสายน้ำ ไหลซัดมาตามเส้นทางวงกตไล่หลังพวกเขามา

    อย่างรวดเร็วและรุนแรง

     

    แว้กกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!ทั้งสามกรีดร้องก่อนสัญชาตญาณจะสั่งให้ขาจ้ำอ้าว

    วิ่งหนีจากที่ตรงนั้นโดยพร้อมเพรียง

     

    ไหงจู่ๆถึงมีทรายไหลทะลักเข้ามาได้เนี่ยยยยย!!!!!!!!!ทอลโวยวายโดยที่เขาวิ่งอยู่รั้งท้ายสุดของกลุ่ม

    นี่มันใช่เวลามาถามถึงเรื่องนั้นกันเหรอย้า!!!!!!!!ไนติงเกล ผู้วิ่งนำอยู่ข้างหน้ากลุ่มก็อยู่ในอาการ

    ตกใจไม่แพ้กัน ในตอนนี้เอง คากามิ ที่อยู่แทรกกลางระหว่างทั้งคู่ก็ชี้ตรงไปข้างหน้าพร้อมกับพูดด้วยสีหน้า

    เหวอสุดขีด “ ข้างหน้า!ทางแยก ทรายไหลมาจากทางขวาแล้ว!!!!!!!!!!

     

    ไนติงเกล กับ ทอลเบนสายตาตามไปยังทิศนั้น ลูกตาของพวกเขาแทบจะโผหลุดจากเบ้า

    เม็ดทรายจำนวนมหาศาลกำลังไหลมาจากทางแยกเบื้องหน้า ตอนนี้พื้นที่พวกเขาวิ่งอยู่ก็มีแต่ทราย

    ซึ่งถมขึ้นมาจนมิดเท้าทำให้วิ่งได้ช้าลง

     

    เอาไงดีจะไปทางไหนดีล่ะทีนี้! ทอลถาม

    ยังจะมาถามอีกเหรอย้าทางไหนไปได้ไปทางนั้นโล้ดสิย้า!!!! ไนติงเกล พูดเสียงดังลั่น

    งั้นก็ไปทางซ้าย!คากามิ สรุปให้พร้อมๆกับที่พวกเขาทั้งหมด วิ่งเข้าแยกซ้ายไป

     

    หลังจากนั้นตลอดเส้นทางพวกเขาก็ประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

    เมื่อเจอทางแยก ก็จะมีทรายไหลมากั้นทางหนึ่งไว้ และอีกทางที่เปิดโล่งอยู่พวกเขาก็จะเลี้ยวเข้าเส้นทางนั้น

     

    ทอล:   นี่! ถ้าวิ่งไปแบบนี้เราไม่วนกลับไปที่เดิมเหรอ แบบนั้นได้จมทรายตายกันพอดี!

    คากามิ: ไม่น่าจะเป็นอยางนั้นนะครับรุ่นพี่ วิวข้างทางมันเปลี่ยนไปแล้ว”

    ไนติงเกล:  งั้นก็แปลว่า เราใกล้ถึงทางออกแล้วสินะ”

     

    ทั้งสามวิ่ง แล้วก็วิ่ง วิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดจาก ทรายมฤตยู ที่ไล่กวดพวกเขาเหมือน เสือชีตาร์ไล่กวดเหยื่อ

    หากสะดุดล้ม แม้เพียงครั้งเดียวก็จะถูกฝังกลบให้ขาดใจตายอยู่ใต้ทรายเหล่านี้ในทันที

     

    เห็นทางออกแล้ว!ไนติงเกล ร้องขึ้นมาเบื้องหน้าของพวกเขามีแสงสว่างสะท้อนออกมาจาก

    ความสลัวของทางเดินวงกต ที่นั่นจะต้องเป็นประตูที่เชื่อมต่อไปยังห้องที่กว้างกว่าทางเดินแคบๆที่ทราย

    จะไหลท่วมได้เป็นแน่ สายตาของพวกเขาดูมีความหวังขึ้น ทั้งสามเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก จนเมื่อเข้าใกล้ทางออกแล้วพวกเขากลับต้อง ชะงักฝีเท้ากระทันหัน ไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะได้ร่วงหล่นลงไปจากทางเดินนี้

     

    อะไรกันทางตันหรอเนี่ย!!

    คากามิ สบถเบื้องหน้าพวกเขาเป็น ห้องขนาดใหญ่ที่กว้างกว่าทางเดินวงกตแคบๆที่พวกเขายืนอยู่

    หลายขุมนัก ทว่าจุดที่พวกเขายืนอยู่ก็สูงจนมองลงไปไม่เห็นพื้นห้องเสียด้วยซ้ำ

     

    ข้างล่างนั่นมีสะพานอยู่ พอจะกระโดดไปถึงรึเปล่า ?”

