คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #231 : Login 228: เผชิญหน้าลูนาริสแห่งจันทรา
Login
228: เผชิญหน้าลูนาริสแห่งจันทรา
ทันทีที่เน็กส์เข้าไปในร่างเมษา
การตั้งฟอร์เมชั่นก็เสร็จไปขั้นหนึ่งซึ่งทันเวลากับที่ศัตรูโจมตีเข้ามาพอดี
กรงเล็บสีดำโปร่งเหมือนเงาสองข้าง
ลอดออกมาจากใต้ชุดคลุมสีเหลืองของลูนาริสแล้วพุ่งลงมาโจมตี
“วินด์ช็อก
มาร์สไตรค์!”
อิงศรร่ายสกิลพร้อมกับลั่นไกยิงหน้าไม้
ลูกดอกพิเศษพุ่งออกไปแล้วระเบิดแตกเป็นลำธารเพลิงเผากรงเล็บเงาเหล่านั้น
ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อยกว่าฟอร์เมชั่นจะสมบูรณ์จำเป็นต้องมีเวลาให้มิ่งขวัญกับกวินทร์ร่ายสกิลสะสมยูนิทกับทำเงื่อนไขเวพ่อนไนซ์กันก่อน
ดังนั้นเมษาที่รวมกับเน็กส์ไปแล้วจะมาจับคู่กับเขาเพื่อช่วยถ่วงเวลา
กรงเล็บที่โดนเผาไปแล้วงอกขึ้นมาใหม่เพราะมันเป็นเงาอยู่แล้วกระมังคงเป็นวัสดุเทียมที่ลูนาริสสร้างขึ้นมา
ซึ่งถ้าคิดแบบนั้นก็จะตอบได้ทันทีว่าทำไมถึงได้มีกรงเล็บพุ่งออกมาจากใต้ชุดคลุมอีกหลายสิบคู่เลยทีเดียว
พระเจ้าคงตั้งใจจะเก็บกวาดในทีเดียวอย่างนั้นสิ
ถ้าเป็นตอนที่อยู่บนโลกพวกเขาคงจะต่อต้านไม่ได้เลยเพราะลูนาริสจะปลดปล่อยแรงกดดันออกมาทำให้ขยับตัวไม่ได้อย่างที่คิด
แต่ว่าบนอาคาชิกเรคคอร์ดแห่งนี้ดูเหมือนจะทำแบบนั้นไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเมื่อรวมกับระดับเลเวลของพวกเขาที่เพิ่มขึ้นมาจากตอนนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหวทำให้ตอบโต้การโจมตีของพระเจ้าได้ในที่สุด
ในที่สุดมนุษย์ก็ขัดขืนพระเจ้าได้แล้ว
“มีนาให้ไดโนเสาร์ของเธอที่โจมตีระยะไกลได้ยิงสกัดกรงเล็บพวกนั้นที
หลังจากเคลียกรงเล็บพวกนั้นหมดแล้วนิวใช้สกิลเส้นใยเหวี่ยงตัวพี่ขึ้นไปข้างบนนะ”
ทั้งสองคนนั้นตอบรับในทันที
“รับทราบค่ะ!” “ค่ะพี่ศร!”
มีนาเงื้อเคียวแล้วทุบลงบนพื้นสร้างรอยแยกเรียกไดโนซอมบี้ขึ้นมา
ฟอสซิลโครงกระดูกที่มีชีวิตของไดโนเสาร์มีแผ่นเกล็ดบนหลังสายพันธุ์สเตโกซอรัสผุดขึ้นมาจากรอยแยกนั่นแล้วจึงปิดตัวสนิท
“ลุยเลยจ้า~~ สเตโกจัง
ปืนใหญ่หนาม”
โครงกระดูกส่งเสียงคำรามหวีดแหลมตอบรับคำสั่งของเธอได้ทั้งที่ไม่มีอวัยวะภายใน
จากนั้นมันก็โก่งหลังที่เต็มไปด้วยแผ่นเกล็ดแหลมคม
ระดมยิงแผ่นเกล็ดขึ้นไประรัวเหมือนปืนกล เมื่อแผ่นเกล็ดปะทะเข้ากับกรงเล็บเงาพวกมันก็จะระเบิด
เกิดระเบิดต่อเนื่องกลางอากาศ
ระเบิดดังตูมตามสะเทือนเลือนลั่น ควันไฟจากการระเบิดบดบังทัศนวิสัย
แต่กรงเล็บของลูนาริสก็ถูกหยุดไปเรียบร้อย
เมื่อสบโอกาสแล้วอิงศรจึงส่งสัญญาณ
“นิว!”
