คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #100 : Login 97: FFF (1)
Login 97: FFF (1)
หลังจากตัดสินใจได้อิงศรก็เรียกหน้าจอขึ้นมาแล้วกดส่งคำเชิญให้ทุกคนมาเข้าร่วมปาร์ตี้
หน้าจอแสดงข้อความตอบรับปรากฏขึ้นต่อหน้าแล้วทุกคนก็กดปุ่มตกลง
จากนั้นปาร์ตี้ที่เกิดจากการรวมครอบครัวกับพวกพ้องก็ถือกำเนิดขึ้น
ตอนนั้นเองกวินทร์ก็รู้สึกตัวว่าซากิริกับอิซานามิไม่ได้อยู่แถวนี้อีก
"จะว่าไปคุณซากิริกับคุณอิซานามิล่ะ"
มิกซ์ที่เพิ่งมารวมตัวพร้อมกับพวกครอบครัวตอบคำถามนั้นให้
"เห็นพากันปลีกตัวไปหาที่หลบเมื่อกี้น่ะ"
สิ้นคำก็มีแชทติดต่อมาจากซากิริ
เพราะตอบสนองไม่ถูกเด็กหนุ่มจึงเบ้หน้าแล้วรับสาย
'นี่โชเน็นฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับแวริเอเบิลไนท์มาแล้วนะ'
"งั้นก็ส่งให้พี่ศรไปเถอะครับผมเอามาก็ไม่ได้ใช้หรอก"
'แล้วคิดว่าทำไมฉันต้องส่งมาให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ใช้กันล่ะฉันไม่มีชื่ออยู่ในรายการเพื่อนของเขานี่
ช่วยส่งต่ออีกทอดก็แล้วกัน'
อีกฝ่ายพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป
กวินทร์มองไปรอบๆ
พยายามหาว่าทั้งสองคนไปซ่อนกันที่ไหน
แต่บริเวณทั้งหมดถูกทำให้กลายเป็นพื้นราบที่มีแต่กองซากปรักไปหมดดูแล้วไม่มีที่ไหนให้ซ่อนตัวได้
“คงไม่ใช่ว่าหนีกันไปเลยหรอกนะ”
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข้อมูลให้กับอิงศรไปทางเมล์
เพราะโดรนเริ่มหันมาจู่โจม
ตอนนี้ทุกคนกระจัดกระจายกันไปคนละทางโดยมีระยะห่างกันพอสมควรสาเหตุก็เพราะอิงศรได้ออกคำสั่งผ่านทางแชทของปาร์ตี้ให้พวกเขากระจายตัวกันออกไปจะได้ไม่ตกเป็นเป้ารวมให้ศัตรู
จากนั้นเมล์ของกวินทร์ก็ส่งมาถึงอิงศร
เด็กหนุ่มเปิดอ่านเมล์ของรุ่นน้องระหว่างที่วิ่งไปด้วย
มันเขียนรายละเอียดของสกิลที่มนุษย์ต่างดาวกำลังใช้มีรายละเอียดครบถ้วนตั้งแต่เงื่อนไขการร่ายไปจนถึงรายละเอียดสกิลย่อยที่ได้เพิ่มมาหลังใช้สกิล
การโจมตีปกติของร่างแวริเอเบิลไนท์คือโดรนใบมีดที่ควยคุมได้อย่างอิสระ
'มาสเตอร์แวริเอชั่น' สกิลโจมตีแบบสั่งการโดรนอัตโนมัติให้ยิงกวาดล้างพื้นที่
'มาสเตอร์โพรเทคชั่น' สกิลป้องกันที่ทำงานเองอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ได้รับความเสียหายจากสกิล
'โฟรเซ่นสตาร์' สกิลที่เยือกแข็งสกิลซึ่งใช้ไปแล้วไม่ให้กลับมาใช้ได้อีก
และผลประจำตัวของสถานะแวริเอเบิลไนท์ที่จะไม่ถูกทำลายหรือหายไปรวมถึงทำให้ผู้ใช้งานไม่ได้รับสถานะผิดปกติอื่นใดระหว่างที่ใช้งาน
ไม่เพียงแค่ข้อมูลของสกิลที่ถูกส่งมาแต่ยังมีข้อมูลของแอพพลิเคชั่นปีศาจที่ถูกใช้ผสานกับแวริเอเบิลไนท์แนบมาด้วย
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่มนุษย์ต่างดาวจะใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจได้เพราะมิ่งขวัญก็เคยทำให้ดู
แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าไทเทเนียมมีความสัมพันธ์แบบไหนกับกวินทร์จึงรู้ว่าหล่อนเองก็เคยเป็นมนุษย์และตอนนี้ก็เป็นครึ่งมนุษย์กับเอเลี่ยน
แอพพลิเคชั่นปีศาจเทวทูตแห่งจุดจบ
'มาสเทม่า' ชื่อของมันเหมือนกับเทวทูตปีกหักผู้ร่วงหล่นจากสวรรค์เป็นหนึ่งในเทวทูตที่ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์เดดซี...