    ทอล ชี้ไปยังสะพานซึ่งทอดตัวเป็นทางเดินข้ามไปสู่อีกฝั่งของห้อง แต่มันอยู่เยื้องไปทางขวาจากช่องที่พวกเขามองลงมา

     

    ไกลขนาดนั้นฉันเองก็โดดไปไม่ถึงหรอกพวกนายหมาป่าตัวหนักอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

    ไนติงเกล พูดสีหน้าของเธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

     

    งั้นถ้าโยนไปเธอคงเกาะถึงสินะทอลเปรยพร้อมกับคว้าตัว ไนติงเกล ขึ้นมาอุ้ม

    กระต่ายสาวขัดขืนด้วยความตกใจกับการกระทำของ ทอล

    ดะเดี๋ยวสินายจะทำอะไรฉันเนี่ย แล้วถ้าฉันไปถึงโน่นได้พวกนายจะไปจากตรงนี้ยังไง

     

    เวลาไม่มีแล้วยังไงเธอก็เอาตัวรอดไปกอนเถอะน่า

    หา!!!นี่นายจะให้ฉันเอาตัวรอดไปคนเดียวรึไง วางฉันลงนะตาบ้า บ้าๆๆๆๆๆๆ

     

    หมาป่าดำ ไม่ฟังคำของเธอแม้จะโดนถีบหรือตบจากการดิ้นขัดขืนก็ตาม ร่างของกระต่ายสาวถูกยกขึ้น

    ก่อนจะพุ่งออกไปด้วยแรงขว้าง ร่างของเธอแหวกอากาศไปอย่างรวดเร็ว และเกือบจะเกาะถึงขอบสะพาน

    ทว่ากลับไปไม่ถึง อีกแค่ไม่กี่เซนติเมตร นิ้วมือก็เกือบจะเกี่ยวกับขอบสะพานได้ แต่เพราส่วนสูงของเธอ

    ทำให้แตะถึงแค่ขอบสะพานวินาทีที่ร่างกำลังร่วงหล่นมันยาวนานเหมือนเป็นชั่วโมง

    เธอไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองหมาป่าทั้งสองที่อาจจะถูกทรายพัดตกลงมาแล้ว

    หรือมองลงไปดูข้างล่าง ว่าสภาพของพวกเขาเละเทะขนาดไหน เธอได้แต่หลับตาปี๋ ด้วยความหวาดกลัว

     

    จับเอาไว้!!

    ฟุ่บ

     

    เธอไม่รู้ว่าเสียงนั้นคืออะไรแต่ สัญชาตญาณของเธอสั่งการร่างกายให้ลืมตาขึ้น เธอมองเห็นและรับรู้ได้ว่า

    มีอะไรบางอย่างที่ลักษณะเหมือนเชือก พุ่งเข้ามาหาเธอ โดยไม่ทันต้องคิด มือทั้งสองข้างก็ได้คว้ามันและ

    จับเอาไว้อย่างเหนียวแน่นร่างของเธอกระตุกจากการ กระตุกของเชือกที่ เธอจับอยู่ และแกว่งไปมา

    เมื่อแรงเฉื่อยหมดลง เธอก็ห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศในที่สุด เสียงของทรายซึ่งไหลบ่ามาจากด้านบน

    ดังระรัวเหมือนเสียงน้ำตก เมื่อจิตสำนึกของเธอกลับมาจากวินาทีเป็นตาย ความเศร้าหมองก็เหมือนจะ

    ดลใจให้เธอบีบน้ำตาออกมา เธอพึ่งเสีย เลขา กับ เพื่อนร่วมทางแล้วหนีเอาตัวรอดมา

     

    เฮ้!ถ้าไม่เป็นไรแล้วก็รีบปีนขึ้นมาหน่อยเถอะ ฮึดดดดด!!!

    เสียงเจ้าของเชือกที่ช่วยชีวิตเธอไว้ดังมาจากด้านบน น้ำเสียงเหมือนคนกำลังออกแรงลากอะไร

    หนักๆทั้งที่ตัวเธอนั้น ออกจะเบาแม้แต่เด็ก 10ขวบยังอุ้มได้สบายๆด้วยซ้ำ

    แต่เจ้าของเชือกกลับไม่ดึงตัวเธอขึ้นไปแต่จะให้เธอปีนขึ้นไปแทน

     

    ทางนี้คนเดียวดึงขึ้นมาสามคนไม่ไหวหรอกนะ!!

    คำพูดของเจ้าของเชือก ฟังดูน่าประหลาด นี่จะบอกเธอว่ายังมีคนอื่นเกาะเชือกนี่อยู่ด้วยงั้นหรือ?

    ด้วยความสงสัย ไนติงเกล ย้ายสายตามองลงไปทันที และแล้วรอยยิ้มก็ปริออกมาจากใบหน้าที่

    เหมือนกับจะร้องไห้ของเธอ

     

    เกือบไปซะแหล่วดีนะว่าคว้าตัวรุ่นพี่ทันพอดีเห้อ

    คากามิ หมาป่าสีฟ้าผู้เป็นเลขาของ เธอเปรยขึ้นในสภาพที่กำลังอุ้มทอลแบบช้อนทั้งตัว ด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง

    และมีเชือกมัดติดกับเอวของตน และผูกปลายต่อกับเอวของ ไนติงเกล เชือกเส้นนี้ถูกมัดเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ทอลคว้าตัว ไนติงเกล เตรียมจะขว้าง ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเถียงกัน เขาก็แอบมัดเชือกติดเอาไว้

    เผื่อเกิดหตุการณ์แบบนี้เอาไว้แล้ว

    เพราะเชือกสั้นไปหน่อยหัวหน้ายังไม่ทันจะไปถึงสะพานก็เลยต้องโดดตามลงมาก่อน

    เลยกลายเป็นว่าพวกเราถ่วงให้ตกลงไปเร็วกว่าเดิมซะอีก ยังดีที่มีคนช่วยไว้นะเนี่ย

    ขอบคุณคร้าบ~~~~~~~”

     

    อยู่ในสภาพแบบนี้แล้วน่าอายชะมัดเลยรีบๆขึ้นกันเหอะ ” (=_=’)

