ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #23 : Login 21 : หลุมพราง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      55
      5 ก.ย. 59

    Login 21 : หลุมพราง 

     

                ภายในหลุม พวกเมษาที่ตกลงมาก่อนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะผลพวงจาก สกิลที่อิงศรใช้สร้างหลุมขึ้นมาแถบพลังชีวิตจึงลดลงไป แต่ก็เป็นความเสียหายที่น้อยนิดหากเทียบกับการถูกพายุเศษหินบดขยี้แล้วล่ะก็

     

    เมษา Lv. 41

    [///// 4480:4500 ////.]

     

    มีนา Lv. 40

    [///// 3070:3100 ////.]

     

    กวินทร์ Lv. 40

    [///// 3492:3502 ////.]

     

                เมษายืนขึ้นแล้วตรงเข้าไปคว้าคอเสื้ออิงศร ดึงเข้าไปใกล้จนหน้าแทบจะชิดติดกัน

                “ทำบ้าอะไรแกวะมันเจ็บนะโว้ย!

                อิงศรตอบคำถามนั้นด้วยเสียงเฉื่อยชา

                “ไม่เห็นเป็นไรนี่ยังไงก็รอดแล้ว

                “…”

                อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้กลับมาอย่างทุกที แต่กลับแสดงสีหน้าลำบากใจเหมือนอยากจะบอกอะไรซักอย่างแต่เมษาก็ไม่ได้บอกสิ่งที่คิดออกมา

                อย่างไรเสียตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันเรื่องวิธีช่วยชีวิต

                หากตัวประกันเด็กยังอยู่ในมือของมนุษย์ต่างดาวอยู่แบบนี้พวกเขาก็โจมตีมันไม่ได้

                อิงศรพยายามบอกเล่าเรื่องนั้นด้วยสายตาพร้อมกับพูดว่า

                “ปล่อยซักทีสิ เราไม่มีเวลาแล้วนะ

                เมษายอมปล่อยแต่โดยดี คงจะเข้าใจความหมายที่สื่อไปทางสายตาเมื่อครู่

                กวินทร์ช่วยฉุดให้มีนาลุกขึ้นยืนแล้วทั้งคู่ก็ตามมาสมทบ

                จากนั้นอิงศรก็แตะมือไปที่ผนังดินแล้วประกาศใช้สกิล

                “ดีฟไดรเวอร์ (Deep Driver)”

                มือถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียว อิงศรใช้มือนั้นขุดผนังดินลึกเข้าไปจนเกิดโพรงทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ และด้วยพลังของสกิลทำให้การขุดดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว

                “พี่ศรครับสกิลนี่

                กวินทร์ตั้งใจถามด้วยความสงสัย

                แต่มีนาก็ชิงตอบเสียก่อน

                “ดีฟไดรเวอร์สกิลของบิลด์คลาสฮันเตอร์ ทำให้เดินทางใต้ดินได้น่ะค่ะ

                “ใช่ เราจะมุดไปข้างหลังมันแล้วชิงตัวประกันคืนเพราะงั้นเงียบๆ หน่อยเดี๋ยวมันจะรู้ตัว ตอนนี้ท่าที่มันยิงมาคงหายไปหมดแล้ว อีกไม่นานมันก็จะรู้ว่าเราหนีลงมาข้างล่างนี่ ต้องชิงโอกาสมาก่อนที่มันจะรู้ตัว

                อิงศรสรุปให้แบบรวบรัดเพราะไม่อยากให้พวกมีนาพูดคุยกันจนเกิดเสียงที่จะทำให้ศัตรูรู้ตัวซะก่อน

               

                ฝั่งบนพื้นดิน

                มนุษย์ต่างดาวขยับตัวเข้าไปใกล้อาณาเขตกับดักที่เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไประหว่างที่พายุเศษหินดำเนินอยู่

                ทันทีที่เห็นหลุมลึกใต้แอ่งก้นกระทะ มนุษย์ต่างดาวก็ปรับสัมผัสของตนในทันที

                สัมผัสเหนือมนุษย์ที่หากรวบรวมสมาธิเพ่งไปที่การรับฟังก็จะสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงความเคลื่อนไหวที่ใต้พื้นดินลึกหลายสิบเมตรได้

                จากใต้ดินมีเสียงสะท้อนของการขุดและการปีน บางอย่างกำลังขุดโพรงใต้ดินมุดเข้ามาที่ใต้เท้า

                แต่ถึงจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว

                พื้นที่มนุษย์ต่างดาวเหยียบอยู่ยุบตัวลงกะทันหันและนำไปยังโพรงใต้ดินที่อิงศรขุดเอาไว้