“พับเพ็ทแดนซ์!”
เด็กสาวประกาศร่ายสกิลแล้วเส้นใยก็ถักทอขึ้นในมือ
เธอสะบัดมือขว้างเส้นใยมาที่เขา
สัมผัสของร่างกายขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้ร่างกายของเขาจะถูกโอนการควบคุมให้กับนิวโดยสมบูรณ์
ขณะเดียวกับเมษาก็ร่ายสกิลเสริมพลังให้กับตัวเองเพื่อที่จะตามเขาขึ้นไปด้วย
เมษาถอดเสื้อเกราะของตัวเองออกด้วยสกิล
‘เชิ้ตออฟ’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์พื้นฐานเฉพาะตัวที่เพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้นจากนั้นก็ร่ายสกิลต่อเนื่อง
“เดินลมปราณ”
แล้วตวัดแขนทำท่าเหมือนปัด
ทันใดนั้นลูกไฟยูนิทสีเทาจำนวนสี่ลูกก็ปรากฏขึ้นตามแนวการวาดของมือที่ตวัดไปเมื่อครู่
[ศาสตร์ลับ
"เดินลมปราณ" Lv(2/2)
Element:
-
Attribute:
Martial Art, Support, Technical
กระบวนท่าพิเศษดึงพลังแฝงที่ซ่อนเร้น ได้รับ Awakening Unit ไร้สี 4 หน่วย]
เมษาใช้สองมือรวบเอายูนิทที่ลอยเรียงกันอยู่บีบประกบมันด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจนแนบชิดติดกัน
“ผนึกลมปราณ!”
เป็นสกิลสำหรับเพิ่มค่าพลังพื้นฐานทุกค่าให้สูงขึ้นตามจำนวนยูนิทที่จ่ายให้
[ศาสตร์ลับ
"ผนึกลมปราณ" Lv(4/4)
Element:
-
Attribute:
Martial Art, Support, Technical
(Cast
Cost) Awakening Unit 1 หน่วยขึ้นไปแต่ไม่เกิน 4 ;เสริมพลังด้วยลมปราณจนถึงขีดสุด
(เพิ่มค่าสมรรถภาพพื้นฐานทั้งหมด + 10 * จำนวนยูนิทที่จ่ายให้)]
ตอนนี้ร่างของเมษามีออร่าพลังห้อมล้อมรัศมีของพลังเด่นชัดถึงขนาดนั้นเพราะเป็นการเสริมพลังขั้นสูงสุดให้กับตัวเองความแข็งแกร่งคงจะไล่เลี่ยกับราชครูมนุษย์ต่างดาวระดับล่างๆ
ได้เลยทีเดียว
เมื่อเมษาพร้อมแล้วอิงศรก็ให้สัญญาณแก่นิวอีกครั้ง
“เอาเลย!”