อิงศรข้ามการอ่านตำนานที่เขียนแนบมาอย่างไร้สาระพวกนั้นแล้วไปอ่านตรงที่เขียนสรุปเรื่องความสามารถของสกิล
...เป็นแอพพลิเคชั่นปีศาจที่มีสกิลสองอย่างในตัวเองเป็นของหายากพอๆ
กับแอพพลิเคชั่นปีศาจที่มิ่งขวัญถือครองอยู่แถมระดับยังเหนือกว่าของที่เมตไตรยใช้กันชนิดเทียบไม่ติดจนน่าสงสัยว่ามนุษย์ต่างดาวที่แพ้ทางปีศาจทำไมถึงมีปีศาจเก่งๆ
ไว้ในครอบครอง...
แต่ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเรื่องนั้น...อิงศรหยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินหน้าอ่านรายละเอียดสกิลต่อ
มันเขียนไว้ว่าระหว่างที่ใช้งานจะไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีปกติและอีกสกิลที่ใช้สั่งปิดการทำงานของเดม่อนสกิลสายเทวทูตซึ่งก็ได้เห็นไปแล้วตอนที่หล่อนใช้มันกับมิ่งขวัญ
จากนั้นอิงศรก็เปิดดูสกิลของทุกคนในปาร์ตี้ตัวเองเนื่องจากตั้งไว้ให้แชร์ข้อมูลร่วมกันได้แล้วเริ่มคิดแผนการ
“กวินทร์”
อิงศรพูดใส่หน้าจอติดต่อเฉพาะของปาร์ตี้เรียกกวินทร์ที่ตอนนี้วิ่งหนีโดรนอยู่อีกฟาก
กวินทร์รับสายทันทีที่เรียกไป
‘ครับ’
“ยังต้องใช้เวลาในการฟอร์มฟอร์เมชั่นขึ้นมาใหม่นายช่วยไปถ่วงเวลาให้ทีสิ”
‘ผมคนเดียวเลยเหรอ?’
“ยัยนั่นเป็นพี่นายไม่ใช่รึไงคนที่รู้แกวมากที่สุดมันน่าจะเป็นนายนั่นแหละแล้วก็ขวัญฟังอยู่ใช่ไหม”
เสียงของมิ่งขวัญดังแทรกขึ้นมา
‘อื้อ ฟังอยู่’
“ตอนนี้เรื่องสู้นายเก่งที่สุดเพราะงั้นไปช่วยกวินทร์ด้วย”
‘กับหมอนี่เนี่ยนะ!’
เสียงของมิ่งขวัญดังตะหวาดออกมาจากหน้าจอ
ที่จริงก็ได้ยินเสียงเหมือนตะโกนแว่วมาด้วย
จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะแห้งๆ
ของกวินทร์ก็ดังตอบโต้
‘ไงๆ
ก็ฝากด้วยนะ’
‘เอาเถอะก็น่าจะง่ายกว่าคู่กับฟูนั่นแหละ’
พอมิ่งขวัญเริ่มพาดพิงถึงคนอื่นเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงก็ส่งเสียงขึ้นมาเลย
‘ว่าไงนะพูดแบบนี้จะบอกว่าฉันเป็นตัวถ่วงรึไงฟะ’
เจ้าพวกนี้รู้จักกาลเทศบ้างไหมเนี่ย...
อิงศรที่ฟังอยู่รู้สึกเหมือนเส้นเลือดกำลังปูดที่ขมับ
‘ก็มันจริงนี่นาเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ออกบ่อย’
‘หนอยแค่เก่งขึ้นนิดหน่อยอย่าทำวางก้ามนัก...’
“เฮ้ย!!
ไอ้พวกบ้านี่สู้อยู่นะหัดทำตามที่บอกกันบ้างเซ่!”