    ทอลซึ่งถูกเขาอุ้มในท่าเจ้าหญิง รู้สึกตะขิดตะขวงใจเป็นที่สุด หากว่าไม่ได้อยุ่ในสถานการณ์ที่ขยับไม่ได้

    เขาจะรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนของคากามิ มันบัดเดี๋ยวนี้เลยและคงจะอัดขอบคุณเป็นการส่วน

    ตัวซักหมัดสองหมัด

     

    ฮะๆก็รุ่นพี่ตัวหนักนี่ครับไม่อุ้มท่านี้ไม่ได้หรอก อีกอย่างผมว่าเหมาะดีออก

    หุบปากซะคากามิไม่งั้นขึ้นไปได้ฉันจะอัดนาย ” (=*=)

    คร้าบๆทราบแล้วคร้าบรุ่นพี่ฮะๆๆ

     

     

    หลังจากปีนขึ้นมาบนสะพานกันอย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งสามก็มองหาผู้ที่ช่วยชีวิตพวกตนไว้เพื่อจะกล่าวขอบคุณ เธอเป็นสัตว์หางประเภทกิ้งก่าเพศหญิงใส่ชุดนักสำรวจ ที่สำคัญกว่านั้นเธอยังเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาอีกด้วย

     

    คุณลิซ่า!!!ผู้กล้าทั้งสาม โพล่งขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน กิ้งก่าสาวลิซ่า เธอเป็น

    หัวหน้าคณะสำรวจวิจัยซึ่งเป็นหัวไม้หัวตอของคณะสำรวจวิจัย พีรามิดแห่งนี้

     

    โอ้ฉันนี่ก็ดังเหมือนกันนะ

    ลิซ่า พูด


     

    ได้ยินมาว่าคุณติดอยู่ในพีรามิดนี่ตั้งหลายวันนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณในสภาพยังมีชีวิตแบบนี้

    ไนติงเกล พูดสายตาของเธอมอง ลิซ่า อย่างทึ่งๆ

     

    กิ้งก่าสาว หัวเราะแห้งๆ ตอบรับสายตาของเธอ

    ฮะๆๆแหมๆที่จริงก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน โชคดีที่ฉันหลุดเข้าไปในทางลับ

    ที่พวกเธอตกลงมาก็เลยหนีพวกสัตว์ประหลาดมาได้” เธอชี้ไปที่ช่องบนผนังที่พวกเขาพึ่งกระโดดลงมา

     

    ทางลับ?  ”ไนติงเกลทวนคำพูดคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันราวกับ กำลังคิดอะไรอยู่ก่อนจะ

    ถามน้ำเสียงจริงจัง “ แล้วตอนนั้นมีทรายไหลเข้ามาด้วย หรือเปล่า?  ”

     

    ลิซ่าส่ายหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ ไม่มี...นะ...

    แล้วเธอก็ฟุบล้มลงไปอย่างกระทันหัน

     

    คุณลิซ่า!!! ไนติงเกลร้อง เธอหันไปหาคากามิ เพื่อจะสั่งให้เอาเครื่องมือปฐมพยาบาลออกมา

    หิวจุงเบยยย~~~ ”

    เสียงคราง ของลิซ่าชะงักเธอไว้ กระต่ายสาวถอนหายใจ ความรู้สึกทั้งโล่งใจและเหนื่อยใจ ปรากฎชัดบนใบหน้า เธอปรับน้ำเสียงใหม่และทำใจเย็นก่อนจะสั่งกับคากามิ ให้เอาเสบียงในกระเป๋าออกมาเลี้ยงรับรองแทน

    ............................................................................

     

    หลังจากจัดเสบียง อาหารให้ ลิซ่าก็ทานมันอย่าง มูมมามเหมือนตายอดตายอยากมา เสบียงทั้งหมดที่พวกเขามีหมดลงอย่างรวดเร็ว

    เฮ้ออิ่มๆๆ ติดอยู่ในนี้มาตั้งหลายวัน แถมเสบียงที่พกมาก็หมดอีกนึกว่าต้องแห้งตายอยู่ในนี้ซะแล้ว

     

    ขอบคุณนะทีนี้เสบียงเราก็เลยเกลี้ยงแทน

    ไนติงเกล จ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพลางคว่ำถุงใส่เสบียงที่ว่างเปล่า ซึ่งไม่มีอะไรเหลือเลย

    ก่อรจะขว้างมันทิ้งไป แล้วปรับน้ำเสียงเข้าโหมดจริงจังอีกครั้ง

    เอาเถอะเสบียงจะเหลือหรือไม่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องพะวง ยังไงตอนนี้ต้องหาทางไปสมทบกับคนอื่นๆก่อนแล้วก็ออกไปจากที่นี่  คุณรู้จักเส้นทางในนี้ดีใช่ไหมช่วยนำทางให้ที

     

    เอ่อ...ที่จริงก็พอจะรู้อยู่หรอก แต่ว่า……. "ลิซ่า หยุดพูดอย่างกระทันหัน ท่าทางของเธอราวกับ

    รู้สึกถึงอ ะไรบางอย่าง สีหน้าของ ลิซ่า เคร่งเครียดขึ้นมาทันที

     

    " พวกมันมากันแล้ว!! "

    เธอพูด ดวงตาเบิกถลนด้วยความหวาดกลัวแล้ววิ่งเข้าหาผนังกำแพง

     

    "ทุกๆคืนฉันจะต้องพรางกายให้กลมกลืนกับผนังรอบๆนี่ ก็เพื่อเอาชีวิตรอดจากเจ้าพวกนั้น

