คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Login 21 : หลุมพราง
Login 21 : หลุมพราง
ภายในหลุม
พวกเมษาที่ตกลงมาก่อนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะผลพวงจาก ‘สกิล’ ที่อิงศรใช้สร้างหลุมขึ้นมาแถบพลังชีวิตจึงลดลงไป
แต่ก็เป็นความเสียหายที่น้อยนิดหากเทียบกับการถูกพายุเศษหินบดขยี้แล้วล่ะก็
เมษา Lv. 41
[/////
4480:4500 ////.]
มีนา Lv. 40
[/////
3070:3100 ////.]
กวินทร์ Lv. 40
[/////
3492:3502 ////.]
เมษายืนขึ้นแล้วตรงเข้าไปคว้าคอเสื้ออิงศร
ดึงเข้าไปใกล้จนหน้าแทบจะชิดติดกัน
“ทำบ้าอะไรแกวะมันเจ็บนะโว้ย!”
อิงศรตอบคำถามนั้นด้วยเสียงเฉื่อยชา
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ยังไงก็รอดแล้ว”
“…”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบโต้กลับมาอย่างทุกที
แต่กลับแสดงสีหน้าลำบากใจเหมือนอยากจะบอกอะไรซักอย่างแต่เมษาก็ไม่ได้บอกสิ่งที่คิดออกมา
อย่างไรเสียตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันเรื่องวิธีช่วยชีวิต
หากตัวประกันเด็กยังอยู่ในมือของมนุษย์ต่างดาวอยู่แบบนี้พวกเขาก็โจมตีมันไม่ได้
อิงศรพยายามบอกเล่าเรื่องนั้นด้วยสายตาพร้อมกับพูดว่า
“ปล่อยซักทีสิ
เราไม่มีเวลาแล้วนะ”
เมษายอมปล่อยแต่โดยดี
คงจะเข้าใจความหมายที่สื่อไปทางสายตาเมื่อครู่
กวินทร์ช่วยฉุดให้มีนาลุกขึ้นยืนแล้วทั้งคู่ก็ตามมาสมทบ
จากนั้นอิงศรก็แตะมือไปที่ผนังดินแล้วประกาศใช้สกิล
“ดีฟไดรเวอร์ (Deep Driver)”
มือถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีเขียว
อิงศรใช้มือนั้นขุดผนังดินลึกเข้าไปจนเกิดโพรงทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
และด้วยพลังของสกิลทำให้การขุดดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
“พี่ศรครับสกิลนี่”
กวินทร์ตั้งใจถามด้วยความสงสัย
แต่มีนาก็ชิงตอบเสียก่อน
“ดีฟไดรเวอร์สกิลของบิลด์คลาสฮันเตอร์
ทำให้เดินทางใต้ดินได้น่ะค่ะ”
“ใช่
เราจะมุดไปข้างหลังมันแล้วชิงตัวประกันคืนเพราะงั้นเงียบๆ หน่อยเดี๋ยวมันจะรู้ตัว
ตอนนี้ท่าที่มันยิงมาคงหายไปหมดแล้ว อีกไม่นานมันก็จะรู้ว่าเราหนีลงมาข้างล่างนี่ ต้องชิงโอกาสมาก่อนที่มันจะรู้ตัว”
อิงศรสรุปให้แบบรวบรัดเพราะไม่อยากให้พวกมีนาพูดคุยกันจนเกิดเสียงที่จะทำให้ศัตรูรู้ตัวซะก่อน
ฝั่งบนพื้นดิน
มนุษย์ต่างดาวขยับตัวเข้าไปใกล้อาณาเขตกับดักที่เพิ่งจะหมดฤทธิ์ไประหว่างที่พายุเศษหินดำเนินอยู่
ทันทีที่เห็นหลุมลึกใต้แอ่งก้นกระทะ
มนุษย์ต่างดาวก็ปรับสัมผัสของตนในทันที
สัมผัสเหนือมนุษย์ที่หากรวบรวมสมาธิเพ่งไปที่การรับฟังก็จะสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงความเคลื่อนไหวที่ใต้พื้นดินลึกหลายสิบเมตรได้
จากใต้ดินมีเสียงสะท้อนของการขุดและการปีน
บางอย่างกำลังขุดโพรงใต้ดินมุดเข้ามาที่ใต้เท้า
แต่ถึงจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว
พื้นที่มนุษย์ต่างดาวเหยียบอยู่ยุบตัวลงกะทันหันและนำไปยังโพรงใต้ดินที่อิงศรขุดเอาไว้
แต่ก่อนจะตกลงไปในโพรงนั้น
“เทเลพอร์ท ! (Teleport)”
หัวไม้เท้าของมนุษย์ต่างดาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่างก็อันตรธานหายไปในพริบตา
เหลือแต่เด็กหญิงที่เป็นตัวประกันเท่านั้นที่ตกลงไปในโพรง
แต่อิงศรก็รับไว้ได้แล้วพาขึ้นมาบนพื้นพร้อมกับพวกเมษาที่ตามมาทีหลัง
มนุษย์ต่างดาวที่หายตัวไปกะทันหันได้ปรากฏตัวอีกครั้งยังจุดที่ไกลออกไปจากเดิมหลายสิบเมตร
สกิลที่ใช้เมื่อครู่เป็นสกิลสำหรับเคลื่อนย้ายในพริบตา...