พอนิวได้ยินก็รวบเส้นใยทั้งหมดไว้ด้วยสองมือแล้วเหวี่ยงไปทางซ้ายสุดแรงจนลำตัวหันตาม
ด้วยการทำแบบนั้นร่างกายของเขาที่ถูกควบคุมด้วยเส้นใยจึงพุ่งขึ้นไปตามแรงเหวี่ยงเหมือนตุ๊กตาถูกขวัาง
หลังจากขึ้นไปแล้วนิวก็กระตุกเส้นใยทั้งหมดออกจากร่างของเขาทำให้กลับมาควบคุมการเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง
ประจวบกับที่เมษากระโดดพุ่งขึ้นมาแล้วแซงหน้าเขาไป
อิงศรยกหน้าไม้ขึ้นเล็ง การยิงคุ้มกันให้เมษาจะเป็นหน้าที่ต่อจากนี้
นี่ก็คือรูปแบบฟอร์เมชั่นใหม่ที่ให้ผลัดกันโจมตีทีละคู่
คนหนึ่งจะโจมตีอีกคนคอยสนับสนุนแล้วพวกที่วางไว้ให้สนับสนุนอีกก็จะช่วยให้เพื่อนตายยากขึ้น
ฟอร์เมชั่นใหม่นี้ได้ทั้งรุกและรับในเวลาเดียวกัน
ชื่อของมันคือ ‘ฟอร์เมชั่นแซด’ ตัว Z ที่เป็นตัวสุดท้าย
นี่คือฟอร์เมชั่นสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
เพราะเมื่อภารกิจนี้สิ้นสุดลงจะไม่มีโลกที่ต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างไร้เหตุผลแบบนี้อีกต่อไป
ทุกคนต่างก็เชื่อมั่นอย่างนั้นจึงร่วมต่อสู้กันด้วยฟอร์เมชั่นที่มีชื่อว่าสุดท้ายนั่นเอง
ลูนาริสปล่อยกรงเล็บเงาออกมาจากใต้ผ้าคลุมอีก
จำนวนคือสิบทั้งหมดมุ่งตรงมาที่นี่
“วินด์ช็อก
เมอร์คิวรี่สไตรค์!”
อิงศรลั่นไกหน้าไม้
แผ่นยันต์ซึ่งโหลดอัตโนมัติจากที่ซุกไว้ในแขนเสื้อด้วยสกิลลุกไหม้ส่งเสียงดังฉู่
แล้วลูกดอกพิเศษซึ่งเกิดจากไฟสีฟ้าครามก็พุ่งออกไป
ระเบิดแล้วกลายเป็นสารธารเย็นยเยือกไหลเชี่ยวพัดกรงเล็บให้เบี่ยงออกไปจากตัวเมษา
แต่ปัดออกไปได้แค่ห้าอันเท่านั้น
ยังเหลืออีกห้าอันที่มุ่งเข้าหาเมษา
อิงศรเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจ
“ชิ
พลังไม่พอเรอะ มีนา!”
พอตะโกนเรียกไปแบบนั้น
มิสไซล์แผ่นเกล็ดก็พุ่งแซงหน้าไปปะทะกับกรงเล็บที่เหลือ เกิดระเบิดขึ้น
กรงเล็บขาดกระจุยเป็นชิ้นๆ ทำให้เมษาผ่านเข้าไปถึงตัวของพระเจ้าได้
แต่ก็ยังถึงแค่ปลายของเสื้อคลุมเท่านั้น
แรงส่งจากกระโดดมาถึงแค่ตรงนี้
“ถึงแล้วเน็กส์”
เมษาพูดกับเน็กส์ที่สิงร่าง
แล้วเน็กส์ก็ร่ายสกิลตอบกลับมา
“วินด์วาร์ป!”
พริบตาถัดมาเมษาก็หายตัวไปโผล่เกือบถึงส่วนที่เป็นดวงจันทร์
อิงศรเพ่งสายตามองขณะที่ตัวเองกำลังร่วงหล่น
ขนาดตัวของเมษาที่มองจากมุมนี้ดูเล็กลงถนัดตาแต่พระจันทร์กลับยังมองเห็นได้ชัดเจน
เมษาที่ขึ้นไปสูงจนเกือบจะถึงคงมองเห็นสัดส่วนที่แท้จริงของดวงจันทร์ได้
คาดว่าขนาดของมันคงจะใหญ่กว่าภูเขาทั้งลูกหรือไม่ก็ตรงนั้นอาจจะเป็นดวงจันทร์จริงๆ
เลยก็ได้
เน็กส์ใช้สกิลเคลื่อนย้ายอีกครั้งพาเมษาเข้าไปประชิดผิวดวงจันทร์
เมษาเงื้อหมัดขึ้น
บรรจุสายฟ้าลงในกำปั้นแล้วซัดลงไป
“ซุสนัคเคิล!!”