                 แต่ก่อนจะตกลงไปในโพรงนั้น

                “เทเลพอร์ท ! (Teleport)”

                หัวไม้เท้าของมนุษย์ต่างดาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่างก็อันตรธานหายไปในพริบตา เหลือแต่เด็กหญิงที่เป็นตัวประกันเท่านั้นที่ตกลงไปในโพรง แต่อิงศรก็รับไว้ได้แล้วพาขึ้นมาบนพื้นพร้อมกับพวกเมษาที่ตามมาทีหลัง

                มนุษย์ต่างดาวที่หายตัวไปกะทันหันได้ปรากฏตัวอีกครั้งยังจุดที่ไกลออกไปจากเดิมหลายสิบเมตร

                สกิลที่ใช้เมื่อครู่เป็นสกิลสำหรับเคลื่อนย้ายในพริบตา...

                แต่ก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว ตอนนี้พวกเขาได้ตัวประกันคืนมาแล้วจากนี้ไปการโจมตีเต็มรูปแบบก็จะเริ่ม...

     

                “มหาเขตแดน ตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิล (Gleipnir) ”

                หัวไม้เท้าของมนุษย์ต่างดาวเปล่งแสง จากนั้นวงเวทย์อาคมก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของอิงศร

                โซ่ตรวนแสงพุ่งขึ้นมาจากวงเวทย์แล้วมัดตัวเด็กหนุ่มไปพร้อมกับตัวประกันที่ช่วยมา

                “พี่ศร!

                กวินทร์จะเข้าช่วย แต่พอขยับเท้าแล้วกลับไม่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย

                 เท้าขยับไม่ได้...

                พอก้มลงมองพื้นก็เห็นว่าเท้าถูกตรึงไว้อีกครั้งด้วยแสงของวงเวทย์ที่แผ่ขยายซ้อนทับวงเวทย์ที่สร้างโซ่ตรวนมัดอิงศรไว้

                เมษากับมีนาก็ติดกับดักนี้เช่นกัน อาณาเขตของมันกว้างไกลแทบจะล้อมลานเด็กเล่นทั้งหมด

                “กับดักอีกแล้วเรอะ!

                เมษาสบถ

     

                มนุษย์ต่างดาวพูดด้วยความสะใจ

                “ ’มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิลน่ะมันจะสร้างอาณาเขต มหาเวทพันธนาการแห่งอันโดรมิด้าซ้อนออกมารอบตัวมันด้วยรู้ไว้ซะเจ้าพวกชาวโลกหน้าโง่

                แล้วเรียกพวกชั้นศิษย์ที่ควรจะซุ่มรออยู่ให้ออกมาอีกครั้ง

                “เฮ้ย! พวกแกจะรออีกนานแค่ไหนรีบออกมาจัดการพวกมันได้แล้ว

     

                แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีตนไหนโผล่ออกมาเลย

                แล้วอิงศรก็เอ่ยปาก

                “ถ้าถามหาพวกที่ซุ่มอยู่แถวนี้ล่ะก็เสียใจด้วยนะชั้นเพิ่งเขี่ยทิ้งไปก่อนแกจะมาที่นี่ซะอีก

                อิงศรพูดความจริง... มนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์ที่ไม่มีคนคอยสั่งการแถมยังเลเวลต่ำกว่าย่อมไม่ต่างอะไรกับสัตว์เทวะ เพียงแค่ใช้หัวคิดซักหน่อยก็จัดการได้ไม่ยาก

                ...อิงศรกล่าวต่อไปว่า

                “ไอ้ชั้นน่ะนะมั่นใจเรื่องกับดักมากเลยล่ะ

                พอพูดออกไปแบบนั้นมีนาก็โพล่งขึ้นมาทันที

                “หรือว่า...มีทางแก้กับดักนี่ได้ใช่ไหมคะ

                แล้วก็รู้สึกได้ถึงสายตาคาดหวังจากทั้งสามคน

                “...แต่ก็แก้กับดักอันนี้ไม่ได้

                รู้สึกได้อีกว่าสายตาคาดหวังได้เปลี่ยนเป็นความผิดหวังรวมทั้งหนึ่งในนั้นก็มีสายตาเหยียดหยามปนมาด้วย แต่อิงศรก็ไม่ได้คิดสนใจ

     

                มนุษย์ต่างดาวหัวเราะหยามน้ำหน้าเขาที่ยอมแพ้ให้กับกับดักผนึกเขตแดน

                “ฮะๆๆ เป็นไงล่ะชาวโลกหน้าโง่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะแต่กับดักเวทมนต์นี้ไม่มีทางแก้ได้หรอกนะ

