คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #70 : Login 67: ประกายแห่งธุวดาราทั้งเจ็ด
Login 67: ประกายแห่งธุวดาราทั้งเจ็ด
เรดบอสระดับเจ็ดสิบสัตว์เทวะจ่าฝูงมาทีละตัวตามลำดับโดยมีสัญญาณแตรเขาสัตว์เป็นตัวบ่งบอก
นั่นคือสิ่งที่บันทึกของกองทัพบอกเอาไว้ในช่วงเวลาตลอดสามปีแต่ทว่าในปีนี้...
กลับออกมาพร้อมกันหมดแถมยังมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นต่างกับปีก่อน
สัตว์เทวะรูปร่างสัตว์ทะเลห้าตัวกำลังมุ่งหน้ามาที่ชายหาด
เสียงแตรเขาสัตว์ที่ดังอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงกับเสียงแตรจากปีศาจของซากิริที่สร้างคลื่นรบกวนความสามารถในการพรางตัวและเปิดเผยที่อยู่ของสัตว์เทวะท่ามกลางการปะทะกันของทั้งสองเสียงนั้น
บนชายหาดเมษาถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยใบหน้าตกตะลึง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
พลางสบถออกมาแบบนั้น ที่ข้างๆ
เขายังมีสิงห์กับมีนาอยู่ด้วย
แล้วมีนาก็หัวเราะแหะๆ พลางพูดเสริม
“อีแบบนี้ถ้าจะเป็นเรื่องจริงๆ
แล้วล่ะค่ะ”
น้ำเสียงไม่รับส่งกับคำพูดเอาเสียเลยหล่อนกำลังตัวสั่นด้วยซ้ำแต่ก็คงจะไปตำหนิไม่ได้เพราะขาของตัวเองก็กำลังสั่นอยู่เหมือนกัน
“อ้าวๆ ไม่ทันไรก็กลัวกันแล้วเหรอ”
มีเสียงพูดดังมาจากทางด้านหลังแล้วชายเจ้าของเสียงก็ก้าวออกมายืนเหลื่อมไปข้างหน้าเล็กน้อยพลางหันมาพร้อมกับกระชับปืนในมือทั้งสองกระบอกพันโทข้าวหลามนั่นเอง
“งั้นเดี๋ยวคอยดูรุ่นพี่ออกไปแสดงให้ดูก่อนแล้วรีบทำตามนะพวกหนูน้อย”
ชายหนุ่มผมย้อมสีทองที่ใบหน้าเปี่ยมด้วยความมั่นใจพูดมาอย่างนั้นแล้วสิงห์กับเลขาวิเชียรมาศก็ตามมาทั้งสามคนออกมายืนเป็นแนวหน้าให้กับกองทัพเพราะรู้ว่าในเวลานี้ทุกคนกำลังขวัญหนีดีฝ่อจากการที่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผนดังนั้นจึงต้องเรียกขวัญกำลังใจกลับมา
สิงห์กำลังเพ่งเล็งไปที่สัตว์เทวะรูปร่างปลาดาวลำตัวและแฉกหนวดเป็นสีม่วงมีพลอยที่เหมือนกับทับทิมอยู่ตรงกลางลำตัวทำหน้าที่เหมือนดวงตาและปล่อยคลื่นพลังสร้างอาคมพรางตัวชื่อของมันคือเมรัค
Heraldic Beast Deity: Merak Lv.70
[/////70200:702000/////]
มันเป็นตัวที่เข้ามาใกล้หาดมากที่สุดจากบรรดาสัตว์เทวะตัวอื่นๆ
“จัดการเมรัคก่อน”
สิงห์ออกคำสั่งแล้วชักดาบจากนั้นก็ออกวิ่งไปพร้อมกับข้าวหลามและวิเชียรมาศ
พลอยทับทิมที่ตำแหน่งกลางลำตัวของเมรัคเคลื่อนไหวตามสิงห์ดูเหมือนว่ามันจะมองเห็นพวกเขาแล้ว
จึงยื่นแฉกหนวดที่มีปลายแหลมคมเป็นอย่างมากพุ่งตรงมาทางนี้
แต่สิงห์ไม่หลบ
“ชาร์คชู้ต”
เพราะหนวดเหล่านั้นถูกยิงด้วยฝูงกระสุนฉลามของข้าวหลาม
หนวดถูกคมเขี้ยวของฝูงฉลามหยุดเอาไว้
“ชาร์คแฟงฟรอสไบท์!”