อิงศรตะหวาดใส่หน้าจอ
เสียงที่ไปออกบนหน้าจอของคนอื่นก็ดังประสานกันจนได้ยินแว่วกลับมาเหมือนเสียงสะท้อน
ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดฟอร์เมชั่นอย่างตอนที่อยู่กับพวกพ้อง
เช่นกวินทร์ที่สู้ร่วมกันมาจนรู้จังหวะกันอยู่แล้วแถมผ่านการฝึกวินัยทหารมาด้วยกันก็ว่าไปอย่างแต่พวกครอบครัวไม่ใช่รวมถึงมิง่ขวัญที่ไปอยู่กับมนุษย์ต่างดาวเจ้าพวกนี้เคยทำงานกันเป็นทีมก็แค่ตอนที่ยังเป็นเด็กกันอยู่จะให้ปุบปับมาได้ขึ้นมาเลยคงเป็นไปไม่ได้
“…”
หลังจากตะหวาดไปแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกคิดว่าที่ทำไปคงได้ผลอยู่บ้าง
ตอนนี้ก็ใช้เวลามาพอสมควรในการวิ่งวนไปรอบศัตรูแต่ยังไม่มีใครถูกจัดการนั่นเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่าการควบคุมโดรนให้โจมตีด้วยใบมีดแสงนั้นเป็นการควบคุมโดยตรงของผู้ใช้
ดูจากการที่ไม่สามารถโจมตีใส่ทุกคนที่แยกกันไปคนละทางได้พร้อมๆ กัน
แต่ถ้ายังเสียเวลาไปมากกว่านี้สกิลมาสเตอร์แวริเอชั่นที่ใช้ทำลายอาคารหลังนี้อาจจะวนกลับมาใช้ได้อีก
มันเป็นสกิลที่เขายังไม่เห็นว่าเป็นแบบไหน
มีแต่ซากที่เหลือจากการทำลายล้างกับการสั่นสะเทือนที่ได้ยินตอนอยู่ในอุโมงค์ข้างล่างช่วยให้จินตนาการถึงการโจมตีอันรุนแรงขึ้นมา
“กวินทร์
ขวัญพวกนายคอยล่อยัยนั่นไว้ด้วยวิธีที่ฉันจะบอกนะ...”
อิงศรพูดวิธีการที่คิดเอาไว้ออกไปทั้งหมด
เมื่อทั้งสองเข้าใจแล้วก็เปลี่ยนไปคุยกับคนอื่นเพื่อดำเนินแผนต่อ
จากนั้นกวินทร์ก็วิ่งเบนออกจากเส้นทางวิ่งล้อมกรอบ
ตรงเข้าหาศัตรูพร้อมกับแกว่งดาบไฟฟ้า
"ไพโรเบลด!"
แล้วร่ายสกิลทำให้ไฟหมุนวนรอบใบดาบควบคู่ไปกับสายฟ้าพอรวมเข้ากับดาบน้ำแข็งอีกเล่มทำให้ตอนนี้มีครบทั้งสามธาตุ
"ท่าฟันสามธาตุไทรแสลช"
เด็กหนุ่มตวัดดาบน้ำแข็งตามไปและทำให้พลังงานบนดาบระเบิดออก
แต่คมดาบก็หยุดชะงักก่อนจะทันเข้าถึงตัวไทเทเนียมพร้อมทั้งเกิดแรงกระแทกสะท้อนกลับมาจนกวินทร์เท้าลอยจากพื้นถอยกระเด็นไปข้างหลัง
ไทเทเนียมเล็งจังหวะนี้เอาไว้
กวินทร์ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากการถูกสะท้อนกลับจึงกลายเป็นเป้านิ่งที่หลบไม่ได้
โดรนสามเครื่องพุ่งลงมาจากด้านบนเล็งมาที่เด็กหนุ่ม
ตอนนั้นเองมิ่งขวัญก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังของกวินทร์แล้วดึงคอเสื้อ
"ซุสนัคเคิล"
พร้อมกับร่ายสกิลเรียกสายฟ้ามาที่กำปั้นแล้ววิ่งตะลุยเข้ามาทั้งอย่างนั้น
กำปั้นปะทะเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นและสะท้อนออก
มิ่งขวัญชักหมัดกลับก่อนจะถูกแรงสะท้อนเข้าเต็มๆ ทำให้ไม่เสียหลักกระเด็น
ที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะสัมผัสได้ว่าข้างหลังมีโดรนกำลังจู่โจมเข้ามาและไม่ใช่แค่เครื่องเดียวดังนั้นจึงหลบโดยการก้มตัวลงในจังหวะที่จวนเจียนที่สุดพร้อมกับกดหัวกวินทร์ลงไปหมอบบนพื้น
โดรนลอยข้ามหัวพวกเขาไปและมุ่งหน้าต่อจนเกือบเข้าปะทะกับไทเทเนียม
แต่หล่อนก็หยุดมันไว้ก่อนและนั่นก็ทำให้อิงศรที่ดูอยู่รู้แล้วว่าหล่อนน่าจะยังโดนการโจมตีปกติของตัวเองแอพพลิเคชั่นปีศาจน่าจะไม่ได้ป้องกันการโจมตีของตัวผู้ใช้
ไทเทเนียมทำท่าตวัดมือสั่งให้โดรนที่หยุดไว้เมื่อครู่หันใบมีดลงไปสับพวกมิ่งขวัญที่หมอบอยู่...แต่พวกนั้นไม่ได้อยู่นั่นแล้ว
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ตอนที่กำลังตกตะลึงอยู่นั่นเองเงาของทั้งสองคนก็สะท้อนมาจากทางด้านหลัง
พอหันกลับไป...