                “ใช่มันสมบูรณ์แบบมาก

                อิงศรพูดเสริมแต่ไม่ได้พูดแค่นั้นเขายังพูดต่อไปว่า

                ”เพราะงั้นชั้นก็เลยไม่แก้มัน

                ทันใดนั้นที่เท้าของมนุษย์ต่างดาวก็มีเถาวัลย์ผุดงอกทะลุพื้นซีเมนต์ขึ้นมารัดพันขาเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้

                มนุษย์ต่างดาวตกใจสะดุ้งจะร้องผวาออกมา... แต่กลับไม่มีเสียง

                “…”

                อิงศรยิ้มใบหน้าแสดงความเจ้าเล่ห์ แล้วกล่าวว่า

                “เพราะความสมบูรณ์แบบของมันช่วยทุ่นแรงให้ชั้นวางกับดักเอเลี่ยนจองหองอย่างพวกแกได้ง่ายขึ้นเยอะเลยยังไงล่ะ ที่ตรงนั้นที่แกยืนอยู่เป็นเขตที่พ้นจากกับดักทั้งหมดของแกแล้วใช่ไหมล่ะเพราะงั้นชั้นก็เลยเอากลาสแทร็ป (Grass Trap) ไปวางปูพรมตรงนั้นไว้ซะทั่วน่ะ

                แต่แล้วเมษาก็พูดแทรกเข้ามา

                “ว่าไงนะ! วางปูพรมหมด! ถ้าพวกชั้นไม่ได้โดนกับดักนี่ก็จะวิ่งไปโดนกับดักของแกแทนอ่ะเด้!

                ในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี?

                เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ในทีมต้องมัวหมองไปมากกว่านี้ ควรตอบคำพูดนั้นไปตามอารมณ์ความรู้สึกดีไหมหรือควรตริตรองคำพูดเสียก่อน

                "..."

                ไม่ว่าจะเลือกตอบอย่างไรเขาก็ไม่อาจเดาทางของเมษาถูกอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นไม่พูดอะไรไปเลยน่าจะดีกว่า

                “...”

                ปฏิกิริยาของทุกคนเหมือนจะรอให้เขาตอบอะไรซักอย่างแต่การพูดตอบโต้ถูกตีความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ความขัดแย้งเกิดหนักข้อขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม

                ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูดมันเสียเลยดีกว่า... อิงศรคิดเช่นนั้นแล้วกล่าวต่อจากที่ค้างเอาไว้

                “กลาสแทร็ปจะแสดงคุณสมบัติพิเศษออกมาตามสภาพแวดล้อมของจุดที่วางมันไว้ บนพื้นแข็งจะทำให้เกิดสภาวะผิดปกติที่ทำให้ออกเสียงไม่ได้

                พอทำอย่างนั้นไปเมษาก็แย้งเข้ามาอีกแถมเสียงดังกว่าเดิม

                "นี่แก...ทำเมินกันเหรอเฮ้ย!"

                มีนาพูดเสริมเข้าไปอีกว่า

                "มันใช่เวลามาเถียงกันไหมคะเนี่ย"

                มีแต่กวินทร์ที่ไม่ได้พูดแสดงความเห็น

                "..."

                เพียงแต่ปั้นหน้ายิ้มเจื่อนเหมือนกับมองเห็นอะไรบางอย่างจากบทสนทนาแสนงุ่มง่ามพรรค์นี้

     

                ฝ่ายมนุษย์ต่างดาวเริ่มฟาดไม้ฟาดมือ ส่งเสียงอู้อี้เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะสภาวะผิดปกติที่ติดจากกับดักทำให้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา

                “…”

                สรุปก็คือสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีใครกำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

                เพราะฝ่ายมนุษย์ต่างดาวก็เป็นสายอาชีพที่ต้องอาศัยการร่ายคาถาประกอบการใช้สกิล การพูดไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับกลายเป็นคนพิการแขนขา แต่พวกเขาที่ติดกับดักเขตแดนอยู่ก็ขยับไปไหนไมได้เหมือนกัน แม้แต่อิงศรที่เป็นอาชีพสายโจมตีระยะไกลก็ถูกมัดด้วยโซ่จนมือใช้การไม่ได้

                แต่ความแตกต่างเริ่มเผยให้เห็นออกมา เมื่อเถาวัลย์ที่รัดขาของมนุษย์ต่างดาวทำท่าจะคลายออก