เสียงร่ายสกิลดังมาจากข้างหลัง
มวลน้ำรูปฉลามทั้งหมดเกิดระเบิดและจับตัวเป็นน้ำแข็งในทันทีหนวดทั้งหมดถูกแช่แข็งจนขยับไม่ได้อีก
ขณะเดียวกันสิงห์ก็พุ่งตัวเงื้อดาบ
ใบดาบตวัดเข้าสู่หนวดที่กลายเป็นน้ำแข็งระหว่างนั้นหน้าจอจัดการแอพพลิเคชั่นปีศาจก็ปรากฏขึ้นสิงห์ใช้มือกดคำสั่งบนหน้าจอเปลี่ยนให้ปีศาจที่ติดตั้งกับอาวุธเป็น
‘เฟิ่งหวง’
เทพปักษาผู้พิทักษ์ทิศตะวันตกในตำนานของจีน
“ซัมมอนซอร์ดเทคนิค วิหกไฟชำระ”
พลางร่ายสกิล
ใบดาบลุกไหม้ด้วยเพลิงร้อนระอุดาบตัดผ่านหนวดน้ำแข็งทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เมรัคสูญเสียหนวดทั้งหมดของมันไปพลังชีวิตจึงลดลงส่วนหนึ่ง
Heraldic Beast Deity: Merak Lv.70
[/////610280:702000//...]
มันส่งเสียงคำรามเหมือนเสียงช้างร้อง
ทั้งที่ไม่น่าจะมีอวัยวะส่งเสียงจากนั้นก็เริ่มหมุนลำตัวโดยที่พลอยทับทิมตรงกลางหยุดนิ่ง
มันหมุนตัวเองราวกับกังหันลมแล้วพลอยทับทิมก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมายิ่งมันหมุนเร็วขึ้นแสงสว่างก็ยิ่งเจิดจ้า
ข้าวหลามพูด
“ชิ มันจะยิงลำแสงแช่แข็งแล้ว”
แต่สิงห์ก็ไม่แสดงความหวั่นไหวออกมาเขาออกคำสั่ง
“วิเชียรมาศ!”
“ค่ะ”
เลขาสาวตอบรับคำสั่งแล้วออกมายืนขวางหน้าผู้เป็นนายราวกับจะเอาร่างเป็นโล่กำบังให้แต่จุดประสงค์จริงๆ
ของเธอไม่ใช่การสละตัวเองเพื่อปกป้องหล่อนมีวิธีที่ดีกว่านั้น
วิเชียรมาศดึงหนังสือปกเหล็กขึ้นมาจากที่เหน็บตรงบั้นท้ายแล้วเปิดมันออกพร้อมกับร่ายสกิล
“สแควรูทกรีม (Square Root Gleam)”
แสงสว่างของสกิลแผ่จากหนังสืออาบใส่เมรัคเต็มๆ
แต่ไม่เกิดอะไรขึ้น
วินาทีต่อมาการรวมพลังก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย
วินาทีถัดมาลำแสงสีฟ้าก็เปล่งประกายวาบกลืนร่างของทั้งสามคนให้หายเข้าไปในทะเลแสง
แสงยังแพร่ไปถึงชายหาดแต่พวกทหารก็พากันถอยลี้หลีกหนีจนหลบพ้น
หลังจากแสงจางลงก็ปรากฏก้อนน้ำแข็งขึ้นบนทะเลแต่ผืนน้ำกลับไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งตามชื่อลำแสงแช่แข็งเลย
อีกทั้งสามคนที่อาบแสงสว่างนั่นเข้าไปเต็มๆ ก็มีแค่แผ่นน้ำแข็งจับอยู่ตามร่างกายเพียงเล็กน้อยแค่สะบัดออกก็หลุดลอกอย่างง่ายดาย
พลังชีวิตก็ลดลงไปเป็นส่วนน้อยไม่สมกับความเป็นจริง
สิงห์ Lv.90
[/////12000:13000///..]