แต่ก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว
ตอนนี้พวกเขาได้ตัวประกันคืนมาแล้วจากนี้ไปการโจมตีเต็มรูปแบบก็จะเริ่ม...
“มหาเขตแดน
ตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิล (Gleipnir) ”
หัวไม้เท้าของมนุษย์ต่างดาวเปล่งแสง
จากนั้นวงเวทย์อาคมก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของอิงศร
โซ่ตรวนแสงพุ่งขึ้นมาจากวงเวทย์แล้วมัดตัวเด็กหนุ่มไปพร้อมกับตัวประกันที่ช่วยมา
“พี่ศร!”
กวินทร์จะเข้าช่วย
แต่พอขยับเท้าแล้วกลับไม่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย
เท้าขยับไม่ได้...
พอก้มลงมองพื้นก็เห็นว่าเท้าถูกตรึงไว้อีกครั้งด้วยแสงของวงเวทย์ที่แผ่ขยายซ้อนทับวงเวทย์ที่สร้างโซ่ตรวนมัดอิงศรไว้
เมษากับมีนาก็ติดกับดักนี้เช่นกัน
อาณาเขตของมันกว้างไกลแทบจะล้อมลานเด็กเล่นทั้งหมด
“กับดักอีกแล้วเรอะ!”
เมษาสบถ
มนุษย์ต่างดาวพูดด้วยความสะใจ
“ ’มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิล’ น่ะมันจะสร้างอาณาเขต
‘มหาเวทพันธนาการแห่งอันโดรมิด้า’ ซ้อนออกมารอบตัวมันด้วยรู้ไว้ซะเจ้าพวกชาวโลกหน้าโง่”
แล้วเรียกพวกชั้นศิษย์ที่ควรจะซุ่มรออยู่ให้ออกมาอีกครั้ง
“เฮ้ย!
พวกแกจะรออีกนานแค่ไหนรีบออกมาจัดการพวกมันได้แล้ว”
แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีตนไหนโผล่ออกมาเลย
แล้วอิงศรก็เอ่ยปาก
“ถ้าถามหาพวกที่ซุ่มอยู่แถวนี้ล่ะก็เสียใจด้วยนะชั้นเพิ่งเขี่ยทิ้งไปก่อนแกจะมาที่นี่ซะอีก”
อิงศรพูดความจริง...
มนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์ที่ไม่มีคนคอยสั่งการแถมยังเลเวลต่ำกว่าย่อมไม่ต่างอะไรกับสัตว์เทวะ
เพียงแค่ใช้หัวคิดซักหน่อยก็จัดการได้ไม่ยาก
...อิงศรกล่าวต่อไปว่า
“ไอ้ชั้นน่ะนะมั่นใจเรื่องกับดักมากเลยล่ะ”
พอพูดออกไปแบบนั้นมีนาก็โพล่งขึ้นมาทันที
“หรือว่า...มีทางแก้กับดักนี่ได้ใช่ไหมคะ”
แล้วก็รู้สึกได้ถึงสายตาคาดหวังจากทั้งสามคน
“...แต่ก็แก้กับดักอันนี้ไม่ได้”
รู้สึกได้อีกว่าสายตาคาดหวังได้เปลี่ยนเป็นความผิดหวังรวมทั้งหนึ่งในนั้นก็มีสายตาเหยียดหยามปนมาด้วย
แต่อิงศรก็ไม่ได้คิดสนใจ
มนุษย์ต่างดาวหัวเราะหยามน้ำหน้าเขาที่ยอมแพ้ให้กับกับดักผนึกเขตแดน
“ฮะๆๆ
เป็นไงล่ะชาวโลกหน้าโง่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะแต่กับดักเวทมนต์นี้ไม่มีทางแก้ได้หรอกนะ”
“ใช่มันสมบูรณ์แบบมาก”
อิงศรพูดเสริมแต่ไม่ได้พูดแค่นั้นเขายังพูดต่อไปว่า
”เพราะงั้นชั้นก็เลยไม่แก้มัน”
ทันใดนั้นที่เท้าของมนุษย์ต่างดาวก็มีเถาวัลย์ผุดงอกทะลุพื้นซีเมนต์ขึ้นมารัดพันขาเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
มนุษย์ต่างดาวตกใจสะดุ้งจะร้องผวาออกมา...