    เมื่อคำพูดของเธอจบลง สีผิวบนร่างกายของเธอก็ค่อยๆจางลง ร่างของเธอจางหายไปอย่างช้าๆ

    การกระทำของเธอคือวิชาพรางกายของเผ่ากิ้งก่า ซึ่งจะปรับสีผิวของร่างกายให้กลมกลืน

    ไปกับสภาพแวดล้อม เหมือนกับกิ้งก่าเพียงแต่ว่าวิชานี้ได้มีการเสริมการใช้ มานา เข้าไปด้วย ทำให้แม้แต่เสื้อผ้าเองก็ถูกพรางให้หายไปด้วยเช่นกัน

     

     

    ====================Perfect Blend===================

     

    ผู้กล้าทั้งสาม มองดูการกระทำของเธอด้วยสีหน้าฉงนกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจถึงคำตอบ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านหลัง พ่วงมากับกลิ่นอายของความตายประสบการณ์สยอง

    จากการปะทะกับเหล่าซอมบี้กระตุ้นเส้นประสาททุกเส้นให้ตึงเครียด ชวนให้สันหลังเย็นวาบขึ้นมา เมื่อสายตาทุกคู่หันกลับไป ซากศพเดินได้นับสิบกำลังมุ่งตรงมาทางพวกเขา ซอมบี้เหล่านี้

    ต่างจากพวกคณะสำรวจที่ตายในทางวงกตที่พวกเขาเคยพบ ผิวหนังของพวกมันแห้งผากไม่ได้

    เน่าเปื่อยเหมือนซอมบี้ที่เคยเจอซึ่งจะเป็นศพที่ยังสดพึ่งตายใหม่ๆแต่นี่พวกมันราวกับตายมานานแล้ว

    สภาพศพหยุดการเน่าเปื่อย และมีผ้าพันแผลเก่าๆพันทับทั้งตัว

    อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีเวลาจะมาสนใจกับรายละเอียด ที่แตกต่างไปจากเดิมของพวกมัน

     

    "ไนติงเกล ช่วยยิงคุ้มกันด้วย!"ทอลสั่งพร้อมกันนั้น ก็ชักดาบคู่ที่เหน็บหลังออกมาแล้วตั้งท่าสู้

    ฝ่ายคากามิ ก็ออกหน้ามาพร้อมกับเขา โดยงัดดาบคาตานะ(Katana) ขึ้นมาแต่ยังไม่ชักดาบออกจากฝัก

     

    " ในนามของพระบิดาและพระบุตรและพระจิต……."พระสูตรถูกขับขานออกมาด้วยน้ำเสียงอันหึกเหิม

    ของทอล เพื่อปลุกขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งกลั่นเอามานาในบรรยากาศมาสถิตย์ยังคมดาบทั้งสองมานา

    ทำให้ดาบเปล่งประกายด้วยแสงสว่างเจิดจ้า

     

    " อาเมน"

     พาลาดินหนุ่ม หมุนตัวตวัดดาบฟาดฟันใส่ ร่างของซอมบี้ตัวนึงร่างของมันขาดเป็นสี่เสี่ยงตามแนวกา บาทที่เขาฟาดออกไป

     

    =============Crusader================

     

    แม้ว่าแขนขาและลำตัวของมันจะขาดออกจากกันก็ตามที หากยังเดินหรือคลานได้มันก็จะมุ่งหน้าต่อไปเพื่อฆ่าพวกเขา

     

    " ชิ เจ้าพวกนี้เหมือนกับตอนก่อการร้ายกลางเมืองเลย"

    ทอล สบถพร้อมกับก้าวถอยหลังเร็วๆเพื่อหนีกลับมาตั้งหลักใหม่ที่ต้องเดินถอยหลังก็เพื่อป้องกัน กรณีที่ซอมบี้บางตัวอาจกระโจนเข้ามาในตอนที่หันหลังหนี

     

    " แบบนี้ยุ่งยากชะมัดเลยแหะ"

    คากามิพูด ในจังหวะนี้ก็มีซอมบี้ตัวหนึ่ง เดินเข้ามาใกล้ สายตาของคากามิ เปลี่ยนไปชั่วพริบตาที่

    แววตาแข็งกร้าวขึ้น คาตานะในมือถูกชักออกจากฝัก แล้วตวัดผ่าเฉือนต้นคอขาดสะบั้นโดยไม่มีเลือดกระเซ็นออกมาจากศพที่แห้งผาก หัวของซอมบี้ตัวนั้นหลุดกระเด็นออกจากลำตัวแล้วกลิ้งหลุนๆตกสะพานไปแต่ทว่าร่างกายของมันก็หาได้หยุดการจู่โจม มือทั้งสองของมันคว้าคอคากามิ ไว้แล้ว

     

    "คากามิ!!"

    ทอล ร้องลั่น ยามที่เห็นอดีตรุ่นน้องกำลังจะถูกฆ่า มโนภาพหนึ่งได้แล่นเข้ามาในหัวเขาเห็นแพนด้าถูกหักคอแล้วกระชากขาดออกจากลำตัวมันคือเหตุการณ์ที่ป๋ายหวู่ เพื่อนผู้กลุ่มผู้กล้าถูกฆ่าตาย ต่อหน้าต่อตาและมันกำลังจะเกิดกับคากามิ

    ต้องไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกคือสิ่งที่ทอลกำลังนึกถึง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตามในทางทฤษฎีแล้วเขาไม่สามารถเข้าไปช่วยคากามิจากระยะนี้ได้เลย

     

    น่าขยะแขยง….