ข้าวหลาม Lv.90
[/////9450:10450///..]
วิเชียรมาศ Lv.88
[/////8100:8900///..]
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะสกิลที่วิเชียรมาศร่ายไปก่อนที่ลำแสงแช่แข็งจะยิงออกมา
สแควรูทกรีมของบิลด์คลาสแมทจิกเชี่ยน(Mathgician)
หรือจอมเวทย์คณิตศาสตร์นั้นไม่ใช่สกิลสำหรับสร้างความเสียหายแต่เป็นประเภทคำสาปลดความสามารถซึ่งผลของสกิลนี้คือการลดพลังโจมตีพิเศษที่มีผลกับสกิลประเภทเวทมนตร์
ผลก็คือพลังทำลายสกิลที่เมรัคยิงออกมาถูกลดไปในอัตราครึ่งต่อครึ่งจนแทบไม่เป็นอันตรายใดๆ
สิงห์ฉวยโอกาสที่เมรัคต้องรอฟื้นฟูพลังหลังจากปล่อยสกิลกระโดดจากฝั่งขึ้นไปถึงกลางลำตัวของอีกฝ่ายแล้วแทงดาบที่ยังลุกโหมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของวิหกเทพ
ใบดาบเสียบลึกเข้าไปในพลอยทับทิมลึกจนถึงแก่น
สิงห์ฟันจนมันขาดเป็นสองเสี่ยงก่อนจะถีบใส่ร่างของเมรัคแล้วดีดตัวกลับมายืนบนฝั่ง
การโจมตีด้วยไฟได้ผลดีกับเมรัคนั่นคือสิ่งที่บันทึกเอาไว้จากเรดเมื่อปีก่อนบวกกับการโจมตีเข้าที่จุดตายซึ่งให้ผลเหมือนกับมนุษย์ที่ถูกทำลายส่วนหัวพลังชีวิตอันมหาศาลจึงระเหยหายไปราวกับอากาศธาตุ
Heraldic Beast Deity: Merak Lv.70
[.....0:702000.....]
ร่างของเมรัคทยอยสลายตัวกลายเป็นหมอกควันขณะที่หงายหลังจมทะเลและหายไปจนหมดพร้อมกับแถบแสดงพลังชีวิต
จากการที่โค่นศัตรูลงได้ทำให้กองทัพเริ่มกลับมามีขวัญกำลังใจ
มีเสียงเฮโลจากเหล่าทหารที่อยู่เบื้องหลังดังแว่วมาทุกคนพร้อมจะรบกันแล้ว
ในตอนนั้นเอง...
เพราะมัวแต่สนใจกับกองทัพที่กลับมามีกำลังใจกันอยู่บวกกับไอควันจากการสลายร่างของเมรัคทำให้ไม่ทันสังเกตสัตว์เทวะตัวอื่น
Heraldic Beast Deity: Phecda Lv.70
[/////85000:85000/////]
จนกระทั่งแถบพลังชีวิตกับชื่อของเพ็คด้าจ่าฝูงสัตว์เทวะรูปแบบเต่าทะเลซึ่งหดหัวและครีบเข้าไปในกระดองแล้วเริ่มหมุนเคว้งด้วยความเร็วสูงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แหวกม่านหมอกออกมา
ลำแสงสีแดงซึ่งมีอำนาจบดขยี้ทุกสิ่งอย่างก็สาดออกมาจากช่องที่หัวและครีบหดเข้าไป
ลำแสงทั้งห้าเส้นตีวงเป็นเส้นโค้งตามการหมุนควงสว่านจึงไม่อาจคาดเดาทิศทางได้
ลำแสงวิ่งไปกระทบกำแพงชั้นไออัส กำแพงถล่มลงมาทับทหารบาดเจ็บล้มตายกันไปหลายคน
ลำแสงพุ่งไปโดนคนที่อยู่บนหาดเกิดระเบิดขึ้นแล้วคนๆ
นั้นก็ตายในทันทีพลังทำลายของลำแสงรุนแรงเกินกว่าจะรับกันตรงๆ ได้
ลำแสงไม่เพียงแต่ทำร้ายพวกเขาแต่ยังเบี่ยงออกนอกวิถีไปยิงโดนสัตว์เทวะตัวอื่นด้วยแต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงอะไรสำหรับพวกมันแล้วนี่เป็นพลังทำลายที่แค่ทำให้คันเท่านั้น
ท่ามกลายพายุลำแสงที่ถาโถมไปมาอย่างบ้าคลั่งสิงห์คิดหาวิธีที่จะรับมือกับลำแสงพวกนี้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียกำลังพลไปก่อนที่เพ็คด้าจะหยุดยิง
ดังนั้นจึงแชทไปหาซากิริ
ทันทีที่อีกฝ่ายรับแชท...