แต่กลับไม่มีเสียง
“…”
อิงศรยิ้มใบหน้าแสดงความเจ้าเล่ห์
แล้วกล่าวว่า
“เพราะความสมบูรณ์แบบของมันช่วยทุ่นแรงให้ชั้นวางกับดักเอเลี่ยนจองหองอย่างพวกแกได้ง่ายขึ้นเยอะเลยยังไงล่ะ
ที่ตรงนั้นที่แกยืนอยู่เป็นเขตที่พ้นจากกับดักทั้งหมดของแกแล้วใช่ไหมล่ะเพราะงั้นชั้นก็เลยเอากลาสแทร็ป
(Grass Trap) ไปวางปูพรมตรงนั้นไว้ซะทั่วน่ะ”
แต่แล้วเมษาก็พูดแทรกเข้ามา
“ว่าไงนะ!
วางปูพรมหมด! ถ้าพวกชั้นไม่ได้โดนกับดักนี่ก็จะวิ่งไปโดนกับดักของแกแทนอ่ะเด้!”
ในสถานการณ์เช่นนี้ควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี?
เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์ในทีมต้องมัวหมองไปมากกว่านี้
ควรตอบคำพูดนั้นไปตามอารมณ์ความรู้สึกดีไหมหรือควรตริตรองคำพูดเสียก่อน
"..."
ไม่ว่าจะเลือกตอบอย่างไรเขาก็ไม่อาจเดาทางของเมษาถูกอยู่ดี
ถ้าอย่างนั้นไม่พูดอะไรไปเลยน่าจะดีกว่า
“...”
ปฏิกิริยาของทุกคนเหมือนจะรอให้เขาตอบอะไรซักอย่างแต่การพูดตอบโต้ถูกตีความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ความขัดแย้งเกิดหนักข้อขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม
ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูดมันเสียเลยดีกว่า...
อิงศรคิดเช่นนั้นแล้วกล่าวต่อจากที่ค้างเอาไว้
“กลาสแทร็ปจะแสดงคุณสมบัติพิเศษออกมาตามสภาพแวดล้อมของจุดที่วางมันไว้
บนพื้นแข็งจะทำให้เกิดสภาวะผิดปกติที่ทำให้ออกเสียงไม่ได้ ”
พอทำอย่างนั้นไปเมษาก็แย้งเข้ามาอีกแถมเสียงดังกว่าเดิม
"นี่แก...ทำเมินกันเหรอเฮ้ย!"
มีนาพูดเสริมเข้าไปอีกว่า
"มันใช่เวลามาเถียงกันไหมคะเนี่ย"
มีแต่กวินทร์ที่ไม่ได้พูดแสดงความเห็น
"..."
เพียงแต่ปั้นหน้ายิ้มเจื่อนเหมือนกับมองเห็นอะไรบางอย่างจากบทสนทนาแสนงุ่มง่ามพรรค์นี้
ฝ่ายมนุษย์ต่างดาวเริ่มฟาดไม้ฟาดมือ
ส่งเสียงอู้อี้เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะสภาวะผิดปกติที่ติดจากกับดักทำให้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
“…”
สรุปก็คือสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีใครกำลังได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
เพราะฝ่ายมนุษย์ต่างดาวก็เป็นสายอาชีพที่ต้องอาศัยการร่ายคาถาประกอบการใช้สกิล
การพูดไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับกลายเป็นคนพิการแขนขา แต่พวกเขาที่ติดกับดักเขตแดนอยู่ก็ขยับไปไหนไมได้เหมือนกัน
แม้แต่อิงศรที่เป็นอาชีพสายโจมตีระยะไกลก็ถูกมัดด้วยโซ่จนมือใช้การไม่ได้
แต่ความแตกต่างเริ่มเผยให้เห็นออกมา
เมื่อเถาวัลย์ที่รัดขาของมนุษย์ต่างดาวทำท่าจะคลายออก
“คุณอิงศรคะ
เวลาของกับดักมันอยู่ได้นานแค่ไหนกันคะเนี่ย”
มีนาถามสีหน้าตื่นตระหนก
อิงศรตอบคำถามด้วยทีท่าสงบเช่นเดิม
“อันนี้เป็นแบบเลเวลสกิลเต็มก็ประมาณสามสิบวินาที”
“ก็แปลว่ามันจะคลายออกก่อนที่ผนึกเขตแดนจะหายไปน่ะสิคะ
ถ้างั้นเดี๋ยวฉันโจมตีเอง”
ถึงจะขยับเท้าไม่ได้แต่มือยังคงใช้การได้ตามปกติ
มีนาเงื้อจอบขึ้นหมายจะเรียกเนโครดราก้อนออกมา
แต่จะรอให้เธอเรียกจนเสร็จแล้วค่อยโจมตีก็เห็นจะไม่ทันการ
ดังนั้น...
