ตอนที่ 230 : Login 227: โครงสร้างของอาคาชิกเรคคอร์ด
Login 227: โครงสร้างของอาคาชิกเรคคอร์ด
ย้อนกลับไปก่อนที่การเผชิญหน้ากับแอดมินิสเทรเตอร์จะเริ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย...
‘จงใช้ชีวิตให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย’
ประโยคสร้างแรงบันดาลใจที่มักปรากฏในสื่อชวนเชื่อหรือสาระเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การพัฒนาตนเอง การเรียนรู้ อะไรพวกนั้น เคยเป็นข้อความที่ไร้สาระ
แต่เมื่อโลกล่มสลายลง อิงศรก็ใช้ชีวิตเหมือนดั่งเช่นคำพูดนั้นทุกวัน
น่าเสียดายที่วันสุดท้ายในคำพูดเหล่านั้นไม่เคยมาถึงจริง เลยยังไม่รู้ว่าควรทำอะไรเมื่อวันสุดท้ายมาถึง
แล้ววันสุดท้ายที่แท้จริงก็มาถึงแล้ว
วันสุดท้ายของมนุษยชาติ
วันที่จะเผชิญหน้ากับพระเจ้า
วันที่มนุษย์จะประกาศยุคสมัยของตัวเอง
อิงศรปรือตาขึ้นเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง
ตอนนี้เขากับพวกพ้องอีกสิบคนยืนล้อมกันเป็นวงกลมเหมือนตอนที่อยู่บนหอคอยบาเบล
แต่สถานที่เปลี่ยนไปแล้ว ที่ๆ พวกเขายืนกันอยู่ตอนนี้เป็นพื้นของหอคอยบาเบลก็จริง แต่พื้นเองก็กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ
ท้องฟ้าเป็นเวลากลางคืน บรรยากาศเงียบสงบ
ข้างล่างมองลงไปจะเป็นเมืองที่เหมือนกับซากปรัก เป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นตาเป็นอย่างดี
เขาเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว...ในความฝัน
สถานที่ที่เป็นตั้งของรูนรูมที่ซีลอร์ดมักจะเรียกเขามาอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง
ที่นี่มันรากแห่งอาคาชิกงั้นเรอะ....อิงศรตั้งใจว่าจะพูดแบบนั้นแต่ตอนที่กำลังจะกล่าวออกไป
มิ่งขวัญ และ กวินทร์
“ที่นี่มัน!”
เขากับน้องชายกับรุ่นน้องพากันพูดขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงจากนั้นก็ชี้หน้ากัน มองหน้ากันสลับไปมา
พวกพ้องคนอื่นต่างก็มองกันมาด้วยความสงสัย
แล้วซีลอร์ดที่ยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมพวกเขาตรงตำแหน่งเดิมที่เคยมีแท่นหินตั้งอยู่แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ใช่แล้วที่นี่คือรากแห่งอาคาชิกที่ที่รูนรูมตั้งอยู่ไงล่ะผู้ถูกฟันเฟืองเลือกคงจะรู้สึกคุ้นตากันอยู่บ้างสินะ”
อิงศรจ้องมองไปที่ซีลอร์ดแล้วทบทวนคำว่า ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก อยู่ภายในหัว
คำพูดนั้นไม่ถูกต้องซะทีเดียวตอนนี้พวกเขาเป็น ‘อดีตผู้ถูกฟันเฟืองเลือก’ เพราะถูกริบเอาฟันเฟืองไปแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งเถียงกันเรื่องคำพูดไหนถูกหรือผิด
ตอนนี้ต้องยืนยันสถานการณ์ให้ได้ก่อนและเตรียมรับมือเพราะว่าพวกเขาน่าจะก้าวเท้าเข้ามาเหยียบในถิ่นศัตรูแล้ว