“ยกเลิกทรัมเปตเตอร์ซะเมรัคที่ช่วยให้พรางตัวได้ถูกทำลายไปแล้วตอนนี้เตรียมข่ายสนามพลังทีฉันจะให้โควริวกางชีพจรมังกร”
แต่ซากิริตอบกลับมาว่า
“เรื่องนั้นน่ะทำไปตั้งตอนที่เห็นเมรัคกลายเป็นควันไปแล้วแต่ว่าจะให้ชีพจรมังกรทำงานจำเป็นต้องให้โควริวมาอยู่ในข่ายอาคมซะก่อนนะเพราะงั้นช่วยวิ่งขึ้นมาบนฝั่งอีกซักร้อยเมตรได้รึเปล่าล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“รีบหน่อยล่ะ”
สิงห์ตัดสายไปโดยไม่ฟังคำพูดเร่งรัดของอีกฝ่ายแล้วก้าวเท้าวิ่งหน้าตั้งในทันที
ลำแสงของเพ็คด้าคำนวณทิศทางไม่ได้มีแต่ต้องใช้สัมผัสเดาเอาแล้วหาทางหลบเลี่ยงซึ่งสิงห์ก็ทำได้เป็นอย่างดีเขาคอยหลบลำแสงแล้ววิ่งเข้าใกล้เขตอาคมไปทีละก้าวๆ
และเมื่อไปถึงก็เปลี่ยนปีศาจที่ติดตั้งเป็นเทพมังกรทองคำโควริวก่อนจะปักดาบลงบนพื้นที่กางเขตอาคมไว้
อาคมเริ่มทำงานแสงสว่างของชีพจรมังกรเริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
ในระหว่างนี้ห้ามขยับออกไปจากที่นี่เป็นอันขาดไม่อย่างนั้นพลังงานของโควริวที่ถ่ายเทลงชีพจรจะไหลย้อนกลับแล้วมอบความเสียหายถึงตายได้และนั่นคือเหตุที่ทำให้ต้องวัดดวงว่าระหว่างที่เติมพลังให้กับชีพจรมังกรลำแสงของเพ็คด้าจะไม่เล่นงานเขาแต่...
สิงห์กลับไม่มีดวงเอาเสียเลยที่จริงเขาไม่เคยเชื่อในเรื่องของดวงชะตาด้วยซ้ำไปและนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลำแสงของเพ็คด้าบังเอิญเบี่ยงวิถีมาทางนี้
ลำแสงลากผ่านพื้นชายหาดและกำลังตรงรี่มาที่สิงห์
"บัดซบ..."
สิงห์สบถทั้งที่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่งอยู่อย่างนั้นแต่ในใจกำลังครุ่นคิดถึงความผิดพลาดที่คิดจะมาวัดดวงเอาแบบนี้แต่สถานการณ์ก็บังคับให้หลีกเลี่ยงไม่ได้หากไม่ทำก็อาจจะต้องสูญเสียกำลังรบทั้งหมด
"ถ้าเรามาตายตรงนี้ทุกอย่างก็จะ.."
