ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #24 : Login 22 : ฝนที่ไม่หยุดตก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      55
      7 ก.ย. 59

    Login 22 : ฝนที่ไม่หยุดตก 

     

                เมื่อแถบพลังชีวิตของของมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นว่างเปล่ามีนาจึงสั่งให้เนโครดราก้อนหยุดการโจมตี

                เนื่องจากฝนตกอยู่จึงใช้เวลาไม่นานฝุ่นควันก็จางลง หากการโจมตีเกิดขึ้นบริเวณพื้นดินที่ไม่ใช่ลานซีเมนต์แห่งนี้แล้วล่ะก็น้ำโคลนคงจะสาดกระเซ็นไม่ต่างจากสายฝนในตอนนี้

                เศษซากที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่หน้าจอแสดงพลังชีวิตหายไป ก็มีแต่เศษผ้ากับชิ้นเนื้อที่หลงเหลือจากการระเบิด แต่มันก็กลายเป็นปรอทแล้วละลายรวมเข้ากับน้ำฝนที่ค้างขังบนพื้นไป

                เมื่อเจ้าของอาคมตายลงเขตแดนพันธนาการก็สลายตัว ปลดปล่อยอิงศรและพรรคพวกเป็นอิสระ

                ทันทีที่หลุดจากพันธนาการ อิงศรรีบคว้าตัวของเด็กหญิงที่ถูกมัดพร้อมกับเขาเอาไว้ก่อนที่เธอจะล้มหัวฟาดพื้น

                จบลงแล้ว....

                พวกเขาเป็นฝ่ายชนะแถมยังไม่มีใครตายตามที่เมลล์บอก...

                หนนี้ทำสำเร็จอย่างนั้นหรือ?

                เขาช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ?

                เพื่อให้มั่นใจ หน้าจอข้อความถูกเปิดอ่านในทันที

                ตัวเลขเวลานับถอยหลังกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว... 

                แต่พวกมีนายังมีชีวิตอยู่...

               ภาพถ่ายยามสิ้นชีพที่จะแสดงขึ้นมาหลังนับถอยหลังจบกลายเป็นรูปสีขาวว่างๆ ที่ไม่มีอะไรเลย

               

                "สำเร็จ!!" "สำเร็จ!!"

                เสียงเฮของมีนากับกวินทร์ดังมาจากทางด้านหลังและดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน

                อิงศรถอนหายใจ  รู้สึกโล่งราวกับได้ยกภูเขาออก 

                จากนั้นจึงหันกลับไปเห็นทั้งสองกำลังแปะมือแสดงความยินดี ใบหน้ายิ้มแย้มปลื้มปิติในความสำเร็จครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา  เว้นแต่เมษาเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าอมทุกข์ สายตามองไปทางอื่นราวกับมีเรื่องทำให้ขัดใจ

                ...ท่าทางว่าชายคนนี้จะมีความหยิ่งผยองมากกว่าที่คิดไว้ หากปล่อยไป ในระยะยาวย่อมไม่เป็นผลดีต่อการร่วมมือกันในทีม

                ....แต่ก็ทำอะไรกับความรู้สึกของคนไม่ได้อยู่แล้ว.... อิงศรคิด

                ดังนั้นจึงล้มเลิกที่จะจูงใจเมษา

                “ว่าแต่พวกนายไม่บาดเจ็บกันใช่ไหม?”

                คำถามเพื่อตรวจสอบสภาพของทีมว่าพร้อมสำหรับภารกิจหลักแล้วหรือยัง แบบอ้อมๆ ดูท่าว่าพวกเขาจะลืมเรื่องที่มาเก็บเลเวลกันไปสนิทใจแล้ว

                มีนาทำตาโตเล็กน้อย แต่ไม่ใช่สายตาแสดงความตกใจอะไรอย่างนั้น ก็แค่ทำท่าประกอบมุกล้อเลียนแบบปกติของเธอเอง

                “เอ๋! ๆ คุณอิงศรก็เป็นห่วงด้วยเหรอคะเนี่ย

                “เปล่า แต่ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาเราจะเสียเวลาเก็บเลเวลกันก็เท่านั้นเอง

                “จริงเหรอ~”

                อิงศรพยักหน้าตอบคำถามนั้น

                “ไม่มีอะไรจะจริงยิ่งไปกว่านี้แล้วล่ะ

                “ปากไม่ตรงกับใจนะคะเนี่ย

                “ช่างเถอะ ว่าแต่

                “หือ ?”