“ไกอาแฮมเมอร์!”
มิ่งขวัญกำลังเหวี่ยงมือที่ประสานกันไว้และหุ้มด้วยหินทุบลงมา
ส่วนกวินทร์กวัดแกว่งดาบที่ไม่มีพลังธาตุเหลืออีกแล้วด้วยท่าทางประหลาดเหมือนกำลังร่ายรำ
ค้อนศิลาของมิ่งขวัญปะทะเข้ามาและถูกสะท้อนกลับไปเหมือนคราวที่ใช้หมัดสายฟ้า
“อ๋อ
ใช้วิธีนี้สินะ”
ไทเทเนียมพูดแล้วตอนนั้นเองมือของหล่อนก็จับแขนของมิ่งขวัญที่คลายจากสภาพค้อนศิลาไว้
“โวลคาโน่แดนซ์!”
กวินทร์กระโดดขึ้นมาในจังหวะนั้นแล้วตวัดดาบฟันลงข้างล่างพร้อมกันนั้นก็มีเปลวไฟพัดออกมาจากใบดาบตรงเข้าหาไทเทเนียม
แต่เจ้าหล่อนไม่หลบซ้ำยังวิ่งเข้าหา
“ใช้การเต้นที่ถนัดผสมกับจังหวะของสกิลที่ต้องร่ายรำเป็นเงื่อนไขนั่นสินะพลังใหม่ของนายน่ะ”
พูดแบบนั้นแล้วมุ่งตรงมาทางนี้
แถมยังลากแขนมิ่งขวัญมาด้วย
ไฟถูกสลายไปเพราะมาสเตอร์โพรเทคชั่นแล้วมือของไทเทเนียมก็ฝ่าม่านเพลิงที่สลายตัวเข้ามาคว้าเอาแขนเด็กหนุ่มไป
“ถึงตัวฉันจะไม่โดนการโจมตีจากคนอื่นแต่ถ้าเป็นการโจมตีของตัวเองก็อาจจะหลบไม่ได้เลยเสี่ยงเข้ามาสู้ประชิดตัวแล้วเล็งหลบเอาตอนที่โดรนจู่โจมมาอย่างนั้นสิ”
ไทเทเนียมยกแขนของทั้งสองคนจนตัวลอยจากพื้น
ส่วนสูงที่มากกว่าผู้หญิงปกตินั่นคงเป็นผลมาจากการกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว
หล่อนหันเหสายตาไปที่อิงศรแล้วพูดต่อจากที่ค้างไว้...
“มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหมล่ะอิงศร”
ทำไมถึงเจาะจงว่าเป็นเขา...
“นายเองสินะที่มาล้างสมองกวินทร์ของฉันแถมยังถือวิสาสะมาสร้างชุดสกิลให้อีกไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลย”
ถูกอีกฝ่ายพูดใส่อย่างดูแคลน
”เพราะมีมือสมัครเล่นแบบนาย
กวินทร์ก็เลยดึงความสามารถออกมาได้ไม่หมด...”
“ไม่ใช่!
ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
กวินทร์ตะโกนขัดคำพูนั้น
”ผมเลือกที่จะใช้สกิลแบบนี้เองต่างหาก”
พอเด็กหนุ่มพูดไปแบบนั้นมือของไทเทเนียมที่กำแขนเขาไว้ก็เหมือนจะกำแน่นขึ้น
แน่นขึ้น
แน่นขึ้น
หล่อนกำแขนกวินทร์แน่นเสียจนเสียงกระดูกลั่นดังเปาะแต่มันยังไม่ถึงกับหัก
“อ๊ากกก!!!”
เด็กหนุ่มร้องครางอย่างน่าสมเพช
“ปล่อยนะ!”
มิ่งขวัญคำรามพร้อมกับซัดลูกเตะแต่มันก็ทะลุร่างของหญิงสาวไปเหมือนเตะใส่ควัน
แล้วตอนนั้นไทเทเนียมก็หันหน้ามาพูด...
“นายเองก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอมิ่งขวัญเพราะนายเองก็ละทิ้งความเป็นมนุษย์เพื่อวิวัฒนาการมาแล้วนี่”
คำพูดนั้นทำให้มิ่งขวัญนิ่งเงียบ
“…”
เด็กหนุ่มไมได้เห็นด้วยกับคำพูดของหล่อน
เขาคิดว่าทางที่ตนเลือกนั้นแตกต่างกับที่พูดมา
แต่ตอนนี้จะพูดอะไรได้
ก็ตอนนี้เขาไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว...
“ไม่ใช่...มันไม่เหมือนกัน”
จู่ๆ
กวินทร์ก็พูดมาแบบนั้น
ฝืนกลั้นความเจ็บปวดแล้วพูดมันอย่างยากลำบาก
”ขวัญน่ะถึงจะกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวแต่เขาก็ยังไม่ยอมทิ้งหัวใจของมนุษย์เขาทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นเพื่อปกป้องใครซักคนไม่ใช่เพื่อตัวเอง”
“พูดอะไรน่าสนใจดีนี่งั้นขอดูเจ้าความต่างที่นายว่านั่นหน่อยก็แล้วกัน”
ไทเทเนียมพูดแล้วโดรนก็พุ่งลงมา
เล็งที่แขนของกวินทร์
ตัดแขนก่อนเพื่อไล่ต้อนให้ใช้สกิลรักษาออกมา
เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นพวกอิงศรก็ทำลายแวริเอเบิลไนท์ไม่ได้แล้วตอนนั้นสกิลรักษาก็จะถูกผนึกนี่คือสิ่งที่หล่อนเล็งเอาไว้สินะ...
อิงศรคิดตรึกตรองอย่างใจเย็นแม้ว่ากวินทร์จะตกอยู่ในอันตรายสุดขีดก็ตาม
ไม่จำเป็นต้องลนลานให้เสียเรื่องเพราะว่านี่ก็อยู่ในแผนเหมือนกัน
“ตอนนี้แหละ!”
เวลาได้มาถึงแล้วอิงศรก็ให้สัญญาณ
ตอนนั้นเองเน็กส์ก็โผล่เข้าไปใกล้ไทเทเนียม
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่เด็กชายได้ร่ายสกิลเอาไว้ก่อนจะโผล่ออกมาแล้ว
“วินด์วาร์ป”
สิ้นคำก็เกิดวงเวทวาดด้วยแสงสีเขียวปรากกอยู่บนพื้น
สายลมหมุนวนพัดขึ้นมาจากวงเวท
พัดลอยขึ้นไปด้านบน
***ชื่อตอนนี้มาจาก Friend + Family + Formation เลยกลายเป็น ทริปเปิลเอฟไปนั่นเอง(แป้กฝุดๆ)
ช่วงนี้อ่านแล้วอาจจะบรรยายทื่อขึ้นไม่ค่อยสละสลวยแถมตอนหนึ่งยังสั้นอีกตะหากก็ต้องขออภัยด้วยนะครับเนื่องจากช่วงนี้เข้าหน้าเทศกาลงานที่ไรท์ทำอยู่เลยรัดตัวมากจนแทบไม่มีเวลาปลีกตัวมาเขียนนิยายเลยถ้าพ้นช่วงนี้ไปได้น่าจะกลับไปเขียนในระดับเดียวกับช่วงแรกๆ ได้ สุดท้ายนี้คิดว่าถ้าเขียนทันอาจจะได้เห็นเซอไพรส์ในตอนที่ 99 ครับ***
ความคิดเห็น