แต่แล้ว...
“เทคนิคัลเวพ่อน!”
เสียงของเมษาดังมาจากด้านหลัง
แล้วเจ้าตัวก็โผล่มาขวางหน้าลำแสงเอาไว้พร้อมกับโล่สีแดงฉานมีลวดลายสีทองวาดเอาไว้เหมือนกับใบหน้าของมังกร
ตัวโล่มีลักษณะเพรียวส่วนปลายคมจนใช้แทนมีดได้ที่จริงมันดูคล้ายกับสนับมือแบบที่เป็นปลอกแขนเสียมากกว่า
เด็กหนุ่มยกโล่รับการะปะทะจากลำแสงเอาไว้พร้อมกับร่ายสกิล
"วอยด์เคาท์เตอร์"
เพียงเท่านั้นลำแสงก็หยุดลงรวมถึงเพ็คด้าก็หยุดเคลื่อนที่ไปด้วยสาเหตุก็เพราะสกิลของเมษาที่จะยกเลิกการโจมตีที่มาสัมผัสถูกโล่ตอนที่ใช้สกิลและทำให้เจ้าของการโตมตีเกิดสภาวะชะงักงัน
ขณะเดียวกันชีพจรมังกรที่ได้รับการเติมพลังจนเต็มก็เริ่มทำงาน
กำแพงแสงผุดขึ้นมาล้อมกำแพงไออัสไว้ทำให้พอจะป้องกันฝูงดูเบที่ลอยมาจากทะเลได้
ภายในกำแพงเองก็เริ่มชุลมุนวุ่นวายกับพวกดูเบที่หลุดเข้ามาก่อน
"แบบนี้คงพอยันไว้ได้ซักพัก"
สิงห์พึมพำก่อนจะพูดกับเมษาที่กำลังหอบจนตัวโยนหลังจากช่วยชีวิตเขาไว้
"เก่งขึ้นมานิดหน่อยแล้วนี่"
"หา!?"
เด็กหนุ่มหันกลับมาสบตาพี่ชายในทันทีแววตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตกตะลึงในคำพูดเมื่อครู่
แต่ไม่มีเวลาให้ได้ถามไถ่ก็มีสัตว์เทวะตัวหนึ่งพุ่งจากทะเลขึ้นมาถึงชายหาด
มันพุ่งมาเร็วมากจนมีแต่สิงห์ที่สังเกตเห็นว่าสัตว์เทวะตัวนั้นคือเมเกรซ
จ่าฝูงรูปแบบวาฬสีน้ำเงินที่สามารถปล่อยฝูงดูเบออกจากรูหายใจบนหัวได้
Heraldic Beast Deity: Megrez Lv.70
[/////204879:205000////.]
มันตรงมารวดเดียวจนเหมือนจะพุ่งชนกำแพงชีพจรมังกร...ไม่สิมันตั้งใจเข้ามาชนเลยต่างหาก
สิงห์ดึงคอเสื้อน้องชายแล้วเหวี่ยงทิ้งไปข้างหลัง
เมษาตัวลอยละลิ่วไปอย่างง่ายดายและในทันทีที่หลังถึงพื้น
กำแพงชีพจรมังกรตรงจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ก็ถูกชนจนแตกละเอียด
เกิดเสียงดังเพล้งเหมือนกระจกแตกแรงปะทะมหาศาลทำให้เกิดระเบิดขึ้น
ทหารหลายนายที่ยืนอยู่บริเวณนั้นถูกลมพัดปลิวกระเด็นไปหลายต่อหลายนาย
ฝุ่นทรายพากันลอยตัวคละคลุ้งบดบังทัศนวิสัย
หมอกควัน
หมอกทราย
ดูเบ
ดูเบ
รอบตัวเมษาถูกล้อมไปด้วยดูเบพวกมันไม่มีอันตรายแต่จะปล่อยให้หลุดแนวป้องกันเข้าไปไม่ได้แม้แต่ตัวเดียวเรื่องแบบนั้นอาจเกินมือก็ได้พวกมันมีเป็นแสนนับด้วยสายตาไม่ได้เลยพวกมันห้อมล้อมราวกับเป็นอากาศธาตุ
ดูเบ
ดูเบ
มองไปทางไหนก็มีแต่ดูเบ
เมษาไม่ได้สนใจเรื่องที่ว่าพวกมันจะบุกฝ่าแนวป้องกันไปได้ตอนนี้เขาเป็นห่วงสิงห์ที่อยู่ใกล้กับจุดที่กำแพงถูกชนมากกว่า