     เสียงกระซิบดังอยู่ลำคอของหมาป่าฟ้าเป็นน้ำเสียง เหี้ ยม ต่างจากน้ำเสียงปกติของเขา

     เสี้ยววินาทีถัดมาแขนของซอมบี้เคราะห์ร้ายได้กระเด็นขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะล่วงหล่นลง

    ไปจากสะพาน สิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเป็นตายนั้นรวดเร็วเกินกว่าจะมองตามทันมือขวาของ

     คากามิ ควงดาบคาตานะให้หมุนในแนวตั้วคมดาบซึ่งถูกตวัดหมุนควงอย่างรวดเร็วเคลื่อนที่ตี

    วงเป็นใบพัด และเฉือนตัดเอาแขนที่คว้าคอเขาไว้จนหลุดออกไป

     

    คร้าบ~~~~~เรียกทำไมหรือคร้าบ คากามิ ขานรับเสียงร้องของ ทอล ด้วยน้ำเสียงปกติ

    พร้อมส่งยิ้มให้อย่างชิลๆ ทำเอาทอล ถึงกับไปต่อไม่ถูก แต่บัดนี้ตัวทอล ก็เข้าใจได้แล้ว

    ว่าสามารถวางใจ คากามิ ได้

     

    /จริงสินะ เจ้าคากามิ ฝีมือด้านเชิงดาบติดท็อป 3 ของรุ่นเลยนี่นา ดีล่ะถ้างั้น/

    แทบจะเป็นครั้งแรกที่ พาลาดินหมาป่าดำ เผยรอยยิ้มแห่งความสนุกให้กับการต่อสู้ และยังเป็นการต่อสู้

    ที่สถานการณ์ตึงเครียดอย่างที่สุด ศัตรูที่ฆ่าไม่ตาย พื้นที่ที่จำกัดบนสะพานหากพลัดตกลงไป

    ก็ไม่อาจรอดกลับขึ้นมาได้ ถึงกระนั้นเขากลับยิ้มออกมาได้ ทอล บึ่งวิ่งเข้าไปสมทบกับ คากามิ

    แล้วช่วยกัน ตีต้านฝูงซอมบี้ไม่ให้เดินผ่านไปทำร้าย ไนติงเกล กับ ลิซ่า ที่อยู่แนวหลังรวมถึง

    หยุดพวกมันที่คิดจะฆ่าพวกเขาตรงนี้

     

    "นึกถึงสมัยเป็นทหารฝึกหัดเลยนะครับ"

    คากามิ พูดระหว่างนี้ก็แทงคาตานะ เข้าไปกลางอกของ ศัตรูมันหยุดชะงักไปชั่วขณะแล้วในจังหวะนั้น

    เอง คากามิ หวดฝักดาบในมือซ้ายกระทุ้งใส่ร่างซอมบี้ จนมันกระเด็นตกจากสะพานไป

     

    "นั่นสินะได้คนเก่งๆอย่างนายคอยช่วยระวังหลังให้ นี่มันอุ่นใจกว่าตอนเป็นพาลาดินฉายเดี่ยวซะอีก"

    ทอล พูดแววตาของเขาดูจะสดใสกว่าทุกครั้ง สาเหตุนั้นมีที่มาจากตัว คากามิ นั่นเองหากย้อนกลับไปแล้ว

    นับตั้งแต่เข้าสังกัดทัพพาลาดิน กับศาสนจักร เลยไปจนถึงตอนที่รับตำแหน่งผู้กล้ามา ทุกสมรภูมิสู้รบนั้น

    มันช่างโดดเดี่ยวกว่าตอนเป็นพลทหารฝึกหัดนัก แม้ว่าตอนที่ปฏิบัติภารกิจผู้กล้าร่วมกับ

     

    ซาจิทาเรียสเพื่อนซี้ เขาก็เหมือนสู้อยู่คนเดียว คนที่ออกชนในแนวหน้าคือเขา และซาจิทาเรียส

     คอยยิงสนับสนุนจากระยะไกลจึงไม่สามารถระวังหลังให้กันหรือช่วยเหลือกันได้มาก

    หรือแม้แต่การต่อสู้ร่วมกับ แชร์คานแมวสาวนักฆ่าแห่งศาสนจักร เธอคนนั้นกลับควบคุมตนเอง

    ไม่ค่อยได้และบ่อยครั้งที่เขาจะต้องคอยระวังเธอมากกว่าศัตรูเสียอีก ไม่อย่างนั้นคงจะ

    โดนลูกหลงจากการโจมตีของเธอที่มุ่งหมายแต่จะกำจัดศัตรูจนไม่มองรอบข้าง ส่วน

    คอยน์ เจ้าหนุ่มนักพนันก็เอาแต่อู้งานไม่ยอมต่อสู้หรือไม่ก็โดดภารกิจเอาเสียดื้อๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

     

    เมื่อด้กลับมาต่อสู้ร่วมกับคากามิ อีกครั้งในภารกิจนี้ ก็ราวกับได้ย้อนกลับไปนึกถึงวันวานที่ต่อส็ร่วมกันมา

    สำหรับเขาแล้วรุ่นน้องคนนี้คือสหายศึกที่แท้จริงยิ่งกว่าใคร

     

     

    " ถ้าจะทำลายพวกมันให้เป็นผุยผง งั้นก็มีแค่ทางเดียวคากามินายถอยไปก่อน"

    "คร้าบ รุ่นพี่"

    คากามิ ตอบรับด้วยท่าทีเชื่อฟังพร้อมกับถอยออกห่างจาก ทอล โดยเว้นระยะไว้ตามที่เห็นสมควร

    เมื่อไม่มีใครอยู่ในรัศมีแล้ว ทอล ก็เอ่ยปากร่ายพระสูตรเพื่อใช้ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขา

     

    "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ ....."