ที่ผิวดวงจันทร์ของแอดมินิสเทรเตอร์
เปรี้ยง! เสียงสนั่นบาดหูดังกึกก้อง
เกิดระเบิดขึ้นที่ผิวดวงจันทร์แล้วเมษาก็ปลิวกระเด็นออกมาเพราะแรงสะท้อนจากท่าของตัวเอง
เมษา Lv. 144 [/////76540:77000////.]
พลังชีวิตของเมษาลดลง
การโจมตีเมื่อครู่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บมันมีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?
คำตอบก็คือไม่มี
อิงศรสรุปอย่างนั้น
ที่เมษาบาดเจ็บก็คงเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของแอดมินิสเทรเตอร์
อาจจะสะท้อนความเสียหายกลับมาได้
“….”
ไม่รู้สิ
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับแอดมินิสเทรเตอร์เลย
นรินทร์ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้แต่ถ้าใช้เดม่อนแอพฯ
ไม่ได้เรื่องนั้นก็ทำไม่ได้เหมือนกัน จะถามซีลอร์ดเหรอ
แต่หมอนั่นโดนอัดจนขยับตัวไม่ได้ไปแล้ว
“ชิ”
อิงศรเดาะลิ้นด้วยความเจ็บใจแล้วหันหน้าไม้ลงไป
“ชาร์คชู้ต!”
หลังจากร่ายสกิลแผ่นยันต์อาคมก็ลุกไหม้ไปอีกแผ่น
เขาลั่นไกยิงกระสุนฉลามวารีให้เกิดแรงสะท้อนผลักตัวเองให้ลอยขึ้นไป
การโจมตีเมื่อกี้ของเมษาไม่ฝากรอยแผลให้กับดวงจันทร์เลยแม้แต่น้อยแถมแอดมินสเทรเตอร์ก็ไม่มีแถบพลังชีวิตแสดงให้เห็นด้วยจึงไม่รู้ข้อมูลของอีกฝ่ายว่าได้รับความเสียหายบ้างหรือเปล่า
ไม่รู้อะไรเลยซักอย่างแต่พระเจ้ากลับรู้พวกเขาอย่างหมดเปลือก
รู้ว่าอีกเท่าไหร่ถึงจะฆ่าได้จากพลังชีวิต
รู้การเคลื่อนไหวของพวกเขาที่มีพื้นที่จำกัดโดยที่ตัวเองลอยอยู่บนท้องฟ้า
เพราะสมาชิกจำนวนหนึ่งของพวกเขาต้องยืนต่อสู้บนพื้นดิน
แล้วก็คงรู้หมดว่ามีสกิล
พลัง วิชา อะไรบ้าง เพราะฝ่ายนั้นเป็นถึงผู้ที่กำหนดความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง
แน่นอนว่าเกมโลกาวินาศที่ซีลอร์ดวางระบบร่วมกับซีเซียมก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้น
แล้วพวกเขาก็พยายามจะต่อสู้กับศัตรูที่ตนเองเสียเปรียบทุกทางอยู่นี่
แต่ว่ายังเหลือยูนิทที่ต้องสะสมอีกสองลูกเพื่อใช้ท่าไม้ตายถึงจะไม่รู้ว่าพลังที่เท่าเทียมกับการโจมตีของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์จะใช้ได้ผลกับพระเจ้าที่เป็นผู้สร้างได้หรือเปล่าก็ตาม
“ก็มีแต่ต้องทำนี่เนอะ
วินด์ช็อก!”