เมษาวิ่งฝ่าเข้าไปในควันแต่กลับถูกผลักออกมาโดยมือของสิงห์
เมื่อลองเพ่งสายตาดูดีๆ
แล้วสิงห์นั้นไม่มีบาดแผลปรากฏให้เห็นยังคงสบายดีและอยู่ในสภาพเต็มร้อยซึ่งกว่าที่จะเข้าใจได้ก็ตอนที่ร่างของปีศาจที่สิงห์อัญเชิญออกมาปรากฏแก่สายตา
นรสิงห์กำลังดันปากของเมเกรซอยู่
สิงห์ยังคงปักดาบเอาไว้บนพื้นนั่นหมายความว่านอกจากนรสิงห์แล้วส่งพลังของโควริวให้ชีพจรมังกรอยู่แต่กำแพงชีพจรที่ถูกชนก็แตกไปส่วนหนึ่ง
'มัวทำอะไรอยู่ข้าจะไม่ไหวแล้วนะ'
นรสิงห์คำรามมันเริ่มโดนดันกลับมาจนเท้าถอยครูดไปกับทรายหลายสิบเซนฯ
"อย่ามาสั่งฉัน"
สิงห์ตอบกลับไปแบบนั้นก่อนจะดึงดาบ
ตอนนี้ชีพจรมังกรได้รับพลังงานเพียงพอที่จะคงกำแพงไว้ได้แล้วสิงห์จึงเป็นอิสระ
เขาตวัดดาบพร้อมกับร่ายสกิล
"ซัมมอนซอร์ดเทคนิก
ทลายหมู่มารราชสีห์จำแลง"
นรสิงห์หัวเราะ
'ฮะๆๆ มาแล้วๆ พลังมาแล้ว!!'
จากที่ถูกดันเข้ามานรสิงห์ก็เริ่มดันเมเกรซกลับไปบ้างแล้วเมื่อส่วนปากที่ยื่นเข้ามาในกำแพงถอยออกไปหมดแล้ว...
'ฮ่า!!!'
นรสิงห์เปล่งเสียงปลดปล่อยพลังทั้งหมดผลักร่างกายอันใหญ่โตของเมเกรซกระเด็นกลับไปที่ทะเลตอนนั้นเองข้าวหลามกับวิเชียรมาศก็วิ่งสวนกับร่างของเมเกรซที่ลอยไปจนมาถึงแนวกำแพงชีพจร
ข้าวหลามพูด
"อาริออทกับมิซาร์มันข้ามกำแพงฝั่งโน้นไปแล้ว"
พร้อมกับชี้ไปที่อีกฟากของแนวกำแพงซึ่งสัตว์เทวะรูปแบบปะการังมิซาร์เอาตัวแนบติดกับกำแพงชีพจรแล้วแบ่งตัวพูนขึ้นไปจนข้ามหลังกำแพงกลายเป็นบันไดให้อาริออทสัตว์เทวะรูปแบบปลาหมึกยักษ์ปีนขึ้นไปอีกที
กำแพงชีพจรยังทำงานตามปกติและสร้างกระแสไฟฟ้าช็อตใส่มิซาร์ที่เอาตัวแนบติดกับกำแพงจนท้องของมันเริ่มกลายเป็นสีดำและส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมา
แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะต่อให้ร่างกายตรงส่วนนั้นจะถูกไฟช็อตจนตายไปแต่ร่างกายส่วนที่ยังเหลือซึ่งข้ามกำแพงไปแล้วก็ยังคงแบ่งตัวเพิ่มจำนวนไปไม่มีสิ้นสุดและลุกล้ำแนวกำแพงชั้นไออัสไปอย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือของอาริออทที่ปล่อยหยดหมึกพิษลงไปบนหาด
หมึกพิษเหล่านั้นพอสัมผัสถูกอากาศก็จะระเหยเป็นไอพิษทำให้พวกทหารที่สูดดมเข้าไปอ่อนแรงลงจนไม่สามารถหยุดยั้งมิซาร์ที่กำลังเพิ่มจำนวนได้
ในเมื่อกำแพงชีพจรไม่สามารถป้องกันการลุกล้ำอาณาเขตได้จึงไม่มีความหมายอีกต่อไป...