    หมาป่าดำประสานดาบของตนเข้าด้วยกัน มานาในบรรยากาศกลั่นตัวมาตามพระสูตรที่กล่าวขาน

    ปรากฏเป็นอนุภาคเวทมนต์ส่องประกายระยิบระยับในอากาศ มารวมเข้าด้วยกันที่คมดาบ

    จนเห็นเป็นแสงสว่างเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากดาบ ในระหว่างที่รวบรวมพลังเวทจากมานา

    อยู่นี้ ฝูงซอมบี้ได้เคลื่อนตัวเข้ามาหาเป็นจำนวนมาก

     

    รุ่นพี่ หลบไปทางซ้ายครับ!!”

    เสียงของ คากามิดังขึ้นมา โดยไม่มีความลังเลใดๆ ด้วยความเชื่อใจจนถึงที่สุด ทอล ถีบตัวกระโดด

    เบี่ยงออกไปทางซ้ายจนชิดขอบสะพาน โดยที่ยังประสานดาบไว้มั่นไม่ให้หลุดจากกัน

     

    เขี้ยววายุสังหาร!!!”

    หมาป่าฟ้าประกาศออกมาสุดเสียงพร้อมๆกับ ฟาดดาบในมือขวาและฝักดาบในมือซ้ายออกไปใน

    ทิศเดียวกันแรงเหวี่ยงจากการฟาดออกไปก่อให้เกิดสายลมแผ่พุ่งออกไปอย่างรุนแรง สายลมอันรุนแรงนี้

    รวดเร็วกว่าสายลมใดๆ มันฉีกอากาศในทิศที่มันพุ่งผ่านจนเกิดเสียงหวีดของอากาศราวกับเสียงกรีดร้อง

    มันมิใช่สายลมธรรมดาแต่เป็นลมที่มีความคมกริบอันเกิดจากความเร็วในการแผ่พุ่งของมัน

    จนทำให้อากาศเกิดการฉีกตัว เหมือนกับคลื่นสูญญากาศ กระบวนท่านี้ คากามิเรียกมันว่าเขี้ยววายุสังหาร

     

    ==============Air Slasher==========

     

    เขี้ยววายุ พัดโถมใส่ฝูงซอมบี้ สูญญากาศที่เกิดจากการฉีกตัวของอากาศ ก่อให้เกิดปฏิกริยา

    เหมือนโดนพายุคมดาบพัดใส่ ร่างของพวกมันขาดเป็นชิ้นๆราวกับเศษผ้า

     

    กองหลังของพวกซอมบี้ชะงักการเคลื่อนไหวจากที่ทางเดินถูกปิดกั้นด้วยซากร่างของกลุ่มที่โดน

    เขี้ยววายุสับเป็นชิ้นๆ เกลื่อนทางเดิน ทอล อาศัยจังหวะนี้ กระโดดขึ้นไปในอากาศ แล้วชูดาบคู่ที่ประสานกันไว้ขึ้นเหนือศีรษะ แล้วประกาศด้วยน้ำเสียงหึกเหิม

     

    “พระอาณาจักรจงมาถึง!!!!!”

    ===============Cross Impact==============

     

    ดาบคู่ซ฿งทอประกายแสงระยิบระยับ ฟาดลงกับสะพานเต็มแรงประกายแสงที่สถตย์อยู่บนคมดาบแผ่ขยายตัวออกไปสี่ทิศทางเป็นแนวกา กบาทแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้มาโดยการกลั่นมานาด้วยพระสูตร

    เผาผลาญร่างของฝูงซอมบี้ที่เกิดจากศาสตร์มืด ให้มอดไหม้เป็นธุลีดิน แต่ยังมีบางส่วนที่ยัง

    ทนต่อเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ได้

     

    "…พระประสงค์ จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์…."

    ทอล กล่าวพร้อมกับ ควงดาบหนึ่งรอบให้คมดาบหันลงหาพื้นแล้วปักดาบลงไปบนสะพาน

    สุดแรงมานาในบรรยากาศถูกกลั่นออกมาอีกครั้งอย่างต่อเนื่องด้วยพระสูตรใหม่ที่ทอลเพิ่งร่ายไป

    ประกายแสงสว่างซึ่งเกิดจากการกลั่นมานา ไหลไปรวมกันที่ใบดาบแล้วถ่ายลงไปบนพื้นสะพาน

    ประกายแสงสว่างวิ่งไปตามพื้นไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำและไปรวมตัวกันที่รอยแยกบนสะพานที่

    เกิดจาก ครอสอิมแพค รอยแยกรูปกา กบาทเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ตามมาด้วยการะเบิดครั้งใหญ่

    ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา

     

    บรึมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!

    อาเมน!!!!!!!”