                อิงศรมองไปทางกวินทร์ที่ไม่ได้เข้าร่วมการสนทนา มองไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม

                “หน้าผากนายเลือดไหลนี่

                กวินทร์แตะแผลบนหน้าผากของตัวเอง เลือดไหลออกมามากพอสมควร

                “คงจะโดนบาดเอาตอนที่ถูกจู่โจมด้วยพายุหินล่ะมั้งครับ

                เด็กหนุ่มดูเลือดในมือแล้วปล่อยแผลเอาไว้โดยไม่ทำอะไร

                เพราะถึงไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวมันก็จะหายไปเอง พลังฟื้นตัวของมนุษย์ในโลกหลังการล่มสลายมันสูงถึงขนาดนั้น ต่อให้เจอหนักกว่านี้ถ้ารอดชีวิตมาได้บาดแผลก็จะหายไปเองอยู่ดี อวัยวะที่ขาดที่เสียไปในการต่อสู้ก็จะฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ

                ดังนั้นมนุษย์จึงเพิกเฉยกับบาดแผลนับแต่นั้นมา จนบางทีก็หลงลืมไปว่านี่ไม่ใช่เกมแต่ยังเป็นชีวิตจริงที่โอกาสแค่หนเดียว

                อิงศรฝากเด็กหญิงที่ยังคงไม่ได้สติเอาไว้กับมีนา จากนั้นก็ล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อด้านในแล้วหยิบม้วนผ้าพันแผลขึ้นมา

                “ทำแผลซะ

                พลางคลี่ม้วนผ้าพันแผลออก

                แต่กวินทร์กลับทำท่าจะปฏิเสธ

                “เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ครับแค่ปล่อยไว้...

                “ถ้าเลือดไหลจนสมองตายขึ้นมาเท่ากับเกมโอเวอร์นะ

                “หา?!”

                กวินทร์ทำท่าตกใจกับคำขู่นั้น แล้วยื่นหน้าผากให้ทำแผลในทันที

                “ถ้างั้นขอรบกวนด้วยครับ!

                อิงศรดึงผ้าพันแผลกดทับมันลงบนหน้าผากของกวินทร์อย่างเบามือที่สุด วนพันผ้ารอบศีรษะครบสองรอบแล้วชักดาบสั้นที่ออกจากฝักเหน็บเอวไว้ตัดปลายผ้าพันแผลจากนั้นก็มัดปลายเข้าด้วยกันเป็นปม


              ว่าแต่ว่าคุณอิงศรเนี่ยทั้งวางกับดัก ทั้งกำจัดลิ่วล้อพวกมนุษย์ต่างดาวไปหมดแบบนี้แต่กลับโผล่ออกมาได้จังหวะแบบสุดๆ นี่แสดงว่าแอบซุ่มดูพวกเราถูกเล่นงานอยู่แล้วหาจังหวะเข้ามาแบบเท่ๆ จะได้กินใจเมษาใช่ไหมคะ

               จู่ๆ มีนาก็พูดขึ้นมาอย่างนั้น

                พอเมษาได้ยินเข้าก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้วหันมามอง

                แต่อิงศรก็แย้งกลับไปว่า

                ทำไมชั้นจะต้องลำบากลำบนเพื่อคนๆ เดียวด้วยเล่า ลองคิดดูนะถ้าชั้นออกมาฉะกับมันเลยตั้งแต่ตอนที่พวกเธอมาถึงที่นี่มันก็จะระวังตัวมากขึ้นทำให้กับดักที่วางไว้เสียเปล่าหมดสู้ปล่อยให้มันเข้าใจไปว่าเราเข้าไปติดกับมันยังจะง่ายกว่าอีกจริงไหม

                แล้วกวินทร์ก็แทรกขึ้นมา

                อ๋อ ใช่ที่เขาเรียกว่าจะหลอกพวกเดียวกันต้องหลอกศัตรูก่อนใช่ไหมครับ

                จะหลอกศัตรูต้องหลอกพวกเดียวกันก่อนต่างหากค่ะ

                มีนาพูดแก้ให้พลางส่งเสายตาอือมระอากับความเดียงสาของกวินทร์ แต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่ได้สนใจกับเรื่องนั้น