สิงห์ปักดาบลงพื้น แทงตรงส่วนที่กางข่ายอาคมแล้วสลายกำแพงชีพจรแต่ไม่ได้ทำให้มันหายไปเพียงแค่ย้ายไปไว้ด้านหลังแนวชั้นไอจิสที่อยู่ด้านในสุด
“เอาไว้กั้นไม่ให้พวกดูเบหลุดเข้าไปก็พอ”
หลังจากอธิบายสาเหตุที่ย้ายกำแพงแล้วก็หันไปจะสั่งงานเมษาระหว่างนั้นมีนาที่ตามมาถึงพอดีก็เลยสั่งทั้งคู่ไปว่า
“ไปรวมกลุ่มกับพวกในทีมแล้วไปหยุดสองตัวนั่นซะถ่วงเวลาไว้จนกว่าทางนี้จะจัดการพวกข้างหน้านี่เสร็จก็พอ”
“ครับ!” “ค่ะ”
ทั้งคู่ขานรับก่อนจะออกวิ่งไปทางกำแพงชั้นใน
หลังจากออกมาได้ไกลพอมีนาก็เริ่มหาเรื่องแซวน้องชาย
“โดนพี่สิงห์ชมเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
“ได้ยินด้วยเรอะ!”
เมษาถามหน้าตาตื่นไม่เพียงเท่านั้นใบแก้มยังแดงระเรื่อนิดๆ
จนเดาความรู้สึกได้ง่าย
มีนาหัวเราะคิกคัก
“ก็เปล่า แค่เห็นหน้าเมษาแดงเป็นแอปเปิลแบบนั้นก็เดาได้แล้วล่ะ”
แต่เมษาปฏิเสธเสียงแข็งในทันที
“ไม่ได้แดงซักหน่อยอย่ามาพูดพล่อยน่า”
แล้วเบือนหน้าหนี มีนาจึงพูดต่อไปอีก
“ว่ากันตามตรงพวกเราเปลี่ยนไปเยอะเลยนะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่กล้าเข้าแทรกกลางวงต่อสู้ของพี่สิงห์แบบนั้นแน่”
“อืม ทั้งหมดนี่ก็เพราะเจ้าศร... ว่าแต่มันหายหัวไปไหนเนี่ยไม่เห็นตั้งแต่เริ่มเรดแล้วนะ”
“นั่นสิเมื่อกี้คุยกับกวินทร์แล้วเห็นบอกว่ารอโดโรธีแต่งตัวอยู่น่ะ”
“แปลว่ายังอยู่ที่ห้องเหรอ”
เมษาแหงนหน้าขณะวิ่งแล้วมองไปยังควันไฟที่ลอยขึ้นมาจากด้านหลังกำแพงชีพจร
ตรงจุดนั้นคือส่วนที่พักทหารซึ่งเมื่อครู่เพิ่งจะโดนลำแสงของเพ็คด้าเข้าไป
จากจุดที่มองนี้ไม่สามารถเห็นได้ว่าส่วนไหนที่ถูกทำลายจึงได้แต่ภาวนาว่าอิงศรจะไม่โดนลูกหลงนั้น
มีนายิ้มให้กับท่าทีเป็นห่วงของน้องชายแล้วพูดว่า
“ฝากเรื่องติดต่อไว้กับกวินทร์แล้วพวกเรารีบไปรวมตัวกันที่หน้าประตูไอจิสเถอะ”
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย....