ถึงแม้จะยังมีความคิดว่าจะเจรจากับแอดมินิสเทรเตอร์อยู่แต่ทางนั้นคงไม่ยอมคุยด้วยง่ายๆ ถ้าตายเพราะประมาทก่อนจะได้พูดคุยการมาที่นี่ก็จะสูญเปล่าทันที
อิงศรถามซีลอร์ดที่ยืนอยู่กลางวงล้อมว่า
“แล้วทำไมพวกเราถึงมาโผล่กลางท้องฟ้าของรากอาคาชิกล่ะที่ที่พวกเราจะไปมันต้องเป็นที่ที่แอดมินิสเทรเตอร์อยู่ไม่ใช่รึไงหรือนายจะบอกว่าพวกนั้นอยู่ที่นี่มาตลอดกัน”
ซีลอร์ดส่ายหน้าให้กับสมมติฐานของเขา
“เปล่าหรอก” แล้วชี้ขึ้นไปข้างบน “จากรากขึ้นไปถึงชั้นบนสุดจะเป็นอาคาชิกแซงทัวรี่ตอนนี้เรากำลังอยู่บนลิฟต์ยังไงล่ะ”
ลิฟต์…นั่นเป็นการบอกข้อมูลที่มากพอสมควรทีเดียว
ข้อมูลที่ว่าโครงสร้างของอาคาชิกเรคคอร์ดมีลักษณะเป็นชั้นเรียงกันขึ้นไปจำเป็นต้องมีโครงสร้างเข่นนั้นหากมีลิฟต์อยู่
อิงศรหันไปมองด้านหลังก็พบว่าแผ่นดินที่พวกเขายืนกันอยู่กำลังลอยขึ้นไปอย่างที่ว่า
การที่พวกเขากำลังขึ้นจากรากไปข้างบนก็เป็นไปได้ว่าอาคาชิกเรคคอร์ดมีโครงแบบต้นไม้
“แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะไปถึง”
อิงศรถาม
“เรื่องนั้น…”
กึง กึง กึง
แต่ยังไม่ทันที่ซีลอร์ดจะตอบคำถามเสร็จดี แผ่นดินที่เรียกว่าลิฟต์ก็สั่นเหมือนไปสะดุดกับอะไรเข้า
แต่บนท้องฟ้าเนี่ยนะ
อิงศรไม่ทันสังเกตว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะแรงสะเทือนเมื่อครู่ทำเอาเสียหลักจนเกือบจะเซตกจากลิฟต์ สมาธิเลยไปอยู่ที่ขากับการพยายามไม่ให้ร่วงลงไป
“ทุกคนระวังนะอย่าให้ตกลงไปล่ะ!”
รวมถึงสายตาก็คอยตรวจสอบว่าไม่มีใครในกลุ่มตกลงไปข้างล่างหรือเป็นอะไร
ไม่มีใครตกลงไป ไม่มีใครบาดเจ็บ
สถานการณ์ยังทรงตัวอยู่สินะ
ทว่า อิงศรก็สรุปเร็วเกินไป
เขารับรู้ได้ว่าแรงสะเทือนเมื่อกี้ทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป
ท้องฟ้ายามค่ำคืนไม่มีอีกแล้ว เมืองที่อยู่ข้างล่างก็เหมือนกัน บรรยากาศของรากอาคาขิกหายไปโดยสิ้นเชิง ที่ๆ พวกเขาอยู่กันตอนนี้เป็นบนท้องฟ้า
กำลังลอยสูงขึ้นไปท่ามกลางท้องฟ้าที่สะท้อนกับแดดจนเป็นสีม่วง กลายเป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าเป็นรุ่งเช้าหรือพลบค่ำ
ในตอนนั้นเอง เสียงพูดไร้ซึ่งน้ำเสียง เสียงพูดที่ไม่เหมืองเปล่งออกมาจาก กล่องเสียงของสิ่งมีชีวิตก็ดังแว่วลงมาจากด้านบนเหนือหัวของพวกเขาขึ้นไป
‘นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน’
อิงศรมองขึ้นไปยังต้นเสียงนั้น
ผ้าคลุมสีเหลืองอร่ามกำลังปลิวพริ้วไสว อยู่เบื้องหลังดวงจันทร์ดวงยักษ์
เสียงดังมาจากดวงจันทร์ดวงนั้น
‘ออร์ฟิอูคูมันนาร์หน้าที่ของเจ้าคือการเฝ้าจับตาดูไม่ใช่รึแล้วทำไม…’
เสียงพูดถูกเร่งจนกลายเป็นตะเบ็ง
‘ทำไมถึงพาวัชพืชขึ้นมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!’