    ==================Grand Cross=================

     

    แกรนครอส มหากางเขนศักดิ์สิทธิ์ ท่าไม้ตายประจำตัวพาลาดิน ที่จะเผาผลาญศัตรูด้วยแสงสว่าง

    ซึ่งระเบิดออกมาจากเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นด้วยครอสอิมแพค พลังทำลายรุนแรงกว่า

    ครอสอิมแพคเกือบสองเท่าเลยทีเดียวและจากากรนี้เอง ฝูงซอมบี้ตรงหน้าจะมอดไหม้เป็นจุลไปในพริบตา

     

    สำเร็จ!!” ทอล ลั่นเสียงออกมาด้วยความดีใจสุดขีดการโจมตีแบบทุ่มสุดตัวของเขาได้ผลชะงัด

    แต่แล้วความปลาบปลื้มนี้ก็มีให้ลิ้มลองได้ไม่นานนัก เมื่อธุลีดินและขี้เถ้าที่เกิดจากการเผาผลาญร่าง

    ของพวกซอมบี้ลอยตัวขึ้นในอากาศแล้วไหลมารวมตัวกัน ควบอัดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา โดยมีจำนวน

    เท่ากับฝูงซอมบี้ที่ถูกทำลายไปรูปร่างซึ่งประกอบขึ้นจากขี้เถ้าและธุลีดินนั้น หลั่งเลือดออกได้เอง

    โลหิตสดๆที่ไม่อาจให้คำตอบได้ว่ามาจากที่ใดไหลอาบรูปร่างของขี้เถ้าเหล่านั้น

     

    อูววววววว~~~~~~~~~

     

    เสียงคำรามดังออกมาจากรูปร่างขี้เถ้าที่อาบด้วยโลหิต วินาทีถัดมาแขนก็ยื่นออกมาจากร่างขี้เถ้าเหล่านั้น

    แล้วลากเอาร่างซอมบี้ที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลตามออกมา จากนั้นรูปร่างเหล่านั้นก็จะยุบตัวลง

    และกลายเป็นกองคราบเลือดแห้งเกรอะกรังบนพื้นสะพาน บัดนี้กองทัพผีดิบได้ฟื้นคืนชีพ

    กลับมาจากขุมนรกอีกครั้งแล้ว

     

    ความกลัวและความหวาดวิตกฉายออกมาจากแววตาของเหล่าผู้กล้า

    " อะไรกันพวกนี้โดนระเบิดเป็นฝุ่นแล้วยังฟื้นกลับมาได้อีก"

    ทอล สบทอย่างหัวเสียพลางนึกเจ็บใจที่คิดว่าตนจัดการกับพวกมันได้สำเร็จแล้ว

     

    "ต่างกับพวกซอมบี้ก่อนหน้านี้..."

    ไนติงเกล เปรยเธอรู้สึกทึ่งระคนประหลาดใจ มากกว่าจะหวาดวิตกกับความเป็นอมตะแบบสุดขีด

    ของพวกมัน ในระหว่างนี้เอง ลิซ่า ซึ่งแอบอยู่หลังสุด ก็ได้พูดขึ้นมา

    "พวกมันไม่ใช่ซอมบี้แต่เป็นมัมมี่ ที่สร้างจากพิธีกรรมพิเศษ "

     

    ผู้กล้าทั้งสามหันมาสายตาเต็มไปด้วยคำถาม

     

    ว่ากันว่ามาโอห์ เป็นจักรพรรดิ์ที่มีชื่อในเรื่องการค้นคว้าศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ มัมมี่พวกนี้

    คงจะสร้างขึ้นจากศาสตร์ที่ว่านั่นแหละ ”

     

    "แปลว่าอึดขึ้นกว่าเดิมสินะยุ่งยากชะมัดเลยแบบนี้"

    ทอล สบถอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ ทำเอารอยยิ้มแห่งความสนุกสนานก่อนหน้านี้มลายหาย

    ไปในพริบตา เมื่อสดับรู้ว่าพวกมันเป็นศัตรูที่ไม่อาจฆ่าให้ตายได้ ทางเลือกของพวกเขาก็เหลือแค่

    ความตายเท่านั้น นับเป็นความสิ้นหวังที่ไม่อาจมองเห็นความหวังใดๆเลย

     

    ปัง!!

     

    เสียงลั่นไกปืนของไนติงเกล ดังขึ้นพร้อมกับหัวกระสุนพุ่งผ่านแก้มของทอลไป หัวกระสุนพุ่งเข้าไป

    ฝังลงในร่างของ มัมมี่ตัวหนึ่ง มันชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่หัวกระสุนซึ่งฝังเข้าไปในตัวมันจะทะลักออกมาจากปากแผลแล้วพุ่งไปหาตัวอื่น หัวกระสุนกระเด้งซ้ำไปซ้ำไปแบบนี้อยู่สองสามครั้ง

    แล้วหวักระสุนก็ระเบิดเป็นผงไปราวกับประทัดเป็นอันหยุดการกระเด้งไปมาของกระสุนนัดนั้น

    ทว่าได้มีกระสุนแบบเดียกวันตามมาอีก เป็นสิบๆนัดฝูงมัมมี่จึงตกอยู่ในวงล้อมกระสุนซึ่งกระเด้งไปมาระหว่างพวกมันแรงผลักของกระสุนแต่ละนัดที่กระทุ่งใส่ร่างนั้นราวกับประทัดที่รัวกราดใส่ไม่ยั้ง จนร่างของพวกมันถูกผลักตกจาสะพานไปตัวแล้วตัวเล่า จนเมื่อกระสุนทั้งหมดหยุดกระเด้งกระดอนแล้ว ฝูงของ

    มัมมี่กว่าครึ่งถูกผลักตกสะพานไป

     

    ============Shooting Array=============

     