อิงศรมองดูเมล์ตัวจับเวลาตายของสิงห์ด้วยใบหน้าฉงน
อยู่เวลานับถอยหลังก็หยุดลงและภาพแสดงความตายก็กลายเป็นภาพซีดๆจางๆ นั่นหมายความว่าสิงห์ถูกใครบางคนช่วยเอาไว้ก่อนที่ตายตามคำเตือน
ถึงส่วนตัวเขาจะไม่ค่อยอยากเชื่ออยู่แล้วว่าคนอย่างสิงห์จะถูกจัดการได้ง่ายๆ
แต่จะมีคำอธิบายไหนเหมาะกับไพ่อาคานาร์ใบใหม่ที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากเมล์ตัวจับเวลาตายของสิงห์กลายเป็นโมฆะได้ดีกว่านี้อีกกันล่ะ
ไพ่อาคานาร์รูปหอคอยถูกฟ้าผ่าหันหัวตั้งขึ้นมีชื่อว่า เดอะ ทาวเวอร์ (The Tower)
อิงศรมองไพ่ในมือแล้วครุ่นคิดหาความเชื่อมต่อของไพ่กับเมล์ตัวจับเวลา
ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนช่วยสิงห์เองแท้ๆ
แต่กลับมีอาคานาร์ปรากฏขึ้นมาหรือว่าเงื่อนไขที่เคยคิดเอาไว้จะผิดไปนิดหน่อยบางทีแค่การขัดขวางไม่ให้เหตุการณ์เป็นไปตามเมล์อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับการรับไพ่ใบใหม่
ปัจจัยที่จะทำให้วิเคราะห์ได้ยังมีน้อยเกินไปดังนั้นจึงพักที่จะคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้วหันไปดูโดโกบาร์
โดโกบาร์ยังคงผูกเชือกรองเท้าอยู่ถ้านานกว่านี้ถึงจะเสี่ยงไปบ้างแต่คงต้องทิ้งเอาไว้ที่นี่
เขาเริ่มเป็นห่วงทางสนามรบมากขึ้นเพราะมีสายเรียกจากกวินทร์เข้ามาบ่อยล่าสุดที่ตอบกลับไปก็ราวห้านาทีก่อน
อิงศรเดินไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าออกไปเพื่อมองดูสถานการณ์
จากตรงนี้จะมองเห็นข้างหลังกำแพงชั้นไอจิส มองเห็นกลุ่มควันที่ลอยโขมงอยู่ด้านนอก สนามรบคงวุ่นวายพอตัวเขาสรุปอย่างนั้นแล้วพอจะเดินกลับออกจากหน้าต่างอิงศรสัมผัสได้ถึงเสียงประหลาดประสาทสัมผัสของเขาว่องกว่าคนปกติในโลกก่อนการล่มสลายเพราะไวรัสอมฤตและความสามารถตามสายอาชีพก็ทำให้สัมผัสนั้นเฉียบคมขึ้นอีกหลายเท่าจนสามารถได้ยินเสียงเสียดสีของอากาศพอหันกลับไปดูก็เห็นโค้งลำแสงสีแดงกำลังพุ่งตรงมายังห้องนี้
“ซวยแล้ว!”
อิงศรสบถพร้อมกับพุ่งตัวกลับเข้าไปในห้องคว้าตัวโดโกบาร์ที่ยังผูกเชือกรองเท้าขึ้นมาโดยไม่สนว่าจะถูกต่อต้าน
ตอนนี้ต้องหนีให้พ้นเสียก่อน
อย่างไรก็ตามวินาทีตั้งแต่ที่มองเห็นโค้งลำแสงมันก็สายเกินไปแล้วเมื่ออิงศรคว้าตัวโกบาร์หน้ต่างก็ถูกลำแสงปะทะเข้ามาจนเกิดระเบิด
ตูม! ตูม! ตูม!
เกิดระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อาคารหอพักทั้งหลังถล่มลงมาในพริบตา
ความคิดเห็น