แผ่นยันต์อาคมถูกใช้ไปอีกแผ่นเพื่อสเริมพลังให้การใช้สกิลถัดไป
ทำให้ได้ยูนิทมาสะสมเอาไว้
ก็มีแต่ทางเลือกแบบนี้อยู่ตลอด
มีแต่ต้องเลือกทางต่อสู้แบบที่มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้า
ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจนกว่าจะได้เดินไป ทางเดินที่มีบรรยากาศน่ากลัวรายล้อม
เสียงโหยหวนอันน่าสยดสยองที่เรียกว่า ‘ความเสี่ยง’
‘อนาคต’
มักจะหลบซ่อนอยู่ในทางเดินแบบนั้นเสมอรอให้เข้าไปลุ้นเอาเองว่าเดิมพันชีวิตที่วางลงไปจะได้คุ้มหรือว่าหมดตัว
นั่นแหละคือการเป็นมนุษย์
การเลือกทางเดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดจนกว่าชีวิตที่เป็นเดิมพันจะหมดในระหว่างทางนั้นจะกอบโกยอะไรมาได้บ้างก็จะกลายเป็นรอยเท้าให้คนที่ตามหลังมา
การ ‘ก้าวเดินไปข้างหน้า’
มันเป็นแบบนั้นแหละถ้ามัวเอาแต่เดินตามรอยเท้าของคนที่ล่วงหน้าไปก่อนสุดท้ายก็จะจบลงไปแบบคนๆ
นั้น เพราะมนุษย์เอาแต่ทำแบบนั้นมาตลอดในช่วงหลังจากที่ก่อร่างสร้างอารยธรรม
ทุกคนก็พากันหวาดกลัวความเสี่ยงแล้วเอาแต่เลือกเดินตามๆ กันไป เพราะแบบนั้นล่ะมั้งแอดมินิสเทรเตอร์ถึงคิดว่าพวกเขาเป็นวัชพืช
วัชพืชที่ขึ้นได้ทุกที่ทุกหนแห่งขอแค่มีปัจจัยที่เพียงก็สามารถดำรงอยู่ได้โดยที่ไม่ก่อประโยชน์อันใดไว้
เหมือนกับการเลือกก้าวเดินไปในทางเดียวกันซ้ำๆ
จนไม่มีความเป็นไปได้ใหม่เกิดขึ้นมาอีก
“ฮะ ฮะ ฮะ”
อิงศรหัวเราะให้กับตัวเองที่จู่ๆ
ก็เกิดเข้าใจความนึกคิดของพระเจ้าขึ้นมา
คงเพราะกำลังเผชิญหน้าอยู่ล่ะมั้งถึงได้เข้าใจว่าการเฝ้ามองอยู่ในตำแหน่งที่สูงถึงเพียงนี้มันให้ความรู้สึกแบบไหน
ลูนาริสซึ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลยหลังจากที่โดนหมัดของเมษาไปก็ยังคงปล่อยกรงเล็บออกมาจากใต้ชุดสีเหลืองอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น
มีกรงเล็บส่วนหนึ่งพุ่งมาหาอิงศร
“บ้าจริง!“
อิงศรเล็งหน้าไม้แล้วลั่นไกยิงลูกดอกเพลิงธรรมดาๆ
ออกไปโจมตีสกัดกรงเล็บ แต่ก็หยุดได้แค่สองสามอันเท่านั้นยังเหลืออีกสองอันที่พุ่งเข้ามาหา
ตอนนั้นเองเสียงของเน็กส์กับเมษาก็ดังก้อง
“เอาเลยเน็กส์”
“ครับ!”
อิงศรชำเหลืองมองไปแวบหนึ่งก็เห็นเมษากำลังหมุนตัวควงสว่างกลางอากาศ
เสียงร่ายสกิลของเน็กส์
“มหาวาโยราโอ”
เสียงตะโกนของเมษา
“เฮอริเทจ!!”