ดวงจันทร์นั่นก็คือแอดมินิสเทรเตอร์ลูนาริสนั่นเอง แล้วก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าซีลอร์ดเป็นคนพาพวกเขาขึ้นมาที่นี่
“…”
ซีลอร์ดไม่พูดแย้งกลับไปหรือคิดจะยอมรับแล้วว่าตัวเองกำลังทรยศพวกเดียวกันจริงๆ
คอยให้ความช่วยเหลือมนุษย์ในการเผชิญการล่มสลายของโลก
มอบพลังและความรู้ในการต่อกรกับสัตว์เทวะหรือแม้แต่เครื่องทำสวนด้วยกันซึ่วเป็นบททดสอบของพระเจ้า
มนุษย์โกงบททดสอบได้จนกระทั่งมาถึงที่นี่ก็เพราะซีลอร์ด
จากสิ่งที่หมอนี่กระทำลงไปแล้วก็น่าจะเรียกว่าคนทรยศได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ
ลูนาริสพูด
‘งั้นรึ เจ้าพังจริงๆ แล้วสินะออร์ฟิอูคูมันนาร์’
เปรี้ยง เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นแบบนั้นแต่ไม่มีแสงหรือควันปรากฏให้เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการระเบิดก็มีแต่ซีลอร์ดที่กระเด็นกลิ้งไปกับพื้น
ซีลอร์ดพยายามชันร่างกายท่อนบนขึ้นแต่ก็ทำได้ยากลำบาก
‘ไว้จะจัดการเจ้าทีหลังออร์ฟิอูคูมันนาร์’
แอดมินิสเทรเตอร์กล่าวแล้วเบนดวงจันทร์ที่เปรียบเสมือนใบหน้ามาทางอิงศร
‘ตอนนี้มีวัชพืชที่จักต้องลงทัณฑ์เสียก่อน
อิงศรจึงพูดแย้งไปว่า
“ก่อนจะทำแบบนั้นช่วยเจรจากันก่อนจะได้ไหม”
‘คำพูดอันไร้สาระของวัชพืชไม่มีคุณค่าที่จะต้องเจรจา’
นั่นปะไร…
ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่ผิด ถ้าไม่แสดงพลังให้เห็นคำพูดของพวกเขาจะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ
เหมือนตอนที่รับบททดสอบกับซีลอร์ด
จำเป็นต้องแสดงพลังให้เห็น บรรทัดฐานเพื่อให้ได้รับการประเมินสำหรับพระเจ้าแล้วมีแต่เรื่องพลังเท่านั้นเอง
“เอาแบบนั้นสินะ”
อิงศรกล่าวอย่างประชดประชันแล้วชักดาบสั้นจากเอวพร้อมกับเปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้
พอเห็นแบบนั้นทุกคนก็ทำตาม เตรียมพร้อมอาวุธเพื่อที่จะต่อสู้
เพื่อโค่นพระเจ้า
“ทุกคนลุยเลย ใช้ฟอเมชั่นจัดการมัน!”
สิ้นเสียงทุกคนก็เคลื่อนออกจากจุดที่ยืนต่างคนต่างวิ่งไปหาคู่ของตัวเองด้วยฟอร์เมชั่นที่ตกลงกันไว้
ฟอร์เมชั่นที่ให้แต่ละคนจับคู่กันเพื่อแสดงฝีมือของแต่ละคนออกมาได้มากที่สุด ทำให้เกิดชุดโจมตีทั้งหมดห้าชุด
มิ่งขวัญกับกวินทร์
เมษากับเน็กส์
พลอยกับนรินทร์
มีนากับนิว
ฟูกับมิกซ์
ทุกคนจะจับคู่กับคนที่ช่วยส่งเสริมจุดเด่นของตัวเองได้ ยกเว้นอิงศรคนเดียวที่ยังยืนอยู่กับที่เพราะจำนวนคนไม่ครบ มีสมาชิกทั้งหมดสิบเอ็ดคน ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวคนเดียวเพื่อคอยควบคุมจังหวะของฟอร์เมชั่น