อิงศรหันไปพูดกับกวินทร์ว่า
"กวินทร์"
เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวเบาๆ
เมื่อถูกเรียก
"อะ...ครับ?"
"...เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัส"
กวินทร์ตีหน้ามึนไปชั่วขณะ
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอิงศรถึงพูดอย่างนั้น
...ไม่เข้าใจในที่นี้
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความหมาย เพราะ ‘เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัส’ เป็นชื่อสกิลหนึ่งที่เขามี
แต่หากใช้จากระยะนี้การโจมตีก็ยังไปไม่ถึงมนุษย์ต่างดาวอยู่ดี
ตอนนั้นเองคำพูดของอิงศรก็ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดเป็นที่กระจ่าง
“ฝนตกอยู่ไม่ใช่รึไง”
กวินทร์ทุบมือดัง
ปึก!
"จริงด้วยถ้าฝนตกระยะโจมตีจะเพิ่มขึ้น"
แล้วชักดาบที่เหน็บไว้ข้างหลังออกมา
ไถลมือไปกับตัวดาบพร้อมป่าวประกาศชื่อสกิล
“ฟรอสเบลด (Frost Blade)”
น้ำแข็งก่อตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับมือ
บันดาลให้ดาบกลายเป็น ‘ดาบน้ำแข็ง’
กวินทร์ควงดาบสองสามทีพร้อมกับร่ายคาถา
"ขอหิมะจงแหลมคม
สายลมจงหมุนวน ก่อเกิดพยุหะฝนน้ำแข็งทิ่มแทงถล่มปฐพีจนกว่าสรรพสิ่งจะราบพนาสูญ
เอดจ์ออฟไดมอนด์ดัส (Edge of Diamond Dust)"
ปิดท้ายด้วยการแทงดาบไปด้านหน้า
ผิวน้ำแข็งที่เกาะบนใบดาบกะเทาะแตก
สายลมกรรโชกกระหน่ำพัดมาจากทางด้านหลัง
สายลมหมุนวนพัดเอาเศษน้ำแข็งพุ่งตรงไปข้างหน้า
เศษน้ำแข็งได้รับฝนจึงขยายตัวเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมคมและพุ่งออกไปไกลกว่าระยะทางที่คาดคะเน
แท่งน้ำแข็งหมุนวนไปตามแรงลมเปรียบดั่งหัวสว่านที่พร้อมเจาะทะลวงทุกสิ่งที่ขวางหน้า
การโจมตีลอยไปถึงตัวมนุษย์ต่างดาว แท่งน้ำแข็งเสียบทะลุร่างท้วม
ไอเย็นจากแท่งน้ำแข็งทำให้ร่างกายขยับไม่ได้แต่ก็ไม่ตายในทันที
การโจมตีนี้หวังเพียงเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูเท่านั้น
Phosphorus
Lv. 50
[/////
3400:6100 /....]
"เนโครดราก้อน
สเตโกซอมบี้"
มีนาฟันจอบลงบนพื้นเรียกเนโครดราก้อนที่ตั้งใจจะเรียกอยู่นานออกมา
"ยิงเลยค่ะ
มิสไซล์หนาม !"
แล้วพูดพลางสะบัดมือไปข้างหน้า
เนโครดราก้อนส่งเสียงร้องแหลมสูง
แผ่นเกล็ดบนหลังเรียงตั้งและยิงออกไป
แผ่นเกล็ดพุ่งตัวเป็นแนววิถีมิซไซล์
เมื่อตกกระทบถูกพื้นก็เกิดระเบิดต่อเนื่อง ตูมๆๆๆ
ฝุ่นควันจากการระเบิดปกคลุมบริเวณโดยรอบบดบังทัศนวิสัยโดยสมบูรณ์เหลือแต่หน้าจอแสดงแถบพลังชีวิตของศัตรูที่ลอยเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมอกควัน
Phosphorus
Lv. 50
[.....
0:0 .....]
ความคิดเห็น