                พอทำแผลให้กวินทร์เสร็จ มีนาก็อมยิ้มแล้วกล่าวว่า

                “เข้าใจขู่เด็กนะคะทั้งที่แผลแค่นั้นไม่ได้หนักหนาถึงขนาดที่ว่าแท้ๆ น่ะ

                อิงศรตอบกลับไปว่า

                “ไม่ได้ขู่ซักหน่อยแค่พูดความจริงว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ก็แค่นั้นเอง

                แล้วมองหน้าผากของกวินทร์ที่มีผ้าพันแผลพันทับเอาไว้พลางนึกขึ้นมาได้

                “จริงสิแล้วผ้าโพกหัวนายล่ะ

                “เก็บไว้ในคลังน่ะครับ

                ‘คลังหมายถึงหน้าจอ Inventory แบบที่เรียกเข้าใจกันเอง พอมานึกดู วันนี้ตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อเช้ากวินทร์ก็ไม่ได้สวมผ้าโพกหัวเหมือนทุกทีแล้ว

                มีนาก็คงคิดแบบเดียวกันจึงถามว่า

                “ทำไมจู่ๆ ถึงเก็บไปล่ะคะทั้งที่ใส่มันไว้ตลอดนี่นา

                คำตอบของกวินทร์นั้นง่ายเอามากๆ

                “ก็วันนี้เราออกมาทำภารกิจกันจริงๆจังๆ มันก็เสี่ยงที่จะพังเอาได้เลยเก็บไว้น่ะครับเพราะผ้าผืนนั้นเพื่อนๆ กลุ่มเต้นเขายกให้ผมมา

                “เหรอคะ... แต่แบบนี้ดูดีกว่านะแบบเดิมมันดูเหมือนพี่แอ๊ด คาราบาวไปหน่อยน่ะค่ะ

                มีนาให้ความเห็นอย่างนั้นซึ่งก็ต้องยอมรับว่า... เขาเองก็แอบเห็นด้วยนิดหน่อย

                ผ้าโพกหัวนั่นไม่ค่อยเข้ากับหน้าของกวินทร์ซักเท่าไหร่

     

                ระหว่างที่กำลังแลกบทสนทนากันอย่างออกรสอยู่นั่นเอง

                “…”

                เด็กหญิงที่ช่วยไว้จากมนุษย์ต่างดาวก็ได้สติ เธอลืมตาแล้วจ้องมองพวกเขา

                สายตาแสดงความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน บางทีเธอคงจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่เรื่องก่อนที่จะสลบไป

                ในตอนนั้นเอง จากแนวต้นไม้ที่พวกเมษาเคยวิ่งผ่านก่อนจะมาถึงลานแห่งนี้ ก็มีเสียงดังแว่วมา

                “บ๋อมบ๋อมลูกแม่!

                มีผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงวิ่งออกมาจากแนวต้นไม้ ถ้าจำไม่ผิด เธอคือแม่ของเด็กคนนี้

                “แม่แม่~”

                เด็กหญิงขานรับเสียงของผู้หญิงคนนั้นแล้ววิ่งออกจากอ้อมกอดของมีนา ตรงเข้าไปหาผู้ที่น่าจะเป็นแม่ พวกเขากอดกันกลม ส่งเสียงร้องครางท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาราวกับฉากในหนัง

     

                จู่ๆ กวินทร์ก็พูดขึ้นมา

                “เอ๊ะ...พี่ศรตรงแก้มมัน...

                พลางแตะมือที่แก้มตัวเองเป็นเชิงใบ้ว่าตรงจุดเดียวกันนั้นมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อลองแตะไปตามนั้น ก็สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ไหลซึมออกมาจากจุดๆ นั้นรวมถึงความแสบเล็กน้อยก็แล่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

                เมื่อดูสิ่งที่ติดมือกลับมาก็พบว่ามันเป็นเลือดของเขาเอง... เกิดบาดแผลขึ้นที่แก้มข้างขวา

                “สงสัยจะโดนเศษหินบาดเหมือนนายซะล่ะมั้ง

                อิงศรพูดพลางนึกถึงตอนที่น่าจะทำให้เกิดแผลตอนที่มีความรู้สึกว่าผิวกำลังปริแตกหลังจากมีเศษหินทะลุผ่านผ้าคลุมที่ใช้กำบังแฉลบหน้าเขาไปในตอนนั้น