                “คุณอิงศรคะ เวลาของกับดักมันอยู่ได้นานแค่ไหนกันคะเนี่ย

                มีนาถามสีหน้าตื่นตระหนก

                อิงศรตอบคำถามด้วยทีท่าสงบเช่นเดิม

                “อันนี้เป็นแบบเลเวลสกิลเต็มก็ประมาณสามสิบวินาที

                “ก็แปลว่ามันจะคลายออกก่อนที่ผนึกเขตแดนจะหายไปน่ะสิคะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันโจมตีเอง

                ถึงจะขยับเท้าไม่ได้แต่มือยังคงใช้การได้ตามปกติ มีนาเงื้อจอบขึ้นหมายจะเรียกเนโครดราก้อนออกมา

                แต่จะรอให้เธอเรียกจนเสร็จแล้วค่อยโจมตีก็เห็นจะไม่ทันการ ดังนั้น...

                อิงศรหันไปพูดกับกวินทร์ว่า

                "กวินทร์"

                เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ เมื่อถูกเรียก

                "อะ...ครับ?"

                "...เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัส"

                กวินทร์ตีหน้ามึนไปชั่วขณะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอิงศรถึงพูดอย่างนั้น

                ...ไม่เข้าใจในที่นี้ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความหมาย เพราะ เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัสเป็นชื่อสกิลหนึ่งที่เขามี แต่หากใช้จากระยะนี้การโจมตีก็ยังไปไม่ถึงมนุษย์ต่างดาวอยู่ดี

     

                ตอนนั้นเองคำพูดของอิงศรก็ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นที่กระจ่าง

                “ฝนตกอยู่ไม่ใช่รึไง

                กวินทร์ทุบมือดัง ปึก!

                "จริงด้วยถ้าฝนตกระยะโจมตีจะเพิ่มขึ้น"

                แล้วชักดาบที่เหน็บไว้ข้างหลังออกมา ไถลมือไปกับตัวดาบพร้อมป่าวประกาศชื่อสกิล

                “ฟรอสเบลด (Frost Blade)”

                น้ำแข็งก่อตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับมือ บันดาลให้ดาบกลายเป็น ดาบน้ำแข็ง

                กวินทร์ควงดาบสองสามทีพร้อมกับร่ายคาถา

                "ขอหิมะจงแหลมคม สายลมจงหมุนวน ก่อเกิดพยุหะฝนน้ำแข็งทิ่มแทงถล่มปฐพีจนกว่าสรรพสิ่งจะราบพนาสูญ เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัส (Edge of Diamond Dust)"

                ปิดท้ายด้วยการแทงดาบไปด้านหน้า

                ผิวน้ำแข็งที่เกาะบนใบดาบกะเทาะแตก สายลมกรรโชกกระหน่ำพัดมาจากทางด้านหลัง สายลมหมุนวนพัดเอาเศษน้ำแข็งพุ่งตรงไปข้างหน้า

                เศษน้ำแข็งได้รับฝนจึงขยายตัวเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมคมและพุ่งออกไปไกลกว่าระยะทางที่คาดคะเน

                แท่งน้ำแข็งหมุนวนไปตามแรงลมเปรียบดั่งหัวสว่านที่พร้อมเจาะทะลวงทุกสิ่งที่ขวางหน้า การโจมตีลอยไปถึงตัวมนุษย์ต่างดาว แท่งน้ำแข็งเสียบทะลุร่างท้วม ไอเย็นจากแท่งน้ำแข็งทำให้ร่างกายขยับไม่ได้แต่ก็ไม่ตายในทันที

                การโจมตีนี้หวังเพียงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูเท่านั้น

     

    Phosphorus Lv. 50

    [///// 3400:6100 /....]

     

                "เนโครดราก้อน สเตโกซอมบี้"

                มีนาฟันจอบลงบนพื้นเรียกเนโครดราก้อนที่ตั้งใจจะเรียกอยู่นานออกมา

                "ยิงเลยค่ะ มิสไซล์หนาม !"

                แล้วพูดพลางสะบัดมือไปข้างหน้า

                เนโครดราก้อนส่งเสียงร้องแหลมสูง แผ่นเกล็ดบนหลังเรียงตั้งและยิงออกไป

                แผ่นเกล็ดพุ่งตัวเป็นแนววิถีมิซไซล์ เมื่อตกกระทบถูกพื้นก็เกิดระเบิดต่อเนื่อง ตูมๆๆๆ

                ฝุ่นควันจากการระเบิดปกคลุมบริเวณโดยรอบบดบังทัศนวิสัยโดยสมบูรณ์เหลือแต่หน้าจอแสดงแถบพลังชีวิตของศัตรูที่ลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมอกควัน

     

    Phosphorus Lv. 50

    [..... 0:0 .....]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×