ชื่อท่าที่ทั้งสองคนนั้นช่วยกันคิดขึ้นมาหลังจากคิดกลยุทธ์ใช้ท่าที่ฝืนเกินกำลังของเน็กส์โดยการเข้าไปอยู่ในตัวเมษาที่แข็งแรงกว่าเป็นคนรับแรงสะท้อนจากการใช้ท่าแบบพลิกแพลง
‘เฮอริเทจ(Heritage)’ ความหมายของมันคือการสืบทอด ซึ่งก็ตรงตามความหมาย
เมษาที่ใช้พลังของท่านั้นสืบทอดผ่านเน็กส์ที่เข้าไปสิง
แสงอาคมธาตุลมหมุนวนเป็นพายุพัดออกมาจากมือของเมษาที่หมุนควงไปรอบๆ
ทำให้มันกระจายออกไปโจมตีรอบทิศทางจากที่ปกติจะปล่อยออกไปได้แค่แบบกวาดทิศด้านหน้าเท่านั้น
กรงเล็บทั้งหมดถูกทำลายในพริบตาและเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ
ที่กำลังตามขึ้นมาโจมตี
ฟูพุ่งขึ้นมาพร้อมกับเงื้อค้อน
พอความเร็วเริ่มจะตกก็เหวี่ยงค้อนทันทีเพื่ออาศัยแรงเหวี่ยงต่อระยะทางขึ้นไปอีกเล็กน้อย
แต่นั่นก็ยังไปไม่ถึงตัวลูนาริสอยู่ดี
แต่ก่อนที่จะตกลงไปฟูก็เปลี่ยนมาจับค้อนด้วยมือข้างเดียวแล้วควงมัน
“ธันเดอร์สไมท์!!
(Thunder Smite)”
ฟูร่ายสกิล ค้อนถูกบรรจุสายฟ้า
แล้วขว้างออกไป
เปรี้ยง! ค้อนที่มีสายฟ้าซัดใส่ผิวดวงจันทร์เต็มแรงจนเสียงดังสนั่นแบบคราวที่เมษาซัดลงไปแต่ก็ยังไม่ได้ผลอยู่ดี
ค้อนกระเด็นออกไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นทั้งดวงจันทร์หรือแม้กระทั่งฟูที่โจมตีเข้าไปก็ไม่ได้รับความเสียหาย
ดูท่าการสะท้อนความเสียหายนั่นอาจจะเกิดกับการโจมตีที่ใช้ร่างกายไปสัมผัสกับผิวดวงจันทร์หรือไม่ก็มีการปล่อยพลังที่ใช้โจมตีผู้ที่เข้าใกล้ดวงจันทร์แล้วเมษาก็ไปโดนเข้าตอนที่ซัดหมัดพอดี
อิงศรพยายามทำความเข้าใจรูปแบบการต่อสู้ของพระเจ้า
เทียบกับประสบการณ์ที่ต่อสู้มาทั้งหมด จากศัตรูทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น
มนุษย์ด้วยกัน มนุษย์ต่างดาว ปีศาจ สัตว์เทวะ หรือ เครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่มีอันไหนที่เหมือนกันเลย
พระเจ้าเหมือนกับยังไม่ได้เอาจริง การโจมตีที่ปลดปล่อยออกมาแต่พวกเขาก็ยังปัดป้องได้
เอาแต่ปล่อยการโจมตีแบบนั้นมาเหมือนกับกำลังทดสอบอะไรอยู่
ทดสอบอย่างนั้นเหรอ
หรือว่าทดสอบความตั้งใจของพวกเขาอยู่กันนะ
อิงศรกลับลงมายืนบนพื้นพร้อมกับเมษาและฟู
การโจมตีถึงสองครั้งไม่ได้ผลจำต้องหาทางรับมือต่อไปดังนั้นจึงหยุดการโจมตีเอาไว้แล้วมองหาช่องทางอื่น
แล้วลูนาริสก็กล่าวออกมาในตอนนั้นเอง
“วัชพืชเอ๋ย
สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์คืออะไรอย่างนั้นรึ’
“ก็แกสร้างพวกเราขึ้นมาไม่ใช่รึไงลองถามตัวเองดูเซ่”
‘พวกเจ้าน่าจะรู้ต้นกำเนิดนั้นไปแล้วนี่นะเพราะว่าออร์ฟิอูคูมันนาร์ได้บอกแก่พวกเจ้าไปแล้วนี่’
มันอ่านความคิดของพวกเขาได้อย่างนั้นหรือว่า...