                “งั้นคราวนี้ก็ตากวินทร์ทำแผลให้แล้วสินะคะ

                พอมีนาพูดอย่างนั้น กวินทร์ก็ออกอาการ

                “ถ้างั้นขอยืมผ้าพันแผลหน่อยนะครับ

                แล้วเอื้อมมือมาจะคว้าผ้าพันแผลไปจากมือ แต่อิงศรชิงเก็บมันลงในกระเป๋าเสื้อเสียก่อน

                “ถ้าแค่นี้ก็ปล่อยเอาไว้เถอะเปลืองผ้าพันแผลเปล่าๆ

                พูดเสร็จก็บ่ายหน้าหนีทันทีเพราะเดาได้ว่าอีกประเดี๋ยวมีนาจะต้องหยอดคำหยอกล้อมาอีกแน่ แต่พอหันไปแล้วกลับเจอเมษายืนรออยู่

                ดูเหมือนว่าดวงตาของเมษากำลังสั่นไหว  เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก สายตามองตรงมาที่ใบหน้าของอิงศรแล้วปล่อยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

                “เอ้า! ลงโทษเลยสิ

                “ทำไม...

                อิงศรพูดได้เพียงแค่นั้น ตอนนี้iรู้สึกงงไปหมด และท่าทางว่ามีนากับกวินทร์ที่มองมาจากทางด้านหลังก็กำลังทำสีหน้าแบบเดียวกันอยู่เป็นแน่

                ทำไมถึงบอกให้ลงโทษกันล่ะ?

                ทำไมชายที่หยิ่งผยองในตัวเองถึงขนาดนั้น จู่ๆ ก็เปลี่ยนทีท่ามานั่งสำนึกความผิดเอาตอนนี้

                เมษาพูดต่อไปว่า

                “เพราะความวู่วามของชั้นเลยทำให้ทุกคนเกือบจะต้องตาย..

                เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังชั่งใจอยู่ แต่จากนั้นก็พูดต่อโดยไม่ได้เว้นช่วงนาน

                “...แล้วก็กระทั่งนายยังต้องมาบาดเจ็บเพราะชั้น...อึก

                แล้วชายผู้หยิ่งผยองก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ โดยเฉพาะกับเขาที่ถูกเกลียดขี้หน้า

                เมษาก้มศีรษะลงต่อหน้าแล้วพูดว่า

                “ชั้นขอโทษ! เพราะงั้นเชิญลงโทษตามสบายเลย

                สรุปก็คือ เจ้าตัวสำนึกผิดที่เกือบลากเพื่อนไปตายด้วย...

                แค่ตรงนั้นเท่านั้นสินะที่มีความสำนึกให้ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ขัดคำสั่งเขาวิ่งมาทำตัวเป็นฮีโร่เข้าไปเลยด้วยซ้ำ แต่ไหนๆ เจ้าตัวเขาก็ขอมาแล้ว ก็ควรจะสนองให้รวมถึงแสดงให้คนในทีมเห็นไปในตัวว่าการทำตัวออกนอกลู่นอกทางนั้นสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

                อิงศรง้างมือ

                แต่มีนากลับพูดแทรกขึ้นมา

                “เดี๋ยวก่อนค่ะ ที่เมษาทำไปน่ะเขา...

                แต่อิงศรไม่ฟังคำพูดนั้นแล้วเลื่อนมือลง...

                ...ลูบหัวเมษาอย่างเอ็นดูพลางออกปากชมว่า

                “ทำได้ดีมาก

                “เอ๋!!

                ฟังจากเสียงร้องของมีนาก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนและกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งบอกตามตรงว่าตัวเขาเองก็ออกจะทึ่งกับการตัดสินใจทำสิ่งนี้ด้วยซ้ำไป

                เมษาดึงมือออกแล้วเงยหน้าขึ้นมา

                “ไม่ต้องมาทำใจดีหรอกน่าถึงประจบคนอย่างชั้นไปก็ไมได้อะไรขึ้นมาหรอก

                แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มตัดพ้อตัวเองมากขึ้น

                “ชั้นน่ะมันเป็นตัวปัญหาใช่ไหมล่ะก็เห็นๆ กันอยู่ทำตัวน่ารำคาญ แถมยังขัดคำสั่งอีกถึงอย่างนั้นแล้ว...

                น้ำเสียงของเด็กหนุ่มสั่นเครือ และเหมือนจะได้ยินเสียงกระทบกระทั่งกันของฟัน

                “ถึงอย่างนั้นแล้วนายก็ยังมาช่วย...แถมยังช่วยจนตัวเองต้องบาดเจ็บเองอีก...