เมื่อจับคู่แล้วแต่ละคู่จะผลัดกันเข้าไปโจมตีโดยจะมีสองคู่ที่ประจำตำแหน่งตายตัวคือ พลอยกับนรินทร์เป็นหน่วยคุ้มกันด้วยสกิลจากสายอาชีพที่มีสกิลยับยั้งจำนวนมากรวมถึงในสถานการณ์ฉุกเฉินก็สามารถใช้สกิลประเภทแลกพลังชีวิตตัวเองฟื้นฟูให้พวกพ้องที่กำลังบาดเจ็บเฉียดเป็นตายแล้วค่อยฟื้นฟูกันเองอีกที
ส่วนอีกคู่มีนากับนิวทั้งสองคนนี้ทำหน้าที่สนับสนุนเพราะนิวมีสกิลประเภทเคลื่อนย้ายตำแหน่งพวกเดียวกันเพื่อช่วยหลบหลีกและมีนาก็สามารถสร้างไดโนซอมบี้ออกมาช่วยเป็นโล่ได้ด้วย
สิ่งที่สองคู่นั้นยังขาดไปคือการป้องกัน ดังนั้นเขาที่อยู่คอยคุมฟอเมชั่นข้างล่างนี่จะช่วยเสริมตรงจุดนั้น
ที่บอกว่าข้างล่างก็เพราะว่าอีกสามคู่ที่เหลือจะโจมตีกลางอากาศ
เมษากับมีนาวิ่งไปเน็กส์กับนิวแล้วแลกคู่กัน
“ฝากตัวด้วยนะเน็กส์”
เมษาพูด
“ฮะ นิวจัดการเลย”
เด็กชายตอบแล้วหันไปบอกนิวให้ใช้สกิลส่งตัวเองเข้าไปสิงในตัวเมษา
“มาริโอเน็กซัส”
นิวร่ายสกิลแล้วผลักหลังเน็กส์ส่งร่างที่กลายสภาพเป็นพลาสม่าวิญญาณเข้าไปรวมกับเมษา
อิงศรจ้องมองการดำเนินการนั้นแล้วนึกถึงตอนที่ประชุมฟอร์เมชั่นกัน
เขาได้รู้จากนรินทร์ว่าเน็กส์ปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้ร่วมกับพวกเขาในแนวหน้าถึงขั้นฝึกดัดแปลงสกิล มหาวาโยราโอ จนร่างกายแบกรับภาระหนัก แน่นอนว่าถึงตอนนี้จะได้รับการเพิ่มระดับเลเวลจนสุงสุดที่ 144 แล้วก็ตามแต่ร่างกายที่ยังอยู่ในวัยกำลังโตกับค่าสมรรถนะตามสายอาชีพแล้วไม่มีทางที่ความปรารถนาจะเป็นจริงได้
ไม่มีใครจะสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าอย่างนั้นแค่ให้ใครซักคนเข้าไปช่วยก็พอดังนั้นถึงให้เมษาเป็นร่างทรงสำหรับฟอร์เมชั่นนี้ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเมษาจะช่วยตอบรับความปรารถนาของเน็กส์ได้แล้วยังช่วยกลบจุดอ่อนเรื่องข้อจำกัดการเคลื่อนที่ของเมษาไปในตัวรวมถึงทำให้เมษาต่อสู้กลางเวหาได้
เมื่อรวมกับคู่ของมิ่งขวัญและกวินทร์ที่ใช้เวพ่อนไนซ์ก็จะบินได้อยู่แล้วกับคู่ของฟูและมิกซ์ที่แม้จะใช้พลังปีศาจได้ไม่เต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้าแอดมินิสเทรเตอร์อย่างลูนาริสซึ่งมีพลังยับยั้งปีศาจก็ตามแต่ทั้งสองคนที่ได้รับการเพิ่มเลเวลจนถึงขีดสุดเมื่อรวมกับค่าสมรรถนะที่เป็นเดโมนอยด์ซึ่งสูงอยู่แล้วก็สามารถกระโดดสูงได้จนเกือบจะเหมือนกับว่าบินได้เลยทีเดียว
***ตอนนี้สั้นไม่พอลงสายไปวันหนึ่งด้วย ต้องขอโทษด้วยครับ ฝืด~(เสียงสูดน้ำมูก) ไรท์ยังไม่หายหวัดเลยแอ่ววว TwT สุขภาพไม่อำนวยทำเอาเรื่องเดินช้าไปด้วยตอนแรกคาดคะเนไว้ว่าเรื่องจะจบแถวๆ ต้นเดือนพฤษภาคม กลายเป็นว่านี่ต้นเดือนจะหมดแล้วยังเพิ่งเริ่มเอง แป่วว เอาเป็นตอนต่อไปจะพยายามลงภายในวันอังคารให้ได้เลยรอกันอีกซักนิดนะฮะ****
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