เหมือนกับซีลอร์ด
แต่ลูนาริสก็พูดมาในทันที
‘ความคิดอ่านของพวกเจ้าก็เป็นเพียงแทร็กข้อมูลหนึ่งที่ถูกบันทึกลงไปยังรากระบบ
เอาล่ะมนุษย์เอ๋ย เมล็ดพันธุ์ผู้เกิดจากซากของมังกรเอ๋ย
พวกเจ้าปรารถนาความเป็นไปได้ในการดำเนินการคงอยู่อย่างไร้ความหมายจนถึงกับมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ’
ท่าทางจะเป็นอย่างที่คิดตอนนี้เลยกลายเป็นว่าโดนดูออกไปจนหมดเปลือกแล้วจริงๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องของกำลังรบ กระทั่งความปรารถนาในจิตใจก็ด้วย ถูกล่วงรู้ไปทั้งหมด
“ถ้าอ่านความคิดของพวกเราได้ถึงขนาดนั้นแล้วก็ไม่เห็นต้องถามเลยนี่”
‘ข้าไม่เข้าใจประสงค์ของวัชพืชเลยจริงๆ’
นั่นเป็นคำโกหก
อิงศรเข้าใจในทันทีว่าลูนาริสเปิดากสนทนากับเขาเพราะมุ่งหวังสิ่งใด
เพราะว่าอีกแค่ไม่กี่วินาที
แค่เวลาที่ใช้พูดคุยกันไปเมื่อกี้ก็ทำให้มิ่งขวัญกับกวินทร์เตรียมการเวพ่อนไนซ์เสร็จสมบูรณ์
รวมถึงพลอยที่ใช้สกิลจากอาวุธเทคนิคัลแบบพิเศษที่เรียกว่า ‘เพิร์กเรเควี่ยม’ ทำให้แปลงร่างได้เหมือนกับสกิล เวพ่อนไนซ์ ‘เพอกาทอรี่ฮิมส์
เดียโบล’ ก็ใช้สำเร็จเช่นกัน
เท่ากับว่าลูนาริสรู้อยู่แล้วว่าการพูดคุยเมื่อกี้จะทำให้กลุ่มของเขาพร้อมต่อสู้เต็มอัตราศึก
แล้วทำไมถึงได้ยอมให้พวกเขาทำแบบนั้นได้กันล่ะ
ถ้าว่ากันตามหลักเหตุผลแล้วไม่ว่าจะศัตรูแบบไหนถ้ารู้ว่าปล่อยไว้ศัตรูจะพร้อมฆ่าตัวเองก็คงจะชิงขัดขวางอย่างเต็มที่
คำตอบนั้นง่ายมาก
‘คิดจะดำเนินความปรารถนาอันไร้สาระด้วยพลังเพียงแค่นี้น่ะหรือ’
พวกเขาที่พร้อมรบเต็มที่ก็ยังมีพลังไม่พอจะเทียบชั้นด้วยนั่นเอง
ถึงปล่อยให้แข็งแกร่งขึ้นมากขนาดไหนก็เอาชนะไม่ได้
พระเจ้ามีความมั่นใจในขอบเขตนั้นอยู่
เมื่อกล่าววาจาประเมินพลังของพวกเขาอย่างต่ำต้อยแล้วดวงจันทร์ของลูนาริสก็เริ่มหันไปข้างหลัง
พระเจ้ากำลังหันอีกโฉมหน้าออกมา
โฉมหน้าอันน่าหวาดหวั่น
ราวกับปีศาจ
ราวกับอสูร
ราวกับยมทูต
‘วัชพืชเอ๋ย...เกมจบลงแล้ว’
ความคิดเห็น