    ถ้าฆ่าไม่ตายงั้นก็ผลักพวกมันให้ตกจากสะพานนี่ไปซะก็หมดเรื่อง

    ไนติงเกล เสนอความเห็นของเธอ โดยสาธิตวิธีการไปก่อนหน้านั้นแล้ว ทุกคนเห็นด้วย

    ทอล ตั้งท่าเตรียมจะบุกเข้าตีอีกครั้งจึงได้ออกปากเรียกคากามิ ให้กลับมาสมทบอีกครั้ง

     

    คากามิ มาช่วยกันหน่อย ผลักพวกมันให้ตกจากสะพานนี่ให้หมด…….อัก…”

    ไม่ทันจะขาดคำทั่วทั้งร่างของเขาก็สัมผัสกับความเจ็บปวดแสนสาหัส บาดแผลทั่วทั้งร่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเป็นรอยถูกฟันเหวอะหวะ ทั้งแขนขา และลำตัว ชุดเกราะของเขาฉีกขาดไม่ต่างไปจากกระดาษเลย

    แม้แต่ฝูงมัมมี่ตรงหน้ายังกลายเป็นชิ้นๆไป ต้นตอของเหตุการณ์นี้คือ สายลมอันคมกริบเหมือนเขี้ยววายุ

    ที่คากามิ เคยซัดใส่ฝูงมัมมี่ก่อนหน้านี้ หมาป่าดำเบี่ยงสายตาของตนเพื่อมองหาต้นเหตุนั้น

    แล้วเขาก็ได้เจอกับ คากามิ ที่ถอยไปอยู่แนวหลังคือผู้ที่จู่โจมทั้งเขาและฝูงมัมมี่ด้วยเขี้ยววายุ

     

    "ทำไม.." คำพูดเดียวที่หลุดออกจากปากของทอล ก่อนที่ร่างของเขาจะล้มฟุบลงกับสะพาน

    ภาพซึ่งสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา แววตาของคากามิ ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างหมดสิ้นเหมือนไม่ใช่

    คากามิ ที่เขารู้จัก

     

    "ทำไมน่ะหรือ………….รุ่นพี่ไม่ลองมาเป็นผมดูคงไม่มีวันเข้าใจหรอก"

    หมาป่าสีฟ้า เดินดุ่มๆใกล้เข้ามามือขวาลากดาบคาตานะครูดมากับพื้นสะพาน

    เกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบประกายไฟนั้นเป็นสีดำสนิท ไฟดำลุกลามขึ้นไปยังคมดาบ

    คากามิ ยกคาตานะที่ลุกโชนด้วยไฟสีดำแล้วเหวี่ยงมันออกไป เปลวไฟสะบัดตัวออกมาเป็นเสี้ยวโค้ง

    รูปตัว U พุ่งเข้าใส่ฝูงมัมมี่ พวกมันถูกไฟสีดำเผาผลาญจนมอดไหม้ในพริบตาแล้วไม่

    ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกเลย ดวงตาของทอล เบิกโผลงความทรงจำในส่วยที่ลึกที่สุดกำลังหลั่งไหลออกมา

    ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน รสสัมผัสในอันขมขื่นในวัยเด็กลุกลามจากขาขึ้นมาถึงต้นคอ เขาจำไฟนั้นได้

    แม้ว่ามันจะเหมือนกับไฟที่ เรจิ เคยใช้แต่ความรุ้สึกที่สัมผัสได้ก็แตกต่างกัน แต่ทว่าสำหรับไฟที่คากามิ

    กำลังใช้อยู่นี้มีบางอย่างที่ต่างออกไป รวมไปถึงสัมผัสที่คุ้นเคยกำลังไหลบ่าออกมาจการ่างของคากามิ

     

    "ผมน่ะทั้งรักแล้วก็หลงไหลในตัวรุ่นพี่……แต่สุดท้ายรุ่นพี่ก็เป็นแสงสว่าง ที่ผมไม่มีวันไปถึง!!!!"

    หมาป่าสีฟ้า คำรามน้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทุกขณะตามตัวเริ่มมีสะเก็ดไฟปะทุขึ้น

    แล้วลุกลามเป็นไฟสีดำห่อหุ่มไหล่ทั้งสองเอาไว้ แขนเสื้อของเขาถูกไฟเผาจากไหม้เกรียม

    ก่อนที่จะกระขากมันทิ้งไป แล้วเฟลวไฟสีดำก็ลุกลามออกมาจาก ร่างกายท่อนบนในทุกรูขุมขน

    เปลวไฟที่ไหล่ขยายตัวออกวูบไหวไปมาเป็นรูปร่างคล้ายกับปีก

     

    "แอกเกรเซอร์ ร่างทรงแห่งเพลิง สัจจะแห่งการเผาผลาญเบรีอัล………"

    คากามิ พูดด้วยน้ำเสียงปกติของตนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่แววตาของเขาจะแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล

    ดวงตาค่อยๆย้อมตัวเองกลายเป็นสีดำสนิท หมาป่าตรงหน้ามิใช่ คากามิ ที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว

     

    "ไม่เจอกันนานเลยนะเฟนเรีย"

    ปีศาจซึ่งสิงสู่ร่างของคากามิ ใช้น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของมันพูดผ่านร่างของคากามิ มีเพียงหนึ่งเดียว

    ที่รู้จักชื่อเก่าของ ทอล และมันคือศัตรูที่สังหารแม่ของเขา

     

    ทำไม….ทำไมต้องเป็นนายด้วยคากามิ!!” เยื่อใยสุดท้ายที่เขาพยายามจะรักษามันไว้

    กำลังจะถูกเผาไหม้ด้วยไฟแค้น

     

    ******************โปรดติดตามตอนต่อไป******************** 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×