                จากนั้นก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกจากปากของเมษาอีกที่ได้ยินก็มีแต่เสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมา

                สายฝนเหมือนจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

                ราวกับจะชะล้างความหม่นหมองในใจของทุกคนในที่นี้ออกไป

                แต่คราบของความหม่นหมองก็ติดแน่นจนราวกับว่ามันจะไม่จางลงไปอีกแล้ว

     

                มีนาเริ่มพูด...

                “ก่อนหน้านี้น่ะพวกเราสองคนถูกปลดออกจากกิลด์มาครั้งหนึ่งเพราะทำภารกิจล้มเหลว แต่ก็เป็นเพราะหัวหน้าทีมในตอนนั้นเป็นคนทรยศหักหลังก็เลยแค่ให้กลับมาเรียนพื้นฐานกันใหม่ก่อนจะรับกลับเข้ากิลด์อีกครั้ง คุณอิงศรที่คล้ายกับหัวหน้าทีมในตอนนั้นเมษาเค้าก็เลยไม่ยอมรับน่ะค่ะ ที่แสดงตัวขัดขวางไปซะทุกเรื่องก็เพราะอยากให้คุณแสดงธาตุแท้ออกมา

                อิงศรนึกถึงสิ่งที่พูดคุยกับมีนาที่ร้านกาแฟในวันที่มีการส่งมอบแอพปีศาจตัวใหม่ให้เขากับกวินทร์...

                “นั่นคือเรื่องที่เธอบอกว่าเจ้านี่จะขอเป็นคนบอกกับชั้นเองอย่างนั้นน่ะเหรอ

                “ค่ะ

                “…”

                ความเงียบเริ่มแผ่ขยายเหมือนกับเม็ดฝนที่ขยายตัวเป็นก้อนน้ำร่วงหล่นลงมาอาบชะโลมกายพวกเขาอยู่ในขณะนี้

                จากนั้นอิงศรก็พูดว่า

                “เพราะนายเอาแต่ขัดคำสั่งทำให้พวกเราทำภารกิจล่าช้าเสียเวลาไปหลายชั่วโมง ถ้าพวกเราเก็บเลเวลไม่ถึงหกสิบให้ทันภายในกำหนดล่ะก็ จะมีคนอีกมากที่ต้องตาย รวมถึงคนที่ช่วยเอาไว้ในวันนี้จะต้องส่งไปที่ค่ายด้วย นั่นก็เท่ากับว่าถูกฆ่าตายทางอ้อมเหมือนกันไม่ใช่รึไง ลองดูผลงานของนายซะสิ

                แล้วชี้ไปทางที่เด็กผู้หญิงวิ่งไปหาแม่

                ตอนนี้ที่ตรงนั้นเริ่มมีคนที่ถูกทำเป็น NPC มารวมตัวกันแล้ว พวกเขาต่างมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มร่วมแสดงความยินดีกับแม่และเด็ก

                “ตายแล้วลืมสนิทเลย ต้องไปอธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาเข้าใจก่อนว่าเดี๋ยวที่ค่ายจะส่งคนมารับไปอยู่ในที่ปลอดภัยให้ แล้วก็ต้องรายงานไปที่ค่ายด้วย...

                มีนาโพล่งขึ้นมาอย่างนั้น

                “ถ้าเรื่องที่ค่าย น่ะชั้นจัดการติดต่อไปแล้วรีบไปอธิบายซะสิเดี๋ยวพวกเขาก็พลอยกลัวพวกเราไปด้วยหรอก

                “ค่า!

                แล้วมีนาก็วิ่งฝ่าสายฝนไปเพื่ออธิบายเรื่องราวกับคนเหล่านั้น

                จากนั้นอิงศรก็พูดกับเมษาต่อว่า

                “เพราะนายพวกเขาถึงได้รอยยิ้มกลับมานะ แล้วจะให้ชั้นทำโทษวีระบุรุษต่อหน้าพวกเขาได้ยังไงกัน

                เมษามองมาที่เขา สายตาเหมือนกับจะถามว่า ทำไม

                อิงศรพอจะเดาได้จึงพูดต่อไปว่า

                “นายน่ะเป็นคนกล้าหาญแถมยังรักความยุติธรรมอีก ตรงนี้ชั้นขอซูฮกให้เลย

                แต่เมษาที่ใบหน้าแดงระเรื่อกลับพูดขัดคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงเขินอาย

                “พอแล้วน่าอย่ายอกันมากนักจะได้ไหม ชักจะเขินขึ้นมาแล้วนะเนี่ย

                พลางเกาหัวแก้เขินไปพลาง

                “แต่เรื่องที่ขัดคำสั่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะ

                “อุ..เรื่องนั้นก็ขอโทษไปแล้วไง

                อิงศรไม่ได้สนใจคำโต้เถียงนั้นแล้วกล่าวเหมือนกับสั่งสอนต่อไป

                “แต่ในฐานะหัวหน้าแล้วการดึงศักยภาพของลูกน้องออกมาคือหน้าที่ของชั้นเพราะงั้นถ้าหลังจากนี้ไปช่วยฟังที่สั่งด้วยจะดีมากแค่นี้แหละ

                จากนั้นมีนาที่แยกออกไปก็เดินกลับมารวมกลุ่ม ส่วนคนที่ถูกจับไว้ก็เดินย้อนกลับตามทางที่มา

                “ชั้นสั่งให้พวกเขากลับไปรวมตัวกันที่ๆ เราเจอกันตอนแรกแล้วค่ะพวกเราเองก็ตามไปกันเถอะ

     

                อิงศรเดินนำออกไปก่อนทันที

                แต่กลับมีเสียงกระซิบกระซาบดังแว่วมาจากพวกที่เดินตามมาทีหลัง...

                “เชอะ! ทำตัววางมาดไปได้อายุเท่ากันแท้ๆ เด่อ~ ขี้เก๊ก เอ้ย!

                “แต่ก็ไม่ได้เกลียดใช่ไหมล่ะ

                “...จะลองเชื่อใจดูก็ได้

                แล้วก็มีเสียงของกวินทร์ปนเข้ามาในการสนทนา

                “ถ้างั้นต้องเก็บเลเวลให้ทันอย่างเดียวแล้วสินะครับเพื่อคนที่ช่วยในวันนี้ด้วย

                เสียงของมีนาดังตามมาว่า

                “ถ้างั้นหลังจากนี้ก็ฝากเรื่องขับรถด้วยนะคะเดี๋ยวฉันจะนอนเอาแรงระหว่างทาง

                “โอ๊ะ! เป็นความคิดที่ดีนี่งั้นหลับซักงีบดีกว่า

                “ขี้โกงนี่นาทำไมมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่ได้พักล่ะ ชักจะเหนื่อยขึ้นมาแล้วสิเนี่ย

                บทสนทนาสบายใจเฉิบนั่นยังคงดังสลับไปมาจากด้านหลังอยู่เรื่อยๆ

                อิงศรเมินมัน... ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจฟังตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องของ เมลล์ตัวจับเวลาตายซึ่งในครั้งนี้ก็รอดพ้นจากความตายที่ถูกทำนายเอาไว้ได้ นั่นหมายความว่าเรื่องที่ผู้ถูกลืมเลือนบอกเป็นความจริง

                ...ความจริงที่ว่ามันเป็นสารเตือนให้ระวังตัว แต่นั่นจะใช่ความหวังดีโดยไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงจริงๆ อย่างนั้นหรือ มันจะไม่มีค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับการที่ไปบิดเบือนสิ่งที่ถูกทำนายไว้บ้างเลยหรือ?

                ไม่เข้าใจเลย... ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ นั่นแหละ....

                ทั้งจุดประสงค์ที่ส่งเมลล์มา หรือกระทั่งวิธีการสร้างเมลล์ที่ทำนายได้อย่างแม่นยำจนเอามาใช้ทำนายได้ว่าจะหยุดยั้งความตายนั้นอย่างไร เขาไม่เข้าใจมันเลย

                อิงศรส่ายหัวแรงๆ เพื่อให้ลืมเรื่องที่คิดไปก่อน

                หยดน้ำหลุดจากเส้นผม กระจายตัวแตกซ่านกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ

                ฝนยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก...

                ทันใดนั้นเอง...

                แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่มาจากทางด้านหลัง ราวกับว่ามีกองเพลิงตั้งอยู่ตรงนั้น

                ทั้งที่ฝนยังคงตกหนักชนิดแค่วิ่งออกมาได้สองสามวินาทีก็จะเปียกปอนไปทั้งตัว แต่กลับรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหันกลับไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                พวกเมษาก็ทนต่อความสงสัยนั้นไม่ได้และหันกลับไปดูเช่นกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×